ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Database

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 0 - Cross of Death

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 54


     0

     

     

     

    เลือดไหลรินอย่างเงียบสงบ

    ในช่วงกลางดึกของพื้นที่ชานเมืองแห่งหนึ่ง ประชาชนทุกคนต่างนอนหลับสนิท พวกเขาไม่แม้แต่จะคิดว่า “อาจจะมีเรื่องร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นในบริเวณนี้” จริงอยู่ที่พื้นที่แถบนี้เป็นอาณาเขตของพวกแก๊งค์ชาวละตินอเมริกัน แต่พวกนั้นก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านสักเท่าไหร่ จะมีก็แค่รีดไถคนเดินถนนเพื่อหาเงินไปเสพยา หรืออย่างมากก็ราดน้ำมัน จุดไฟขึ้นเผาถนนเล่น สร้างความรำคาญไปวันๆ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ขบวนการอาชญากรรมอันทรงอิทธิพลได้ล่มสลายลงไป เหลือไว้เพียงเศษซากอันบิดเบี้ยวของความชั่วร้ายที่เคยครอบคลุมไปทั่วฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

    แต่นั่นเป็นเรื่องของอดีต

    คืนนี้ก็เหมือนคืนก่อน พวกแก๊งค์ชาวละติน -- ตามที่พวกเขาเรียกตนเองอย่างนั้น แข่งรถจักรยานยนต์กัน ส่งเสียงหนวกหูไปไกล แต่ชาวบ้านก็ชินกับเสียงเหล่านี้จนสามารถหลับสนิทได้อย่างสบายใจ ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าในห้องเช่าห้องหนึ่งในบริเวณนี้ จะมีคนถูกทรมานอยู่

    แสงจันทร์บางส่วนส่องทะลุม่านเข้ามายังห้องพักห้องหนึ่งในชั้นที่สามของอพาร์ทเมนต์เก่าๆ เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งข้อมือทั้งสองถูกมัดติดไว้กับขาเตียง หญิงสาวหายใจระรัว เลือดไหลอาบไปทั่วร่าง ที่แขนขาและใบหน้าของเธอมีรอยกรีดของมีดอยู่เต็มไปหมด บาดแผลทั้งหมดนี้เกิดจากการทรมาน

    คุณใจแข็งมากเลยนะลอร่า... โดนทรมานขนาดนี้ ก็ยังไม่ยอมเปิดปากพูด

    เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหน้าของหญิงสาวนามลอร่า เธอเงยหน้าขึ้นมองชายผู้ทรมานเธอ แล้วพูดเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่น

    ฉัน...ไม่มีวัน...บอกอะไรที่เป็นประโยชน์กับพวกแกเด็ดขาด!”

    และนั่นก็ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงของคุณ...” ชายตรงหน้าแสยะยิ้ม” เพราะอะไรรู้ไหม? ก็เพราะไอ้การพูดอะไรแบบนี้น่ะ---

    เขาเดินไปทางด้านข้างของลอร่า มีดพกแบบทหารที่เปื้อนเลือดในมือของเขาต้องแสงจันทร์เป็นสีเงินวาววับ และภายในสีเงินนั้นก็มีสีแดงของเลือดสะท้อนออกมาด้วย เขาใช้มือซ้ายจับไปยังมือที่ถูกมัดติดไว้กับขาเตียง ส่วนมือขวาก็เลื่อนคมมีดไปอยู่ตรงร่องระหว่างนิ้วก้อยและนิ้วนางของมือข้างขวาของลอร่า แล้วพูดอย่างเลือดเย็นว่า

    ---รังแต่จะทำให้ถูกทรมานหนักขึ้น

    เขากระชากมีดออกดังฉัวะ นิ้วก้อยข้างขวาของลอร่าขาดกระเด็นออกไปทันที พร้อมกับเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมา ลอร่ากรีดเสียงร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด

    คุณก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าจะกรีดเสียงร้องให้ดังยังไงมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดีเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เหมือนว่าจะไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งชั่วร้ายที่เขาทำไปเมื่อครู่นี้เลยแม้แต่น้อยอพาร์ทเมนต์แห่งนี้ถึงแม้จะเก่า แต่มันก็ถูกสร้างด้วยวัสดุที่ดูดซับเสียงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงคุณจะกรีดร้องจนสุดเสียง แม้แต่คนที่อยู่ห้องข้างๆ ก็จะไม่ได้ยินอะไรเลย -- นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณเลือกซ่อนตัวอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?

    บัดนี้ เสียงกรีดร้องหายไปแล้ว ลอร่าเงยหน้าขึ้นจ้องตาชายผู้ทรมานเธอ แววตาของเธอเต็มไปด้วยไฟแค้น แต่แววตาของเขาที่สบตากับเธอนั้นต่างออกไป มันดูว่างเปล่าไร้จุดหมายและไร้ความรู้สึก แววตาของเขาขาดสิ่งที่คนปกติควรจะมี ราวกับส่วนที่เป็นมนุษย์ของเขาได้ตายไปเมื่อนานมาแล้ว

    ดูจากสายตาของคุณ... ผู้ทรมานทำลายความเงียบ แสดงว่าคุณปฏิเสธที่จะพูดสินะ

    รู้ดีนี่!” ลอร่าพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน แล้วแกคิดจะทำอะไรต่อล่ะ? ตัดนิ้วฉันจนหมดหรือไง?”

    ชายผู้ทรมานไม่ตอบ เขาเงื้อมีดขึ้น แสงจันทร์ต้องคมมีดวาบหนึ่งก่อนที่มันจะปักเข้าไปในไหล่ของลอร่าจนลึกถึงกระดูก

    ลอร่าร้องออกมาคำหนึ่ง ก่อนที่เธอจะกัดฟันแน่นเพื่ออดกลั้นความเจ็บปวด เลือดเริ่มไหลลงมาตามแขนของเธอ ลอร่าหันไปจ้องชายผู้ทรมานเธอ และส่งสายตาราวกับจะถามว่าทำได้แค่นี้หรือ

    มันไม่ใช่แค่นี้หรอก

    ชายผู้ทรมานกล่าวอย่างเลือดเย็น รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา เขาใช้ทั้งสองมือจับมีดจนแน่นแล้วขูดมีดลงไปบนกระดูกไหล่ของลอร่า จนได้ยินเสียงมีดขูดกับกระดูกดังชัดเจน

    เขาคิดว่าลอร่าจะต้องกรีดร้องจนสุดเสียง แต่เธอกลับไม่ทำ มือของลอร่าที่ถูกเชือกมัดไว้กระตุกเกร็ง ร่างทั้งร่างของเธอสั่นด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดที่จะบรรยายได้ เมื่อไม่เป็นไปตามคาด ชายผู้ทรมานจึงใช้แรงทั้งหมดโถมตัวลงขูดมีดลงบนกระดูกไหล่ของลอร่าอีก เป็นเสียงครูดๆที่น่าสยดสยอง เศษชิ้นส่วนสีขาวของกระดูกไหลปะปนออกมากันเลือด ถึงกระนั้นเขายังไม่หยุด เขาทุ่มแรงเข้าไปอีกจนเกิดเสียงดังกร็อบขึ้น คมมีดได้แทงทะลุเข้าไปถึงในชั้นไขกระดูกแล้ว เขาคว้านปลายมีด หวังจะสร้างความเจ็บปวดให้ทวีถึงขีดสุด  

    ลอร่ากัดริมฝีปากของเธอจนห้อเลือด ร่างเกร็งแข็งด้วยความทุกข์ทรมานสุดแสน ใบหน้าของเธอซีดขาวจนเกือบจะไร้ชีวิต จะมีแต่แววตาของเธอเท่านั้นที่ยังส่งประกายแรงกล้าอยู่

    ชายผู้ทรมานปล่อยมือออกจากมีดในที่สุดทั้งๆที่มันยังปักอยู่บนไหล่หญิงสาว เขาย้ายมานั่งเบื้องหน้าของลอร่า และใช้มือเชยคางของลอร่าให้เงยขึ้นจ้องหน้ากับเขา

    เอาล่ะ เปิดปากได้แล้ว เขาพูดอย่างคุกคาม ไม่อย่างนั้น ตาย

    ไอ้โกหก!” ลอร่าตะโกนตอบไปด้วยแรงทั้งหมดที่เธอยังมีเหลืออยู่ ไม่ว่ายังไง สุดท้ายแกก็ฆ่าฉันอยู่ดี ทำไมฉันจะไม่รู้วิธีทำงานของพวกแก!”

    ชายผู้ทรมานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง และกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า

    ถ้าพูดออกมาซะ คุณก็จะได้ตายสบายๆ

    ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ไม่มีวัน!! แก ไอ้บ้า! ไอ้บัดซบ! ไอ้#$#@$#!”

    ชายผู้ทรมานส่งเสียงเฮอะในลำคอเบาๆ ราวกับจะดูถูก เขาลุกขึ้นยืนพร้อมจ้องลงมองลอร่า

    ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้

    ชายผู้ทรมานดึงมีดออกจากไหล่ของลอร่าทำให้หญิงสาวร่างกระตุกไปชั่สขณะ เกิดเสียงดังฉัวะพร้อมกับเลือดที่พุ่งออกมาทันที เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า

    เห็นทีคุณจะต้องตายแล้วล่ะ เพราะถึงอย่างไรคนตายก็พูดไม่ได้ และข้อมูลที่คุณมีก็จะหายไปตลอดกาล…” เขาเอามีดจ่อที่ใต้คางลอร่า แล้วดันหัวลอร่าลง พร้อมที่จะกรีดมีดลงไป 

    สำหรับลอร่าแล้ว ชั่วเสี้ยววินาทีนี้นานเหมือนชั่วชีวิต ชีวิตของเธอกำลังจะจบลงแล้ว เธอเห็นอดีตทุกอย่างของเธอผ่านความทรงจำ ทุกสิ่งที่เธอทำทั้งดีและร้าย ล้วนปรากฏให้เธอเห็นในชั่ววินาทีนั้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็รู้ว่าเธอจะยอมแพ้เสียตอนนี้ไม่ได้ มิฉะนั้นทุกความพยายามที่เธอทำมาตลอดหลายเดือนนี้ก็จะสูญเปล่า และนั่นเป็นสิ่งที่เธอจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด สมองของเธอทำงานอย่างรวดเร็ว และในที่สุด เธอก็ได้คำตอบเดียว เธอขยับนิ้วมือที่ถูกมัดจนชาด้านอย่างเร็ว และเงียบที่สุด แล้วจึงกำมือแน่น

    คุณมีอะไรที่อยากจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตไหม?” ชายผู้ทรมานถามด้วยประโยคเดียวกับที่ผู้ประหารจะพูดกับนักโทษประหาร โดยลอร่าเองก็รู้อยู่ก่อนแล้ว และยังคิดไว้แล้วด้วยว่าจะพูดอะไรออกไป

    ที่รัก...คุ้มครองฉันด้วย... ลอร่าครางด้วยเสียงอันแผ่วเบา ฝากความหวังทั้งหมดที่แม้จะเพียงน้อยนิด ไว้กับคำพูดสุดท้ายของเธอ

    ชายผู้ทรมานฟังคำพูดของลอร่า ใบหน้าไร้ความรู้สึก

    เขาทำไม่ได้หรอก”

    แล้วคมมีดก็กรีดตัดเส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอของเธอ จากนั้นก็กระชากออก ร่างของลอร่ากระตุก เลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ลำคอของเธอราวกับน้ำรั่ว ปากของลอร่าเผยอขึ้นราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของเธอ แล้วร่างก็พลันหยุดสั่น คอพับลง และประกายสุดท้ายของแสงแห่งชีวิตในนัยน์ตาของลอร่าก็ดับลง

    ชายผู้ทรมานเธอจ้องมองลอร่าจนเธอสิ้นลม เขาใช้มีดตัดเชือกที่ผูกข้อมือของเธอไว้กับขาเตียงออก ทำให้ร่างไร้ชีวิตของลอร่าล้มลงกระแทกพื้นทันที จากนั้นชายผู้ทรมานจึงดึงมือหญิงสาวขึ้นมาวัดชีพจร เพื่อให้แน่ใจว่าตายจริง

    เมื่อมั่นใจว่าลอร่าตายแล้ว ชายผู้ทรมานและฆ่าเธอก็ยืนขึ้น เขาจับจ้องไปที่ร่างไร้ชีวิตของหญิงสาวพลางเหยียดริมฝีปาก

    นังผู้หญิงโง่เง่า 

    ที่เขากล่าวเช่นนั้นได้ อาจเพราะเขาไม่เห็นรอยยิ้มสุดท้ายก่อนตายที่ริมฝีปากของลอร่า และไม่รู้ถึงโทรศัพท์มือถือเครื่องที่สองของเธอที่ถูกโทรไปที่หมายเลข 911 ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะทรมานเธอ

    ฆาตกรหันกลับไปที่นอกหน้าต่าง ที่นั้น แสงจันทร์สะท้อนผ่านเสื้อบริเวณอกของเขาเป็นรูปกางเขน

    กางเขนกลับหัว

    กางเขนมรณะ

    ______________________

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Part one – The Cross

    This is a story of a man who lets all opportunities passed by, to become a hero of justice…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×