OFFICE 09
"มึงพูดให้กูฟังอีกทีดิไอ้มาร์ค..."
ทันทีที่ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ พวกไอ้จอห์น พี่โซล และไอ้ตี๋ก็ทำหน้าเหลอหลารีบตะครุบตัวไอ้มาร์คกันออกห่างจากผมหนึ่งวา
"นี่พี่ย้งมันยังไม่รู้เหรอวะ..."
"เออสิ ไอ้งามไส้!"
"นี่พวกมึงจะตอบคำถามกูได้ยัง ?"
พอผมเห็นพวกแม่งเอาแต่กระซิบกระซาบกันอย่างมีเลศนัย ผมเลยกดเสียงต่ำถามออกไปเหมือนเป็นสัญญาณเตือนกลายๆว่าตอนนี้ผมไม่เล่นด้วยแล้วที่สำคัญผมต้องการคำตอบสำหรับคำถามเดี๋ยวนี้!
"คือ..." ไอ้มาร์คยังคงอ้ำๆอึ้งๆ
"คืออะไร!"
"ท่านประธานย้ายตำแหน่งคุณเตนล์เปลี่ยนไปเป็นเลขาส่วนตัวครับพี่ย้ง!"
"เลขาส่วนตัว?!!!"
เลขาส่วนตัวพ่อง!!!!!!!!!!!!!
ขณะที่ก่นด่าไอ้ท่านประธานบริษัทในใจผมก็เหลือบไปเห็นกระจกลิฟท์ที่มีเงาสะท้อนของใบหน้าผมเอง ผมถึงได้หายสงสัยว่าทำไมพวกไอ้จอห์นถึงทำหน้าเหมือนกลัวๆอะไรผมแบบนั้น ก็เพราะทั้งคิ้วและกรามของผมเกร็งไปทั่วทั้งแถบสภาพตอนนี้ยิ่งกว่าจะไปขึ้นสังเวียนมวยลุมพินีซะอีก!!
"มึงเห็นเตนล์บ้างมั้ย" ผมถามเสียงเครียดพยายามอย่างยิ่งที่จะสงบสติอารมณ์
"มึงจะไปคุยกับเค้าเหรอ" ไอ้จอห์นถาม
"เออ"
"พี่โอเคปะวะ"
"กู-ไม่-โอเค"
"แล้วมึงจะทำอะไรได้..." ไอ้จอห์นพูดจบก็มองหน้าผมนิ่ง ขณะที่อารมณ์ผมตอนนี้กำลังเดือดสุดปรอท ยิ่งฟังมันพูดยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจถูกขยี้เข้าไปอีก
"นั้นสิ! คนอย่างกูที่แม่งไม่มีอะไรเลยจะไปทำอะไรได้ ก็ไอ้นั่นแม่งเป็นถึงประธานบริษัท!" ผมโพล่งจบไอ้จอห์นกับพวกพี่โซลก็รีบพุ่งเข้ามาตะครุบปากผมทันที เพราะพนักงานคนอื่นเริ่มหันมาให้ความสนใจทางผมเป็นที่เรียบร้อย
"กูว่าตอนนี้มึงไม่พร้อมไปคุยกับคุณเตนล์หรอกว่ะ" ก่อนที่ผมจะระเบิดออกมาตรงหน้าออฟฟิศ ไอ้จอห์นกับพวกคนอื่นๆก็ดันผมเข้าไปในลิฟท์พอดี ผมยังคงสงบสติอารมณ์ไม่ได้จึงมองไอ้จอห์นแล้วตะคอกมันเสียงดัง
"แล้วกูไม่มีสิทธิจะตัดพ้อเหรอวะ!"
จบคำพูดนั้น หางตาผมก็เหลือบไปเห็นไอ้มาร์คพุ่งมารั้งตัวผมไว้ทันที มันคงคิดว่าผมอาจจะเผลอตัวอาละวาดหนักข้อเกินไปล่ะมั้ง ซึ่งโชคดีที่ผมยังเดือดไม่ถึงขั้นนั้น
"มึงมีสิทธิเว้ย แต่ตอนนี้สิ่งที่มึงไม่มีคือ สติ สงบสติก่อนเหอะว่ะ มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ มึงคิดซะว่าแม่งเป็นแค่เรื่องงานดิ"
"แต่กูไม่ไว้ใจไอ้คุณเจย์!"
"แล้วคุณเตนล์อะ"
"กูยังไม่ได้คืนดีกับเตนล์ด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้สถานการณ์ของเค้ากับกูมันจะดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ แต่กูเองก็ยังไม่มีสิทธิที่จะไว้ใจหรือไม่ไว้ใจเตนล์ปะวะ คือเอาง่ายๆกูแม่งไม่มีสิทธิอะไรเลยเว้ย"
"ย้งคิดมากไปแล้ว" ขณะที่ผมกับไอ้จอห์นเถียงกันคอเป็นเอ็น จู่ๆเสียงพี่โซลก็ดังแทรกขึ้นมานุ่มๆ
"พี่ว่าบางที คุณเตนล์อาจจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ได้นะ"
"ตี๋เองก็ว่าพี่รีบตัดสินเร็วไปนะครับ เรายังไม่รู้กันแน่ชัดเลยว่าการย้ายตำแหน่งกระทันหันของคุณเตนล์มันมาจากเรื่องงานจริงๆหรือเรื่องส่วนตัว"
ติ้ง!
และก่อนที่จะมีบทสนทนามากไปกว่านั้นลิฟท์ก็เปิดออกพอดี ผมและพวกไอ้จอห์นจึงสงบปากสงบคำ ไม่ได้คุยอะไรกันต่อ เพราะตอนนี้พวกเรากำลังอยู่หน้าสำนักงานที่มีฝ่ายเซลล์มากมายเดินไปเดินมากันให้ควั่ก
อันที่จริงผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อด้วยแหละเพราะ
"..."
"กูอยากเมาว่ะ" ผมพูดเพียงเท่านั้น พวกแก๊งหนุ่มเหงาจึงพยักหน้าให้อย่างพร้อมเพรียงแล้วจากนั้นพวกเราก็เดินกันออกจากออฟฟิศไปโดยมีพี่แจ้ยืนรออยู่หน้าตึกตรงนั้น
พี่แจ้ถูกพวกไอ้จอห์นหาทางไล่กลับบ้านทันทีที่กินเบียร์หมดไปหนึ่งขวด เนื่องด้วยทุกคนรู้ดีว่าผมไม่มีทางเปิดปากพูดถึงเรื่องเตนล์ต่อหน้าคนอื่นนอกจากพวกมัน
เอาจริงๆ ตอนนี้ผมก็เริ่มๆจะมึนหัวหน่อยๆเพราะว่าตั้งแต่มาถึงร้านเหล้าผมก็กระดกเครื่องดื่มมึนเมาเข้าปากเป็นว่าเล่น..พวกไอ้จอห์นถึงกับต้องพากันแย่งแก้วเหล้าออกจากมือผมกันจ้าละหวั่น แต่ผมก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งดื่มเหล้าทั้งกลมหมดไป
"เอิ้ก" แล้วก็เรอออกมาอัดหน้าทุกคนอีกรอบ
"ไอ้ห่าย้ง พอได้แล้ว มึงเมาแล้ว"
"ย้งไม่มาวว"
"โว้ย ไอ้พี่ย้ง เมาเป็นหมาแล้วยังกล้าบอกตัวเองไม่เมา ดูไอ้ตี๋เป็นตัวอย่างดิวะเมาก็บอกว่าเมาแถมยังเมาเป็นเป็นหมาอีกเนี่ย!"
"โบร๋วววว"
"กูประชด!!"
ไอ้น้องมาร์คตะคอกไอ้ตี๋ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่ไอ้ตี๋เอาแต่คลานกับพื้นแล้วเห่าเนียนเป็นรีทรีฟเวอร์เลยน้ามึง ผมหัวเราะเอิ้กๆอย่างชอบใจที่เห็นพวกมันทำตัวบ้าๆบอๆใส่กันไปมา ขณะที่หัวเราะได้สักพักผมก็ร้องไห้ออกมาไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อยู่ๆก็อยากร้องไห้ แล้วผมก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังพลางกอดขวดเหล้าแล้วปาดขี้มูกไปด้วย
"กูอ่าน้า สู้อุตส่าห์ไปซื้อนาฬิกาหรูวว เพื่อที่จาปายขอโทษเค้า แต่พวกมึงดูเด่ นาฬิกากูแพงแค่หนายยก็สู้อ้ายปาทานน้านม่ายด้ายย"
"มึงอะคิดมาก"
"กูม่ายด้ายคิดมาก ดูเด่ดู กูเก็บตางสามเดือนฟ่าจาได้เงินไปซื้อแต่อ้ายท่านปาทานน้านพูดคำเดียวเตนล์ก็ได้เลื่อนขั้นล้าวอ่า มันยุดติทามกันดีอยู่หรือออ"
"มันยุดติทามกานดีหรือรายยย"
"ขอบคุนนน้าตี๋ มีร้องสร้อยให้พี่ด้วย เอิ้ก"
"พวกมึงท่าจะเป็นหนักแล้วนะ กูจะแบกพวกมึงกลับแล้ว เลิกแดกสักที"
"กูไม่ได้เป็นหนักน้า"
"แล้วย้งเป็นอะไรครับ"
"เปนเด็กบ้านบ้านนนน เปนเด็กเลี้ยงวัวว เนื้อตัวม่ายยใสสาอาด...อุ้บ"
ก่อนที่ผมจะร้องเพลงจนจบท่อน อีจ่าจอห์นก็ตะครุบปากผมเอาไว้ก่อนจะหันไปหาพี่โซลทันที
"ไอ้ห่าโซล มึงไปตบมุกกับมันทำไมวะฮะ"
"ก็จังหวะมันมาแล้วอะครับ"
"เอิ้กๆ พูดมากกานจาง เนี่ยย ดูนี่เซ่ นาฬิกาสวยม้าย" พอเห็นทุกคนกำลังเถียงกันเรื่องอื่นนอกจากเรื่องของผมผมเลยรวบรวมสติควักนาฬิกาแบรนด์หรูออกมาจากกระเป๋ากระดาษทันที
"มึงก็บ้าจี้อะไรขึ้นมาวะ ไปซื้อนาฬิกาเป็นหมื่นเนี่ยนะ รวยหนักเหรอ ค่าเช่าห้องจ่ายครบแล้วถูกมั้ย"
"ย้งไม่ได้บ้าจี้น้า ย้งซื้อไปคืนหมวยยยตะหากกก"
"หมวย ?"
"ก็เตนล์ไงนังโง่"
"ทำไมคำด่าพี่มันพูดชัดจังครับ" เป็นไอ้น้องมาร์คที่บ่นใส่หูอีจ่าเบาๆ ก่อนที่มันจะถูกผมพูดแทรกขึ้นมาอีกรอบ
"ก็กูอ่าน้า เคยเอานาฬิกาแบรนด์แพงๆของหมวยปายจำนำปาจามเลยยย เอิ้ก"
"เดี๋ยว มึงว่าไรนะ"
"ย้งเคยเอานาฬิกาคุณเตนล์ไปจำนำเหรอ ?"
"เยสส"
"หลายเรือนด้วย ?"
"เยสสสสส"
"โห้ เมื่อก่อนพี่ย้งเป็นขนาดนี้เลยเหรอวะ"
"เค้าเก่งช่ายม้าย"
"เก่งพ่อมึงสิพี่ โคตรเลวเลยครับ!"
"กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมครั้งแรกที่เจอมึงเค้าถึงได้เตะผ่าหมากมึงขนาดนั้น!"
"พวกหัวลุนแลง น่ากัวว" พอเห็นไอ้จอห์นจะโบกหัวผม ผมก็มุดโต๊ะหนีไปนอนทับไอ้ตี๋อย่างหมดสติ เอิ้ก พอลุกขึ้นมาได้ก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนติ้วเลยครับ อ่า สลีปปิ้งดีกว่าหมู่ฮาวว
"อ้าว ไอ้ย้งๆ สลบตามไอ้ตี๋ไปอีกคนแล้ว"
"งืมๆ"
"พากลับเลยดีมั้ยครับ"
"เออ"
"เดี๋ยวก่อนพี่ ดูนั่นดิ"
แม้ว่าผมจะหมดสติไปแล้วแต่หูก็ยังคงได้ยินเสียงพวกไอ้จอห์นอื้ออึงอยู่ในหู...แง่มๆ...สักพักภาพก็ตัดไปจนกระทั่งผมรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆที่โอบผมอยู่...
เตนล์เหรอ ?
เธอกลับมาหาเราแล้วใช่มั้ย
ฮื่อออ
เราคิดถึงเธอจะตายอยู่แล้ว
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
คิดถึงเรื่องนี้มากมาย ชอบสุดๆ