ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Brief History of wars in magical world

    ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ - Innocent eyes and Empire's fall

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56


    “พ่อจ๋าๆ”

    เด็กน้อยคนหนึ่ง อายุคงไม่เกินขวบครึ่งเดินเตาะแตะไปตามทางสู่ห้องโถงใหญ่ นัยน์ตาใสๆมองไปยังทางเดิน สองฝั่งล้อมไว้ด้วยบานกระจกใสหนาขนาดมหึมา พรมสีแดงทอดยาว ตรงไปสู่ที่นั่งสูงประดับประดาด้วยเพชรนิลจินดาและทองคำ เขายังไม่เข้าใจว่าที่นั่งนั้นคือบังลังก์

    “พ่อหายไปไหนแล้ว...”

    เด็กน้อยเอ่ยกับตัวเองเป็นประโยคสมบูรณ์ เป็นความฉลาดที่เกินอายุใช่น้อย พูดเสร็จเด็กน้อยก็วิ่งแจ้นตรงไปที่นั่งสูงนั้น เพราะพ่อเขาเคยเล่นซ่อนหากับเขาตอนที่ไม่มีคนอื่นอยู่ แต่ครั้งนี้ที่ตรงหลังที่นั่งนั้นกลับไม่มีใคร

    เมื่อไม่ได้ดั่งใจเด็กน้อยก็ทำแก้มป่องโมโห แล้วเดินกลับไปยังห้องของเขาที่มีเพื่อนเล่นหลายๆคนนอนหลับอยู่

    ทันใดนั้นเอง สิ่งหนึ่งก็บังเกิดขึ้น

    กระจกหนาที่ดูราวจะสามารถปิดบังทุกสรรพเสียงจากภายนอกได้พลันระเบิดแตกออกมา เด็กน้อยกรีดร้อง แต่ก็อาศัยไหวพริบรีบหลบตรงหลังบังลังก์อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน  เด็กน้อยปิดหู หลับตาปี๋ ไม่รับรู้สรรพสิ่ง แต่เขายังคงได้ยินเสียงแว่วๆจากภายนอก มันเป็นเสียงพูดคุย

    “ราชบุตรของข้าพักอยู่ในอาคารแห่งนี้ ข้าขอยืนยันให้เปลี่ยนสถานที่”น้ำเสียงที่ควรจะดังกึกก้องแหวกอากาศผ่านเข้ามาในหูของเด็กน้อยได้เพียงเศษเสี้ยว ราวกับเสียงกระซิบ แต่เด็กน้อยก็มั่นใจว่านั่นเป็นเสียงของพ่อเขา

    “ตกลง”อีกเสียงตอบดังพอกัน

    หลักจากนั้นก็บังเกิดเสียงลมกรรโชกรุนแรง และสรรพสิ่งก็เงียบสงัดลง

    เด็กน้อยนอนนิ่งอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะรวบรวมความกล้าเปิดตาแล้วลุกขึ้นยืน ขณะนี้ห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยเศษกระจกแหลมคม เครี่องประดับระเนระนาด เขามองภาพการทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากบนพื้นบังลังก์อย่างแตกตื่น พร้อมกันนั้นเองก็บังเกิดแสงสว่างวาบทอดเข้ามา

    เด็กน้อยพลันหันไปตามแสงนั้น เขาเดินหลบเลี่ยงเศษกระจก ตรงไปหาหน้าต่างซึ่งบัดนี้ไม่มีสิ่งใดปิดบังสถานที่นี้กับโลกภายนอก

    สิ่งที่เขาเห็นนั้นน่าสยดสยอง

    ในสายตาไร้เดียงสาของเด็กน้อย สิ่งที่ประจักษ์ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงฉานราวอาบด้วยเลือด ผืนแผ่นดินกลายเป็นทะเลเพลิง เมืองกว้างใหญ่รุ่งเรืองที่พ่อเคยพาเขาออกไปมาสองสามครั้งกลายเป็นซากปรักหักพัง ผู้คนมากมายเหลือคณานอนบิดเบี้ยวอยู่กับพื้นถนนหลายคนกรีดร้องคร่ำครวญ แต่ส่วนใหญ่นอนนิ่งไร้ชีวิต

    อีกที่ไกลลิบ ปรากฏวัตถุสองอย่าง หนึ่งสีดำ หนึ่งสีน้ำเงินเข้ม กำลังเคลื่อนไหวหมุนวนอยู่กลางผืนฟ้า เมื่อสองวัตถุนั้นพุ่งปะทะกัน อากาศก็พลันบิดเบี้ยว บังเกิดแสงเจิดจ้าเป็นคลื่นทำลายล้างที่ทำให้เมืองข้างใต้พังทลายราบ ผู้คนนับร้อยโดยฉีกกระชากกลายเป็นหมอกสีแดงฉาน วัตถุทั้งสองพุ่งเข้าโจมตีใส่กันเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ราวกับจะยอมหยุดก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายสิ้นสลายไปเท่านั้น

    เด็กน้อยมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยแววตาที่สับสนและว่างเปล่า

    เด็กน้อยไม่เข้าใจอะไรเลย

    ไม่เข้าใจความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดการฆ่าฟัน

    ไม่เข้าใจว่าเขาได้ถือกำเนิดมาในช่วงของกลียุค ที่ซึ่งแทบทุกขณะประกอบไปด้วยความหลอกลวง การทรยศ และการเข่นฆ่า

    ไม่เข้าใจ ว่าโลกแห่งเวทมนต์ที่เขากำลังอาศัยอยู่นี้ กำลังอยู่ในช่วงสงคราม

     

     

    ในวันนั้น “มหาสงครามแห่งจักรพรรดิ” ได้ยุติลง

    จักรวรรดิไรน์ได้ประสบกับความพ่ายแพ้ในสงคราม และต้องจ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามเป็นจำนวนมหาศาล ทายาทแห่งองค์จักรพรรดิหายสาบสูญ จักรวรรดิที่เกรียงไกรตั้งแต่ครั้งสมัยสงครามแห่งเทวาก็คงเหลือเพียงเศษซากแห่งสงคราม และได้ล่มสลายกลายเป็นแว่นแคว้นต่างๆมากมาย

    แต่ขณะเดียวกันในหมู่ผู้ชนะสงครามซึ่งกำลังยื้อแย่งผลประโยชน์ด้วยความละโมบราวกับฝูงสุนัขแย่งชิ้นเนื้อ ความกังวลและความขัดแย้งก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้น แต่ภายใต้ชัยชนะอันแสนสมบูรณ์แบบที่สร้างความยินดีแก่ประชาชนนับล้าน สงครามครั้งใหม่จึงยังไม่สามารถเกิดขึ้น

    สันติภาพจอมปลอมดำเนินไปหลายต่อหลายปี จนกระทั่งเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นเจริญงอกงาม สถานการณ์ยากเค้นบีบบังคับ และภายใต้การชักใยจากความมืด ทั้งสามปัจจัย ประกอบกันเกิดเป็นบทโหมโรงสู่เวทีการแสดงอันนองเลือด

    เรื่องราวที่กำลังจะเล่าต่อไปนี้ เกิดขึ้นสิบเจ็ดปีหลังมหาสงครามแห่งจักรพรรดิ ในราชอาณาจักรโรมัส รัฐกษัตริย์ทางทิศใต้ของมหาทวีป ที่กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายแห่งสันติภาพ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×