ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บารามอส ภาคพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #5 : ลายแทงสื่อรัก 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 444
      1
      9 ธ.ค. 49

    เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีขาว เครื่องแบบของนักบวชแห่งบารามอส เดินไปตามระเบียงกว้างที่ทอดยาวไปสู่ห้องสมุด ผ่านซุ้มประตูกว้าง เข้าไปในห้องสมุดกว้างใหญ่ที่ไม่มีคน เพราะยังเช้าเกินไป  เขาเดินสำรวจไปทั่วก็ไม่พบใคร

    ก่อนนึกขึ้นได้ว่า ห้องสมุดรวมคนมักพลุกพล่าน ไม่น่าจะเป็นที่นัดพูดคุยเรื่องความลับ หรือเรื่องสำคัญอะไรได้ เด็กหนุ่มจึงเดินย้อนกลับไปที่วิหารส่วนใน อันเป็นห้องสมุดส่วนพระองค์สังฆราช ที่ต้องใช้รหัสผ่านถึงจะเข้าไปได้

    เสียงพูดคุยดังลอดออกมาจากในห้อง ทำให้เด็กหนุ่มเผลอแอบฟังโดยไม่ได้เจตนา

    เสียงหวานดังเอ็ดใครสักคน

    "นายอย่าตะกละให้มากนักสิ เจ้าของเขายังไม่อนุญาตเลย"

    "โธ่ ของพวกนี้เขาตั้งไว้ต้อนรับแขก และเราก็เป็นแขก จะเอาแอปเปิ้ลหน่อยมั้ย" เสียงหวานอีกเสียงร้องตอบ

    ซิบิลเคาะประตูสองครั้งเป็นสัญญาณให้รับรู้ก่อนเด็กหนุ่มจะเปิดประตูเข้าไป อย่างมีมารยาท มองเข้าไปเห็นเป็นเด็กสาวสองคน คนที่สูงกว่าผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาลหวาน และกำลังอร่อยกับแอปเปิ้ลสีแดงสดที่จัดไว้บนโต๊ะกลางห้อง

    กับเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่า ผมสีทอง ดวงตาสีดำ ในชุดแบบเด็กผู้ชายดูทะมัดทะแมงทั้งคู่ที่คนหนึ่งใส่สีชมพูหวาน อีกคนก็หวานไม่แพ้กันด้วยสีเขียวอ่อน ทั้งสามมองหน้ากันอึดใจ

    "สวัสดี ฉันเฟริน เดอเบอโรว์ เดอะทีฟออฟบารามอส แล้วนี่ ไดแอน คีตัน เดอะฮีลเลอร์ออฟบารามอส" เสียงหวานของเด็กหน้าหวานผมสีน้ำตาลเอ่ยแนะนำตัวก่อน พร้อมส่งรอยยิ้มหวานอย่างผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดีให้ก่อน

    "สวัสดีครับ ผม ซิบิล สเวน เดอะพรีสต์ออฟบารามอส ยินดีที่ได้รู้จักครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท นึกในใจว่าหัวขโมยมาทำอะไรที่วิหารหลวงล่ะนี่ คงไม่ได้มาขโมยอะไรตอนเช้าๆอย่างนี้หรอกนะ

    เสียงฝีเท้าของท่านเจ้าของห้องเดินเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย

    "อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ" เสียงนุ้ม เป็นกันเอง กับสายตาอ่อนโยนเมื่อมองเด็กทั้งสาม ที่ทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม

    หลังทักทายเสร็จ มหาสังฆราชก็นั่งเป็นประธานที่หัวโต๊ะ ร่ายคาถาล็อคประตูและคาถาเก็บเสียง ก่อนเริ่มเรื่อง

    "แล้วพ่อเราเขาไม่มาด้วยหรือเฟริน" เสียงทักทายอย่างเป็นกันเองเริ่มต้นบทสนทนา

    "พ่อบอกว่าติดธุระฮะ เลยให้ผมเอาแผนที่มาให้ลุงไมเคิ่ลแทน" เสียงคุ้นเคยตอบอย่างสนิทสนม พร้อมหยิบเอาแผนที่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มากางแผ่บนโต๊ะ

    นักบวชหนุ่มได้แต่อ้าปากค้าง กับการสนทนาของหัวขโมยกับมหาสังฆราช นึกสงสัยเบื้องหลังของหัวขโมยหน้าหวาน แต่เดี๋ยวก่อน เด็กนั่นแทนตัวเองว่า ผม เอ่อ หมายความว่า...

    "นายจะอ้าปากค้างอีกนานไหม จะถามอะไรก็ถามมาตรงๆก็ได้" เสียงหวานของเด็กสาวผมสีทองที่นั่งตรงข้ามเขาเอ่ยต่อ

    หลังจากหายอึ้ง ซิบิลถึงได้ถามอย่างสงสัย

    "คุณเฟริน เป็นใครเหรอครับ"

    "ฉันก็หัวขโมยแห่งบารามอสสิ ส่วนนี่ก็เด็กข้างบ้าน" เฟรินหันไปตอบแบบไม่เพิ่มความกระจ่างให้อีกฝ่าย พร้อมรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์

    "อาจารย์และพ่อของเฟรินเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน สมัยอยู่เอดินเบิร์กนะ ร่วมกับพ่อของไดแอน และไฮคิงนะ" มหาสังฆราชเล่าเรื่องพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน อดขำกับลูกศิษย์เอกไม่ได้ ที่เข้าใจผิดกับเพศของคนตรงหน้าทั้งที่ความจริงแล้วตัวเองก็หน้าหวานเหมือนกัน ไม่น่าจะเข้าใจอีกฝ่ายผิดอีกฝ่ายได้

    แต่ไอ้หลานรัก ลูกไอ้เพื่อนตัวดีนี่ก็เหมือนกัน ที่แต่งตัวไม่บอกเพศ แถมด้วยสีชมพูอ่อนเสียอีก ก็สมควรที่ซิบิลจะเข้าใจผิดอยู่หรอก แต่ดูๆไปก็ไม่น่าจะใช่ชุดของเฟรินเองสักเท่าไร มันเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย

    "แล้วทำไมวันนี้เราถึงได้ใส่ชุดสีชมพูได้ล่ะเฟริน" ผู้เป็นลุงถามอย่างสงสัย

    "อ้อ เมื่อเช้าตอนไปปลุกใครบางคนที่กำลังนอนฝันว่าจะเจอเนื้อคู่อยู่ แล้วไปขัดจังหวะฝันที่กำลังไปได้สวย ก็เลยถูกเวทบ้าๆ ทำเอาเปียกไปหมด จนต้องใส่เสื้อแม่ตัวดีแทนน่ะสิฮะ" เฟรินบอกพร้อมเผาเพื่อนสมัยเด็กข้างตัวทันที

    ดวงตาสีดำจัดตวัดค้อนให้

    ซิบิลฟังเรื่องราวอย่างตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าสาวน้อยตรงหน้าจะทำเรื่องอย่างว่าได้ ดูไม่เข้ากับหน้าหวาน

    "นายก็อย่ามองคนแต่ภายนอกสิ เห็นหวานๆสวยๆแบบนี้ เวลาดุก็เอาเรื่องนะ ก็ช่วยไม่ได้ พ่อเป็นนักเยียวยา แต่แม่นะนักดาบเก่าจากอเมซอนเชียวนะ"เฟรินต่อสรรพคุณเพื่อนให้อย่างนึกสนุก

    มีดคมตวัดพาดคอขาวของหัวขโมยปากอยู่ไม่สุขทันที

    "โอ๊ะ โอ อย่างสร้างบาปที่วิหารสิ เดี๋ยวตายแล้วไม่ได้ขึ้นสวรรค์หรอกนะไดแอน" เสียงหัวเราะปนยั่วอย่างสนุกสนาน

    "พอๆ เข้าเรื่องกันต่อแล้วกัน ที่เรียกพวกเธอสามคนมาวันนี้ ก็เพราะเรื่องนี้ต้องการให้เป็นความลับ ไม่ให้ทางวิหารอื่นล่วงรู้ ถ้าใช้ผู้ใหญ่ก็จะเป็นที่สังเกตุได้ง่าย แถมพวกเธอแต่ละคนฝีมือก็การันตีได้ ดังนั้น จึงขอมอบหมายงานนี้ให้พวกเธอสามคนไปจัดการดัวยก็แล้วกันนะ" เสียงเรียบบอกตัดบท

    "อะไรนะครับท่านอาจารย์ หมายความว่าคณะเดินทางนี่มีแค่เด็กสองคนนี่กับผมหรือครับ" เสียงสุภาพร้องอย่างตกตะลึง ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

    "ว่าคนอื่นเด็กนะ นายอายุเท่าไรกัน" เสียงห้วนตวัดถามอย่างไม่พอใจดังมาจากเด็กสาวผมสีทอง ขณะที่อีกคนกำลังเริ่มแอปเปิ้ลลูกใหม่ พร้อมส่งเสียงเชียร์เพื่อนสาวอยู่ในใจ เพราะปากไม่ว่าง

    "สิบสอง แล้วเธอล่ะ" ซิบิลถามอย่างอดโมโหไม่ได้

    "ก็สิบสองเหมือนกันนั่นแหละ แต่ฉันเกิดปลายปี คงขาดทุนตอนที่อายุไม่ถึงสิบห้าในวันเปิดเรียนของเอดินเบิร์ก คงทำให้เข้าช้ากว่าพวกนายสองคนไปปีหนึ่ง" เสียงบ่นอย่างเสียดาย

    "อ้าวไม่ทะเลาะกันต่อแล้วเหรอ" เสียงช่วยจุดไฟดังมาจากหัวขโมยจอมซ่าและตะกละ

    "เข้าเรื่องต่อแล้วกันนะ เฟรินจะเป็นคนนำทางและพวกเธอสองคนจะเป็นผู้คุ้มกัน บวกกับความสามารถในการเยียวยาระดับแนวหน้าของไดแอนคงทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น" เสียงสงบออกคำสั่ง นึกในใจว่างานนี้จะไปรอดหรือเปล่านะ แต่มาดัสคงคอยดูอยู่ห่างๆมั้ง เจ้านั่นมันไม่ปล่อยลูกให้อยู่ในอันตรายหรอก คนสำคัญของไฮคิงทั้งทีนี่

    "ครับ/ค่ะ" สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง

    เกวียนคันเล็กออกเดินทางจากมหาวิหารหลวง โดยมีหัวขโมยเป็นคนขับ ผู้โดยสารอีกสองคนต่างก็แยกกันนั่งคนละมุมเกวียน พร้อมหนังสือในมือ ชนิดที่อาณาเขตของใครของมัน

    หลังจากอดทนต่อความเงียบมานาน นักบวชก็ตัดสินใจชวนหัวขโมยคุยดีกว่า เพราะอย่างน้อยก็ผู้ชายเหมือนกัน คงพอคุยกันได้ ส่วนผู้หญิงนะเป็นเพศที่เข้าใจยาก อยู่ห่างๆนะดีแล้ว

    "คุณเฟรินไปได้แผนที่นี้มาจากไหนเหรอครับ" เสียงถามอย่างเกรงใจ

    "อ้อ พ่อไปได้มาจากบ้านเศรษฐีแถวซาเรสนะ" เสียงเล่าอย่างเป็นเรื่องธรรมดา

    "หมายความว่าไปขโมยมาเหรอครับ" ซิบิลถามอย่างตกใจ

    "ก็แค่หยิบมาจากบ้านคนอื่นเอง พวกฉันเป็นขโมย ไม่ใช่นักบวชนะ จะได้ไปขอเอาซึ่งๆหน้านะ" เสียงตอบพร้อมยักคิ้ว

    "แล้วแน่ใจได้อย่างไรครับว่าเป็นของจริง" เสียงสงสัยดังมาจากนักบวช ก็ไอ้แผนที่นะความจริงมันมีตั้งเยอะ ที่ผ่านมาก็เจอแต่ของปลอม

    "ก็เพราะอย่างนี้พวกเราถึงต้องไปพิสูจน์ดูนะสิ " เฟรินแจงอย่างไม่เดือดร้อนอะไร ก็ไอ้คัมภีร์ที่กินไม่ได้นี่ ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากได้อะไร แต่พ่อบอกว่างานนี้ไฮคิงกับลุงไมเคิ่ลขอร้องมาถึงขัดไม่ได้ แถมยังต้องมาดูแลเพื่อนข้างบ้านอีกถึงได้ต้องมาด้วย

    ซิบิลพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าของจริงหรือมั่ว ถึงได้ส่งแต่เด็กๆไปแบบนี้ ถือว่าไปเที่ยวก็แล้วกัน

    ตกเย็นเกวียนก็แวะจอดที่โรงแรม ทั้งสามเดินเข้าไปทานอาหารกัน เฟรินเดินเข้าไปเลือกโต๊ะนั่งก่อนอย่างรวดเร็ว เพราะคุ้นเคยกับการเดินทางเป็นอย่างดี ไดแอนเดินตามมานั่งข้าง ทั้งคู่เริ่มเปิดเมนูสั่งอาหารกันอย่างเพลิดเพลิน ซิบิลเดินไปห้องน้ำเพื่อล้างมือก่อนอาหารตามสุขนิสัยอันดี

    เด็กหนุน่มเดินชนกับผู้ชายตัวสูงในชุดคลุมสีน้ำตาล เด็กหนุ่มเอ่ยปากขอโทษ และเดินกลับมาที่โต๊ะ มองดูอาหารที่เพื่อนร่วมทางสองคนสั่งอย่างแปลกใจ

    ไดแอนสั่งอาหารสลัดและน้ำซุปซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กสาว แต่เฟรินนี่สิ ไม่มีเนื้อในเมนูของเฟริน แถมด้วยผลไม้อีกจาน

    "คุณเฟรินไม่กินเนี้อหรือครับ" ซิบิลถามอย่างสงสัย ขณะที่เริ่มจัดการกับอาหารของตน

    "อ้อฉันแพ้เนื้อนะ ทานแล้วมักปวดท้อง" เฟรินตอบ

    ทั้งสามทานอาหารกันเสร็จ ซิบิลล้วงกระเป๋าจะจ่ายค่าอาหารให้เพราะถือว่าทั้งสองมาทำงานให้วิหาร ทางวิหารควรเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เด็กหนุ่มนิ่วหน้าอย่างสงสัย พยายามล้วงกระเป๋าหากระเป๋าใส่เงินแต่ก็ไม่พบ

    "เกิดอะไรขึ้น" เฟรินมองหน้าถามอย่างสงสัย

    "กระเป๋าใส่เงินของผมหายครับ" ซิบิลบอกอย่างตกใจ "สงสัยผมคงทำตกที่ไหน เดี๋ยวผมไปหาก่อนนะครับ"

    "ฉันว่านายไม่ต้องไปหาหรอก นายคงไม่ได้ทำตก แต่ถูกล้วงกระเป๋ามากกว่า นึกดูสิว่าไปเดินชนกับใครมาบ้างไหม" เฟรินบอก

    "ผมเดินชนกับคนใส่ชุดคลุมสีน้ำตาลที่หน้าห้องน้ำเมื่อกี้" ซิบิลอุทานอย่างตกใจ

    "อ้อ หมอนั่นฉันเคยเห็นหน้า ดึกนี้เราค่อยไปเอาคืนก็แล้วกัน" เฟรินบอกเสียงเรียบ ก่อนจ่ายค่าอาหารให้แทน และทั้งสามก็เอาของไปเก็บที่ห้องพัก ทั้งหมดตัดสินใจอยู่ห้องเดียวกันเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและเพื่อความปลอดภัย รวมกันดีกว่าแยกกันอยู่

    ห้องพักมีสองเตียง โดยไดแอนนอนหนึ่งเตียง และเฟรินนอนกับซิบิล

    หลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ซิบิลก็เอ่ยถาม

    "คุณเฟรินรู้จักบ้านของเขาหรือครับ"

    "ใครว่าหมอนั่นนะติดการพนันต่างหาก ได้เงินก็คงเอาไปต่อโชคในบ่อน เดี๋ยวเราก็ค่อยไปแก้มือคืนมาต่างหาก เนอะไดแอน" ตอบเสร็จพร้อนหันไปส่งยิ้มหวานให้เพื่อนสนิท

    ดวงตาสีดำเปล่งประกายไม่แพ้กันอย่างรู้ไส้รู้พุงกันดีอสำหรับเพื่อนตั้งแต่เด็กคู่นี้

    ซิบิลได้ท่องประโยคที่อีกฝ่ายบอก ว่าคนเรามองดูแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ แต่เดี๋ยวบ่อนที่ไหนเขาจะให้เด็กเข้ากันล่ะ

    "เอ่อคุณเฟรินผมว่าพวกเราอายุไม่ถึงนะครับ" ซิบิลต่อความ

    "นายมั่วแต่อยู่ในวิหารนะสิ บ่อนที่ไหนเขาทำตามกฏกันบ้างล่ะ ขอแค่มีเงิน จะเด็กหรือผู้ใหญ่เขาก็ให้เข้าทั้งนั้นแหละ" ไดแอนต่อความให้นักบวชแสนซื่ออย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้

    "นักบวชไม่มั่วอบายมุขนะไดแอน" เสียงบอกสโลแกนอย่างอดสงสารนักบวชหน้าหวานไม่ได้ ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงได้ถูกไดแอนจ้องเขม่นแบบนี้ แต่ก็น่าแปลกนะ ปกติไดแอนมักทำตัวเรียบร้อยอ่อนหวานต่อคนแปลกหน้าอยู่เสมอ แต่มาเผยธาตุแท้แบบนี้ มันแปลกจริงๆ สงสัยต้องรอดูต่อไป นัยน์ตาสีน้ำตาลพราวอย่างเจอเรื่องถูกใจ

    ที่หน้าอาคารหลังใหญ่ที่เป็นร้านอาหารบังหน้า และหลังร้านเปิดเป็นบ่อน ร่างเด็กหนุ่มที่สูงขึ้นด้วยการเสริมรองเท้า ในชุดคลุมสีดำเหมือนบอดี้การ์ดให้สองสาวที่แต่งตัวสวยด้วยชุดกระโปรงสีแดงและสีดำ แต่งหน้าเข้มจัดทั้งคู่

    ทั้งสามเดินผ่านยามหน้าดุหน้าประตูเข้าไปอย่างไม่ถูกขัดขวาง หลังส่งยิ้มหวานให้ยามที่มองตาค้างกันไป เฟรินมองหาเป้าหมาย หันไปมองซิบิล เด็กหนุ่มพยักหน้ารับว่าเป็นคนที่เดินชนเขาจริงๆ

    หญิงสาวในชุดสีดำ ส่งรอยยิ้มหวานทักทายให้ก่อน

    "ไม่ทราบว่าจะให้เกียรติฉันสักตาได้มั้ยคะ"

    "โอ้ เชิญเลย แต่ผมไม่เกรงใจนะครับ" นักล้วงกระเป๋าบอกอย่างยินดีเมื่อเห็นสาวสวยมาท้าประลอง รีบจัดการเคลียร์ไพ่อย่างรวดเร็ว แน่นอนด้วยการโกง ทำให้เขาชนะไปได้ในตาแรก

    "อีกตาไหมครับคนสวย" รอยยิ้มเป็นต่อ ตายิ่งลุกวาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายเพิ่มเงินพนันอีกเท่าตัว

    "ผมต่อให้ด้วย" นักล้วงกระเป๋าเทเงินพนันไปเกทับอีกฝ่ายทันทีอีกเท่าตัว (เราเล่นพนันไม่เป็น มั่วๆเอาก็แล้วกันนะ)

    ตานี้เฟรินเอาชนะไปได้ พร้อมรอยยิ้มหวาน

    "แหมโชคดีจังนะค่ะ"

    "อีกตานะครับ" นักล้วงกระเป๋าทุ่มสุดตัวทั้งเงินที่ล้วงกระเป๋ามาและยังเงินสำรองของตัวเอง เพื่อท้าให้หญิงสาวสวยที่ทำท่าว่าจะเลิก ให้เล่นกันต่ออีกตา

    เฟรินก็เอาชนะไปได้อีกครั้ง จนมีคนสนใจขอมาต่อคิวเล่นกับหญิงสาวสวย หวังเอาชนะให้ได้

    เฟรินเลิกเล่นหลังเก็บเงินของซิบิลคืนได้ทั้งหมดบวกกำไรอีกไม่น้อย ขยิบตาให้ไดแอนเป็นสัญญาณ ทั้งสามเดินออกมาจากบ่อนไปตามทางเปลี่ยว แน่นอนนักล้วงกระเป๋าดักรอทั้งสามอยู่แล้วพร้อมกับพวกที่เสียพนัน

    "หน้าที่นาย" เฟรินหันไปบอกซิบิล

    นักบวชหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจว่าถึงจะโปรดสัตว์ไป นักพนันพวกนี้ก็คงไม่รับฟังแน่นอน เด็กหนุ่มร่ายเวทอย่างรวดเร็วโซ่สีดำพันธนาการบรรดาอันธพาลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไอสีดำจะโจมตีคนทั้งหมด

    ทั้งสามกลับถึงที่พักอย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน เฟรินคืนเงินให้ซิบิลบวกกำไรที่หาได้

    "ผมว่าคุณเฟรินเก็บเงินไว้จะดีกว่า ผมอาจถูกล้วงกระเป๋าอีกก็ได้" ซิบิลออกตัว

    "งั้นนายก็เอาเฉพาะส่วนของนายติดตัวไว้ เผื่อเหตุฉุกเฉินผลัดหลงกันจะได้มีเงินติดตัว" เฟรินให้เหตุผลก่อนคืนเงินส่วนที่เป็นของซิบิลไป ที่เหลือค่อยเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

    ซิบิลพยักหน้ารับ ด้วยนิสัยรอบคอบจึงร่ายเวทเขตแดนปกปักษ์เอาไว้เพื่อความปลอดภัยตอนที่พวกเขาสามคนนอนหลับ เพราะเด็กหนุ่มได้บทเรียนแล้วว่าโลกภายนอกวิหารไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด

    ************************************************************************************

    ความจริงจะอัพเมื่อวานแต่เข้าเว็ปไม่ได้นะ โทษทีนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×