คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9 / ความเผลอไผลบางอารมณ์
“โห...ร้านนี้เลยหรอ”
ชญานิษฐ์ ร้องลั่น เมื่ออรรถวุฒิพาหญิงสาวมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“อะไรว่ะ...แค่นี้เอง ระดับลูกสาวผู้ใหญ่กันธรในจังหวัดอุบลฯ แค่นี้ขนหน้าแข่งไม่ร่วงหรอก”
“ไม่ร่วง ตลกแล้วไอ้คุณเพื่อนอรรถ”
“ไปเถอะ...ร้านนี้ใกล้ที่สุดแล้ว และฉันก็หิวแล้วด้วย”
อรรถวุฒิเดินไปด้านหลังหญิงสาว และดันให้เดินนำหน้า พอดีกับที่ภากรกำลังเดินเข้ามาและเห็นการกระทำของคนทั้งคู่ทันที แต่เขาอยู่ห่างออกไปเลยไม่ได้ยินคำพูดของหญิงสาวกับชายหนุ่มคนนั้น วันนี้ภากรต้องพาลูกค้าสำคัญมาเลี้ยงต้อนรับการมาเมืองไทยและจำเป็นต้องเทคแคร์เป็นพิเศษ
-ไงล่ะ...คนดีของคุณแม่ ทำงาน...น่าขำชะมัด ที่แท้ก็มาหยอกล้อ กินข้าว กับหนุ่มที่นัดไว้มากกว่ามั้ง-
....................................................................
อรรถวุฒิ และ ชญานิษฐ์ เข้าไปนั่งในร้านอาหารหรู บรรยากาศดี และคนที่อยู่ในร้าน ต่างนั่งคุยกันอย่างเงียบ ๆ ด้านภากรเองเขาเลือกที่นั่งไม่ห่างจากโต๊ะของหญิงสาวสักเท่าใดนัก
“สั่งอาหารครับ”
อรรถวุฒิเรียกหารายการอาหารจากพนักงานของร้าน
“รับอะไรดีค่ะ”
พนักงานเดินเข้ามาถาม
“สั่งอะไร ก็สั่งสินายอรรถ น้องเขามารอ”
“แป๊บนึงก็ได้...ใช่ไหมครับคุณพนักงาน”
“ค่ะ”
“เอา..........”
อรรถวุฒิสั่งอาหารสามสี่อย่างและสั่งข้าวเผื่อเพื่อนสาว ที่นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ตรงกันข้าม
“อรรถ...นายไปจัดการข้อมูลลูกค้าให้ฉันด้วยนะ”
“อืม...ก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ว่า พรุ่งนี้...ฉันจะนัดทีมงาน ประชุมช่วงเช้า เธอก็ต้องเข้าประชุมด้วยนะ”
“แล้ว...ประชุมที่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มบอกชื่อโรงแรมย่านวิภาวดีรังสิต และห้องที่จัดเป็นสถานที่ประชุมชั่วคราวสำหรับทีมงานของชญานิษฐ์และอรรถวุฒิ
“อิ่ม...เป็นบ้าเลย”
“ถ้านายไม่อิ่ม...ฉันก็จะให้นายไปล้างจาน”
“นิษฐ์...ไปเดินดูสถานที่ทำห้องเสื้อให้น้องนีไหม ฉันจำได้ว่าเธอจะเปิดร้านเสื้อให้น้องนี”
อรรถวุฒิพูดขึ้น
ชญานิษฐ์มองหน้าเพื่อนแล้วว่า
“จำได้ด้วย...ทำไม...มีที่ดี ๆ แนะนำให้หรอ”
“มีสิ...เมื่อก่อนฉันก็จะเปิดร้านให้ญาติผู้พี่ของฉัน แต่ว่าทำได้ไม่นาน เพราะว่าเขากำลังจะแต่งงานและก็คงไม่มีใครดูแลร้านต่อ เพราะไม่มีใครถนัดด้านออกแบบผ้าลายใหม่ ๆ เอาไหมญาติฉันเข้าโอนให้ในราคาถูก สนไหมล่ะ”
“วันนี้...ไม่ไปเที่ยวกับสาว ๆ หรือไง”
“ไม่...ขี้เกียจ ขืนไป งานไม่เสร็จ ฉันหูชาเพราะเธอพอดี”
“ดี รู้ก็ดี”
หญิงสาวหัวเราะ เมื่อเห็นเพื่อนสนิททำสีหน้าบ่งบอกถึงความขยาด กลัว
ภากรขยับแว่นกรอบหรูที่ส่วมใส่อยู่ เพื่อให้ดูว่าเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ทำให้ดูน่าเชื่อถือสองสามครั้ง เพื่อพิศดูภาพคนทั้งคู่
“คุณภากรครับ”
“ครับ...คุณอังเดร”
“ผมต้องขอตัวกลับก่อน...พอดีพึ่งนึกได้ว่าต้องไปธุระ”
“ครับ”
29
“นิษฐ์...ฉันไปรอที่รถนะ”
“อิ่มแล้วรีบเลยนะ เงินน่ะมีไหมที่จะช่วยกันออก”
“มีแต่ไม่ออก ก็เธอเลี้ยงไม่ใช่หรอ ตกลงฉันไปรอที่รถนะ รีบ ๆ เข้าจะได้ไปดูร้านให้น้องนี”
“เออ...”
หญิงสาวจัดการเช็คบิลค่าอาหารทั้งหมด ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารไปห้องน้ำ ภากรเดินตามเธอไป และยืนรอหญิงสาวอยู่สักพัก พอเธอเดินออกมา ก็พูดขึ้นว่า
“งาน...ออกแบบ ตกแต่งภายใน เขามีทีมงานแค่สองคนหรอ แล้วงานนี้อยู่ที่ร้านอาหารหรือครับ คุณชญานิษฐ์”
ชญานิษฐ์หันหลังกลับมามอง
“ฉันทำอะไร ที่ไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณซะหน่อยนี่ค่ะ คุณภากร”
“ก็จริง...แต่ก็ไม่ต้องทำตัวเองเป็นรีบร้อน งานยุ่ง ทำเป็นรีบมาทำงานแต่เช้าให้คนอื่นเขาเห็นนี่”
“ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบายนี่ค่ะ คุณภากร และถ้าไม่พอใจ ก็เชิญคุณไปบอกคุณแม่คุณสิ ฉันอนุญาต”
ภากรไม่พูดต่อ แต่ย่างกายเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนจ้องมองเขาอยู่ ชายหนุ่มก้มหน้าเล็กน้อย แล้วดึงแขนหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ตัวเขา ชญานิษฐ์รู้สึกตกใจ แต่เธอคิดว่า ชายหนุ่มไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอน อีกอย่างมีหรือว่าคนอย่างชญานิษฐ์จะกลัวใครง่าย ๆ ภากรจึงออกแรงบีบที่ต้นแขนของหญิงสาว
“โอ๊ย...นี่ฉันเจ็บนะ ปล่อย...”
เธอดูเขาเสียงดัง
“คุณจะทำอะไร กับใครผมไม่ว่า แต่อย่าพลาดจนทำให้แม่ผมต้องถูกแม่คุณต่อว่า ว่าดูแลลูกสาวของท่านไม่ดี”
“บ้า...คุณภาคิน ฉันพึ่งรู้ว่านี้เองว่าคุณเป็นคนที่คิดอะไรได้คับแคบมาก ๆ แล้วนี่...ปล่อยฉันนะ ถ้ายังกล้าล่วงเดิน แตะเนื้อต้องตัวฉันอีก คุณนั่งล่ะที่จะมีเรื่อง”
ชญานิษฐ์ว่า ภากรมองไปรอบ ๆ เขาปล่อยมือออกจากแขนของหญิงสาว พอดีกับอรรถวุฒิเดินกลับเข้ามา
“นิษฐ์ ทำอะไรอยู่ ฉันรอแกที่รถจะหลับแล้ว”
“เปล่า ฉันก็แค่มาเข้าห้องน้ำ”
“แล้ว...นี่ใคร!!!”
“คุณภากร ลูกชายคนโตของคุณหญิงภควรรณเพื่อนแม่ฉัน ฉันพักอยู่บ้านเขา”
ชญานิษฐ์แนะนำ
“สวัสดีครับ คุณภากร ผมอรรถวุฒินักออกแบบภายใน เพื่อนชญานิษฐ์ครับ”
“ครับ สวัสดีครับ”
“จะแนะนำกันอีกนานไหม เสียเวลา...”
หญิงสาวเดินตัดกลางวง แล้วเดินออกไปทันที
“ผมไปก่อนนะครับ คุณภากร ไอ้นิษฐ์มันขี้หงุดหงิด ผมขี้เกียจฟังมันบ่น”
“ครับ เชิญตามสบายครับคุณอรรถวุฒิ”
อรรถวุฒิรีบวิ่งตามเพื่อนสาวออกไป ทั้งให้ภากรยืนคิดอยู่คนเดียว เพื่อนกันหรอ...-
.........................................................................
30
กันญิกาเดินเลือกซื้อของใช้ส่วนตัว หลังจากที่หญิงสาวซื้อหนังสือที่ต้องการล้ว โดยมีภาคินเดินตามอยู่ห่าง ๆ
“นี่...คุณจะเลือกของอีกนานไหม”
ภาคินถาม
“พี่คิน...กลับบ้านไปก่อนก็ได้นี่ค่ะ นีกลับบ้านถูกค่ะแค่นี้เอง”
“ฉันจะกลับหรือไม่ มันก็เรื่องของฉัน”
“นีต้องเลือกของอีกนานนะค่ะ...พี่คินจะกลับไปก่อนก็ได้ เสียเวลางาน”
“เธอ...”
“นี...ไม่อยากรบกวนพี่คินมาก ถ้าพี่คินมีธุระก็เชิญค่ะ”
“เลือกของเธอไป ฉันจะกลับหรือไม่ก็เรื่องของฉัน”
สักพักหญิงสาวเดินไปยังเคาร์เตอร์ชำระเงิน เธอหยิบกระเป๋าเงินออกมารอที่จะจ่าย
“ทั้งหมด แปดร้อยห้าสิบบาท ค่ะ”
“นี่...”
หญิงสาวส่งเงินให้ ยังไม่ทันที่พนักงานชำระเงินจะรับไป ภาคินก็ส่งบัตรเครดิตให้กับพนักงานแทน แล้วว่า
“ใช่นี่แทนครับ”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
.............................................................................................
พอเดินมาถึงลานจอดรถ ภาคินยกของไปไว้ข้างหลังและดึงของออกจากมือของหญิงสาวออก และนำไปไว้ที่เดียวกันทั้งหมด พอชายหนุ่มเก็บของเสร็จ กันญิกาจึงพูดว่า
“พี่คิน...นี่ค่ะค่าของที่พี่คินจ่ายไปเมื่อกี้”
หญิงสาวส่งเงินให้ ภาคินมองเขาไม่สนใจอะไร ชายหนุ่มเปิดประตูฝั่งหญิงสาวออก แล้วตนเองก็เดินอ้อมไปฝั่งคนขับก่อนจะเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งของตน
“นี่...ขึ้นรถได้แล้ว”
“นี...วางเงินไว้นี่แล้วกัน ถ้าพี่คินไม่รับดี ๆ”
“เก็บไปซะ เงินแค่ไม่กี่ร้อยบาท”
“แต่ว่า...นี...”
“เธอเป็นคนเถียงเก่งหรือไง...ฉันนึกว่าเงียบ ๆ”
“ไม่ถึงกับเงียบหรอกค่ะ แค่ไม่อยากพูดมาก แต่ว่านีไม่ชอบเป็นหนี้ใคร นี่ค่ะ เงิน”
กันญิกายื่นยันว่าตนจะคืนเงินให้กับภาคินให้ได้ ชายหนุ่มจ้องหน้าหญิงสาว คิ้วเข้ม ๆ ชิดติดกัน เขาขยับตัวเล็กน้อย กันญิกามองสักพัก ภาคินก็ขยับตัวเบียดคร่อมเข้าหาฝั่งหญิงสาว แล้ววางมือของตนให้คร่อมร่างบางไว้ไม่ให้ขยับได้ ก่อนจ้องมองสบตาเธอไว้
“พี่คิน...ถอยออกไปนะ”
“กลัวหรอ”
ภาคินเห็นกันญิกาเริ่มลั่น ในแววตาของหญิงสาวบอกให้รู้ได้เลยว่าตอนนี้เธอคงหวั่น ๆ ไม่น้อย อย่าบอกนะว่าแค่นี้ หญิงสาวก็กลัวแล้วจริง ๆ
“พี่คิน...ถอยออกไปนะค่ะ”
31
ภาคินไม่สนใจ เขาก้มหาหญิงสาวจนใบหน้าของเขาห่างจากหญิงสาวไม่ถึงคืบ
“เก็บเงินซะ แล้วอย่าทำแบบนี้อีก ถ้าฉันให้คือให้ เข้าใจ”
“แต่...”
กันญิกาประท้วง ก็เธอไม่ชอบให้ใครมาเป็นบุญคุณนี่...แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดต่อให้จบ ภาคินก็ใช้จมูกของเขาทำให้เฉียดแก้มเนียนให้พอรู้สึก แต่ว่ายังคงค้างไว้แบบนั้นและแกล้งหายใจรดต้นคอของกันญิกาอยู่
“ถอยออกไปนะ...”
“ทำไม...ยังไม่ทันทำอะไรเลย ก็ปฏิเสธซะแล้ว รู้ไหมว่าฉันมีผู้หญิงที่รอให้ทำแบบนี้อยู่เท่าไหร่ บางทีให้มากกว่านี้...”
...เพลี้ย...
กันญิกา ผลักคนที่อยู่ชิดแก้มของเธอสุดแรง ก่อนตบหน้าชายหนุ่มอย่างจัง เพื่อให้รู้ว่าเธอไม่พอใจ ตอนนี้หญิงสาวหน้าแดง ทั้งโกรธ ทั้งอาย แต่เธอยังขยับไปไหนไม่ได้เลย เพราะภาคินยังคงยึดข้อมืออีกข้างหนึ่งของหญิงสาวไว้
“ปล่อย...นะ”
หญิงสาวพยายามแกะมือของเขาออก ภาคินก้มหาร่างบางอีกครั้ง เขาจูบหญิงสาวแบบไม่ทันตั้งตัว เคลื่อนย้ายไปทั่วใบหน้าเนียน
“ฮื้อ...ปล่อย...อย่า...อย่าทำแบบนี้”
“ฮื้อ...”
เสียงของกันญิกาเงียบไป เพราะเมื่อปากอบอุ่นเคลื่อนมาประกบที่เรียวปากนุ่ม ภาคินกดร่างบางให้ติดกับผนักพิงของที่นั่งบนรถส่วนตัวของเขา กันญิกาพยายามดิ้นให้หลุด แต่ยิ่งดิ้น ภากรก็ยิ่งจับและบิดที่ข้อมือเธอแรงขึ้น หญิงสาวกำลังหัวหมุนไปหมด คิดอะไรไม่ออก จะหนีก็ไม่ได้ จนภาคินสอดมือข้างหนึ่งเขี่ยกระดุมเสื้อเชิ้ตของหญิงสาวให้หลุดออกไปจากรังดุมได้สองเม็ด
น้ำตาของกันญิกาไหลลงอาบแก้ม ภาคินรู้สึกว่าได้ลิ้มรสน้ำตาของหญิงสาวเขาจึงหยุดการกระทำนี้ทันที
ภาคินมองหน้าหญิงสาว เธอเองก็ก้มหน้าทันที ภาคินก็ไม่พูดอะไร ชายหนุ่มขยับไปนั่งที่ตนเอง แต่ก็ยังคงหันกลับมามองที่หญิงสาว เธอยังคงนั่งชิดกับประตูรถของเขา พอเขายกมือถึงแตะที่หัวไหล่ของเธอ กันญิกาถึงกับสะดุ้ง
“อย่าค่ะ...นีขอโทษ...นีไม่ได้ตั้งใจจะตบพี่คิน นี...นี...”
ฮือ...ๆ...ๆ...ๆ....ๆ...
32
ภาคินชักมือกลับ ความรู้สึกเขาบอกให้รู้ว่า หญิงสาวคงตกใจมาก จึงหันกลับไปที่ของตนแล้วว่า
“ติดกระดุมเสื้อซะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
หญิงสาวทำตามที่เขาบอก และภาคินก็ออกรถไป มุ่งหน้ากลับบ้าน เขาและเธอไม่ได้พูดอะไรกันเลย พอมาถึงบ้าน กันญิการีบลงจากรถและเข้าบ้านแบบกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
....................................................
ความคิดเห็น