ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แฮรี่ ภาคอลวนฮอกวอตส์

    ลำดับตอนที่ #10 : ห้องแห่งความลับ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      2
      22 ส.ค. 49

    บทที่ 10

    ที่กระทรวงเวทมนต์

    "ผมคิดว่าควรมีการสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด คุณควรชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้นศ.ดัมเบิลดอร์" คอร์นีเลียสบอก

    "ผมคิดว่าเรื่องทั้งหมดเราจัดการได้ แต่จากการสืบสวนของผมพบว่ามีการปนเปื้อนของละอองเกสรดอกเมดูซ่าในอาหารของนักเรียน กำลังสืบสวนอยู่ว่าเป็นฝีมือของใคร"

    ดัมเบิลดอร์บอกเสียงเรียบ จ้องหน้าคอร์นีเลียสนิ่งอย่างไม่แสดงอารมณ์

    "ทางกระทรวงขอสั่งพักงานคุณจนกว่าการสืบสวนจะสิ้นสุด และคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางเราจะส่งคนของกระทรวงได้ดูแลโรงเรียนให้ "คอร์นีเลียสบอก

    ดัมเบิลดอร์มองหน้าคอร์นีเลียสนิ่ง ก่อนจากไป เพราะเขาอยากรู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไรอีก และที่สำคัญพวกนี้จะได้ไม่ทำร้ายนักเรียนอีก ส่วนที่เหลือคงต้องพึ่งพวกที่ฮอกวอตส์ในการให้การต้อนรับแล้วล่ะ

    ทางกระทรวงได้ส่งโดโรเรส อัมบริดจ์มาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ฮอกวอตส์แทน และส่งบาร์ทีเมียสมาเป็นผู้สืบสวนคดี

    วันที่โดโรเรสมาทำงานที่กระทรวงหล่อนต้องเสียหน้าเพราะห้องของอาจารย์ใหญ่ไม่เปิดให้หล่อนเข้าไป และอาจารย์ทุกคนก็ปฎิเสธว่าไม่รู้รหัสผ่าน

    หล่อนพยายามมาสังเกตุการเรียนการสอนของทุกวิชา ซึ่งครูทุกคนก็แสดงอาการว่าไม่มีหล่อนอยู่ในชั่วโมง และไม่สนใจหล่อนเลย โดยเฉพาะศ. มักกอนนากัล แต่ก็มีผลบ้างในชั่วโมของศ. ทรีลอนีย์

    อัมบริดจ์ได้จัดชั่วโมงกระทรวงพบปะนักเรียนขึ้นในคาบต่อท้ายวิชาอื่น เพื่อสอนนักเรียนเรื่องความสำคัญของกระทรวงเวทมนต์แทน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เกลียดหล่อน ยกเว้นบ้านสลิธีรินที่มีความสามารถในการปรับตัวสูงอย่างที่บ้านอื่นจะต้องยกย่องในความฉลาดเอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์จริงๆ

    เดรโก มัลฟอยเป็นศิษย์คนโปรดที่โดโรเรสถูกใจมากเป็นพิเศษ เพราะมาจากตระกูลเก่าแก่ เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์และยังร่ำรวย

    โดโรเรสจึงพุ่งเป้าไปที่บ้านกริฟฟินดอร์แทน โดยเฉพาะสองเด็กที่เกิดวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด อย่างแฮรี่และเนวิลล์ แต่ไม่สามารถทำอะไรแฮรี่ได้มากเพราะแฮรี่สามารถตอบปัญหาได้ทุกข้อ หล่อนจึงทำโทษกักบริเวณเนวิลล์แทน

    เช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อนต้องตกใจกับมือที่เป็นแผลของเนวิลล์ เพราะโดโรเรสให้เนวิลล์คัดลายมือชื่อรมต.กระทรวงด้วยปากกาที่เขียนจากเลือดของเนวิลล์ทำให้ทุกครั้งที่ลากปากกาจะปรากฏแผลที่มือแทน เฮอร์ไมโอนี่และแฮรี่ปรุงยาทำแผลให้เนวิลล์ประคบ

    พวกบ้านกริฟฟินดอร์โกรธและเกลียดอัมบริดจ์มาก พวกเขาวางแผนแกล้งอัมบริดจ์กัน

    "อาจารย์ใหญ่ผมมีเรื่องด่วนต้องรายงาน" แฮรี่วิ่งหน้าตื่นมาหาโดโรเรสในตอนเย็น

    "เกิดอะไรขึ้นจ๊ะคุณพอตเตอร์" โดโรเรสถามเสียงสูงอย่างเสแสร้ง

    "ผู้เสพความตายในป่าต้องห้ามครับ" เด็กหนุ่มบอกอย่างตื่นเต้น

    "ผู้เสพความตายหรือจ๊ะ เธอตาฝาดไปมั้ง"โดโรเรสบอก เก็บอาการตื่นเต้นเล็กน้อย

    "จริงฮะพวกเรากำลังเรียนการฝึกสอนสัตว์วิเศษอยู่ วันนี้ศ.รูเบอัสให้ลองนั่งกริฟฟิน มันยอมให้ผมนั่ง เราบินผ่านป่าต้องห้าม มองเห็นพวกชุดดำสี่ห้าคนในป่า ผมจึงรีบมารายงานอาจารย์ใหญ่ก่อน ถ้าอาจารย์ไม่ไปดูผมก็จะได้บอกศ.มักกอนนากัลต่อ" แฮรี่ว่า

    "งั้นพวกเธอนำทางไปสิจ๊ะ" โดโรเรสดัดเสียงบอก

    แฮรี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ พาโดโรเรสมุ่งหน้าไปที่ป่าต้องห้ามทันที

    ในป่าต้องห้ามที่เริ่มมืด แฮรี่นำทางไปอย่างรวดเร็ว

    "ช้าๆหน่อยสิจ๊ะ "โดโรเรสบอก

    "แต่ถ้าไม่รีบพวกมันจะหนีไปก่อนนะค่ะศ."เฮอร์ไมโอนี่บอก

    ที่ชายป่ามีคนชุดดำสี่ห้าคนยืนอยู่เหมือนตกลงอะไรกัน พวกมันหันมาทางพวกเด็กๆและโดโรเรส

    ก่อนยิงคาถาส่งมาอย่างรวดเร็ว เด็กๆแตกฮือหนีทันที

    โดโรเรสก็วิ่งหนีเหมือนกัน รู้สึกว่าเธอไม่น่าโง่ตามมาเลย ตอนแรกที่มาด้วยก็เพราะคิดว่าพวกเด็กๆคงแต่งเรื่องหลอกลวงเธอ ถ้าจับได้ว่าเป็นเรื่องโกหกจะได้ลงโทษให้สาสม

    โดโรเรสวิ่งหนีไปตามทางที่ไม่คุ้นเคยในป่าต้องห้าม เผชิญกับฝูงกริฟฟิน ฝูงแมงมุมยักษ์ และยังสัตว์ต่างๆ

    เสียงฝีเท้าเป็นหมู่ของฝูงอะไรสักอย่างดังขึ้นโดโรเรสมองอย่างขวัญหนีดีฝ่อ

    "ไปให้พ้นนะไอ้สัตว์บ้า" อัมบริดจ์ตะโกนด่าก่อนจะได้เห็นตัว

    ฝูงเซ็นทอร์ล้อมรอบเธอทันที

    "บังอาจมาด่าเราได้ เจ้ามนุษย์ผู้หลงป่า" หัวหน้าเซ็นทอร์บอกอย่างไม่สบอารมณ์

    โดโรเรสยังด่าไม่หยุด เมื่อเห็นว่าเป็นเซ็นทอร์ ก่อนร่ายคาถาใส่ทันที

    เหล่าเซ็นทอร์ยิงธนูเฉียดอัมบริดจ์ อีกดอกก็ยิงใส่ไม้กายสิทธิ์หักสองท่อน ก่อนควบตะลุยล้อมเธอ โดโรเรสกรีดเสียงร้องอย่างเป็นบ้าทันที ก่อนสลบเพราะความกลัว

    ร่างในเสื้อคลุมสีดำปรากฏร่างหลังฝูงเซ็นทอร์จากไป เขาร่ายเวทดึงเอาเส้นใยสีขาวออกมาจากศีรษะของโดโรเรส ก่อนพยักหน้าให้แฮกริดแบกร่างของอัมบริดจ์ไปส่งห้องพยาบาล

    หลังจากฟื้นโดโรเรสต้องไปพักรักษาตัวที่รพ.เซ็นต์มังโก เพราะมีอาการหวาดกลัวจัด โดยเฉพาะเมื่อได้ยินเสียงคล้ายกีบม้า ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเธอไปป่าต้องห้ามคนเดียว

    ทางกระทรวงถูกร้องเรียนกรณีที่ให้ดัมเบิลดอร์พักงาน โดยมิชอบ

    และกรณีที่ครอบครัวลองบัตท่อมฟ้องโดโรเรส อัมบริดจ์ ลงโทษไม่สมเหตุผล รังแกบุตรชายของตนโดยมีภาพถ่าย บาดแผลที่มือเป็นหลักฐาน และลงหนังสือพิมพ์เดลี่ พรอเฟ็ตเป็นข่าวโด่งดังในโลกเวทมนต์

    หนังสือพิมพ์เขียนโจมตีศ.โรคจิต ใช้อำนาจในทางมิชอบรังแกนักเรียน และกระทรวงกลั่นแกล้งดัมเบิลดอร์หวังยึดอำนาจในฮอกวอตส์ เขียนโดยนักข่าวสาว ริต้า สกีตเตอร์ เพื่อนสนิทของซิเลียส  และแน่นอนภาพที่คมชัดเป็นพิเศษถ่ายโดยซิเลียส แบล็กช่างภาพชื่อดัง

    ทำให้กระทรวงต้องให้ดัมเบิลดอร์กลับมาเป็นอาจารย์ใหญ่ตามเดิม

    อีกด้านด็อบบี้จับได้ว่าวิงกี้เป็นผู้โรยผงเมดูซ่าในอาหารของเด็กนักเรียนจึงจับตัวมาให้

    บาร์ทีเมียส เคร้าซ์ต้องตกใจที่อดีตเอลฟ์ประจำบ้านของตนเป็นผู้วางยาเด็กนักเรียน

    คอร์นีเลียสรีบมาที่ฮอกวอตส์ ทันทีเมื่อทราบข่าว และขอเป็นคนซักถามวิงกี้เอง

    "ใครสั่งเธอให้วางยาเด็กนักเรียน" คอร์นีเลียสถาม

    "เป็นนายท่านสั่งเจ้าค่ะ" เอลฟ์สาวบอกเสียงเลื่อนลอย

    "งั้นผมต้องขอจับกุมคุณไปให้รูฟัจเสียแล้ว" คอร์นีเลียสบอกกับบาร์ทีเมียสที่มีสีหน้าตกใจ แต่ก็ดูเลื่อนลอยอีกครั้ง

    ก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะได้เอ่ยซักออกไปก็ต้องตกใจกับเสียงของศ.มักกอนนากัลจนต้องรีบออกไปดู

    "เกิดอะไรขึ้นมิเนอร์ว่า" ศ.ดัมเบิลดอร์ถาม

    "รูฟัจพาผู้คุมวิญญาณมาที่โรงเรียนนะสิ" ศ.มักกอนนากัลบอกอย่างขัดใจ เพราะมันทำให้นักเรียนไม่สบายกันเป็นทิวแถว

    ขณะที่ดัมเบิลดอร์กลับเข้าไปหาคอร์นีเลียสเพื่อให้ออกคำสั่งพาผู้คุมวิญญาณกลับไป

    เขาก็ต้องพบว่ารูฟัจให้ผู้คุมวิญญาณมอบจุมพิตให้บาร์ทีเมียสไปแล้ว

    เขาร่ายคาถาขับไล่ผู้คุมวิญญาณทันทีแต่ก็ไม่ทันช่วยบาร์ทีเมียสแล้ว

    "คุณยังไม่ได้สืบสวน แค่คำให้การของเอลฟ์ คุณก็ลงโทษเขาแล้วหรือ" ดัมเบิลดอร์ถามเสียงเย็น ที่พวกนี้ฆ่าคนในฮอกวอตส์

    "นั่นเป็นการลงโทษคนของเรา ฮอกวอตส์ไม่เกี่ยว" คอร์นีเลียสบอก ก่อนหันไปหารูฟัจให้กลับ

    "งั้นก็รีบพาพวกผู้คุมวิญญาณออกไปจากโรงเรียนนี้" ดัมเบิลดอร์บอกเสียงเครียด

    "เกิดอะไรขึ้นรูฟัจ" คอร์นีเลียสถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังหันไม่เลิก

    "เอลฟ์นะสิไม่รู้ว่ามันหายไปไหน" รูฟัจบอกอีกฝ่าย

    "มันคงตกใจกลัวผู้คุมวิญญาณจนหนีไปแล้วมั้ง" ดัมเบิลดอร์บอกเสียงเย็น ก่อนร่ายเวทส่งแขกอย่างรวดเร็ว

    หันมามองเห็นด็อบบี้ออกมาจากผ้าคลุมล่องหน พร้อมร่างที่ยืนนิ่งของวิงกี้ และร่างของโวลเดอมอร์

    "ผมมาไม่ทันช่วยบาร์ทีเมียส เลยสะกดนิ่งวิงกี้แทน อย่างน้อยมันอาจพอบอกอะไรได้บ้าง" โวลเดอมอร์บอกสีหน้าเรียบ

    "พวกเราทำดีที่สุดแล้ว แต่ไม่ทันฝ่ายนั้น เพราะคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะเล่นงานบาร์ทีเมียส" ดัมเบิลดอร์บอก

    ก่อนเรียกประชุมเหล่าภาคี

    ในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ ร่างเอลฟ์ตัวจ้อยนั่งบนเก้าอี้ สเนปป้อนสัจจะเซรุ่มให้กับมัน เพื่อให้ตอบคำถาม

    "เธอชื่ออะไร" เซเวอรัสเริ่มการสอบสวน

    "เป็นอิฉันชื่อวิงกี้เจ้าค่ะ" เอลฟ์ตอบด้วยเสียงเลื่อนลอย

    "เธอทำงานกับบาร์ทีเมียสมานานแล้วหรือ" เซเวอรัสถามต่อ

    "เป็นอิฉันทำงานรับใช้คุณผู้ชายมาทุกชั่วรุ่น" วิงกี้บอก

    "เธอออกจากบ้านทำไม" เซเวอรัสถามต่อ

    "เป็นนายท่านสั่งให้อิฉันทำ" วิงกี้ตอบ

    "ทำไมนายท่านถึงสั่งเธอ" เซเวอรัสถาม

    "หลังจากท่านรูฟัจได้มาเยี่ยมนายท่าน นายท่านก็แปลกไป ดูเหม่อลอย และสั่งให้วิงกี้มาฮอกวอตส์ และวางยานักเรียนที่มาจากครอบครัวมักเกิ้ล" วิงกี้บอก

    ทุกคนมองหน้ากันและคิดตรงกันว่าบาร์ทีเมียสต้องถูกคาถาสะกดใจเป็นแน่

    "วิงกี้พอจะรู้ความลับของนายท่านไหม" ซัลลาถามต่อแทน

    "นายท่านกำลังหาหลักฐานจับผิดกระทรวง เพื่อช่วยนายน้อยบาร์ตี้ที่ถูกขังที่คุกอัซคาบัน เพราะถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้เสพความตาย" วิงกี้บอก

    "แล้วนายท่านของเธอรวบรวมหลักฐานไปถึงไหนแล้ว" ซัลลาถามต่อ

    "เป็นนายท่านซ่อนหลักฐานทั้งหมดไว้ อิฉันไม่ทราบ" วิงกี้บอกต่อ

    หลังซักถามวิงกี้จนหมด พวกเขาก็ให้ยาถอนฤทธิ์สัจจะเซรุ่ม

    เอลฟ์สาวถูกให้มองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด วิงกี้เสียใจที่เป็นต้นเหตุให้นายท่านตาย

    "พวกมันสะกดใจวิงกี้ให้ใส่ร้ายนายท่าน" เอลฟ์สาวบอกก่อนพุ่งหัวชนฝาอย่างทำโทษตัวเอง

    "หยุดก่อนวิงกี้ ทำอย่างนี้ก็ไม่ได้อะไร เราต้องสานปณิธานของนายท่านวิงกี้ต่อสิ" ด็อบบี้ปลอบใจเพื่อน

    "จริงสิ วิงกี้ต้องไปช่วยนายน้อยแทนนายท่าน เป็นความหวังสุดท้ายของนายท่าน" วิงกี้บอก

    ดัมเบิลดอร์มองอย่างเห็นใจ ทั้งหมดตกลงว่าจะช่วยลูกชายของบาร์ทีเมียส

    โดยสเนปปรุงยาเสมือนตายให้วิงกี้ลอบนำไปที่คุกอัซคาบัน เพื่อให้บาร์ตี้ เคร้าซ์ ทาน เมื่อตายแล้วค่อยนำศพกลับมา โดยด็อบบี้รับปากว่าจะไปเป็นเพื่อนวิงกี้ด้วย

    หลังเหตุการณ์ผ่านพ้น ในห้องทำงานอาจารย์ใหญ่ เหล่าภาคีก็ประชุมลับรายงานผล

    "เราช่วยลูกชายของเคร้าซ์ได้แล้ว ตอนนี้ซ่อนตัวเขาไว้ในที่ปลอดภัย" ลูเซียสบอก

    "ท่าทีของเขาเป็นอย่างไรบ้าง" ดัมเบิลดอร์ถาม

    "เขาบอกว่าจะแก้แค้นให้พ่ออย่างแน่นอน" ลูเซียสบอก

    "แล้วเราหาหลักฐานที่บาร์ทีเมียสรวบรวมไว้เจอหรือยัง"โวลเดอมอร์ถามอย่างติดใจ

    "บาร์ตี้ก็ไม่ทราบ แต่เขารับปากว่าจะช่วยสืบหาที่ที่พ่ออาจจะซ่อนไว้ให้ และบอกว่าจะช่วยเราเปิดโป่งคนผิดให้ได้"ลูเซียสบอกต่อ

    "งั้นก็มาดูสรุปผลจากความทรงจำของอัมบริดจ์กันก่อนแล้วกัน" ซัลลาบอก

    ในอ่างเพนซิฟ มีภาพการประชุมของกลุ่ม โดยทุกคนสวมหมวกคลุมหน้า

    "บาร์ทีเมียสเริ่มจะไหวตัวแล้ว เราต้องกำจัดมันก่อนที่จะรู้ความลับของเรามากไปกว่านี้" เสียงบอก ฟังดูเหมือนจะเป็นรูฟัจดังขึ้น

    "งั้นเริ่มแผนห้องแห่งความลับเพื่อป้ายสีทั้งดัมเบิลดอร์และบาร์ทีเมียสเลยแล้วกัน" เสียงที่ฟังดูเหมือนคอร์นีเลียสบอก

    "งั้นให้ฉันไปคุมฮอกวอตส์เถอะ" เสียงโดโรเรสบอกเสนอตัว

    พวกเขาประชุมวางแผนกัน แต่ไม่ได้เอ่ยถึงรีมัสในแผนแสดงว่ารีมัสไปได้ยินมาโดยบังเอิญ และเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็คิดว่าคนที่พูดกันอยู่ตอนที่รีมัสแอบฟังคือรูฟัจกับคอร์นีเลียส

    แต่ซิเลียสติดใจกับชายอีกคน เขาบอกว่ารู้สึกคุ้นแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร

    "พวกมันปิดหน้าทุกครั้งที่เขาประชุมทำให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและมีแต่พวกหัวหน้าใหญ่ที่จะรู้จักสมาชิกทั้งหมด และยายนี่ก็ยังไม่ใช่ตัวการใหญ่"

    โวลเดอมอร์บอกสรุปอย่างเสียดายที่ไม่รู้ตัวพวกมันทั้งหมด

    "แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่าทั้งรูฟัจและคอร์นีเลียสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งคู่"ดัมเบิลดอร์บอก

    การประชุมจะเริ่มต่อเมื่อมีความคืบหน้าไปมากกว่านี้ ทั้งหมดแยกย้ายไปจัดการจับตามองดูรูฟัจกับคอร์นีเลียสต่อ

    หลังการประชุม

    "ดัมเบิลดอร์ผมกับแฮรี่ว่าจะลองเปิดห้องแห่งความลับดู" โวลเดอมอร์บอก

    "คุณรู้แล้วหรือว่ามันอยู่ที่ไหน" ดัมเบิลดอร์ถาม

    "ผมคิดว่า แต่ก็รอให้คุณกลับมาก่อนค่อยเปิด ไม่อยากเปิดตอนยายแร้งทึ้งนั่นอยู่" โวลเดอมอร์บอก

    "งั้นผมกับฟอกส์จะไปด้วย" ดัมเบิลดอร์บอก

    ทั้งหมดไปที่ห้องน้ำของเมอร์ทิล จากการมาสอบถามทำให้รู้ว่าเมอร์ทิลลื่นหัวฟาดพื้นเองไม่เกี่ยวกับห้องแห่งความลับ แต่แฮรี่สังเกตุเห็นรอยสลักรูปงูที่ก็อกน้ำพอดี ทำให้ทั้งคู่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นทางเข้าห้องแห่งความลับ เพราะห้องน้ำนี้ไม่เคยใช้ได้เลยมาตั้งแต่สมัยทอม ริ้ดเดิ้ลแล้ว ก่อนหน้านั้นมันก็เสียมาตลอด

    โวลเดอมอร์พูดภาษาพาร์เซล ที่หน้ารอยสลัก อ่างน้ำก็แยกออกไปร่องลึกเข้าไปข้างล่าง ทั้งหมดลงไปตามปล่อง

    สุดทางเดินมีประตูใหญ่ พวกเขาพูดภาษาพาร์เซลอีกครั้ง

    ประตูก็ไม่เปิดให้

    โวลเดอมอร์มองหน้ากับแฮรี่อย่างงง

    ดัมเบิลดอร์มองดูประตูสักพักก่อนยื่นกล่องไม้ให้โวลเดอมอร์ เขารับมาเปิดดูอย่างงง ของในกล่องคือสร้อยและแหวน

    "สร้อยของแม่ และแหวนของพ่อเธอ ฉันขอให้ลี่ลี่ส่งมาให้" ดัมเบิลดอร์บอกเสียงเรียบ หันไปมองคนที่ยืนกัดกรามเครียด แฮรี่มองอย่างงงงวย

    โวลเดอมอร์หยิบสร้อยมาสวมให้แฮรี่ ก่อนสวมแหวนที่นิ้วนางขวาของตน ทั้งคู่นำของทั้งสองประทับที่รอยหน้าประตู ประตูเลื่อนออกอย่างง่ายดาย

    พวกเขาเข้าไปในห้องที่กว้างมาก มีน้ำอยู่สองข้างทาง เสียงฟ่อดังมาจากรูปปั้นของซัลลาซาร์ ที่ทั้งโวลเดอมอร์และแฮรี่มองอย่างตกตะลึก เพราะเหมือนกับโวลเดอมอร์ราวกับแกะ

    "ท่านตาเป็นทายาทแห่งสลิธีรินจริงๆด้วย" แฮรี่บอกอย่างตื่นเต้น ลืมนึกว่าตนเองก็เป็นหลานผู้สืบสายเลือดเหมือนกัน

    "อย่าสบตากับมันนะ" ดัมเบิลดอร์เตือน

    "นายท่านกลับมาหาข้าแล้ว" เสียงฟ่อของงูฟังได้เป็นภาษาพาร์เซล

    "ข้าไม่ไช่ท่านซัลลาซาร์หรอก แต่เป็นลูกหลานของเค้า" โวลเดอมอร์ตอบไปด้วยภาษาพาร์เซล

    "ข้าเฝ้ารอพวกท่านมานานเหลือเกิน" งูยักษ์บอก ก่อนเลื้อยออกมา และหันข้างให้อย่างรู้งาน ทำให้ทั้งหมดมองมันได้เต็มตา มันเป็นงูตัวใหญ่ยักษ์ มันเฝ้าบอกว่ารอคอยมาตลอดทำให้ทั้งโวลเดอมอร์อดสงสารไม่ได้ ทั้งคู่สัญญาว่าจะลงมาหาบ่อยๆ ก่อนลาเจ้างูยักษ์กลับ

    ก่อนกลับบาซิลิกซ์มอบพิษของมันให้เป็นของฝาก

    "เก็บไว้นายท่านเผื่อไว้ป้องกันตัว" งูยักษ์บอกอย่างจงรักภักดีกับผู้สืบสายเลือดของซัลลาซาร์ทั้งสอง

    ทั้งหมดได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับบาซิลิกซ์ เพราะงูยักษ์ไม่เคยออกจากห้อง และเฝ้ารอซัลลาซาร์มาตลอด

    ในห้องของอาจารย์สอนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด

    "ท่านตาผมคืนสร้อยฮะ" แฮรี่ว่าก่อนถอดสร้อยคืนให้

    "อืมความจริงมันเป็นของแม่เธอแล้วล่ะ" โวลเดอมอร์บอกหลานชาย

    "ท่านตาผมสงสัย แหวนนั่นสลักตราของสลิธีริน แล้วทำไมอาจารย์ใหญ่ว่ามันเป็นของ.." แฮรี่ถามต่อไม่จบเพราะสีหน้าของท่านตา

    "หลานสมควรจะรู้ เพราะเป็นเรื่องของหลานด้วยเหมือนกัน เรื่องมันมีอยู่ว่าตระกูลก็อนท์เป็นตระกูลที่สืบสายเลือดของสลิธีริน และแต่งงานกันในตระกูลเพื่อรักษาสายเลือดบริสุทธิ์ ตอนหลังพวกเขายากจนลง ย้ายออกมาอยู่โดดเดี่ยวไม่ติดต่อกับใคร
    ท่านตาของพ่อ มาร์โวโล่ ก็อนท์มีลูกสองคน คนโตเป็นผู้ชายชื่อมอร์ฟีน คนเล็กเป็นผู้หญิงชื่อเมโรเพ พวกเขาอยู่ด้วยกันสามคน ต่อมาเมโรเพพบรักกับหนุ่มมักเกิ้ล ลูกชายเจ้าของที่ดินชื่อทอม ริ้มเดิ้ล
    แต่มอร์ฟีนไม่ยอมให้สายเลือดบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน เขาข่มขืนน้องสาวตัวเองจนเธอท้อง ทอมรู้เรื่องทั้งสองเลยหนีไปด้วยกัน มอร์ฟีนไปฆ่าพวกริดเดิ้ลที่บ้าน และออกตามหาน้องสาวต่อรวมทั้งหนีการตามล่าของกระทรวง ส่วนท่านตาตรอมใจและเสียชีวิตไม่นาน ท่านแม่หนีไปกับพ่อทอมแต่หนีไม่พ้น พ่อทอมเอาตัวเข้าขวางให้แม่หนีไปก่อน และถูกมอร์ฟีนฆ่าตายในที่สุด แต่พวกกระทรวงก็ตามจับเขาจนได้
    ส่วนแม่เพื่อจะมีเงินประทังชีวิตเลยขายสร้อยเส้นนี้ไป หลังคลอดฉันก็เสียชีวิต ฉันไปโตอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ดัมเบิลดอร์ได้ไปสอบสวนมอร์ฟีน เขาขอร้องดัมเบิลดอร์ให้ช่วยตามหาฉันและมอบแหวนนี้ให้เป็นมรดก ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
    แม่ตั้งชื่อฉันตามชื่อชายคนรักที่ปกป้องเธอด้วยชีวิต ฉันเลยไม่เคยนึกเกลียดพวกมักเกิ้ลเพราะความเสียสละของเขาฉันถึงได้มีชีวิตอยู่ ส่วนสร้อยนี้ต่อมาท่านยายของลูกได้ซื้อต่อมาจากร้านบอร์เจ็น และมันเป็นมรดกของแม่หลานไง" โวลเดอมอร์เล่าเรื่องราวทั้งหมด

    "เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมคิดว่าดีแล้วที่เรายังมีชีวิตอยู่"แฮรี่ว่าก่อนส่งยิ้มอ่อนโยนให้ท่านตา

    สองตาหลานกอดกันกลม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×