ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    dream war สงครามพิทักษ์ฝัน

    ลำดับตอนที่ #3 : คืนที่2 : เปิดเผยตัวคนเบื้องหลัง

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 55


    คืนที่2

    เปิดเผยตัวคนเบื้องหลัง

                “นายบอกว่า...เทคโนโลยีพรางตัวของกองวิทยาการใช้ไม่ได้งั้นเหรอ” เกรกอรี่ถามพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “ครับ เพื่อนผมบอกว่าเขาเห็นผมด้วยน่ะครับ” แมธธิวบอก เกรกอรี่หันไปหาโจน่าห์

                “เรื่องนี้ต้องเขียนรายงานไหม” ชายหนุ่มถาม หัวหน้าทีมเพียงหนึ่งเดียวที่นิ่งฟังมาตลอดกลอกตามามองเกรกอรี่แวบหนึ่ง

                “ร้องเรียนไปแล้ว ทีมอื่นๆ ก็มีปัญหาเดียวกัน” เสียงเหมือนฟ้าผ่าตอบกลับมา

                “แบบนี้ก็ต้องระวังมากเป็นเท่าตัวล่ะนะ” เกรกอรี่เอ่ย ทั้งสามกำลังยืนคุยกันอยู่หลังเสร็จจากการเดินลาดตระเวนเป็นรอบที่ห้า

                “...ว่าแต่ แมธ นายก็อยู่ไกลจากเพื่อนออกปานนั้น แล้วเพื่อนมันรู้ได้ไงว่าเป็นนายวะ”เกรกอรี่ตั้งข้อสังเกต เผ่าพันธุ์ของผู้ที่อาศัยในอาณาจักรแห่งความฝัน มีร่างกายที่เหนือชั้นกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างแมธธิวมากนัก หนึ่งในนั้นรวมถึงสายตาด้วย เกรกอรี่มั่นใจว่าหากเป็นสายตาของตนคงดูออกว่าเป็นแมธธิว แต่ระยะห่างขนาดนั้นระหว่างแมธธิวกับเพื่อน มันห่างกันมากจนเกินกว่าจะเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใครเสียอีก แต่ที่แมธธิวรู้ว่าเจ้าของความฝันเป็นเพื่อนตนเอง เพราะเขาได้รับการฝึกมา ที่สำคัญ ชุดของแมธธิวมีอุปกรณ์ช่วยเยอะกว่าของผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ด้วย

                “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ในความฝัน ทุกความคิดจะกลายเป็นจริงไม่ใช่เหรอครับ” แมธธิวพยายามหาคำตอบ “บางทีเจ้าทิมมันอาจอยากเห็นว่าผมเป็นใคร แล้วมันก็ได้เห็นดังใจคิด แค่ไม่ได้มาอยู่ใกล้ๆ ผมก็เท่านั้นเอง”

                “ก็อาจจะ...” เกรกอรี่เม้มปาก เหตุผลของแมธธิวมีความเป็นไปได้สูง เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก กรณีตัวอย่างที่ให้ศึกษาจึงมีน้อย

                “เสาร์ อาทิตย์นี้ยังไปสนามอยู่รึเปล่า” โจน่าห์เปลี่ยนเรื่องคุย แมธธิวขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดเล็กน้อย

                “มีรายงานแค่วิชาเดียว ไม่ได้เร่งส่ง ผมคงไปได้แหละครับ”

                “ป่านนี้เงินในธนาคารนายมีเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เกรกอรี่ถาม

                “ก็...เยอะอยู่ครับ...ผมมาทำอาชีพนี้ก็หลายปีแล้ว เงินเดินก็เพิ่มขึ้นตามลำดับเวลาเลื่อนตำแหน่ง...ก็เยอะพอดูครับ”

                “ไม่เอาออกมาใช้มั่งอ่ะ ทั้งชกมวยหาเงิน ทั้งมาล่าฝันร้าย แกคงรวยไม่รู้เรื่องไปแล้วมั้งเนี่ย” เกรกอรี่เลิกคิ้ว

                “ผมยังหาคำอธิบายดีๆ สำหรับเงินจำนวนมากที่ดูเหมือนไร้ที่มาไม่ได้เลยนะครับ...” แมธธิวพูดอย่างจริงจัง หากเขาเอาเงินเก็บออกมาใช้ แล้วคุณน้ากับคุณลุงจะคิดอย่างไร พวกท่านคงจะสงสัยว่าแมธธิวแอบรับทำงานอะไรที่ได้เงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้มา อย่างเลวร้ายที่สุด ด้วยสภาพขอบตาดำของแมธธิวที่คล้ายคนติดยาแล้ว พวกท่านอาจจะคิดว่าเขาขายยาด้วยก็ได้ในตอนนี้เวลาจะเอาเงินไปฝากธนาคาร เขายังต้องค่อยๆ ทยอยฝากเหมือนกับได้เงินมาวันละนิดวันละหน่อยเลย แถมยังต้องเปิดบัญชีอีกหลายๆ บัญชีเพื่อกระจายเงินออกไป ไม่ให้ดูน่าสงสัยอีกว่าทำไมลูกค้ารายนี้ อายุก็น้อยแต่เงินเก็บทำไมมันบานตะไทจัง

                “ค่อยๆ เอาออกมาใช้ก็ได้” เกรกอรี่ว่า

                “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ผมก็น่าจะหางานพิเศษทำบังหน้าไว้สักหน่อย”

                “ก็เลิกชกใต้ดิน แล้วไปส่งพิซซ่าหรือหนังสือพิมพ์แทนซะสิ” โจน่าห์เอ่ย

              “....ผมไม่อยากเลิกชกอ่ะ” แมธธิวยิ้มแห้งๆ

                ถ้างานล่าฝันร้ายเป็นเหมือนงานประจำของแมธธิว งานชกมวยใต้ดินก็เป็นเหมือนงานหาลำไพ่พิเศษ ที่ได้เงินดีไม่แพ้กัน แต่ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ หยดเลือด และความเจ็บปวด ช่วงแรกๆ ที่มีรอยฟกช้ำดำเขียว แมธธิวจะโกหกคุณน้ากับคุณลุงว่าไปเล่นกีฬานู่นนี่มาแล้วเกิดอุบัติเหตุ แต่ช่วงหลังๆ แมธธิวซึ่งเก่งขึ้น เด็กหนุ่มแทบจะไร้รอยขีดข่วนตอนกลับบ้าน อีกทั้งยังมีฉายาของตัวเองด้วยซ้ำไป

    แรกๆ แมธธิวชกด้วยความจำเป็น เขาอยากจะแบ่งเบาภาระครอบครัวที่รับเขามาดูแล แล้วแมธธิวในวัยเด็กก็รู้ว่าตัวเองมีความพิเศษไม่เหมือนใคร การเข้าหน่วยพิทักษ์ฝันทำให้เด็กชายแมธธิวต้องฝึกหนักและฝึกโหด ทำให้เขาเก่งและแข็งแกร่งกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก คุณน้ากับคุณลุงและน้องสาวก็เห็นความผิดปกติในข้อนี้ ซึ่งแมธธิวอำพรางมันด้วยการทำตัวเหมือนคนชอบเล่นกีฬา กล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นของร่างกายที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจึงดูไม่แปลกอีกต่อไป และด้วยเหตุนั้น เด็กชายจึงเริ่มก้าวเข้าสู่วงการแห่งกำปั้นและพละกำลัง ด้วยจุดขายที่เป็นนักมวยอายุน้อยที่สุด แต่กลับแกร่งไม่แพ้พวกรุ่นใหญ่ ตั้งแต่นั้น แมธธิวก็เป็นทั้งตัวทำเงินให้ตัวเอง และพวกผีพนันมาโดยตลอดแต่ก็มีพ่ายบ้างแพ้บ้าง ตามประสากีฬา

    ตอนนี้ ทั้งการพิทักษ์ฝันและการชกมวยใต้ดิน กลายเป็นชีวิตประจำวันของแมธธิวไปแล้ว

    คืนนั้นทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ฝันร้ายที่เข้ามากล้ำกรายก็มีแต่พวกตัวเล็กๆ จัดการง่าย และเจ้าของฝันบางคนก็สร้างฝันร้ายขึ้นมาซะเองโดยไม่เกี่ยวกับพวกตัวกินฝันด้วยซ้ำซึ่งในกรณีนี้พวกแมธธิวไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ

    เช้าวันศุกร์ แมธธิวไปเรียนตามปกติอย่างสงบสุขเช่นเคย แต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินมาถึงล็อกเกอร์ของตัวเอง ก็หยุดชะงักด้วยความตกใจ เสปรย์สีม่วงที่เขียนว่า เกย์ ตัวใหญ่ๆ ทาบทับเต็มประตูล็อกเกอร์ของเด็กหนุ่ม ซ้ำยังมีรูปตอนที่เขากับทิโมธีรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันและมีคำว่า คู่รักคู่สวีทเขียนทับ แปะอยู่กับประตูล็อกเกอร์

    เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหลังแมธธิวไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดังลั่น ไม่มีใครพูดถึงแมธธิว แต่เด็กหนุ่มรู้ว่าพวกนั้นหัวเราะใคร

    “แหม ฉันก็โดน” เสียงของทิโมธีดังขึ้นจากด้านหลัง แมธธิวหันไปมอง เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของเขายิ้มมุมปากกระตุกอยู่ เด็กหนุ่มชี้ไปที่ล็อกเกอร์ของตัวเองที่อยู่ห่างจากของแมธธิวไปสองตู้ ไม่มีคำว่าเกย์ หรือรูปง่อยๆ นั่น แต่มันเต็มไปด้วยสติกเกอร์รูปดอกไม้สีรุ้ง กับยูนิคอร์นที่ตัดต่อหน้าทิโมธีเข้าไปแปะอยู่เต็มไปหมด ถ้าถามล่ะก็...แมธธิวเองก็ไม่รู้ว่าของใครเลวร้ายกว่ากัน

              วันนั้น สองหนุ่มก็ยังเข้าเรียนตามปกติ โดยหารู้ไม่ว่า ความเลวร้ายกำลังทวีความรุนแรง

     

                เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขณะที่แมธธิวอาบน้ำอยู่ เด็กหนุ่มเดินออกมาในสภาพผ้าขนหนูห่อท่อนล่าง และมีหยดน้ำเกาะพราวตามร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อซึ่งบ่มเพาะมาอย่างดี โทรศัพท์มือถือยังดิ้นพร้อมกรีดร้องอยู่บนเตียง แมธธิวกดรับ

                โหล แมธเสียงของทิโมธีดังมาจากปลายเสียง

                “ไง” แมธธิวตอบกลับ กำลังจะถามต่อก็พอดีเพื่อนสนิทพูดขึ้นมาก่อน

                นายลองเปิดเมลล์ดูนะ ฉันส่งวีดีโอไปให้ อันที่จริงมันก็ลงเว็บด้วยแหละ แต่ฉันไม่อยากให้นายเห็นพวกคอมเมนท์เท่าไหร่

                “มันมีอะไรเหรอ”

                ลองดูเหอะน่ะ แค่นี้นะ เจอกันที่โรงเรียน

                แมธธิววางโทรศัพท์ที่เพิ่งตัดสายไปบนเตียงอีกครั้ง  แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คของตัวเอง  จากนั้นก็เช็คเมลล์และพบกับไฟล์วีดีโอ  แมธธิวคลิกดูด้วยความอยากรู้เล็กน้อย

                สิ่งที่ปรากฏในไฟล์วีดีโอนั้น  ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร  แต่มันก็ทำให้แมธธิวขมวดคิ้วขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งวีดีโอเล่นจนจบ  เด็กหนุ่มก็หงุดหงิดและโกรธมากอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน

                เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน  เป็นเช้าวันศุกร์  สิ่งที่แตกต่างจากทุกวัน  คือบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความยินดีลอยอบอวลไปทั่วโรงเรียน  มีเสียงพูดคุยวางแผนเที่ยวในวันหยุด  มีการชักชวนไปงานปาร์ตี้ในคืนวันศุกร์  แต่เมื่อแมธธิวก้าวเข้ามาในโถงทางเดินในโรงเรียน  ทุกสายตาก็หันมาจับจ้องเขา  แล้วหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป

                จากเด็กหนุ่มที่อยู่อย่างเงามาโดยตลอด  กลายเป็นจุดสนใจภายในคืนเดียวด้วยคลิปวีดีโอนั้น

                “ไงแมธ  คืนนี้นายมีนัดเดทกับไอ้เตี้ยนั่นที่ไหนหรือเปล่า”  เสียงถากถางเยาะเย้ยดังมาจากนักกีฬาสุดฮอตของโรงเรียน  ตามด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ในกลุ่มคอยเสริม แต่แมธธิวหาได้สนใจไม่ เขาเดินผ่านกลุ่มนั้นไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ถูกกระชากคอเสื้อจากด้านหลัง แล้วโดนหวี่ยงกระแทกใส่ตู้ล็อกเกอร์เสียงดังสนั่น

                “นี่แมธ ฉันคุยกับนายอยู่ หัดสนใจโลกซะบ้างสิ”  เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์น้ำตาลอ่อน นัยย์ตาสีเทาดังเหล็ก รูปหน้าที่คมสัน และร่างกายที่บึกบึน จัดเป็นหนุ่มหล่อมากทีเดียว กำลังคุกคามความสงบสุขของแมธธิวอยู่ ด้วยสีหน้าท่าทางที่เอาเรื่อง

                แมธธิวกวาดตามอง แล้วจำได้ทันทีว่าเป็นเพื่อนร่วมห้อง เป็นกัปตันทีมบาสเก็ตบอล และเคยพยายามลากแมธธิวให้เข้าทีมอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนแมธธิวจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นความแค้นของกัปตันทีมบาสที่มีต่อแมธธิว

                “มันได้เวลาจะเข้าเรียนแล้วนะ กอร์ดอน” แมธธิวพูดเสียงเรียบ พยายามจะระงับอารมณ์อย่างยิ่ง กอร์ดอนค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกมา เขาไม่ชอบแมธธิวเอาซะเลย แรกๆ ก็เฉยๆ กับท่าทางไม่สนใจโลกนั่น แต่นานวันเข้าเขาก็เริ่มหมั่นไส้ สาเหตุหนึ่งมาจากบาสเก็ตบอลด้วยมันก็ใช่ แต่หลักๆ แล้วมันมาจากท่าทางของแมธธิวมากกว่า

                “ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ” กอร์ดอนขู่เสียงต่ำ แล้วเสียงกริ่งเวลาเรียนก็ดังขึ้น

               

                “คลิปนั่นมันหยาบคายจริงๆ นะ” ทิโมธีเริ่มเรื่องอย่างรวดเร็วเมื่อแมธธิวมานั่งข้างๆ “ฉันอยากรู้ว่าใครทำ จะได้จับมาหั่นทำเป็นซาชิมิซะให้เข็ด”

                “อย่าสนใจมันเลย” แมธธิวพูดเรียบๆ ทั้งๆ ที่ในใจก็คุกรุ่นไม่แพ้เพื่อนสนิทแม้แต่น้อย

                แล้วก้อนกระดาษก้อนหนึ่งก็ลอยลิ่วมากระแทกหลังหัวของแมธธิว ก่อนจะตกลงไปกลิ้งบนพื้น แมธธิวก้มลงไปหยิบขึ้นมาคลี่อ่าน มีข้อความว่า

                ในคลิปนั่นนายเร่าร้อนมาก ทำเอาฉันละลายเลยล่ะ

                แมธธิวขยำกระดาษทันทีที่อ่านจบ ก่อนจะหันไปมองหลังห้อง พบกอร์ดอนยิ้มอย่างยียวนกวนประสาทอยู่ส่วนกลุ่มเพื่อนที่นั่งรวมกันแถวๆ นั้นต่างก็มองแมธธิวอย่างท้าทาย

               

                เมื่อกริ่งเวลาพักเที่ยงดังขึ้น สองหนุ่มเพื่อนซี้ก็ไปซื้ออาหาร แล้วหาที่นั่งรับประทานกัน แน่นอนว่าความขุ่นข้องใจยังตกค้างตั้งแต่เช้ามาจนถึงตอนนี้

                “นายไปทำอะไรให้ใครเขาแค้น จนต้องตัดต่อพวกเราสองคนลงไปในคลิปเกย์ด้วยวะแมธ” ทิมเริ่มขึ้น แมธกลืนอาหารลงคอ

                “ฉันไม่รู้” เด็กหนุ่มตอบง่ายๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบค่อนไปทางต่ำ บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์เสียแค่ไหน

                “นายต้องไปหักอกผู้ชายคนไหนมาแน่ๆ” เพื่อนซี้พูดพลางส่ายหน้า แมธธิวกะพริบตาปริบๆ

                “ทิม นายว่า...กอร์ดอนเป็นเกย์รึเปล่า”

                “...อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น” ทิมเสียงเบาลงทันที แม้ว่ากลุ่มของกอร์ดอน จะอยู่ถัดไปอีกสองโต๊ะด้านหลังก็ตาม แมธธิวไม่ตอบ แต่ยื่นเศษกระดาษที่กอร์ดอนปามาให้แทน เพื่อนซี้รับไปอ่าน แล้วครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองแมธธิวอย่างจริงจัง

                “คือ ฉันคิดว่าเขามีเจตนาจะแกล้งนาย เพราะฉันเชื่อว่าเขาเป็นชายแท้ เหตุผลก็ง่ายๆ เขาคบอยู่กับสาวสุดฮอตเป็นอันดับสองของโรงเรียนอยู่ในตอนนี้” ทิมพูดอย่างหนักแน่น แมธเลิกคิ้วอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่นัก

                “ขอโทษนะ ฉันขอนั่งด้วยได้ไหม” เสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงผู้หญิง แมธธิวก้มหน้ามองอาหารบนโต๊ะโดยอัตโนมัติทันที ส่วนทิมเพื่อนซี้ก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอ้าปากค้าง

                “ฉันถือว่านั่นไม่ใช่การปฏิเสธนะ” เด็กสาวพูด เธอมากันสองคน คนหนึ่งมีผมสีบลอนด์ทองสว่างงดงาม และดวงตาสีเทาขี้เถ้า ส่วนอีกคนนั้นผมหยิกเป็นลอนสีดำสนิท กับดวงตาสีฟ้าเขียวน้ำทะเล แล้วเธอสองคนก็เดินเข้ามา สาวผมบลอนด์นั่งลงข้างๆ แมธธิว ส่วนสาวผมดำนั่งลงข้างๆ ทิม

                แมธกระเถิบตัวออกมาให้ห่างจากเด็กสาวข้างกายอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เสียมารยาท ตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังอึดอัดแบบขีดสุด รู้สึกว่าอากาศรอบข้างถูกดูดหายไปหมด อากาศจู่ๆ ก็ร้อนขึ้นกะทันหัน

                “ใจเย็นๆ แมธ เอ่อ ขอโทษนะแอนนา แต่คุณช่วยห่างจากแมธกว่านั้นหน่อยได้ไหม” ทิมพูด แมธที่เอาแต่จ้องอาหารบนโต๊ะก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบข้างผ่อนคลายลง เด็กหนุ่มแอบเหลือบตาไปมองด้านข้างนิดหน่อย เห็นสาวผมบลอนด์นั่งทิ้งระยะห่างจากเขาเกือบเมตร และนั่นมันก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกผิด

                “เอ่อ แมธ คนที่นั่งข้างๆ นายนั่น นายเคยเจอเธอแล้วครั้งหนึ่ง” ทิมเอ่ยอย่างเนิบช้า เด็กหนุ่มผู้มีแผลเป็นพาดผ่านที่ตาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเพื่อน แน่นอนว่าเขาพยายามเพ่งสายตาแต่ที่หน้าของทิม แต่ก็มันก็ยังติดเด็กสาวผมดำที่นั่งอยู่ข้างๆ ทิมมาจนได้ มันทำเอาเด็กหนุ่มใจสั่นด้วยความกลัว

                “เธอคือ แอนนา วัตสัน สาวฮอตอันดับหนึ่งของโรงเรียน คนที่นายเคยเดินชนจนของกระจายนั่นแหละ”

                แมธอยากจะหันไปดูหน้าคนที่ตนเคยเดินชนเหลือเกิน และแน่นอนว่าทำได้ เขาหันไปมองเธอ ซึ่งแอนนาก็มองเขาอยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองกำลังกระหน่ำรัวผนังหน้าอกอยู่อย่างไร้ความปรานี และเหงื่อเย็นเริ่มซึมออกมาแล้ว

                แอนนา วัตสัน สาวสวยผมบลอนด์ยาวตรงปลายม้วนเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มจิ้มลิ้มของเธอเป็นสีชมพูสดใส ไม่ใช่ด้วยลิปสติก แต่เป็นสีชมพูแท้ ผิวขาวเนียนผ่อง ร่างสูงระหงอยู่ในชุดแฟชั่นที่ขับให้เธอดูเจิดจรัสยิ่งขึ้น

                “สวัสดีแมธธิว รอย ในที่สุดเราก็ได้เจอหน้ากันจริงๆ จังๆ สักที” แอนนาเอ่ยขึ้น แมธกะพริบตาปริบๆ เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นตระหนกที่พบว่าอีกฝ่ายต้องการจะพบเขา

                “แต่ก่อนอื่น ฉันขอแนะนำเพื่อนสาวของฉันให้คุณรู้จักก่อน นั่น เชอร์ลีน โฮม” แอนนาผายมือไปฝั่งตรงข้ามด้วยท่วงท่าราวเจ้าหญิง สาวสวยอีกคนหนึ่งพยักหน้าตอบรับ นอกจากสีผมและสีตาที่คุณรู้แล้ว เธอก็มีริมฝีปากบางสีแดงสด ซึ่งแดงธรรมชาติ ตัดกับผิวที่ขาวราวน้ำนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชุดที่เธอใส่อยู่เป็นโทนดำ ทำให้เธอดูเหมือน โสนว์ไวท์ไม่มีผิด ไม่จำเป็นให้ทิมบอกแมธธิวก็รู้ว่า เชอร์ลีนต้องเป็นสาวฮอตอันดับสามของโรงเรียนแน่ๆ

                “คุณมีอะไรจะคุยกับเพื่อนผมเหรอ” ทิมทำตัวเป็นผู้จัดการส่วนตัวทันที

                “พวกเราช่วยคุณหาตัวคนปล่อยคลิปได้” เชอร์ลีนเข้าเรื่อง น้ำเสียงของเธอราบเรียบและเย็นชา ซึ่งสัมผัสได้จริงราวกับมีน้ำเย็นมาลูบไขสันหลังอย่างไรอย่างนั้น

                “จริงเหรอ” ทิมดูตื่นเต้นมาก ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างจับผิด “แล้ว...พวกคุณจะลงทุนทำให้พวกเราทำไม”

                “แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำให้ฟรีๆ” แอนนาพูดพลางคลี่ยิ้มหวานที่ชายใดมาเห็นเป็นต้องละลาย “ค่าตอบแทนก็ไม่สูงอะไรมากมายนัก แค่คุณ แมธธิว รอย คุณต้องมาเป็นเพื่อนกับฉัน” ท่าทางอันมาดมั่นของเธอช่างคุกคามเด็กหนุ่มเสียจริง

                “ผมแอดเพื่อนคุณในเฟสบุ๊คก็ได้” แมธธิวงึมงำตอบ เด็กหนุ่มอยากกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ทำไมเขาถึงดูเหมือนไอ้งั่งขนาดนี้กันนะ

                “หาเจอแล้ว” เสียงเย็นๆ น่าขนลุกดังขึ้น ทุกคนหันขวับไปมอง ทิมอ้าปากค้างน้อยๆ ในขณะที่แมธธิวขมวดคิ้วด้วยความฉงน ไม่รู้ว่าเชอร์ลีนหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เธอกำลังหันหน้าจอมาให้พวกเขาได้เห็นชัดๆ ถนัดตา ว่าข้อมูลที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอนั้น ระบุว่าใครเป็นตัวการ

                “ฉันไปทำอะไรให้เธอโกรธแค้นเหรอ” แมธเอ่ยถามเมื่อกริ่งเลิกเรียนดังขึ้นแล้ว และเวลาช่วงต่อไปเป็นของกิจกรรมชมรม

                “นายลองนึกดูให้ดีๆ ซิ ว่านายทำอะไรให้ อลิเซีย มิลเลอร์ สาวฮอตอันดับสองของโรงเรียนโกรธแค้น” ทิมพยายามกระตุ้นความทรงจำของเพื่อนขณะที่ทั้งคู่เดินเอื่อยอยู่บนทางเดิน

                “ฉันจำไม่ได้” แมธธิวส่ายหน้า ทิมมองเพื่อนอย่างหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าทำไมคนแบบแมธธิวถึงได้ดึงดูดผู้หญิงเหลือเกินทั้งๆ ที่มันก็แสนจะจืดจาง แถมยังเป็นโรคกลัวผู้หญิงอีก

                “แต่มันอาจเป็นเหตุผลให้กอร์ดอนแกล้งฉันก็ได้” แมธธิวเชื่อมโยงเหตุผลว่าทำไมกอร์ดอนที่ไม่ค่อยยุ่งกับเขาถึงได้มากลั่นแกล้งเขา เพราะเป็นแฟนของอลิเซียนี่เอง

                “นายอาจจะเคยหักอกเธอก็ได้” ทิมคาดเดาต่อไป แต่มันไปสะกิดต่อมความทรงจำของแมธธิว เด็กหนุ่มจำได้รางๆ เหมือนมีผู้หญิงมายื่นจดหมายให้ แต่เธอโผล่มากะทันหันทำให้เขาตกใจ จนเผลอปัดมือนั้นไป ก่อนจะเดินหนีทันที ไม่แน่นะ...ผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นอลิเซีย และจดหมายฉบับนั้นก็อาจเป็นจดหมายสารภาพรักก็ได้ คิดมาถึงตรงนี้หน้าของแมธธิวเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันดูเคร่งเครียดจริงจังจนไม่น่าเข้าใกล้สุดๆ ขนาดเพื่อนสนิทอย่างทิมยังเดินห่างออกมาเลย

                “อาจจะใช่ก็ได้” แมธพูดเสียงแผ่วจนแทบเป็นเสียงกระซิบ ดีที่ทิมอยู่ใกล้พอที่จะได้ยิน

                “งั้นนายก็ควรไปขอโทษเธอ แล้วบอกให้เธอเลิกทำอะไรแบบนี้ซะ”

                ชั่วโมงชมรมเป็นชั่วโมงที่สุขีที่สุดของแมธธิว เด็กหนุ่มเลือกชมรมที่ไม่ค่อยมีกิจกรรม จริงๆ ก็มีให้ทำนั่นแหละแต่เจ้าตัวชอบอู้หลับมากกว่าไว้แล้ว ส่วนทิโมธีนั้นก็เลือกชมรมที่เกี่ยวกับพวกอาหารตามความชอบไป ทว่าวันนี้แมธธิวไม่ได้เข้าชมรม เขาเดินตรงไปยังสนามกีฬาของโรงเรียนภายนอก ที่พวกรักบี้และชมรมเชียร์ซ้อมกันอยู่ เมื่อเด็กหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปในสนาม และเห็นบรรดาสาวๆ ในชุดเชียร์ลีดเดอร์ก็รู้สึกหวั่นกลัว จากการเดินอย่างมั่นใจเมื่อครู่กลายเป็นลากเท้าช้าๆ ไปในทันที น้ำลายในปากก็ฝืด ถ้าเป็นไปได้ เด็กหนุ่มอยากจะหันหลังแล้ววิ่งหนีจากไป แต่มันทำไม่ได้น่ะสิ เขาต้องขอพบกับอลิเซีย แล้วขอโทษเธอในสิ่งที่เขาเคยทำ และขอร้องให้เธอหยุดเรื่องบ้าๆ พวกนี้ซะ

                ขณะที่แมธคิดอะไรวุ่นวายในหัวเต็มไปหมด ก็มีมือหนึ่งมาสะกิดเด็กหนุ่มที่ไหล่ เรียกสติของแมธให้กลับคืนมา เด็กหนุ่มหันไปมองคนสะกิด แล้วพบว่าเป็นเด็กสาวชมรมเชียร์คนหนึ่งที่กำลังยืนมองเขาตาแป๋วในระยะที่ห่างกันแค่หนึ่งเมตร แมธถึงกับผวาตัวถอยหลังด้วยความตกใจ และปฏิกิริยาอันไร้มารยาทนั้นก็ทำให้เด็กสาวคนนั้นชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

                “นายมาหาใคร” เธอถามเสียงห้วน แมธมองเลยเธอไปด้านหลัง และพบว่าสาวชมรมเชียร์ทั้งทีมกำลังมองเขาอยู่อย่างอยากรู้ ในนั้นมีสาวน่ารักๆ เต็มไปหมด แต่แมธไม่รู้ว่าคนไหนคืออลิเซีย จริงๆ ก็รู้แหละ เขาเคยเห็นภาพเธอในโพลจัดอันดับสาวฮอตของโรงเรียน แต่ตอนนี้เขาจำหน้าเธอไม่ได้แล้ว

                “เอ่อ อลิเซีย มิลเลอร์” แมธตอบ เมื่อเห็นสาวเชียร์ที่มาสะกิดเริ่มแผ่รังสีอำมหิต เมื่อได้ยินชื่อนั้น เด็กสาวก็หันไปทางทีม

                “อลิเซีย มีหนุ่มมาหา” เธอตะโกน สิ้นเสียง เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อน หยิกเป็นลอนคนหนึ่ง ก็ก้าวออกมาจากทีมเชียร์ ใบหน้าเธอสวยจิ้มลิ้ม แต่ตอนนี้เธอมีสีหน้าที่งุนงง ทว่าพอเห็นว่าใครเป็นคนมาหา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นปั้นปึ่งเย็นชาทันที

                “มีอะไรรอย” เธอถามเสียงเย็น ซึ่งกริยาแบบนี้ทำให้แมธมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาต้องเคยหักอกเธอแน่นอน

                “ผมรู้แล้วว่า เรื่องคลิปคุณเป็นคนทำ” แมธเข้าเรื่องทันที

                “อ้อ แล้ว?”

                “ผม...ถ้าผมเคยทำอะไรที่ผิดต่อคุณ ผมก็ขอโทษด้วย แล้วก็อยากจะขอร้อง ให้คุณ..”

                “เวลาพูดก็มองหน้าด้วยสิยะ” เด็กสาวแหว จนแมธสะดุ้ง แต่เด็กหนุ่มก็จำใจต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับอลิเซีย พบว่าเธอกำลังหน้าแดงก่ำ ด้วยความโกรธขึ้ง ทำเอาแมธแทบอยากวิ่งหนีไปจากตรงนั้นให้ไกลๆ

                “ผมอยากให้คุณหยุดทำเรื่องแบบนั้นกับผมและเพื่อน” แมธพูดรวดเดียวจบ อลิเซียเดาะลิ้นทำเสียงพลางมองขึ้นไปด้านบนอย่างครุ่นคิด ซึ่งดูก็รู้ว่าเสแสร้ง แต่มันก็ทำให้แมธรู้สึกกดดันได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เพราะลุ้นกับคำตอบเพียงอย่างเดียว แต่เพราะต้องอยู่กับผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่เขากลัวด้วย

                “แค่ขอโทษ มันไม่พอกับที่นายเคยทำให้ฉันขายหน้าหรอกนะ รอย” อลิเซียเอ่ย แมธรู้สึกอยากวิ่งยิ่งขึ้นไปอีก ทำไมผู้หญิงถึงได้เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้นะ “ถ้านายอยากให้ฉันหยุด นายก็ต้องไปเดทกับฉัน”

                แมธขมวดคิ้วฉับพลัน รังสีหม่นหมองแผ่รัศมีทันที แต่อลิเซียหาได้สะทกสะท้านไม่ ในขณะที่เพื่อนๆ ของเธอเขยิบถอยไปหลายเมตรแล้ว

                “แต่คุณเป็นแฟนกับกอร์ดอนแล้วนี่” แมธว่า อลิเซียกรอกตา แล้วเข้าประชิดตัวแมธพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับหูของเด็กหนุ่ม

                “กอร์ดอนน่ะเป็นเกย์” เธอกระซิบแผ่ว แมธผวาหนีออกมาด้วยความรู้สึกขนลุกสุดขีด ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือด ไม่รู้ว่าซีดเพราะสิ่งที่เขากลัวจู่ๆ ก็เข้ามาคุกคาม หรือเพราะความจริงที่เขาได้รับมาเมื่อครู่นี้ อลิเซียยิ้มขำอย่างเย้ยหยัน

                “ตกลงตามนี้นะ แล้วโทรหาฉันด้วย”

     

                “ไม่จริงน่า!” ทิมตะโกนใส่ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับบ้านด้วยกัน แมธเม้มปากอย่างเคร่งเครียด

                “มันเป็นความจริง” เด็กหนุ่มแผลเป็นบอก

                “เฮ้ยยยย แต่กอร์ดอนไม่...ไม่เคย...ไม่เคยแสดงอาการเลยนะ”

                “ก็แอบไง”

                “งั้น...เขาก็อาจจะ คิดอะไรกับนายอยู่ก็ได้มั้ง” ทิมพูดเสียงเบา แมธหันขวับไปมองอย่างโกรธเคืองทันที

                “ถึงฉันจะเป็นโรคกลัวผู้หญิง แต่ฉันก็ไม่ใช่เกย์นะ”

                “ฉันยังไม่ได้ว่านายสักคำ ฉันแค่บอกว่า กอร์ดอนอาจจะสนใจนายอยู่ก็ได้” ทิมพูดเสียงเรียบอย่างต่อต้านที่โดนแมธดุใส่

                “ถ้าอย่างนั้น เขากับอลิเซียเป็นอะไรล่ะ” แมธเอ่ย

                “ก็ เพื่อนสาว คนสนิทไง” ทิมบอก เน้นคำว่าเพื่อนสาวราวกับต้องการให้มันไปฝังลึกในสมองของแมธ “แล้วนายก็จะไปเดทกับอลิเซีย?” ตรงนี้เด็กหนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้วถาม ในใจแอบอิจฉากึ่งหมั่นไส้เพื่อนเล็กน้อย

                “ฉัน...ฉันต้องหาข้ออ้าง” แมธดูตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ทิมแทบอยากจะหัวเราะก๊าก

                “ไม่รู้ เดี๋ยวค่อยดูอีกทีว่าจะช่วยนายยังไง ไปก่อนนะ บาย”

                แล้วทั้งคู่ก็แยกทางกันกลับบ้าน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×