คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ค่ำคืนที่ซาเรส
บทที่ 22
ในที่สุดสงครามก็ยุติลง เหล่าป้อมอัศวินก็กลับเอดินเบิร์ก เพื่อไปเรียนต่อตามเดิม รายละเอียดอื่นเป็นเรื่องของพวกราชาจัดการกันเอง เด็กๆมีหน้าที่คุ้มกันของวิเศษเอากลับคืนโรงเรียนอย่างปลอดภัย
ทั้งเจ้าชายโรเวนและเจ้าชายอาเทอร์ต่างพยายามจะสอบถามเรื่องราวของอีกพวก แต่รุ่นพี่ลอเรนซ์บอกว่าแค่ความฟลุ๊กเท่านั้น พวกรุ่นน้องเมื่อเห็นสายตารุ่นพี่ต่างก็ปิดปากเงียบไม่กล้าเปิดปากพูดเรื่องการร่ายรำของอีกฝ่ายโดยเด็ดขาดเพราะไม่อยากเป็นเป้ามีดบิน
หลังกลับมาถึงเอดินเบิร์ก สิ่งที่รอพวกเขาทั้งหมดคือการเรียนพิเศษชดเชยส่วนที่หายไปขณะที่พวกเขาไม่อยู่ เนื่องจากไฟสงครามไม่ได้ลามมาถึงเอดินเบิร์ก ทำให้ป้อมอื่นเรียนไปเรื่อยๆ และป้อมอัศวินเรียนไม่ทันเพื่อน ทางอาจารย์เลยใจดีสอนพิเศษให้เป็นรางวัลที่นำของกลับมาได้สำเร็จ
"โอย ทำไมเราต้องมาเรียนเพิ่มในวันหยุดนี้ด้วย" คนขี้บ่นเริ่มโอด ขณะทานอาหารเช้าที่โรงอาหารดรากอน ก่อนไปเรียนเสริมชดเชยช่วงที่หยุดเรียนกันไปทั้งชั้นปี แต่ก็แค่ป้อมอัศวินเท่านั้น
"ก็พวกเราหยุดไปตั้งเดือนก็ต้องกลับมาเรียนซ่อมนะสิ" คิลบอกคนเรื่องมาก
"รู้งี้ก่อนไปฉันน่าจะต่อรองว่าไม่ต้องเรียนด้วยก็ดีหรอก"เฟรินบอกอย่างเสียดาย
"แต่นายก็ได้เกรดเอมารอ ตั้งสองวิชาแล้วนี่" คาโลประชดอีกฝ่าย
"อันนั้นก็แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายเชียวนะ" เฟรินบอกอย่างไม่ยอมแพ้
หลังเถียงกันไปมา ก็รีบเข้าเรียน เหล่าอาจารย์สอนกันราวติดปีกจนหมดชั่วโมง
"อาจารย์คงไม่ได้สอนเผื่อปีหน้าด้วยหรอกนะครับ ผมกลัวว่าปีหน้าจะใช้ไปทำงานอะไรอีก" เฟรินเริ่มบ่น
"แหมทำเป็นรู้ดีเชียวนะ" อาจารย์แม่มดวิงกี้บอกก่อนให้การบ้านอีกหนึ่งตั้งกับป้อมอัศวินปีสอง
หลังเรียนเสร็จบรรดาป้อมอัศวินต่างหมดแรงกับการเรียนเสริมและการบ้านเป็นกอง ทำให้ในห้องนั่งเล่นรวมเต็มไปด้วยพวกป้อมอัศวินปีสองที่ทำการบ้านกันอย่างพร้อมเพรียงและสามัคคีเป็นพิเศษ โดยแบ่งกันรับผิดชอบเป็นรายวิชา จับเป็นกลุ่มทำการบ้านต้นแบบและลอกกันทั้งชั้นปีอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันดีมาก
ในที่สุดปลายปีก็มีข่าวดี ปีนี้ไม่มีการสอบเป็นรางวัลที่สงครามยุติโดยเร็ว ข่าวร้ายปีนี้ก็ไม่มีการแข่งหมากกระดานเกียรติยศเพราะอาจารย์ไม่ว่าง และพวกคิงก็ไม่ว่างเช่นกัน
"โดยสรุปแล้วก็ถือว่าเป็นข่าวดีแล้วกันนะ " เฟรินสรุป
"จัดงานเลี้ยงฉลองก็แล้วกัน" ครี้ดบอก หันไปซาวด์เสียงเพื่อนๆ ผู้รักความสนุกไม่ต่างกัน
เสียงเคาะประตูห้องนั่งเล่นรวม ทำให้ทั้งหมดหันไปมองดูผู้มาเป็นแขก มองเห็นเป็นเจ้าชายอาเทอร์
"ฉันมีรางวัลพิเศษให้พวกเธอ ฉันว่าจะเชิญพวกเธอให้ไปเที่ยวซาเรสช่วงปิดเทอมแทนดีไหม" เจ้าชายอาเทอร์เอ่ยชวน
"ว้าว วิเศษไปเลยฮะ พวกเราว่าไงมั้ง" เฟรินหันไปถามเหล่าสมาชิก
ไม่มีใครปฏิเสธ ถือว่าตกลง วันปิดเทอมมังกรจากซาเรสเป็นพาหนะพาพวกเด็กๆป้อมอัศวินปีสองจึงไปเที่ยวซาเรสแถมด้วยงานเลี้ยงรอบกองไฟตามรีเควส์ของคณะแขกบ้านแขกเมือง
ที่พักเป็นตำหนักส่วนตัวของเจ้าชายอาเทอร์ พวกเด็กๆเข้าพักห้องที่จัดไว้ ก่อนออกสนุกกับการเที่ยวเมือง โดยมีคิลและอาชูร่าทำหน้าที่ไกด์ที่ดี แนะนำที่กินและที่เที่ยว โดยแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำทีมโดยเจ้าชายอาชูร่า สถานที่เน้นที่กินล้วนๆ อีกที่นำทีมโดยนักฆ่า เน้นเดินเรื่อยเปื่อย มีผู้ร่วมทางแค่เพื่อนร่วมห้องและหวานใจ
"มองอะไรหรือคิล" เฟรินถามเมื่อเห็นสายตาสหาย
"ตรงหัวมุมโน้น พี่ชายฉัน" คิลบอก หลังคดีสิ้นสุดลงคิลอารมณ์ดี ที่คนลงมือจริงๆไม่ใช่พ่อของเขา แต่เป็นอาจารย์ทีโอดอร์ต่างหาก ทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่พ่อไม่รับงานขโมยของบ้าๆพวกนั้น
"พี่นายเก่งไหม" เฟรินถามต่อเรื่อยเปื่อย
"เก่งสิ" คิลบอก
เฟรินคว้าแอปเปิ้ลเข้าปากเดินดูเมืองไปเรื่อยๆ ปรายตามองคนที่เดินนำหน้าที่ฟังเรนอนคุยอยู่ หันไปมองแฟนตัวจริงของสาวน้อยที่ยืนข้างๆเขาส่งรังสีสมอาชีพอยู่ก็หัวเราะ
"นายทานแอปเปิ้ลไหม" เฟรินชวนคิลทานของชอบอย่างใจป้ำ
"ไม่เอาโว้ย" คิลบอกอย่างเริ่มหงุดหงิด
"งั้นก็พาว่าที่เจ้าสาวไปแนะนำที่บ้านนายสิ ไปทางไหนล่ะ" เฟรินยุส่ง
"ทางนี้ " คิลว่า ก่อนเดินนำไปอย่างเอาจริง
เฟรินก้มตัวหยุดหัวเราะก่อนลากร่างสูงเบื้องหน้าให้เปลี่ยนทิศทางไปบ้านเพื่อนซี้ ทำให้สาวสวยหวานใจนักฆ่าต้องตามมาด้วยทั้งทีสีหน้าแดงเรื่อ
ที่บ้านแม่ของคิลออกมาต้อนรับ เพื่อนๆของลูกและว่าที่ลูกสะใภ้ที่ดูจะถูกใจนายหญิงแห่งตระกูลซาเรส
"ขนมฝีมือคุณน้าอร่อยจังเลยฮะ"เฟรินบอกเสียงชื่นชม
"งั้นก็ทานอีกเยอะๆสิ" แม่ของคิลบอกอย่างใจดี
"ขอบคุณฮะ" เฟรินยิ้มหวานตอบ
คาโลมองคนปากดีก่อนจิบน้ำชาต่อ ส่วนเรนอนก็ตอบสัมภาษณ์ไปเรื่อยๆ คิลก็นั่งลุ้นอยู่ข้างๆสีหน้าแดงไม่ต่างกัน ราวกับพี่เลี้ยงนางงามรอลุ้นประกาศผล จนเย็นทั้งหมดก็ขอตัวกลับไปรวมกับเพื่อนๆ เพื่อร่วมงานเลี้ยงรอบกองไฟ
ตกเย็นพวกป้อมอัศวินก็เริ่มรายการบันเทิง จับฉลากว่าใครจะเป็นผู้หญิงบ้างจะได้มาเต้นรำรอบกองไฟได้ครบคู่ แน่ละคราวนี้ท่านหัวหน้าป้อมเป็นคนควบคุมการจับฉลากเอง เพราะไม่อยากถูกโกงอย่างคราวที่แล้ว
"แหมนายก็คิดมากไปได้" เฟรินบอกก่อนประกาศรับแต่งหน้าแต่งตัวสาวๆป้อมอย่างสนุกสนานแถมด้วยสร้อยเวทมนต์ที่ทำให้แปลงกายเป็นผู้หญิงได้แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นกำไลบ้างเพื่อความสวยงาม (เหตุผลของเฟรินมัน)
คนที่จับฉลากได้เป็นผู้หญิงก็มี กัส เฟริน (ที่สงสัยว่าน่าจะเป็นหวยล็อคของท่านหัวหน้าป้อม) ซิบิล โร โคลว์ อาชูร่า รวมกับสามนางฟ้า ก็ครบเก้าคู่พอดี(แต่ลืมนับเจ้าภาพ)
"กัสนายนี่ พอปล่อยผมก็ดูดีทีเดียว ไว้เดี๋ยวเรามาเต้นคู่กันดีกว่า " เฟรินเอ่ยชวนประชดใครบางคน
"ก็ได้ ฉันไม่ปฎิเสธอยู่แล้ว เต้นกันเองให้พวกนั้นคอยเก้อก็ดี" กัสบอกอย่างนึกสนุกเช่นกัน
หลังแต่งตัวเสร็จพวกสาวๆก็ไปรอบกองไฟ ที่มีคนมาจัดเตรียมของกินไว้คอยท่า เจ้าภาพก็มาแล้วเช่นกัน กำลังมองหาร่างบางที่เป็นจุดประสงค์หลักของการชวนพวกลิงทโมนฝูงนี้มาเพื่อประกอบฉากไม่ให้ผิดสังเกตุเกินไปนัก เดี๋ยวเหยื่อจะตื่นเสียก่อน
"พวกนั้นมากันแล้ว " คิลบอกเพื่อนซี้ที่ยืนชะเง้อเล็กน้อย
ร่างบางผมสีน้ำตาลยาวถึงเอว เดินควงแขนมากับร่างสูงโปร่งผมสีเงินยาวไม่ต่างกันในชุดกระโปรง แถมอีกข้างยังควงสาวดวงตาสีเขียวผมสีชาอ่อนที่ยาวถึงหลังมาอีกคน
ก่อนเดินผ่านสองเพื่อนซี้ไปที่โต๊ะอาหาร เพื่อเริ่มกิจกรรมหลักทันที ตามด้วยซิบิล โคลว์และอาชูร่าที่มาสมทบและบรรยายอาหารเด็ดของซาเรสอย่างสนุกสนาน
"แล้วพวกนายทำไมไม่ไปตักอาหารบริการพวกสาวๆล่ะ" เจ้าชายอาเทอร์ถามพวกรุ่นน้องอย่างปลงๆ กับมารยาทของป้อมอัศวิน
"ปกติพวกมันก็ตักอาหารเป็นอยู่แล้วนี่ฮะ จะต้องไปบริการมันทำไม" ครี้ดถามอย่างสงสัย
"มารยาทสุภาพบุรุษนะรู้จักไหม ก็ตอนนี้พวกนั้นใส่ชุดผู้หญิงอยู่พวกเธอก็ต้องบริการเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ" เจ้าชายอาเทอร์อธิบายอย่างใจเย็น เริ่มเข้าใจแล้วว่าป้อมอัศวินแตกต่างจากปราสาทขุนนางอย่างไรก็ตอนนี้เอง
พวกรุ่นน้องต่างพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่เมื่อมองไปฝั่งสาวๆ? กำลังเอร็ดอร่อยได้ที่ จนไม่อาจแทรกเข้าไปได้
จนเวลาอาหารผ่านพ้น ได้เวลาของการเต้นรำ พวกป้อมอัศวิน จึงไปโค้งขอสาวๆเต้นรำ เพลงแรกเฟรินเต้นกับกัสเพราะชวนไว้ก่อนแล้ว
เล่นเอาเจ้าชายน้ำแข็งเริ่มหลอมละลายด้วยอารมณ์ใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ชายหนุ่มดื่มเครื่องดื่มข้างตัวไปพลางระหว่างมองดูสาวน้อยผมสีน้ำตาลที่เต้นรำ หมุนตัวอย่างคล่องแคล่วสวยงามในวงแขนของนักดาบแห่งกิลดิเรกที่ใส่ชุดกระโปรงเช่นกัน
ส่วนโร ถูกเจ้าชายอาเทอร์โค้งพาออกไปเต้นรำเป็นที่เรียบร้อย (หมาป่าจ้องงาบลูกแกะน้อยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ )
หลังเพลงแรกจบลง คาโลเข้าไปจัดการกับสาวน้อยผมสีน้ำตาลที่ก่อไฟให้กับเขาไว้
"นายทำหน้าราวกับอยากไปเมืองยักษ์" เฟรินเอ่ยแซวอีกฝ่าย แอบหัวเราะในใจที่ทำให้อีกฝ่ายหึงได้สำเร็จ
"นายไม่ต้องมาหัวเราะดีไปหรอก" คาโลบอก หลังเพลงจบก็จูงอีกฝ่ายหายไปในสวนต่อทันที เพื่อจัดการสำเร็จโทษคนช่างยั่ว
ริมฝีปากร้อนประกบแนบปากอิ่มสีแดงสด สัมผัสหนักหน่วง ทำเอาสตินักยั่วชักกระเจิงก่อนสนองตอบไปอย่างเต็มอารมณ์หวาน ทั้งสองแลกเปลี่ยนจูบกันอยู่นาน กว่าจะถอนริมฝีปากออกจากกันอย่างเสียดาย
"นายชอบฉันไหม" เฟรินถามจู่โจมอีกฝ่ายต่อ กึ่งยั่วกึ่งอยากได้ยิน
ดวงตาสีฟ้ามองดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายพราวแสงราวกับจะถามว่าที่ทำมายังไม่ตอบคำถามพออีกเหรอ ก่อนโน้มหน้าลงไปใหม่ ประทับจุมพิตเนิ่นนาน
"ฉันชอบนาย แต่อย่างน้อยนายน่าจะพูดบ้างก็ดีนะ ฉันชอบฟัง" เฟรินบ่นเล็กน้อย ก่อนถูกยุติด้วยภาษารักแบบคาโนวาลเป็นรอบที่สาม
รสชาติหวานปนรสเหล้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าอีกฝ่ายคงมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดพอสมควรถึงได้หลอมง่ายเกินเหตุ เฟรินคิดว่าไม่ควรยั่วหมอนั่นมากเกินไป เพราะวันนี้เขาอยู่ในร่างผู้หญิงเสียเปรียบเห็นๆ
เพลงในงานรอบกองไฟยังบรรเลงต่อ โดยเจ้าชายอาเทอร์ยังไม่ยอมปล่อยคู่เต้นคนเดิม
"ท่านน่าจะหยุดพักบ้างนะครับ" โรบอก เมื่อรู้สึกว่ารองเท้าส้นสูงจะทำพิษ
"เจ้าเบื่อแล้วหรือ" เจ้าชายอาเทอร์ถามร่างในอ้อมแขน เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จึงยอมจูงมือออกจากฟลอร์
โรลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก รองเท้าที่ทำพิษทำเอาเด็กหนุ่มเดินกระเผลก สุภาพบุรุษแห่งปราสาทขุนนางสังเกตุเห็น จึงเปลี่ยนจากการจูงมือเป็นอุ้มร่างโปร่งบางของเด็กหนุ่มในร่างหญิงสาวแทน ท่ามกลางการอ้าปากหวอของเจ้าตัวและเหล่าเพื่อนที่เห็นเหตุการณ์
โรหน้าแดงทันทีเพราะอายเพื่อนๆ แต่ร่างสูงไม่ได้สนใจ เขาวางร่างของเด็กหนุ่มที่เก้าอี้มุมสวน ก่อนก้มถอดรองเท้าให้อย่างเบามือ
"อย่า ผมทำเองได้ " โรปฎิเสธอย่างรวดเร็ว แต่ไม่อาจชักขาหนีมือหนาของร่างตรงหน้าได้
"มีแผลด้วยนี่ ไปใส่ยาที่ห้องฉันก่อนก็แล้วกัน" เจ้าชายอาเทอร์บอก และอุ้มอีกฝ่ายโดยไม่ฟังคำปฎิเสธไปทำแผลต่อทันที
เหล่าชาวป้อมอัศวินมองดูเหตุการณ์ก่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ วิธีการทำตนเป็นสุภาพบุรุษที่เจ้าชายอาเทอร์พยายามสอนพวกเขาผ่านการสาธิตให้ดูมั้ง
"อ้าว รุ่นพี่อาเทอร์กับเจ้าโรไปไหนกันเหรอ" เฟรินที่พึ่งกลับเข้ามาในงานถามครี้ด
"เจ้าชายอาเทอร์อุ้มไอ้โรไปทำแผลรองเท้ากัดในตำหนักนะ" ครี้ดว่าอย่างที่เห็นโดยไม่คิดอะไรมาก
"ฉันว่ารีบเลิกก่อนพวกมันเมาดีกว่า จำคราวที่แล้วได้ป่ะ" เฟรินทวนความจำ ครี้ดพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนสลายโต่ ตอนที่ทุกคนยังมีแรง เดินตรงทางกลับห้องพักตัวเองได้ ดีกว่าต้องแบกไปส่งห้องอย่างคราวก่อน
หลังกวาดต้อนเหล่าชาวป้อมกลับที่พักกันจนหมด เฟรินก็มองดูเพื่อนร่วมห้องสองคนที่หลับกันไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนแปลกใจไม่เห็นโรเลย สงสัยคงอยู่เป็นเพื่อนคุยรุ่นพี่อาเทอร์มั้ง คิดเสร็จก็เข้านอนด้วยอีกคน
ในห้องของหมาป่าแห่งซาเรส เจ้าชายอาเทอร์ใส่ยาอย่างอ้อยอิ่ง
"ผมว่าแผลแค่นี้ไม่ต้องใส่ยาเยอะขนาดนั้นก็ได้" โรบอกอย่างเกรงใจ
"แต่ถ้าไม่ทำแผลดีๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เดินไม่ได้หรอก" เจ้าชายตัวดีบอกอย่างเจ้าเล่ห์
"ขอบคุณมากครับ" โรบอกก่อนลุกขึ้นจะกลับห้องพัก เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศชักไม่น่าไว้วางใจเท่าไร
"เธอจะรีบหนีไปไหน เรายังไม่ค่อยได้คุยกันเลยนี่" เจ้าชายอาเทอร์รั้งอีกฝ่ายไว้ แขนนั้นรั้งเอวบางไว้อย่างรวดเร็ว ทำให้โรที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเซกลับมาปะทะกับอกหนาของร่างข้างหลัง
"ขายังเจ็บอยู่ ก็ไม่น่าเคลื่อนไหวไวๆนี่" เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูไวความรู้สึกของอีกฝ่าย
ร่างบางในอ้อมแขนหันหน้าพูด
"ปะ ปล่อย.." ยังไม่ทันจะพูดให้จบประโยค
ริมฝีปากที่คอยทีอยู่แล้วก็ประกบปิดอย่างรวดเร็ว ก่อนลิ้มชิมรสชาติของปากนุ่มและสอดลิ้นเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานภายในอย่างได้ใจ
มือเรียวตวัดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบของคนในอ้อมแขนแต่ก็ไม่ยอมปล่อยร่างในพันธนาการให้หลุดรอดไปได้
"ผมเป็นผู้ชาย ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่ในร่างผู้หญิงก็เถอะ" โรบอกเสียงเข้ม แต่ก็ฟังหวานอยู่ดี ด้วยผลงานกำไลเวทของเฟริน
"เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ทำให้ฉันหยุดชอบเธอได้นี่" เจ้าชายอาเทอร์ตอบกลับทันที
"ท่านชอบผม" โรทวนอย่างตกใจ
"ใช่ชอบตั้งแต่งานเลี้ยงที่ปราสาทขุนนาง และไม่ว่าจะใช่วิธีไหน ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉันให้ได้" เจ้าชายอาเทอร์บอกอย่างเอาแต่ใจ
"ถึงแม้จะเป็นการบังคับ" โรย้อน
"ใช่ถึงต้องใช้กำลังบังคับก็ตาม ฉันไม่มีวันปล่อยเธอให้เป็นของคนอื่นแน่" เจ้าชายอาเทอร์บอกเสียงหนักแน่น
"ถ้าทำได้ก็ลองดูสิครับ" โรท้าทายกลับ ดวงตาสีเขียวสบดวงตาสีดำสนิทอย่างไม่กลัวเกรง
"ไม่ต้องมาท้า ฉันเอาจริงแน่" เจ้าชายอาเทอร์บอก ก่อนอุ้มร่างอีกฝ่ายไปที่เตียงนอนอย่างรวดเร็ว โรเห็นท่าไม่ดี จะหายตัวหนีแต่อีกฝ่ายรู้แกว ประกบริมฝีปากทำให้โรไม่มีโอกาสได้ร่ายเวทหรือดิ้นหลุดจากอ้อมแขนได้เลย
ร่างหนาคร่อมร่างบางไว้ใต้ร่างตน ก่อนเริ่มกลยุทธ์ยึดครองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และฝ่ายที่อ่อนเชิงกว่าก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปตามระเบียบ
ความคิดเห็น