ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่อง นานาชนิด gazette ก็มีอย่างบทสัมพาส

    ลำดับตอนที่ #1 : บท สัมพาส หนุ่มๆ GazettE

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 50



    บทสัมพาส หนุ่มๆ GazettE 

    ดูให้ดีดี มานมะได้เยอะนะครับ แค่ space bar เยอะไป - -
    ลองอ่านดูคร้าบหลายเรื่องราวของ กาเซท ตอนปี 2005 ที่ สัมพาส
    ไม่อ่านหรืออ่านผ่านๆก็แย่จิคตรับ มือหงิก เลยกว่าจะได้ - -

    GAZETTE interview from CURE 05/5

    Interview from: CURE ( May 2005 )

    Translate: Yune

    ------------------------------------------

    " ดนตรีคือสิ่งที่เต็มไปด้วยอิสระและเสรีภาพ "

    - เมื่อวันที่ 9 มีนาที่ผ่านมานี้ได้ออกซิ้งเกิ้ลใหม่มา3ปกมีlesson G,O,D ถ้าดึงตัวอักษรสุดท้ายของแต่ละ lesson ออกมาก้อจาด้ายคำว่า GOD และก้อ DOGตรงนี้มีความหมายอะไรลึกซึ้งรึเปล่า?

    รูกิ : ไม่ครับ!! ไม่ใช่ GODแต่เป็น DOGตะหาก

    ไค : เกี่ยวกับหมาหรอ ?

    อุรุฮะ : ความหมายลึกซึ้งจังน่ะ (หัวเราะ)

    รูกิ : จริงๆแล้วมันมีความหมายทั้ง GOD และ DOG หละครับ

    -โทษทีนะ ตัวสุดท้ายมันกลับกันนิดหน่อยนะนี้

    ไค : รูกิบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่มีคำแปลตายตัว คงไม่เป็นไรหรอกครับ (หัวเราะ)

    รูกิ : โทษทีครับบอกแล้วไงว่ามันคือ DOG ไม่ใช่ GOD

    - นี่!!เลิกทำล้อเล่นกันซักทีสิ เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดแล้วคิดเป็นเรื่องของหมากันหมดก็ยุ่งหรอก

    รูกิ : ตัวอักษรทั้ง3 ตัวน่ะมันเกี่ยวกับเพลงนะ เราก็อยากให้ทุกคนคิดว่า " เอ...ทำมัยถึงออกมา3ปกนะ "

    - ผลงานครั้งนี้มีความเร็วแตกต่างจากอัลบั้ม[ Disoder ] มากเลยนะ

    ไค : ก้อเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันฮะ คิดว่าจะรวบรวมสิ่งใหม่ๆมาทำเป็นผลงานครั้งนี้ครับ

    อาโอย : สิ่งที่อยากทำมันก้อมีมาเรื่อยๆ อยากลองทำสิ่งใหม่ๆดูบ้างน่ะครับ

    รูกิ : กาเซ็ตอารมแปรปรวนน่ะครับ เราไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านี้มันก็คล้ายๆกับอัลบั้มก่อนน่ะแหละ พวกเราจึงอยากจะเผชิญสิ่งใหม่ๆดู

    - แล้วผลงานที่ได้ก็คือเพลง[ reila ] ที่ยาวถึง 7 นาทีเพลงนี้มันยาวมากเลยนะแต่ฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่นานเลยล่ะ

    อาโอย : เพลงที่ยาว แต่พอฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่นานก้อแสดงว่าเป็นเพลงที่ดีสินะ

    ไค : อยากให้ทุกคนฟังแล้วรู้สึกว่า " อ๊ะ!!ผ่านไป7นาทีแล้วหรอเนี่ย "

    รูกิ : แต่ถ้าฟังแล้วรู้สึกว่ามันยาว มันก็คงเป็นเพลงที่น่าเบื่อสินะ

    เรตะ : ตอนอัดเสียงเราฟังแต่เสียงดนตรี มันเลยทำให้รู้สึกยาวแต่พอใส่เนื้อเพลงลงไปมันก้อไม่รู้สึกอย่างนั้น

    ไค : นั้นคือมนต์วิเศษของกาเซ็ตสินะ

    - เพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังแล้วดูเยือกเย็น แต่เสียงดนตรีตอนสุดท้ายก้อหั้ยความรุสึกอบอุ่นนะ

    ไค : ความคิดที่จะเอาความอบอุ่นใส่ลงไปตอนสุดท้ายน่ะ รูกิเป็นคนคิดครับพวกเราเองก็เพิ่งเข้าใจว่า " อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง "

    อุรุฮะ : ก่อนที่เราจาออกซิงเกิ้ลนี้เราก็ มาช่วยกันออกความคิดเห็นกันนะครับ ตอนเเรกก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นป็อบมั่วๆซะอีก

    รูกิ : อธิบายให้ฟังแล้วไงยังไม่เข้าใจอีกหรอ ? งั้น (ยุบวง)

    เรตะ : เรื่องแค่นี้เองจะยุบวงทำไม ? (หัวเราะ)

    ไค : มีทั้งจุดมืดและจุดสว่าง เป็นจุดที่แสดงถึงความเป็นคนมากที่สุด

    - ในเพลงนี้ก็มีส่วนที่ใช้กีต้าร์คลาสสิคด้วยนี้อาโออิช่วยอธิบายหน่อยซิ

    อาโอย : เพลงนี้ใช้กีต้าร์ 2ตัว แต่ถ้าจะแสดงออกถึงความอ่อนโยนแต่ถ้าใช้กีต้าร์ไฟฟ้าอย่างเดียวมันจาดูทารุนไปก็เลยใช้ กีต้าร์คลาสสิคกับกีต้าไฟฟ้า ร่วมกัน ส่วนที่ใช้ กีต้าร์คลาสสิคจะมีเยอะมาก แต่ช่วงที่เป็นโซโล่จะใช้กีต้าร์ไฟฟ้าคับ

    อุรุฮะ : รู้สึกเหมือนจะแนะนำให้รู้จักเรลาเลยนะ(หัวเราะ)

    อาโอย : ท่อนที่เป็นโซโล่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่า เราเอาความรู้สึกของคนใส่ไปด้วยมันฟังดูเศร้าๆแต่มันก็มีความหวังนะ อยากจะแสดงออกถึงจิตใจของคนด้วยนะครับ

    - งั้น สิ่งที่หล่อเลี้ยงพวกคุณคือความหวังสินะ?

    อาโอย : ใช่ ๆ

    อุรุฮะ : ในขณะเดียวกันก็อยากให้รู้ว่า ทำนอง(เพลง)นั้นมีความหมายอย่างไร

    ไค : ผมคิดว่ากลองคงเเสดงความรู้สึกยากนะ ไม่เหมือนกีต้าร์แต่ก้อไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปหรอก ก่อนที่จะออกซิงเกิ้ล [ reila ] เรานั่งคิดคำที่จะนำมาเป็นชื่อซิงเกิ้ลหัวข้อก็คือ " ความรัก " ผมคิดว่ามีบรรยากาศแบบท้องทุ่งในหน้าหนาวที่มีดอกไม้ขลิบปลายอยู่

    อาโอย : ไคน่ากลัวจัง (หัวเราะ)

    อุรุฮะ : ถ้าจินตนาการแบบนั้น มันก็กลายเป็นเพลงเร็วน่ะสิ

    ไค : อิมเมจตอนเเรกก็เป็นแบบนั้นแหละ อยากจะสื่อถึงความเศร้าน่ะครับ

    - การทำซิงเกิ้ลนี้หัวข้อคือ " ความรักกับความตาย " พวกคุณพยายามสื่อความเศร้าออกมาได้ดีมากเลยนะ แต่มันแตกต่างจากอิมเมจที่วางไว้ในตอนแรกใช่ไหม?

    ไค : พอเห็นงานเพลงแล้ว อิมเมจก้อเปลี่ยนไปทันทีแต่ความเศร้าที่วางอิมเมจไว้แต่เเรกน่ะไม่ได้เปลี่ยนไปนะ พอฟังเพลงตัวเองแล้วเหมือนจะร้องไห้เลยหล่ะ ผมคิดว่าเพลงที่รูกิแต่งน่ะสุดยอดจริงๆ

    อุรุฮะ : ผมอยากให้คนฟังรู้ว่าเราสื่อสารอะไร

    - การถ่ายทอดความรู้สึกให้คนฟังรู้มันง่ายกว่าการสื่อสารให้ตัวเองรู้รึเปล่า?

    ไค : เราต้องแสดงความรู้สึกของเราให้คนอื่นรู้ เราอยากหั้ยคนฟังรู้ว่าเราจะสื่อออกมาในแนวไหน

    รูกิ : ดีจัง~

    อุรุฮะ : ผมไม่เห็นด้วย!!

    ไค : อะไรกันก็ผมคิดแบบนั้นนี้นา(หัวเราะ)

    รูกิ : เออ เออ พูดเหมือนบทภาพยนต์เลย (หัวเราะ) 

    อุรุฮะ : ผมก็เพิ่งได้ฟังผลงานหลังจากออกผลงานมานี้แหละ

    อาโอย : ไม่ใช่ว่าเป็นผลงานของตัวเองถึงพูดว่าดี เราจะตัดสินกันที่บรรยากาศของเพลงน่ะ

    - ถ้ามีอคติต่อเพลงที่ตัวเองร้อง มันจะมีผลต่อการบรรเลงเพลงรึเปล่า?

    เรตะ : มีครับ ก่อนอัดเสียงเราก็จะมานั่งปรึกษากับรูกิก่อน ทำให้ผมนึกถึงปู่ที่ตายแล้วคิดว่าเราจะต้องเศร้าถ้าดูความเป็นตัวตนของเราจากสวรรค์ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่อยากหั้ยเป็นเพลงที่มีแต่รอยน้ำตา

    อุรุฮะ : พอเห็นน้ำตาของเรตะพวกเราก็เริ่มนึกถึงคุนปู่ของพวกเราบ้างแล้วหล่ะ

    เรตะ : ตอนผมอายุ 18 ผมร้องไห้ออกมาจากสตูดิโอด้วยหล่ะ [ TT^TT ]

    - การสูญเสียไม่สามารถเเสดงออกมาทางคำพูดได้ ปกติแล้วพวกคุนเคยร้องไห้กันบ้างไหม?

    รูกิ : พวกเราน่ะไม่ค่อยจะร้องไห้กันหรอกครับ

    เรตะ : แต่พอคิดถึงตอนจบไลฟ์แล้วพวกเราถึงกับน้ำตาร่วงเลยนะ

    - นั่นคงเป็นน้ำตาแห่งความดีใจสินะ คนที่ดูเนื้อเพลง [ reila ] แล้วร้องไห้ก็มีเยอะเหมือนกันนะด้วยนี้

    รูกิ : คนที่เห็นเนื้อเพงแล้วร้องไห้ก็มีนะ เพราะฉะนั้นเราต้องเขียนเนื้อเพลงให้ไม่น่าจับตามอง

    - เขียนให้ไม่น่าจับตามองแล้วมันจะร้องไห้ได้หรอ ?

    รูกิ : ถ้าเข้าใจถึงระดับเสียงดนตรีได้นะผมจะดีใจมาก คราวก่อนใช้หัวข้อในการเเต่งเพลงที่ว่า" ความรักที่ไม่สมหวัง " ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกถึงความเศร้าได้จะดีใจมากเลยครับ

    เรตะ : ถ้าฟังด้วยหูฟังละก็จะทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้มาก

    - ถ้างั้นการฟังด้วยซาวน์เบาท์จะได้บบรยากาศเหมือนกับว่าได้อยู่ในสถานที่นั้น?

    อาโอย : ก็แล้วแต่ความเห็นของแต่ละคนนะครับ

    อุรุฮะ : คนที่ฟังเพลงนี้แล้วออกอารมณ์จนโอเวอร์ก็มีเยอะเหมือนกันนะ

    รูกิ : แน่นอนเราจะถูกถามประจำว่า ไตเติ้ลของ [ reila ] คืออะไร?เราก็ตอบไปว่ามันคือชื่อของคน

    เรตะ : จะพูดว่า [ reila ]เป็นชื่อของคนสำคัญคนหนึ่งก็ได้นิ

    - รู้สึกจะได้ชื่อเพลงมาอีกเพลงหนึ่งแล้วนะ?[ Shunsetsu no koro ] " ฝนที่ตกในฤดูใบไม้ผลิ " รู้สึกจะออกแนวนี้รึเปล่า?

    เรตะ : ล่าสุดนี้มีเพลงที่เหมือนกับการพูดโดยตรง มีอะไรก็ทำกันตรงๆอะไรประมานนี้หละครับมันทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมั่ง

    - เรื่องนี้ใครเป็นคนคิด?

    รูกิ : ( เหลือบมองอุรุฮะ ) ได้ใส่ทำนองแบบลุงๆลงไปนัยกีต้าร์ด้วย

    อุรุฮะ : เป็นเพลงที่มีความเร็วมาก และเป็นเพลงที่รู้สึกสะสางอย่างมากพวกเราไม่ได้จินตนาการแบบรวมโลกไว้ทั้งโลกและเอามาทำเป็นเพลง แต่เรามีอิมเมจแบบว่า " ท้องฟ้ายามเย็นในฤดูใบไม้ผลิ " ตรงนี้รูกิทำให้เข้าใจถึงภาพของวิวในฤดูร้อนได้ดีมากเลย พวกเราไม่อยากสื่อสารแนวเพลงออกมาแบบตรงๆ จุดสำคัญคืออยากให้อยากให้คนฟังเพลงแนวนี้แล้วเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ ตอนที่เอาอิมเมจของฤดูใบไม้ผลิมาใส่ อาโอยพูดว่า " ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ "

    อาโอย : อืม...ใช่ๆ

    เรตะ : แต่ตอนที่ผมอ่านไม่รู้สึกเลยนะว่าเป็นอะไรที่มันโจ่งแจ้งตรงๆ

    ไค : รู้สึกว่ามันเป็นเพลงแนวใหม่อีกแนวนึง

    รูกิ : คิดว่าจุดสำคัญของเพลงคือท่อนไหนของเพลง?

    - ตรงที่ว่า "  kimi omoi kimi ni yure " รึเปล่า

    รูกิ : ไม่ใช่!! หลังจากที่อุรุฮะเขาพูดแล้วเพลงเงียบลงตรงนั้นล่ะคือจุดสำคัญที่สุดของเพลง((ตอนไหนอุรุปปี้ร้องอะ..?//ยูเนะ)) พอฟังปุ๊บมันจะดูสะดุดดีนะ ดูสะดุดนะครับ

    อาโอย : ส่วนประกอบที่สำคัญมากๆน่ะไม่มีหรอกครับ

    รูกิ : แต่ผมก็ยังคิดว่าทำนอง B น่ะสำคัญที่สุดนะครับ(หัวเราะ)

    - ว๊า...เดาจุดสำคัญของเพลงผิด เป็นเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกโดยตรงเลยนะ

    เรตะ : เพลง [ akai kodou ] กับเพลง [ Shunsetsu no koro ] มีความหมายไปในแนวที่โจมตีกัน

    - รู้สึกว่ามีวิวัฒนาการมาจาก [ Disorder ] นะ 

    เรตะ : มันก็อาจจะใช่ครับ

    ไค : มันมีจุดที่ลึกกว่านั้นอีกนะครับ

    อุรุฮะ : จุดที่มีความรู้สึกรุนเเรงมันห่างจาก [ Disorder ]มาก แต่ผมไม่อยากเอาตรงนั้นเป็นจุดเด่น

    เรตะ : สีแดง !! ให้ความรู้สึกเข้มข้นมากเพราะฉะนั้นเราจึงใช้ตัว...แทนที่จะใช้ตัว...ตัวนี้((หมายเหตุไอ้ที่....คืออ่านไม่ออกกั๊บ//ยูเนะ))

    - หัวข้อที่ตั้งครั้งนี้ดูยิ่งใหญ่จังเลยนะ

    รูกิ : อิมเมจคือพื้นที่ค่อยๆหายไป

    เรตะ : เป็นจุดสิ้นสุดของโลก

    อุรุฮะ : เพลงของเราจะแสดงออกมาแบบ " พื้นที่ในโลกนี้ค่อยๆหายไป "

    ไค : เป็นเพลงเร็วที่มีอิมเมจน่ากลัวอยู่ในตัวของพวกเรา แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น

    อุรุฮะ : คราวนี้สถานการณ์มีอิมเมจ อย่างไร ?

    ไค : ก่อนที่จะดูเนื้อเพลงพวกเราลองเดาความสัมพันธ์กับความรู้สึกของเพลงแล้ว แต่พอดูเนื้อเพลงแล้วมันแตกต่างจากที่เราคิดเอาไว้ แต่มันก็ไม่คุ้มค่ากับการโกรธดังนั้นเราเลยตกลง

    เรตะ : สำหรับผมมันมันมีอิมเมจแบบว่าแผ่นดินถูกแบ่งด้วยเปลวไฟที่ลุกช่วงโชน

    - เพลงนี้เริ่มต้นด้วยความเศร้า และจุดเด่นในเพลงนี้ก็คือ กะลังเศร้าๆอยู่ แล้วก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา มันทำให้เกิดความประทับใจ

    ไค : ใช่ครับ มันเป็นจุดที่มีความรุนแรงมาก

    เรตะ : เสียงเบสดูโดดเด่นมาก

    - ถ้าทำให้เสียงเบสโดดเด่นมันจะทำให้ หนักแน่นในตอนสุดท้ายของเพลง

    เรตะ : ใช่ครับ ถ้าเสียงต่ำลงมันก็จะฟังดูทุ้มๆ ลองดีดสายที่ 5 แทนสายที่ 4 ดูแล้วแต่ตอนแรกการสร้างเสียงเนี่ยยากมากๆเลยนะถ้าฟังแต่เสียงเบส จะไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ในขณะเดียวกันก็จะได้รู้ถึงจุดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ

    ไค : ถ้าพูดถึงความเศร้าโดยตรงเพลงนี้มีความเศร้าตลอดเพลงเลยนะ

    - เสียงกีต้าร์อย่างเดียวเป็นยังไงบ้าง?

    อาโอย : สำหรับผมแล้วมันเหมือนกับเล่นกีต้าร์ด้วยความรู้สึกของหน้าอกข้างซ้าย

    - หมายความว่า?

    อาโอย : ไม่เล่นกีต้าร์ด้วยทฤษฎีแต่เล่นด้วยจินตนาการ และความรู้สึก แต่การใช้กีต้าร์ของอุรุฮะคราวนี้ถึงคนอื่นจะเล่นเพลงเดียวกันความหนักแน่นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่มีแนวทางแบบนี้แหละเนื้อเพลงโดยรวมไม่สับสนวกวน วิธีการทำเพลงของกาเซ็ตจะมีการทดลองก่อนตอนแรกค่อนข้างมาก

    อุรุฮะ : ถ้าฟังตามอาโอยคุงพูดล่ะก็ ผมคงไม่เข้าใจทฤษฎีการเล่นเท่าไหร่ ผมเล่นกีต้าร์ด้วยความรู้สึกน่ะ การเล่นด้วยความรู้สึกของหน้าอกข้างซ้ายมันง่ายกว่า เพลงนี้ไม่สามารถทำได้ในขณะที่เล่นกีต้าร์เพราะฉะนั้นการเล่นกีต้าร์ในเพลงนี้เป็นการเล่นด้วยความรู้สึกจากอกข้างขวาของทุกคน

    อาโอย : ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมเล่นกีต้าร์ด้วยความรู้สึกของหน้าอกข้างซ้าย(หัวเราะ)

    เรตะ : ทฤษฎีอะไรแปลกๆ

    อาโอย : ถ้าเล่นดนตรีตามทฤษฎีที่วางไว้ละก็หัวคงระเบิดตายพอดี ดนตรีน่ะควรจะเล่นตามจินตนาการของตนเอง

    - ตอบคำถามได้ดีมากเลยนะ ค้นพบในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำน่ะสุดยอดเลยนะ

    รูกิ : ดนตรีไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

    - จากคำว่า[ หัวใจเต้น ]ลองเปลี่ยนเป็นชีวิตแล้ว มันมีความหมายว่าโชคดีที่มีชีวิตอยู่ใช่ไหม?

    อาโอย : มันมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ตอนไปเล่นกระดานโต้คลื่นในวันที่มีไต้ฝุ่นถ้ามีไต้ฝุ่นละก็ทะเลจะมีคลื่นที่น่ากลัวมาก ตอนนั้นคิดว่ามันจะตายจริงๆ ถึงจะว่ายน้ำอยู่ข้างบน มันก็เหมือนถูกดูดลงไปในน้ำเรื่อยๆพอขึ้นมาได้ก็จะคิดว่า " รอดตายแล้วเราดีจัง " ผมนี้ก็บ้าเนอะเล่นดนตรีมันปลอดภัยกว่ากระดานโต้คลื่นตั้งเยอะ((หัวเราะ))

    รูกิ : ผมเคยประสบอุบัติเหตุทางมอร์เตอร์ไซด์ครั้งนึง พอไม่เป็นไรก็คิดว่า " ดีจังที่มีชีวิตรอด "

    ไค : ผมก็เคยนะแต่เป็นรถจักรยาน ผมเบรกกะทันหันเลยเสียหลักหกล้มใช่!! ผมได้ประสบการทางรถยนต์มาเพียบเลย

    -แล้วการขับรถเป็นงัยบ้าง?

    ทั้ง4คน : น่ากลัว !! ((555+//ยูเนะ))

    ไค : ผมพยายามทำความคุ้นเคยกับมันแต่ ทุกคนต่างหวาดกลัวเลยวุ้นวายมาก

    อุรุฮะ : ไม่อยากจะเชื่อว่านายพยายามทำความคุ้นเคย เกิดเป็นไรขึ้นมาจะว่ายังงัยหะ

    อาโอย : ก็นายเล่นไม่ชะลอเลยนี้นา ยังมือใหม่อยู่ขับช้าๆก็ได้นิเล่นขับเเบบมืออาชีพ แย่ชะมัดเลยอยากให้คิดถึงจิตใจของคนที่นั่งมาด้วย

    เรตะ : ถ้ามือใหม่หัดขับน่ะมันมักเกิดความประมาทอยู่บ่อยๆ

    ไค : ผมขับรถเก่งแล้วนะ(มองสายตาทุกคน)........ยังหรอกครับ(>///<น่ารักจิงๆนู๋ไข่..//ยูเนะ)

    - พยายามเข้า!!!(หัวเราะ)แล้วอุรุฮะมีช่วงเวลาที่คิดว่า " ดีจังที่รอดมาได้ " บ้างรึเปล่า

    อุรุฮะ : ตอนม.ปลายผมนั่งหลับในห้องเรียนแล้วฝันว่าเล่นลื่นลงมาจากที่สูงแล้วหกล้ม พอตื่นขึ้นมาแล้วมันก็เป็นอย่างที่ฝันจริงๆพวกผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหลังร้องว้ากกกก...ผมล่ะอยากตายจริงๆ(หัวเราะ)

    เรตะ : เป็นช่วงเวลาที่อยากตายซินะ(หัวเราะ) มันก็มีบางครั้งที่แยกความฝันกับความจริงไม่ออก พอคิดย้อนไปวันเกิดปีที่แล้วก็รู้สึกว่าดีจังที่เกิดมาทุกคนอวยพรวันเกิดให้ทำให้ผมอยากอยู่ต่อไป เมลของแฟนๆก้อเข้ามาเยอะมากพออ่านเมลแล้วมันพูดไม่ออกเลยครับ ผู้คนที่อวยพรให้ผมมีมากมายขนาดนั้นปลื้มจริงๆแต่หลังจากวันเกิดนี้สิเศร้าสุดๆเหมือนไต้ฝุ่นมาแล้วพัดทุกอย่างไป

    อาโอย : กว่าจะได้รับคำอวยพรอีกทีก็ต้องรอถึง 364วันพอนึกแล้วเศร้า

    ทุกคน : (หัวเราะ)

    อาโอย : ผมก็คิดว่าวันเกิดนี่เป็นวันดีจริงๆมีเมลจากแฟนๆส่งมาดีใจมากครับ

    ไค : อืม เป็นช่วงเวลาที่คิดว่า " โชคดีที่เกิดมา "

    เรตะ : นายคิดเเบบนั้นเป็นประจำไม่ใช่เหรอ

    ไค : เป็นเพราะ " Gazetto " รึเปล่าน๊าาา

    รูกิ : นั่นเปนเรื่องธรรมดาอยู่แล้วล่ะ

    ไค : ดีใจที่มีชีวิตรอดมาได้ถ้าแปลตรงตัวจะมีความหมายยังงัยนะ

    เรตะ : ใช้ชีวิตแต่ละวันให้คุ้มค่า

    - ใช่แล้ว!!!! ย้อนกลับมาเรื่องเพลงกันต่อดีก่า [uzuku aza to yugamu ura] ชื่อเพลงนี้สุดยอดจริงๆ

    ไค : อยากถามเหมือนกันว่ามันมีความหมายว่าอะไร

    รูกิ : " uzuku aza " หมายความว่า เพียงแค่นึกถึงความทรงจำก่อนๆก็ทำให้เจ็บปวดส่วน " yugamu ura "หมายความว่า สถานการณ์ที่น่าสงสัยหลังจากความเจ็บปวด 

    อุรุฮะ : มันเป็นสถานการณ์แบบไหนหรอ???

    รูกิ : ก็ตามเนื้อเพลงนั่นแหละจุดเด่นคือ " เธอไม่เคยรักฉันเลย " แล้วส่วนหลังจากนี้ก็ต้องแสดงความหลังที่เจ็บปวดไค : เพิ่งจะเข้าจัยนะเนี่ย........

    รูกิ : แล้วทำไมไม่รู้จักถามเล่า(หัวเราะ)

    - เพลงนี้ทำนองเร็วมากเลยนะ

    ไค : ตอนแรกที่ได้เพลงจากรูกิ คิดอยู่ว่าจะตีกลองตามจังหวะได้รึเปล่า

    รูกิ : ไคถึงกับถอนหายใจเลยนะ

    - งานเพลงแบบนี้ถนัดไม่ใช่หรอ??

    ไค : พอลองทำดู มันก็แสดงออกถึงความเป็นกาเซ็ตจริงๆคำก็เป็นคำง่ายๆ

    - แต่ตอนแรกคุนคิดว่าตีไม่ได้ไม่ใช่หรอ?

    ไค : ก็ตอนแรกคิดว่ามันเร็วนะสิ แต่รูกิพูดว่ามันไม่เร็วไปกว่านี้หรอก

    รูกิ : พูดว่า " มันก็ไม่ได้เร็วมากนี่ "

    ไค : มันมีความรู้สึกแบบว่าอยากตีกลองให้เร็วขึ้น

    เรตะ : ก่อนที่จะดูเนื้อรูกิถามว่า " คิดว่าเป็นเพลงแนวไหน ? "

    อาโอย : เคยได้ยินคำว่า" ช้าแล้วดี "ไหม?

    รูกิ : ผมก็ไม่ได้พูดนานแล้ว

    อุรุฮะ : นายตอนนี้ถูกสัมภาษณ์คนเดียวรึงัย ? คนขี้โกหก

    ไค : เฮ้ย!!!!

    - การเล่นไลฟ์จะบรรเลงดนตรีเร็วก่าปกติใช่ไหม

    อุรุฮะ : ถ้าเป็นไลฟ์ละก็อยากจะเล่นให้มันเร็วขึ้นอีกนิด แต่ถ้าตั้งใจเล่นเหมือนเวลาบันทึกเสียงอย่างเดียวมันก็จะลำบากนะ เพราะฉะนั้นก็จะทำตามที่ใจคิดครับ

    - แล้วผลที่ออกมาเป็นไปตามอิมเมจที่รูกิคิดไว้ไหม?

    รูกิ : มันต่างจากที่ผมคิดไว้อย่างสิ้นเชิงเลยหละ ตอนแรกผมคิดว่าจะใช้บบรยากาศแบบที่มีเสียงลมหายใจด้วย

    อุรุฮะ : ไม่ค่อยเข้าใจเลย อยากให้มันเป็นแบบไหนหรอ?

    รูกิ : อยากให้มันออกมาแบบเท่ห์ๆดูดี แค่นั้นก็โอเคแล้วถ้าไม่ได้แบบนั้นผมโกรธแน่เลยหละ

    อุรุฮะ : ผมคิดว่าการกลัวรูกิเป็นผลดีกับตัวเองนะ ถ้าหากว่าโดนปฏิเสธ

    ไค : เฮ้ย!!! ใจเย็นๆ!!

    อุรุฮะ : ไม่ทำไรกันหรอกน่าา

    รูกิ : เพราะคำพูดของนายไง

    ทุกคน : ((หัวเราะ))

    รูกิ : จะให้พูดตามตรงก็อุรุฮะกลัวผม

    อุรุฮะ : ก็นายมีความมันใจในตัวเองสุดๆเลยนี้นา มันทำให้ผมลำบากใจ

    ไค : อุรุฮะกับรูกิน่ารำคาญจะตาย

    อุรุฮะ : บางทีมันก็มีเหตูผลแล้วก็ทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆเอง

    - ในการทำเพลงเนี้ยะถ้าเอาความคิดของคนใดคนหนึ่งใส่ไปคนเดียวก็จะเป็นเพลงที่ดีไม่ได้สินะ?

    ไค : เพราะฉะนั้นการทำเพลงคราวต่อไปผมจะนั่งคุยด้วย

    เรตะ : ไม่ต้องฝืนพูดก็ได้((หัวเราะ))

    อาโอย : วงใกล้แตกแล้ว!!((หัวเราะ))

    - รู้จักเพลงไปมากพอสมควรรู้สึกว่าเพลง[ uzuku aza to yuga muura ]เกี่ยวข้องกับเพลง [ reila ] นะ

    รูกิ : อ๊ะ!!

    ไค : โอ้วว!! คำถามแจ๊คพ็อต

    - รู้สึกอย่างนั้นตอนดูเนื้อเพลงน่ะ

    รูกิ : ถามให้ลึกกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ

    - ขอโทษนะ คิดมากจัง((หัวเราะฝืดๆ))

    รูกิ : ไม่เป็นไรๆน่าเสียดายจัง((หัวเราะ))มันมักจะมีบ่อยๆน่ะครับ

    เรตะ : นายเป็นไรไป((หัวเราะ))

    รูกิ : [ uzuku aza to yuga muura ] เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกเจ้าชู้ เช่น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่กับคู่รักพอเปิดล็อกเกอร์มาก้เห็นรูปของสมัยก่อนอะไรประมาณนี้แหละ

    - ล็อกเกอร์?????

    4คน : ใครจะมีล็อกเกอร์ในบ้านเล่า?((หัวเราะ))

    รูกิ : ลิ้นชัก((หัวเราะ))ถ้าหากคู่รักของตนทำเจ้าชู้ก็จะต้องมีอะไรบางอย่างในลิ้นชัก เป็นอะไรที่ปิดบังไม่ได้อยากให้มีความรู้สึกแบบนี้

    อุรุฮะ : ไม่มีทางหรอกมั้ง((หัวเราะ))

    - ช่วยบอกความหมายของเพลงนี้เเบบละเอียดๆได้ไหม?

    ไค : ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

    รูกิ : กรุณาหาคำตอบเองครับอ่านไปนานๆเดี๋ยวก็รู้เอง

    เรตะ : ก็แล้วแต่มุมมองของความคิดอีกที

    ไค : กลายเป็นปริศนาไปซะละ

    - ต้องคิดอย่างรอบคอบหน่อยนะวงกาเซ็ตตั้งมาได้ 3 ปีแล้วนี้

    ไค : ใช่ 3 ปีแล้วนะ

    เรตะ : เร็วจังเนอะ

    รูกิ : ผมนึกว่ามันนานกว่านั้นซะอีก 

    เรตะ : สามปีนี่ยังไม่นานใช่ไหม?

    - คิดว่ายังไม่นานหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมาคิดว่าช่วงเวลาไหนสำคัญบ้าง?

    อาโออิ : ผ่านมา 3 ปีแล้วสินะ

    เรตะ : อยู่ด้วยกันได้ตั้ง 3 ปี สุดยอดเลยนะ

    อุรุฮะ : ปีแรกสำคัญที่สุดเลย

    รูกิ : ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ร้าวฉาน((หัวเราะ))

    ทั้ง 4 คน : ไม่มีหรอกเรื่องแบบนั้น !!

    อุรุฮะ : ผ่านมา 3 ปีนี่มีแต่เรื่องดี ๆทั้งนั้นเลย

    เรตะ : ความหลังน่ะนึกถึงที่ไรก็ได้แต่หัวเราะทุกที ต่อจากนี้ก็จะสร้างทรงจำดีๆแบบนี้ตลอดไปเพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี

    - มีความทรงจำเยอะเลยนี้ แต่อยากฟังเรื่องราวความหลังก่อนจะมาเป็นวงกาเซ็ตมากกว่า

    อุรุฮะ : ผมเล่นดนตรีตั้งแต่เป็นนร.แล้ว ผมบ้าดนตรีมาก แล้วยังสลักชื่อวงที่ชอบไว้บนโต๊ะของรร.ด้วย

    อาโอย : ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน

    อุรุฮะ : คิดถึงวงที่ตัวเองชื่นชอบอยู่เสมอ

    ไค : ผมก็คิดถึงแต่ดนตรี ดนตรี!! ตลอดเลย

    เรตะ : ผมมีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นเพราะชอบดนตรีเลยสามารถเล่นดนตรีได้วันละ 5 เพลงเชียวนะ((ใช้วิธีการจำ)) แต่ตอนนี้จำแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว

    อุรุฮะ : ติดใจมากกก

    เรตะ : ผมเล่นจนกระทั่งเรียนจบ ตอนเป็นนร.เคยไปสตูดิโอทีนึงนะแต่มันเสียงดังไปผมหูอื้อไม่หยุดเลยตื่นเต้นมาก

    - เรตะกับอุรุฮะ ทำวงด้วยกันมาตั้งแต่เป็นนร.แล้วนี่

    อุรุฮะ : ตอนที่ทำวงครั้งแรกเข้าสตูดิโออัดเสียงแล้วลองฟังดู พอจบเพลงนึงก็จะมีความเห็นเข้ามาเรื่อยๆเช่น " โอ๊ย!! เจ็บหู " " อะไรกันเนี้ย " ((หัวเราะ))

    เรตะ : ความรู้สึกแบบนั้นทนเกือบไม่ได้นะ ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าจะมาทำวงอย่างปัจจุบันนี้ได้

    ไค : ถ้าคิดแบบนี้ได้แต่แรกจะมีความสุขมาก

    เรตะ : ใครจะไปมีความสุขขนาดนั้น

    อุรุฮะ : ตอนนี้ผมคิดว่าความคิดของตัวเองไม่ค่อยดีชอบกำหนดอะไรตายตัว สมัยก่อนแค่เครื่องขยายเสียง1 เครื่องกับเครื่องเปี่ยนเสียง1 ตัวเอามาเล่นรวมกันก็มีความสุขเเล้ว

    ไค : แค่ได้เห็นกลองก็มีความสุขแล้วตอนนั้นเล่นได้สองเพลงเข้าสตูตั้ง 4 ชม. เล่นวกไปวนมาอยู่แค่นั้นแหละแต่ก็มีความสุขมากถ้าคิดแบบนั้นจะนึกเสมอว่า " ลืมความรู้สึกแบบนั้นไปรึยัง " ตอนที่ยังไม่มีประสบการณ์

    รูกิ : แต่กลับไปตอนนั้นไม่ได้แล้ว

    อุรุฮะ : เก็บประสบการณ์เรื่อยมาแต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปสมัยเป็นนร.ได้เลยอยากให้ทุกคนรีบทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำไว้ซะ

    - ไม่อยากให้ช่วงเวลามันผ่านไปเลยใช่ไหม

    เรตะ : ลืมแม้กระทั้งเวลาทานอาหารจมอยู่กับความฝันอย่างเดียว มีความสุขมากเลย

    ไค : เป็นประสบการณ์ของทุกคน

    อาโอย : แต่ผมไม่เคยนะ ไม่เคยเข้าสตูดิโอ

    อุรุฮะ : อ๊ะ !!! ขอโทษทีที่บ้านเกิดของอาโอยไม่มีสตูนี้เนอะ((หัวเราะฝืดๆ))

    ไค : แต่ก็เคยซ้อมร้องใช่ไหมละ??

    อาโอย : ก็เคยนะแต่ไม่ใช่ในสตูผมจะเก็บห้องเก็บของแล้วซ้อมร้องที่นั่น

    ทุกคน : เป็นประสบการณ์อันล้ำค่า!!!

    อาโอย : ผมพยายามไม่ให้เสียงออกไปข้างนอกแต่ชีวิตนร.อ่านะมันก็มีแค่ไปรร. ทำการบ้าน เล่นเบสบอลพอกลับมาบ้านก็ดีดกีต้าร์เล่นพอเสร็จก็นอนชีวิตนร.เนี่ยน๊า...ดีจริงๆ

    อุรุฮะ : มีสิ่งที่อยากทำเยอะแยะเลย

    อาโอย : สมัยนร.มีเยอะจริงๆ

    ไค : ใช่ แล้วก็มีพลกำลังมากมายทำได้ทุกอย่างผมคิดว่าเป็นช่วงที่สามารถทำสิ่งต่างๆได้มากที่สุด

    อาโอย : ช่วงม.ต้นเป้นช่วงที่ทำสิ่งต่างๆได้มากที่สุด

    รูกิ : ใช่แล้ว เป็นช่วงที่สนใจสิ่งต่างๆมากมาย แต่ความทรงจำตอนวัยเรียนของผมก็คือการทำวงนี้แหละ

    อาโอย : มีสตูดิโอด้วยหรอ

    - มีปัญหาอะไรกับสตูดิโอหรอ??((หัวเราะ))

    รูกิ : มีสตูนะ sumiya สตูดิโอ

    อุรุฮะ : อะไรอะ? อยู่ที่ไหนหรอ?

    รูกิ : อ้าวไม่รุจักหรอ?ที่ที่เรียกว่า sumiya ชั้น 2 มีห้องดนตรีอยู่แล้วก็มีสตุดิโอด้วย ทำไลฟ์ได้ด้วยนะ

    - ที่นั่นกว้างมากเลยหรอ??

    รูกิ : แคบมาก ไม่มีไฟ((หัวเราะ))

    เรตะ : งั้นก็ไม่มีมอนิเตอร์ด้วย

    อาโอย : ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี้นา

    อุรุฮะ : มีก็ดีแล้ว

    รูกิ : เค้าพูดว่า " แล้วมาใช้บริการอีกนะค้าบบบ " ขณะที่แจกบัตรแต่ไม่มีใครเข้ามาซื้อบัตรเลย((กร๊ากกกก..55+เปนไรเนี่ยกุ--*--//ยูเนะ))

    เรตะ : ตอนนั้นนะคอมพิวเตอร์เป็นของมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเลยล่ะ

    รูกิ : เครื่องพิมไมโครคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกันพอเอาไปที่สวนสาธารณะเขาก็มองกันใหญ่เลย

    เรตะ : ตอนนั้นเวลาจะทำไลฟ์ต้องจ่ายแพงมากเลยนะ ใช้เงินเยอะมาก

    ไค : ไลฟ์ครั้งแรกของผมก็ไปก็อบปี้เขามา แล้วก็ไปบอกเพื่อนๆว่ามาดูกันนะตอนนั้นตื่นเต้นมากเลยล่ะ

    อุรุฮะ : มองจากกล้องวีดีโอแล้วไม่มีคนดูแม้แต่คนเดียว

    เรตะ : ตอนซ้อมก่อนแสดงจริงเพื่อนๆก็ไม่มาดูไลฟ์ครั้งแรกเราไปก็อบปี้เขามาแต่ครั้งล่าสุดนี้เป็นแบบผสมนะคิดเอง+ก็อบมา

    ไค : ผมบังคับให้เพื่อนมาดูล่ะ

    เรตะ : แต่ก็ไม่ได้เรียกมาทั้งหมดซะหน่อย

    อุรุฮะ : ถ้าไม่เรียกมาก็ไม่มีคนดูล่ะสิ

    ทุกคน : ((หัวเราะ))

    เรตะ : งั้นก็ไม่ตื่นเต้นเลยล่ะสิ แต่พอหันไปข้างหน้าแล้วดีดกีต้าไม่ออก

    อุรุฮะ : ดีดไม่ออกจริง!! ชวนให้นึกถึงอดีตนะ((หัวเราะ))

    - แล้วไลฟ์ครั้งแรกของอาโอยล่ะ

    อาโอย : ไลฟ์ครั้งแรกจัดในเมือง

    เรตะ : แล้วมีคนมาดูเยอะไหม?

    อาโอย : ราวๆซักที่นั่งหน้าเวที2-3แถว

    อุรุฮะ : ความใหญ่เท่า SHIBUYA - AX รึเปล่าถ้ามีขนาดนั้นก็แสดงว่ามีคนดูเยอะซินะ

    อาโอย : คนไม่เยอะขนาดนั้นหรอก แต่แถวกลางมี PA ด้วย 

    เรตะ : มีแค่ PA ก็พอแล้วนี้นา

    อาโอย : ลุงร้านขายเครื่องดนตรีเขาทำให้ครับมีคนมาดูซัก 30 คน

    อุรุฮะ : ดีจังตั้ง 30 คน

    เรตะ : ทีพวกเราอะไม่มีซักคน แต่วงที่รูกิทำอะนิยมมากเลยนะ

    รูกิ : เคยไปดูวงของอุรุฮะกับเรตะนะก่อนที่จะยุบวงน่ะเคยไปดูมาแล้ว

    เรตะ : เพิ่งนึกได้ว่าในวีดีโอไลฟ์ครั้งสุดท้ายก่อนแยกวงรูกิอยู่หน้าสุด((หัวเราะ))

    รูกิ : หันหน้าเข้าหาผมแล้วชูนิ้วกลาง ตรงช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประทับจัยมากๆเลย((หัวเราะ))

    เรตะ : เป็นช่วงที่ดีสำหรับพวกเดียวกัน

    รูกิ : คอนเสิร์ตยุบวงคราวนั้นมีคนมาดูเยอะไม่ใช่หรอ?

    เรตะ : เยอะที่สุดกว่าเท่าเคย 35 คน

    ทุกคน : ((ระเบิดเสียงหัวเราะ))

    เรตะ : ได้มา 10,000 เยน แล้วก็คิดว่าจะรักษาตังค์ยังงัยดีตอนกลับ

    อุรุฮะ : ตอนนั้นดีใจมากๆเลย

    เรตะ : คิดว่ารู้งี้ไม่ยุบวงก็ดี แต่ก็ถ้ายุบแล้วคงจะดีกว่า((หัวเราะ))

    อุรุฮะ : ถ้าลองมานั่งคิดละก็ ถ้าเป็นแบบเมื่อก่อนคงจะขายไม่ออก

    - ทำไม่ถึงคิดว่าขายไม่ออกล่ะ??

    อุรุฮะ : เพราะอะไรหรอ? ถ้าดูแล้วจะเข้าใจเอง((หัวเราะ))

    เรตะ : ทำไรก็ไม่สะดุดตาเลย

    รูกิ : โชคไม่ดีเอาซะเลย คนก็ไม่ยอมแวะมาดู

    ไค : งั้น...ถ้าตอนนั้นแจกใบปลิวมันจะเป็นยังงัยบ้าง

    เรตะ : ถ้าเกิดว่าทำใบปลิวแบบสีมันก็จะเปลืองตังค์งั้นเลยต้องทำแบบขาวดำ

    อุรุฮะ : เรตะพันจมูกไว้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ทำก่อนจะทำใบปลิวซะอีกตอนนั้นทำผมแดงด้วยนะ

    - มีผลกระทบด้วยใช่ม้า

    เรตะ : นอกจากตาข้างขวาแล้วนอกนั้นก็พันปิดไว้หมดเลย มีวงพังค์วงนึงเขามาถามว่า " พันแบบนั้นไม่ทรมานหรอ " ตอนนั้นอายมากเลย

    ทุกคน : ((ระเบิดเสียงหัวเราะ))

    เรตะ : ตอนนั้นไม่มีวงไหนเลยที่แต่งหน้าแบบเรา มีแต่วงพังค์ดีนะที่เรารอดมาจนถึงปัจจุบันได้

    อาโอย : ตอนแรกก็ยั่งงี้แหละ

    เรตะ : ถ้าคิดแบบนั้น วัยรุ่นตอนนี้ก็ฟุ่มเฟือยกันมากซินะที่พยายามจะเลียนแบบการแต่งหน้าแบบร็อค

    ทั้งหมด : อืม...นั้นก็มีส่วน

    เรตะ : มันมีความรู้สึกเหมือนกับทำวงดนตรีแบบพังค์

    รูกิ : เราได้ผสมพังค์ไว้นิดหน่อยนะ เวลาขึ้นเวทีเลยทำให้ลำบากนิดนึง

    เรตะ : แต่สมัยก่อนตอนผมออกมาแสดงแล้วไอ้วงที่แสดงก่อนหน้าผมมันเป็นวงป็อบอ่า คนประกาศเลยงงๆเค้าพูดว่าวงต่อไปชื่อ " U " มั้งครับ

    ทุกคน : " U " หรอ?

    เรตะ : มันมีความหมายว่านกกาน้ำมั้ง??

    - ใช้ตัว.....สลับกับตัว......ใช่ไหม?((ระเบิดเสียงหัวเราะ))

    ทุกคน : ระเบิดเสียงหัวเราะ

    เรตะ : แค่ได้แสดงไลฟ์ก็ดีใจมากแล้ว

    ไค : ถ้าคิดตอนนี้ มักจะคิดว่าทำไมต้องทำไลฟ์ในนั้นแต่ในตอนนั้นก็ถือว่าาเป็นปกติ

    อุรุฮะ : สมัยนั้นไม่มีคนตีกลอง เพราะฉะนั้นเวลาจะใช้เสียงกลองจะใช้เอ็มดีวอล์คแมน

    รูกิ : อ้าว !! เป็นงั้นหรอ !!

    อุรุฮะ : ตอนที่แสดงคอนเสิร์ตเรากำลังคิดระยะเบรกเพลง พอเพลงแรกจบเราก็เงียบไป 1 นาทีกว่าๆแบบว่าพูดไรไม่ออก((หัวเราะ))

    เรตะ : คนที่จะช่วยแก้สถานการณ์แบบนั้นก็มีแค่คนร้องนำเท่านั้นแหละ

    รูกิ : มีคราวที่ทำวอล์คแมนตกไหม?

    เรตะ : ไม่มีนะ

    อุรุฮะ : เพลงในเอ็มดีมันสำคัญมากนะ

    เรตะ : แต่ตอนนี้ผมคิดว่าคงไม่มีใครใช่เสียงกลองจากเอ็มดีหรอกนะ ((หัวเราะ))

    อาโอย : คงไม่มีหรอก

    เรตะ : สมัยที่ทำวงใหม่ๆก็ความรู้สึกแบบที่พูดมานี้ล่ะ

    รูกิ : ถ้านึกย้อนกลับไปเราได้ทำวงตั้งแต่สมัยนั้นแล้วนี่นาา

    - ดีนะที่อดทนมาโดยตลอด

    รูกิ : ก็ตอนนั้นเราไม่เคยคิดว่ามันลำบากเลย

    เรตะ : อาจเป็นเพราะตอนนั้นผมคิดว่าสักวันต้องสำเร็จ

    อุรุฮะ : พูดได้ดีมากแต่แกก็เคยพูดว่าจะยุบวงไม่ใช่หรอ? ตอนที่รวมวงกับรูกิใหม่ๆ มันก็เกิดเหตุร้ายขึ้นกระทันหันตอนที่มีทติ้งกันเรตะก็พูดขึ้นว่า " ยุบวงไหม "

    รูกิ : ใช่ ((หัวเราะ)) จู่ๆก็จอดรถแล้วก็พูดพวกเราเลยพูดเกลี้ยกล่อมให้ตายใจว่า " เราก็ได้เงินเดือนหารกันนี้นาา "

    ไค : หมายความว่าตอนนั้นถ้ารูกิกับอุรุฮะไม่ห้ามไว้กาเซ็ตอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้

    - คิดว่าซักวันจะต้องสำเร็จจนรอดมาถึงทุกวันนี้แล้วทำไมจู่ๆก็คิดจะเเยกวงล่ะ?

    เรตะ : เพราะอะไรน่ะหรอ? อาจเป็นเพราะอยากเลิกมั้งพวกเพื่อนๆก็ทำงานดีๆกันหมดผมก็คิดอยากจะทำแบบพวกเขามั่ง ก็คงจะคิดว่าทำวงแล้วไม่ด้ายตังค์((เยอะ**))ตอนนั้นผมต้องทำเงินเข้าบ้านด้วยน่ะ

    อุรุฮะ : ถ้าแค่หาเงินเข้าบ้านก็ดีนะสิแต่ไหนจะต้องหาอุปกรณ์ในวงอีกล่ะ

    เรตะ : ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปหน่อยซื้อรถด้วย((หัวเราะ))ของที่อยากได้ก็มีตั้งมากมายแต่ถ้าใช่เงินแบบนี้วงคงไม่รอดแน่ทางข้างหน้ามืดมนไปหมด เลยต้องทำงานที่นี้แล้วก็คิดไปด้วยว่าเดือนนึงใช้เงินเท่าไหร่

    รูกิ : เรื่องแบบนี้ เพิ่งรู้เป็นครั้งแรกนะเนี่ย

    เรตะ : คุ้นเคยกับชีวิตที่ธรรมดาแล้วมันหยุดไม่ได้

    อุรุฮะ : ว่าแต่..มีอยู่หนนึงที่พูดว่าจะยุบวงเพราะหมอนี้

    รูกิ : ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ลองทดลองอยู่กันมาเป็นปีไม่ใช่หรอ???

    อุรุฮะ : ใช่ ๆ

    - ทำไมต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีด้วยละ?

    ไค : เป็นเพราะอะไรงั้นหรอ?

    เรตะ : คิดว่าจะลองดูสัก 1 ปีแต่ลองๆทำไปก็ไม่อยากเลิก คิดว่าภายใน 1 ปี ถ้าไม่รุ่งก็จะเลิกแต่ในขณะนั้นกาเซ็ตก็รุ่งขึ้นมาหลังจากนั้นก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นอีกเลย

    รูกิ : ดีจัง~((ช่ายดีมากๆเลยล่ะ^^//ยูเนะ))

    ไค : คนที่มีความคิดเเบบนี้เป็นสมาชิกในวงหรอเนี่ย?

    เรตะ : อุรุฮะกับรูกิขอร้องผมอย่างสุดๆเลยว่า "อย่าเลิกทำนะ.."

    อุรุฮะ : พยายามฉุดไว้แล้วแต่นายไม่ค่อยจะยอมฟังเลย หัวเเข็งจริงๆ

    เรตะ : ตอนที่ผมพูดว่าจะยุบวง วงเราก็จะมีทั้งหมด 5 คน 3คนบอกว่าจะยุบเหลือแต่อุรุฮะกับรูกิที่บอกว่าห้ามยุบ

    รูกิ : ว่าจะยุบแต่ก็ทำมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว แล้วมันจะทำได้นานถึงเมื่อไหร่เนี้ย?((หัวเราะ))

    - อุรุฮะกับเรตะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วคงจะเข้าใจกันได้ดี แต่คนที่มารู้จักทีหลังอย่างรูกิก็รู้จักกับคุณ2คนมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเช่นกันคงจะเข้ากันได้นะ?

    รูกิ : บ้านใกล้กับ 2 คนนี้ด้วยเข้ากันได้ดีเชียวครับ

    เรตะ : พอคนในวงเริ่มเบื่อกับบางสิ่งบางอย่าง ก็จะไม่พูดว่าเป็นเพราะใคร?แต่จะพูดว่าเป็นการเริ่มต้นของกาเซ็ตมากกว่านะ

    รูกิ : เพราะเป็นเเบบนี้ก็เลยอยู่กันมาจนถึงปัจจุบัน

    เรตะ : ถ้ามัวแต่มาโทษกันวงคงแตกไปแล้วล่ะ

    ไค : ทุกคนในวงให้ความเมตตากับผม ทำให้ผมได้พบกับประสบการณ์ที่คนอื่นไม่ได้พบ

    รูกิ : ใช่

    เรตะ : นายน่ะได้รับความเมตตาเกินไป((-*-))

    ไค : พวกนายต้องการจะพูดอะไรกัน?จะบอกว่า " โชคดีที่ได้ร่วมงานกับกาเซ็ต " เหรอ อะไรกันทำเหมือนผมเป็นไอ้พวกติดเขามาอย่างนั้นแหละ เท่านั้นยังไม่พออีกนะเหมือนกับว่าผมเป็นคนชั่วแล้วได้มาพบกับคนดี

    รูกิ : อาโอยนี้สุดยอดเลยนะ

    อาโอย : ..........((พูดไม่ออก))ผมคงถูกเซ้าซี้มากไปเลยคิดอยู่ว่าจะหลับดีไหม((หัวเราะ))

    - เป็นความรู้สึกที่ไม่อยากลืมอดีตเพราะอะไรหรอ?

    รูกิ : มีความรู้สึกอยากฆ่าคน((หัวเราะ))

    เรตะ : รู้สึกจะเล่าเรื่องอดีตของตัวเองให้คนอื่นฟังมากไปหน่อยนะ

    อุรุฮะ : พวกเราได้มารวมตัวกันแบบนี้มันโชคดีจริงๆเลยนะ

    เรตะ : เป็นโชคชะตาจริงๆ เทพเจ้ากำหนดมาให้แล้ว

    อาโอย : อยากขอบคุณ((เทพเจ้า))ละซิ

    รูกิ : ก็ตัดสินใจถูกแล้วล่ะ

    เรตะ : ถูกแล้ว((หัวเราะ))

    อาโอย : ถูกไอ้เจ้านี้มัดมือชกละซิ

    รุกิ : ใช่แล้ว((หัวเราะ))

    อาโอย : อ้าว!! แล้วเรื่องนี้ก็จบแบบนี้หรอ ทุเรศ พูดอีกซิ

    - งั้นให้อาโอยช่วยเล่าชีวิตสมัยนร.ให้ฟังทีสิ

    อาโอย : สมัยเป็นนร. ผมนั่งดีกีต้าร์อยู่คนเดียวไม่มีสมาชิกในกลุ่มเลย

    รูกิ : อ้าว...งั้นก็เล่นไลฟ์คนเดียวสิ??

    อาโอย : ตอนมัธยมต้นมีการรวมวงด้วยแต่หลังจากจบแล้วก็แยกย้ายกันไปห่างกันไปเรื่อยๆ

    ไค : คนที่มีความรู้สึกว่าอยากจะทำวงต่อไปก็มีแต่อาโอยสินะ?

    อาโอย : คงจะใช่นะ

    เรตะ : ใช่ๆตอนนั้นน่ะไม่มีใครตั้งใจจะทำวงจริงๆหรอก 

    รูกิ : ส่วนมากจะเป็นพวกตามน้ำน่ะครับ

    อาโอย : เพราะฉะนั้นพวกเราก็เลยไหลไปตามน้ำเหมือนเล่นเซิร์ฟไงครับ

    ทุกคน : เจ๋ง!!

    เรตะ : ใช่ เราต้องกลับไปเป็นวงที่ไหลไปตามน้ำ

    อาโอย : บังเอิญจัง

    - เคยสนใจจะเล่นเซิร์ฟแต่ชอบดนตรีมากกว่าเลยขึ้นมาเมืองหลวงใช่ไหม??

    อุรุฮะ : ถือว่ากล้ามากเลยนะที่ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นคนเดียวตังค์ก็ไม่มี

    ไค : ตอนที่ออกจากบ้านเอาตังค์มาเท่าไหร่?

    อาโอย : 50,000 เยนก็ผมคิดว่าแค่ 50,000ก็พอแล้วผมไม่รู้ว่าโตเกียวค่าครองชีพมันจะสูงขนาดนี้

    - แล้วคิดว่าสูงเท่าไหรล่ะ?

    อาโอย : ผมคิดว่า 1 เดือนคงไม่เป็นไรมั้ง ไม่คิดว่าจะต้องใช้เงินค้ำประกันกับค่าเช่าบ้านด้วยนี่นา

    อุรุฮะ: แค่ค่าเช่าบ้าน 50,000จะพอเรอะ

    อาโอย : ไม่พอหรอก

    เรตะ : พูดกับครอบครัวว่าจะไปโตเกียวไม่มีใครพูดว่าอะไรเลยหรอ?

    อาโอย : ก็ครอบครัวให้มา 50,000ให้ไปตามความฝันที่โตเกียวแล้วกลับมา

    เรตะ : ดีกว่าไม่ได้ไปแล้วไม่ได้อะไรอีก

    อุรูฮะ : แต่ 50,000แค่จ่ายตั่วรถไฟก็หมดแล้วนะ

    อาโอย : ครอบครัวผมคิดว่าจะไปกลับเลยให้มา 50,000มั้ง

    เรตะ : คิดว่าเดี๋ยวก็เบื่อแล้วกลับมาละสิ((หัวเราะ))แต่นายก็เอาตัวรอดในป่าคอนกรีตได้ดีมากนะ

    อาโอย : ได้พบกับทุกคนถือว่าวิเศษมากนะ

    - นั้นเป็นโชคชะตาสินะ

    อาโอย : ผมมองโตเกียวในแง่ดีตลอด

    เรตะ : แต่ชีวิตการทำงานในคราบนร. ก็ถือว่าทำได้ดีไม่ใช่หรอ?

    อาโอย : ตอนที่เข้ามาเนี่ยไม่ได้เป็นนักศึกษาหรอก

    เรตะ : เป็นช่วงวัยกลางคนหรอ?((หัวเราะ))

    อาโอย : คิดว่าจะมาทำงานในเมืองหลวงด้วย

    รูกิ : เอาแต่ใจชมัด((หัวเราะ))

    เรตะ : อะไรกันนึกว่าจะเป็นเรื่องตอนอายุ 16 ซะอีก

    รูกิ : แล้วเอาของอะไรมาด้วยบ้าง

    อาโอย : กระเป๋ากับกีต้าร์

    ทุกคน : พอได้ฟังแล้วรู้สึกดีจัง

    อาโอย : ตอนที่เข้ามาในโตเกียวผมมารถเที่ยวกลางคืนเลยมาถึงเช้า

    อุรุฮะ : พอมาถึงโตเกียวก็หอบกระเป๋ากับกีต้าร์แล้วคิดว่าจะไปไหนดีเท่ห์จัง

    อาโอย : ผมพูดกับคนไม่รู้จักคนนึงแล้วก็ชวนเขาไปดื่มกาแฟ

    ทุกคน : ฮะ !!น่ากลัว!!

    เรตะ : โตเกียวมันไม่เหมือนบ้านนอกนะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามสิ((หัวเราะ))

    อาโอย : ผมก็คิดงั้นแหละ

    ไค : ถึงคิดหยั่งงั้นก็เท่ห์อยู่ดี

    อาโอย : อ๊ะ!! ปลื้มผมจริงๆหรอ

    ทุกคน : ก็นะ...............

    - ตอนนั้นไม่กังวลใจซักนิดเลยหรอ??

    อาโอย : ไม่นะ ตรงกันข้ามผมคิดว่าถ้าไปโตเกียวแล้วจะทำไงต่อดี คิดแค่นั้นแหละเพราะถูกจับตามองจากครอบครัวเลยกลับบ้านไม่ได้อะ

    ทุกคน : ((หัวเราะ))

    เรตะ : ถ้าหากกลับไปถูกคนก็จะพูดว่า " ทำไมกลับมาเร็วจัง " ไรปะมานเนี่ย

    อาโอย : ผมเกลียดเรื่องแบบนั้นที่สุดเลยเพราะฉะนั้นผมเลยต้องสู้แบบบ้าระห่ำ

    อุรุฮะ : ปกติก็เกลียดคำว่า" ยินดีต้อนรับกลับบ้าน "อยู่แล้วนี้

    เรตะ : " โตเกียวเป็นไงบ้าง "ถูกถามแบบนั้นรึเปล่า

    อาโอย : ของฝากล่ะ?((หัวเราะ))

    รูกิ : ตอนที่พ่อแม่มาส่งเขาคงร้องไห้สินะ

    อาโอย: ผมเป็นห่วงมากเลยล่ะ

    เรตะ : พ่อแม่อาโอยเคยมาไลฟ์ด้วยสินะ เป็นไงบ้างล่ะ?

    รูกิ : เป็นไงเขาบอกว่าไงคงจะพูดว่าฝีมือสุดยอดเลยล่ะสิ((หัวเราะ))

    อาโอย : ((เขาบอกว่า))บ้านนอกนี้ดีจัง...

    ไค : ยอดชะมัดที่คิดว่าบ้านนอกดีกว่า ถ้าเป็นผมก็คงคิดว่าการพบปะผู้คนเป็นเรื่องสำคัญเพราะฉะนั้นสมัยตอนเป็นนร.ผมจึงให้ความสำคัญกับการนัดพบอย่างมาก และผมก็คิดว่าสมาชิกทุกคนในวงเป็นอย่างผมการพบปะผู้คนเป็นแรงจูงใจให้ผมมาถึงจุดนี้

    อุรุฮะ : ผมก็ไม่มีเพื่อนที่เล่นกีต้าร์ด้วยเลย ไม่มีคนที่สนใจกีต้าร์จริงๆเลยผู้ใหญ่เขาชอบมองเด็กคนหนึ่งแล้วก็เอาเด็กคนนั้นมาเป็นบรรทัดฐาน ที่เด็กดื้ออาจเป็นเพราะผู้ใหญ่คิดอย่างนี้ก็ได้

    รูกิ : เรื่องที่พูดมาเนี่ยคุ้นๆนะเหมือนเคยฟังมาก่อน ((หัวเราะ))

    - ถ้าพบเรื่องที่อยากทำตั้งแต่สมัยเป็นนร.ก็ถือว่าโชคดีมากแต่มันหาได้ยากนะ น้อยคนที่จะพบ

    เรตะ : ทางครอบครัวอยากให้ผมค้นพบสิ่งที่อยากทำเร็วๆ ส่วนคนที่หาไม่พบก็จะใช่อายุเป็นเกณฑ์บอกว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ผมอยากให้ทุกคนค้นพบสิ่งที่ตัวเองอยากทำมากที่สุด

    - พูดได้ดีมากเลยนะ

    เรตะ : ผมได้เรียนมาจากอาจารย์สมัยม.ปลายคุณปู่ก็เคยบอกไว้ว่า ให้มีความฝันเป็นของตัวเองแต่ท่านตายไปแล้วละ

    รูกิ : น่าเศร้าจัง...

    เรตะ : อาจารย์เป็นนักปีนเขาน่ะ

    รุกิ : อะ!!ผมรู้จักนะเคยเห็นทางทีวีด้วย

    เรตะ : ชื่อ k2 ปีนนักปีนเขาสูงอันดับ 2 ของโลก

    รูกิ : เป็นช่างภาพด้วยใช่ไหม

    เรตะ : อืม ถ่ายรูปภูเขาน่ะ

    รูกิ : คนมีชื่อเสียงเเบบนั้นน่ะหรอเป็นอาจารย์ของนาย

    เรตะ : แล้วคนๆนั้นก็พูดว่า " คนเราควรจะมีความฝันเป็นของตัวเอง "

    อุรุฮะ : แล้วคนที่ไม่มีความฝันเป็นของตัวเองควรจะทำไงอ่า

    เรตะ : ก็คงจะต้องเดินตามรอยคนอื่นเขา ถ้าเกิดไม่เดินตามรอยเพื่อนหรืออาจารย์ก็ต้องหาความฝันเป็นของตัวเอง

    ไค : สิ่งที่ตัวเองสนใจนั้นละมันคือจุดเริ่มต้นของความฝัน

    อุรุฮะ : ถ้าพูดไปแล้วไม่ใช่ฟังเเค่ว่า 1 แต่รู้ไปถึง 10 แต่เริ่มต้นจากตรงนั้นผมคิดว่าถ้าเรารู้ว่าหนทางนี้ไม่เหมาะกับเราก็ควรจะเลิกนะ

    - ทุกคนตอนที่ทำวงก็ได้รับการปฏิเสธจากคนรอบข้างใช่ไหม

    รูกิ : ใช้แล้วครับ

    เรตะ : คิดว่าทุกคนไม่เห็นด้วย

    อุรุฮะ : แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อแม่เลย

    รูกิ : ผมยังเคยคิดว่าจะตัดขาดกับครอบครัวถ้าเกิดไม่ยอมรับผม

    - หัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็คงอยากให้ลูกไปในทางที่โรยด้วยดอกไม้คงไม่อยากจะให้ลูกลำบากหรอกนะ

    อาโอย : ผมคิดอยู่แล้วว่าพ่อแม่จะต้องไม่ยอมรับผม

    รูกิ : แม้จะถูกปฏิเสธแต่ผมก็คิดว่าคงไม่เป็นไรเพราะผมมั่นใจว่าจะต้องประสบความสำเร็จ

    - จิตใจที่ไม่หวั่นไหวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยนะ

    รูกิ : เป็นเพราะมีความรู้สึกชอบเลยไม่เลิกทำ

    ไค : เพราะว่าชอบเลยจะทำต่อไป

    - ทำสิ่งที่ชอบไม่ใช่ถูกบังคับให้ทำ

    รูกิ : ใช่

    อุรุฮะ & รูกิ : แล้ว........((พูดพร้อมกัน))

    อุรุฮะ : นายจะพูดถึงไหนกัน

    รูกิ : ก็เพิ่งจะพูดเนี้ย

    ทุกคน : ((หัวเราะ))

    - รูกิพูดก่อนละกัน((หัวเราะ))

    รูกิ : สมัยเป็นนร. อาจารย์ชอบถามว่าอนาคตอยากเป็นอะไรแต่ผมคิดว่าทำไมถามแปลกๆ

    เรตะ : อาจารย์เขาคงอยากให้เราไปในทางที่ถูกต้องมั้ง

    รูกิ : อยากให้แสวงหาสิ่งที่อยากทำสิ่งที่ชอบ เช่น ถ้าชอบอ่านการ์ตูนที่บ้านก็ทำเป็นร้านขายกาแฟที่มีการ์ตูนให้ยืม

    อาโอย : นึกว่าชอบอ่านการ์ตูนก็ไปเป็นนักเขียนการ์ตูนซะอีก((หัวเราะ))

    รูกิ : ถ้าเริ่มจากตรงนั้นก็อ่านการ์ตูนเยอะๆก็อาจจะเป็นักเขียนการ์ตูนก็ได้ ถ้าชอบคอมพิมเตอร์ก็ทำอะไรซักอย่างกับมันอยากให้มีเเรงจุงใจน่ะครับ

    อาโอย: เห็นด้วยครับ

    เรตะ : เราควรจะมีความฝันเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็กนะ

    ไค : อยากให้ให้มีความฝันอย่างต่อเนื่องไม่ใช่อยู่ดีๆก็หยุดไปเฉยๆเพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง

    อุรุฮะ : ใช่ๆ

    รูกิ : ถ้าเกิดมีคนที่รักเราก็ต้องเป็นฝ่ายรุก คนที่ไม่มีความกล้าก็จะเอาจดหมายรักใส่ไว้ในกล่องรองเท้า((ตู้รองเท้า))

    อุรุฮะ : จดหมายรักในกล่องรองเท้าหรอ

    - ใครเคยทำแบบนั้นบ้างยกมือ.....ดูเหมือนจะไม่มีนะ ((- -" ))

    อุรุฮะ : ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ

    - นอกเรื่องมาซะเยอะเชียว((หัวเราะ))คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ก็อยากจะให้ค้นหาความฝันของตัวเองให้เจอ และดำรงชีวิตไปตามความฝันนั้น

    รูกิ : ไม่ใช่แค่ความฝันอย่างเดียวอยากให้คนหาความรักด้วย

    เรตะ : เราไม่สามารถรู้ได้ว่ามีความฝันแบบนี้จะมีแรงบันดาลใจแบบไหน แฟนๆก็รีบหาสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่อยากทำให้พบไว้ๆนะครับ

    อุรุฮะ : ทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้นะ

    - จะต้องลำบากก่อนถึงจะมีอนาคตที่สวยงามไลฟ์ครั้งล่าสุดนี้ STANDING TOUR 2005 [MAXIMAM ROYAL DISODER]ก็จบลงไปแล้วนี่

    ไค : ไลฟ์ครั้งล่าสุดจบไปเมื่อวันที่ 16 เดือนเมษาที่ชิบูย่ากับเมื่อปลายปีที่แล้วทัวร์ SHIBUYA O-EAST 2 วันผมอยากให้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับตัวพวกเราตอนจัดทัวร์ที่SHIBUYA ก็พูดไปแล้วผมอยากหั้ยแฟนๆมาดูทั้ง2วันเลย เพราะถ้ามาวันเดียวก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับพวกเรา

    เรตะ : จัดคอนเสิร์ต2 วันกาเซ็ตไม่มีทางจะจัดอะไรซ้ำกันหรอก

    อุรุฮะ : ตอนที่ทำไลฟ์ 2 วันจัดที่เดียวกันเวลาเดียวกันแต่ทั้ง 2 วันมันก็มีสิ่งที่แตกต่างกัน

    เรตะ : เพราะฉะนั้นเราจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ

    รูกิ : ได้แสดงที่ชิบูย่า 2 วันผมดีใจมากแม้จะเป็นช่วงเวลานิดเดียว มันก็ทำให้กาเซ็ตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

    อุรุฮะ : ช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องที่ไม่อยากลืม ตอนแรกที่ร้องคอรัสหูมันอื้อไปหมดเลยนะ

    รูกิ : ถ้าเป็นแบบนั้นไลฟ์ที่ชิบูย่า 2 วันก็หูอื้อหมดเลยสิ

    อาโอย : ไม่ชอบเลยหูอื้อนี้((หัวเราะ))

    เรตะ : ผมอยากให้ทุกคนได้รับผลกระทบจากการหูอื้อเหมือนพวกผม

    รูกิ : ถ้าคุณได้มาดูคุณจะได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเรา

    - จากนี้ต่อไปก็กรุณากระตุ้นพวกเราให้สะเทือนด้วยนะ

    ทุกคน : คร๊าบบบบบบบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ขอบคุงที่ อ่านกานนะคร้าบบบบบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×