ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงแห่งเซเลน

    ลำดับตอนที่ #22 : เลือดแห่งสัญญา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 102
      0
      29 ก.ค. 49

    บทที่ 22

    ที่บ้านฮิเมโนะ

    โนโครุเดินเวียนดูอาการของสองคนที่ยังนอนหลับสนิท

    ตอนตกใจก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ต้องตั้งสติได้ก็เริ่มสงสัย

    "ทำไมพี่ซึซึคุถึงกลับไปเป็นเด็กอายุสิบห้าได้ล่ะเนี่ย"

    ไม่รู้จะถามใครเพราะเชียร์กับไคน์ก็กลับไปแล้ว  จริงด้วยท่านแม่น่าจะรู้ ว่าแล้วก็ไปพบมารดาที่ห้อง

    "ท่านแม่ครับทำไมพี่ซึซึคุกลับเป็นเด็กอีกครั้งล่ะครับ"

    ชายหนุ่มหน้าหวานถาม ขณะนั่งเบื้องหน้ามารดาในห้องชงชา

    "พี่เขาไม่ได้กลับเป็นเด็กหรอก แต่ไม่เคยโตขึ้นมาต่างหาก เวลาของซึซึคุหยุดลงตั้งแต่อุบัติเหตุตอนอายุสิบห้าแล้วล่ะจ๊ะคุณโนโครุ"

    มารดาบอกอย่างอ่อนโยน

    "ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะครับ" ชายหนุ่มยังสงสัย

    "พี่เขาก็มีชะตากรรมของเขาเช่นเดียวกับมังกรสวรรค์และมังกรปฐพี พี่เขาเป็นดาราแห่งความมืด ดูแลสมดุลของความมืดในโลกนี้ เพราะหน้าที่แบกรับ ทำให้พี่เขาได้รับเลือดแห่งเซเลนและโดนหยุดเวลาไว้โดยเจ้าแห่งความมืดคนก่อนนะ"

    มารดาบอกกระแสเสียงปนความเศร้าในชะตากรรมของบุตรชาย

    "งั้นร่างที่เป็นผู้ใหญ่ล่ะครับ" โนโครุถามเมื่อนึกได้ว่าเคยเห็นพี่ชายเป็นผู้ใหญ่

    "นั่นเป็นร่างหุ่นยนต์ ผลงานประดิษฐ์ของดอกเตอร์เอ็กซ์นะจ๊ะ" มารดายังอธิบายต่ออย่างใจเย็น

    "ขออนุญาติครับ"เสียงเชียร์บอกนอกห้อง

    "เข้ามาสิจ๊ะ" ท่านย่าอนุญาตินึกรู้จุดประสงค์ของหลานรัก

    "ตกลงที่บ้านว่าอย่างไรบ้างจ๊ะคุณคาซึกิ"

    เสียงอ่อนโยนถาม ถึงแม้จะรู้คำตอบของอีกฝ่ายดีอยู่แล้ว

    "ท่านแม่บอกมาว่าพวกเขาคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ นอนหลับชดเชยพลังที่เสียไปจนกว่าจะฟื้นตัว ผมคงต้องขอรับตัวพวกเขากลับนะครับ"

    เชียร์บอกเสียงเป็นการเป็นงาน

    "อาการหนักมากหรือจ๊ะ"หญิงชราเอ่ยถามระคนเป็นห่วง

    "พวกเขาใช้พลังมากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดภัยพิบัติ คงต้องหลับยาวอาจเป็นร้อยหรือสองร้อยปีครับ"เชียร์บอกผลที่คำนวณคร่าวๆ

    "พวกเธอจะไปไหนนะ"โนโครุถามอย่างตกใจ

    "พวกเราจะกลับนครลอยฟ้านะฮะท่านอา เพราะพวกเขาน่าจะหลับยาว และเผ่าพันธุ์ของพวกเรามีช่วงระยะเวลาถึงหนึ่งพันปี"

    เด็กหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีฟ้าบอกอย่างจริงจัง ก่อนมองหน้าท่านย่า เมื่อเห็นหญิงชราพยักหน้า

    เด็กหนุ่มจึงกล่าวต่อ"พวกเราสามารถให้เลือดแห่งสัญญากับคนพิเศษทำให้พวกเขาเป็นคนในเผ่าได้ แต่พวกเขาต้องตัดขาดจากโลกเดิมของตน เหมือนการทำสัญญากับปิศาจ"เมื่อพูดจบก็มองหน้าท่านอานิ่ง

    "หมายความว่าถ้าได้เลือด อาก็สามารถอยู่รอเชอร์ลืมตาตื่นได้สินะ"โนโครุถามอย่างตื่นเต้น

    "นั่นเป็นสิ่งที่ท่านอาต้องตัดสินใจดีๆ ก่อนเลือก เพราะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีก เมื่อเลือกหนทางนั้นแล้ว เท่ากับท่านอาได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว"

    เชียร์บอกเสียงเยือกเย็นก่อนลุกขึ้น เด็กหนุ่มโค้งให้ท่านย่า ก่อนเอ่ยคำสุดท้าย

    "ถ้าเป็นความปรารถนาที่ได้ตัดสินใจแล้ว ก็เรียกผมได้ทุกเมื่อ"


    "ท่านแม่ ผม.."โนโครุพูดไม่ออก

    "ความสุขของคุณโนโครุ ก็คือความสุขของแม่ เพราะฉะนั้นตัดสินใจโดยไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกคุณโนโครุ ฟังแค่เสียงหัวใจของลูกก็พอ"

    มารดายิ้มอย่างอ่อนโยนและให้กำลังใจชายหนุ่ม

    "ขอบคุณมากครับท่านแม่" โนโครุบอก ก้มศีรษะขอบคุณมารดาจากใจจริง


    ที่บ้านตระกูลฮายามิ

    "นายว่าอะไรนะ"คาซึยะถามซ้ำเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด

    "ฉันบอกว่าพวกเขาจะหลับยาวกันแค่ร้อยสองร้อยปีเอง"โนโครุบอกสิ่งที่รู้ให้เพื่อนสนิททราบ

    "แล้วเชียร์ล่ะ เขาไม่เห็นบอกอะไรฉันเลย"

    คาซึยะบอกเสียงเบาหวิว รู้สึกราวกับจะไม่ได้เจอเด็กหนุ่มอีก ทำให้เขารู้สึกใจหาย ราวกับโลกว่างเปล่าปราศจากความหมายถ้าไม่ได้เห็นดวงตาสีฟ้าคู่นั้น

    "ฉันไม่รู้ นายคงต้องไปถามเจ้าตัวเอง"

    โนโครุบอกอย่างไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน ลำพังเรื่องตัวเองก็ยังไม่ถึงไหนเหมือนกัน

    คืนนั้นโนโครุตัดสินใจเด็ดขาด

    "เชียร์" ชายหนุ่มเรียกหลานตัวดี

    ร่างหนึ่งปรากฏตัวเบื้องหน้า ร่างที่คุ้นเคย ผมสีทองยาวสลวยถึงเอว ดวงตาสีฟ้าราวกับท้องฟ้า

    "อาตัดสินใจแล้ว อาจะไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม"โนโครุบอกเสียงจริงจัง

    เด็กหนุ่มผมสีทองยื่นมือให้ท่านอา

    "เดี๋ยว เชียร์เราต้องมีเรื่องต้องพูดกันก่อน" คาซียะที่รีบวิ่งมา พูดปนหอบ

    "เรื่องอะไรฮะ" เด็กหนุ่มถามเสียงเรียบ ไม่มีแววล้อเล่น หรือกวนโมโหเมื่อเดิม

    "เธอจะหลับยาวด้วยหรือ" คาซึยะถามเรื่องที่สงสัย

    "ผมคงต้องหลับไปด้วย เพื่อความสมดุลเพราะเชอร์หลับ เอลหลับ ซึซึคุก็หลับ ถ้าเหลือก็คงเป็นไคน์ที่ไม่หลับ"

    เด็กหนุ่มบอกพลางสบตาอย่างร่างสูงนิ่งสงบ

    คาซึยะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตัดพ้อ

    "ฉันคงไม่ได้รับเกียรติ ที่จะให้ไปกับเธอด้วยสินะ"

    "ถ้าเป็นความปรารถนาของนาย ฉันก็จะช่วยให้สมปรารถนา"

    เด็กหนุ่มบอกหลังจากนิ่งไปสักพัก แววตาปรากฏรอยยินดีแวบหนึ่งก่อนเลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายไม่ทันสังเกตุ

    "ฉันอยากไปด้วย"ชายหนุ่มบอกเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน

    "แล้วกิจการนายล่ะ"โนโครุถาม

    "ฉันยกให้พี่ชายนายดูแลต่อแล้วล่ะ"
     
    คาซึยะตอบอย่างไม่สนใจ บิดาเขาเสียแล้ว และเขาก็เป็นทายาทคนเดียว ไม่มีญาติที่ไหนอีก แต่ถ้าฝากให้คุณซาโทชิดูแลฉันก็วางใจได้

    "แล้วของนายล่ะ" คาซียะย้อนถาม

    "พี่ซาโทโกะรับปากจะดูแลให้แล้ว"โนโครุบอก แถมเซจุกับเคโตะก็ยังทำงานเลขาต่อ ยิ่งไม่ต้องห่วง


    ทั้งหมดหายตัวไป ทั้งสามคนปรากฏตัวอีกครั้งในพระราชวังโบราณ ทั้งโนโครุและคาซึยะรู้สึกว่าแน่นหน้าอกหายใจลำบากเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับหน้ามืด กับความกดดันที่ไม่เหมือนผิวโลก

    "ที่นี่นครลอยฟ้าหรือ" โนโครุถาม

    "ไม่ใช่หรอกฮะ ที่นี่วังใต้พิภพครับ ตอนนี้ผมพามาได้แค่นี้ เพราะนครลอยฟ้ามีบรรยากาศที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจอยู่ได้ ที่นครใต้พิภพนี้ยังพอมีอากาศหายใจ แค่สวมสร้อยคอนี่ก็จะสามารถหายใจได้สะดวกไม่ต่างจากพื้นโลกเท่าไร"

    พลางยื่นสร้อยคอสองเส้นให้ทั้งคู่

    "ผมจะพาไปแนะนำให้รู้จักญาติ คงรออยู่ที่ห้องอาหารแล้วมั้งครับ" เชียร์บอกก่อนเดินนำเข้าไป

    ในห้องอาหารมีผู้คนหน้าตาสวยงามมากมาย ทั้งหมดต่างยิ้มให้พวกเขา และแนะนำตัวอย่างสนิทสนม

    "ฉันฟรังเป็นแม่ของเชียร์จ๊ะ ได้ยินพวกเด็กๆเล่าเรื่องของพวกเธอให้ฟังบ่อยๆ ยินดีที่ได้พบ" หญิงสาวผมสีทอง หน้าตาคล้ายเชียร์เอ่ยต้อนรับ

    "ฉันเอ็ด เป็นพ่อของเชียร์" ชายผมสีทองหยักศก ดวงตาสีฟ้าสีเดียวกับเชอร์บอก

    "ฉันชาล์ลเป็นแม่ของเชอร์ และนี่ดีนเป็นพ่อของเชอร์ ยินดีต้อนรับเช่นกัน"

    รอยยิ้มสว่างจากชายหนุ่มผมสีทอง ดวงตาสีทองถูกส่งมาเช่นเดียวกันชายผมสีเงิน ดวงตาสีเขียวเหมือนเชอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้าตอบรับ

    "ผมโนโครุครับ" ชายหนุ่มหน้าหวานแนะนำตัวเอง

    "ผมคาซึยะ ยินดีที่ได้พบครับ" คาซึยะแนะนำตัวเองเช่นกัน เพราะร่างบางข้างๆ แกล้งไม่แนะนำให้

    "ถ้าพวกเธอจะอยู่ที่นี่ก็ต้องรับเลือดของคนที่เธอจะพูกสัมพันธ์ด้วย ในกรณีของโนโครุก็ต้องเป็นเลือดของเชอร์" โจนาบอกหลังจากแนะนำตัวเสร็จ

    "แล้วตอนนี้เชอร์ยังไม่ได้สติ" โนโครุถามประเด็นที่สงสัย

    "ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงเด็กนั่นก็เลือกเธออยู่ดี มาทางนี้สิ" ชาล์ลบอกพร้อมออกเดินนำไป

    ในห้องทดลองของดอกเตอร์เอ็กซ์ ร่างชายหนุ่มผมสีทองปนเงิน นอนหลับอยู่ในแคบซูลแก้ว

    ชาล์ลเอื้อมมือสัมผัสปุ่มบนหน้าปัด ก่อนครอบแก้วจะเปิดออก ดีนยื่นมือที่ถือมีดขึ้นมา ก่อนกรีดไปบนหน้าอกด้านซ้ายของลูกชาย เลือดสีทองปรากฏออกมาจากบาดแผล

    "ดื่มสิ" ดีนหันมาบอกสั้นๆ

    โนโครุก้มลงไปเลียเลือดสีทองที่ไหลออกจากบาดแผล รสชาติหอมหวาน ไม่มีกลิ่นคาว เมื่อเงยหน้าขึ้น ปากแผลก็ปิดสนิท

    "เสร็จแล้วหรือครับ" โนโครุถามอย่างไม่แน่ใจ

    "เสร็จแล้วจ๊ะ" ชาล์ลบอกพร้อมรอยยิ้ม

    โนโครุรู้สึกง่วงนอนอย่างประหลาด ร่างโปร่งของชายหนุ่มทรุดฮวบลง ดีนรับร่างนั้นไว้ได้ทัน

    "ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันเถอะ"ชาล์ลบอก

    ดีนวางร่างลูกสะใภ้ลงเคียงข้างกับลูกชายที่หลับใหลอยู่ ก่อนปิดแคบซูล

    "ทำไมโนโครุถึงได้หลับไปล่ะ" คาซึยะถาม

    "ก็เพราะรับเลือดของเชอร์เข้าไปน่ะสิ"

    เชียร์บอกอย่างไม่แปลกใจอะไร ก่อนมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะถามว่า แล้วนายจะเอายังไง

    "ขอเลือดของนายให้ฉันบ้างสิ" คาซึยะเอ่ยอย่างไม่หวั่นไหวเช่นกัน

    เชียร์มองหน้าอีกฝ่ายอยู่ชั่วครู่เหมือนให้โอกาสเปลี่ยนใจ ก่อนกรีดฝ่ามือ เรียกเลือดสีทองออกมาหนึ่งหยด อยู่กลางฝ่ามือ

    "ไม่ใช่เลือดที่หน้าอกหรอกเหรอ" คาซึยะถามอย่างสงสัย

    "หรือนายจะไม่เอา" อีกฝ่ายก็ตอบอย่างหมั่นไส้

    "จะเลือดตรงไหนก็ได้ ขอแค่เป็นเลือดสีทองก็พอ" ชาล์ลอธิบาย

    "หมายความว่ามีเลือดสีอื่นด้วยหรือครับ" คาซึยะถามอย่างไม่หายสงสัย

    "ปกติพวกเราก็มีเลือดสีแดง แต่เลือดแห่งพลังนั่นเป็นสิ่งที่เกิดจากเจตนา ไม่ใช่เลือดจากบาดแผลทั่วไปหรอก ต้องใช้ความตั้งใจเรียกออกมาต่างหาก"

    ชาล์ลรีบอธิบาย ก่อนที่เชียร์จะงอนคนเจ้าปัญหาไปมากกว่านี้

    เมื่อได้ยิน คาซึยะจึงยิ้มออก รีบดึงมืออีกฝ่ายไว้ก่อนชักมือกลับ ก่อนก้มหน้าไปจุมพิตสัญญาที่ฝ่ามือนั้น ปลายลิ้นไล้เลียเลือดและฝ่ามือนั้นเนินนาน ก่อนถอนริมฝีปากออก แต่ยังไม่ปล่อยมือเรียวนั้น ยังคงกุมไว้แน่น

    "ทำไมผมไม่หลับไปด้วยเหมือนโนโครุล่ะครับ" คาซึยะยังไม่หมดปัญหา

    "ก็เชียร์ยังไม่ได้นอนหลับนี่จ๊ะ"
     
    ฟรังตอบปนกลั้วหัวเราะ เมื่อได้ลูกเขยเป็นเจ้าหนูจำไม แถมเมื่อมองหน้าลูกตัวดีกับสามีที่บูดพอๆกันก็ยิ่งขำ

    ดีนเองก็หันไปกลั้นหัวเราะเช่นกัน เมื่อเห็นหน้าเอ็ดอดีตคู่ปรับ ที่ตอนนี้ก็ต้องมีลูกเขยอีก น่าสงสารจริงๆ เกลียดโฮโมแต่ก็หนีไม่พ้น ทั้งลูกชายคนโตและลูกชายคนเล็ก

    ส่วนเขานะไม่มีปัญหาหรอก แค่เชอร์ชอบยังไงก็ได้


    วันรุ่งขึ้น

    ทั้งหมดก็พาแคปซูลบรรจุสองร่างไปที่วิหารในนครลอยฟ้า

    "ไม่อึดอัดเลย หายใจได้สบายมาก" คาซึยะอุทานอย่างแปลกใจ

    "ก็ตอนนี้นายไม่ใช่มนุษย์แล้วนี่" เชียร์บอกอย่างหมั่นไส้อีกฝ่ายเต็มกำลัง แต่ก็อยากให้อยู่เคียงข้างตลอด

    พวกเขาเข้าไปในวิหาร ที่มีร่างสามร่างนอนหลับอยู่ คาซึยะมองร่างสามร่างที่ส่องประกายสีทองล้อมรอบด้วยสีม่วงอ่อน ให้ความรู้สึกถึงความรัก อันอ่อนโยน สวยงามจนไม่อาจถอนสายตาออกมาได้

    เมื่อไปถึง อีฟเปิดฝาแคปซูลของซึซึคุออก โจนาอุ้มร่างเด็กสาวผมสีทองที่นอนอยู่กลางระหว่างหญิงสาวแสนสวยราวกับนางฟ้าผมสีทองและชายหนุ่มผมสีเงินออกมาใส่ในแคปซูลเดียวกันซึซึคุ

    แคปซูลสองอันถูกวางเรียงไว้เคียงข้างกัน ก่อนทั้งหมดจะเดินกลับ

    "ให้พวกเขานอนหลับอย่างสงบที่นี่แล้วกันนะ"อีฟบอก

    หลังจากโจนาจัดการให้เอลมานอนเป็นเพื่อนซึซึคุเรียบร้อย

    และโนโครุก็หลับเป็นเพื่อนเชอร์เช่นกัน ซึ่งก็ดีกว่าการตื่นอยู่คนเดียวแล้วต้องมาเดินดูคนที่หลับตลอดเวลาเหมือนที่ซึซึคุทำมาตลอดสิบแปดปี

    "เฮ้เดี๋ยวผมไม่ต้องนอนด้วยเหรอฮะ" คาซึยะถามอย่างสงสัย

    "ทำไมต้องนอนล่ะจ๊ะ เชียร์ไม่ได้สูญเสียพลังอะไรจนต้องพักนี่"

    ฟรังบอกเสียงเรียบ นึกอยู่ในใจว่าเจ้าลูกตัวดี ต้องวางแผนหลอกคุณลูกเขยแน่นอน

    คาซึยะหันไปมองหน้าเชียร์ทันที อีกฝ่ายก็มองตอบเป็นเชิงนายอยากโง่เองนี่น้า ชายหนุ่มคิดในใจ ฝากไว้ก่อนเถอะ

    ก่อนกลับไปนครใต้พิภพ พวกเขาหันไปมองอัญมณีแห่งจักรวาล ที่แลกมาด้วยความเสียสละของผู้คนมากมาย

    แสงสีฟ้าของโลกยังคงส่องประกายสวยงาม พวกเขาได้แต่หวังว่ามนุษย์จะรักและทะนุถนอมโลกให้ส่องประกายสวยงามตราบนานเท่านาน

                                                                 THE END                                              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×