คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : หมากกระดานเกียรติยศ
บารามอส
บทที่ 7 หมากกระดานเกียรติยศ
ศึกกระดานหมากเกียรติยศเริ่มขึ้นด้วยสงครามของคนเดินหมาก
"ไงไอ้หนู วันนี้การเสกของเล่นหรือดอกไม้คงช่วยให้ป้อมนายชนะไม่ได้หรอก"
คนเดินหมากของป้อมขุนนางเริ่มข่มเจ้าหนูแห่งป้อมอัศวินทันที
"นั่นสิ นายจะรับขนมหรือน้ำชาก่อนดีละ" เฟรินถามพร้อมรอยยิ้มยั่ว
คนเดินหมากป้อมขุนนางมองอย่างโมโหที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ จึงหันไปสั่งเดินหมาก ให้เบี้ยฝ่ายตนปะทะกับเบี้ยฝ่ายตรงข้ามเปิดเกมทันที
"ว้าวใจร้อน ดุดันจริงๆ นั่นนายคิดดีแล้วหรือที่เดินอย่างนั้น"
เฟรินถามยั่วก่อนสั่งหมากตนเดินบ้าง
ผลเบี้ยของฝ่ายป้อมอัศวินไม่ทำให้เฟรินผิดหวัง สามารถล้มเบี้ยฝั่งปราสาทขุนนางได้ และเฟรินสามารถสกัดการบุกของม้าและบิชอบฝั่งขุนนางได้ แถมยังใช้เบี้ยตรึงเรือและม้าฝั่งตรงข้ามให้เดินลำบาก
สีหน้าของคนเดินหมากปราสาทขุนนางที่เริ่มตึงเครียด เขามีหมากที่มีฝีมือแต่ไม่สามารถให้ออกเดินได้ แถมกลโกงก็ใช้ไม่ได้ผล ทั้งสงครามประสาทกับเจ้าหนูหัวขโมย ทั้งเวทมนต์ที่ผู้เล่นของตนใช้ก็ไม่อาจทำอะไรพวกป้อมอัศวินได้ เพราะแต่ละคนแข็งแกร่งกว่าที่คิด
สิบตาถัดมาก็รู้ผลเฟรินให้ม้ากัสประชิดคิงอีกฝ่ายทันที
ขณะที่ศึกอีกด้านควีนคนสวยกำลังต่อสู้กับพ่อมดแห่งคาโนวาล
เฟรินจินน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ขณะรอผลรุกฆาต
ทางด้านอัฒจรรย์ ทั้งเจ้าชายอาเทอร์ที่วันนี้มานั่งฝั่งป้อมอัศวินเคียงข้างเจ้าชายโรเวน กำลังมองดูอย่างรู้สึกอยากกระโจนเข้ามาเล่นเอง
"นายสอนพวกเด็กปีหนึ่งเล่นอย่างนั้นเหรอ" เจ้าชายอาเทอร์ถามคู่แข่ง
"แล้วแต่นายจะคิด แต่ป้อมอัศวินถึงไม่โกงก็ชนะได้" เจ้าชายแห่งเจมิไนตอบเจ้าชายประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่เล็กและเป็นคู่แข่งกันในทุกด้าน รวมทั้งเรื่องผู้หญิงด้วย แน่นอนทั้งคู่แข่งกันจีบเจ้าหญิงวิเวียนนานีย่าแห่งเวนอลอยู่ สาเหตุที่เจ้าชายอาเทอร์จีบทั้งที่ไม่ได้อยู่ในสเป็คก็เพราะโรเวนชอบถ้าแย่งได้ก็คงสนุก
ทุกคนต่างตื่นตากับกลยุทธ์การเดินหมากของเจ้าหัวขโมยแห่งบารามอสที่สยบป้อมขุนนางได้ในที่สุด
หลังกัสจัดการกับคิงของฝ่ายป้อมขุนนางได้ในที่สุด ไล่ๆกับคาโลที่ซัดเจ้าหญิงเอฟีน่าออกนอกเวที พร้อมสภาพตุ๊กตาหิมะน่ารัก
เฟรินหัวเราะกับภาพที่เห็น ชัยชนะตกเป็นของปีหนึ่งป้อมอัศวิน
"ยังไม่ทันมันเลย" ครี้ดบ่นที่เขากำจัดเบี้ยไปได้แค่สองตัวเอง
"เอาหน้ายังมีรอบหน้าอีก" เฟรินบอก
"นายเดินหมากใช้ได้นี่" แองจี้บอก คงต้องมองดูเจ้าหัวขโมยกะล่อนคนนี้ใหม่แล้ว อย่างน้อยหมอนี่ก็มีดีสักอย่าง
"นั่นเขาเรียกว่าเก่งต่างหาก เพราะฉันยังไม่เคยชนะเฟรินได้สักตา" โรบอกส่งท้าย
" แล้วทำไมนายไม่อาสาเดินหมากตั้งแต่แรก นี่ถ้าโรไม่ป่วยพวกเราก็ไม่รู้ฝีมือนายเลยนะ ทีหลังอย่างทำอมภูมิให้มันมากนักนะเฟริน" มาทิลด้าบอกอย่างหมั่นไส้ เด็กหนุ่มจอมป่วนแห่งชั้นปี
"แหม ฉันมันก็แค่หัวขโมยเอง ต้องให้เกียรติคนอื่นก่อนนะสิ แต่ถ้าให้สมัครขโมยของล่ะก็ ฉันสมัครคนแรกเลย "เฟรินบอก
" คุณเฟรินล่ะก็ อย่าเอาแต่พูดเล่นสิค่ะ" เรนอนว่าบ้าง
"ผมพูดจริงเสมอกับคนสวยนะ" เฟรินบอก ส่งสายตามีเลศนัยใส่อีกฝ่าย ก่อนเดินไปหากัสกับโร
"ความจริงนายก็น่าจะเดินหมากมากกว่าโรจริงๆ" กัสว่าบ้าง
"เห็นมั้ย" โรซ้ำ อย่างอารมณ์ดี เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ คราวหน้าเฟรินก็คงเบี้ยวไม่ได้ เพราะไม่มีใครหนีการเอาจริงของสามนางฟ้าประจำป้อมไปได้
"เพราะแกทีเดียวทำเอาแผนลอยชายของฉันพังไม่เป็นท่าเลย" เฟรินบอกก่อนคุยเล่นต่ออย่างไม่คิดอะไร
ที่พระราชวังแห่งคาโนวาล
ในห้องสมุดส่วนพระองค์
"เวส นายบ้าหรือเปล่าที่รับงานฆ่าลูกของอลิเซีย อย่างน้อยนายก็เป็นเพื่อนสนิทของอลิเซีย จะรับงานนะหัดคิดซะมั้งสิ ไม่ใช่ดูว่าเงินดีอย่างเดียว" คิงบาโรบ่นอดีตเพื่อนร่วมป้อม
"โธ่ ก็ตอนนั้นมันลืมไปว่าธิดาแห่งความมืดน่ะมันลูกอลิเซีย" เวส บอกก่อนย้อนถาม
"แล้วท่านไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร"
"ก็มีข่าวลือว่าธิดาแห่งความมืดเข้าเรียนโรงเรียนปีนี้ แล้วถูกลูกเจ้าหาเรื่องตามฆ่าอยู่นะสิ เราจะจ้างเจ้า" คิงบาโรว่า
"จ้างทำอะไร" เวสว่า
"ฆ่าคนที่สั่งฆ่าธิดาแห่งความมืด ถ้าผู้ว่าจ้างตายงานก็ยกเลิกใช่มั้ย" คิงบาโรบอก
"ก็ได้ ฉันก็ว่าจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว" เวสบอกก่อนรับงาน
ลับหลังเพื่อนเก่า คิงบาโรหยิบกระจกออกมาส่องดู ใบหน้าในกระจกเป็นหน้าตัวเองอยู่สักพัก ก่อนเปลี่ยนเป็นใบหน้าของหญิงสาวผมสีน้ำตาล ดวงตาสีน้ำตาล
"อลิเซียข้าจัดการให้แล้วนะ" คิงบาโรว่า
"ขอบใจมากเลยบาโร" ราชินีคนสวยบอกเพื่อนรัก
"ความจริงเจ้าน่าจะบอกข้าว่าลูกเจ้าเข้าเรียนเร็วกว่านี้ ข้าจะได้ให้คาโลคอยดูแลลูกสาวเจ้า" คิงบาโรบอก
"ก็แหมกว่าข้าจะขอเอวิเดสส่งกระจกติดต่อกับท่านได้ก็ต้องเกลี้ยกล่อมตั้งนาน รายนั้นเขากลัวว่าจะมีคนคิดฆ่าข้า คนที่อยากให้มีสงครามเอเดน-เดมอสอีก"อลิเซียบอก
"งั้นลูกเจ้าอยู่ป้อมไหนล่ะ" คิงบาโรถามอย่างติดใจ
"ความจริงแล้วนอนอยู่ห้องเดียวกับหลานคาโลนั่นแหละ" อลิเซียอ้อมแอ้มตอบ
"หาอยู่ใกล้กันขนาดนั้น บังเอิญจังเลยนะ" คิงบาโรตอบก่อนหัวเราะชอบใจ
ใครที่เดินผ่านห้องสมุดตอนนั้นคงต้องทำหน้าแปลกใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ยินเสียงหัวเราะของคิงแห่งคาโนวาล
ตกเย็นเฟรินเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะคืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญ
คาโลเดินเข้ามามองร่างบางที่คลุมโป่งอยู่
"เฟริน" เสียงเรียกเบาอย่างไม่แน่ใจ
"หือ มีอะไรคาโล"เฟรินหันมาถาม
ในสภาพของสาวน้อยผมยาว ร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลคู่สวยมองดูเจ้าชายแห่งคาโนวาลอย่างสงสัยที่เรียก
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน" คาโลว่า
"ก็ได้ นายอยากถามอะไรล่ะ" เฟรินว่าบ้างก่อนลงมานั่งข้างเตียงรอฟังตาแป๋ว
"ทำไมนายถึงกลายร่างในคืนวันเพ็ญ"คาโลเริ่ม
เรื่องอื่นเขาพอรู้แล้วจากจดหมายของท่านพ่อที่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แถมไอ้เพื่อนนักฆ่าตัวดีเสือกรับงานไม่ดูตาม้าตาเรืออีก
"นายอยากรู้ความจริงหรือเรื่องแต่งล่ะ" เฟรินถาม
เพราะความจริงเขาก็ไม่ได้อยากโกหกใครเท่าไร แถมเก็บความลับมากๆมันแน่นอกทำให้รู้สึกอึดอัด
"ก็ต้องเรื่องจริงสิ" คาโลบอกทันควันอย่างชักอารมณ์กรุ่น ดวงตาเริ่มฉายแววเย็นชาอีกรอบ
"ก็ได้เรื่องจริงนะไม่ใช่อย่างที่นายรู้มาหรอก ฉันเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เกิด แต่มีคำทำนายว่าจะมีคนลอบทำร้ายพวกเราแม่ลูก ท่านพ่อเลยคิดว่าทำให้ฉันเป็นผู้หญิงจะปลอดภัยกว่า แถมออกเร่รอนอยู่ในร่างเด็กผู้ชาย ใครๆก็คิดไม่ถึงใช่มั้ย เลยมีชีวิตรอดมาได้ไงล่ะ
แต่ก็มีปัญหาเรื่องไอมารในคืนวันเพ็ญ ต้องอาศัยสร้อยของท่านพ่อทำให้กลายเป็นผู้หญิง เพื่อปิดบังไอปีศาจนะ แต่พวกเราชาวปีศาจนะมีสองเพศ จะเป็นเพศไหนก็ได้ขึ้นกับความต้องการ เช่นสมมติถ้าคนที่ท่านพ่อแต่งงานด้วยไม่ใช่ท่านแม่ แต่เป็นเจ้าชายแห่งบารามอสแทน คนที่คลอดฉันก็อาจเป็นท่านพ่อนะ" เฟรินร่ายยาวแถมเรื่องเพศศึกษาของชาวปีศาจให้ด้วยอีกกระทง
"หมายความว่านายเป็นได้สองเพศ แล้วแต่จะเลือกใช่มั้ย" คาโลถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"มันก็ใช่ แต่ฉันรักร่างผู้ชายมากกว่า เพราะใช้มาตั้งแต่เล็กนี่" เฟรินแย้ง
"แถมก่อนมาเรียนฉันยังเสียตังค์เพื่อซื้อไข่มุกแสงจันทร์ไว้แล้วด้วย" เฟรินบอก
นึกถึงเงินที่อุตส่าห์เก็บที่ต้องจ่ายเป็นค่าไข่มุก ถึงจะได้ลดก็เถอะ
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไข่มุกแสงจันทร์" คาโลถามอย่างสงสัย
"แหมก็ถ้าอยู่ในร่างผู้ชายก็จะได้มอบไข่มุกได้นะสิ" เฟรินว่า จะได้ไม่เสียของ
"นายจะให้ไข่มุกกับผู้หญิงคนไหน" คาโลถามอย่างติดใจ รู้สึกโกรธกรุ่นขึ้นมาทันทีอย่างไม่มีเหตุผล
"อืมยังไม่ได้คิดเลย นายว่าให้ผู้หญิงหรือผู้ชายดี" เฟรินหันไปปรึกษาต่อ
"นายได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลยเหรอ" คาโลถามสีหน้าแดงเรื่อเล็กน้อย
"อืมฉันชอบคนสวย แถมฉันก็ไม่มีปัญหาเรื่องเพศอีก เลือกลำบากจัง ถ้าเป็นนายจะเลือกยังไง" เฟรินเริ่มวกกลับมาไล่ต้อนอีกฝ่ายต่อ
นึกสนุกที่ทำให้อีกฝ่ายเขินได้
"ฉันคงเลือกคนที่รัก" คาโลตอบแสนสั้น ดวงหน้าสีเข้มทันทีที่พูดจบ
"คนนั้นคงเป็นคนที่ได้จูบสาบานของนายล่ะสิ" เฟรินว่ามองสบตาอีกฝ่าย
ทั้งคู่นิ่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรกัน ก่อนเสียงเปิดประตูเข้ามาของผู้ร่วมห้องคนสุดท้าย
" นายพาสาวเข้าห้อง" คิลทักคาโลอย่างแปลกใจกับสาวแปลกหน้า ก่อนหันไปมองอีกครั้งอย่างคุ้นตา
"ไอ้ตาถั่ว" เฟรินว่าเพื่อนซี้เข้าให้
"ปากอย่างนี้ แกเฟริน" คิลอุทานอย่างไม่ต้องรอคำด่ารอบสอง
"ค่อยฉลาดขึ้นหน่อย คิดว่าจะไม่รู้เสียอีก" เฟรินบอกอย่างไม่เดือดร้อนกับความลับที่แตก อย่างที่เขาก็ตั้งใจไว้ก่อนอยู่แล้ว
"นายกลายเป็นผู้หญิง?" คิลถาม ยังคงงงไม่หาย ก่อนที่สิ่งหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
"เข้าใจได้ถูกแล้วค่ะคุณคิล" เฟรินบอก ก่อนแกล้งเลียนแบบเรนอน
"แก ไอ้บ้าปล่อยให้ฉันกลุ้มใจอยู่หลายวัน" คิลบอก เล่นเอาเขาไม่กล้ามองหน้าเรนอนไปหลายอาทิตย์นับจากเรื่องคราวนั้น
"แกอยากรับงานซี้ซั้วทำไมละ ดีที่ไอ้โรมันบอกฉัน ฉันก็เลยทดสอบกับแกไง" เฟรินบอก
"ไอ้ขอทานนั่นรู้มากจริง" คิลบอกรู้สึกเคืองไม่หายที่มารู้ดีเรื่องของเขา
"ตกลงเรื่องมันเป็นยังไง พวกแกอย่าพูดเรื่องที่รู้กันสองคนได้ไหม " คาโลถามอย่างหงุดหงิดที่ฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร
"ก็ความจริงคือไอ้นักฆ่าบ้าเนี่ยมันรับงานฆ่าธิดาแห่งความมืดมานะสิ ฉันก็เลยซ้อนแผนนัดมันไปพบทำให้มันเข้าใจว่าแม่ดอกฟ้าเรนอนของมันเป็นธิดาแห่งความมืด"เฟรินอธิบาย
"ไอ้บ้า ก็ใครจะไปรู้ว่าธิดาแห่งความมืดจะกลายเป็นคนอย่างแกไปได้" คิลว่า
"ดีนะที่คืนนั้นรุ่นพี่ลูคัสมาขวางไว้ ไม่งั้นป่านี้ไอ้บ้านี่ได้ฆ่าฉันไปแล้ว" เฟรินตู่ว่าเพื่อนอีกรอบ
"แต่ฉันว่าถึงพี่ลูคัสไม่มา แกก็เอาตัวรอดได้อยู่ดีแหละว่ะ" คิลบอกก่อนปรายตามองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
"โอเคพรุ่งนี้แกก็ส่งดอกไม้ให้เรนอนแก้ตัวที่ไม่ได้เดินหน้าจีบมาตั้งอาทิตย์สิ" เฟรินเริ่มยั่วอีกฝ่ายต่อ
"แต่เรนอนชอบคาโล เขาไม่สนฉันหรอก" หนุ่มนักฆ่าขี้อายบอกก่อนหน้าขึ้นสีแดงแปร้ด
"ฉันมองเรนอนแค่น้องสาว" คาโลแทรกสั้นๆ ออกตัวปฎิเสธไม่อยากมีเอี้ยวในสงครามรักด้วย
"นายคงไม่ได้ชอบยายควีนป้อมขุนนางนั่นหรอกนะ ฉันสยองแทน" เฟรินว่า ก่อนทำท่าสยองที่ดูน่าขันมากกว่า
"บ้าน่ะสิ" คาโลต่อความเสียงเข้ม
คืนนั้นทั้งสามคุยกันจนดึก เฟรินรู้สึกสบายใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเก็บความลับหรือหลอกลวงเพื่อนสนิทอีกต่อไป แต่แผนกินแอบเปิ้ลฟรีที่คาโนวาลยังคงไม่เปลี่ยน ไว้ค่อยหาโอกาสหน้าจีบมันดีกว่า
หลังจากปีหนึ่งป้อมอัศวินชนะรอบแรกมาได้ก็ต้องมาเจอกับป้อมปราชญ์ที่เอาชนะแผ่นดินประชามาได้
รอบนี้เฟรินให้แองจี้เป็นตัวสำรอง ให้โรมาทำหน้าที่เป็นบิชอพคู่กับคาโล ให้กัสเป็นคิงคู่กับมาทิลด้าที่เป็นควีน เรนอนเป็นม้าคู่กับคิล ให้เจคกับครี้ดเป็นเรือ ที่เหลือเป็นเบี้ย
สามารถกำจัดคิงฝ่ายตรงข้ามได้ในเวลาไม่นานโดยฝีมือของโร
ยิ่งทำให้ทีมรุ่นพี่อยากแข่งกับทีมมหัศจรรย์นี้มาก แน่นอนพวกเขาเป็นที่หนึ่งในสายปีหนึ่ง ต้องแข่งกับพี่ปีสูงขึ้นไปในรอบหน้า
รุ่นพี่โรเวนมาให้กำลังใจปนขู่ "ตราพระราชาต้องเป็นของป้อมอัศวินในปีนี้"
เล่นเอาพวกรุ่นน้องหนาวไปตามๆกัน
"โธ่พี่ก็จะมาเอาอะไรกับพวกผมที่ผ่านมามันก็แค่โชคช่วย" เฟรินบอก
"งั้นก็ขอให้โชคมันช่วยทุกวันก็แล้วกันนะเฟรี่" ลูคัสต่อให้ เล่นเอาเจ้าตัวหน้าดีทำหน้าจ๋อย
หลังพวกรุ่นพี่ออกไป ทั้งชั้นปีก็ประชุมเครียดเรื่องหมากกระดานที่เหลือ ที่ต้องรับมือกับรุ่นพี่แล้ว ก่อนโยนหน้าที่วางแผนมาให้เฟริน
"นายตัดสินใจ เพราะนายเป็นคนเดินหมาก" มาทิลด้าสั่ง
"ครับผม จะพยายามก็แล้วกัน พวกนายก็อย่าตายให้มันง่ายนักก็แล้วกัน" เฟรินบอก
แน่นอนในวันแข่งตัดสินจะมีพระราชาประเทศต่างๆมาดูด้วย ทำให้ต้องจัดเวรรักษาความปลอดภัย สำหรับพวกเฟรินในวันแข่งได้รับอภิสิทธิ์ไม่ต้องอยู่เวรขณะแข่ง แต่ตอนที่ไฮคิงมามอบตราต้องอยู่เวรเฝ้าปราสาทเอดินเบิร์กแทน
"ตกลงพวกเราแบ่งกลุ่มดูแลปราสาทกลุ่มละสามคน แบ่งไปคนละชั้นเลยแล้วกัน" เจ้าแม่ป้อมอัศวินเริ่มแจกงานแกมบังคับ
"ฉัน คิล เฟริน เฝ้ายอดปราสาทให้" คาโลเสนอตัว
"งั้นห้องฉันเอาชั้นต่อลงมาแล้วกัน" โรบอก หมายรวมกัสกับซีบิลเข้าไปด้วย
ทุกคนแบ่งตามห้อง ดูแลคนละชั้นไป ส่วนเจ้าตัวยุ่ง บ่นกระปอดกระแปด
"อดดูพิธีการข้างล่างเลย"
ในที่สุดรอบชิงชนะเลิศ เป็นทีมปีห้าป้อมอัศวินเจอปีหกป้อมขุนนาง ทีมปีหนึ่งป้อมอัศวินเจอปีเจ็ดป้อมปราชญ์
"เอารีบๆแข่งให้เสร็จแล้วไปดูรุ่นพี่โรเวนปะทะเจ้าชายอาเทอร์กันดีกว่า" เฟรินว่า
"ทุกคนทานน้ำรวมใจก่อนค่ะ" เรนอนบอกยกแก้วน้ำมาให้ทุกคน
"นายจะกล่าวสุนทรพจน์หน่อยมั้ย" เฟรินหันไปถามเจ้าชายมาดมาก
"สู้ตาย" คาโลบอกสั้นๆแต่น้ำเสียงหนักแน่นสมเป็นนักรบ ทุกคนเฮ้ก่อนออกเดินเข้าสนาม
วันนี้เฟรินให้คาโลเป็นคิง คู่กับกัสเป็นควีน ให้โรกับซีบิลเป็นบิชอพ คิลกับมาทิลด้าเป็นม้า เดทกับซอร์โรเป็นเรือ ที่เหลือเป็นเบี้ย ให้เรนอนเป็นตัวสำรอง
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด สุดท้ายเป็นคิงปะทะคิงและคาโลคว้าชัยชนะมาได้ในที่สุด
"เป็นงัยพวกแกได้เหงื่อกันทุกคนไหม" เฟรินถามอย่างอารมณ์ดี มองดูไม่มีใครบาดเจ็บร้ายแรง เพราะเขารีบบอกยอมแพ้ก่อนถ้าใครทำท่าจะไม่ไหว
"มันเป็นบ้าเลยว่ะ" ครี้ดบอกหลังได้แสดงฝีมือกันกระหน่ำสนาม
จนทำให้ต้องเลื่อนคู่ต่อไปออกไปก่อนเพื่อป้อมปราการปราชญ์กับแผ่นดินประชาจะได้ซ่อมสนาม ที่เจ้าตัวเองก็ช่วยทำพังจากการต่อสู้กับป้อมอัศวินปีหนึ่ง
ในที่สุดการแข่งขันรอบสุดท้ายก็ได้เริ่มขึ้น
ศึกเจมิไนปะทะซาเรสเป็นไปอย่างดุเดือด เชือดเฉือน
เจ้าชายอาเทอร์และเจ้าชายโรเวนเป็นคนเดินหมาก ที่ฝีมือสูสี ต้องฝากความหวังไว้ที่ความแข็งแกร่งของตัวหมากในสนามแทน
ในที่สุดรุ่นพี่ลูคัสก็ปราบคิงป้อมขุนนางได้
ขณะที่รุ่นพี่ไทนอสเป็นคิงก็ต้านการบุกของบิชอพป้อมขุนนางได้
รุ่นพี่ลอเรนซ์เป็นควีนก็กำจัดควีนป้อมขุนนางได้เช่นกัน
ทำให้ตราพระราชาปีนี้ตกเป็นของป้อมอัศวิน
พวกคิงในปะรำพิธีต่างก็ชื่นชมพวกลูกๆกันใหญ่
"จะว่าไปลูกเจ้าเป็นควีนที่สวยที่สุดเลยนะ" จักรพรรดิวิลเลี่ยมหันไปแซวคิงริชาร์ด
"แน่นอนอยู่แล้ว แม่สวย พ่อหล่อ ลูกก็ต้องออกมาดูดีเป็นธรรมดา" คิงริชาร์ด บอกอย่างอารมณ์ดีปนยกตัวตามนิสัย
"ลูกชายท่านพี่ก็ฝีมือไม่เลวนะพะยะค่ะ" คิงกาเบรียลหันไปคุยกับคิงบาโร
"อืมก็พอใช้ได้ คงต้องชมคนเดินหมาก " คิงบาโรว่า ปรายตาไปมองไฮคิง
"ปีนี้งานสนุกใช้ได้เลยท่านอาจารย์" ไฮคิงว่า ขณะคุยกับมหาปราชญ์เลโมธี
"พวกคลื่นลูกใหม่มักแรงกว่าลูกเก่า เป็นเรื่องที่น่าจับตามองนะ" มหาปราชญ์บอก
"ท่านพี่ได้เวลา มอบตราพระราชา เชิญข้างในพะยะค่ะ " เจ้าชายชามัลทูลเชิญไฮคิงเสด็จที่ปราสาทด้านใน
พิธีการเริ่มขึ้น ขณะที่อ.กิบบอนเชิญตราพระราชามาให้ผู้รับ
เจ้าชายโรเวนเป็นตัวแทนป้อมอัศวิน
ขณะส่งมอบตรา กิบบอนชักมีดออกมาแทงใส่ไฮคิง ไฟดับ ทำให้ความสับสนอลหม่านเกิดขึ้น
เมื่อเหตุการณ์สงบ กิบบอนหายไป ไฮคิงได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อย เพราะมีดแค่บาดมือ และลาเวนองครักษ์เข้ามากันทัน
"มันต้องใช้เลือดท่านไปคลายอาคมของมงกุฎแห่งใจแน่" มหาปราชญ์บอก
ก่อนรีบไปที่ยอดปราสาทที่เก็บสมบัติวิเศษทั้งสี่ทันที พร้อมกับเจ้าชายอาเทอร์ เจ้าชายโรเวน เจ้าชายโรม และเจ้าหญิงวีชา
" ไอมาร ระวัง" คาโลบอก เมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ
ร่างในชุดเต็มยศของอ.กิบบอนปรากฏตัวพร้อมมีดเปื้อนเลือด เขารีบหยดเลือดใส่มงกุฏแห่งใจทันที
เมื่อมันได้รับเลือดมันก็ลอยมาสวมอยู่บนหัวของกิบบอนทันที
"คทาแห่งพลัง" เสียงกิบบอนเรียกอาวุธ
"ผนึกคทาแห่งพลัง" คาโลว่าก่อนปักคทาของตนลงพื้นตรึงเขตอาคมทันที
" แหวนแห่งปราชญ์" กิบบอนเรียกของวิเศษชิ้นต่อไปทันที
"ผนึกแหวนแห่งปราชญ์" คิลเองก็ตรึงเขตเวทมนต์ทันที
"ดาบแห่งกษัตริย์" กิบบอนเรียกดาบมาใส่มือ
"ดาบผ่าปฐพี" เฟรินเรียกดาบก่อนพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายทันที
ทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ
มหาปราชญ์เปิดประตูเข้ามาเห็นเหตุการณ์ รีบให้พวกเขาช่วยกันผนึกสมบัติที่เหลืออีกสองชิ้นก่อน
"ผนึกไว้ก่อนเท่าที่ได้เถอะ" มหาปราชญ์ออกคำสั่ง
เจ้าชายโรมกับเจ้าหญิงวีชาและมหาปราชญ์ก็มาช่วยผนึกแหวน
ส่วนเจ้าชายอาเทอร์และเจ้าชายโรเวนก็มาช่วยผนึกคทาร่วมกับคาโล
เมื่อเห็นคนมาช่วย คิลเลยละจากเขตอาคมไปช่วยเฟรินแทน
ส่วนคาโลไม่อาจละได้เพราะเขาเป็นกำลังสำคัญของเขตอาคม
คิลจู่โจมควักหัวใจอีกฝ่ายมาได้ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อหัวใจนั้นกลับเข้าไปในทรวงอกใหม่ เหมือนในฝัน
"ปีศาจ" คิลว่า
"ขายวิญญาณให้ความมืดไปหมดแล้วต่างหาก" เฟรินบอก เด็กหนุ่มเริ่มหอบเหนื่อยเช่นกัน เพราะแรงคนก็ไม่อาจสู้แรงปีศาจเต็มร้อยของมงกุฏใจได้
" พวกแกมีพลังแค่นี้ไม่อาจหยุดข้าได้หรอก แถมเจ้านักฆ่าสั่งงานก็ไม่ได้เรื่อง" มงกุฏแห่งใจในร่างกิบบอนหัวเราะอย่างเยาะเย้ย
"ก็แกไม่รู้จักบอกจุดหมายให้แน่นอน รูปสักใบก็ไม่มีใครจะไปหาเจอ"คิลโต้
ก่อนพุ่งหลบแสงสีดำที่ส่งมา เมื่อพลาดเป้าก็กระทบกำแพงเป็นรูใหญ่ทันที
เฟรินมองไปทางคิลเป็นทำนองถ่วงเวลาให้ที ก่อนเรียกคทาแบตเตอรี่ออกมา คิลพุ่งโจมตีกิบบอนต่อ
"งั้นคงต้องเอาจริงแล้วสินะ" เฟรินว่า
ก่อนร่ายคาถาสยบตะวันคืนจันทรา ท้องฟ้ามืดสนิทเห็นเพียงแสงจันทร์เพ็ญที่ส่องทะลุกำแพงที่เป็นรูโหว่ ไอพลังคลุ้งออกมาจากร่างเด็กหนุ่ม ดวงตาสีน้ำตาลกลายเป็นสีทอง ดาบในมือเรืองแสงราวกับอยู่ในมือของจ้าวปีศาจ
ทั้งห้องมืดสนิท เฟรินคิดในใจแย่แล้วเผลอปล่อยพลังออกมามากเกินจนควบคุมลำบาก มีหวังทำลายข้าวของหมด เดี่ยวเสียเงินค่าเสียหายอาน เขาเรียกสร้อยออกสวมทันทีเพื่อช่วยลดพลังให้พอควบคุมอยู่เวลาเร่งพลัง
มหาปราชญ์ร่ายคาถา ทำให้โคมไฟบนผนังสว่าง ทุกคนตกตะลึงกับร่างสาวน้อยตรงหน้า
"ธิดาแห่งความมืด ดีจริงที่ไม่ต้องเสียเวลาหา อุตส่าห์จ้างนักฆ่าก็ไม่ได้เรื่อง" กิบบอนว่าก่อนหันไปเรียกคทาแห่งพลังทันที
"คทาแห่งพลัง"
แสงสีดำพุ่งไปดึงคทาทันที เกิดการต่อสู้กันระหว่างพลังผนึกของสามเจ้าชายกับพลังปีศาจของกิบบอนทำให้คทาแตกออก พลังกระจายมาเข้าร่างของเฟริน
" หายไปซะ" เฟรินว่าก่อนพุ่งเข้าหา ตวัดดาบในมือใส่กิบบอนอย่างรวดเร็ว
ดาบเดียวที่ทำให้ทุกอย่างหายไปอย่างไม่เหลือซาก ผ่ายอดปราสาทเอดินเบิร์กแถมไปด้วย ดีที่พลังขึ้นฟ้าไป ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมาก นอกจากยอดปราสาทเอดินเบิร์กอย่างเดียว
ทำให้มหาปราชญ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะเคยเห็นฤทธิ์ของผ่าปฐพีมากแล้ว ในการแบ่งดินแดนแยกเป็นสองส่วนในอดีต
เจ้าชายอาเทอร์แอบกลืนน้ำลาย ไม่คิดว่าไอ้เด็กหัวขโมยจะมีดีเก็บไว้ถึงขนาดนี้
ส่วนเจ้าชายโรมกับเจ้าหญิงวีชารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่เฟรินไม่ได้ลงสนาม มิฉะนั้นพวกเขาคงต้องซ่อมพื้นสนามมากกว่านี้
ส่วนเจ้าชายโรเวนก็ตัวแข็งไปเหมือนกัน หวังว่ามหาปราชญ์คงไม่เรียกค่าเสียหายของยอดปราสาทกับป้อมอัศวินนะ ไม่งั้นงบดุลขาดสะบั้นกันพอดี ยิ่งกรอบๆอยู่เพราะต้องอุดรูรั่วของป้อมจากฝีมือของคู่หูซาตานนักบวชที่ขยันซ้อมปาเป้าเหลือเกิน ทำให้ป้อมอัศวินจนอยู่ทุกวัน
บ้าจริง พลังจากคทามาเสริมทำให้พลังเกินควบคุม ดีนะที่อยู่ในร่างผู้หญิงไม่งั้นสงสัยพังโรงเรียนชนิดที่ไม่ต้องเรียนต่อแล้วละ เฟรินคิดในใจ
ความคิดเห็น