ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #37 : ประกาศเสนาธิการฝ่ายซ้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.25K
      2
      3 พ.ย. 49

    บารามอส

    ตอนที่ 37

    ประกาศป้อมอัศวิน

    ห้ามไม่ให้ผู้ใดขึ้นไปดาดฟัาของป้อมเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์นับจากวันนี้
    ใครฝ่าฝืนจะต้องรับโทษ

        เฟริน เดอเบอโรว์ เสนาธิการฝ่ายซ้าย

    ประกาศแปลกประหลาดที่ไม่ได้อธิบายสาเหตุทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างสงสัยดังไปทั่วกลุ่มป้อมอัศวินมุ่งที่หน้าบอร์ดประกาศของป้อม
    หลังจากที่ปีสี่ยึดป้อมอัศวินและทำหน้าที่มาได้เกือบครึ่งปี ก็ไม่มีใครกล้าหือกับท่านเสธฯซ้ายของป้อมเพราะเริ่มรู้จักอีกฝ่ายดีขึ้นว่าสืบทอดความน่ากลัวของอดีตเสธฯซ้ายมาได้ครบถ้วน
    โดยเฉพาะวิธีการลงโทษแบบแปลกๆสารพัดวิธีสำหรับผู้ฝ่าฝืนกฏของป้อมที่เจ้าตัวเองก็ฝ่ามาเกือบทุกกฏอยู่แล้ว
    ด้วยประโยคติดปากของหัวขโมย " แน่นอนเพราะฉันฝ่ามาแล้วทุกกฏ ดังนั้น ถ้าใช้วิธีที่แย่กว่าฉัน และฉันจับได้ ก็คงรู้อยู่แล้วว่าจะต้องรับโทษแบบไหน"

    ด้วยเหตุนี้ชาวป้อมอัศวินจึงไม่มีใครกล้าหือ เวลาที่มีประกาศโดยตรงของท่านเสนาธิการฝ่ายซ้าย เพราะไอเดียการลงโทษที่ทำให้ทุกคนลืมไม่ลงแบบไม่ให้เสียชื่ออาจารย์ผู้สอน (เจ้าชายโรเวน) ทำให้ป้อมอัศวินทุกคนรู้ดีว่าใต้รอยยิ้มหวานของหัวขโมยหน้าหวานนั้นน่ากลัวแค่ไหน
    และด้วยกิตติศัพท์ที่เหล่าเพื่อนๆช่วยกันต่อเติม ว่าขนาดเจ้าชายแห่งคาโนวาลยังต้องยอม ทำให้ทุกคนรู้ว่าในป้อมอัศวินนี้ใครใหญ่สุด ประกาศของเสนาธิการป้อมจึงเป็นประกาศิตเด็ดขาด

    ในห้องทำงานของเสนาธิการฝ่ายซ้าย แน่นอนบนเก้าอี้โต๊ะทำงานมีเจ้าชายผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้าส่อแววหงุดหงิด แต่ก็เปลี่ยนที่ทำงานจากห้องหัวหน้าป้อม มาเป็นห้องเสนาธิการฝ่ายซ้าย ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่อยากให้เจ้าตัวยุ่งคลาดสายตา เดี๋ยวจะก่อเรื่องยุ่งอีก

    ขณะที่เจ้าของห้องตัวจริงไม่อยู่เพราะติดภารกิจที่ปราสาทเอดินเบิร์ก ทำให้ท่านหัวหน้าป้อมต้องเฝ้าห้องและคุมสี่ผู้คุ้มกฏแทน

    ที่มุมห้องขอทานกิตติมาศักดิ์นั่งตรวจงานจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ คุยเรื่องงานเสียงเบาๆกับรูมเมทนักบวชแห่งบารามอส

    "ผมว่าท่านหัวหน้าป้อมน่าจะมานั่งอยู่ห้องนี้ตลอดหน้าร้อนนะครับ คงจะเย็นสบายขึ้นมาก"

    "ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น แต่ตอนนี้นะมันหน้าหนาวนะซิบิล" อีกฝ่ายเสริมก่อนจิบชาร้อนต่อ แน่นอนตอนนี้บรรยากาศในห้องนะอบอวลไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งแสนสวย เพราะฮีทเตอร์ตัวดีไม่อยู่ทำให้อารมณ์ของท่านเจ้าชายไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่

    แต่อีกมุมก็ยังคงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักฆ่าตัวดีและหวานใจเจ้าหญิงแห่งเมืองนักรบที่ยังคงมีโลกส่วนตัวกันอยู่สองคนและที่สำคัญก็ชินเสียแล้วกับอารมณ์ของเจ้าชายแห่งคาโนวาล

    "จริงสิซิบิลฉันวานให้นายไปส่งเอกสารเรื่องห้ามขึ้นดาดฟ้าให้พวกเสธฯขวากับไอ้พวกขุนพลพวกนั้นรู้ด้วยสิ คืนอยู่เวรพวกมันจะได้ไม่เผลอขึ้นไป" คิลหันไปบอกเพื่อน นัยน์ตาแพรวพราว

    "ได้สิ" ซิบิลรับคำก่อนรับเอกสารเดินไปห้องเสนาธิการฝ่ายขวาอย่างรวดเร็ว

    "คุณคิล ไปใช้คุณซิบิลอย่างนั้นได้อย่างไรค่ะ" เรนอนทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วย

    "โธ่ฉันช่วยเปิดโอกาสให้มันได้ออกจากมุมน้ำแข็งไปหาหวานใจต่างหาก" คิลแก้ตัวทันที

    "อ้อไดแอนนะเหรอค่ะ จริงสิน้องเขาเป็นหนึ่งในสิบสองขุนพลคู่กับเจ้าหญิงวิเวียนนี่" เรนอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "ให้มันได้ไปทานขนมหวานดีกว่านั่งแข็งตายอยู่แถวนี้นะ" โรเสริมด้วยรอยยิ้มปนขบขัน

    ทั้งสามเริ่มจับกลุ่มคุยต่อทันที แน่นอนหัวข้อก็ไม่พ้นบุคคลอันไม่อยู่ในห้อง เริ่มด้วยเรื่องของคนใกล้ตัว ตอนงานเลี้ยงเต้นรำของปราสาทขุนนาง ที่โรโดนเจ้าชายอาเทอร์โฉบพาไปเป็นคู่เต้น ทำให้ซิบิลต้องขาดคู่เต้น ส่งผลให้ได้เต้นรำกับไดแอนที่คู่ควงไปทำธุระและฝากเพื่อนร่วมป้อมให้ดูแลแทนสักพัก
    ทำให้ทั้งคู่ได้คุยกันอย่างถูกคอ  ไดแอน คีตัน เดอท์ฮีลเลอร์ออฟบารามอส สาวน้อยหน้าหวานผมสีทอง ดวงตาสีดำกับความสามารถในเชิงดาบบวกกับความสามารถในการเยียวยาที่ไม่น้อยหน้ารุ่นพี่โซมาเนีย ทำให้เจ้าตัวค่อนข้างป็อบปูล่า แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้มาติดใจกับซิบิลได้ ยังเป็นปริศนาที่ทุกคนในป้อมอยากรู้เป็นที่สุดว่าท่านักบวชหน้าหวานผู้แสนจะเรียบร้อยใช้วิธีการใดในการจีบ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ชักช้าจนน่าขัดใจเหมือนใครบางคนแถวๆนี้

    ดวงตาสีฟ้ามองดูพรรคพวกที่จับกลุ่มคุยกัน ก่อนถอนหายใจยาว ตั้งสมาธิกับงานเอกสารตรงหน้าต่อ แต่สักพักก็อดคิดไม่ได้ว่า ไอ้หัวขโมยจอมยุ่งจะทำอะไรกันแน่

    ด้วยเรื่องเมื่อสิบวันก่อน เหยี่ยวเวทของรุ่นพี่ลูคัสส่งจดหมายและของฝากมาให้รุ่นน้องแสนรัก ด้วยกลิ่นไอที่ไม่ค่อยชอบมาพากล ทำให้คาโลต้องจับตาดูเป็นพิเศษ ว่ารุ่นพี่รุ่นน้องปีศาจคู่นี้จะก่อเรื่องวุ่นวายอะไร แน่นอนเขาก็แอบส่งข่าวให้รุ่นพี่ลอเรนซ์รู้เรื่องพฤติกรรมประหลาดน่าสงสัยนี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากว่าจะจับตาดูเจ้าซาตานเจ้าเล่ห์เป็นพิเศษเช่นกัน

    แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีการซักอะไร เฟรินก็ไม่ยอมเล่าเรื่องในจดหมายให้เขาฟังสักที แถมจะแอบอ่านก็ไม่ใช่วิสัยของเขาอีก ที่สำคัญไอ้หัวขโมยตัวดีก็ซ่อนของได้เก่งจนเขาไม่สามารถแอบอ่านได้ถนัด จึงต้องมานั่นหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนี้
    สุดท้ายเรื่องคาใจก็คงไม่พ้นประกาศประหลาดฉบับล่าสุดนี้ที่มันไม่ยอมอธิบายเหตุผลให้เขาว่าจะทำอะไร บอกแต่ว่าขออนุญาติมหาปราชญ์แล้วว่าจะใช้ดาดฟ้าของป้อมอัศวินสักหนึ่งอาทิตย์

    ด้วยข้ออ้างว่ามหาปราชญ์อนุญาติแล้ว หัวหน้าป้อมอย่างเขาจะไปมีสิทธิขัดขวางอะไรมันได้ เขาก็เรื่องต้องมานั่งทำงานอยู่ในห้องเจ้าตัวดี แต่ก็เหมือนนกรู้ มันหลบหน้าเขาไปปราสาทเอดินเบิร์ก อ้างว่าต้องไปช่วยอาจารย์เจ้าชามัลจัดการเรื่องหมากกระดานเกียรติยศที่จะจัดในเดือนหน้า

    แน่นอนแม้แต่เขามันก็สั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไปดาดฟ้าเหมือนกัน ด้วยข้อแม้แสนประหลาด ถ้านายขึ้นไปข้างบนดาดฟ้าฉันจะลงโทษนายด้วยการจูบนายกลางห้องอาหารดรากอนแน่นอน แค่นี้ข่าวลือก็สะพัดไปทั่วแล้วว่าเขาสองคนเป็นคู่โฮโม และเขาก็จนใจจะแก้ไขความจริงแล้วจนต้องปล่อยเลยตามเลย อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีใครมากล้าจีบไอ้ตัวดีให้เขาหงุดหงิดหัวใจ

    เสียงเปิดประตูและร่างโปร่งบางของหัวขโมยเดินเข้ามาในห้องทำให้วงสนทนาหยุดทันที ดวงตาทุกคู่มองดูท่านเจ้าของห้องที่พึ่งเข้ามาใหม่

    "การประชุมเป็นไงมั่ง" โรถามเปลี่ยนเรื่องทันที

    "ก็เหมือนเดิมแต่ทำไมห้องมันเย็นอย่างนี้น่ะ" หัวขโมยถามอย่างสงสัยมองดูตัวการที่ส่งสายตาเย็นเฉียบมาให้

    "ก็นายไม่อธิบายเหตุผลสักทีว่าใช้ดาดฟ้าทำอะไร" หลังคิดมาหลายคืนจนในที่สุดก็อดถามครั้งที่ร้อยไม่ได้

    "ก็ได้ ถ้านายอยากรู้ ฉันก็แค่ช่วยรุ่นพี่ลูคัส ปรุงยาที่ต้องอาบแสงจันทร์เจ็ดคืนก็เท่านั้น ไม่ได้มีลับลมคมนัยอะไรหรอกน่า ไม่เห็นต้องคิดมากอะไรเลย" เฟรินบ่นอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก

    "ยาอะไร" ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างไว้ใจเท่าไร

    "ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันไม่คิดจะให้นายกินหรอก" ดวงตาสีน้ำตาลมองสบอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

    "ขอบใจ" เจ้าชายแห่งเมืองนักรบเข้าใจทันทีว่ามันคือยาอะไร เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายยอมเสียสละเพื่อเขา ส่งผลให้เขาเลิกถามทันที

    "นายเข้าใจก็ดีแล้ว เพราะรุ่นพี่ลูคัสถูกคิงริชาร์ดขอร้องให้เข้าพิธีแต่งงานปีหน้านะ" เฟรินอธิบายเพิ่มเติม

    "คิงอ้วนนั่นจะสละบันลังก์แล้วเหรอ" คิลถามอย่างสนใจกับประเด็นใหม่

    "ก็เพราะไปเห็นคิงกาเบรียลที่สนุกกับฮาเร็มส่วนตัวแล้วอิจฉานะสิ" โรเสริมยิ้มๆ อดเห็นใจคิงใหม่แห่งซาเรสไม่ได้ที่ตอนนี้งานยุ่งจนไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเขาที่เอดินเบิร์กบ่อยๆเหมือนเมื่อก่อน

    "อ้อ เพราะงั้นก็เลยว่าจะไปหาความสุขด้วย โดยการโยนภาระมาให้ลูกแทนสินะ" คิลพยักหน้าอย่างเข้าใจอย่างถ่องแท้

    ป้อมอัศวินจึงได้เปิดประเด็นการนินทาเบื้องสูงต่ออย่างสนุกสนานทันที เสริมด้วยเกล็ดเล็กเกร็ดน้อยจากขอทานแห่งทริสทอร์เป็นระยะ โดยที่ท่านนักบวชแห่งบารามอสยังคงส่งเอกสารไม่เสร็จตลอดเย็น

    ในห้องเสนาธิการฝ่ายขวา ท่านเสธฯกำลังปรึกษางานยุ่งกับท่านขุนพลคู่ใจ

    "ฉันว่างานที่มหาปราชญ์ให้ไปทำ  นายไปด้วยกับฉันดีไหมโคลว์" เสียงอ่อนโยนปนอ้อนบอกคนในอ้อมแขนที่นั่งอยู่บนตัก

    "ก็ได้" เสียงหวานของหญิงสาวผมสีน้ำตาลตอบรับ แน่นอนว่าเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง กัสขอร้องให้เธอถอดแหวนออก

    "แต่ตอนเดินทางใส่แหวนอย่างเก่านะ" เสียงเข้มออกคำสั่งต่อ

    "อยู่แล้ว" เสียงตอบรับอย่างเห็นด้วย และได้รางวัลเป็นจุมพิตแสนหวานเป็นการตอบแทน

    นอกห้องสาวน้อยหน้าหวานกำลังรับรองแขกด้วยขนมและน้ำชาและรอยยิ้มหวาน

    "รุ่นพี่พอจะทราบเหตุผลของประกาศนี้ไหมค่ะ" นักเยียวยาสาวถาม

    "ไม่รู้หรอก แต่เฟรินคงมีเหตุผลสำคัญมั้ง " นักบวชบอกหลังวิเคราะห์แล้ว

    "ทานขนมอีกไหมค่ะ"

    "ขนมนี่ทำให้คิดถึงบารามอสจัง" เสียงอ่อนโยนตอบ

    "ก็ฉันทำไว้เผื่อรุ่นพี่โดยเฉพาะนี่ค่ะ"

    "ขอบคุณมากครับ" ดวงตาจริงใจมองสบตาหวานสีดำของสาวน้อยตรงหน้า

    บรรดาเพื่อนป้อมต่างก็มองดูบรรยากาศหวานแบบเรียบง่ายตรงหน้าอย่างไม่คิดเข้าไปขัดจังหวะ ท่านนักบวชกับผู้เยียวยาสาว

    กลางดึกป้อมอัศวิน บรรดาผู้มีหน้าที่ในสภามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเดินยามและกางอาณาเขตพิทักษ์ป้อม

    วันนี้เป็นเวรของอาชูร่ากับเจค หลังเดินตรวจตรามาถึงชั้นเจ็ด ทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างสงสัย เรื่องที่ติดใจก็คงไม่พ้นประกาศน่ารักของเฟริน

    "นายสงสัยอะไรไหม" เจคหันไปถาม

    "ก็เรื่องเดียวกับที่นายสงสัยนั่นแหละ" เจ้าชายแห่งซาเรสตอบ

    ทั้งคู่พยักหน้าให้กัน และเดินไปที่ประตูเปิดสู่ดาดฟ้าของป้อมทันที ก่อนถอนหายใจอย่างผิดหวัง ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น นอกจากดาดฟ้าโล่งๆ

    "โธ่นึกว่าจะมีอะไรเสียอีก สงสัยเป็นแผนหาเรื่องท้าทายดูว่าจะมีใครฝ่าฝืนคำสั่งมั้ง"เจคบ่นอุบอย่างผิดหวัง

    "ไม่นะ ฉันรู้สึกถึงเขตเวทมนต์อยู่นะ" อาชูร่าบอกร่ายเวทตรวจดูทันที

    ตรงกลางลานโล่งปรากฏวงแหวนเวทมนต์รูปดาว และมีสิ่งน่าสนใจอยู่ตรงกลางวงแหวน มันคือขวดเหล้าสองขวดในความเห็นของอาชูร่าและเจค

    "ว้าว สงสัยมันน่าจะบ่มเหล้าแหง" เสียงเจคบอกอย่างยินดี

    อาชูร่าเมื่อได้ยินเรื่องของกินก็สนใจทันที เขาร่ายเวทลบเขตแดนอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่เดินเข้าไปดูของน่าสงสัย เจดหยิบขวดหนึ่งขึ้นมาดมพิสูจน์

    "กลิ่นเหล้า ชั้นเยี่ยมด้วย วิเศษ" โจรสลัดบอกอย่างยินดีกับลาภลอย

    "ปกติเฟรินก็ผสมเหล้าได้อร่อยอยู่แล้ว แต่นี่สงสัยจังว่าสูตรไหนเนี่ยที่ต้องอาบแสงจันทร์ด้วยเนี่ย" อาชูร่าเริ่มสันนิษฐานต่อ แน่นอนสำหรับผู้ชื่นชอบของกินแล้ว จะเรื่องอะไรก็มักโยงให้เกี่ยวกับการกินเสียทุกอย่าง

    "แต่ฉันว่ามันน่าลองชิมดูนะ" เจคเสนออย่างสนใจกับกลิ่นของตรงหน้าที่ดูเย้ายวนให้ลิ้มลอง

    "แต่มันเป็นของเฟรินนะ" อาชูร่าท้วง

    "ตามกฏของโจรสลัดของที่เอามาได้ถือเป็นของโจรสลัดทั้งหมดนั่นแหละ หมอนั่นอยากเอามาวางล่อไว้เองนี่" เจคให้เหตุผล ก่อนยกขวดซดทันที

    "รสชาดเยี่ยมไปเลย ดูท่าจะเป็นเหล้าเก่าใช้ได้เลย นายกินไหม ถ้าไม่กินฉันขอนะ" เจคหันไปบอกเพื่อน

    "ก็ต้องกินอยู่แล้ว" อาชูร่าตอบทันทีก่อนถูกแย่ง

    "อืมไว้ค่อยบอกเฟรินพรุ่งนี้ว่ารสนี้ใช้ได้ " เจคว่ามองดูเพื่อนที่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับรสเหล้าที่ถูกปาก

    รุ่งเช้าหัวขโมยยืนหน้ายุ่งกับทรัพย์สินที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย นึกในใจ ไอ้ตัวยุ่งที่ไหนนะมายุ่งกับยาของรุ่นพี่ลูคัสได้

    รอยยิ้มซาตานปรากฏที่มุมปากของลูกจ้าวปีศาจ ฉันถือว่าเตือนแล้วนะ ไม่รับผิดชอบผลที่ตามนะไอ้พวกบ้า เพราะยานั่นยังอยู่ในช่วงทดลอง และไม่รับรองผลด้วย แต่มีหนูหาเรื่องมาลองยาเองก็ช่วยไม่ได้


    ************************************************

    หายไปเสียนานเพราะหนีไปเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือ และเมื่อกลับมาก็ต้องอ่านหนังสือที่ไปซื้อมาทำให้ไม่มีเวลามาอัพของตัวเอง ขอโทษนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×