ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    dream war สงครามพิทักษ์ฝัน

    ลำดับตอนที่ #4 : คืนที่3: เตรียมตัวสำหรับเดท

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 55


    คืนที่ 3

    มีบางอย่างผิดปกติ

     

    ที่บ้านเวโรนิก้า ยามค่ำคืน

    “แมธ พี่สอนการบ้านหน่อยสิ” มาเรีย ผู้หญิงที่เขาให้เข้าใกล้ได้มากกว่าห้าเมตร และสามารถแตะเนื้อต้องตัวได้ในระดับหนึ่ง โผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนขณะที่แมธกำลังนั่งโหลดเพลงอยู่ เด็กหนุ่มหันไปมองน้องสาวต่างสายเลือดอย่างแปลกใจ

                “มาเรียไม่เคยให้พี่สอนการบ้านไม่ใช่เหรอ”

                “ก็...คราวนี้เค้าทำไม่ได้อ่ะ แหะๆ” เด็กสาวยิ้มเก้อ แต่น่ารักน่าชังมาก ชนิดที่ชายใดมาเห็นเป็นต้องเพ้อกับความน่ารักของเธอเลยทีเดียว แต่สำหรับแมธแล้ว...มันทำให้เขายิ่งรู้สึกห่วงและหวง หวงน้องสาวตามประสาพี่ชาย และห่วงคนที่จะเข้ามาข้องเกี่ยวกับเธอ เพราะมาเรียมีนิสัยบางอย่าง ที่จะเรียกว่านิสัยเสียก็ได้ และเป็นส่วนที่แมธธิวไม่ชอบอย่างแรง

                “วิชาอะไร”

                “ฟิสิกข์อ่ะ หน้าที่คั่นไว้” พูดพลางยื่นหนังสือเล่มใหญ่และหนาไปให้ แมธรับมาอย่างสงสัย มาเรียเรียนโดยใช้หนังสือเล่มใหญ่ขนาดนี้เชียว แล้วเด็กหนุ่มก็เปิดหน้าที่โดนคั่นออก ทันทีที่หนังสือกางออก น้ำหมึกสีน้ำเงินก็พุ่งขึ้นมาเป็นสายเล็กๆ ชโลมหน้าของเด็กหนุ่มทันที เขาได้ยินเสียงแชะของกล้องมือถือ พอหันไปมองก็เห็นหลังของน้องสาววิ่งไวๆ ออกจากห้องไป แมธก้มมองกับดักของมาเรียที่ซ่อนไว้ในหนังสือ หรือต้องบอกว่า มันเป็นกับดักในรูปแบบหนังสือมากกว่า

                ฉันน่าจะรู้นะ.... แมธคิดอย่างวังเวง

                นี่คือความสามารถพิเศษของมาเรียที่เจ้าตัวภูมิใจนัก เธอเป็นนักวางแผนและนักวางกับดักชั้นเซียน ความคิดสร้างสรรค์ของเธอส่วนใหญ่คือการวางแผนแกล้งคน มีตั้งแต่ขำๆ ไปจนถึงเจ็บๆ แมธเคยเข้าไปเดินเล่นในฝันของมาเรียมาแล้ว และมันทำให้เขาสะพรึงจนไม่กล้าเข้าไปดูฝันของมาเรียอีก ถ้ามีตัวกินฝันโผล่มา แมธก็จะขอให้เกรกหรือโจน่าห์เข้าไปจัดการแทน(ส่วนแมธเห็นอะไรในฝันของมาเรียนั้น เขาไม่ให้พูดถึง)

                เด็กหนุ่มปิดหนังสือกับดัก แล้วเดินไปที่ห้องของมาเรีย เคาะประตูสองสามทีเจ้าตัวก็ไม่ยอมตอบรับ แมธจึงวางหนังสือทิ้งไว้ที่หน้าประตู แล้วกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเพื่อเตรียมตัวทำงาน

               

                “สาวชวนออกเดทเหรอ อย่างนายเนี่ยนะ” เกรกทำตาโตอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ แมธหน้าบึ้ง

                “ผมยังไม่ได้บอกเลย คุณรู้ได้ไงเนี่ย”

                “มีฝันร้ายตัวหนึ่งหลุดเข้าไปในฝันของเด็กสาว เราเข้าไปจัดการ แล้ว...เธอก็ฝันถึงนาย” เกรกตอบยิ้มๆ อย่างพยายามกลั้นขำแบบสุดขีด แมธยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปอีก ดูท่าอลิเซียจะชอบเขาจริงๆ “แต่นายกลัวผู้หญิงนี่นา...” เกรกทำเสียงเล็กเสียงน้อยพลางมองแมธอย่างแปลกใจแบบเสแสร้ง เด็กหนุ่มแผลเป็นถอนหายใจ

                “ก็ดีแล้วนี่ จะได้รักษาโรคโฟเบียนี่ไปด้วย” เสียงฟ้าผ่าของโจน่าห์ดังขึ้น ทำเอาสองหนุ่มสะดุ้งเฮือก ไม่ได้กลัวแต่เป็นอาการตกใจเสียงดังมากกว่า

                “แต่มันต้องรักษาแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่เหรอครับ” แมธรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาตงิดๆ

                “ฉันก็ไม่เห็นว่าแกจะพยายามรักษาสักที” โจน่าห์มองอย่างตำหนิ แมธเถียงไม่ออก จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นร้ายแรงขนาดต้องไปรักษากับหมอหรอก ไม่สิ ก็ร้ายแรงอยู่หรอก แต่เขาไม่อยากไปรักษานี่นา ไม่อยากให้คุณอากับคุณน้าเป็นห่วง แต่พูดก็พูดเถอะ คุณอากับคุณน้าเองก็เคยจะจัดแจงพาเขาไปรักษาด้วยซ้ำ แต่เพราะแมธอยู่ใกล้มาเรียกับคุณน้าได้ เลยดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็ค้างคามาจนถึงตอนนี้

                “วันนี้ก็น่าเบื่อดีเนอะ” เกรกเปลี่ยนเรื่องคุยพลางหาว

                “ว่าแต่ เรามีพื้นที่ต้องรับผิดชอบกว้างเท่าไหร่ครับนี่” แมธเอ่ยขึ้น ทั้งสองคนนิ่งเงียบ แล้วหันไปมองแมธพร้อมกัน เกรกเบิกตากว้างมองอย่างไม่อยากเชื่อ ส่วนโจน่าห์นั้นมองอย่างตำหนิแบบเห็นแล้วเป็นต้องสลด

                “ก็กว้างอยู่นะ แต่เดินได้ไม่เหนื่อย” เกรกตอบแล้วหยิบเอาหนังสือคู่มือผู้พิทักษ์ฝันมือใหม่ออกมา

                “เรื่องนี้เขาก็มีสอบไม่ใช่เหรอ” โจน่าห์เอ่ยถาม

                “อย่าลืมสิครับว่าผมโดนยัดเข้า โดยไม่ได้ผ่านการทดสอบอะไรเลย” แมธตอบ

                “แล้วนึกไงมาสนใจล่ะเนี่ย” เกรกเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

                “...ผมแค่อยากทบทวนความจำน่ะ”

                แมธไม่ได้บอกออกไปว่าเขารู้สึกไม่ดี เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดค้างอยู่ในหัวสมอง และรบกวนจิตใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ได้รับรู้ว่าอลิเซียโดนฝันร้ายโจมตี แต่มันก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกวัน และมันก็ไม่ได้เกิดแต่เฉพาะกับอลิเซียเสียหน่อย หลังจากนั้นแมธก็ออกเดินตรวจตราตามปกติ

                ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงาม เต็มไปด้วยสีสันสดใสและพืชพรรณสีสวย ประตูหลายบานหลากรูปทรงตามแต่เจ้าของฝันนั้นๆ อาณาเขตระหว่างฝันดีและฝันร้ายนั้นถูกแบ่งแยกอย่างชัดเจน แต่ประตูแห่งความฝันไม่เคยไปปรากฏที่แดนฝันร้ายเลยสักครั้ง แม้ว่าเจ้าของฝันจะสร้างฝันร้ายขึ้นมาก็ตาม มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้วก่อนที่แมธจะมา และมันเป็นเพียงหนึ่งในปัญหาเล็กๆ ที่รวมกันเป็นปัญหาขนาดใหญ่ที่ยังไม่ปะทุเท่านั้น

                ไอสีดำลอยวนช้าๆ รอบเงาดำที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ เงานั้นหลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้สีเขียวเข้มที่มีใบเป็นรูปหัวใจสีชมพูสดใส เงาดำลอบมองทีมของแมธจากด้านนอก แมธ เกรก และโจน่าห์เดินตรวจตราโดยที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่นอกอาณาเขตที่ต้องรับผิดชอบเลยสักนิด

     

                ท้องทะเลสีคราม และท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใส ปุยเมฆสีขาวก้อนเล็กๆ ลอยเอื่อย ใบเรือพลิ้วสะบัดตามแรงลม เด็กสาวคนหนึ่งเกาะเชือกโยงใบเรือ มือเรียวข้างหนึ่งจับเชือก อีกข้างจับปีกหมวกโจรสลัดของเธอ ด้านล่างบนดาดฟ้าเรือ ลูกเรือมากมายทำงานกันอย่างขะมักเขม้น ขณะที่ทุกอย่างแลดูจะดำเนินไปได้อย่างปกติสุข จู่ๆ ท้องฟ้าที่สดใสก็พลันมืดครึ้มด้วยหมู่เมฆดำอย่างรวดเร็ว ลมที่พัดเอื่อยๆ พลันกรรโชกแรงราวพายุ

                คลื่นลมที่สงบในท้องทะเลก็ปั่นป่วน สายฝนสาดเทกระหน่ำ โจรสลัดสาวตะโกนสั่งลูกเรือแข่งกับเสียงฟ้าร้อง ขณะที่เรือโคลงเคลงไปมาอย่างน่าหวาดเสียวกลางทะเลคลั่ง สลัดสาวก็ต้องคอยควบคุมสั่งการลูกน้อง ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่านั้น ในหมู่เมฆที่เย็นเฉียบ การต่อสู้ลับๆ ได้บังเกิดขึ้น สามต่อสาม หกเงาต่อสู้กันอย่างดุเดือด เมื่อล้มไปหนึ่งความรุนแรงของคลื่นลมก็เบาบางลง ล้มไปอีกหนึ่งทะเลก็เริ่มกลับมาสงบ ตอนนี้เหลือกันสี่คนแล้ว และกลายเป็นสามรุมหนึ่ง ที่เบื้องล่างบนท้องทะเล แม้นว่าจะแลดูเหมือนสงบลงแล้ว แต่โดยไม่ทันได้ตั้งตัว หมึกยักษ์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็โผล่ตัวขึ้นมาจากผืนน้ำ แล้วอาละวาดพังเรือลำใหญ่นั้นลงอย่างง่ายดาย เรือแตกเป็นเสี่ยงๆ เศษไม้กระจัดกระจาย บรรดาลูกเรือบ้างก็ตกเป็นอาหารของหมึกยักษ์ บ้างก็โดดลงน้ำหนีตาย

                แล้วเงาสีดำก็ล้มไปอีกหนึ่ง หมึกยักษ์ค่อยๆ ลับสายตาลงทะเลไป เหมือนมันพอใจแล้ว

                แมธขมวดคิ้วพลางหอบหายใจ ซากของพวกฝันร้ายค่อยๆ สลายหายไปแล้ว เกรกเองก็มีอาการไม่ต่างไปจากแมธ แต่โจน่าห์ไม่มีแม้แต่เหงื่อสักหยด ปุยเมฆค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากกันเพื่อเปิดทางให้แสงอาทิตย์ ประตูไม้ลวดลายเถาวัลย์ปรากฏขึ้นตรงหน้าคนทั้งสาม โจน่าห์ดึงประตูเปิดออก แล้วก้าวออกไปสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ทิ้งโลกแห่งความฝันของมนุษย์คนหนึ่งไว้เบื้องหลัง เกรกตามออกไป และแมธก็กำลังจะก้าวออกไปสมทบเป็นคนสุดท้าย

                “แมธ!” เสียงหนึ่งดังขึ้น แมธหันขวับไปมองด้านหลังอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ

     

                “โฮ่ย แมธ” เสียงอันร่าเริงสดใสทักทายมาแต่ไกล แมธที่กำลังค้นหนังสือในตู้ล็อกเกอร์หันไปมอง เห็นทิมเดินเร็วๆ มาหาด้วยสีหน้าร่าเริง ปกติแล้วก็มีแต่ทิมน่ะนะ แต่วันนี้ แมธหันหน้ากลับไปค้นหนังสือต่อแทบไม่ทัน เมื่อเห็นใครอีกสองคนเดินตามทิมมา

                “สวัสดีแมธ” แอนนาทักทายเสียงนุ่ม

                “สวัสดีแมธ” เชอร์ลีนทักด้วยประโยคเดียวกันแต่เสียงเย็นเยียบ

                “...ส...สวัสดี...” แมธทักกลับเสียงแผ่ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของสองสาวหยุดอยู่ห่างจากตัวเขาประมาณครึ่งเมตร

                ชีวิตอันปกติสุขที่เขามักจะเดินไปเข้าเรียนพร้อมกับทิม ตอนนี้มีแอนนาและเชอร์ลีนเพิ่มเข้ามาด้วยอีกสองคน แต่สองสาวต้องเดินให้ห่างๆ จากแมธ เพราะเด็กหนุ่มยังหวาดกลัวกับการที่มีผู้หญิงเข้าใกล้อยู่ คุณอาจจะสงสัยว่าแมธเป็นโฟเบียถึงขนาดนี้ แล้วมันต้องมีสักครั้งที่แมธตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องชิดใกล้กับผู้หญิงจนตัวแทบติดกัน อย่างเช่นตอนเบียดซื้อของ แล้วแมธรอดมาได้อย่างไรจนถึงตอนนี้ พูดง่ายๆ คือแมธต้องอดทนมาโดยตลอดน่ะสิ แล้วหลังจากนั้นก็ไประบายอารมณ์โดยการแหกปากร้องเพลงในห้องน้ำนั่นแหละ

              “ได้ข่าวว่าจะออกเดทกับอลิเซียเหรอ” เชอร์ลีนเอ่ยถามเสียงเย็นๆ

                “ช่าย ไอ้แมธโดนสาวบังคับให้ออกเดทด้วยน่ะ” ทิมหันไปตอบ

                “ฉันไม่ได้ถามนาย” เด็กสาวพูดเสียงราบเรียบ ทิมนิ่งไปแล้วหันกลับเดินข้างๆ แมธต่อ

                “ถ้าเรื่องเดทฉันช่วยได้นะ” แอนนาเอ่ยขึ้น แมธหยุดเดินกึกทั้งที่อีกแค่ไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องเรียนแล้วแท้ๆ

                “ฉันเทรนด์นายสำหรับเรื่องเดทได้” แอนนาหยุดเดินเพื่อคุยเช่นกัน แมธที่แววตามีประกายความหวังถึงกับสลดลงอีกครั้ง

                “เธอก็รู้ว่าฉันเป็นโรคกลัวผู้หญิง” แมธงึมงำ

                “อ้าว ก็ถือว่านี่เป็นการรักษาไปในตัวไง” แอนนาเลิกคิ้ว “เย็นนี้เจอกันที่บ้านฉันนะ แล้วฉันจะบอกให้ว่าผู้หญิงจะประทับใจอะไร” สิ้นคำก็ขยิบตา แล้วแอนนากับเชอร์ลีนก็เดินจากไป แมธหันไปมองทิมอย่างเศร้าใจ ซึ่งทิมก็ทำเพียงแค่ยิ้มปลอบ แล้วทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องเรียน

                “นายจะเดทกับลิซซี่เหรอ” กอร์ดอนลงทุนย้ายโต๊ะมานั่งข้างๆ แมธ ในคาบเรียนวันนั้น

                “เออ” แมธตอบอย่างไม่ใยดี เขาพยายามจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเรียน แต่มันมักจะมีเตียงนุ่มๆ แวบเข้ามาในสมองทุกที

                “...นายต้องดูแลลิซซี่ให้ดีๆ นะ”

                “เออ” แมธเริ่มนั่งนิ่งๆ เพื่อเตรียมตัวหลับในแล้ว กอร์ดอนรู้ทันจึงเอาดินสอตีข้อนิ้วเผียะ

                “อ้าว!” แมธร้องเบาๆ พลางสะบัดมือแล้วหันไปมองกอร์ดอนอย่างคาดโทษ

                “ฉันจะบอกให้เอาไหมว่าลิซซี่ชอบอะไร”

                “นี่นายเชียร์ฉันกับอลิเซียอยู่เหรอ” แมธถามอย่างหมดความอดทน

                “เปล่า แต่ลิซซี่ไม่ยอมฟังฉันว่า นอกจากฝีมือบาสแล้ว ที่เหลือนายก็จืดจางยิ่งกว่าเด็กเนิร์ดซะอีก”

                “ขอบใจ แต่เนิร์ดก็ไม่ได้จืดจางไปซะทุกคนหรอกนะ” แมธขมวดคิ้ว เขานึกถึงเชอร์ลีนขึ้นมาทันที เธอเป็นเนิร์ด แอนนากับทิมบอกแบบนั้น แต่แมธเห็นเป็นสาวฮอตคนหนึ่ง ที่ระดับความร้อนแรงของเธอหรือต้องบอกว่า ความเย็นชาของเธอ เหมาะสำหรับตำแหน่งที่สามมาก

                “แต่ลิซซี่ก็ยังยึดติดอยู่กับนาย ฉันละอยากรู้จริงๆ ว่าไอ้คนที่เป็นโรคกลัวผู้หญิงอย่างนายมันมีอะไรดี” กอร์ดอนพูดอย่างหยามเหยียดสุดๆ

                “แล้วนายมายุ่งอะไรกับฉัน” แมธถามเสียงเย็น

                “ลิซซี่เป็นเพื่อนสนิทฉัน” กอร์ดอนสวนทันควัน

                “ฉันจะบอกอะไรให้ กอร์ดอน จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะออกเดทกับผู้หญิงสักเท่าไหร่หรอกนะ ผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ เพราะฉันเป็นโฟเบีย ถ้านายหวงเพื่อนนายมากนักล่ะก็ ทำไมนายไม่กันเธอให้ห่างจากฉันล่ะ” แมธขมวดคิ้วใส่

                “เพราะลิซซี่บอกว่านายคือคนที่ใช่ และในฐานะเพื่อน ฉันก็ต้องสนับสนุนเพื่อนสิ”  กอร์ดอนขมวดคิ้วกลับ

                “ฉันเนี่ยนะ ไม่จริงอ่ะ” แมธเบิกตาอย่างสะพรึงกลัว

                “ยอมรับความจริงได้แล้วแมธ” กอร์ดอนพูดอย่างข่มขู่

           ยามพักเที่ยงมาเยี่ยมเยือน แมธกับทิมไปนั่งที่โต๊ะประจำ แน่นอนว่าข้าวกลางวันก็ยังเป็นข้าวกล่องที่ทิมทำให้มาเหมือนเดิม แต่วันนี้มีอะไรที่แตกต่างไปจากปกติ แอนนาและเชอร์ลีนมาขอนั่งด้วย ส่วนกอร์ดอนที่ต้องนั่งรวมกลุ่มกับทีมนักบาสของตัวเอง วันนี้ก็มานั่งข้างๆ แมธ ท่ามกลางความแปลกใจและงุนงงของเหล่าเพื่อนทีมบาส

                “สวัสดีวินเชสเตอร์” แอนนาทักทายพร้อมรอยยิ้ม

                “สวัสดีวินเชสเตอร์” ส่วนเชอร์ลีนทักทายด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบพิฆาต กอร์ดอนมองเชอร์ลีนและแอนนาสลับกับมองแมธอย่างสงสัย

                “ไหนนายบอกว่าเป็นโฟเบียผู้หญิง แล้วสองคนนี้มาได้ไง” กอร์ดอนเอ่ยถาม แต่แมธนั่งเกร็งจนไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว ทิมก็นะ จัดให้แอนนามานั่งข้างๆ เขา ส่วนตัวเองไปนั่งที่ฝั่งตรงข้าม เชอร์ลีนก็นั่งฝั่งเดียวกับทิม กอร์ดอนก็นั่งฝั่งโน้น กลายเป็นว่าฝั่งเขามีแต่เขากับแอนนาเท่านั้น

                “เราเป็นเพื่อนแมธ” แอนนาตอบแทน กอร์ดอนเลิกคิ้วอย่างสงสัย

                “แล้วกอร์ดอน...นายมีเรื่องอะไร” ทิมรีบเปลี่ยนเรื่อง ทว่าเจ้าของชื่อกลับเอาแต่จ้องแอนนากับเชอร์ลีนสลับกับแมธอยู่นั่นแหละ แล้วกอร์ดอนก็หันขวับไปหาแมธจนเจ้าตัวสะดุ้ง

                “ทำไม...นายไม่บอกลิซซี่ไปล่ะ ว่ามีแฟนแล้ว”

                “อลิเซียไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นโฟเบียผู้หญิง” แมธถามกลับ

                “อ้อ จริงด้วย... ตอนแรกลิซซี่ไม่รู้หรอก แต่ฉันบอกเธอหลังจากที่เธอมาร้องไห้ปรับทุกข์กับฉัน”

                “ถ้าเธอรู้ว่าฉันเป็นโฟเบียผู้หญิง แล้วเธอจะโกรธฉันทำไม” แมธขมวดคิ้ว

                “นายรู้ไหม พวกคนมีชื่อเสียงน่ะ มักจะตกเป็นข่าวเสมอ แล้วลิซซี่ก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น รู้มั้ย หลังจากที่นายปัดรักเธอแล้ว ข่าวสาวฮอตถูกหนุ่มที่ไหนไม่รู้ปฏิเสธรักนี่ทำให้ตำแหน่งสาวฮอตของเธอสั่นคลอนมาก ฉันไม่แปลกใจเลยที่ลิซซี่โกรธนาย”

                “ถ้าเธอรู้ว่าฉันกลัวผู้หญิง เธอก็ไม่น่าจะโกรธฉัน ยกเว้นซะแต่ว่าเธอเธอแค่อยากหาที่ระบาย หรืออยากหาคนผิดเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น” แมธพูดเสียงเข้ม รังสีอำมหิตแผ่กระจาย กอร์ดอนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่เขาก็ไม่ได้กลัวมาก กลับกัน เด็กหนุ่มรู้สึกเดือดอยู่ข้างใน

                “ระวังปากคำหน่อย ไอ้หน้าแผลเป็นกลัวผู้หญิง” กอร์ดอนพูดเสียงแผ่วอย่างมุ่งร้าย ก่อนจะผละออกจากโต๊ะของแมธไป

               “เธอก็แค่เรียกร้องความสนใจจากนายเท่านั้นแหละ” เชอร์ลีนเอ่ยขึ้น “เพราะปกติแล้วนายมักจะหนีผู้หญิง อลิเซียเลยทำแบบนี้ล่ะมั้ง”

                “ถึงงั้นก็เหอะ” แมธพ่นลมหายใจออกทางจมูกอย่างอารมณ์ขึ้น

                “แต่ยังไงนายก็ยังต้องโทรหาเธออยู่นะแมธ” แอนนาเตือนสติ

                “เพราะอะไร?”

                “เพราะเรื่องนี้มันจะได้จบๆ ไปสักทีไง”

                เมื่อเวลาเลิกเรียนมาถึง แมธ ทิม แอนนา และเชอร์ลีน ก็ไปบ้านแอนนาด้วยกัน ตอนแรกทิมจะหนีกลับบ้าน แต่แมธต้องการเพื่อนเพื่อความสงบใจ เมื่อมาถึงบ้านแอนนา เด็กสาวไม่ได้เชิญให้ใครแม้แต่เชอร์ลีนเข้าไปในบ้าน เด็กสาวบอกให้รออยู่ครู่หนึ่ง แล้วสามพระหน่อก็ฟังเสียงฝีเท้าที่ซอยถี่เหมือนวิ่งหายลับเข้าบ้านไปชั้นบน แล้วอีกสองสามวินาที(หรือมากกว่านั้น)ก็มีเสียงวิ่งลงมาข้างล่าง แล้วแอนนาก็โผล่ออกมาพร้อมกับเสื้อคลุมตัวใหม่ จากนั้นเด็กสาวก็นำขบวนออกเดินทางกันต่อ

                แมธอดคิดอย่างตำหนิในใจไม่ได้ว่า แอนนากลับมาบ้านเพื่อเปลี่ยนเสื้อตัวเอง

           เดินทางกันไปสักพัก แมธก็ได้ตระหนักรู้ว่า พวกเขากำลังจะไปไหนกัน โดยไม่ทันได้ตั้งตัว เด็กหนุ่มก็โดนทิมลากเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และเป้าหมายคือ โซนเสื้อผ้า!

                มีร้านเสื้อผ้าหลายร้านเรียงรายสองข้างทางเดินให้เลือกสรร ไม่ว่าจะบังเอิญหรือจงใจ แมธก็พบว่าร้านที่เขากำลังโดนลากเข้าไปอยู่นั้น เป็นร้านที่สุดจะคุ้นหูและคุ้นตาเพราะเขามาบ่อยๆ ไม่ได้มาซื้อเสื้อผ้าหรอก แต่มาเอาของที่คุณน้าผู้น่ารักลืมไว้ที่บ้านมาให้ต่างหาก ร้านที่เขากำลังจะเข้าไปนั้น เป็นร้านที่คุณน้าเขาทำงานอยู่!

                ร้านเสื้อผ้า ดรีมโคลท เสื้อผ้าที่จะบันดาลคุณให้เป็นได้ดังใจฝัน

              อ๊ากกกก นี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานของคุณน้าเลย แมธน้ำตาตกใจ เขาสอดส่ายสายตามองหาว่ามีคนที่เขารู้จักและรักมากเพราะเป็นคนในครอบครัวอยู่แถวนี้รึเปล่า แต่เมื่อมองหาแล้วไม่เจอ เด็กหนุ่มก็ถอยหายใจอย่างโล่งอก

                “อ้าว แมธ” เสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลัง เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก ส่วนเพื่อนสาวสองและหนุ่มอีกหนึ่งหันขวับมามองเป็นตาเดียว แมธค่อยๆ หันไปหาต้นเสียง แล้วเขาก็ได้พบ กับคุณน้าผู้น่ารักที่ยืนยิ้มอยู่

                “สวัสดีครับคุณน้า” แมธพึมพำเบาๆ

                “สวัสดีค่า คุณเวโรนิก้า” แอนนาเสนอหน้ามาทักทายทันที

                “สวัสดีค่ะ คุณเวโรนิก้า” เชอร์ลีนทักตามมารยาท

                “สวัสดีฮะคุณเวโรนิก้า วันนี้ก็ยังสวยเช่นเดิมเลยนะครับ” ทิมทักอย่างคนรู้จัก

                “สวัสดีจ้ะทิม เอ้อ แมธ นี่เพื่อนๆ ของหลานเหรอ” คุณเวโรนิก้าเอ่ยทักอย่างอ่อนโยน พลางมองไปทางแอนนาและเชอร์ลีน

                “ครับ...” แมธจำใจรับคำ

                “โอ้ ดีจังเลย ในที่สุดหลานก็มีเพื่อนผู้หญิงแล้ว” เจสิก้าเอ่ยอย่างดีใจ ดวงตางามของเธอเป็นประกาย “เอาล่ะเด็กๆ มาดูเสื้อผ้ากันใช่ไหมจ๊ะ งั้นฉันจะปล่อยให้พวกเธอเลือกกันตามสบายนะ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะเดินจากไป ให้พวกเด็กๆ ได้อยู่กันตามลำพัง แอนนาหันมาหาแมธพลางคลี่ยิ้มที่คล้ายๆ กับมาเรียชอบกล

                “เอาล่ะแมธ ก่อนจะออกเดทกับสาว บทเรียนแรกที่ควรท่องให้ขึ้นใจ รูปลักษณ์นายต้องเป็นที่น่าประทับใจนะรู้ไหม”

                ความจริงก็คือ แอนนากลับบ้านไปเพื่อเอาเงินมาเพิ่มต่างหาก แต่คนที่ออกค่าเสื้อผ้าให้แมธคือทิม เงินที่แอนนาเอามาเพิ่มจึงเป็นมื้อเย็นนอกบ้านของหนุ่มๆ สาวๆ ไปแทน

                มันก็ไม่เชิงว่าเป็นนรกหรอก อย่างน้อยก็มีทิมเป็นคนกลางระหว่างเด็กสาวทั้งสอง หลังจากบทเรียนแรกที่เกี่ยวกับการแต่งตัว แอนนากับเชอร์ลีนก็สอนสิ่งต่างๆ ให้มากมาย เพื่อให้เดทแรกเป็นที่น่าประทับใจที่สุด แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับตัวแมธเอง แต่เป็นสำหรับอลิเซีย ทว่าแมธกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าสองสาวนี่สนุกกับการที่ได้กลั่นแกล้งเขามากกว่า ถ้าการเทรนด์เรื่องเดทจะเรียกว่าแกล้งได้น่ะนะ

                นอกจากนี้ ทุกๆ คืนก่อนไปทำงาน แมธต้องโทรหาอลิเซียด้วย เหตุมาจากการคุกคามของกอร์ดอน ซึ่งเจ้าตัวจะรังควานแมธในตอนพักเที่ยง(ในห้องเรียนกอร์ดอนจะทำเป็นไม่สนใจแมธ) มีอยู่วันหนึ่งที่กอร์ดอนมาเล่าให้แมธฟังว่าอลิเซียพูดถึงแมธอย่างไรบ้าง มาเรียที่นานๆ ทีจะโผล่มาหาแมธตอนพักเที่ยงก็เสนอหน้ามาอย่างไม่ได้คาดหมาย

                “พี่รู้จักกอร์ดอนด้วยเหรอ?” มาเรียถามอย่างสงสัย

                “แล้วเธอก็รู้จักหมอนี่ด้วยเหรอ” แมธถามหน้าบูดบึ้งพลางพยักเพยิดไปทางกอร์ดอน

                “แน่นอน เราเป็นเพื่อนกัน กอร์ดอนเคยปรึกษาฉันเรื่องการวังกับดักแกล้งคนน่ะ” มาเรียตอบอย่างหน้าชื่นตาบาน แต่ทำให้แมธหน้าบูดยิ่งขึ้นกว่าเดิม

                “ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยล่ะ” แมธพูดเสียงต่ำ

                “เพราะพี่ไม่เคยถามน่ะสิ” มาเรียลอยหน้าลอยตาใส่ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกลุ่มเพื่อนสาวของเธอ

                นอกจากจะแอบช็อคที่รู้ว่ามาเรียรู้จักกับกอร์ดอนแล้ว แต่ก็มีเรื่องให้หายใจได้สะดวกอยู่อย่างหนึ่งคือ

                “ฉันคิดว่า...กอร์ดอนมองฉันอยู่ว่ะ” ทิมเอ่ยขึ้นขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินออกจากโรงอาหาร

                “...จริงเหรอ” แมธรู้ว่ามันผิด ที่เขาจะรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่ากอร์ดอนไม่ได้สนใจตัวเอง “อาจจะใช่ก็ได้นะ หมอนั่นเคยขอฉันชิมข้าวกลางวันด้วยล่ะ”

                “แบบนั้นมันเหมือนสนใจฉันตรงไหน?” ทิมเลิกคิ้ว

                “เพราะฉันบอกว่าข้าวกลางวันฉันเป็นฝีมือนายไง เขาเลยขอชิม” แมธตอบ ทิมถึงกลับกลืนน้ำลายอย่างลำบากใจ

                ในห้องเรียน ตอนที่ทิมทำปากกาตกแล้วกำลังจะก้มลงไปเก็บ กอร์ดอนที่เข้าห้องมาทีหลังก็ก้มลงเก็บให้ ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ที่นิ้วของทั้งสองได้สัมผัสได้ ทิมชักมือกลับทันที ส่วนกอร์ดอนก็หยิบปากกาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้

    “ขอบใจ” ทิมอุบอิบเบาๆ กอร์ดอนยักไหล่ แล้วเดินไปนั่งหลังห้องกับกลุ่มผองเพื่อนตามเดิม ส่วนทิมก็หน้าแดงอย่างไม่มีสาเหตุ

                เฮ้ย...เพื่อนตู อย่าบอกนะว่า... แมธคิดอย่างประหวั่นพรั่นพรึงในใจ

                เย็นวันต่อมา เมื่อแมธกลับมาถึงบ้านและไปขลุกกับการโหลดเพลงใหม่ ก็ได้ยินเสียงจากด้านล่าง เมื่อเด็กหนุ่มเดินลงไปดู ก็พบกับมาเรียน้องสาวต่างสายเลือด และแอนนากับเชอร์ลีน

                ...พวกนี้มาทำอะไรที่นี่เนี่ย ตามมารังควานฉันถึงบ้านรึไง พวกเธอไม่มีอะไรจะทำกันแล้วใช่ไหม!!!... แมธคิดอย่างคุกรุ่นอยู่ในใจ

                “พวกเธอมาที่นี่ทำไมเนี่ย” เด็กหนุ่มถามเสียงนุ่มกว่าที่คิดไว้มาก

                “เอ้อ! จริงๆ แล้ว แอนนากับเชอร์ลีนก็เป็นเพื่อนฉันน่ะพี่ แต่ฉันไม่เคยพาเพื่อนมาบ้านเลยเพราะเกรงใจพี่น่ะ” มาเรียตอบ แมธรู้สึกเหมือนโลกใกล้ถล่ม งั้น...ที่แอนนาเคยพูดทำนองว่า ในที่สุดก็ได้คุยกันสักที หมายถึงแบบนี้เองสินะ คงจะรู้จากมาเรียว่าเขาเป็นพี่ต่างสายเลือดที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่เคยมาทำความรู้จักกันเพราะมาเรียเกรงใจแมธที่เป็นโรคกลัวผู้หญิง อา...มาเรียก็มีมุมน่ารักเหมือนกันแฮะ

                “แล้ว...นึกไงวันนี้พามาบ้าน” แมธถามหน้าตาย

                “อ้าว ก็พี่รู้จักแอนนากับเชอร์ลีนแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นเพื่อนพี่แล้วนี่ พามาบ้านไม่ได้เหรอ” มาเรียทำหน้าเหลอหลา แมธถอนหายใจเฮือก

                “เออ จริงสิ ได้ข่าวว่าพี่จะเดทกับอลิเซียเหรอ” จู่ๆ มาเรียก็โพล่งขึ้น แอนนาอมยิ้มทันที ส่วนเชอร์ลีนก็ตาเป็นประกาย

                “มันเป็นข่าวไปทั่วโรงเรียนแล้วเหรอ” แมธถาม

                “เปล่า” มาเรียตอบทันควัน แล้วเสมองไปทางเพื่อนสาวอีกสองคน อ้อ...รู้มาจากแอนนาสินะ

                “งั้น...ที่เธอชวนสองคนนี่มาบ้าน...มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับฉัน...ใช่ไหม” แมธภาวนาในใจให้มันเป็นเช่นนั้น

                “เอิ่ม...” มาเรียหันไปมองเพื่อนสาวอีกสองคน

                “อีกไม่กี่วันก็จะเดทกับอลิเซียแล้วนี่แมธ” แอนนาเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม “เรื่องการแต่งตัว กับการวางตัวฉันสอนไปแล้ว พวกสถานที่อะไรงี้ นายจัดการเองแล้วกัน”

                แม้แอนนาจะพูดแบบนั้น แต่มาเรียกลับเห็นว่ามันน่าสนใจกว่ากิจกรรมที่เธอคิดจะทำกับพวกแอนนามาก ไม่นานนักห้องนอนของแมธก็โดนบุกรุกโดยสองสาวกับอีกสาวที่คุ้นเคย

                “ฉันอยากรู้ว่า...ทำไมพวกเธอถึงได้ลงทุนทำกันขนาดนี้” แมธโพล่งขึ้น ขณะที่เฝ้าดูแอนนากับมาเรียใช้โน๊ตบุ๊คของเขาค้นหาสถานที่เดท ส่วนเชอร์ลีนใช้โน๊ตบุ๊คส่วนตัวของเธอเอง สามสาวหันมามองแมธ ก่อนจะหันไปมองหน้ากัน แล้วหันมามองแมธอีกรอบ ซึ่งกริยาเหล่านั้นทำให้แมธรู้สึกหงุดเหงิดเป็นที่สุด เด็กหนุ่มนั่งบนเตียงแล้วกอดอก มองแต่ละคนด้วยสีหน้าราบเรียบพลางแผ่รังสีอำมหิต

                “ก็ดูสิ พี่ยอมให้ผู้หญิงอยู่ใกล้พี่ตั้งขนาดนี้แล้วนะ” มาเรียเอ่ยขึ้น แมธกะพริบตาปริบๆ แล้วเด็กหนุ่มก็ได้เห็นความจริง เป็นอย่างที่มาเรียว่านั่นแหละ ถ้าไม่ใช่ในเวลาเร่งด่วนที่แมธต้องกลั้นหายใจให้ผู้หญิงเข้าใกล้ เวลาปกติแมธจะระวังตัวมากไม่ให้ตัวเองเข้าใกล้ผู้หญิงได้เลย แต่ตอนนี้ มีผู้หญิงสองคนที่ไม่ได้เป็นพี่น้องกับเขา คนหนึ่งใช้โน๊ตบุ๊คส่วนตัว อีกคนใช้โน๊ตบุ๊คของเขาด้วยซ้ำ

                “มันไม่สำคัญว่านายจะทำให้อลิเซีย ประทับใจได้แค่ไหนหรอก” แอนนาเอ่ย

                “มันสำคัญที่นายจะอยู่ใกล้ๆ กับอลิเซียได้นานแค่ไหนต่างหาก” เชอร์ลีนต่อ

                นั่นสินะ...ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบของเดท แต่มันอยู่ที่ตัวแมธเอง อยู่ที่โรคกลัวผู้หญิงของเขาที่อาจทำให้เดทครั้งนี้ล่มได้ มันเป็นเดทขอโทษอลิเซียที่เขาเคยทำให้เธอต้องมีแผลใจ แม้จะไม่ใช่เดทสานความสัมพันธ์ แต่มันอาจเปลี่ยนแปลงแมธได้ ที่ผ่านมาพวกแอนนาไม่ได้เทรนด์เขาเรื่องเดท แต่พวกเธอใช้มันเป็นข้ออ้างให้แมธตายใจ เพื่อค่อยๆ รักษาอาการของเขาต่างหาก แมธถอนหายใจ นี่ไง เขาไม่ต้องไปหาหมอหรอก แต่ถ้ามันรักษากันง่ายขนาดนี้ก็หมายความว่า เขาอาจไม่ได้เป็นโฟเบียร้ายแรงอะไร

                ทุกอย่างเขาแค่คิดร้ายกับมันมากไปเท่านั้นเองสินะ?

              เมื่อถึงเวลาที่สมควร แอนนากับเชอร์ลีนก็บอกลามาเรีย แมธ คุณน้าและคุณอาด้วย ตามมารยาทแล้วแมธออกไปส่งสุภาพสตรีทั้งสองที่หน้าบ้าน

                “แล้วเจอกันในฝันนะแมธ” แอนนาบอก แล้วเดินจากไป เชอร์ลีนยิ้มนิดๆ แล้วตามเพื่อนสาวคนสนิทไป ในขณะที่แมธยืนอึ้งอยู่กับที่ เจอกันในฝัน? หมายความว่าไง สาวโจรสลัดคราวนั้นเป็นแอนนาสินะ แต่เธอได้เจอเขาแค่ครั้งเดียวในฝันเอง แล้วนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วด้วย แอนนาน่าจะลืมฝันครั้งนั้นไปแล้วด้วยซ้ำ แต่อะไรบางอย่างทำให้แมธรู้สึกว่า แอนนาเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

                เมื่อเพื่อนๆ กลับไปหมดแล้ว และถึงเวลาที่เขามักจะโทรหาอลิเซีย เด็กหนุ่มก็กดเบอร์แล้วรอสาย สักพักสาวเจ้าของเบอร์โทรก็มารับ

                “ไงแมธ” เสียงของอลิเซียฟังดูสดใส เหมือนทุกครั้งที่คุยกัน

                “ไงลิซซี่” แมธพูดอย่างประหม่าพลางเลียริมฝีปาก คุยกันมาก็บ่อย แต่ยังไม่ชินสักที

                “นายฟังเพลงใหม่ของเคที่รึยัง” อลิเซียชวนคุย เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ที่คนชวนคุยจะเป็นอลิเซีย ไม่ใช่แมธหรอก

                “เอ่อ ยังเลย”

                “แล้วนายได้ดูคลิปที่ฉันตัดต่อใหม่รึยัง”

                “ดูแล้ว เธอมีพรสวรรค์ด้านนี้นะเนี่ย”

                แล้วทั้งคู่ก็คุยกันไป ส่วนใหญ่แล้วอลิเซียจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า ในที่สุด แมธมองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่หัวเตียง ก็ใกล้เวลาทำงานแล้ว

                “ลิซซี่” แมธเอ่ยขึ้น

                “ว่าไง”

                “คือเรื่องเดทวันเสาร์น่ะ...” แมธค้างไว้แค่นั้นเพราะความกล้าหดหายไป แต่อีกฝ่ายก็เงียบรอฟังอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน

                “หืม...”

                “เรื่องเดท ฉันหาร้านได้แล้วล่ะ...”

                “ว้าว วิเศษ ฉันตื่นเต้นมากเลย” อลิเซียหัวเราะ ใบหน้าของเด็กสาวเป็นสีชมพูด้วยความสุข

                “อืม...วันเสาร์ฉันจะไปรับนะ” แมธงึมงำ รู้สึกเขินหน่อยๆ

                “ได้สิ...โอ้ ฉันจะรอนะ” อลิเซียยิ้มแก้มแทบปริ

                แล้วการสนทนาก็จบลง แมธเตรียมตัวสำหรับเวลาทำงานที่ใกล้จะมาถึง เอาล่ะ...นายทำได้แมธ ทุกอย่างนั่นแหละ นายไม่ได้เป็นโฟเบียร้ายแรงอะไรเพราะนายใช้เวลาไม่นานก็เข้าใกล้ผู้หญิงได้ขนาดนั้น... ทำงานวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วทำวันเสาร์ให้สมบูรณ์แบบที่สุด

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×