ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] Never Ending Stories

    ลำดับตอนที่ #6 : [OS] 잠이 안 와 [BJAE]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.38K
      12
      18 ก.ค. 57

     

    잠이

     




     

    ถอนลมหายใจพร้อมกับปลายนิ้วที่กดอัพโหลดรูปพร้อมกับข้อความลงในโปรแกรมโซเชียลเน็ตเวิร์ค

     



     

    ชเวยองแจเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นวมตัวนุ่ม มองเพดานสีขาวสะอาดราวกับมันอาจจะให้คำตอบได้ว่าเขาควรจะทำอะไรต่อไปดี

     



     

    ไม่ง่วงเลย

     



     

    ไม่มีความรู้สึกอยากจะนอนเลยสักนิด



     

     

    เด็กหนุ่มพรูลมหายใจอีกรอบ ขยับตัวลุกนั่งมองหน้ากระดาษที่มีรอยปากกาไปแล้วครึ่งหนึ่ง มันเป็นเพลงที่เขาพยายามจะเขียนขึ้นมาเอง เริ่มมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่เขียนอย่างไรก็ไม่เสร็จเสียที

     


     

    รสชาติของอเมริกาโน่ยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น กาแฟยี่ห้อดังทำหน้าที่ของมันได้ดี เพราะเมื่อเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่า ถึงแม้จะใกล้เข้าวันใหม่แล้ว ยองแจก็ยังไม่รู้สึกง่วง ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว

     


     

    ทั้งหอเงียบและว่างเปล่าเพราะทุกคนเข้านอนกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครนึกพิเรนทร์อยากจะแลกเวลาพักผ่อนอันน้อยนิดมานั่งถอนหายใจทิ้งอย่างยองแจหรอก

     


     

    แต่ยองแจเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่เอาเวลาไปพักผ่อนอย่างคนอื่น

     


     

    เขาก็แค่ ไม่อยากนอน

     


     

    ไม่อยากง่วง ไม่อยากนอน เลยต้องแวะซื้อกาแฟก่อนกลับเข้ามา และหาโน่นหานี่ทำให้ไม่ต้องหลับ

     


     

    แต่ถึงจะพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับ ร่างกายที่เหนื่อยล้าก็มีช่วงเวลาที่ปิดตัวเองไปโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน หน้าผากโขกเข้ากับขอบโต๊ะเมื่อเผลอสัปหงกแล้วเอามือยั้งไว้ไม่ทัน

     


     

    6.17 am

     


     

    เอามือลูบหน้าผากพลางมองนาฬิกาบนผนัง อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว เด็กหนุ่มยิ้มให้ตัวเองที่ผ่านไปได้อีกวันโดยที่แทบจะไม่ได้หลับเลย

     


     

    กวาดสมุดกับดินสอและปากกามารวมกันโดยไม่ลืมที่จะหยิบแก้วกาแฟมาดูดให้หมดก่อนลุก

     


     

    “นี่ไม่ยอมเข้าไปนอนอีกแล้วหรอ?”

     


     

    ก่อนจะที่ได้ออกไปเก็บของแล้วนั่งเล่นรอเวลาอาบน้ำอย่างที่ตั้งใจไว้ พี่จินยองที่ตื่นแล้วก็เดินผ่านมาทัก ยองแจยิ้มจืด ไม่อยากตอบแต่ก็ไม่อยากโกหกเลยทำให้แค่พยักหน้าสองสามที

     


     

    “ผมไม่ง่วง”

     


     

    จินยองถอนหายใจให้กับความดื้อแบบไร้สาระของน้องร่วมวง นึกอยากจะยกมือขึ้นตีสองสามทีให้เชื่อฟังแต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ ชีวิตของตัวเองก็ควรจะรู้ว่าสิ่งไหนควรไม่ควรไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบอก

     



     

    “พูดตรงๆนะยองแจ มีปัญหาอะไรก็ควรจะแก้ ไม่ใช่หนี มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอก มีแต่จะแย่ลง”

     



     

    คนอายุมากกว่าเหลือบมองแก้วกาแฟที่ถูกดื่มจนหมดแล้วนึกไปถึงอีกหลายๆแก้วที่เห็นในถังขยะ อีกไม่นานคงต้องหามกันส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะมั้งเขาว่า

     


     

    สุดท้ายจินยองก็เลี่ยงออกไป ปล่อยให้ยองแจยืนก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองอยู่เกือบสิบนาที

     


     

    “เปลี่ยนรูมเมทไหมล่ะ? เผื่อมันจะทำให้อยากนอนขึ้น”

     


     

    เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากขอบประตู และเมื่อเงยหน้าขึ้นตามเสียงก็พบว่าเป็นพี่เจบีที่มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ยองแจเม้มปาก น้ำเสียงของคำถามนั้นประชดประชันอย่างรุนแรง มันสื่อหลายความหมายมากเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกว่าขอบตาของตัวเองร้อนผ่าว

     


     

    ยองแจไม่รู้ว่าตัวเองกับเจบีเริ่มหมางเมินกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เหมือนมันเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมเอ่ยปากพูดถึงมัน ได้แต่ปล่อยให้เวลาผ่านไป จนในที่สุดเมื่อรู้ตัวอีกที พวกเขาก็ไม่คุยกันแล้ว

     


     

    เอาตามจริงถ้าจะถามเหตุผลว่าทำไม ตอนนี้ยองแจก็บอกเลยว่า ไม่รู้ เขาไม่รู้ และตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม

     


     

    คล้ายกับเวลาเราเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจในตัวของใครคนหนึ่ง แล้วมันก็จะเป็นจุดเริ่มต้น ทำให้ความรู้สึกไม่ชอบไม่พอใจนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อเราหยุดและมองย้อนกลับไปว่าสาเหตุมันร้ายแรงจนถึงขนาดนี้เลยหรือ เราก็จะพบว่า อันที่จริงแล้วจุดเริ่มต้นนั้นมันเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่บานปลาย

     


     

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก เจบีไม่พูด และยองแจก็ยังไม่ได้ตอบคำถามนั้นของหัวหน้าวง เด็กหนุ่มเอาแต่ยืนนิ่ง ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองแทนการสบตากับคู่สนทนา

     


     

    “ผมก็แค่ไม่ง่วง….” ยืนยันคำตอบเดิมที่เคยตอบจินยองไป ไม่ทันสังเกตว่าฝ่ามือที่กำแก้วกาแฟนั้นกำแน่นขึ้นจนพลาสติกเริ่มบิดเบี้ยว

     


     

    บิดเบี้ยวเหมือนกับความรู้สึกของเขาเอง

     


     

    “ถ้านายจะใช้เหตุผลนั้นมาตอบ ฉันว่าเราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” น้ำเสียงเจบีเคืองขุ่นขึ้นจนสัมผัสได้ แต่ยองแจก็ยังไม่ยอมพูดอะไร เขาก้มหน้านิ่ง ภาวนาให้อีกฝ่ายเดินหันหลังกลับไปก่อนที่อะไรๆมันจะแย่ลงไปกว่านี้

     


     

    “บางทีนายน่าจะพูดว่าเกลียดฉันตรงๆนะ เรื่องมันจะได้ง่ายหน่อย”

     


     

    แต่ประโยคนั้นกลับทำให้คนที่ตั้งใจว่าจะไม่สบตาต้องเงยหน้าขึ้นมาทันที คำว่าเกลียดจากปากอิมแจบอมเหมือนลมหนาวที่พัดแรงจนหน้าชา

     


     

    เขาไม่ได้เกลียดเจบีเสียหน่อย

     


     

    เจบีต่างหาก ที่เกลียดเขา….

     


     

    สีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจยิ่งทำให้ยองแจรู้สึกเหมือนจะตาย เด็กหนุ่มไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้แล้ว มันเหมือนไม่มีอากาศให้หายใจ แต่จะเดินหนีไปไหนก็ไม่ได้เพราะเจบียืนขวางอยู่ที่ประตู และขาทั้งสองข้างของตัวเองก็ชาหนึบจนยกขึ้นแทบไม่ไหว

     


     

    “บางทีพี่ก็น่าจะพูดตรงๆนะว่าเกลียดผม มันจะได้ไม่ยากขนาดนี้”

     


     

    ยองแจพูดบ้าง มือกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองเจบีแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มได้ยินเสียงเจบีถอนหายใจพร้อมกันกับร้อง-เหอะ- แล้วจู่ๆต้นแขนก็ถูกกระชากให้เดินไปตามแรงดึง ตามมาด้วยเสียงปิดประตูดังปัง แล้วพอเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าทั้งเขาและเจบีกลับมาอยู่ในห้องนอนห้องเดิม

     


     

    “นายอยากจะพูดอะไรก็พูดมา” เจบีถอยไปยืนกอดอกอยู่ไม่ห่าง

     


     

    “ผมไม่ได้อยากจะพูดอะไร” ยองแจตอบ ยังคงไม่ยอมมองหน้าเจบีเหมือนเดิม

     


     

    “พูดเรื่องที่นายเกลียดฉัน” เจบีเลยชี้ประเด็น คราวนี้ยองแจยอมเงยหน้าขึ้นมา แต่มองหน้าเจบีแค่แว่บเดียวแล้วก็หันไปมองทางอื่น

     


     

    “งั้นพี่ก็ควรจะพูดเรื่องที่พี่เองก็เกลียดผมด้วยเหมือนกัน”

     


     

    “ฉันไม่ได้เกลียดนาย!เจบีตอบกลับไวเสียยิ่งกว่า หัวหน้าวงขมวดคิ้ว นึกขัดใจในความดื้อแพ่งของยองแจจนอยากจับตีเหมือนลงโทษเด็กๆ

     


     

    “ผมก็ไม่ได้เกลียดพี่!

     


     

    ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นมาอีก นอกไปจากเสียงถอนหายใจของเจบี และเสียงยองแจที่ขยับตัวไปทางอื่น บรรยากาศภายในห้องอึดอัดเหมือนกับอากาศขยายตัวแล้วกดอัดพวกเขาทั้งสองคนไว้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ สิ่งที่กดทับเจบีและยองแจไว้คือความไม่เข้าใจต่างหาก

     


     

    ความไม่เข้าใจที่ถูกเวลาทำให้มันเรื้อรังจนกลายเป็นความหมางเมิน

     


     

    “คืนนี้จะเข้ามานอนไหม?”

     


     

    เสียงเจบีอ่อนลงแล้ว เพราะถึงจะขึ้นเสียงให้แข็งมากไปกว่านี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา ทั้งเขาและยองแจต่างก็ตอบไม่ได้ว่าพวกเขาโกรธเคืองกันเรื่องอะไร ถ้าหากยองแจบอกว่าไม่รู้ เจบีเองก็คงจะตอบเป็นอื่นไม่ได้ว่าทำไม เพราะเจบีเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าอะไรทำให้พวกเขาต้องมาขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้

     


     

    “ผมไม่รู้”

     


     

    เจบีมองคนที่ถอยไปหันหน้าเข้าหากำแพง แผ่นหลังที่คู้เข้าหากันนั้นเรียกร้องให้เขาเดินตรงเข้าไปแล้วรวบเข้ามากอดไว้ มันว่างเปล่าและเจ็บปวด ทำไมชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าหลายวันที่พวกเขาไม่คุยกัน หลายวันที่ยองแจไม่ยอมกลับเข้ามานอนในห้อง คนอายุน้อยกว่าตรงหน้าเขาจะรู้สึกอย่างไร เจบีเองก็ไม่ต่างจากยองแจเลย

     


     

    และเพราะว่าพวกเขามีอะไรหลายอย่างที่คล้ายกันเกินไป เลยทำให้วิธีที่ใช้ผิดๆ มันผิดเหมือนกัน ยองแจถอยห่าง เจบีก็ถอยห่าง เจ็บปวดกันทั้งคู่เพราะไม่ยอมหันหน้าเข้าหากัน

     


     

    “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมมันบานปลายขนาดนี้ แต่คิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าเราจะทิ้งมันไปซะ” ปลายเท้าค่อยๆพาตัวเองเดินเข้าไปใกล้คนที่ยังยืนนิ่งอยู่ติดผนัง

     


     

    “เริ่มกันใหม่ตอนนี้น่าจะดีกว่าใช่รึเปล่า?” แตะปลายนิ้วลงบนบ่าที่สั่นเทิ้มของคนอายุน้อยกว่า “ใช่รึเปล่าชเวยองแจ?” แล้วย้ำคำถามอีกครั้ง

     


     

    เจบีออกแรงจับให้ยองแจหันหน้ามาหากัน มือที่ข้างที่ไม่ได้วางบนบ่าเอื้อมไปดึงฝ่ามืออุ่นมาจับไว้

     


     

    “เข้ามานอนในห้องเถอะ ข้างนอกตอนกลางคืนมันหนาวออก ถึงข้างในห้องจะอุ่นกว่า แต่พอต้องนอนคนเดียว มันก็หนาวขึ้นมานิดนึงเหมือนกันนะ” เจบีพูดช้าๆ ยกมือข้างที่วางบนบ่าขึ้นลูบกลุ่มผมสีดำสนิทเพราะรู้ว่ายองแจชอบให้สัมผัสแบบไหนเวลาถูกเอาใจ

     


     

    ยองแจเงยหน้ามองคนที่ค่อยๆลูบหัวช้าๆ เขาเองก็คิดแบบเจบีไม่มีผิดเพี้ยน ข้างนอกห้องนั่นหนาวไม่ใช่เล่นเลย ทุกวันที่ต้องฝืนตัวเองไม่ให้หลับ นั่งจมจ่อมอยู่กับสมุดเขียนเพลงและอเมริกาโน่แก้วแล้วแก้วเล่า เด็กหนุ่มคิดถึงผ้าห่มผืนเดิมที่พวกเขาแบ่งกันห่มอยู่ตลอดเวลา

     


     

    สุดท้ายก็เสียแรงเปล่าที่จะทำเป็นมึนตึงใส่กัน ยองแจขยับเข้าหาแผ่นอกกว้างที่อยู่ห่างเพียงเอื้อม ยกมือข้างที่ว่างขึ้นกอดคนที่ยังลูบผมอยู่เรื่อยๆ ปลายจมูกซุกแนบกับเสื้อยืดเนื้อดีที่เจบีแล้วนิ่งอยู่แบบนั้น

     


     

    “ผมก็หนาวเหมือนกัน”


















    THE END.

    uwith_b

    ในที่สุดก็กลับมาพร้อมกับทูแจคู่หลักของเรา หลังจากที่หายไปเขียนฟิคหมีติ่งอยู่พักนึง ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
    เอาซะแทบลืมเลยว่าจริงๆ คู่เมนคือบีแจนะ ๕๕๕ คือชั้นชอบบีแจมากกว่านะ แต่ดันเขียนแต่ฟิคยูคมาร์ค อ่อม นังนี่

    ๕๕๕๕ ฟิคเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากน้องชเวยองแจเลยค่ะ เจ้าเด็กที่ไม่ยอมหลับยอมนอน
    ไม่รู้ว่ามีใครสังเกตเหมือนกันรึเปล่า แต่ช่วงหลังมานี่นางอัพรูปในอินสตาแกรมว่านอนไม่หลับติดกันสองครั้ง
    มาอัพอีกทีคือบอกว่าแต่งเพลงเสร็จแล้ว และพอไปนั่งไล่ดูรูป ก็เจอว่ารูปแรกน้องก็อัพว่า ไม่ง่วง แบบ นอนไม่หลับไม่ง่วง อีกแล้ว

    เราก็เลยเกิดความสงสัย ๕๕๕ ว่าทำไมถึงไม่ง่วงไม่อยากนอนคะลูก Insomnia หรือว่าอะไร
    หรือในห้องนอนมีอะไรทำให้ไม่อยากเข้าไปนอนกันนะ? ๕๕๕๕ 
    จินตนาการของติ่งมันก็โลดแล่นได้ขนาดนี้แหละค่ะคุณผู้ชมคะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

    แล้วประเด็นที่สองคนนี้ทะเลาะกันในเรื่อง ก็ตามนั้นเลยคือ เริ่มจากตรงไหนไม่รู้ รู้อีกทีก็โกรธกันแล้ว งอนกันแล้ว
    พยายามจะอธิบายให้เข้าใจแบบนี้ แต่ไม่รู้จะทำได้ดีรึเปล่า รู้สึกเหมือนตัวเองก็เขียนงงๆ แต่ก็คิดว่าน่าจะเข้าใจแหละเนอะ
    ทุกคนน่าจะเคยมีอารมณ์แบบนี้เนาะ ๕๕๕๕๕๕๕๕ พล่ามจะยาวกว่าฟิคแล้ว นานๆเขียนเรื่องสั้นจบที

    จริงๆมี บีมาร์คแจ ที่ยังหาจุดลงไม่ได้ไว้อีกเรื่อง อันนั้นก็เขียนมาเดือนกว่าๆแล้ว ไว้อารมณ์ติสท์มันออกมันคงจบแหละเนอะ

    ปล จู่ๆเด็กก็จะมาหากันซะงั้น 23 สิงหา อย่าลืมไปให้กำลังใจกันน้า~
    ปลล เช่นเคยค่ะ เข้าไปติดตามการอัพเดทหรือไปติ่งด้วยกันได้ที่ @uwith_b ทวิตเตอร์นะฮ้าบ


     





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×