ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวขโมยแห่งบารามอส ภาคคู่อลวน

    ลำดับตอนที่ #21 : งานเสร็จสักที

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.11K
      2
      12 ก.ย. 49

    บทที่ 21

    ที่ค่ายของพวกลาดตะเวณ หัวหน้ากองกำลังฟังรายงานของหน่วยที่พึ่งลาดตะเวณกลับมา

    "แถบชายแดนด้านที่พวกเจ้าไปมีสิ่งผิดปกติอะไรมั้ย" หัวหน้ากองถาม

    "เท่าที่พวกเราบินผ่านไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรครับ" หัวหน้าหน่วยรายงานสบตากับหัวหน้ากองขณะรายงาน แสงตาสีนิลทอประกายประหลาดที่สะกดผู้คนให้ตกอยู่ในห้วงสะกด

    "ไม่ทราบว่ามีที่ใดที่ต้องอารักขาเป็นพิเศษไหมท่านหัวหน้า" หัวหน้าหน่วยผู้มีนัยน์ตาสีนิลถามอย่างทรงอำนาจเหนือกว่า

    "ก็ทางค่ายฝั่งตะวันตก ที่นั่นนอกจากองค์ราชาแล้วห้ามผู้ใดเข้าไปใกล้" หัวหน้ากองตอบเหมือนคนละเมอ

    "ขอบคุณครับ" หัวหน้าหน่วยก้มหัวตอบก่อนเดินจากไป

    ที่ค่ายพักของหน่วยลาดตะเวณ

    นายทหารร่างบางกำลังสวาปามอาหารราวกับอดข้าวมาสักสามวัน แต่เป็นปริมาณปกติที่ชาวป้อมอัศวินเห็นจนชินตา ดีที่ค่ายนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทำให้ไม่มีใครผิดสังเกตุ

    "ได้เรื่องแล้วล่ะ" ลูคัสบอกก่อนที่ทุกคนจะเข้ามารุมปรึกษาที่โต๊ะกินข้าว ชายหนุ่มกางแผนที่ค่ายทหารของสกอร์ปิโอที่พวกเขาลอบเข้ามาอยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว

    "เห็นว่าค่ายทางตะวันตกเป็นที่หวงห้าม แต่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องแยกออกไป แต่ก็ไม่มีใครเห็นอาจารย์ทีโอดอร์ในสนามรบเลยนี่นะ"ลูคัสบอก

    "ผมว่ามันแปลกๆนะที่อีกฝ่ายไม่ออกรบเคียงข้างกษัตริย์จูเลี่ยน ทั้งที่ออกรบด้วยกันจะได้พลังมากกว่านะ" เฟรินท้วงอย่างสงสัย

    "อาจเป็นวิธีการปกป้องสมบัติวิเศษไม่ให้อีกฝ่ายแย่งไปได้มากกว่ามั้ง เพราะถ้ารุ่นพี่โรเวนเห็นของทั้งสองสิ่งอาจจะวางแผนรบหนัก แต่เพราะยังหาอีกอันไม่เจอเลยยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามก็ได้" คาโลตั้งข้อสันนิษฐาน

    "งั้นเราก็ต้องสร้างสถานการณ์ให้ต่างฝ่ายต่างต้องการใช้ของวิเศษทั้งสองสิ่งสิ เอาให้ยุ่งจนอันเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ น่าจะสนุกดีนะ" ลูคัสออกความเห็น

    "งั้นก็สนุกให้เต็มที่" เฟรินบอกส่งรอยยิ้มปีศาจน้อยให้เหล่าผองเพื่อน

    คืนวันเพ็ญทหารทั้งค่ายต้องตกใจกับกองทัพสิงสาราสัตว์ที่วิ่งวุ่นกันทั้งค่าย นำทีมโดยพระเจ้าช้างแห่งแอเรียส มังกรไฟ และฝูงสัตว์ประหลาดอีกมากมายที่พากันมาสร้างความปั่นป่วนให้กับค่ายของสกอร์ปิโอ โดยเฉพาะคอกสัตว์พาหนะที่ถูกฝูงพระเจ้าช้างที่มาในขนาดจัมโบ้เป็นพิเศษ ขนาดไล่เหยียบมังกรแบนได้ มาวิ่งไล่ทำให้เหล่าทหารไม่สามารถนำมังกรและม้าออกมาได้ ต้องปล่อยให้เตลิดได้ทั่วค่าย

    "รวมพล" เสียงแม่ทัพออกคำสั่งดังลั่นไปหมด เหล่าทหารต่างวิ่งมาคว้าอาวุธที่พอหาได้อย่างฉุกละหุกมาเข้าแถวรวมพล

    สามนางฟ้าแห่งป้อมอัศวินอยู่ในร่างของผู้ชายด้วยอิทธิฤทธิของสร้อยเฟริน และเหล่าผองเพื่อนที่เหลือต่างแยกย้ายกันไปทำตามแผนอย่างรวดเร็ว

    เฟรินกับลูคัสไปที่กระโจมฝั่งตะวันตก

    "กลิ่นคลุ้งทีเดียวรุ่นพี่" เฟรินชี้มือไปทางกระโจมที่ตั้งอยู่สุดทางเดิน

    "นั่นสิ มีกลิ่นไอเวทมนต์คลุ้งทีเดียว น่าจะมีเวทกระจกทมิฬแฝงอยู่ด้วยนะ เพราะตอนขโมยก็ใช้เวทนี้นี่" ลูคัสว่า

    "นั่นสิ แต่เขตเวทมนต์มันก็ทำลายกันได้" ลูคัสบอก ก่อนสร้างอาณาเขตทับเขตเวทมนต์ทันทีก่อนก้าวเท้าเข้าไป

    หลังเดินสักพักก็พบว่าเดินยังไงก็ไม่ถึงกระโจมตรงหน้าสักที

    "แหม คงต้องใช้ประสาทสัมผัสของขโมยในการหาทางออกซะแล้ว" ว่าแล้วเฟรินก็หลับตาเริ่มต้นเดินทันที ทำให้ร่างสูงต้องเดินตามอย่างรวดเร็ว เพราะหัวขโมยตัวจ้อยค่อนข้างจะเดินไว แทบจะเดินหายไปในความมืดเสียหลายครั้ง

    ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงกระโจม ลูคัสเรียกสายฟ้าระเบิดกระโจมทันทีแทนคำเชื้อเชิญให้มาเล่นสนุกกัน

    ร่างหนึ่งที่คุ้นตาปรากฏขึ้น บนศีรษะประดับไปด้วยมงกุฏแห่งใจ

    "ไม่เจอกันซะตั้งนานนะครับอาจารย์" ซาตานหนุ่มแห่งป้อมกล่าวทักทายตามมารยาท

    "นั่นสิ พวกเธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่มาถึงที่นี่ได้ แต่ไม่คิดว่าเลโมธีจะส่งพวกเธอมากันแค่สองคนแค่นี่เลย" อ.ทีโอดอร์บอกเสียงเยือกเย็น

    อีกด้าน กษัตริย์จูเลี่ยนนำทัพออกเตรียมรบทันที ที่ฝ่ายกิลดิเรกบุกกลางดึก แถมด้วยกองทัพนักเวทย์จำนวนมาก

    ทัพกษัตริย์ทั้งสองฝ่ายประจัญบานกัน อย่างดุเดือด

    "ที่เอดินเบิร์กเขาสอนมารยาทในการทำสงครามกันอย่างนี้เหรอ" กษัตรย์จูเลี่ยนถามเจ้าชายโรเวน

    "เราก็ประกาศให้ท่านรู้ตัวโดยการส่งพวกฝูงสัตว์ไปปลุกให้ตื่นโดยทั่วหน้าก่อนกองทัพใหญ่จะเข้าแล้วนี่ ไม่ใช่ลอบจู่โจมเสียหน่อย" เจ้าชายโรเวนตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย มองดูสภาพกระโจมที่ระเนระนาดด้วยฝีเท้าพระเจ้าช้างแห่งแอเรียส

    "งั้นก็ไม่ต้องพูดกันมาก มาตัดสินให้รู้เรื่องไปกันไปเลยแล้วกัน" กษัตริย์หนุ่มแห่งสกอร์ปิโอบอกก่อนชักดาบแห่งกษัตริย์ออกมา

    เพลงดาบของทั้งเจ้าชายโรเวนและเจ้าชายอาเทอร์เข้าปะทะอย่างรวดเร็ว แต่อีกฝ่ายก็ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยเพลงดาบที่ทรงอานุภาพจากพลังของดาบแห่งกษัตริย์

    อีกด้านมีผู้สังเกตุการณ์ดูอยู่บนหลังช้าง จากท้องฟ้า

    "ปล่อยให้พวกเด็กๆจัดการจะดีหรือวิล" คิงริชาร์ดถามอย่างไม่ไว้ใจ

    "เด็กก็ต้องเป็นผู้ใหญ่สักวันนะ พวกเราก็ต้องปล่อยให้พวกเขาหาประสบการณ์สิ มหาปราชญ์ก็คงคิดเช่นนั้นถึงได้ส่งพวกเขาให้มาทำงานนี้" จักรพรรดิวิลเลี่ยมบอก มองดูอีกคนที่ยังหน้าตายไม่พูดอะไรเหมือนเดิม แต่มองเหตุการณ์เบื้องล่างตาไม่กระพริบเช่นกัน

    กองไฟถูกจุดขึ้นจากทุกมุมของค่าย ทำให้เห็นเหตุการณ์สว่างไปหมด ก่อนที่ทหารจะรู้ตัวว่ากระโจมที่ถูกเผาไปเป็นคลังเสบียง ทำให้ต้องรีบดับไฟกันจ้าละหวั่น

    ขณะที่ดับไฟไม่ทันเสร็จดี เสียงระเบิดก็ดังมาจากที่ต่างๆ

    "พวกมันบุกคลังแสงของพวกเรา " หัวหน้ากองบอกก่อนวิ่งไปที่คลังแสง ที่แปรสภาพเป็นส่วนหนึ่งของโคมไฟยักษ์ และเมื่อเข้าไปถึงคลังแสงก็พบว่าบริเวณรอบคลังแสงที่เป็นจุณ ถูกแปรสภาพเป็นให้เป็นวงกลมของระเบิดที่วางไว้ให้ระเบิดเป็นจุดๆ ทำให้ทหารมากมายถูกระเบิดบาดเจ็บไปเป็นจำนวนมาก พวกนักเวทต่างก็ร่ายเวทดับไฟกันยกใหญ่  แต่เมื่อเรียกฝนให้ตกลงมาก็กลายเป็น เข็มน้ำแข็งพุ่งลงมาแทนทำให้นักเวทย์ต่างก็บาดเจ็บไปตามๆกันเพราะไม่ทันได้ระวังตัว ที่กางบาเรียทัน ก็โดนโจมตีต่อด้วยดาบและลูกพลังสีดำซัดกระเด็นไปอีก

    กษัตริย์จูเลี่ยนมองเห็นความปั่นป่วนของกองทัพ ก็เรียกอ.ทีโอดอร์

    "ทีโอดอร์ ท่านต้องออกมาบัญชาการเองแล้ว เพราะข้ากำลังตึงมือกับพวกนี้อยู่" กษัตริย์จูเลี่ยนบอก

    "ไม่ได้หรอก องค์ราชา ข้าก็กำลังต่อสู้ติดพันอยู่เช่นกัน" อ.ทีโอดอร์บอกมา

    ทำให้ทั้งสองต้องแบ่งกันรับมือของแต่ละฝ่ายไปก่อน

    ดวงจันทร์วันเพ็ญทำให้พลังปีศาจเพิ่มมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้มีสายเลือดปีศาจจะได้เปรียบเป็นพิเศษ ทั้งเฟรินและลูคัสต่างระดมกันอัดพลังเข้าใส่ร่างของอ.ทีโอดอร์กันอย่างไม่มียั้ง ก่อนชวนคุย

    "อาจารย์ฮะ ความจริงอาจารย์น่าจะให้เปอร์เซ็นต์พวกผม ถ้าไม่เป็นเพราะการประลองของป้อมอัศวิน ทำให้ป้อมอื่นต้องมาเฝ้าปราสาทเอดินเบิร์ก พวกอาจารย์คงไม่ได้โอกาสขโมยของได้ง่ายขนาดนี้ อาจารย์น่าจะคืนของมาให้พวกผมก่อนเป็นค่านายหน้าแล้วค่อยไปขโมยใหม่วันหลังนะฮะ" เฟรินกล่อมปนยั่วประสาท

    "นั่นสิครับ อาจารย์น่าจะให้พวกผมยืมของกลับไปส่งให้มหาปราชญ์ก่อนสักวันสองวัน แล้วอาจารย์ค่อยไปเอาคืนทีหลัง จะได้เรียกว่าใช้ฝีมือจริงๆหน่อยนะครับ" ลูคัสว่า

    "ใครจะบ้าเชื่อพวกแก" ทีโอดอร์ตะโกนอย่างหัวเสีย

    "เหรอ ผมอุตส่าห์เตือนเพราะความหวังดี  งั้นผมจะบอกอะไรดีๆให้นะฮะ คราวก่อนผมใช้ผ่าปฐพีฟันทีเดียวอ.กิบบอนหายไปเลย" เฟรินว่า

    "ผมว่าอาจารย์คิดดูดีๆก่อนก็ได้ คราวก่อนอ.กิบบอนมีทั้งมงกุฏแห่งใจและดาบแห่งกษัตริย์ยังเอาชนะผ่าปฐพีไม่ได้เลย คราวนี้อ.มีแค่มงกุฏแห่งใจ จะไหวหรือฮะ" ลูคัสยั่วต่อ

    "พวกแก " อ.ทีโอดอร์ คำรามอย่างอารมณ์เสีย ก่อนตกใจกับอาคมดำแห่งเดมอส ของซาตานแห่งป้อมอัศวินที่เริ่มเอาจริง พร้อมผ่าปฐพีที่ส่งพลังทำให้แผ่นดินรอบตัวสั่นสะเทือน

    "ถามมงกุฏแห่งใจดูก็ได้ว่าผลของการต่อสู้กันคราวก่อนเป็นอย่างไร" เฟรินยังแนะอย่างหวังดีสุดๆ

    อ.ทีโอดอร์ เริ่มเห็นด้วย หลังจากถูกซัดด้วยเวทมนต์ของซาตานและถูกดาบฟันเข้าที่แขนห้อยรุ่งริ่ง ถึงแม้จะเชื่อมต่อกันได้ แต่ก็ไม่สะดวกที่จะต่อกรกับสองคนนี้

    เขายกมือขวาขึ้นเรียก "ดาบแห่งกษัตริย์"

    กษัตริย์จูเลี่ยนรู้สึกว่าดาบในมือสั่นไหว ราวกับจะบินออกจากมือไปหาอีกผู้ที่เรียกขานมัน จึงส่งเสียงเตือน

    "อย่า ทีโอดอร์ เรายังต้องใช้ดาบอยู่"

    "ขอยืมแป๊บ ไว้จัดการทางนี้เสร็จจะรีบส่งคืนทันที" อีกฝ่ายบอกอย่างไม่ยอมแพ้

    "ไม่ มงกุฏแห่งใจ" กษัตริย์จูเลี่ยนออกคำสั่งเรียกบ้าง เพราะเริ่มไม่ไว้ใจอีกฝ่ายเหมือนกัน

    ทั้งสองฝ่ายต่างแย่งเรียกของของแต่ละฝ่ายกันไปมา และยืดยุดของวิเศษในมือตนไว้

    เฟรินกับลูคัสอมยิ้ม ก่อนร่ายเวทสะกดพลังทันที

    เจ้าชายโรเวนกับเจ้าชายอาเทอร์มองภาพกษัตริย์จูเลี่ยนตรงหน้า อย่างเริ่มเข้าใจสถานการณ์และแผนของพรรคพวก

    แสงสีดำพุ่งตรงมาที่ข้อมือขององค์กษัตริย์แห่งสกอร์ปิโอ ทำให้ดาบหลุดมือ ดาบพุ่งตรงไปหาผู้ถือครองมงกุฏแห่งใจที่กำลังเรียกพอดี ท่ามกลางความตกตะลึงของกษัตริย์จูเลี่ยน

    ทันทีที่ดาบไปถึงลูคัสกระโดดคว้าดาบไว้อย่างรวดเร็วและรีบสะกดไว้ในเขตแดนที่ร่ายไว้ล่วงหน้า

    เฟรินกระโดดเข้าล็อคคอ อ.ทีโอดอร์และปลดมงกุฏแห่งใจออกจากหัวอีกฝ่ายที่มัวตกตะลึงอย่างรวดเร็ว

    เจ้าชายคาโลและลอเรนซ์ปราดเข้ามาช่วยเฟรินสะกดมงกุฏแห่งใจทันที

    ส่วนคิลและซิบิลเข้าช่วยลูคัสร่ายเวทสะกดดาบแห่งกษัตริย์ด้วย

    เจคกับครี้ดเข้ามารับช่วงต่อสู้กับอ.ทีโอดอร์แทนเฟรินอย่างรวดเร็วไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวทัน โดยที่สามนางฟ้าคอยคุมเชิงอยู่ด้านนอก เผื่อเหตุฉุกเฉิน จะได้ช่วยเหลือได้ทัน

    อีกด้าน กษัตริย์จูเลี่ยนเรียกดาบประจำองค์ออกมาแทน หลังสูญเสียดาบแห่งกษัตริย์ สายตามองหาผู้ที่ส่งพลังมาลอบกัด ก่อนสะดุดตากับทหารร่างโปร่งบางผมสีชาอ่อน พระองค์สะบัดเพลงดาบใส่ทันที

    เจ้าชายอาเทอร์มองตามสายตาของกษัตริย์จูเลี่ยน ก่อนเห็นเป้าหมายที่คุ้นตา จึงเข้ามาขวางทันที

    "คู่ต่อสู้ของท่านอยู่ทางนี้" เจ้าชายอาเทอร์บอกอย่างท้าทาย

    ทั้งสองปะดาบกันต่ออย่างรวดเร็ว

    "พวกเธอเป็นอย่างไรกันบ้าง" เจ้าชายโรเวนหันมาถามโร

    "คงสนุกกันอยู่ทางโน้น ผมรับหน้าที่มาแค่ทำให้ดาบไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่เท่านั้นครับ" โรบอกก่อนหายตัวไปร่วมสนุกต่อ

    "เกมโอเวอร์แล้ว กษัตริย์จูเลี่ยน" เจ้าชายอาเทอร์บอกก่อนตวัดเพลงดาบใส่ทันที ส่งผลให้ร่างสูงขององค์กษัตริย์ล้มฮวบลง เลือดไหลทะลักออกจากปากกษัตริย์หนุ่ม

    "ข้าแพ้แล้วงั้นเหรอ" เสียงพึมพำก่อนจะล้มลง

    "ยุติการต่อสู้ได้แล้ว เหล่าทหารแห่งสกอร์ปิโอ กษัตริย์ของพวกเจ้าสิ้นแล้ว " เจ้าชายอาเทอร์บอกเสียงดัง ทำให้การต่อสู้โดยรอบหยุดลงทันที

    ฝั่งตะวันตก

    อดีตอาจารย์แห่งเอดินเบิร์กถูกฟันด้วยฝีมือของสองนักรบแห่งไนล์ล้มลงในเวลาไล่เรี่ยกัน เพราะเมื่อปราศจากมงกุฏแห่งใจ แผลที่เกิดขึ้นก็ไม่สมานตัวอีกต่อไป ดาบสุดท้ายของครี้ดแทงทะลุหัวใจอีกฝ่ายทันที

    แผนกสะกดของวิเศษก็ทำหน้าที่เสร็จพอดี

    "งานเลี้ยงเลิกแล้วเหรอ" โรที่พึ่งหายตัวมาถึงถามอย่างเสียดาย

    "ไม่ยากอะไรนี่เอาเกวียนมารับสิ พวกเราคงไม่เดินกลับอยู่แล้ว " เฟรินบอกอย่างนึกสนุก

    "งั้นก็เอาช้างสักตัวแถวนี้เป็นพาหนะไปก่อนก็แล้วกัน" โรว่า

    ทั้งหมดหัวเราะกันอย่างสนุก พวกผู้ชมพิเศษบนท้องฟ้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พวกลูกๆปลอดภัยดีกันทุกคนในคราวนี้

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×