คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บท สัมพาส หนุ่มๆ GazettE
บทสัมพาส หนุ่มๆ GazettE
ดูให้ดีดี มานมะได้เยอะนะครับ แค่ space bar เยอะไป - -
ลองอ่านดูคร้าบหลายเรื่องราวของ กาเซท ตอนปี 2005 ที่ สัมพาส
ไม่อ่านหรืออ่านผ่านๆก็แย่จิคตรับ มือหงิก เลยกว่าจะได้ - -
GAZETTE interview from CURE 05/5
Interview from: CURE ( May 2005 )
Translate: Yune
------------------------------------------
" ดนตรีคือสิ่งที่เต็มไปด้วยอิสระและเสรีภาพ "
- เมื่อวันที่ 9 มีนาที่ผ่านมานี้ได้ออกซิ้งเกิ้ลใหม่มา3ปกมีlesson G,O,D ถ้าดึงตัวอักษรสุดท้ายของแต่ละ lesson ออกมาก้อจาด้ายคำว่า GOD และก้อ DOGตรงนี้มีความหมายอะไรลึกซึ้งรึเปล่า?
รูกิ : ไม่ครับ!! ไม่ใช่ GODแต่เป็น DOGตะหาก
ไค : เกี่ยวกับหมาหรอ ?
อุรุฮะ : ความหมายลึกซึ้งจังน่ะ (หัวเราะ)
รูกิ : จริงๆแล้วมันมีความหมายทั้ง GOD และ DOG หละครับ
-โทษทีนะ ตัวสุดท้ายมันกลับกันนิดหน่อยนะนี้
ไค : รูกิบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่มีคำแปลตายตัว คงไม่เป็นไรหรอกครับ (หัวเราะ)
รูกิ : โทษทีครับบอกแล้วไงว่ามันคือ DOG ไม่ใช่ GOD
- นี่!!เลิกทำล้อเล่นกันซักทีสิ เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดแล้วคิดเป็นเรื่องของหมากันหมดก็ยุ่งหรอก
รูกิ : ตัวอักษรทั้ง3 ตัวน่ะมันเกี่ยวกับเพลงนะ เราก็อยากให้ทุกคนคิดว่า " เอ...ทำมัยถึงออกมา3ปกนะ "
- ผลงานครั้งนี้มีความเร็วแตกต่างจากอัลบั้ม[ Disoder ] มากเลยนะ
ไค : ก้อเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันฮะ คิดว่าจะรวบรวมสิ่งใหม่ๆมาทำเป็นผลงานครั้งนี้ครับ
อาโอย : สิ่งที่อยากทำมันก้อมีมาเรื่อยๆ อยากลองทำสิ่งใหม่ๆดูบ้างน่ะครับ
รูกิ : กาเซ็ตอารมแปรปรวนน่ะครับ เราไม่อยากให้คนอื่นคิดว่านี้มันก็คล้ายๆกับอัลบั้มก่อนน่ะแหละ พวกเราจึงอยากจะเผชิญสิ่งใหม่ๆดู
- แล้วผลงานที่ได้ก็คือเพลง[ reila ] ที่ยาวถึง 7 นาทีเพลงนี้มันยาวมากเลยนะแต่ฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่นานเลยล่ะ
อาโอย : เพลงที่ยาว แต่พอฟังแล้วรู้สึกว่ามันไม่นานก้อแสดงว่าเป็นเพลงที่ดีสินะ
ไค : อยากให้ทุกคนฟังแล้วรู้สึกว่า " อ๊ะ!!ผ่านไป7นาทีแล้วหรอเนี่ย "
รูกิ : แต่ถ้าฟังแล้วรู้สึกว่ามันยาว มันก็คงเป็นเพลงที่น่าเบื่อสินะ
เรตะ : ตอนอัดเสียงเราฟังแต่เสียงดนตรี มันเลยทำให้รู้สึกยาวแต่พอใส่เนื้อเพลงลงไปมันก้อไม่รู้สึกอย่างนั้น
ไค : นั้นคือมนต์วิเศษของกาเซ็ตสินะ
- เพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังแล้วดูเยือกเย็น แต่เสียงดนตรีตอนสุดท้ายก้อหั้ยความรุสึกอบอุ่นนะ
ไค : ความคิดที่จะเอาความอบอุ่นใส่ลงไปตอนสุดท้ายน่ะ รูกิเป็นคนคิดครับพวกเราเองก็เพิ่งเข้าใจว่า " อ๋อมันเป็นอย่างนี้นี่เอง "
อุรุฮะ : ก่อนที่เราจาออกซิงเกิ้ลนี้เราก็ มาช่วยกันออกความคิดเห็นกันนะครับ ตอนเเรกก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นป็อบมั่วๆซะอีก
รูกิ : อธิบายให้ฟังแล้วไงยังไม่เข้าใจอีกหรอ ? งั้น (ยุบวง)
เรตะ : เรื่องแค่นี้เองจะยุบวงทำไม ? (หัวเราะ)
ไค : มีทั้งจุดมืดและจุดสว่าง เป็นจุดที่แสดงถึงความเป็นคนมากที่สุด
- ในเพลงนี้ก็มีส่วนที่ใช้กีต้าร์คลาสสิคด้วยนี้อาโออิช่วยอธิบายหน่อยซิ
อาโอย : เพลงนี้ใช้กีต้าร์ 2ตัว แต่ถ้าจะแสดงออกถึงความอ่อนโยนแต่ถ้าใช้กีต้าร์ไฟฟ้าอย่างเดียวมันจาดูทารุนไปก็เลยใช้ กีต้าร์คลาสสิคกับกีต้าไฟฟ้า ร่วมกัน ส่วนที่ใช้ กีต้าร์คลาสสิคจะมีเยอะมาก แต่ช่วงที่เป็นโซโล่จะใช้กีต้าร์ไฟฟ้าคับ
อุรุฮะ : รู้สึกเหมือนจะแนะนำให้รู้จักเรลาเลยนะ(หัวเราะ)
อาโอย : ท่อนที่เป็นโซโล่อยากให้ทุกคนรู้สึกว่า เราเอาความรู้สึกของคนใส่ไปด้วยมันฟังดูเศร้าๆแต่มันก็มีความหวังนะ อยากจะแสดงออกถึงจิตใจของคนด้วยนะครับ
- งั้น สิ่งที่หล่อเลี้ยงพวกคุณคือความหวังสินะ?
อาโอย : ใช่ ๆ
อุรุฮะ : ในขณะเดียวกันก็อยากให้รู้ว่า ทำนอง(เพลง)นั้นมีความหมายอย่างไร
ไค : ผมคิดว่ากลองคงเเสดงความรู้สึกยากนะ ไม่เหมือนกีต้าร์แต่ก้อไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปหรอก ก่อนที่จะออกซิงเกิ้ล [ reila ] เรานั่งคิดคำที่จะนำมาเป็นชื่อซิงเกิ้ลหัวข้อก็คือ " ความรัก " ผมคิดว่ามีบรรยากาศแบบท้องทุ่งในหน้าหนาวที่มีดอกไม้ขลิบปลายอยู่
อาโอย : ไคน่ากลัวจัง (หัวเราะ)
อุรุฮะ : ถ้าจินตนาการแบบนั้น มันก็กลายเป็นเพลงเร็วน่ะสิ
ไค : อิมเมจตอนเเรกก็เป็นแบบนั้นแหละ อยากจะสื่อถึงความเศร้าน่ะครับ
- การทำซิงเกิ้ลนี้หัวข้อคือ " ความรักกับความตาย " พวกคุณพยายามสื่อความเศร้าออกมาได้ดีมากเลยนะ แต่มันแตกต่างจากอิมเมจที่วางไว้ในตอนแรกใช่ไหม?
ไค : พอเห็นงานเพลงแล้ว อิมเมจก้อเปลี่ยนไปทันทีแต่ความเศร้าที่วางอิมเมจไว้แต่เเรกน่ะไม่ได้เปลี่ยนไปนะ พอฟังเพลงตัวเองแล้วเหมือนจะร้องไห้เลยหล่ะ ผมคิดว่าเพลงที่รูกิแต่งน่ะสุดยอดจริงๆ
อุรุฮะ : ผมอยากให้คนฟังรู้ว่าเราสื่อสารอะไร
- การถ่ายทอดความรู้สึกให้คนฟังรู้มันง่ายกว่าการสื่อสารให้ตัวเองรู้รึเปล่า?
ไค : เราต้องแสดงความรู้สึกของเราให้คนอื่นรู้ เราอยากหั้ยคนฟังรู้ว่าเราจะสื่อออกมาในแนวไหน
รูกิ : ดีจัง~
อุรุฮะ : ผมไม่เห็นด้วย!!
ไค : อะไรกันก็ผมคิดแบบนั้นนี้นา(หัวเราะ)
รูกิ : เออ เออ พูดเหมือนบทภาพยนต์เลย (หัวเราะ)
อุรุฮะ : ผมก็เพิ่งได้ฟังผลงานหลังจากออกผลงานมานี้แหละ
อาโอย : ไม่ใช่ว่าเป็นผลงานของตัวเองถึงพูดว่าดี เราจะตัดสินกันที่บรรยากาศของเพลงน่ะ
- ถ้ามีอคติต่อเพลงที่ตัวเองร้อง มันจะมีผลต่อการบรรเลงเพลงรึเปล่า?
เรตะ : มีครับ ก่อนอัดเสียงเราก็จะมานั่งปรึกษากับรูกิก่อน ทำให้ผมนึกถึงปู่ที่ตายแล้วคิดว่าเราจะต้องเศร้าถ้าดูความเป็นตัวตนของเราจากสวรรค์ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่อยากหั้ยเป็นเพลงที่มีแต่รอยน้ำตา
อุรุฮะ : พอเห็นน้ำตาของเรตะพวกเราก็เริ่มนึกถึงคุนปู่ของพวกเราบ้างแล้วหล่ะ
เรตะ : ตอนผมอายุ 18 ผมร้องไห้ออกมาจากสตูดิโอด้วยหล่ะ [ TT^TT ]
- การสูญเสียไม่สามารถเเสดงออกมาทางคำพูดได้ ปกติแล้วพวกคุนเคยร้องไห้กันบ้างไหม?
รูกิ : พวกเราน่ะไม่ค่อยจะร้องไห้กันหรอกครับ
เรตะ : แต่พอคิดถึงตอนจบไลฟ์แล้วพวกเราถึงกับน้ำตาร่วงเลยนะ
- นั่นคงเป็นน้ำตาแห่งความดีใจสินะ คนที่ดูเนื้อเพลง [ reila ] แล้วร้องไห้ก็มีเยอะเหมือนกันนะด้วยนี้
รูกิ : คนที่เห็นเนื้อเพงแล้วร้องไห้ก็มีนะ เพราะฉะนั้นเราต้องเขียนเนื้อเพลงให้ไม่น่าจับตามอง
- เขียนให้ไม่น่าจับตามองแล้วมันจะร้องไห้ได้หรอ ?
รูกิ : ถ้าเข้าใจถึงระดับเสียงดนตรีได้นะผมจะดีใจมาก คราวก่อนใช้หัวข้อในการเเต่งเพลงที่ว่า" ความรักที่ไม่สมหวัง " ถ้าใครฟังแล้วรู้สึกถึงความเศร้าได้จะดีใจมากเลยครับ
เรตะ : ถ้าฟังด้วยหูฟังละก็จะทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้มาก
- ถ้างั้นการฟังด้วยซาวน์เบาท์จะได้บบรยากาศเหมือนกับว่าได้อยู่ในสถานที่นั้น?
อาโอย : ก็แล้วแต่ความเห็นของแต่ละคนนะครับ
อุรุฮะ : คนที่ฟังเพลงนี้แล้วออกอารมณ์จนโอเวอร์ก็มีเยอะเหมือนกันนะ
รูกิ : แน่นอนเราจะถูกถามประจำว่า ไตเติ้ลของ [ reila ] คืออะไร?เราก็ตอบไปว่ามันคือชื่อของคน
เรตะ : จะพูดว่า [ reila ]เป็นชื่อของคนสำคัญคนหนึ่งก็ได้นิ
- รู้สึกจะได้ชื่อเพลงมาอีกเพลงหนึ่งแล้วนะ?[ Shunsetsu no koro ] " ฝนที่ตกในฤดูใบไม้ผลิ " รู้สึกจะออกแนวนี้รึเปล่า?
เรตะ : ล่าสุดนี้มีเพลงที่เหมือนกับการพูดโดยตรง มีอะไรก็ทำกันตรงๆอะไรประมานนี้หละครับมันทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นมั่ง
- เรื่องนี้ใครเป็นคนคิด?
รูกิ : ( เหลือบมองอุรุฮะ ) ได้ใส่ทำนองแบบลุงๆลงไปนัยกีต้าร์ด้วย
อุรุฮะ : เป็นเพลงที่มีความเร็วมาก และเป็นเพลงที่รู้สึกสะสางอย่างมากพวกเราไม่ได้จินตนาการแบบรวมโลกไว้ทั้งโลกและเอามาทำเป็นเพลง แต่เรามีอิมเมจแบบว่า " ท้องฟ้ายามเย็นในฤดูใบไม้ผลิ " ตรงนี้รูกิทำให้เข้าใจถึงภาพของวิวในฤดูร้อนได้ดีมากเลย พวกเราไม่อยากสื่อสารแนวเพลงออกมาแบบตรงๆ จุดสำคัญคืออยากให้อยากให้คนฟังเพลงแนวนี้แล้วเกิดความรู้สึกแปลกใหม่ ตอนที่เอาอิมเมจของฤดูใบไม้ผลิมาใส่ อาโอยพูดว่า " ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ "
อาโอย : อืม...ใช่ๆ
เรตะ : แต่ตอนที่ผมอ่านไม่รู้สึกเลยนะว่าเป็นอะไรที่มันโจ่งแจ้งตรงๆ
ไค : รู้สึกว่ามันเป็นเพลงแนวใหม่อีกแนวนึง
รูกิ : คิดว่าจุดสำคัญของเพลงคือท่อนไหนของเพลง?
- ตรงที่ว่า " kimi omoi kimi ni yure " รึเปล่า
รูกิ : ไม่ใช่!! หลังจากที่อุรุฮะเขาพูดแล้วเพลงเงียบลงตรงนั้นล่ะคือจุดสำคัญที่สุดของเพลง((ตอนไหนอุรุปปี้ร้องอะ..?//ยูเนะ)) พอฟังปุ๊บมันจะดูสะดุดดีนะ ดูสะดุดนะครับ
อาโอย : ส่วนประกอบที่สำคัญมากๆน่ะไม่มีหรอกครับ
รูกิ : แต่ผมก็ยังคิดว่าทำนอง B น่ะสำคัญที่สุดนะครับ(หัวเราะ)
- ว๊า...เดาจุดสำคัญของเพลงผิด เป็นเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกโดยตรงเลยนะ
เรตะ : เพลง [ akai kodou ] กับเพลง [ Shunsetsu no koro ] มีความหมายไปในแนวที่โจมตีกัน
- รู้สึกว่ามีวิวัฒนาการมาจาก [ Disorder ] นะ
เรตะ : มันก็อาจจะใช่ครับ
ไค : มันมีจุดที่ลึกกว่านั้นอีกนะครับ
อุรุฮะ : จุดที่มีความรู้สึกรุนเเรงมันห่างจาก [ Disorder ]มาก แต่ผมไม่อยากเอาตรงนั้นเป็นจุดเด่น
เรตะ : สีแดง !! ให้ความรู้สึกเข้มข้นมากเพราะฉะนั้นเราจึงใช้ตัว...แทนที่จะใช้ตัว...ตัวนี้((หมายเหตุไอ้ที่....คืออ่านไม่ออกกั๊บ//ยูเนะ))
- หัวข้อที่ตั้งครั้งนี้ดูยิ่งใหญ่จังเลยนะ
รูกิ : อิมเมจคือพื้นที่ค่อยๆหายไป
เรตะ : เป็นจุดสิ้นสุดของโลก
อุรุฮะ : เพลงของเราจะแสดงออกมาแบบ " พื้นที่ในโลกนี้ค่อยๆหายไป "
ไค : เป็นเพลงเร็วที่มีอิมเมจน่ากลัวอยู่ในตัวของพวกเรา แต่เพลงนี้เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น
อุรุฮะ : คราวนี้สถานการณ์มีอิมเมจ อย่างไร ?
ไค : ก่อนที่จะดูเนื้อเพลงพวกเราลองเดาความสัมพันธ์กับความรู้สึกของเพลงแล้ว แต่พอดูเนื้อเพลงแล้วมันแตกต่างจากที่เราคิดเอาไว้ แต่มันก็ไม่คุ้มค่ากับการโกรธดังนั้นเราเลยตกลง
เรตะ : สำหรับผมมันมันมีอิมเมจแบบว่าแผ่นดินถูกแบ่งด้วยเปลวไฟที่ลุกช่วงโชน
- เพลงนี้เริ่มต้นด้วยความเศร้า และจุดเด่นในเพลงนี้ก็คือ กะลังเศร้าๆอยู่ แล้วก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา มันทำให้เกิดความประทับใจ
ไค : ใช่ครับ มันเป็นจุดที่มีความรุนแรงมาก
เรตะ : เสียงเบสดูโดดเด่นมาก
- ถ้าทำให้เสียงเบสโดดเด่นมันจะทำให้ หนักแน่นในตอนสุดท้ายของเพลง
เรตะ : ใช่ครับ ถ้าเสียงต่ำลงมันก็จะฟังดูทุ้มๆ ลองดีดสายที่ 5 แทนสายที่ 4 ดูแล้วแต่ตอนแรกการสร้างเสียงเนี่ยยากมากๆเลยนะถ้าฟังแต่เสียงเบส จะไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ในขณะเดียวกันก็จะได้รู้ถึงจุดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ
ไค : ถ้าพูดถึงความเศร้าโดยตรงเพลงนี้มีความเศร้าตลอดเพลงเลยนะ
- เสียงกีต้าร์อย่างเดียวเป็นยังไงบ้าง?
อาโอย : สำหรับผมแล้วมันเหมือนกับเล่นกีต้าร์ด้วยความรู้สึกของหน้าอกข้างซ้าย
- หมายความว่า?
อาโอย : ไม่เล่นกีต้าร์ด้วยทฤษฎีแต่เล่นด้วยจินตนาการ และความรู้สึก แต่การใช้กีต้าร์ของอุรุฮะคราวนี้ถึงคนอื่นจะเล่นเพลงเดียวกันความหนักแน่นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่มีแนวทางแบบนี้แหละเนื้อเพลงโดยรวมไม่สับสนวกวน วิธีการทำเพลงของกาเซ็ตจะมีการทดลองก่อนตอนแรกค่อนข้างมาก
อุรุฮะ : ถ้าฟังตามอาโอยคุงพูดล่ะก็ ผมคงไม่เข้าใจทฤษฎีการเล่นเท่าไหร่ ผมเล่นกีต้าร์ด้วยความรู้สึกน่ะ การเล่นด้วยความรู้สึกของหน้าอกข้างซ้ายมันง่ายกว่า เพลงนี้ไม่สามารถทำได้ในขณะที่เล่นกีต้าร์เพราะฉะนั้นการเล่นกีต้าร์ในเพลงนี้เป็นการเล่นด้วยความรู้สึกจากอกข้างขวาของทุกคน
อาโอย : ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าผมเล่นกีต้าร์ด้วยความรู้สึกของหน้าอกข้างซ้าย(หัวเราะ)
เรตะ : ทฤษฎีอะไรแปลกๆ
อาโอย : ถ้าเล่นดนตรีตามทฤษฎีที่วางไว้ละก็หัวคงระเบิดตายพอดี ดนตรีน่ะควรจะเล่นตามจินตนาการของตนเอง
- ตอบคำถามได้ดีมากเลยนะ ค้นพบในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะทำน่ะสุดยอดเลยนะ
รูกิ : ดนตรีไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
- จากคำว่า[ หัวใจเต้น ]ลองเปลี่ยนเป็นชีวิตแล้ว มันมีความหมายว่าโชคดีที่มีชีวิตอยู่ใช่ไหม?
อาโอย : มันมีความรู้สึกเหมือนกับว่า ตอนไปเล่นกระดานโต้คลื่นในวันที่มีไต้ฝุ่นถ้ามีไต้ฝุ่นละก็ทะเลจะมีคลื่นที่น่ากลัวมาก ตอนนั้นคิดว่ามันจะตายจริงๆ ถึงจะว่ายน้ำอยู่ข้างบน มันก็เหมือนถูกดูดลงไปในน้ำเรื่อยๆพอขึ้นมาได้ก็จะคิดว่า " รอดตายแล้วเราดีจัง " ผมนี้ก็บ้าเนอะเล่นดนตรีมันปลอดภัยกว่ากระดานโต้คลื่นตั้งเยอะ((หัวเราะ))
รูกิ : ผมเคยประสบอุบัติเหตุทางมอร์เตอร์ไซด์ครั้งนึง พอไม่เป็นไรก็คิดว่า " ดีจังที่มีชีวิตรอด "
ไค : ผมก็เคยนะแต่เป็นรถจักรยาน ผมเบรกกะทันหันเลยเสียหลักหกล้มใช่!! ผมได้ประสบการทางรถยนต์มาเพียบเลย
-แล้วการขับรถเป็นงัยบ้าง?
ทั้ง4คน : น่ากลัว !! ((555+//ยูเนะ))
ไค : ผมพยายามทำความคุ้นเคยกับมันแต่ ทุกคนต่างหวาดกลัวเลยวุ้นวายมาก
อุรุฮะ : ไม่อยากจะเชื่อว่านายพยายามทำความคุ้นเคย เกิดเป็นไรขึ้นมาจะว่ายังงัยหะ
อาโอย : ก็นายเล่นไม่ชะลอเลยนี้นา ยังมือใหม่อยู่ขับช้าๆก็ได้นิเล่นขับเเบบมืออาชีพ แย่ชะมัดเลยอยากให้คิดถึงจิตใจของคนที่นั่งมาด้วย
เรตะ : ถ้ามือใหม่หัดขับน่ะมันมักเกิดความประมาทอยู่บ่อยๆ
ไค : ผมขับรถเก่งแล้วนะ(มองสายตาทุกคน)........ยังหรอกครับ(>///<น่ารักจิงๆนู๋ไข่..//ยูเนะ)
- พยายามเข้า!!!(หัวเราะ)แล้วอุรุฮะมีช่วงเวลาที่คิดว่า " ดีจังที่รอดมาได้ " บ้างรึเปล่า
อุรุฮะ : ตอนม.ปลายผมนั่งหลับในห้องเรียนแล้วฝันว่าเล่นลื่นลงมาจากที่สูงแล้วหกล้ม พอตื่นขึ้นมาแล้วมันก็เป็นอย่างที่ฝันจริงๆพวกผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างหลังร้องว้ากกกก...ผมล่ะอยากตายจริงๆ(หัวเราะ)
เรตะ : เป็นช่วงเวลาที่อยากตายซินะ(หัวเราะ) มันก็มีบางครั้งที่แยกความฝันกับความจริงไม่ออก พอคิดย้อนไปวันเกิดปีที่แล้วก็รู้สึกว่าดีจังที่เกิดมาทุกคนอวยพรวันเกิดให้ทำให้ผมอยากอยู่ต่อไป เมลของแฟนๆก้อเข้ามาเยอะมากพออ่านเมลแล้วมันพูดไม่ออกเลยครับ ผู้คนที่อวยพรให้ผมมีมากมายขนาดนั้นปลื้มจริงๆแต่หลังจากวันเกิดนี้สิเศร้าสุดๆเหมือนไต้ฝุ่นมาแล้วพัดทุกอย่างไป
อาโอย : กว่าจะได้รับคำอวยพรอีกทีก็ต้องรอถึง 364วันพอนึกแล้วเศร้า
ทุกคน : (หัวเราะ)
อาโอย : ผมก็คิดว่าวันเกิดนี่เป็นวันดีจริงๆมีเมลจากแฟนๆส่งมาดีใจมากครับ
ไค : อืม เป็นช่วงเวลาที่คิดว่า " โชคดีที่เกิดมา "
เรตะ : นายคิดเเบบนั้นเป็นประจำไม่ใช่เหรอ
ไค : เป็นเพราะ " Gazetto " รึเปล่าน๊าาา
รูกิ : นั่นเปนเรื่องธรรมดาอยู่แล้วล่ะ
ไค : ดีใจที่มีชีวิตรอดมาได้ถ้าแปลตรงตัวจะมีความหมายยังงัยนะ
เรตะ : ใช้ชีวิตแต่ละวันให้คุ้มค่า
- ใช่แล้ว!!!! ย้อนกลับมาเรื่องเพลงกันต่อดีก่า [uzuku aza to yugamu ura] ชื่อเพลงนี้สุดยอดจริงๆ
ไค : อยากถามเหมือนกันว่ามันมีความหมายว่าอะไร
รูกิ : " uzuku aza " หมายความว่า เพียงแค่นึกถึงความทรงจำก่อนๆก็ทำให้เจ็บปวดส่วน " yugamu ura "หมายความว่า สถานการณ์ที่น่าสงสัยหลังจากความเจ็บปวด
อุรุฮะ : มันเป็นสถานการณ์แบบไหนหรอ???
รูกิ : ก็ตามเนื้อเพลงนั่นแหละจุดเด่นคือ " เธอไม่เคยรักฉันเลย " แล้วส่วนหลังจากนี้ก็ต้องแสดงความหลังที่เจ็บปวดไค : เพิ่งจะเข้าจัยนะเนี่ย........
รูกิ : แล้วทำไมไม่รู้จักถามเล่า(หัวเราะ)
- เพลงนี้ทำนองเร็วมากเลยนะ
ไค : ตอนแรกที่ได้เพลงจากรูกิ คิดอยู่ว่าจะตีกลองตามจังหวะได้รึเปล่า
รูกิ : ไคถึงกับถอนหายใจเลยนะ
- งานเพลงแบบนี้ถนัดไม่ใช่หรอ??
ไค : พอลองทำดู มันก็แสดงออกถึงความเป็นกาเซ็ตจริงๆคำก็เป็นคำง่ายๆ
- แต่ตอนแรกคุนคิดว่าตีไม่ได้ไม่ใช่หรอ?
ไค : ก็ตอนแรกคิดว่ามันเร็วนะสิ แต่รูกิพูดว่ามันไม่เร็วไปกว่านี้หรอก
รูกิ : พูดว่า " มันก็ไม่ได้เร็วมากนี่ "
ไค : มันมีความรู้สึกแบบว่าอยากตีกลองให้เร็วขึ้น
เรตะ : ก่อนที่จะดูเนื้อรูกิถามว่า " คิดว่าเป็นเพลงแนวไหน ? "
อาโอย : เคยได้ยินคำว่า" ช้าแล้วดี "ไหม?
รูกิ : ผมก็ไม่ได้พูดนานแล้ว
อุรุฮะ : นายตอนนี้ถูกสัมภาษณ์คนเดียวรึงัย ? คนขี้โกหก
ไค : เฮ้ย!!!!
- การเล่นไลฟ์จะบรรเลงดนตรีเร็วก่าปกติใช่ไหม
อุรุฮะ : ถ้าเป็นไลฟ์ละก็อยากจะเล่นให้มันเร็วขึ้นอีกนิด แต่ถ้าตั้งใจเล่นเหมือนเวลาบันทึกเสียงอย่างเดียวมันก็จะลำบากนะ เพราะฉะนั้นก็จะทำตามที่ใจคิดครับ
- แล้วผลที่ออกมาเป็นไปตามอิมเมจที่รูกิคิดไว้ไหม?
รูกิ : มันต่างจากที่ผมคิดไว้อย่างสิ้นเชิงเลยหละ ตอนแรกผมคิดว่าจะใช้บบรยากาศแบบที่มีเสียงลมหายใจด้วย
อุรุฮะ : ไม่ค่อยเข้าใจเลย อยากให้มันเป็นแบบไหนหรอ?
รูกิ : อยากให้มันออกมาแบบเท่ห์ๆดูดี แค่นั้นก็โอเคแล้วถ้าไม่ได้แบบนั้นผมโกรธแน่เลยหละ
อุรุฮะ : ผมคิดว่าการกลัวรูกิเป็นผลดีกับตัวเองนะ ถ้าหากว่าโดนปฏิเสธ
ไค : เฮ้ย!!! ใจเย็นๆ!!
อุรุฮะ : ไม่ทำไรกันหรอกน่าา
รูกิ : เพราะคำพูดของนายไง
ทุกคน : ((หัวเราะ))
รูกิ : จะให้พูดตามตรงก็อุรุฮะกลัวผม
อุรุฮะ : ก็นายมีความมันใจในตัวเองสุดๆเลยนี้นา มันทำให้ผมลำบากใจ
ไค : อุรุฮะกับรูกิน่ารำคาญจะตาย
อุรุฮะ : บางทีมันก็มีเหตูผลแล้วก็ทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆเอง
- ในการทำเพลงเนี้ยะถ้าเอาความคิดของคนใดคนหนึ่งใส่ไปคนเดียวก็จะเป็นเพลงที่ดีไม่ได้สินะ?
ไค : เพราะฉะนั้นการทำเพลงคราวต่อไปผมจะนั่งคุยด้วย
เรตะ : ไม่ต้องฝืนพูดก็ได้((หัวเราะ))
อาโอย : วงใกล้แตกแล้ว!!((หัวเราะ))
- รู้จักเพลงไปมากพอสมควรรู้สึกว่าเพลง[ uzuku aza to yuga muura ]เกี่ยวข้องกับเพลง [ reila ] นะ
รูกิ : อ๊ะ!!
ไค : โอ้วว!! คำถามแจ๊คพ็อต
- รู้สึกอย่างนั้นตอนดูเนื้อเพลงน่ะ
รูกิ : ถามให้ลึกกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ
- ขอโทษนะ คิดมากจัง((หัวเราะฝืดๆ))
รูกิ : ไม่เป็นไรๆน่าเสียดายจัง((หัวเราะ))มันมักจะมีบ่อยๆน่ะครับ
เรตะ : นายเป็นไรไป((หัวเราะ))
รูกิ : [ uzuku aza to yuga muura ] เป็นเพลงที่ให้ความรู้สึกเจ้าชู้ เช่น มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่กับคู่รักพอเปิดล็อกเกอร์มาก้เห็นรูปของสมัยก่อนอะไรประมาณนี้แหละ
- ล็อกเกอร์?????
4คน : ใครจะมีล็อกเกอร์ในบ้านเล่า?((หัวเราะ))
รูกิ : ลิ้นชัก((หัวเราะ))ถ้าหากคู่รักของตนทำเจ้าชู้ก็จะต้องมีอะไรบางอย่างในลิ้นชัก เป็นอะไรที่ปิดบังไม่ได้อยากให้มีความรู้สึกแบบนี้
อุรุฮะ : ไม่มีทางหรอกมั้ง((หัวเราะ))
- ช่วยบอกความหมายของเพลงนี้เเบบละเอียดๆได้ไหม?
ไค : ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
รูกิ : กรุณาหาคำตอบเองครับอ่านไปนานๆเดี๋ยวก็รู้เอง
เรตะ : ก็แล้วแต่มุมมองของความคิดอีกที
ไค : กลายเป็นปริศนาไปซะละ
- ต้องคิดอย่างรอบคอบหน่อยนะวงกาเซ็ตตั้งมาได้ 3 ปีแล้วนี้
ไค : ใช่ 3 ปีแล้วนะ
เรตะ : เร็วจังเนอะ
รูกิ : ผมนึกว่ามันนานกว่านั้นซะอีก
เรตะ : สามปีนี่ยังไม่นานใช่ไหม?
- คิดว่ายังไม่นานหรอก ตลอดเวลาที่ผ่านมาคิดว่าช่วงเวลาไหนสำคัญบ้าง?
อาโออิ : ผ่านมา 3 ปีแล้วสินะ
เรตะ : อยู่ด้วยกันได้ตั้ง 3 ปี สุดยอดเลยนะ
อุรุฮะ : ปีแรกสำคัญที่สุดเลย
รูกิ : ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ร้าวฉาน((หัวเราะ))
ทั้ง 4 คน : ไม่มีหรอกเรื่องแบบนั้น !!
อุรุฮะ : ผ่านมา 3 ปีนี่มีแต่เรื่องดี ๆทั้งนั้นเลย
เรตะ : ความหลังน่ะนึกถึงที่ไรก็ได้แต่หัวเราะทุกที ต่อจากนี้ก็จะสร้างทรงจำดีๆแบบนี้ตลอดไปเพราะตอนนี้ก็มีความสุขดี
- มีความทรงจำเยอะเลยนี้ แต่อยากฟังเรื่องราวความหลังก่อนจะมาเป็นวงกาเซ็ตมากกว่า
อุรุฮะ : ผมเล่นดนตรีตั้งแต่เป็นนร.แล้ว ผมบ้าดนตรีมาก แล้วยังสลักชื่อวงที่ชอบไว้บนโต๊ะของรร.ด้วย
อาโอย : ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน
อุรุฮะ : คิดถึงวงที่ตัวเองชื่นชอบอยู่เสมอ
ไค : ผมก็คิดถึงแต่ดนตรี ดนตรี!! ตลอดเลย
เรตะ : ผมมีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นเพราะชอบดนตรีเลยสามารถเล่นดนตรีได้วันละ 5 เพลงเชียวนะ((ใช้วิธีการจำ)) แต่ตอนนี้จำแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
อุรุฮะ : ติดใจมากกก
เรตะ : ผมเล่นจนกระทั่งเรียนจบ ตอนเป็นนร.เคยไปสตูดิโอทีนึงนะแต่มันเสียงดังไปผมหูอื้อไม่หยุดเลยตื่นเต้นมาก
- เรตะกับอุรุฮะ ทำวงด้วยกันมาตั้งแต่เป็นนร.แล้วนี่
อุรุฮะ : ตอนที่ทำวงครั้งแรกเข้าสตูดิโออัดเสียงแล้วลองฟังดู พอจบเพลงนึงก็จะมีความเห็นเข้ามาเรื่อยๆเช่น " โอ๊ย!! เจ็บหู " " อะไรกันเนี้ย " ((หัวเราะ))
เรตะ : ความรู้สึกแบบนั้นทนเกือบไม่ได้นะ ตอนนั้นไม่คิดเลยว่าจะมาทำวงอย่างปัจจุบันนี้ได้
ไค : ถ้าคิดแบบนี้ได้แต่แรกจะมีความสุขมาก
เรตะ : ใครจะไปมีความสุขขนาดนั้น
อุรุฮะ : ตอนนี้ผมคิดว่าความคิดของตัวเองไม่ค่อยดีชอบกำหนดอะไรตายตัว สมัยก่อนแค่เครื่องขยายเสียง1 เครื่องกับเครื่องเปี่ยนเสียง1 ตัวเอามาเล่นรวมกันก็มีความสุขเเล้ว
ไค : แค่ได้เห็นกลองก็มีความสุขแล้วตอนนั้นเล่นได้สองเพลงเข้าสตูตั้ง 4 ชม. เล่นวกไปวนมาอยู่แค่นั้นแหละแต่ก็มีความสุขมากถ้าคิดแบบนั้นจะนึกเสมอว่า " ลืมความรู้สึกแบบนั้นไปรึยัง " ตอนที่ยังไม่มีประสบการณ์
รูกิ : แต่กลับไปตอนนั้นไม่ได้แล้ว
อุรุฮะ : เก็บประสบการณ์เรื่อยมาแต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปสมัยเป็นนร.ได้เลยอยากให้ทุกคนรีบทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำไว้ซะ
- ไม่อยากให้ช่วงเวลามันผ่านไปเลยใช่ไหม
เรตะ : ลืมแม้กระทั้งเวลาทานอาหารจมอยู่กับความฝันอย่างเดียว มีความสุขมากเลย
ไค : เป็นประสบการณ์ของทุกคน
อาโอย : แต่ผมไม่เคยนะ ไม่เคยเข้าสตูดิโอ
อุรุฮะ : อ๊ะ !!! ขอโทษทีที่บ้านเกิดของอาโอยไม่มีสตูนี้เนอะ((หัวเราะฝืดๆ))
ไค : แต่ก็เคยซ้อมร้องใช่ไหมละ??
อาโอย : ก็เคยนะแต่ไม่ใช่ในสตูผมจะเก็บห้องเก็บของแล้วซ้อมร้องที่นั่น
ทุกคน : เป็นประสบการณ์อันล้ำค่า!!!
อาโอย : ผมพยายามไม่ให้เสียงออกไปข้างนอกแต่ชีวิตนร.อ่านะมันก็มีแค่ไปรร. ทำการบ้าน เล่นเบสบอลพอกลับมาบ้านก็ดีดกีต้าร์เล่นพอเสร็จก็นอนชีวิตนร.เนี่ยน๊า...ดีจริงๆ
อุรุฮะ : มีสิ่งที่อยากทำเยอะแยะเลย
อาโอย : สมัยนร.มีเยอะจริงๆ
ไค : ใช่ แล้วก็มีพลกำลังมากมายทำได้ทุกอย่างผมคิดว่าเป็นช่วงที่สามารถทำสิ่งต่างๆได้มากที่สุด
อาโอย : ช่วงม.ต้นเป้นช่วงที่ทำสิ่งต่างๆได้มากที่สุด
รูกิ : ใช่แล้ว เป็นช่วงที่สนใจสิ่งต่างๆมากมาย แต่ความทรงจำตอนวัยเรียนของผมก็คือการทำวงนี้แหละ
อาโอย : มีสตูดิโอด้วยหรอ
- มีปัญหาอะไรกับสตูดิโอหรอ??((หัวเราะ))
รูกิ : มีสตูนะ sumiya สตูดิโอ
อุรุฮะ : อะไรอะ? อยู่ที่ไหนหรอ?
รูกิ : อ้าวไม่รุจักหรอ?ที่ที่เรียกว่า sumiya ชั้น 2 มีห้องดนตรีอยู่แล้วก็มีสตุดิโอด้วย ทำไลฟ์ได้ด้วยนะ
- ที่นั่นกว้างมากเลยหรอ??
รูกิ : แคบมาก ไม่มีไฟ((หัวเราะ))
เรตะ : งั้นก็ไม่มีมอนิเตอร์ด้วย
อาโอย : ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี้นา
อุรุฮะ : มีก็ดีแล้ว
รูกิ : เค้าพูดว่า " แล้วมาใช้บริการอีกนะค้าบบบ " ขณะที่แจกบัตรแต่ไม่มีใครเข้ามาซื้อบัตรเลย((กร๊ากกกก..55+เปนไรเนี่ยกุ--*--//ยูเนะ))
เรตะ : ตอนนั้นนะคอมพิวเตอร์เป็นของมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเลยล่ะ
รูกิ : เครื่องพิมไมโครคอมพิวเตอร์ก็เหมือนกันพอเอาไปที่สวนสาธารณะเขาก็มองกันใหญ่เลย
เรตะ : ตอนนั้นเวลาจะทำไลฟ์ต้องจ่ายแพงมากเลยนะ ใช้เงินเยอะมาก
ไค : ไลฟ์ครั้งแรกของผมก็ไปก็อบปี้เขามา แล้วก็ไปบอกเพื่อนๆว่ามาดูกันนะตอนนั้นตื่นเต้นมากเลยล่ะ
อุรุฮะ : มองจากกล้องวีดีโอแล้วไม่มีคนดูแม้แต่คนเดียว
เรตะ : ตอนซ้อมก่อนแสดงจริงเพื่อนๆก็ไม่มาดูไลฟ์ครั้งแรกเราไปก็อบปี้เขามาแต่ครั้งล่าสุดนี้เป็นแบบผสมนะคิดเอง+ก็อบมา
ไค : ผมบังคับให้เพื่อนมาดูล่ะ
เรตะ : แต่ก็ไม่ได้เรียกมาทั้งหมดซะหน่อย
อุรุฮะ : ถ้าไม่เรียกมาก็ไม่มีคนดูล่ะสิ
ทุกคน : ((หัวเราะ))
เรตะ : งั้นก็ไม่ตื่นเต้นเลยล่ะสิ แต่พอหันไปข้างหน้าแล้วดีดกีต้าไม่ออก
อุรุฮะ : ดีดไม่ออกจริง!! ชวนให้นึกถึงอดีตนะ((หัวเราะ))
- แล้วไลฟ์ครั้งแรกของอาโอยล่ะ
อาโอย : ไลฟ์ครั้งแรกจัดในเมือง
เรตะ : แล้วมีคนมาดูเยอะไหม?
อาโอย : ราวๆซักที่นั่งหน้าเวที2-3แถว
อุรุฮะ : ความใหญ่เท่า SHIBUYA - AX รึเปล่าถ้ามีขนาดนั้นก็แสดงว่ามีคนดูเยอะซินะ
อาโอย : คนไม่เยอะขนาดนั้นหรอก แต่แถวกลางมี PA ด้วย
เรตะ : มีแค่ PA ก็พอแล้วนี้นา
อาโอย : ลุงร้านขายเครื่องดนตรีเขาทำให้ครับมีคนมาดูซัก 30 คน
อุรุฮะ : ดีจังตั้ง 30 คน
เรตะ : ทีพวกเราอะไม่มีซักคน แต่วงที่รูกิทำอะนิยมมากเลยนะ
รูกิ : เคยไปดูวงของอุรุฮะกับเรตะนะก่อนที่จะยุบวงน่ะเคยไปดูมาแล้ว
เรตะ : เพิ่งนึกได้ว่าในวีดีโอไลฟ์ครั้งสุดท้ายก่อนแยกวงรูกิอยู่หน้าสุด((หัวเราะ))
รูกิ : หันหน้าเข้าหาผมแล้วชูนิ้วกลาง ตรงช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประทับจัยมากๆเลย((หัวเราะ))
เรตะ : เป็นช่วงที่ดีสำหรับพวกเดียวกัน
รูกิ : คอนเสิร์ตยุบวงคราวนั้นมีคนมาดูเยอะไม่ใช่หรอ?
เรตะ : เยอะที่สุดกว่าเท่าเคย 35 คน
ทุกคน : ((ระเบิดเสียงหัวเราะ))
เรตะ : ได้มา 10,000 เยน แล้วก็คิดว่าจะรักษาตังค์ยังงัยดีตอนกลับ
อุรุฮะ : ตอนนั้นดีใจมากๆเลย
เรตะ : คิดว่ารู้งี้ไม่ยุบวงก็ดี แต่ก็ถ้ายุบแล้วคงจะดีกว่า((หัวเราะ))
อุรุฮะ : ถ้าลองมานั่งคิดละก็ ถ้าเป็นแบบเมื่อก่อนคงจะขายไม่ออก
- ทำไม่ถึงคิดว่าขายไม่ออกล่ะ??
อุรุฮะ : เพราะอะไรหรอ? ถ้าดูแล้วจะเข้าใจเอง((หัวเราะ))
เรตะ : ทำไรก็ไม่สะดุดตาเลย
รูกิ : โชคไม่ดีเอาซะเลย คนก็ไม่ยอมแวะมาดู
ไค : งั้น...ถ้าตอนนั้นแจกใบปลิวมันจะเป็นยังงัยบ้าง
เรตะ : ถ้าเกิดว่าทำใบปลิวแบบสีมันก็จะเปลืองตังค์งั้นเลยต้องทำแบบขาวดำ
อุรุฮะ : เรตะพันจมูกไว้ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ทำก่อนจะทำใบปลิวซะอีกตอนนั้นทำผมแดงด้วยนะ
- มีผลกระทบด้วยใช่ม้า
เรตะ : นอกจากตาข้างขวาแล้วนอกนั้นก็พันปิดไว้หมดเลย มีวงพังค์วงนึงเขามาถามว่า " พันแบบนั้นไม่ทรมานหรอ " ตอนนั้นอายมากเลย
ทุกคน : ((ระเบิดเสียงหัวเราะ))
เรตะ : ตอนนั้นไม่มีวงไหนเลยที่แต่งหน้าแบบเรา มีแต่วงพังค์ดีนะที่เรารอดมาจนถึงปัจจุบันได้
อาโอย : ตอนแรกก็ยั่งงี้แหละ
เรตะ : ถ้าคิดแบบนั้น วัยรุ่นตอนนี้ก็ฟุ่มเฟือยกันมากซินะที่พยายามจะเลียนแบบการแต่งหน้าแบบร็อค
ทั้งหมด : อืม...นั้นก็มีส่วน
เรตะ : มันมีความรู้สึกเหมือนกับทำวงดนตรีแบบพังค์
รูกิ : เราได้ผสมพังค์ไว้นิดหน่อยนะ เวลาขึ้นเวทีเลยทำให้ลำบากนิดนึง
เรตะ : แต่สมัยก่อนตอนผมออกมาแสดงแล้วไอ้วงที่แสดงก่อนหน้าผมมันเป็นวงป็อบอ่า คนประกาศเลยงงๆเค้าพูดว่าวงต่อไปชื่อ " U " มั้งครับ
ทุกคน : " U " หรอ?
เรตะ : มันมีความหมายว่านกกาน้ำมั้ง??
- ใช้ตัว.....สลับกับตัว......ใช่ไหม?((ระเบิดเสียงหัวเราะ))
ทุกคน : ระเบิดเสียงหัวเราะ
เรตะ : แค่ได้แสดงไลฟ์ก็ดีใจมากแล้ว
ไค : ถ้าคิดตอนนี้ มักจะคิดว่าทำไมต้องทำไลฟ์ในนั้นแต่ในตอนนั้นก็ถือว่าาเป็นปกติ
อุรุฮะ : สมัยนั้นไม่มีคนตีกลอง เพราะฉะนั้นเวลาจะใช้เสียงกลองจะใช้เอ็มดีวอล์คแมน
รูกิ : อ้าว !! เป็นงั้นหรอ !!
อุรุฮะ : ตอนที่แสดงคอนเสิร์ตเรากำลังคิดระยะเบรกเพลง พอเพลงแรกจบเราก็เงียบไป 1 นาทีกว่าๆแบบว่าพูดไรไม่ออก((หัวเราะ))
เรตะ : คนที่จะช่วยแก้สถานการณ์แบบนั้นก็มีแค่คนร้องนำเท่านั้นแหละ
รูกิ : มีคราวที่ทำวอล์คแมนตกไหม?
เรตะ : ไม่มีนะ
อุรุฮะ : เพลงในเอ็มดีมันสำคัญมากนะ
เรตะ : แต่ตอนนี้ผมคิดว่าคงไม่มีใครใช่เสียงกลองจากเอ็มดีหรอกนะ ((หัวเราะ))
อาโอย : คงไม่มีหรอก
เรตะ : สมัยที่ทำวงใหม่ๆก็ความรู้สึกแบบที่พูดมานี้ล่ะ
รูกิ : ถ้านึกย้อนกลับไปเราได้ทำวงตั้งแต่สมัยนั้นแล้วนี่นาา
- ดีนะที่อดทนมาโดยตลอด
รูกิ : ก็ตอนนั้นเราไม่เคยคิดว่ามันลำบากเลย
เรตะ : อาจเป็นเพราะตอนนั้นผมคิดว่าสักวันต้องสำเร็จ
อุรุฮะ : พูดได้ดีมากแต่แกก็เคยพูดว่าจะยุบวงไม่ใช่หรอ? ตอนที่รวมวงกับรูกิใหม่ๆ มันก็เกิดเหตุร้ายขึ้นกระทันหันตอนที่มีทติ้งกันเรตะก็พูดขึ้นว่า " ยุบวงไหม "
รูกิ : ใช่ ((หัวเราะ)) จู่ๆก็จอดรถแล้วก็พูดพวกเราเลยพูดเกลี้ยกล่อมให้ตายใจว่า " เราก็ได้เงินเดือนหารกันนี้นาา "
ไค : หมายความว่าตอนนั้นถ้ารูกิกับอุรุฮะไม่ห้ามไว้กาเซ็ตอาจไม่เกิดขึ้นก็ได้
- คิดว่าซักวันจะต้องสำเร็จจนรอดมาถึงทุกวันนี้แล้วทำไมจู่ๆก็คิดจะเเยกวงล่ะ?
เรตะ : เพราะอะไรน่ะหรอ? อาจเป็นเพราะอยากเลิกมั้งพวกเพื่อนๆก็ทำงานดีๆกันหมดผมก็คิดอยากจะทำแบบพวกเขามั่ง ก็คงจะคิดว่าทำวงแล้วไม่ด้ายตังค์((เยอะ**))ตอนนั้นผมต้องทำเงินเข้าบ้านด้วยน่ะ
อุรุฮะ : ถ้าแค่หาเงินเข้าบ้านก็ดีนะสิแต่ไหนจะต้องหาอุปกรณ์ในวงอีกล่ะ
เรตะ : ใช้เงินฟุ่มเฟือยไปหน่อยซื้อรถด้วย((หัวเราะ))ของที่อยากได้ก็มีตั้งมากมายแต่ถ้าใช่เงินแบบนี้วงคงไม่รอดแน่ทางข้างหน้ามืดมนไปหมด เลยต้องทำงานที่นี้แล้วก็คิดไปด้วยว่าเดือนนึงใช้เงินเท่าไหร่
รูกิ : เรื่องแบบนี้ เพิ่งรู้เป็นครั้งแรกนะเนี่ย
เรตะ : คุ้นเคยกับชีวิตที่ธรรมดาแล้วมันหยุดไม่ได้
อุรุฮะ : ว่าแต่..มีอยู่หนนึงที่พูดว่าจะยุบวงเพราะหมอนี้
รูกิ : ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ลองทดลองอยู่กันมาเป็นปีไม่ใช่หรอ???
อุรุฮะ : ใช่ ๆ
- ทำไมต้องใช้ระยะเวลาเป็นปีด้วยละ?
ไค : เป็นเพราะอะไรงั้นหรอ?
เรตะ : คิดว่าจะลองดูสัก 1 ปีแต่ลองๆทำไปก็ไม่อยากเลิก คิดว่าภายใน 1 ปี ถ้าไม่รุ่งก็จะเลิกแต่ในขณะนั้นกาเซ็ตก็รุ่งขึ้นมาหลังจากนั้นก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นอีกเลย
รูกิ : ดีจัง~((ช่ายดีมากๆเลยล่ะ^^//ยูเนะ))
ไค : คนที่มีความคิดเเบบนี้เป็นสมาชิกในวงหรอเนี่ย?
เรตะ : อุรุฮะกับรูกิขอร้องผมอย่างสุดๆเลยว่า "อย่าเลิกทำนะ.."
อุรุฮะ : พยายามฉุดไว้แล้วแต่นายไม่ค่อยจะยอมฟังเลย หัวเเข็งจริงๆ
เรตะ : ตอนที่ผมพูดว่าจะยุบวง วงเราก็จะมีทั้งหมด 5 คน 3คนบอกว่าจะยุบเหลือแต่อุรุฮะกับรูกิที่บอกว่าห้ามยุบ
รูกิ : ว่าจะยุบแต่ก็ทำมาได้ถึงขนาดนี้แล้ว แล้วมันจะทำได้นานถึงเมื่อไหร่เนี้ย?((หัวเราะ))
- อุรุฮะกับเรตะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วคงจะเข้าใจกันได้ดี แต่คนที่มารู้จักทีหลังอย่างรูกิก็รู้จักกับคุณ2คนมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วเช่นกันคงจะเข้ากันได้นะ?
รูกิ : บ้านใกล้กับ 2 คนนี้ด้วยเข้ากันได้ดีเชียวครับ
เรตะ : พอคนในวงเริ่มเบื่อกับบางสิ่งบางอย่าง ก็จะไม่พูดว่าเป็นเพราะใคร?แต่จะพูดว่าเป็นการเริ่มต้นของกาเซ็ตมากกว่านะ
รูกิ : เพราะเป็นเเบบนี้ก็เลยอยู่กันมาจนถึงปัจจุบัน
เรตะ : ถ้ามัวแต่มาโทษกันวงคงแตกไปแล้วล่ะ
ไค : ทุกคนในวงให้ความเมตตากับผม ทำให้ผมได้พบกับประสบการณ์ที่คนอื่นไม่ได้พบ
รูกิ : ใช่
เรตะ : นายน่ะได้รับความเมตตาเกินไป((-*-))
ไค : พวกนายต้องการจะพูดอะไรกัน?จะบอกว่า " โชคดีที่ได้ร่วมงานกับกาเซ็ต " เหรอ อะไรกันทำเหมือนผมเป็นไอ้พวกติดเขามาอย่างนั้นแหละ เท่านั้นยังไม่พออีกนะเหมือนกับว่าผมเป็นคนชั่วแล้วได้มาพบกับคนดี
รูกิ : อาโอยนี้สุดยอดเลยนะ
อาโอย : ..........((พูดไม่ออก))ผมคงถูกเซ้าซี้มากไปเลยคิดอยู่ว่าจะหลับดีไหม((หัวเราะ))
- เป็นความรู้สึกที่ไม่อยากลืมอดีตเพราะอะไรหรอ?
รูกิ : มีความรู้สึกอยากฆ่าคน((หัวเราะ))
เรตะ : รู้สึกจะเล่าเรื่องอดีตของตัวเองให้คนอื่นฟังมากไปหน่อยนะ
อุรุฮะ : พวกเราได้มารวมตัวกันแบบนี้มันโชคดีจริงๆเลยนะ
เรตะ : เป็นโชคชะตาจริงๆ เทพเจ้ากำหนดมาให้แล้ว
อาโอย : อยากขอบคุณ((เทพเจ้า))ละซิ
รูกิ : ก็ตัดสินใจถูกแล้วล่ะ
เรตะ : ถูกแล้ว((หัวเราะ))
อาโอย : ถูกไอ้เจ้านี้มัดมือชกละซิ
รุกิ : ใช่แล้ว((หัวเราะ))
อาโอย : อ้าว!! แล้วเรื่องนี้ก็จบแบบนี้หรอ ทุเรศ พูดอีกซิ
- งั้นให้อาโอยช่วยเล่าชีวิตสมัยนร.ให้ฟังทีสิ
อาโอย : สมัยเป็นนร. ผมนั่งดีกีต้าร์อยู่คนเดียวไม่มีสมาชิกในกลุ่มเลย
รูกิ : อ้าว...งั้นก็เล่นไลฟ์คนเดียวสิ??
อาโอย : ตอนมัธยมต้นมีการรวมวงด้วยแต่หลังจากจบแล้วก็แยกย้ายกันไปห่างกันไปเรื่อยๆ
ไค : คนที่มีความรู้สึกว่าอยากจะทำวงต่อไปก็มีแต่อาโอยสินะ?
อาโอย : คงจะใช่นะ
เรตะ : ใช่ๆตอนนั้นน่ะไม่มีใครตั้งใจจะทำวงจริงๆหรอก
รูกิ : ส่วนมากจะเป็นพวกตามน้ำน่ะครับ
อาโอย : เพราะฉะนั้นพวกเราก็เลยไหลไปตามน้ำเหมือนเล่นเซิร์ฟไงครับ
ทุกคน : เจ๋ง!!
เรตะ : ใช่ เราต้องกลับไปเป็นวงที่ไหลไปตามน้ำ
อาโอย : บังเอิญจัง
- เคยสนใจจะเล่นเซิร์ฟแต่ชอบดนตรีมากกว่าเลยขึ้นมาเมืองหลวงใช่ไหม??
อุรุฮะ : ถือว่ากล้ามากเลยนะที่ไปอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นคนเดียวตังค์ก็ไม่มี
ไค : ตอนที่ออกจากบ้านเอาตังค์มาเท่าไหร่?
อาโอย : 50,000 เยนก็ผมคิดว่าแค่ 50,000ก็พอแล้วผมไม่รู้ว่าโตเกียวค่าครองชีพมันจะสูงขนาดนี้
- แล้วคิดว่าสูงเท่าไหรล่ะ?
อาโอย : ผมคิดว่า 1 เดือนคงไม่เป็นไรมั้ง ไม่คิดว่าจะต้องใช้เงินค้ำประกันกับค่าเช่าบ้านด้วยนี่นา
อุรุฮะ: แค่ค่าเช่าบ้าน 50,000จะพอเรอะ
อาโอย : ไม่พอหรอก
เรตะ : พูดกับครอบครัวว่าจะไปโตเกียวไม่มีใครพูดว่าอะไรเลยหรอ?
อาโอย : ก็ครอบครัวให้มา 50,000ให้ไปตามความฝันที่โตเกียวแล้วกลับมา
เรตะ : ดีกว่าไม่ได้ไปแล้วไม่ได้อะไรอีก
อุรูฮะ : แต่ 50,000แค่จ่ายตั่วรถไฟก็หมดแล้วนะ
อาโอย : ครอบครัวผมคิดว่าจะไปกลับเลยให้มา 50,000มั้ง
เรตะ : คิดว่าเดี๋ยวก็เบื่อแล้วกลับมาละสิ((หัวเราะ))แต่นายก็เอาตัวรอดในป่าคอนกรีตได้ดีมากนะ
อาโอย : ได้พบกับทุกคนถือว่าวิเศษมากนะ
- นั้นเป็นโชคชะตาสินะ
อาโอย : ผมมองโตเกียวในแง่ดีตลอด
เรตะ : แต่ชีวิตการทำงานในคราบนร. ก็ถือว่าทำได้ดีไม่ใช่หรอ?
อาโอย : ตอนที่เข้ามาเนี่ยไม่ได้เป็นนักศึกษาหรอก
เรตะ : เป็นช่วงวัยกลางคนหรอ?((หัวเราะ))
อาโอย : คิดว่าจะมาทำงานในเมืองหลวงด้วย
รูกิ : เอาแต่ใจชมัด((หัวเราะ))
เรตะ : อะไรกันนึกว่าจะเป็นเรื่องตอนอายุ 16 ซะอีก
รูกิ : แล้วเอาของอะไรมาด้วยบ้าง
อาโอย : กระเป๋ากับกีต้าร์
ทุกคน : พอได้ฟังแล้วรู้สึกดีจัง
อาโอย : ตอนที่เข้ามาในโตเกียวผมมารถเที่ยวกลางคืนเลยมาถึงเช้า
อุรุฮะ : พอมาถึงโตเกียวก็หอบกระเป๋ากับกีต้าร์แล้วคิดว่าจะไปไหนดีเท่ห์จัง
อาโอย : ผมพูดกับคนไม่รู้จักคนนึงแล้วก็ชวนเขาไปดื่มกาแฟ
ทุกคน : ฮะ !!น่ากลัว!!
เรตะ : โตเกียวมันไม่เหมือนบ้านนอกนะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามสิ((หัวเราะ))
อาโอย : ผมก็คิดงั้นแหละ
ไค : ถึงคิดหยั่งงั้นก็เท่ห์อยู่ดี
อาโอย : อ๊ะ!! ปลื้มผมจริงๆหรอ
ทุกคน : ก็นะ...............
- ตอนนั้นไม่กังวลใจซักนิดเลยหรอ??
อาโอย : ไม่นะ ตรงกันข้ามผมคิดว่าถ้าไปโตเกียวแล้วจะทำไงต่อดี คิดแค่นั้นแหละเพราะถูกจับตามองจากครอบครัวเลยกลับบ้านไม่ได้อะ
ทุกคน : ((หัวเราะ))
เรตะ : ถ้าหากกลับไปถูกคนก็จะพูดว่า " ทำไมกลับมาเร็วจัง " ไรปะมานเนี่ย
อาโอย : ผมเกลียดเรื่องแบบนั้นที่สุดเลยเพราะฉะนั้นผมเลยต้องสู้แบบบ้าระห่ำ
อุรุฮะ : ปกติก็เกลียดคำว่า" ยินดีต้อนรับกลับบ้าน "อยู่แล้วนี้
เรตะ : " โตเกียวเป็นไงบ้าง "ถูกถามแบบนั้นรึเปล่า
อาโอย : ของฝากล่ะ?((หัวเราะ))
รูกิ : ตอนที่พ่อแม่มาส่งเขาคงร้องไห้สินะ
อาโอย: ผมเป็นห่วงมากเลยล่ะ
เรตะ : พ่อแม่อาโอยเคยมาไลฟ์ด้วยสินะ เป็นไงบ้างล่ะ?
รูกิ : เป็นไงเขาบอกว่าไงคงจะพูดว่าฝีมือสุดยอดเลยล่ะสิ((หัวเราะ))
อาโอย : ((เขาบอกว่า))บ้านนอกนี้ดีจัง...
ไค : ยอดชะมัดที่คิดว่าบ้านนอกดีกว่า ถ้าเป็นผมก็คงคิดว่าการพบปะผู้คนเป็นเรื่องสำคัญเพราะฉะนั้นสมัยตอนเป็นนร.ผมจึงให้ความสำคัญกับการนัดพบอย่างมาก และผมก็คิดว่าสมาชิกทุกคนในวงเป็นอย่างผมการพบปะผู้คนเป็นแรงจูงใจให้ผมมาถึงจุดนี้
อุรุฮะ : ผมก็ไม่มีเพื่อนที่เล่นกีต้าร์ด้วยเลย ไม่มีคนที่สนใจกีต้าร์จริงๆเลยผู้ใหญ่เขาชอบมองเด็กคนหนึ่งแล้วก็เอาเด็กคนนั้นมาเป็นบรรทัดฐาน ที่เด็กดื้ออาจเป็นเพราะผู้ใหญ่คิดอย่างนี้ก็ได้
รูกิ : เรื่องที่พูดมาเนี่ยคุ้นๆนะเหมือนเคยฟังมาก่อน ((หัวเราะ))
- ถ้าพบเรื่องที่อยากทำตั้งแต่สมัยเป็นนร.ก็ถือว่าโชคดีมากแต่มันหาได้ยากนะ น้อยคนที่จะพบ
เรตะ : ทางครอบครัวอยากให้ผมค้นพบสิ่งที่อยากทำเร็วๆ ส่วนคนที่หาไม่พบก็จะใช่อายุเป็นเกณฑ์บอกว่ายังไม่ถึงเวลา แต่ผมอยากให้ทุกคนค้นพบสิ่งที่ตัวเองอยากทำมากที่สุด
- พูดได้ดีมากเลยนะ
เรตะ : ผมได้เรียนมาจากอาจารย์สมัยม.ปลายคุณปู่ก็เคยบอกไว้ว่า ให้มีความฝันเป็นของตัวเองแต่ท่านตายไปแล้วละ
รูกิ : น่าเศร้าจัง...
เรตะ : อาจารย์เป็นนักปีนเขาน่ะ
รุกิ : อะ!!ผมรู้จักนะเคยเห็นทางทีวีด้วย
เรตะ : ชื่อ k2 ปีนนักปีนเขาสูงอันดับ 2 ของโลก
รูกิ : เป็นช่างภาพด้วยใช่ไหม
เรตะ : อืม ถ่ายรูปภูเขาน่ะ
รูกิ : คนมีชื่อเสียงเเบบนั้นน่ะหรอเป็นอาจารย์ของนาย
เรตะ : แล้วคนๆนั้นก็พูดว่า " คนเราควรจะมีความฝันเป็นของตัวเอง "
อุรุฮะ : แล้วคนที่ไม่มีความฝันเป็นของตัวเองควรจะทำไงอ่า
เรตะ : ก็คงจะต้องเดินตามรอยคนอื่นเขา ถ้าเกิดไม่เดินตามรอยเพื่อนหรืออาจารย์ก็ต้องหาความฝันเป็นของตัวเอง
ไค : สิ่งที่ตัวเองสนใจนั้นละมันคือจุดเริ่มต้นของความฝัน
อุรุฮะ : ถ้าพูดไปแล้วไม่ใช่ฟังเเค่ว่า 1 แต่รู้ไปถึง 10 แต่เริ่มต้นจากตรงนั้นผมคิดว่าถ้าเรารู้ว่าหนทางนี้ไม่เหมาะกับเราก็ควรจะเลิกนะ
- ทุกคนตอนที่ทำวงก็ได้รับการปฏิเสธจากคนรอบข้างใช่ไหม
รูกิ : ใช้แล้วครับ
เรตะ : คิดว่าทุกคนไม่เห็นด้วย
อุรุฮะ : แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อแม่เลย
รูกิ : ผมยังเคยคิดว่าจะตัดขาดกับครอบครัวถ้าเกิดไม่ยอมรับผม
- หัวอกคนเป็นพ่อแม่ก็คงอยากให้ลูกไปในทางที่โรยด้วยดอกไม้คงไม่อยากจะให้ลูกลำบากหรอกนะ
อาโอย : ผมคิดอยู่แล้วว่าพ่อแม่จะต้องไม่ยอมรับผม
รูกิ : แม้จะถูกปฏิเสธแต่ผมก็คิดว่าคงไม่เป็นไรเพราะผมมั่นใจว่าจะต้องประสบความสำเร็จ
- จิตใจที่ไม่หวั่นไหวนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเลยนะ
รูกิ : เป็นเพราะมีความรู้สึกชอบเลยไม่เลิกทำ
ไค : เพราะว่าชอบเลยจะทำต่อไป
- ทำสิ่งที่ชอบไม่ใช่ถูกบังคับให้ทำ
รูกิ : ใช่
อุรุฮะ & รูกิ : แล้ว........((พูดพร้อมกัน))
อุรุฮะ : นายจะพูดถึงไหนกัน
รูกิ : ก็เพิ่งจะพูดเนี้ย
ทุกคน : ((หัวเราะ))
- รูกิพูดก่อนละกัน((หัวเราะ))
รูกิ : สมัยเป็นนร. อาจารย์ชอบถามว่าอนาคตอยากเป็นอะไรแต่ผมคิดว่าทำไมถามแปลกๆ
เรตะ : อาจารย์เขาคงอยากให้เราไปในทางที่ถูกต้องมั้ง
รูกิ : อยากให้แสวงหาสิ่งที่อยากทำสิ่งที่ชอบ เช่น ถ้าชอบอ่านการ์ตูนที่บ้านก็ทำเป็นร้านขายกาแฟที่มีการ์ตูนให้ยืม
อาโอย : นึกว่าชอบอ่านการ์ตูนก็ไปเป็นนักเขียนการ์ตูนซะอีก((หัวเราะ))
รูกิ : ถ้าเริ่มจากตรงนั้นก็อ่านการ์ตูนเยอะๆก็อาจจะเป็นักเขียนการ์ตูนก็ได้ ถ้าชอบคอมพิมเตอร์ก็ทำอะไรซักอย่างกับมันอยากให้มีเเรงจุงใจน่ะครับ
อาโอย: เห็นด้วยครับ
เรตะ : เราควรจะมีความฝันเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็กนะ
ไค : อยากให้ให้มีความฝันอย่างต่อเนื่องไม่ใช่อยู่ดีๆก็หยุดไปเฉยๆเพื่อจะได้ไม่เสียใจภายหลัง
อุรุฮะ : ใช่ๆ
รูกิ : ถ้าเกิดมีคนที่รักเราก็ต้องเป็นฝ่ายรุก คนที่ไม่มีความกล้าก็จะเอาจดหมายรักใส่ไว้ในกล่องรองเท้า((ตู้รองเท้า))
อุรุฮะ : จดหมายรักในกล่องรองเท้าหรอ
- ใครเคยทำแบบนั้นบ้างยกมือ.....ดูเหมือนจะไม่มีนะ ((- -" ))
อุรุฮะ : ทำแบบนั้นไม่ได้หรอกครับ
- นอกเรื่องมาซะเยอะเชียว((หัวเราะ))คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่ก็อยากจะให้ค้นหาความฝันของตัวเองให้เจอ และดำรงชีวิตไปตามความฝันนั้น
รูกิ : ไม่ใช่แค่ความฝันอย่างเดียวอยากให้คนหาความรักด้วย
เรตะ : เราไม่สามารถรู้ได้ว่ามีความฝันแบบนี้จะมีแรงบันดาลใจแบบไหน แฟนๆก็รีบหาสิ่งที่ชอบหรือสิ่งที่อยากทำให้พบไว้ๆนะครับ
อุรุฮะ : ทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้นะ
- จะต้องลำบากก่อนถึงจะมีอนาคตที่สวยงามไลฟ์ครั้งล่าสุดนี้ STANDING TOUR 2005 [MAXIMAM ROYAL DISODER]ก็จบลงไปแล้วนี่
ไค : ไลฟ์ครั้งล่าสุดจบไปเมื่อวันที่ 16 เดือนเมษาที่ชิบูย่ากับเมื่อปลายปีที่แล้วทัวร์ SHIBUYA O-EAST 2 วันผมอยากให้เห็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับตัวพวกเราตอนจัดทัวร์ที่SHIBUYA ก็พูดไปแล้วผมอยากหั้ยแฟนๆมาดูทั้ง2วันเลย เพราะถ้ามาวันเดียวก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นกับพวกเรา
เรตะ : จัดคอนเสิร์ต2 วันกาเซ็ตไม่มีทางจะจัดอะไรซ้ำกันหรอก
อุรุฮะ : ตอนที่ทำไลฟ์ 2 วันจัดที่เดียวกันเวลาเดียวกันแต่ทั้ง 2 วันมันก็มีสิ่งที่แตกต่างกัน
เรตะ : เพราะฉะนั้นเราจึงอยากให้ทุกคนเข้าใจ
รูกิ : ได้แสดงที่ชิบูย่า 2 วันผมดีใจมากแม้จะเป็นช่วงเวลานิดเดียว มันก็ทำให้กาเซ็ตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
อุรุฮะ : ช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องที่ไม่อยากลืม ตอนแรกที่ร้องคอรัสหูมันอื้อไปหมดเลยนะ
รูกิ : ถ้าเป็นแบบนั้นไลฟ์ที่ชิบูย่า 2 วันก็หูอื้อหมดเลยสิ
อาโอย : ไม่ชอบเลยหูอื้อนี้((หัวเราะ))
เรตะ : ผมอยากให้ทุกคนได้รับผลกระทบจากการหูอื้อเหมือนพวกผม
รูกิ : ถ้าคุณได้มาดูคุณจะได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของพวกเรา
- จากนี้ต่อไปก็กรุณากระตุ้นพวกเราให้สะเทือนด้วยนะ
ทุกคน : คร๊าบบบบบบบ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ขอบคุงที่ อ่านกานนะคร้าบบบบบ
ความคิดเห็น