Overlord The Movie: The Last Guild War of Nazarick
เรื่องราวของสงคราม ความรัก และความเกลียดชัง ของฝ่ายจอมมารพิชิตโลก กับฝ่ายเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ ที่ถูกบิดเบือนไปเพราะการตายของราชินีสาว Calca Bessarez ผู้ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม อำมหิต และไม่ยุติธรรม
ผู้เข้าชมรวม
20,844
ผู้เข้าชมเดือนนี้
233
ผู้เข้าชมรวม
มหกรรมรวมอนิเมะ สงคราม ต่อสู้ กาวNazarick ตลก แฟนตาซี Ainz-Albedo ความรัก Post-ending ฮาเร็ม Overlord จอมมารพิชิตโลก TheMovie โอเวอร์ลอร์ด โลกเสมือนจริง
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[For English translation, please wait until the end of the project.
The first release date might be months after the official launch of
Overlord the Movie: The Sacred Kingdom]
[The English Synopsis is at the end of this page]
นอกเหนือไปจาก Momonga แห่งกิลด์ Ainz Ooal Gown แล้ว ก็มีบรรดา Player อีกส่วนหนึ่งที่ก็ถูกย้ายมายังโลกใหม่ ภายหลังจากที่เกม YggDrasil ได้ปิดตัวลง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการปรากฏตัวมากันคนละยุคสมัยก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ดำเนินไปอย่างที่เป็นอยู่ใน Anime – Season 4 / Light Novel ฉบับปัจจุบัน ก่อนที่ในที่สุดแล้ว แผนยึดครองโลกของมหาสุสาน Nazarick ก็เป็นจริง (ทั้งๆ ที่ตัวท่าน Ainz นั้น ไม่ได้ตั้งใจจะทำเช่นนั้นตั้งแต่แรก) เมื่อแผ่นดินทุกตารางนิ้วบนแผนที่ ได้ตกอยู่ใต้อาณัติของอาณาจักรมนตรา ไม่เว้นแม้กระทั่ง Argland Council State, Slane Theocracy และ Elf Kingdom ที่ดูจะมีขุมกำลังอำนาจทางการทหารสูงสุด รวมทั้งเหล่า Dragon lord ทั้งหลายที่ถ้าไม่ได้มาอยู่ภายใต้อาณัติของท่าน ก็ล้วนแล้วแต่ถูกฆ่าตายไปจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ท่าน Ainz ผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม ฉลาดปราดเปรื่องยิ่งกว่าผู้ใด อีกทั้งยังมองกาลไกลนับหมื่นปี ตามความคิดของผู้พิทักษ์นามว่า Demiurge…ได้เฝ้าระวังหรือภายในใจก็คือท่านนั้นกังวลถึงมันมาโดยตลอด ในที่สุดแล้วมันก็ได้เกิดขึ้น
นั่นก็คือการที่โลกใหม่แห่งนี้ ยังมี Player คนอื่นอยู่และเขามีชื่อว่า Hyouka ชายผู้ถูกส่งมายังต่างโลก ในห้วงเวลาเดียวกัน โดยอีกฝ่ายนั้น มาพร้อมกับ NPCs เผ่าเทพ ที่มากด้วยพลังความสามารถ ไม่ต่างกับเหล่าผู้พิทักษ์ของ กิลด์ Ainz Ooal Gown…เนื่องด้วยกิลด์ The Holy Spirit ที่ชายผู้นี้ครองครองอยู่ เดิมเคยมีสถานะเป็นถึงส่วนหนึ่งของกิลด์ Trinity กิลด์อันดับ 1 ของ YggDrasil (กิลด์ของ Momonga หรือคุณกระรอก อยู่ในอันดับที่ 9 จากผลการประกาศ Ranking อย่างเป็นทางการในครั้งสุดท้าย)
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ หากท่าน Ainz ผู้มีสถานะเป็นราชาแห่ง Undead เปรียบได้กับตัวแทนของทางฝั่งจอมมารที่มุ่งหวังจะยึดครองโลก…ตัวของ Hyouka เอง ก็เป็นประหนึ่งดั่งตัวแทนจากสรวงสวรรค์ ที่มีหน้าที่จะต้องกำจัดสิ่งชั่วร้ายซึ่งอยู่ในขั้วตรงข้ามให้หมดไป และโชคชะตาที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะการตายของหญิงสาวในโลกใหม่แค่เพียง 1 คน ก็ได้นำพากิลด์ระดับ Top ทั้งสอง ที่ครั้งหนึ่งเคยโลดแล่นอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของ YggDrasil มาเผชิญหน้ากันอีกครั้งเมื่อสงครามกิลด์หรือ Guild War ได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ผู้นำของทั้งสองฝ่าย ต่างก็ไม่ได้อยากทำสงคราม…
การต่อสู้ห้ำหั่นกันระหว่าง NPCs เผ่าเทพกับเหล่าผู้พิทักษ์จากมหาสุสาน Nazarick จะดุเดือดมากน้อยแค่ไหน?…. ท่าน Ainz จะสามารถแจกกาวเพิ่มเติม??? และก้าวผ่านภัยคุกคามที่กำลังจะคืบคลานเข้ามายังอาณาจักรมนตราที่เขานั้นกำลังเถลิงอำนาจอยู่ได้หรือไม่? World Item หรืออาวุธที่ทรงอานุภาพระดับที่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎของโลกชิ้นใดบ้างที่จะได้สำแดงพลังของมัน????
ร่วมติดตามได้ใน….
Overlord The Movie (FanFiction): The Last Guild War of Nazarick
โอเวอร์ลอร์ด เดอะมูฟวี่ (แฟนฟิคชั่น): สงครามกิลด์ครั้งสุดท้ายแห่งมหาสุสานนาซาริค
นามปากกาผู้เขียน: UthaiYama
ผู้ช่วยเกลาคำบรรยาย: DirewolfGOT
สถานะปัจจุบันของ Fiction: ดำเนินเนื้อเรื่องจนถึง ¾ ของพล็อตที่วางไว้แล้ว และยังคงอัพเดท เดือนละ 3 ตอน
สิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะแจ้งกับผู้อ่าน
1) ตัว Fiction จะมีการยืมตัวละครจาก Game/Anime อื่นๆ พอสมควร: เนื่องจากผู้เขียน ไม่ถนัดการสร้างตัวละครขึ้นมาเองมากนัก ดังนั้นบางส่วนจึงจะขออนุญาตใช้ตัวละครที่มีอยู่เดิมในเรื่องอื่นๆ แต่พยายามอ้างอิงนิสัยต่างๆ ไว้ให้มากที่สุด เช่น เรื่อง “เกิดใหม่เป็น Slime”, “Arifureta”, “In the land of Leadale”, “Fate” เป็นต้น
นอกจากนี้ ในส่วนของ Ost หรือดนตรีประกอบฉากต่างๆ เนื่องจาก เพลงของอนิเมะ Overlord เอง มีอยู่ค่อนข้างไม่มากนัก เมื่อเทียบกับความยาวของฟิคชั่น เลยทำให้ในหลายๆ ตอน ทางผมจะมีการหยิบยกเอา Ost ของเรื่องอื่นๆ ที่ฟังแล้วเข้ากับบรรยากาศขณะที่บรรยายมาแนบไว้นะครับ (สามารถกดให้มันวนลูบ Auto ได้เลย)
2) หลายๆ ตอนย่อยของ Fiction จะเป็นฉากตลกเฮฮาไร้สาระ รวมไปถึงมีเนื้อหาเชิงรักๆ ใคร่ๆ: ถึงแม้ว่าจะมีตัวชื่อเรื่องจะเป็น The Last Guild War ที่ฟังดูเคร่งเครียด บู๊ล้างผลาญ เป็นแกนกลางของเรื่อง แต่เพราะกาวคุณภาพของ Nazarick ที่พร้อมจะปลดปล่อยออกมาเต็มที่ จึงทำให้ใน Chapter 1 ปฐมบท กับ ตอนย่อยต่างๆ ไม่ได้โฟกัสไปที่การต่อสู้แบบ 100% เลยซะทีเดียว
อีกทั้งการเล่าเรื่อง จะเป็นไปในลักษณะของการกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกิลด์ทั้ง 2 กิลด์ สลับกันไปมา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจความเป็นมาเป็นไป แรงจูงใจ รวมถึงได้เห็น ว่ากิลด์ทั้งสองนั้น มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
(และเนื่องจาก ตัวละครมีเยอะมาก บางตัวเลยอาจมาๆ หายๆ เว้นว่างหลาย chapter ย่อย)
3) เนื้อหามีความที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ Roble และมีการกล่าวถึงอาณาจักร Elf: ดังนั้น จึงจะมีการสปอยเนื้อหาในส่วนที่ยังไม่ปรากฏใน Anime Season 4 แต่มีอยู่ใน Light novel เล่ม 12 - 13 และบางส่วนที่เป็นอัพเดทล่าสุด โดยจะพยายามอ้างอิงข้อมูล ข้อเท็จจริงดั้งเดิมในเรื่อง Overlord ให้มากที่สุด (จุดใดที่ผิดเพี้ยนไป ทางผมจะพยายามหาเหตุผลมา Back up ให้ดูสมเหตุสมผลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้)
4) เนื้อหาตามที่ได้วางพล็อตไว้เบื้องต้น จะประกอบไปด้วย 4 Chapter หลัก + 1 Chapter ส่งท้าย: ทั้งนี้ แต่ละ Chapter จะประกอบไปด้วยตอนย่อยๆ จำนวนมากน้อย ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของฉากและเหตุการณ์ที่นำเสนอ โดย 1 ตอนย่อย จะมีเนื้อหาประมาณ 10,000 คำ (ย้ำ!!! หน่วยนับคือคำ นะครับ ไม่ใช่ตัวอักษร!!) และเนื่องจากสไตล์ของผู้เขียน ชอบที่จะบรรยายเนื้อหาให้มากเข้าไว้ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้อ่านคิดเสียว่างานเขียนชิ้นนี้ เป็นนวนิยายเล่มนึงเลยก็แล้วกันนะครับ
• Chapter 1 อารัมภบท : กล่าวถึงช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของ NPCs จากมหาสุสาน Nazarick ที่กำลังจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองกิดล์นักผจญภัย จากการค้นพบ World item ชิ้นใหม่ + การเคลื่อนไหวของกิลด์ The Holy Spirit ซึ่งที่ผ่านมาซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่ไม่อาจจะปกปิดการมีตัวตนอยู่ของกิลด์ได้อีกต่อไป
รวมเนื้อหาทั้งสิ้น 132,000 คำ
• Chapter 2 ปฐมบท: กล่าวถึงการดำเนินการตามแผนลอบสังหารราชันมนตรา + ฉากต่อสู้ในระดับผู้พิทักษ์ โดยมีมหานคร E-Rantel เป็นสมรภูมิ คู่ขนานไปกับการล้างแค้นของ Seraph สาวปริศนา ที่มีปมความแค้นกับตัวของ Demiurge ณ ราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ Roble ซึ่งเปรียบได้กับปฐมบทของสงครามที่มีสิ่งชี้ขาดผลแพ้ชนะเป็นอาวุธร้ายอย่าง World item
รวมเนื้อหาทั้งสิ้น 165,400 คำ
• Chapter3 ทุติยบท: กล่าวถึงเหตุการณ์ของเหล่า NPCs กิลด์ Ainz Ooal Gown และเหล่าผู้ที่อยู่ในโลกใหม่ หลังจากที่เมือง E-Rantel ถูกทำลาย ไปพร้อมๆ กับอาณาจักรมนตราที่เสื่อมอำนาจลงในชั่วข้ามคืน คู่ขนานกันกับบรรดา NPCs ของกิลด์ The Holy Spirit ที่อยู่ในช่วงเตรียมการดำเนินแผนในขั้นตอนต่อไป ท่ามกลางปมปริศนา และปมต่างๆ ที่ค่อยๆ ถูกคลี่คลาย
• Chapter4 ตติยบท: --- N/A ---
• Chapter5 ปัจฉิมบท: --- N/A ---
5) ระยะเวลาลงเนื้อหา Fiction ในปัจจุบัน อยู่ที่เดือนละ 3 ครั้ง คือ ทุกวันที่ 1, 11 และ 21 ของทุกเดือน เนื่องจากอยู่ในวัยทำงาน และมีเวลาว่างในแต่ละวันไม่เท่ากัน (ทั้งนี้ speed ของไรท์จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 คำต่อวันว่าง ….แต่ปัญหาก็คือนับตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา ดูเหมือนว่างานส่วนตัวจะรุมเร้าเสียเหลือเกิน)
6) จำนวนของ Wolrd item ภายใน Fiction เรื่องนี้ จะแตกต่างจากที่มีอยู่จริง: หากอ้างอิงตามข้อมูลจาก เว็บไซต์ https://overlordmaruyama.fandom.com/wiki/World_Item กิลด์ Ainz Ooal Gown จะถือว่าเป็นกิลด์ที่มี Wolrld item มากเป็นอันดับ 1 ที่จำนวน 11 ชิ้น ในขณะที่กิลด์อื่น ซึ่งเป็นอันดับ 2 มีจำนวนเพียงแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น!!!!
แต่ภายใน Fiction เรื่องนี้ จะถือว่า มันเป็นข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการในช่วง 2 ปีก่อนที่ YggDrasil จะปิดให้บริการ - ทำให้กิลด์ทาง The Holy Spirit ที่มีการออกไล่ล่า World item กันอย่างจริงจังเป็นระยะเวลานานถึง 1 ปี มีจำนวนการครอบครองที่มากกว่ากิลด์ของ Momonga ที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ไปในที่สุด - ผลของมันจึงเป็นเหตุให้การรุกรานจากกิลด์ดังกล่าว สามารถสั่นคลอนความมั่นคงของมหาสุสาน Nazarick ได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ปล. เอาเข้าจริง การให้กิลด์ท่าน Ainz มีอาวุธพวกนี้อยู่เยอะกว่ากิลด์อื่น 3 เท่าตัว มันก็ฟังดูไม่ค่อย Make Sense เท่าไหร่อยู่แล้ว และเพื่อให้สงครามกิลด์ครั้งนี้ ออกมาเวอร์วังสมเป็น The Movie ทางกิลด์ศัตรูของ Nazarick เลยจะมี World item กันแทบจะครบมือครับ
7) เพลงประกอบฉากต่างๆ ภายใน Fiction จะมีทั้งที่มาจาก Overlord และอนิเมะ เรื่องอื่นๆ: ด้วยเหตุผลว่างานเขียนชิ้นนี้ นอกจากจะหยิบยืมตัวละครมาจากหลากหลายแหล่งแล้ว บางฉากก็ยังได้แรงบันดาลใจมาจากงานต่างๆ ที่ได้มีอยู่แต่เดิมแล้วด้วย
อย่างไรก็ดี เนื่องจาก Youtube มักจะไปไล่ลบคลิป Ost ต่างๆ ทิ้ง ดังนั้น หากใน Chapter ย่อยใด ที่ผู้แต่ง ได้ฝัง link ดนตรีเอาไว้ แล้วมันเกิดถูกลบไป ผู้อ่านสามารถ comment แจ้ง หรือ message แจ้งได้เลยนะครับ
ตัวอย่าง Trailer เนื้อเรื่องฉากต่างๆ ใน Chapter 1 - 2 และ Chapter 4
(เสียงดนตรีประกอบตัว Trailer)
เสียงภายในใจของ High Elf สาว ปริศนาผู้หนึ่ง ที่แฝงตัวเข้ามาภายในเมือง E-Rantel ได้ดังขึ้น ในระหว่างที่เธอกำลังดูขบวนเสด็จของท่านราชันมนตรา ใจกลางพิธีการของงานเทศกาลเฉลิมฉลองกิลด์นักผจญภัยที่กำลังจะเริ่ม หากแต่ เธอที่เป็นหมากตัวสำคัญของภารกิจลอบสังหารจอมมารผู้พิชิตโลกนั้น กลับไม่ได้มีจิตอาฆาต หรือมีความคิดที่มุ่งร้ายต่อฝ่ายตรงข้ามเลย แม้แต่นิดเดียว…
“เธอผู้นั้นก็คือ Albedo ที่เป็นเจ้าผู้ปกครองสูงสุดแห่งมหานครหลวง มีอำนาจในอาณาจักรมนตรา รองมาจากราชันมนตรา Ainz Ooal Gown อย่างนั้นสินะ?...” “พอได้มาเห็นกับตาแล้ว ก็รู้สึกว่างดงามสมกับคำล่ำลือจริงๆ...”
“หวังว่าพวกเรา...จะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะคะ...”
เสียงตะโกนด้วยความตกใจของท่าน Ainz ผู้นำสูงสุดของอาณาจักรมนตรา ซึ่งกำลังอยู่ในงานเลี้ยงยามค่ำคืนของจักรวรรดิ Baharuth ดังขึ้นต่อ
“เจ้าว่ายังไงนะ!! มหานครหลวง E-Rantel ถูกโจมตีงั้นเหรอ!!!”
“ใครกัน? ใครกันที่มันกล้าทำเรื่องเหิมเกริมได้ถึงขนาดนี้!!! พวกมันเป็นใครกัน!!!!"
เสียงพูดด้วยความตื่นตระหนกของ Lupusregina ที่กำลังก้มหัวรายงานข่าวแก่นายของตน ดังตามมาติดๆ
“เรื่องนั้นข้าเองก็ไม่ทราบค่ะ!!!!!!!” “แต่ที่ข้าเห็นมากับตา ก็คือจู่ๆ ต้นไม้ยักษ์และผืนป่าที่ทอแสงได้ มันก็โผล่ขึ้นมา ใจกลางเมือง และฝูงเทวทูตจำนวนมาก ก็ปรากฏตัวขึ้นเต็มไปหมดเลยค่ะ!!!!”
“แถมตอนนี้ผู้พิทักษ์ทุกตน ก็ติดต่อกับทางท่าน Albedo และก็ท่าน Pandora’s Actor ที่อยู่ข้างในเมืองไม่ได้เลยด้วย!!!”
ภาพตัดกลับไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้า ที่เสียงบัญชาของชายผู้หนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ของสรวงสวรรค์ และเขานั้น ก็คือ Hyouka หรือ Player ที่ถูกส่งมายังโลกแห่งใหม่พร้อมกับฐานที่มั่นของกิลด์สรวงสวรรค์ลอยฟ้า ในช่วงเวลาเดียวกันกับผู้ที่มีนามเดิมว่า Momonga
“ข้าผู้เป็นเทพเจ้าตนสุดท้ายแห่ง The Holy Spirit ขอประกาศสงครามต่อกิลด์ Ainz Ooal Gown”
“จากนี้ไปอาณาจักรมนตราและฐานที่มั่นของพวกมัน จะถูกลบให้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์!!!!!”
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
เสียงในใจของท่าน Ainz ดังขึ้นด้วยความสิ้นหวัง ขณะที่ตัวเขากำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ราชัน ณ ห้องโถงชั้นที่ 10
“แค่เพียงเวลาช่วงสั้นๆ พวกมันก็สามารถบุกมาถึงชั้นที่ 9 ของ Nazarick ได้แล้วอย่างนั้นรึ?”
“แถมบรรดา NPCs นั่น ก็สามารถต่อกรกับเหล่าไพ่ตายในชั้นที่ 8 ที่เป็นประการด่านสุดท้ายได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลยด้วย…” “หรือว่าสงครามกิลด์ในครั้งนี้ มันจะเป็นวาระสุดท้ายของกิลด์และก็ตัวเราแล้วจริงๆ??”
เสียงตะโกนของ Albedo ที่กล่าวกับชายที่เธอรัก ด้วยความรู้สึกที่กล้ำกลืนฝืนทนทั้งน้ำตา
“ท่าน Ainz คะ!!!! ได้โปรด ให้ข้าได้อยู่เป็นโล่เคียงข้างท่านด้วยค่ะ!!” “อย่าให้ข้า ต้องออกไปต่อสู้ โดยต้องทิ้งท่านไว้ในห้องโถงแห่งนี้เพียงลำพังเลย!!!” “ข้ารู้...ว่านี่เป็นสถานการณ์วิกฤติ แต่ว่า….” “ขอให้ข้าได้อยู่กับท่านจนถึงวินาทีสุดท้ายด้วยเถอะนะคะ!!!”
เสียงพูดตอบของ Ainz ที่เข้าสวมกอดกับ Succubus สาว
“ขอโทษด้วยนะ Albedo”
“แต่ว่า..ข้าน่ะ ไม่อยากจะให้ผู้ที่ข้ารัก ต้องมาตายไปพร้อมกันกับข้าในการต่อสู้ครั้งนี้หรอกนะ…”
ไม่นานนัก ภาพก็ได้ตัดสลับไปยังฉากของทัพสวรรค์ที่มีเหล่าเทวทูตระดับต่างๆ นับหมื่นนับแสนตนที่กำลังต่อสู้กับกองทัพ Undead จำนวนนับไม่ถ้วน โดยมี Shalltear Bloodfallen เป็นผู้นำทัพ ณ บริเวณพื้นที่่ป่าช้าแห่งความตาย บริเวณชั้นที่ 1
ก่อนจะเป็นภาพของ Cocytus ที่จำต้องใช้เวทย์ Fly ต่อสู้อย่างเสียเปรียบกับนกนักรบของศัตรูที่บินด้วยความเร็วที่เหนือธรรมชาติ ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ไปทั่วทั้งผืนดินและผืนอากาศทั้งที่ดินแดนชั้น 5 แต่เดิมนั้น มีแต่ทุ่งหิมะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
เสียงของ Albedo ที่พูดกับตัวเองอีกครั้งยามเมื่อตนออกมาจากห้องโถงชั้น 10 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว…
“ศัตรูของข้าก็คือ Seraph หัวหน้าผู้พิทักษ์บัลลังก์แห่งสวรรค์ ที่ตำนานแห่ง YggDrasil เล่าขานกันว่าไม่เคยมีผู้ใดโค่นล้มมันได้อย่างนั้นเหรอ?"
“...แต่ว่า เพื่อท่าน Ainz แล้ว ยังไงข้าก็ต้องเอาชนะมันให้ได้!!!”
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
เสียงพูดแทรกของ Mare ที่กำลังยืนงงกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ Amphitheater หรือพื้นที่ลานประลองของชั้นที่ 6 ท่ามกลางกลุ่มควันที่พวยพุ่งมาจากป่าโดยรอบ
“พี่ฮะ??? พวกเราที่เป็น Dark Elf จำเป็นจะต้องสู้กับ High Elf จริงๆ อย่างนั้นเหรอฮะ?
“…….(ไม่นานนัก เสียงของผู้เป็นพี่สาวฝาแฝด Aura จะดังตามมา)……"
“Mare!!!!!!!!!! ลงมาช่วยชั้นได้แล้ว!!!!!! เธอจะปล่อยให้ชั้นสู้อยู่คนเดียวรึยังไงกัน?”
และภาพก็สลับมายัง Demiurge ผู้เคยใช้นามปลอมในอดีตว่า Jaldabaoth ที่ขยับแว่นสีเงินของตนเอง ในขณะที่ตัวเขากำลังเผชิญหน้ากับ Seraph ผมสีเหลืองทองที่เคยมีปมความแค้นต่อกันมาก่อน ณ พื้นที่บริเวณชั้น 7 ซึ่งเป็นดั่งนรก โลกันต์ พร้อมธารลาวาที่ไหลรินไปทั่ว โดยมีซากปรักหักพักของมหาวิหารเทพ กำลังถูกไฟลุกไหม้อยู่
“สำหรับปีศาจอย่างข้าแล้ว พวกมนุษย์มันก็เป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่า จะทำอะไรกับพวกมันก็ได้”
“แต่กับพวก Seraph ที่มีปีกขนนกเทพอย่างพวกเจ้า” “ข้าน่ะ เกลียดเข้าไส้ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด….อย่าว่าแต่จะให้จับเอามาทำเป็นอาวุธศักดิ์สิทธ์เลย แค่เห็นด้วยตาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้วล่ะนะ!!!!”
………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………
เหตุการณ์ทุกอย่าง ยังคงดำเนินต่อ จนกระทั่งถึงฉากสุดท้ายที่เสียงของชายผู้ใช้พระนามใหม่ว่า The Holy Spirit ในการนำทัพ ณ ช่วงเวลาที่เขานั้นได้มายืนอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ชั้น 10 พร้อมกับอาวุธในระดับ The Twenty
“ศึกระหว่างเทพเจ้าบนสวรรค์กับจอมมารผู้พิชิตโลก มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว....”
“และทั้งสองกิลด์ก็ไม่อาจจะอยู่ร่วมกันได้”
“เรามาตัดสินกันเถอะ!!!” “มาสู้กันให้เต็มที่ ด้วยพลังของ World item และทุกสิ่งที่เจ้ามี!!!!!
“ราชันมนตรา Ainz Ooal Gown!!!!!!”
ภาพประกอบเบื้องต้นของ Fiction
รวมคำถาม - คำตอบ (Q&A)
1) ประเด็นเรื่องลิขสิทธิ์และการแสวงหากำไรเชิงพาณิชย์
Fiction เรื่องนี้ ทางผมได้แต่งขึ้นเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน ความชอบ และความอินกับอนิเมะ Overlord เท่านั้น ไม่ได้มีแพลนเรื่องการรวมเล่มขายหรือการแบ่งตอนขาย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
2) เหตุใดจึงใช้ชื่อนามปากกา และชื่อเรื่องดังที่ปรากฏ
เนื่องจากผมคาดหวังไว้ว่าจะให้งานชิ้นนี้ ถูกรังสรรค์ออกมาเป็นงานวรรณกรรมที่มีคุณค่าและอลังการเทียบเท่ากับนิยายจริงๆ 3-4 เล่ม อีกทั้ง ตัวเนื้อหาก็อยากให้มันดูมีกลิ่นอายความพิเศษไม่ต่างอะไรกับ The Movie สำหรับเอาไปฉายในโรงภาพยนตร์ จึงได้เลือกใช้ชื่อดังกล่าว
ทั้งนี้ เอาเข้าจริง Overlord ตามความคิดของผู้เขียน ก็ยังไม่ถือว่ามีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น The Movie แบบจริงจังเลยเสียด้วยซ้ำ เพราะตัวของภาคที่ 1 The Undead King กับ ภาคที่ 2 The Dark Warrior ก็เป็นเพียงแค่ การสรุปเนื้อหาที่มีอยู่แต่เดิมเท่านั้น ในขณะที่ภาคที่ 3 Holy Kingdom ก็เป็นการเอาเนื้อหาใน Light Novel บางส่วน แยกออกไปทำต่างหากจาก Season 1 - 4 เท่านั้น ไม่ได้เป็นเนื้อหาที่มีเพิ่มเติมมาแต่อย่างใด
3) ในระหว่างรอตอนใหม่ๆ ผู้อ่านสามารถพูดคุยกับบทางผู้เขียนได้ที่ช่องทางใดบ้าง?
นอกจากในส่วนของการ comment ภายในเว็บ Dek-D แห่งนี้แล้ว ทางผู้เขียนก็ยังสิงตัวอยู่ในกลุ่ม Overlord ThaiFan และ สารบัญ Overlord Dungeon ด้วย โดยมีวััตถุประสงค์หลักเพื่อตามข่าว + ประชาสัมพันธ์ตัวฟิคชั่น กับอีกเหตุผลหนึ่งนั่นก็คือ การปล่อยภาพ Fan Art เกี่ยวกับ Overlord
อย่างไรก็ดี เนื่องจากฟิคชั่นเรื่องนี้ ทุ่มทุนสร้างพอสมควร ไม่ว่าจะในแง่การโปรโมตประชาสัมพันธ์ ไปจนการจ้างนักวาดภาพประกอบสวยๆ ซึ่งจะทยอยนำมาลงตามแต่โอกาส (ถึงแม้ส่วนใหญ่ จะเป็นของตัวละครที่ผมอวย และพักหลัง ผมจะไปโฟกัสกับงาน A.I. เป็นหลักแล้วก็ตาม) เรื่องค่าใช้จ่ายนั้น ผู้เขียนก็คิดเสียว่ามันเป็นงานอดิเรกอย่างนึง ที่นับเป็น Achievement สำคัญในชีวิต ซึ่งผู้อ่าน สามารถติดตามได้ที่
https://www.pixiv.net/en/users/103016459 (เว็บสำหรับลงผลงานที่ผมอยากแชร์ให้ชาวญี่ปุ่นได้เห็น - ปัจจุบัน ลงแต่รูปน้อง Calca)
https://tensor.art/u/661687566747300058 (เว็บ publish ผลงาน อันที่ 1 - คุณภาพสูงสุด)
https://pixai.art/@uthaiyama (เว็บ publish ผลงาน อันที่ 2 - คุณภาพสูงเช่นกัน แต่โพสต์ไม่ถี่)
https://www.seaart.ai/th/user/30b4223140da7ef934a0c65a87b2d86f?u_code=0LVRL0YT
(เว็บ publish ผลงานอันที่ 3 - เจนภาพไปเรื่อย คุณภาพดีบ้าง กลางๆ บ้าง แต่โพสต์เป็นประจำ)
https://www.deviantart.com/uthaiyama
(เว็บที่เดิมเอาไว้รวมผลงาน แต่จากนี้ไป จะเน้น publish รูปจาก shakker.ai เป็นหลัก)
https://www.zerochan.net/Overlord
https://www.pinterest.com/UthaiYama/
(เอาไว้ publish งานจ้าง commission นักวาด กับลงงาน A.I เสริม หวังให้ขึ้น Feed ใน Google เฉยๆ)
และนอกเหนือไปจาก Social media ด้านงานศิลปะแล้ว หากใครที่ต้องการติดตามผมทาง Facebook สามารถ เข้ามาเยี่ยมชมเพจ Uthaiyama - Calca Bessarez FC - AI Artist ได้เลยนะครับ (ซึ่งสุดท้าย ก็เน้นโชว์ภาพสวยๆ ของ น้อง Calca เช่นกัน แต่มีฟีดข่าวเกี่ยวกับวงการ AI เล็กน้อย)
https://www.facebook.com/profile.php?id=61558587423925
4) ทำไมถึงใช้ชื่อตัวละคร ชื่ออาวุธ และชื่อต่างๆ ในภาษาอังกฤษ กับงานเขียนภาษาไทย
ตัวอนิเมะ Overlord รวมไปถึง Light Novel มีชื่อเฉพาะที่หลากหลายเอาเสียมากๆ อีกทั้งยังมีการออกเสียงกันหลากหลายแบบตามความคุ้นชิน…. (เช่น Neia ที่มีทั้ง หนูเนีย เนเอีย เนอาร์ หรือ Calca ก็มีทั้ง คาลค่า คัลกา คาลกา คัลคา รวมไปถึงกระบอง?) ดังนั้นทางผู้เขียนจึงไม่ได้ใช้การแปลทับศัพท์กับงานแฟนฟิคชั่นชิ้นนี้ครับ
ที่สำคัญบางชื่อ ยังยากต่อการแปลเสียเหลือเกิน หากจะกล่าวถึงแบบเต็มๆ เช่น Elias Brandt Dale Raeven / Antilene Heran Fouche / Renner Theiere Chardelon Ryle Vaiself เป็นต้น
คำเตือนก่อนอ่าน Fiction
เนื่องจากศัตรูของท่าน Ainz ในครั้งนี้ ไม่ใช่พวกกระจอกๆ เหมือนที่ปรากฏใน Anime / Light Novel อย่างที่เรา คุ้นเคยกัน….ดังนั้น สำหรับแฟนคลับ ชาว Nazarick ที่รับไม่ได้กับการที่เหล่า NPCs ถูกตบเกรียนคืนบ้าง ขอแนะนำว่าให้เสพเนื้อหา เพื่อซึมซับความกาว ความบันเทิง และคิดเพียงแค่ว่ามันเป็นแค่บทนะครับ
และจุดยืนของผู้เขียน ก็ค่อนข้างตรงตัว นั่นก็คือ วรรณกรรมชิ้นนี้ เขียนขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้น้อง Calca มีสถานะเป็นนางเอกกับเขาบ้าง โดยมีพระเอกเป็น Player เผ่าเทพ….ร่วมกับการที่ Albedo จะได้คู่กับท่าน Ainz
English Synopsis
“The Story of war, love and hatred of the supreme demon lord who successfully conquer the world and the supreme deity lord in which it is distorted by the death of the holy queen named Calca Bessarez when she was killed brutally and unfairly."
Apart from Momonga of Ainz Ooal Gown, many players were transferred to the new world after the closing date of the game named “Yggdrasil” even though all of them existed during different periods. And that makes the history of “Overlord” as it appears in Season-4 Anime and the updated light novel.
However, as time passed by, Nazarick successfully ended up dominating the world even if it was not what Ainz Sama wished from the beginning. That makes all of the lands that appeared on the map now under the control of the Sorcerererer Kingdom, not even Argland Council State, Slane Theocracy, and the Elf Kingdom which seems to have strong military strength (measured by the new world's standards). For the dragon lords, the potential threat, all of them were killed, if not, they would just surrender.
Even so, for Ainz Sama who has Intuitive Insights, be brighter and smarter than anyone else in the world, from the fact? that his forward-thinking vision lasts even 10,000 years ahead. (It is what Demiurge, the floor guardian, imagines himself through), what he afraid of and be worried about has finally come true.
It is a fact that not only him but another player who has been moved to the new world during the same period of time. The name of that player is “Hyouka” and he is a supreme deity lord who owns a castle-graded guild base. Despite what has just been said, the real threat of Ainz Sama is the overpowering god-related NPCs that are beyond those of Ainz Ooal Gown.
The reason behind this fact is that “The Holy Spirit” or the name of the guild, in the past, was ranked number one when existing together with “The Father” and “The Son” under “The Trinity”, the deity guild or natural enemy of devil or heteromorphic races. (Momonga's guild is ranked as number nine from the last official announcement)
It could be said that if Ainz Sama, the undead king, is the representative of the Demon side in which fate determines him to conquer the world brutally and unfairly, Hyouka will then be the symbol of heaven and has a duty to eliminate wickedness throughout the new world.
Unfortunately, although the two leaders of both guilds do not prefer to engage in war, the twisted fate caused by the death of just one girl finally brings those guilds to war against each other.
How could battles between NPCs of the devil's side and the deities one will be intense? Will Ainz Sama be able to go crazy under serious circumstances? , and How could Nazarick overcome the threat of the stronger enemy that slowly crawls over the Sorcerer Kingdom? Which world items or weapons that can change the rule of the world, will be used and manifest their real power?
PS. As English is not my native language, I do apologize in advance if there are mistakes in grammar or word choice I have used to describe anything.
Since some English readers suggest using ChatGPT to directly translate the fiction, I, therefore, have tried it here in the sub-chapters 1-1 to 1-3B
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=2522668&chapter=1
ผลงานอื่นๆ ของ UthaiYama ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ UthaiYama
ความคิดเห็น