คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : ประกาศเสนาธิการฝ่ายซ้าย
บารามอส
ตอนที่ 37
ประกาศป้อมอัศวิน
ห้ามไม่ให้ผู้ใดขึ้นไปดาดฟัาของป้อมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์นับจากวันนี้
ใครฝ่าฝืนจะต้องรับโทษ
เฟริน เดอเบอโรว์ เสนาธิการฝ่ายซ้าย
ประกาศแปลกประหลาดที่ไม่ได้อธิบายสาเหตุทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างสงสัยดังไปทั่วกลุ่มป้อมอัศวินมุ่งที่หน้าบอร์ดประกาศของป้อม
หลังจากที่ปีสี่ยึดป้อมอัศวินและทำหน้าที่มาได้เกือบครึ่งปี ก็ไม่มีใครกล้าหือกับท่านเสธฯซ้ายของป้อมเพราะเริ่มรู้จักอีกฝ่ายดีขึ้นว่าสืบทอดความน่ากลัวของอดีตเสธฯซ้ายมาได้ครบถ้วน
โดยเฉพาะวิธีการลงโทษแบบแปลกๆสารพัดวิธีสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฏของป้อมที่เจ้าตัวเองก็ฝ่ามาเกือบทุกกฏอยู่แล้ว
ด้วยประโยคติดปากของหัวขโมย " แน่นอนเพราะฉันฝ่ามาแล้วทุกกฏ ดังนั้น ถ้าใช้วิธีที่แย่กว่าฉัน และฉันจับได้ ก็คงรู้อยู่แล้วว่าจะต้องรับโทษแบบไหน"
ด้วยเหตุนี้ชาวป้อมอัศวินจึงไม่มีใครกล้าหือ เวลาที่มีประกาศโดยตรงของท่านเสนาธิการฝ่ายซ้าย เพราะไอเดียการลงโทษที่ทำให้ทุกคนลืมไม่ลงแบบไม่ให้เสียชื่ออาจารย์ผู้สอน (เจ้าชายโรเวน) ทำให้ป้อมอัศวินทุกคนรู้ดีว่าใต้รอยยิ้มหวานของหัวขโมยหน้าหวานนั้นน่ากลัวแค่ไหน
และด้วยกิตติศัพท์ที่เหล่าเพื่อนๆช่วยกันต่อเติม ว่าขนาดเจ้าชายแห่งคาโนวาลยังต้องยอม ทำให้ทุกคนรู้ว่าในป้อมอัศวินนี้ใครใหญ่สุด ประกาศของเสนาธิการป้อมจึงเป็นประกาศิตเด็ดขาด
ในห้องทำงานของเสนาธิการฝ่ายซ้าย แน่นอนบนเก้าอี้โต๊ะทำงานมีเจ้าชายผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้าส่อแววหงุดหงิด แต่ก็เปลี่ยนที่ทำงานจากห้องหัวหน้าป้อม มาเป็นห้องเสนาธิการฝ่ายซ้าย ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากให้เจ้าตัวยุ่งคลาดสายตา เดี๋ยวจะก่อเรื่องยุ่งอีก
ขณะที่เจ้าของห้องตัวจริงไม่อยู่เพราะติดภารกิจที่ปราสาทเอดินเบิร์ก ทำให้ท่านหัวหน้าป้อมต้องเฝ้าห้องและคุมสี่ผู้คุ้มกฏแทน
ที่มุมห้องขอทานกิตติมาศักดิ์นั่งตรวจงานจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ คุยเรื่องงานเสียงเบาๆกับรูมเมทนักบวชแห่งบารามอส
"ผมว่าท่านหัวหน้าป้อมน่าจะมานั่งอยู่ห้องนี้ตลอดหน้าร้อนนะครับ คงจะเย็นสบายขึ้นมาก"
"ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น แต่ตอนนี้นะมันหน้าหนาวนะซิบิล" อีกฝ่ายเสริมก่อนจิบชาร้อนต่อ แน่นอนตอนนี้บรรยากาศในห้องนะอบอวลไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งแสนสวย เพราะฮีทเตอร์ตัวดีไม่อยู่ทำให้อารมณ์ของท่านเจ้าชายไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่
แต่อีกมุมก็ยังคงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักฆ่าตัวดีและหวานใจเจ้าหญิงแห่งเมืองนักรบที่ยังคงมีโลกส่วนตัวกันอยู่สองคนและที่สำคัญก็ชินเสียแล้วกับอารมณ์ของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
"จริงสิซิบิลฉันวานให้นายไปส่งเอกสารเรื่องห้ามขึ้นดาดฟ้าให้พวกเสธฯขวากับไอ้พวกขุนพลพวกนั้นรู้ด้วยสิ คืนอยู่เวรพวกมันจะได้ไม่เผลอขึ้นไป" คิลหันไปบอกเพื่อน นัยน์ตาแพรวพราว
"ได้สิ" ซิบิลรับคำก่อนรับเอกสารเดินไปห้องเสนาธิการฝ่ายขวาอย่างรวดเร็ว
"คุณคิล ไปใช้คุณซิบิลอย่างนั้นได้อย่างไรค่ะ" เรนอนทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วย
"โธ่ฉันช่วยเปิดโอกาสให้มันได้ออกจากมุมน้ำแข็งไปหาหวานใจต่างหาก" คิลแก้ตัวทันที
"อ้อไดแอนนะเหรอค่ะ จริงสิน้องเขาเป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลคู่กับเจ้าหญิงวิเวียนนี่" เรนอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"ให้มันได้ไปทานขนมหวานดีกว่านั่งแข็งตายอยู่แถวนี้นะ" โรเสริมด้วยรอยยิ้มปนขบขัน
ทั้งสามเริ่มจับกลุ่มคุยต่อทันที แน่นอนหัวข้อก็ไม่พ้นบุคคลอันไม่อยู่ในห้อง เริ่มด้วยเรื่องของคนใกล้ตัว ตอนงานเลี้ยงเต้นรำของปราสาทขุนนาง ที่โรโดนเจ้าชายอาเทอร์โฉบพาไปเป็นคู่เต้น ทำให้ซิบิลต้องขาดคู่เต้น ส่งผลให้ได้เต้นรำกับไดแอนที่คู่ควงไปทำธุระและฝากเพื่อนร่วมป้อมให้ดูแลแทนสักพัก
ทำให้ทั้งคู่ได้คุยกันอย่างถูกคอ ไดแอน คีตัน เดอท์ฮีลเลอร์ออฟบารามอส สาวน้อยหน้าหวานผมสีทอง ดวงตาสีดำกับความสามารถในเชิงดาบบวกกับความสามารถในการเยียวยาที่ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่โซมาเนีย ทำให้เจ้าตัวค่อนข้างป็อบปูล่า แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้มาติดใจกับซิบิลได้ ยังเป็นปริศนาที่ทุกคนในป้อมอยากรู้เป็นที่สุดว่าท่านักบวชหน้าหวานผู้แสนจะเรียบร้อยใช้วิธีการใดในการจีบ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ชักช้าจนน่าขัดใจเหมือนใครบางคนแถวๆนี้
ดวงตาสีฟ้ามองดูพรรคพวกที่จับกลุ่มคุยกัน ก่อนถอนหายใจยาว ตั้งสมาธิกับงานเอกสารตรงหน้าต่อ แต่สักพักก็อดคิดไม่ได้ว่า ไอ้หัวขโมยจอมยุ่งจะทำอะไรกันแน่
ด้วยเรื่องเมื่อสิบวันก่อน เหยี่ยวเวทของรุ่นพี่ลูคัสส่งจดหมายและของฝากมาให้รุ่นน้องแสนรัก ด้วยกลิ่นไอที่ไม่ค่อยชอบมาพากล ทำให้คาโลต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ว่ารุ่นพี่รุ่นน้องปีศาจคู่นี้จะก่อเรื่องวุ่นวายอะไร แน่นอนเขาก็แอบส่งข่าวให้รุ่นพี่ลอเรนซ์รู้เรื่องพฤติกรรมประหลาดน่าสงสัยนี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากว่าจะจับตาดูเจ้าซาตานเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษเช่นกัน
แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการซักอะไร เฟรินก็ไม่ยอมเล่าเรื่องในจดหมายให้เขาฟังสักที แถมจะแอบอ่านก็ไม่ใช่วิสัยของเขาอีก ที่สำคัญไอ้หัวขโมยตัวดีก็ซ่อนของได้เก่งจนเขาไม่สามารถแอบอ่านได้ถนัด จึงต้องมานั่นหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนี้
สุดท้ายเรื่องคาใจก็คงไม่พ้นประกาศประหลาดฉบับล่าสุดนี้ที่มันไม่ยอมอธิบายเหตุผลให้เขาว่าจะทำอะไร บอกแต่ว่าขออนุญาติมหาปราชญ์แล้วว่าจะใช้ดาดฟ้าของป้อมอัศวินสักหนึ่งอาทิตย์
ด้วยข้ออ้างว่ามหาปราชญ์อนุญาติแล้ว หัวหน้าป้อมอย่างเขาจะไปมีสิทธิขัดขวางอะไรมันได้ เขาก็เรื่องต้องมานั่งทำงานอยู่ในห้องเจ้าตัวดี แต่ก็เหมือนนกรู้ มันหลบหน้าเขาไปปราสาทเอดินเบิร์ก อ้างว่าต้องไปช่วยอาจารย์เจ้าชามัลจัดการเรื่องหมากกระดานเกียรติยศที่จะจัดในเดือนหน้า
แน่นอนแม้แต่เขามันก็สั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไปดาดฟ้าเหมือนกัน ด้วยข้อแม้แสนประหลาด ถ้านายขึ้นไปข้างบนดาดฟ้าฉันจะลงโทษนายด้วยการจูบนายกลางห้องอาหารดรากอนแน่นอน แค่นี้ข่าวลือก็สะพัดไปทั่วแล้วว่าเขาสองคนเป็นคู่โฮโม และเขาก็จนใจจะแก้ไขความจริงแล้วจนต้องปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีใครมากล้าจีบไอ้ตัวดีให้เขาหงุดหงิดหัวใจ
เสียงเปิดประตูและร่างโปร่งบางของหัวขโมยเดินเข้ามาในห้องทำให้วงสนทนาหยุดทันที ดวงตาทุกคู่มองดูท่านเจ้าของห้องที่พึ่งเข้ามาใหม่
"การประชุมเป็นไงมั่ง" โรถามเปลี่ยนเรื่องทันที
"ก็เหมือนเดิมแต่ทำไมห้องมันเย็นอย่างนี้น่ะ" หัวขโมยถามอย่างสงสัยมองดูตัวการที่ส่งสายตาเย็นเฉียบมาให้
"ก็นายไม่อธิบายเหตุผลสักทีว่าใช้ดาดฟ้าทำอะไร" หลังคิดมาหลายคืนจนในที่สุดก็อดถามครั้งที่ร้อยไม่ได้
"ก็ได้ ถ้านายอยากรู้ ฉันก็แค่ช่วยรุ่นพี่ลูคัส ปรุงยาที่ต้องอาบแสงจันทร์เจ็ดคืนก็เท่านั้น ไม่ได้มีลับลมคมนัยอะไรหรอกน่า ไม่เห็นต้องคิดมากอะไรเลย" เฟรินบ่นอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก
"ยาอะไร" ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างไว้ใจเท่าไร
"ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่คิดจะให้นายกินหรอก" ดวงตาสีน้ำตาลมองสบอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
"ขอบใจ" เจ้าชายแห่งเมืองนักรบเข้าใจทันทีว่ามันคือยาอะไร เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายยอมเสียสละเพื่อเขา ส่งผลให้เขาเลิกถามทันที
"นายเข้าใจก็ดีแล้ว เพราะรุ่นพี่ลูคัสถูกคิงริชาร์ดขอร้องให้เข้าพิธีแต่งงานปีหน้านะ" เฟรินอธิบายเพิ่มเติม
"คิงอ้วนนั่นจะสละบันลังก์แล้วเหรอ" คิลถามอย่างสนใจกับประเด็นใหม่
"ก็เพราะไปเห็นคิงกาเบรียลที่สนุกกับฮาเร็มส่วนตัวแล้วอิจฉานะสิ" โรเสริมยิ้มๆ อดเห็นใจคิงใหม่แห่งซาเรสไม่ได้ที่ตอนนี้งานยุ่งจนไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเขาที่เอดินเบิร์กบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน
"อ้อ เพราะงั้นก็เลยว่าจะไปหาความสุขด้วย โดยการโยนภาระมาให้ลูกแทนสินะ" คิลพยักหน้าอย่างเข้าใจอย่างถ่องแท้
ป้อมอัศวินจึงได้เปิดประเด็นการนินทาเบื้องสูงต่ออย่างสนุกสนานทันที เสริมด้วยเกล็ดเล็กเกร็ดน้อยจากขอทานแห่งทริสทอร์เป็นระยะ โดยที่ท่านนักบวชแห่งบารามอสยังคงส่งเอกสารไม่เสร็จตลอดเย็น
ในห้องเสนาธิการฝ่ายขวา ท่านเสธฯกำลังปรึกษางานยุ่งกับท่านขุนพลคู่ใจ
"ฉันว่างานที่มหาปราชญ์ให้ไปทำ นายไปด้วยกับฉันดีไหมโคลว์" เสียงอ่อนโยนปนอ้อนบอกคนในอ้อมแขนที่นั่งอยู่บนตัก
"ก็ได้" เสียงหวานของหญิงสาวผมสีน้ำตาลตอบรับ แน่นอนว่าเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง กัสขอร้องให้เธอถอดแหวนออก
"แต่ตอนเดินทางใส่แหวนอย่างเก่านะ" เสียงเข้มออกคำสั่งต่อ
"อยู่แล้ว" เสียงตอบรับอย่างเห็นด้วย และได้รางวัลเป็นจุมพิตแสนหวานเป็นการตอบแทน
นอกห้องสาวน้อยหน้าหวานกำลังรับรองแขกด้วยขนมและน้ำชาและรอยยิ้มหวาน
"รุ่นพี่พอจะทราบเหตุผลของประกาศนี้ไหมค่ะ" นักเยียวยาสาวถาม
"ไม่รู้หรอก แต่เฟรินคงมีเหตุผลสำคัญมั้ง " นักบวชบอกหลังวิเคราะห์แล้ว
"ทานขนมอีกไหมค่ะ"
"ขนมนี่ทำให้คิดถึงบารามอสจัง" เสียงอ่อนโยนตอบ
"ก็ฉันทำไว้เผื่อรุ่นพี่โดยเฉพาะนี่ค่ะ"
"ขอบคุณมากครับ" ดวงตาจริงใจมองสบตาหวานสีดำของสาวน้อยตรงหน้า
บรรดาเพื่อนป้อมต่างก็มองดูบรรยากาศหวานแบบเรียบง่ายตรงหน้าอย่างไม่คิดเข้าไปขัดจังหวะ ท่านนักบวชกับผู้เยียวยาสาว
กลางดึกป้อมอัศวิน บรรดาผู้มีหน้าที่ในสภามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเดินยามและกางอาณาเขตพิทักษ์ป้อม
วันนี้เป็นเวรของอาชูร่ากับเจค หลังเดินตรวจตรามาถึงชั้นเจ็ด ทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างสงสัย เรื่องที่ติดใจก็คงไม่พ้นประกาศน่ารักของเฟริน
"นายสงสัยอะไรไหม" เจคหันไปถาม
"ก็เรื่องเดียวกับที่นายสงสัยนั่นแหละ" เจ้าชายแห่งซาเรสตอบ
ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน และเดินไปที่ประตูเปิดสู่ดาดฟ้าของป้อมทันที ก่อนถอนหายใจอย่างผิดหวัง ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นอกจากดาดฟ้าโล่งๆ
"โธ่นึกว่าจะมีอะไรเสียอีก สงสัยเป็นแผนหาเรื่องท้าทายดูว่าจะมีใครฝ่าฝืนคำสั่งมั้ง"เจคบ่นอุบอย่างผิดหวัง
"ไม่นะ ฉันรู้สึกถึงเขตเวทมนต์อยู่นะ" อาชูร่าบอกร่ายเวทตรวจดูทันที
ตรงกลางลานโล่งปรากฏวงแหวนเวทมนต์รูปดาว และมีสิ่งน่าสนใจอยู่ตรงกลางวงแหวน มันคือขวดเหล้าสองขวดในความเห็นของอาชูร่าและเจค
"ว้าว สงสัยมันน่าจะบ่มเหล้าแหง" เสียงเจคบอกอย่างยินดี
อาชูร่าเมื่อได้ยินเรื่องของกินก็สนใจทันที เขาร่ายเวทลบเขตแดนอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่เดินเข้าไปดูของน่าสงสัย เจดหยิบขวดหนึ่งขึ้นมาดมพิสูจน์
"กลิ่นเหล้า ชั้นเยี่ยมด้วย วิเศษ" โจรสลัดบอกอย่างยินดีกับลาภลอย
"ปกติเฟรินก็ผสมเหล้าได้อร่อยอยู่แล้ว แต่นี่สงสัยจังว่าสูตรไหนเนี่ยที่ต้องอาบแสงจันทร์ด้วยเนี่ย" อาชูร่าเริ่มสันนิษฐานต่อ แน่นอนสำหรับผู้ชื่นชอบของกินแล้ว จะเรื่องอะไรก็มักโยงให้เกี่ยวกับการกินเสียทุกอย่าง
"แต่ฉันว่ามันน่าลองชิมดูนะ" เจคเสนออย่างสนใจกับกลิ่นของตรงหน้าที่ดูเย้ายวนให้ลิ้มลอง
"แต่มันเป็นของเฟรินนะ" อาชูร่าท้วง
"ตามกฏของโจรสลัดของที่เอามาได้ถือเป็นของโจรสลัดทั้งหมดนั่นแหละ หมอนั่นอยากเอามาวางล่อไว้เองนี่" เจคให้เหตุผล ก่อนยกขวดซดทันที
"รสชาดเยี่ยมไปเลย ดูท่าจะเป็นเหล้าเก่าใช้ได้เลย นายกินไหม ถ้าไม่กินฉันขอนะ" เจคหันไปบอกเพื่อน
"ก็ต้องกินอยู่แล้ว" อาชูร่าตอบทันทีก่อนถูกแย่ง
"อืมไว้ค่อยบอกเฟรินพรุ่งนี้ว่ารสนี้ใช้ได้ " เจคว่ามองดูเพื่อนที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับรสเหล้าที่ถูกปาก
รุ่งเช้าหัวขโมยยืนหน้ายุ่งกับทรัพย์สินที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย นึกในใจ ไอ้ตัวยุ่งที่ไหนนะมายุ่งกับยาของรุ่นพี่ลูคัสได้
รอยยิ้มซาตานปรากฏที่มุมปากของลูกจ้าวปีศาจ ฉันถือว่าเตือนแล้วนะ ไม่รับผิดชอบผลที่ตามนะไอ้พวกบ้า เพราะยานั่นยังอยู่ในช่วงทดลอง และไม่รับรองผลด้วย แต่มีหนูหาเรื่องมาลองยาเองก็ช่วยไม่ได้
************************************************
หายไปเสียนานเพราะหนีไปเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือ และเมื่อกลับมาก็ต้องอ่านหนังสือที่ไปซื้อมาทำให้ไม่มีเวลามาอัพของตัวเอง ขอโทษนะจ๊ะ
ความคิดเห็น