ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #35 : ความช่วยเหลือของเพื่อนๆ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.04K
      2
      21 ต.ค. 49

    บารามอส

    ตอนที่ 35

    ตอนเปิดเทอมแต่ละป้อมก็คึกคักไปด้วยน้องใหม่ และกิจกรรมต่างๆ

    ที่ปราสาทเอดินเบิร์ก การประชุมก็เริ่มต้น หัวหน้าป้อมแต่ละป้อมก็ส่งแผนงานสำหรับการคัดเลือกคนในสภาของแต่ละป้อม

    โดยแผ่นดินประชา ปราการปราชญ์และปราสาทขุนนางต่างก็ใช้วิธีเดิมในการคัดเลือกคน แต่ป้อมอัศวินเท่านั้นที่ใช้วิธีแปลกไปในการคัดเลือก

    "ป้อมอัศวินจะให้ผู้สมัครตำแหน่งเสธฯฝ่ายซ้ายประลองหมากรุกกัน ผู้ชนะจะได้ตำแหน่ง ส่วนตำแหน่งเสธฯฝ่ายขวา จะให้ออกแบบการวางเวรยามพิทักษ์ป้อมคนละหนึ่งคืน ถ้าใครสามารถออกแบบการวางเวรยามพิทักษ์ได้โดยไม่มีผู้บุกรุกไปถึงห้องทำงานหัวหน้าหอได้ถือเป็นผู้ชนะ" เจ้าชายคาโลอธิบายต่อที่ประชุม

    "ฟังดูน่าจะไม่วุ่นวายดีนะ ที่ประชุมเห็นด้วย" มหาปราชญ์สรุปเมื่อรับฟังคำอธิบายของหัวหน้าป้อมอัศวิน

    "สรุปให้แต่ละป้อมไปดำเนินการเลือกตั้งเป็นการภายในของแต่ละป้อมนะ" เจ้าชายชามัลบอกเมื่อเสร็จการประชุม

    เลขาหน้าเดิมของมหาปราชญ์ก็ลงรายงานการประชุมเสร็จอย่างรวดเร็ว

    ทำให้ทั้งหมดแยกย้ายกันไปเมื่อเสร็จการประชุม

    ที่ห้องประชุมของชั้นปีสี่

    "ตกลงพวกนายวางแผนจะทำยังไง บอกมาเดี๋ยวพวกเราจัดการให้เอง" ครี้ดบอกเมื่อรับทราบผลของการประชุม

    "ก็ง่ายๆ ฉันก็แค่เอาชนะหมากกระดานให้ได้ ส่วนพวกนายก็แค่เฝ้าปราสาทอย่าให้ใครผ่านไปได้ก็เท่านั้น" เฟรินบอกยิ้มๆ

    "ส่วนที่เหลือก็แค่คัดเลือกคนบุกปราสาทในคืนการทดสอบของชั้นปีอื่น" กัสเสริม

    "งั้นก็สบาย ให้เมื่อเรามีทั้งหัวขโมย นักฆ่า นักดาบ " โรบอกเสียงสบอารมณ์

    "แล้วเราก็มีขอทานกับ เจ้าชายด้วยอย่าลืมสิ" เฟรินหยอกอีกฝ่ายกลับ

    ทั้งหมดวางแผนกับดับต่างๆ และวิธีการเจาะเข้าปราสาทในคืนที่เป็นเวรของผู้อื่นอย่างสนุกสนาน

    ในคืนแรกที่เป็นเวรของปีสอง ใช้เวลาไม่นานสามนักรบแห่งไนล์ ครี้ด ซอร์โรและเจคก็ถึงห้องทำงานชั้นเจ็ด

    คืนที่สองเป็นเวรของปีสาม ที่สามนักเวท เจ้าชายคาโล โร และซิบิลใช้เวลาไม่นานก็เจาะเขตแดนพิทักษ์ขึ้นถึงชั้นเจ็ด

    ส่วนคืนที่สามเป็นคืนหรรษาของปีสี่ ที่ลานชั้นล่างแปรสภาพเป็นบ่อนและลานประลองดื่มเหล้า ชั้นที่พักของชั้นปีก็แปรสภาพเป็นร้านน้ำชา  ถัดไปก็เป็นบ้านผีสิง ซึ่งผู้บุกรุกส่วนใหญ่จะเสร็จเกือบหมด ตั้งแต่ด่านแรกที่แพ้ไพ่หัวขโมยบางส่วนที่รอดไปได้เพราะหัวขโมยกำลังยุ่ง  ก็ต้องมาเจอกับด่านที่สองของนักรบแห่งไนล์ ด่านการดวลเหล้า ที่เหลือใช้วิธีหลบหนีทีเผลอ เพราะเจ้าของด่านจงใจปล่อยให้เพื่อนๆคนอื่นได้มีงานทำบ้าง ผู้ชายที่เหลือรอดก็มาเสร็จมุขสาวงามจนหมด หลงเหลือแต่ผู้หญิงเก่งบางส่วนก็เสร็จมุขกับบ้านผีสิง และของน่าขยะแขยงบางอย่างทำให้ส่งเสียงกรีดลั่นป้อมยามเที่ยงคืนได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ไม่มีใครผ่านไปถึงห้องทำงานได้สักคน

    ทำให้กัสเป็นเต็งหนึ่งทันทีของผู้ที่รับตำแหน่งเสธฝ่ายขวา ถ้าปีอื่นไม่สามารถปกป้องป้อมไว้ได้

    คืนที่สี่เป็นงานของปีห้า พวกปีสี่ส่งสามนางฟ้าบุกป้อม ด้วยเสน่ห์บวกฝีมือ สามสาวชาร์ลีแองเจิ้ลก็ถึงห้องทำงานได้ไม่ยาก

    คืนที่ห้าเป็นเวรของพวกปีหก สามหนุ่มแห่งกิลดิเรกก็คว้าความสำเร็จมาครองได้ไม่ยาก

    ส่วนคืนสุดท้ายเป็นเวรของปีเจ็ด พวกปีสี่เปลี่ยนแผนกันเหนียวรับประกันความสำเร็จ นิกส์คู่กับเดท อาชูร่ากับทิวดอร์และสุดท้ายคิลกับเฟริน พวกเขาก็ทลายด่านป้องกันของปีเจ็ดเข้าถึงห้องทำงานได้ในที่สุด แน่นอนสำหรับนักฆ่าไร้สมองกับหัวขโมยจอมป่วนแล้วความสนุกเป็นเรื่องอันดับหนึ่ง ความเสียหายเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในหัวอยู่แล้ว ยิ่งได้มาเข้าคู่กันแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในเมื่อไม่มีเจ้าชายมาคอยห้าม เจ้าหญิงมาคอยคุม

    ส่งผลให้บรรดาปีเจ็ดที่รับหน้าที่เฝ้านอนหมดสภาพไปทั้งคืน ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของป้อมคงต้องจารึกชื่อของนักฆ่าแห่งซาเรสและหัวขโมยแห่งบารามอสไว้ในสารบทคู่หูที่ทำให้ปวดหัวได้ไม่แพ้คู่หูนักบวชแห่งแอเรียสและซาตานแห่งทริสทอร์เลยทีเดียว

    ในวันรุ่งขึ้นที่ลานตะวัน กระดานหมากถูกจัดเตรียม ให้ผู้ชิงชัยของแต่ละชั้นปีประกบคู่กันก่อน แต่ก็เป็นผลที่เดาได้ เฟรินเอาชนะผู้เข้าแข่งขันอื่นๆจนหมดคว้าตำแหน่งมาครองอย่างไร้คู่แข่ง

    ทางปราสาทขุนนางขอความร่วมมือให้ไปเป็นแขกในงานเลี้ยงทดสอบของปราสาทอีกเช่นเคย แต่ดันมีข้อแม้เล็กน้อยที่ขอให้นิกส์ไปคนเดียวด้วยแถมท้าย

    "อย่างไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นคนขอข้อนี้มา" ครี้ดว่าเมื่อเห็นจดหมายเชิญ ทุกคนเดาได้อย่างไม่ยากว่าเจ้าหญิงเอฟีน่าต้องอยากเต้นรำคู่กับนักดนตรีหนุ่มแห่งเอเธนส์แน่นอน

    แต่เมื่อเห็นนิกส์พยักหน้ารับไม่พูดอะไร เพื่อนๆก็เลยรู้ว่ามันก็คงชอบเขาเหมือนกัน

    "แล้วคราวนี้จะจัดคู่ยังไงดี เขาขอมาแค่ห้าคู่แต่พวกเรามีผู้หญิงแค่สามคนเองนะ" กัสว่า เพราะมีข้อแม้ว่าคนที่ไปต้องมีตำแหน่งในสภาด้วย เมื่อนับผู้หญิงที่มีตำแหน่งในสภาก็มีแค่สี่คน สามนางฟ้ากับเจ้าหญิงวิเวียน

    "ไม่ยากอะไรนี่" เฟรินว่าเสียงใส

    "นายจะเอายังไง" คาโลหันไปถามเจ้าตัวดี ที่เริ่มทำนัยน์ตาไม่น่าไว้วางใจสุดๆ

    "มีสองวิธีให้เลือก ข้อแรกจัดไปสี่คู่ อีกคู่เป็นผู้ชายไปพร้อมนิกส์แล้วไปหาสาวๆเอาดาบหน้า ที่ป้อมขุนนางมีให้เลือกเยอะ" เฟรินว่ามองดูเพื่อนๆที่ทำหน้าสยองอมยิ้มขำทันที

    "ข้อสองล่ะ" คิลถามบ้างนึกสนุกที่ได้เห็นนัยน์ตาพราวของคู่หู

    "ก็ใช้วิธีเหมือนปีที่แล้วก็ได้" เฟรินว่า

    "งั้นนายเลือกเอาแล้วกันว่าจะให้ใครไปกับใคร" มาทิลด้าบอก

    "คู่แรกก็โรคู่กับวิเวียน คิลกับเรนอน แองจี้กับครี้ด คาโลกับมาทิลด้า ส่วนคู่สุดท้าย" เฟรินจงใจทอดเสียงให้ยาวดวงตามองนักบวชผมสีเงิน

    "ไม่ต้องยึกยักมาก จะให้ฉันคู่กับใครก็เลือกมาแล้วกัน" กัสว่า

    "นายก็คู่กับโคลว์ก็แล้วกัน เพราะพวกนายกเคยซ้อมแต่งรำกันมาแล้วตั้งแต่ปีสองคงเต้นเข้าขากันดีอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันแต่งตัวให้โคลว์เอง" เฟรินบอกเสียงสนุกสนาน

    กัสพยักหน้าอย่างไม่ได้ติดใจอะไร จากเหตุผลที่เฟรินให้

    "มาทิลด้าจะแต่งชุดอะไร ไว้ฉันส่งข่าวให้เจ้าชายยูรีซิสเลือกชุดส่งมาให้ดีไหม " เฟรินหันไปยั่วเพื่อนสาวต่อทันที

    "บ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องฉันเลยนะ แค่ชุดฉันมีปัญญาเตรียมได้เองหรอกน่า" มาทิลด้าบอกสีหน้าแดงจัด

    ในที่สุดก็ถึงวันงานเลือกตั้งของปราสาทขุนนาง เฟรินยังคงความสามารถในการแต่งตัวให้กับบรรดาสาวๆ

    "คุณเฟรินไปเรียนวิธีแต่งหน้าพวกนี้มาจากที่ไหนค่ะ " เรนอนถามอย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นฝีมือของเฟรินตอนปีสอง ทำให้พวกเธอตัดสินใจให้เด็กหนุ่มเป็นผู้แต่งหน้าให้

    "อ้อ เมื่อก่อนเคยช่วยพวกพี่สาวนักแสดงเล็กน้อยนะ เลยได้วิชาติดตัวมาบ้าง" เฟรินบอกความจริงแค่ครึ่งหนึ่ง จะบอกได้อย่างไรว่าใช้แต่งให้ตัวเองตอนออกแสดงที่ฟรานส์นะ

    เด็กหนุ่มหน้าหวานแต่งตัวให้สี่สาวเสร็จก็เหลือแต่หนึ่งหนุ่มสุดท้าย

    บรรดาทั้งสี่สาว เมื่อแต่งตัวเสร็จก็ออกไปหาคู่เต้นข้างนอกเหลือก็แต่เฟรินกับโคลว์

    "นายจะให้ฉันใช้สร้อย หรือนายจะถอดของพ่อนายออกเองดีหือโคลว์" เฟรินถามเสียงนุ่ม

    "นายรู้" โคลว์ถามอย่างตกใจ

    "ก็ฉันสงสัยตั้งแต่ตอนนายใช้คาถาสร้างป่ามายาที่เกาะเวอร์จิเนียแล้ว มันเป็นคาถาของพวกภูต ต่อมาได้ยินเรื่องที่กัสเห็นนางไม้ในป่าที่กิลดิเรกอีก จะมีนางไม้ที่ไหนรู้จักคนของป้อมอัศวินถึงขนาดเรียกชื่อเฉยๆ ถ้าไม่ใช่คนของป้อมอัศวินเอง ก็ทำให้สรุปได้ว่าน่าจะเป็นคนในชั้นปีเดียวกัน เดาไม่ยากนี่" เฟรินบอกเหตุผลยิ้มๆ

    "แม่ฉันเป็นภูตแห่งป่า พ่อเป็นนักบวชนะ" โคลว์บอกเสียงอ่อน

    "แล้วพ่อนายก็หวงลูกสาวคนเดียวมากเสียด้วย" เฟรินต่อให้อย่างเข้าใจดีเป็นที่สุด ว่าท่านนักบวชแห่งกิลดิเรกคงไม่อยากให้ใครมาจีบลูกสาวคนเดียวขณะมาเรียนต่อ ถึงได้ใช้เวทเปลี่ยนเพศให้ลูกสาวเสียก่อน

    หลังทั้งสองทำสัญญากันว่าเฟรินจะไม่บอกความลับของเขาให้ใคร โคลว์ก็ตัดสินใจถอดแหวนประจำตำแหน่งออกใส่กระเป๋าแทน เปลี่ยนร่างเด็กหนุ่มกลับไปสู่ร่างเดิม ร่างบางผมสีน้ำตาลยาว ดวงตาสีเขียวเป็นประกาย

    เฟรินแต่งตัวให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จบด้วยหน้ากากที่ปิดบังใบหน้าหวานไว้ส่วนหนึ่งตามระเบียบของการเต้นรำ

    กัสมองคู่เต้นของตนที่ออกมาหลังสุดอย่างตกตะลึง

    เสียงเรียกของท่านหัวหน้าป้อมเมื่อเห็นทุกคนมาครบแล้วให้ออกจากป้อมไปปราสาทขุนนาง โดยมีนิกส์ที่เดินตามไปด้วยจากบัตรเชิญของเจ้าหญิงเอฟีน่า

    "เธอ.. ที่เจอกันในป่า" เสียงเด็กหนุ่มถามอย่างไม่แน่ใจ

    แต่ร่างบางที่เดินเคียงคู่ไม่ยอมให้คำตอบอะไรแก่เขา แต่เด็กหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ผิดคนแน่ เพราะงานนี้เฟรินมีเอี่ยวด้วย แต่มันไม่ยอมบอกเขาตรงๆ

    ลับหลังเมื่อหัวหน้าป้อมออกพ้นจากห้องนั่งเล่นรวมของชั้นปีสี่

    เหล่าป้อมอัศวินที่เหลือก็เริ่มตั้งวงเฮฮากันทันที เพราะไม่มีคนห้าม ในเมื่อหัวหน้าป้อมก็ไม่อยู่ สามนางฟ้าก็ไม่อยู่ โอกาสดีๆอย่างนี้นะหายากจะตาย

    "จริงสิพวกนายยังไม่ได้เล่าเรื่องสนุกหลังพวกเราแยกกันไปเลยว่าไปทำอะไรกันบ้าง " หัวขโมยตัวป่วนเริ่มอย่างสนุกสนาน

    "ฉันก็ล่องเรือเที่ยวเกาะ โดยเฉพาะเกาะไหนที่มีประวัติว่ามีผีดุ จะได้ให้เอ็ดมันฝึกฝีมือ" เจคเล่าเสียงรื่นเริง

    "แล้วพวกเราก็เลยเอามันมาประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์บ้านผีสิงที่พึ่งจัดไปไง" เอ็ดเวิร์ดเสริมอย่างสนุกสนาน

    "แล้วพวกนายล่ะ" เฟรินถามเพราะรู้ว่าอาชูร่ากลับทางเดียวกับทิวดอร์

    "พวกฉันก็ไปตะเวนทานของกิยอร่อยๆของวิทช์ก่อน แล้วพาหมอนั่นไปเที่ยวซาเรสด้วยกัน จนเปิดเทอมถึงได้กลับมาเอดินเบิร์ก  จริงด้วยตอนไปเที่ยวตลาดในเมืองยังเห็นไอ้โรควงรุ่นพี่อาเทอร์กันอยู่เลย" อาชูร่าบอกเสียงสนุกไม่แพ้กัน ทุกคนในป้อมรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์กัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขาที่ต้องไปยุ่ง ตราบที่โรพอใจ พวกเขาก็พอใจด้วย แต่พวกเขาไม่รู้ว่าโรเปลี่ยนเป็นผู้หญิงไปแล้ว และที่เป็นผู้ชายอยู่ก็เพราะสร้อยเวทของเฟรินเท่านั้น

    "ส่วนฉันตอนพาอาชูร่าไปที่บ้าน พวกที่บ้านตกใจกันใหญ่นึกว่าพาเจ้าสาวไป กว่าจะอธิบายว่าอาชูร่าเป็นผู้ชายก็เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่ แต่ก็ชอบมายุ่งโอ๋เขาเหมือนเด็กๆ ตอนหลังเลยแกล้งบอกไปเลยว่าพวกเราเป็นแบบพวกแกไงเฟริน ที่บ้านฉันช็อคจนเลิกมายุ่งอีกเลยปล่อยให้พวกเราไปเที่ยวกันอย่างสนุกหน่อย ไม่งั้นต้องเข้ามายุ่งอยู่เรื่อย" เจ้าชายทิวดอร์บอกปนหัวเราะ

    "แบบพวกฉันนะมันแบบไหน"เฟรินถามอย่างสงสัยในความหมาย

    "ก็แบบสามพีไง เห็นกัสมันว่าตอนพวกนายไปกิลดิเรกยังทำหวานไม่เลิกนี่" เจคบอก

    "ไอ้บ้ากัส หน้อยมันน่านัก เดี๋ยวก็ไม่ช่วยซะเลยนี่" เฟรินบ่นพึมพำอย่างขัดใจเล็กน้อย

    "ช่วยเรื่องอะไร" เจคที่หูดีถามกลับอย่างสงสัย

    "ก็เรื่องที่กัสมันจะมาเป็นสมาชิกชมรมรักป่าไม้ไง" เฟรินยิ้มก่อนจัดการฌาปนกิจไอ้นักบวชเก๊เสียเลย

    "เหรอ แล้วมันสนใจใครล่ะ" เหล่าสมาชิกป้อมเริ่มหูผึ่งอีกครั้งกับเรื่องที่น่าสนใจ

    "แล้วมันควงใครไปงานคืนนี้ล่ะ" หัวขโมยตัวดีหย่อนเหยื่อ รอให้เหล่าปลาทั้งหลายมาฮุบเบ็ด เพราะนี่เป็นเหตุผลหลักที่เขาไม่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ เพราะตั้งแต่เปิดเทอมไอ้เจ้าชายน้ำแข็งมันคุมเขาแจ กลัวเขาไปก่อเรื่อง ดังนั้นถ้าลงมือเองไม่ได้ก็ต้องอาศัยมือคนอื่นเอาแล้วค่อยรอลุ้นผล ส่วนเรื่องความลับของโคลว์เขาก็ไม่ได้ผิดสัญญานี่ ไม่มีใครรู้สักหน่อยว่ามันเป็นผู้หญิง พวกเพื่อนๆแค่เข้าใจผิดไปเอง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเป้าหมายเท่าไร

    "ไม่น่าเชื่อฉันอยู่ด้วยกันมานานยังไม่รู้เรื่องเลย" เอ็ดเวิร์ดบอก

    "งั้นพวกเราก็แอบไปดูมันคืนนี้ที่งานเลี้ยงเป็นไง" เจคเสนอไอเดียบรรเจิด

    สมาชิกที่เหลือพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง ยกเว้นก็แต่หัวขโมยที่ขอตัวไปพักผ่อน ด้วยเหตุผลกำกวมที่ว่าถ้าท่านหัวหน้าป้อมกลับมาจะได้มีแรงต้อนรับ

    ที่งานเลี้ยงปราสาทขุนนาง เจ้าหญิงคนงามแห่งเอเธนส์รีบเดินออกมารับนักดนตรีหวานใจทันที ก่อนควงแขนเข้าไปในงานอย่างไม่สนใจสายตาเพื่อนร่วมป้อมทั้งสองป้อม

    เหล่าผู้แข่งขันชิงตำแหน่งต่างก็ผลัดกันออกมาต้อนรับและเรียกคะแนนจากแขกผู้มางาน

    "นายจะไปที่โต๊ะอาหารว่างก่อนไหม" กัสถามหลังจากเริ่มควบคุมตัวเองได้อีกครั้ง

    "ก็ได้" โคลว์ตอบรับหลังจากนิ่งไปสักพักที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ตัวจริงของเขา

    ทั้งคู่ต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดนอกจากที่กัสจะส่งอาหารว่างที่ตักมาให้คู่ควงคืนนี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมาทานอย่างไม่ปฎิเสธ

    "ได้เวลาแล้วไปเต้นรำกันดีกว่า" กัสโค้งให้อีกฝ่าย

    โคลว์หน้าแดงเล็กน้อยกับท่าทีของเพื่อนสนิท ก่อนยื่นมือเรียวให้อีกฝ่ายนำไปฟลอร์เต้นรำ

    ทั้งคู่เต้นรำกันดวงตาสีฟ้ามองดูดวงตาสีเขียวคู่สวยอย่างเปิดเผยความรู้สึก ส่งผลให้อีกฝ่ายหน้าร้อนผ่าวด้วยสายตาของเพื่อน ที่ทำท่าจะเปลี่ยนความสัมพันธ์

    คู่อื่นก็เต้นรำกันอย่างเพลิดเพลิน แต่แน่นอนไม่มีทางปล่อยให้คู่เต้นของตนไปเต้นกับหนุ่มป้อมอื่นอย่างเด็ดขาด

    ที่สวนของปราสาทขุนนาง ในมุมที่วิวดี กล้องส่องทางไกลของโจรสลัดหนุ่มกำลังเล็งหาเป้าหมาย

    "ล็อคเป้าหมายที่เก้านาฬิกา" เสียงบอกของโจรสลัดหนุ่มก่อนส่งกล้องให้นักบวชแห่งกิลดิเรกดูต่อ

    "ไม่เคยเห็นกัสมันทำหน้าอย่างนี้มาก่อน ตอนแรกนึกว่าเฟรินมันอำพวกเราเล่นเสียอีก"  เอ็ดเวิร์ดบอกอย่างไม่เชื่อสายตา

    "เฮ้ยพวกเราดูบ้างสิ" เสียงพรรคพวกที่เหลือที่รอต่อคิวบ่น ก่อนผลัดเปลี่ยนเวียนเทียนกันแอบมองอย่างสนุกสนาน และรีบสลายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าท่านหัวหน้าป้อมให้สัญญาณกลับป้อมกับผู้ร่วมป้อมทั้งหมดที่มางานด้วยกัน

    แน่นอนพวกเขาไปประชุมลับกันต่อที่ห้องของซอร์โร เอ็ดเวิร์ดและเจค เพื่อหารือถึงยุทธการยุ่งเรื่องเพื่อน ตามนิสัยของป้อมอัศวิน

    กัสเดินไปส่งโคลว์ที่ห้องก่อน ชายหนุ่มแปลกใจนิดหน่อยกับความเงียบผิดปกติของป้อมอัศวิน

    โคลว์เข้าห้องน้ำสวมแหวนของบิดาอย่างรวดเร็ว และอาบน้ำเปลี่ยนชุด แปลกใจเล็กน้อยที่ทิวดอร์และอาชูร่ายังไม่กลับห้อง

    ในห้องของขอทาน นักบวชแห่งบารามอส กัสเดินเข้าห้องรู้สึกแปลกใจกับซิบิลที่มองเขาอย่างพินิจเล็กน้อย

    "พวกเพื่อนๆหายไปไหนกันหมดหรือซิบิล" โรถามเมื่อกลับจากการไปส่งวิเวียนที่ห้องข้างล่าง

    "พวกมันแอบไปสังสรร เอ่อทานเหล้าที่ห้องของซอร์โรนะ" ซิบิลบอกข้อแก้ตัวแรกที่นึกออก ใบหน้าแดงเล็กน้อย

    "นายหน้าแดงด้วยนี่ ทานไปกี่แก้วล่ะซิบิล" กัสถามเพื่อนร่วมห้องอย่างเป็นห่วง

    "ไม่มากหรอก แค่นอนหลับสักคืนก็คงหาย" นักบวชแห่งบารามอสรีบบอกก่อนล้มตัวนอนหันหลังให้รูมเมททั้งสองอย่างรวดเร็ว

    "ซิบิลเป็นอะไรไปนะ" กัสหันไปถามขอทานผู้รอบรู้ ซึ่งโรก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ เพราะพวกเขาสองคนไปงานด้วยกันทำให้ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไว้พรุ่งนี้ลองไปถามเฟรินอาจทำให้รู้ว่าพวกมันเล่นอะไรกันช่วงที่พวกเขาไปงานเลี้ยง ถ้าให้เดาพวกมันต้องก่อเรื่องอะไรไว้แน่ เพราะหัวหน้าป้อมไม่อยู่ทั้งที พวกหนูๆคงร่าเริงน่าดู

    อีกห้องหลังโคลว์หลับตาจะนอนเมทอีกสองคนก็กลับเข้ามาในห้อง เสียงกระซิบเบาๆ เรียกความสนใจของร่างที่นอนอยู่ เพราะมีชื่อของเขารวมอยู่ด้วย

    "โคลว์นอนแล้ว" เสียงเบาของเจ้าชายแห่งวิทช์บอก

    "ถึงนอนแล้วก็อาจตื่นได้ ไม่เอาหรอก" เสียงกระซิบตอบดังมาจากเจ้าชายแห่งซาเรส

    "นิดหน่อยเองน่า นานแล้วนะที่พวกเราไม่ได้ทำอย่างนี้กันนะ" เสียงกระซิบออดอ้อนกับเสียงเคลื่อนไหวแปลกๆ

    ทำเอาคนที่นอนฟังอยู่แทบตัวแข็ง พวกมันสองคนทำอะไรกันนะ หลังพยายามสักพักนักบวชแห่งกิลดิเรกก็หลับได้ในที่สุด พร้อมเสียงเอฟเฟ็คแปลกๆที่ดังมาจากสองเจ้าชาย

    โคลว์ตื่นแต่เช้าตามนิสัยถึงแม้จะนอนดึกไปสักหน่อย ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตัวแข็งไปกับภาพสองรูมเมทที่นอนกอดกันกลมที่เตียงของอาชูร่า ยืนยันเหตุการณ์ที่ได้ยินเสียงเมื่อคืน

    เด็กหนุ่มหน้าแดงจัดก่อนหายตัวเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

    "แผนที่หนึ่งสำเร็จ" เสียงกระซิบกันสองคนเบาๆปนกลั้วหัวเราะดังมาจากเตียง

    ที่โรงอาหารดรากอน เหล่าสมาชิกป้อมยังคงเสียงดังเช่นเคย แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาจับตาดูเป็นพิเศษ

    กัสที่เดินไปนั่งทานอาหารกับโคลว์อย่างออกนอกหน้า ถึงแม้ความจริงพวกหนุ่มจากกิลดิเรกจะทานอาหารด้วยกันบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่กัสจะทานกับซิบิลและโรมากกว่า

    ยิ่งมีปมปริศนายิ่งทำให้เพื่อนๆที่รักทั้งหลายจับตาดูว่าที่สมาชิกชมรมคู่ใหม่ของเฟรินอย่างใกล้ชิด

    "นายเป็นอะไร เห็นหน้าแดงๆ" กัสถามอีกฝ่าย

    "ไม่มีอะไรหรอก" โคลว์ตอบ จะบอกได้อย่างไรว่าไม่กล้ามองหน้าทิวดอร์และอาชูร่าเพราะได้ยินฉากอย่างว่าเมื่อคืน ส่งผลให้เขาต้องมาทานข้าวเช้าคนเดียวไม่รอพวกรูมเมททั้งสอง

    สักพักทิวดอร์และอาชูร่าก็เดินลงมาที่ห้องอาหาร ทั้งคู่เดินเข้ามาต่อว่ารูมเมท

    "โคลว์นายรีบจังไม่รอพวกเรามั้งเลย" อาชูร่าต่อว่าเพื่อนเล็กน้อย

    "เอ่อ พวกนายก็รีบซื้อมาสิ เดี๋ยวฉันนั่งรอ" โคลว์ตอบสีหน้าแดงก่ำ

    "ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเราไปทานกับพวกเจคก็ได้ ฝากโคลว์ไว้กับนายแล้วกันนะกัส" ทิวดอร์บอกยิ้มๆ

    ทั้งคู่แยกไปซื้ออาหารก่อนไปนั่งล้อมวงซุบซิบและรายงานผลกับพวกเจคทันที

    เฟรินมองดูเหตุการณ์ยามเช้าอย่างนึกสนุก เขาไม่ได้ลงมือเองนะ แค่หย่อนเหยื่อนิดหน่อยเอง แล้วค่อยรอลุ้นดู สนุกจริงๆ

    เอ็ดเวิร์ดอดมองดูไอ้เพื่อนสองคนไม่ได้ ยิ้มออกมา เขาหวังดีกับพวกมันจริงๆนะ ก่อนพยักหน้ารับกับเจค

    แผนที่สองจะเริ่มต่อจากแผนแรก

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×