ตอนที่ 2 : CHAPTER 1 — LOSE CONTROL
CHAPTER 1
— LOSE CONTROL —
ทั้งเรื่องตู้ไปรษณีย์ที่เป็นสีแดง ทั้งเรื่องที่ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า หรือแม้แต่ตัวเขาที่เกิดมาเป็นโอเมก้า ทำไมถึงยอมรับมันไม่ได้เลยสักอย่าง ในมนุษย์เราตั้งแต่เกิดมาแล้วนั้น จะมีเพศที่ติดตัวกันมาตั้งแต่เกิด ซึ่งนั่นเรามักจะเรียกกันว่าเพศที่หนึ่ง หรือก็คือเพศชายหรือเพศหญิง และเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ในตอนที่เด็กๆเหล่านั้นเติบโตขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ก็จะมีการตรวจร่างกายเมื่ออายุครบ 12 ปี ในโรงเรียนทุกๆแห่ง หรือทุกๆโรงพยาบาล พูดง่ายๆว่าเป็นมาตรการของทางรัฐบาลที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของเหล่าผู้ปกครองพ่อแม่ทั้งหลายให้น้อยลงไปยิ่งขึ้น
ซึ่งเพศที่สองที่ว่าไปนั้นก็จะแบ่งประเภทแยกออกมาได้ดังนี้ อัลฟ่า α เบต้า β และ โอเมก้า Ω ถ้าจะถามถึงความแตกต่างล่ะก็ สำหรับเขาก็คงเป็น.. อัลฟ่า α คือผู้ที่ผูกพันธสัญญา คนประเภทนี้มักจะมองออกง่าย อัลฟ่าส่วนใหญ่จะถูกเลือกให้เป็นผู้ประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน อาทิเช่น เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย มั่งคั่ง ผลการเรียนดีเยี่ยม อัธยาศัยดีเป็นที่รักของทุกคน ฟังๆดูแล้วนี่มันก็น่าหมั่นไส้ใช่ไหมล่ะ เขาละเกลียดพวกนี้จริงๆ อัลฟ่าจำพวกดีๆก็มีเยอะ แต่อัลฟ่านิสัยแย่ๆเย่อหยิ่งทะนงตนก็เยอะเสียยิ่งกว่า พวกนั้นมักชอบกดหัวคนอื่นให้จมดิน และดูถูกคนอื่นที่อยู่ต่ำกว่าตนเสมอ เหอะ
และต่อไปก็คือ เบต้า β เบต้าเป็นจำพวกที่มีอยู่เยอะที่สุดในทั้งสามเพศที่ว่ามาเลยก็ว่าได้ เบต้าสำหรับเขาแล้วจะว่ายังไงดีล่ะ ลูกไล่ของพวกอัลฟ่าเหรอ? คงจะประมาณนั้น ชอบเอาอกเอาใจพวกอัลฟ่าเสมอ สนองอารมณ์ให้พวกนั้น สั่งให้ทำอะไรก็มักจะทำตามอย่างว่าง่าย จะว่าไปเบต้าก็เหมือนพวกมนุษย์ปกติธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรือแตกต่างไปเท่าไหร่
และเพศสุดท้าย นั่นก็คือโอเมก้า Ω หรือผู้ที่ถูกเลือก โอเมก้าเป็นประเภทที่มีอยู่จำนวนน้อยที่สุดจากในทั้งสามเพศนั้นเลยก็ว่าได้ บ่อยครั้งที่โอเมก้าจะโดนดูถูกจากทั้งอัลฟ่าและเบต้า เพราะโอเมก้ามักเป็นฝ่ายที่ถูกกดขี่และโดนย่ำยีอยู่เสมอ โอเมก้าเป็นเพศที่สามารถตั้งท้องเพื่อให้กำเนิดบุตรขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง บ่อยครั้งที่เรามักจะเจอโอเมก้าส่วนใหญ่ที่ขายร่างกายตัวเองเพื่อกับแลกเศษเงินเล็กน้อย เพื่อปากท้องและความอยู่รอดไปวันๆ แต่สำหรับคิมฮันบินคนนี้แล้ว ไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ ก็เขาน่ะ..
เอ๊ะ.. ทำไมเขาต้องมาคิดเรื่องพวกนี้ให้ปวดหัวด้วยล่ะ? บ้าจริงๆเรา
“ โอย แย่จังแฮะ.. ” เขาส่ายหัวเบาๆเพื่อไล่อาการคิดเรื่อยเปื่อยนี่ให้ออกไปจากหัวเสียที มันทำให้เขาเรียนไม่รู้เรื่องเอาซะเลย ไอ้เรื่องพวกนี้นี่มันไม่เหมาะกับเขาเลยแฮะ
“ ฮันบิน เป็นอะไรรึเปล่า? นายดูเหม่อๆนะ อาจารย์แชรินมองใหญ่แล้วตั้งใจเรียนหน่อยสิ ” คิมจินฮวานเพื่อนรักของเขาเองล่ะ เห็นบ่นงุบงิบแบบนี้ จริงๆหมอนี่ก็เก่งใช่ย่อย ทั้งเรื่องเรียนเองก็เก่งมากเหมือนกัน แต่ก็น้อยกว่าเขานะ เพราะเขาเก่งที่สุดในระดับชั้นปีมัธยมปีที่5นี่แล้ว เรื่องกีฬาเองก็ไม่ธรรมดา วิ่งเร็วชะมัด อาจจะเพราะขาสั้นๆนั่นทำให้สับเท้าไวรึเปล่านะ? แต่เจ๋งจริงๆนั่นแหละ หมายถึงในหลายๆความหมาย อย่างกับอัลฟ่าเลยล่ะ แต่น่าเสียดายที่เป็นแค่โอเมก้า
“ ระดับฉันแล้วจะไปเป็นอะไรได้ยังไงกันล่ะ ช่วงนี้ฉันก็แค่นอนไม่พอ อย่าห่วงเลยนะ ” เขาทำเพียงแค่ฉีกยิ้มกว้างส่งกลับไปให้เพื่อนตัวน้อยที่ห่วงอาการของเขาอย่างออกหน้าออกตาเพื่อให้หายกลุ้มใจแทนเขาเสียที
“ ถ้ามีปัญหาอะไรนายก็บอกกับฉันตรงๆได้ โอเคมั้ย? เพราะนายเป็นเพื่อนรักคนเดียวของฉันเลยนะ อย่าทำให้ฉันเป็นห่วงนักสิ ” จินฮวานเอื้อมมือน้อยๆที่ใช้จับปากกาอยู่บ่อยๆนี่มาลูบหัวเขาเบาๆ
“ แน่นอน ฉันจะบอกนายคนแรกเลย ถ้ามีอะไรล่ะก็นะ.. ” รู้สึกผิดจังเลยแฮะ แต่ทำไงได้ล่ะ จริงๆช่วงนี้ก็มีปัญหาอย่างนึงเกิดขึ้นกับเขาเหมือนกัน เหมือนว่าตอนนี้ร่างกายมันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นักเลย รู้สึกอ่อนแอแปลกๆยังไงชอบกล ทั้งๆที่ตัวเขาเองก็ออกกำลังกายอยู่บ่อยๆ นั่นอาจจะเพราะก็ตัวเองเป็นโอเมก้านี่เนอะ นี่มันแย่จริงๆ ต้องออกกำลังกายให้มากกว่านี้แล้ว ถ้าถูกจับได้เข้าว่าเป็นโอเมก้าเขาจะต้องแย่มากกว่านี้ร้อยเท่าแน่ๆ นั่นมันโคตรจะอันตรายเลยล่ะ
ชีวิตที่เป็นอยู่ของเขาตอนนี้มันกำลังดีสุดๆ เขาทั้งเรียนเก่ง หน้าตาก็ดีจัดว่าใช้ได้ สาวๆส่วนใหญ่ก็คอยมาตามตื้ออยู่บ่อยครั้ง ทั้งเรื่องกีฬา ทั้งความสามารถเขาก็ไม่เคยแพ้ใคร ทางครอบครัวเองก็จัดว่าอยู่ในฐานะที่รวยไม่เบาเลยล่ะ คุณพ่อและคุณแม่ของเขาเองก็ถือว่าเป็นคนเก่ง แถมทั้งสองท่านตอนนี้ก็บริหารงานอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งคู่ และเพราะแบบนั้นเขาจึงได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้อ่อนแอและแพ้ใคร โดยเฉพาะคนอย่างพวกอัลฟ่า
ที่จริงแล้วครอบครัวของเขาไม่ได้เกลียดหรือว่าดูถูกพวกอัลฟ่าหรอกนะ เพราะคุณพ่อกับคุณแม่เองก็.. อืม คุณพ่อเป็นโอเมก้าล่ะ แล้วคุณแม่ก็เป็นอัลฟ่า มันสลับกันใช่ไหมล่ะ แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกนะ มันสามารถเกิดขึ้นได้ เพราะยังไง คุณพ่อกับคุณแม่ของเขาท่านก็เป็นเพศชายและเพศหญิงแต่เดิมอยู่แล้วน่ะนะ คุณแม่มักจะสอนเขาเสมอว่าอย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไร เราจะต้องทำมันให้ดีที่สุด เท่าที่เรายังหายใจอยู่ อย่าทำให้ตัวเองต้องมานั่งเสียใจภายหลังว่าเรายังทำได้ไม่ถึงที่สุดของเราเลย เพราะเป็นแบบนั้น เขาถึงพยายามมากมายที่จะปกปิดความลับเรื่องที่เขาเป็นโอเมก้า
ทำไมถึงต้องปกปิดเรื่องที่เขาเป็นโอเมก้าน่ะเหรอ เพราะว่าโลกใบนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ หรือพวกคนเลวๆอย่างพวกอัลฟ่าบางคนที่น่าขยะแขยง เขาพบเห็นมันมาตลอดตั้งแต่เขาจำความได้ แต่ที่หนักที่สุดเห็นจะเกิดขึ้นในตอนที่เขาเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยที่มีการตรวจเพศที่สอง เพื่อนๆบางคนก็เริ่มแปลกไป คนที่เป็นอัลฟ่า โอ้อวดตัวเอง และทำร้ายร่างกายหรือแกล้งพวกเบต้ากับโอเมก้าอยู่หลายครั้ง ด่าทอกันด้วยคำหยาบคาย มีหลายครั้งที่เขาเห็นว่าโอเมก้าบางคนถูกด่าทอว่าเป็น โสเภณีเอย สำส่อนเอย ทั้งๆที่บางครั้งนั้นก็ไม่ใช่ความจริง และไม่มีใครสักคนคิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยคนเหล่านั้นเลยสักคน รวมทั้งตัวเขาก็ด้วย ในตอนนั้นเขายังไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำแบบนั้น และเพราะตอนนั้นเองก็ด้วย ที่ทำให้เขาเริ่มที่จะปกปิดตัวตนเสมอมา
อัลฟ่าและอัลฟ่ามักจะคบหากันเองเป็นกลุ่มเพื่อนใหญ่ๆ และคอยมองหาหรือตามแกล้งคนอื่นที่คิดว่าอยู่ต่ำกว่าตัวเอง แต่นั่นจะไม่ใช่แค่เรื่องการล้อเล่นกันอีกต่อไป เมื่อการแกล้งกันมาเริ่มที่จะหนักข้อขึ้น เมื่อคนที่โดนกระทำเริ่มจะลุกขึ้นสู้ เรื่องทุกอย่างก็จะโหดร้ายลงไปเสมอ พวกนั้นเห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่น และที่ไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยก็เพราะว่าตัวเองไม่อยากจะโดนลูกหลง แน่สิ ใครมันจะอยากเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้ไปตลอดชีวิต
โลกนี้มันขยะ นี่มันบ้าชัดๆ ทำไมพระเจ้าต้องสร้างเพศที่สองมาให้พวกเราด้วย เขาไม่ได้อยากได้มันเลย ร่างกายนี้ ร่างกายที่ต้องแบกรับภาระอย่างเรื่องบ้าๆนี่
ตัวเขาเองจะกินยาระงับเสมอเพื่อไม่ให้เกิดอาการฮีท เขาทุ่มเงินเก็บที่มีไปกับยาพวกนั้น ตัวที่แรงที่สุด และก็แพงที่สุด เพื่อที่จะทำให้เขาได้เก็บความลับนี้ไปได้อีกยาวนาน แต่ยาก็คือยาล่ะนะ กินเยอะเกินไปบางครั้งก็ไม่ได้ส่งผลดีเสมอ มันเห็นได้ชัดในช่วงนี้ อาการของเขาเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ
ในช่วงฮีทแต่ละครั้งจะกินระยะยาวประมาณ 1 สัปดาห์ ในแต่ละเดือน อาจจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับช่วงนั้นของแต่ละคน การฮีทแต่ละครั้งเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากและน่ารำคาญ นั่นจึงเป็นสาเหตุนึงที่เขายอมลงทุนออมเงินค่าขนมไปลงกับยาระงับพวกนั้น แม้ว่าตอนนี้ที่เขาอายุได้17ปีแล้ว จะยังไม่เคยเกิดเรื่องที่ว่าหรือฮีทเลยสักครั้ง แต่โลกนี้ที่เขาเห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันก็มากพอที่จะทำให้เขาอยากจะหยุดอาการของมันไว้แค่ตรงนี้
“ ไปกินข้าวกันเถอะฮันบิน หมดคาบแล้วนะ ” จินฮวานใช้ข้อศอกน้อยๆสะกิดเบาๆเข้าที่เอวของเขา เพื่อเรียกสติที่หายไปให้กลับคืนมาอีกครั้ง
“ หมดเวลาแล้วเหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ ฉันเรียนไม่รู้เรื่องเลยอะวันนี้ จินฮวานนายคงต้องช่วยฉันอีกแล้วล่ะน้า ” เขาเอื้อมแขนไปกอดเอวคนตรงหน้า แล้วเอาแก้มถูวนไปมาออดอ้อนเหมือนทุกครั้ง เขาชอบที่จะอ้อนจินฮวานแบบนี้ ตัวของจินฮวานเล็กกว่าเขาอยู่นิดหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกกับจินฮวานเหมือนเป็นพี่ชายที่อบอุ่นคอยดูแลเขาไม่ห่างอยู่เสมอ
“ อ่าๆ ฉันรู้แล้วน่า ฉันรู้แล้ว ปล่อยฉันสักทีเถอะเจ้าบ้านี่ ที่จริงฉันก็เห็นนายเหม่อๆมาสักพักแล้วล่ะ ฉันก็เลยจดโน้ตไว้เผื่อนายด้วยนะ อ่ะ รับไปสิ ” จินฮวานพูดพร้อมกับยื่นสมุดโน้ตเล่มเล็กส่งมาให้ เห็นไหมล่ะ จินฮวานนี่ดีกับเขาจริงๆเลย ดีแบบที่ไม่มีอะไรแอบแฝงเหมือนคนอื่นๆ
“ จินฮวานของฉันนี่น่ารักจริงๆ ฉันรักนายที่สุดเลยจินฮวาน ” เขาพูดพร้อมกับกอดอ้อนคนตัวเล็กอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยอีกคนแล้วยื่นมือไปรับสมุดโน้ตไว้ เขาเก็บมันลงใส่กระเป๋า เตรียมพร้อมจะลุกขึ้นไปโรงอาหารอย่างที่คนตัวเล็กบอกตอนแรกอย่างว่าง่าย
“ อ๊ะๆ มีคนมาพลอดรักอะไรกันแถวนี้นะ ”
“ ยุ่งน่า เรื่องของฉัน ฉันรักจินฮวานแบบเพื่อนต่างหากล่ะ ” เขาพูดออกไปอย่างหน้าตาเฉย ก็นี่มันเรื่องจริง และเขาก็ไม่ได้โกหก แถมจินฮวานเองก็เหมือนจะมีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย แต่เขาไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องแบบนี้ของคนอื่นสักเท่าไหร่หรอกนะ
“ ฉันก็แซวเล่นขำๆปะ จริงจังไปทำไม ”
“ ก็ไม่ได้จริงจัง นายต่างหากล่ะที่คิดไปเองยุนฮยอง ” เขายักไหล่ใส่คนตรงหน้า เป็นการยืนยันว่าที่พูดนั่นเรื่องจริงแท้แน่นอน เจ้าหมอนี่เป็นเบต้า ไม่มีพิษมีภัยแต่กวนโอ้ยสุดๆ
“ เออ ยอม จะไปกินข้าวได้รึยังคุณชาย หิวจะตายแล้วว่ะครับ ” เจ้าตัวคนพูดทำท่าทางเนือยๆคล้ายกับเหนื่อยที่จะออกแรงเถียงสู้กับเขาเต็มทน
“ ก็นายมาชวนฉันทะเลาะทำไมอะ แล้วไอ้บ้านั่นจะยืนเป็นกำแพงอีกนานแค่ไหน นี่จะยกพวกมาตีกับใครรึเปล่า เลิกทำหน้าแบบนั้นนะชานอู! คนอื่นกลัวหมดกันหมดแล้ว ” ตัวน่ารำคาญคนที่สองโผล่มาอีกคนแล้ว ไอ้สองแฝดนี่มันน่ารำคาญจริงๆ คนนึงก็พูดมาก คนนึงก็เงียบเป็นเป่าสาก แถมพอไม่พูดหน้าเหมือนมาเฟียไม่มีผิด ดูไม่เข้ากันเอาเสียเลย เป็นฝาแฝดกันได้ยังไงนะ
“ อย่าหาเรื่องเจ้านี่หน่อยเลยน่า นายก็รีบได้แล้ว เดี๋ยวก็อดได้ที่นั่งดีๆกันหมดหรอก ”
“ อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่า ฉันไม่แหย่แล้วก็ได้ เราไปกันเถอะ ”
———
“ เดี๋ยวฉันกับจินฮวานจะนั่งเฝ้าที่โต๊ะให้ก่อนเองนะ พวกนายสองคนรีบไปรีบมา ฉันหิวมากแล้ว ”
“ ทำมาเป็นบอกให้รีบ ก็ไอ้คนที่ชวนฉันทะเลาะเมื่อกี้นั่นมันก็นายเองไม่ใช่รึไง ” จู่ๆ ยุนฮยองก็ยื่นมือเข้ามาใกล้ ไม่ทันให้เขาได้สงสัยมากกว่านั้น มือหนาที่อยู่ตรงหน้าก็ดีดเข้าที่หน้าผากของเขาอย่างแรง
เป๊าะ!
“ ไอ้บ้าเอ้ย เจ็บนะเฟ้ย! นายอยากตายรึไง ” คนที่ทำร้ายเขาไม่แม้แต่จะยอมอยู่ฟัง วิ่งหนีไปไกลตั้งขนาดนั้นแล้ว เขาทำได้แค่ตะโกนโหวกเวกอยู่คนเดียว บ้าจริง!
“ ฮันบินนา ใจเย็นๆนะ ” จินฮวานลูบหลังเขาอย่างใจเย็น แม่นี่เป็นแม่จริงๆ แม่จินฮวานครับ มันแกล้งผมอะแม่!!!
“ เราจะกิ..น ” เขางับปากลงในทันที สายตาของเขากำลังจับจ้องไปยังกลุ่มบุคคลที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ พวกนั้นเดินเข้ามาเป็นกลุ่มสะดุดตาชวนมองจริงๆ แต่คนที่ดึงดูดเขาเอาไว้ได้มีแค่คนเดียว คือเจ้าคนตัวสูงๆนั่น กลุ่มผมสีดำ ไหล่กว้างๆนี่คงทำให้สาวๆหลายคนหลงใหลกันมาแล้วนักต่อนักสินะ ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่เขาก็ไม่สามารถละสายตาจากผู้ชายคนนี้ไปได้เลย กูจุนฮเว รุ่นน้องคนดังอีกคนหนึ่งที่อยู่ร่วมรั้วโรงเรียนเดียวกันกับเขา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจุนฮเวคนนั้นคงเป็นที่รักของใครหลายๆคน เสน่ห์เฉพาะตัวของอัลฟ่างั้นเหรอ มองไม่เบื่อเลยแฮะ..
“ เขาใช้ได้เลยนะ นายว่ามั้ย? ” จินฮวานหันมากระซิบข้างหูของเขาเบาๆพอให้เราได้ยินกันแค่สองคน แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่เดียวกันอยู่เหมือนเดิม
“ หมายถึงจุนฮเว? ใช้ได้เรื่อง? ”
“ นายไม่คิดงั้นเหรอ ฉันว่าจุนฮเวดูเป็นสุภาพบุรุษมากเลยนะ อัธยาศัยก็ดี หน้าตาก็ดี ฐานะก็ดีอีก ฉันคิดว่าถ้าฉันต้องคู่กับใครสักคน ฉันก็อยากได้คนแบบหมอนี่ล่ะ คิกๆ ” จินฮวานพูดเสร็จก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่เขานี่สิ ไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าขำเลยสักนิด รู้สึกหงุดหงิดยังไงชอบกล เขามองจุนฮเวไปจนสุดสายตา จุนฮเวดูดีทุกส่วนจริงๆ พักหลังมานี้เวลาเหม่อๆเขาก็แอบเผลอมองตามจุนฮเวอยู่บ่อยๆ หมอนี่ก็ดีนะ ถ้าได้เป็นคู่แห่งโชคชะตาอย่างที่จินฮวานบอก แต่ใช่ว่าเขาเองอยากจะมีคู่ชีวิตอะไรตอนนี้หรอกนะ เขาอยากจะใช้ชีวิตวัยรุ่นไปเรื่อยๆเพื่อเจอเรื่องสนุกให้ได้มากที่สุด ก่อนจะออกไปพบโลกแห่งความเป็นจริงซะมากกว่า
“ ไม่รู้สิ ก็ฉันเป็นอัลฟ่า ” ใช่ แม้แต่จินฮวานเพื่อนซี้ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นโอเมก้า ความลับมันจะเป็นความลับต่อไป ถ้าหากคนรู้ยิ่งน้อยก็ยิ่งดี แต่ไม่ใช่ว่าเขาไม่ไว้ใจจินฮวานหรอกนะ แต่ส่วนลึกในใจมันยอมให้ใครนอกจากคนในครอบครัวมารับรู้ไม่ได้จริงๆ เขาน่ะกลัว กลัวเพื่อนๆจะเปลี่ยนไป แม้แต่จินฮวานที่แสนจะจิตใจดีคนนี้ เขาก็กลัว ไม่มีเครื่องยืนยันว่ามิตรภาพจะยังอยู่ตลอดกาลถ้าหากเขาเปิดเผยมัน
“ รู้สึกอิจฉานายอยู่หน่อยๆแฮะ เป็นอัลฟ่านี่ดีจังนะ แถมยังไม่ต้องมาทรมานกับช่วงฮีท ไม่ต้องพยายามอะไรก็สำเร็จได้ง่ายๆ ถ้านายแค่ตั้งใจทำ แต่ฉันไม่แปลกใจเลยนะที่เห็นนายท็อปทุกวิชา ขนาดนายเป็นอัลฟ่า แต่นายเองก็ยังทุ่มเทอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียนอยู่บ่อยๆ ฉันเห็นนะ ทั้งๆที่นายไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้ ”
ผิดแล้วล่ะที่นายคิด นั่นมันกลับกันเลยต่างหาก
เพราะเขาไม่ใช่อัลฟ่า
และที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขาต้องพยายามมากกว่าใคร
เพราะเกลียดคำดูถูก
ที่เพราะเป็นแค่โอเมก้าเลยจะมาจำกัดความคนอย่างเขา อย่ามาทำให้ขำหน่อยเลยน่า
เขาจะไม่ยอมแพ้เหมือนคนพวกนั้นเด็ดขาด
โชคชะตาของเขา เขาจะเป็นคนที่จะเปลี่ยนมันเอง!
“ จินฮวาน ฉันพูดจริงๆนะ นายเก่งกว่าอัลฟ่าบางคนที่เอาแต่ทำตัวเหลาะแหละ เอาแต่เที่ยวเอาแต่เล่นไปวันๆ อัลฟ่าบางคนมันน่ารังเกียจ และฉันน่ะเกลียดพวกมันมากจริงๆจากส่วนลึกในจิตใจของฉัน ถ้าฉันเกิดมาเป็นโอเมก้า ฉันจะไม่มีทางยอมแพ้ต่อโชคชะตา นายจำคำพูดของฉันเอาไว้เลย ไม่มีใครมากำหนดชีวิตฉันได้นอกจากตัวของฉันเองเท่านั้น! ” เขากำหมัดแน่น เขายังนึกเกลียดพระเจ้าอยู่เสมอที่ทำให้เขากลายมาเป็นคนแบบนี้
“ นาย.. คิ้วขมวดแล้วนะ จริงจังไปรึเปล่าฮันบิน ช่วงนี้นายดูเครียดเอามากๆ ผ่อนคลายหน่อยสิ อายุก็เท่านี้เอง ทำตัวขี้บ่นเป็นคนแก่ไปได้ ” จินฮวานแกล้งเอานิ้วจิ้มตรงหัวคิ้วของเขาเบาๆ และมันก็คลายออกอย่างง่ายดาย จินฮวานทำให้เขายิ้มได้เสมอ คอยอยู่เคียงข้างเขามาตลอด สักวันนึงเขาจะต้องรวบรวมความกล้าเพื่อบอกกับจินฮวานให้ได้ วันนั้นมันต้องมาถึงแน่ สักวันหนึ่ง..
“ บ้าน่า จริงจังอะไรกัน ฉันก็แค่อยากจะชมนายบ้างเท่านั้นเอง ก็นายน่ะชอบเอาแต่ดูถูกตัวเอง นายเก่งจะตาย คนเราถ้าพยายามอยากจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่แพ้ใครหน้าไหนหรอกน่า นายไม่คิดงั้นเหรอ ฮ่าๆๆๆ ” เขาหัวเราะออกมาจากใจจริง เขานึกดีใจอยู่เสมอที่ได้รู้จักกับจินฮวาน อยากเล่าทุกๆเรื่องให้หมอนี่ฟังในสักวันหนึ่ง
“ สามี-ภรรยา คู่นี้กำลังทำอะไรกันอยู่ครับ จู๋จี๋กันเชียวนะ ให้ลูกชายแบบผมอยู่เป็นสักขีพยานรักด้วยคนสิครับ ปะป๊า หม่าม๊า ” เจ้าสองตัวน่ารำคาญเดินมายืนค้ำหัวของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก่อนจะค่อยๆวางถาดข้าวลงข้างๆเขาช้าๆอย่างใจเย็น
“ สามี-ภรรยา บ้าบออะไร นายนี่มันจริงๆเลยยุนฮยอง หัดเก็บปากแล้วอยู่เงียบๆแบบชานอูบ้างจะได้ไหม ” เขาหยิบกระเป๋าเงินใบยาวที่วางอยู่ตรงหน้า ฟาดเข้าที่ต้นขาอีกฝ่ายอย่างแรงเพื่อเป็นการเอาคืนที่ดีดหน้าผากเขา
แป๊ะ!!
“ ย๊า!!! เนื้อเน้นๆเลยนะเนี่ย ” เป็นตาของยุนฮยองบ้างแล้วที่ยืนโหวกเหวกโวยวายอยู่คนเดียวที่โต๊ะ คนอื่นในโรงอาหารก็เอาแต่มองด้วยความขำขันเป็นเรื่องปกติ พวกเขามักจะแหย่กันเล่นแบบนี้เป็นประจำ
เขาจับมือจินฮวานแล้วลุกขึ้นวิ่งออกไปทันที แต่วิ่งไปได้ไม่ไกลนักก็รู้สึกเหมือนสมองของเขาพุ่งชนกระแทกเข้ากับกำแพงหินหรืออะไรสักอย่างจนมึนไปหมด เขาหงายหลังล้มลงไปกับพื้น จินฮวานที่วิ่งตามมาด้วยก็รีบปรี่เข้าไปดูอาการอย่างรวดเร็ว
“ เซ่อซ่าจริงๆ เล่นเป็นเด็กไปได้ นายน่ะ อัลฟ่าไม่ใช่เหรอ ”
“ หืม.. ฉันเป็นอัลฟ่าแล้วมันทำไม ” เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นเพชิญหน้ากับอีกคน ถ้าเขาจำไม่ผิด หมอนี่ชื่อ ซงมินโฮ? ใช่รึเปล่านะ
“ ก็ไม่ทำไม มาคบกับพวก โอเมก้า เบต้า แบบนี้ มันดีกับนายแล้วเหรอ ” เขากำหมัดแน่น โดนหาเรื่องเพราะแค่เป็นโอเมก้ากับเบต้าอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อยทำไมเขาถึงหงุดหงิดได้ขนาดนี้กันนะ อาจจะเป็นเพราะหมอนี่อยู่ในอัลฟ่าจำพวกอย่างที่เขาเกลียดสุดๆด้วยละมั้ง ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว อยากชกสักเปรี้ยงใส่หน้าหล่อๆของไอ้บ้านี่จัง
“ มิโน ไม่เอาน่า ไม่เห็นต้องหาเรื่องเขาเลย นายไม่เป็นไรนะ ” คนพูดก้มตัวลงมาพร้อมกับยื่นมือเข้ามาช่วย เขาจับมือนั้นรั้งตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะพูดขอบคุณคนตรงหน้า
“ อ่า ขอบคุณนะครับรุ่นพี่จีวอน ” เขาโค้งให้กับร่างสูงตรงหน้า จริงๆคนที่เขาชนคือรุ่นพี่จีวอนต่างหาก ไม่ใช่หมอนั่นสักหน่อย เดือดร้อนทำไมกัน
“ ไม่เป็นไรใช่ไหม? ฉันขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะ หมอนี่อารมณ์ร้อนน่ะ ” คนพูดยิ้มกว้างออกมาคล้ายจะปลอบใจเขาว่าอย่าไปถือสาไอ้คนบ้าไร้มารยาทนั่นเลย
“ ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ผมเดินไม่ดูทาง รุ่นพี่คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า? ” เขายิ้มให้กับอีกคนที่ท่าทางดูจะเป็นมิตรมากกว่าคนที่หาเรื่องเขาเมื่อครู่ อยู่กลุ่มเดียวกันแท้ๆแต่นิสัยดันต่างกันลิบลับ หรืออาจจะเป็นเพราะรุ่นพี่เป็นเบต้าด้วยล่ะมั้ง น่าสงสารจังไม่น่ามาอยู่กับไอ้เจ้ามินโฮนั่นเลย
“ ฮ่าๆ ฉันไม่เป็นไรหรอก สบายมาก ขอบใจที่ห่วง ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆล่ะ ว่าแต่.. นายชื่ออะไรนะ? ” รุ่นพี่จีวอนหัวเราะไปถามเขาไป เฟรนด์ลี่กว่าที่คิดแฮะ
“ ฮันบินครับ คิม-ฮัน-บิน ว่าแต่.. ผมเคยบอกชื่อกับคุณด้วยเหรอครับ ” ไม่ใช่ว่านี่เป็นการคุยกันครั้งแรกของพวกเราเหรอ หรือเขาอาจจะลืม?
“ ไม่หรอก ไม่เคย เราเพิ่งจะเคยคุยกันครั้งแรก ฉันไปก่อนนะ โชคดี คิม-ฮัน-บิน ” เจ้าของเสียงยิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปลากเพื่อนตัวดีแล้วเดินจากไป หมอนั่นทำหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเขายังไงอย่างงั้นแหละ บ้าจริง
“ ฮันบิน เหลืออีกแค่ 20นาทีแล้วนะ เราก็รีบไปกันเถอะ”
“ อ่าๆ เข้าใจแล้ว ”
จินฮวานจับแขนเขาลากไปลากมาเพื่อซื้ออาหารมากมายกลับมากองไว้บนโต๊ะ หมอนี่ตัวก็เล็กนิดเดียวแต่กินเก่งชะมัด เอาไปเผาพลาญกับอะไรหมดนะ
เขาค่อยๆยัดของกินมากมายลงท้องอย่างไม่รีบร้อนนัก ก่อนจะรีบกลับขึ้นห้องไปกับเพื่อนซี้ทั้งสาม เพื่อไปเรียนวิชาที่ยังเหลืออยู่ต่ออีกสี่คาบให้เสร็จ
———
กริ๊งงงงง
“ ขอโทษนะฮันบิน วันนี้ฉันคงกลับพร้อมนายไม่ได้ ” เพื่อนตัวเล็กพูดอย่างกับมันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่นานๆทีจะได้กลับบ้านด้วยอย่างงั้นแหละ ทั้งๆที่เราก็กลับด้วยกันแบบนี้ทุกวันเป็นปกติอยู่แล้ว
“ ฉันไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า ”
“ ฉันเหรอ? ไม่มีหรอก ช่วงนี้ฉันหาพาร์ทไทม์ทำน่ะ แล้วก็เพิ่งจะเริ่มงานวันนี้วันแรกเลย หลังจากนี้ฉันต้องยุ่งมากกว่าเดิมแน่ๆ ” คนตัวเล็กทำหน้าเหมือนไม่ยี่หระ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็อดห่วงไม่ได้หรอก
“ ถ้านายต้องการความช่วยเหลือ นายบอกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ พึ่งพาฉันด้วยก็ได้ อย่าให้ฉันเอาแต่พึ่งพานายคนเดียวสิ มันดูเห็นแก่ตัว ” เขาอยากให้คนตัวเล็กนี่หัดพึ่งเขาบ้าง เขาก็อยากมีประโยชน์กับเพื่อนบ้างเหมือนกันนะ โดยเฉพาะกับจินฮวานที่คอยดูแลเขาอยู่เสมอ เมื่อมีเรื่องที่เขาพอจะช่วยได้ ก็อยากจะช่วยเหลือให้ถึงที่สุด
“ ไม่เป็นไรจริงๆ ฮันบินนายเหมือนเป็นแม่ฉันเข้าทุกวันแล้วนะ ห่วงอย่างกับฉันเป็นลูกงั้นแหละ ”
“ คนที่เหมือนแม่จริงๆนั่นมันนายต่างหาก เชอะ ช่างเถอะ ถ้ามีอะไรก็รีบๆบอกกัน ฉันไปก่อนนะ ” เขาโบกมือลาให้กับเพื่อนรักที่ตอนนี้วิ่งไปอยู่อีกฝั่งนึงของถนนแล้ว เขามองตามเพื่อนตัวเล็กไปจนสุดสายตาด้วยความเป็นห่วง
แต่จะว่าไปยาระงับก็ใกล้จะหมดพอดี คงต้องซื้อวันนี้แล้วสินะ
เขากำลังเดินเลี่ยงอ้อมมาทางด้านหลังอีกฝั่งนึงของโรงเรียน พื้นที่แถบนี้ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่พวกร้านคาเฟ่อินเตอร์เน็ต ร้านขายของชำ มินิมาร์ท แต่มันก็ค่อนข้างเปลี่ยว เพราะมักจะมีแต่พวกเด็กเกเรมามั่วสุมกันอยู่เป็นประจำ เลยทำให้ไม่ค่อยจะมีใครอยากเสี่ยงเดินมาทางนี้นัก
เดินตรงไปเรื่อยๆอีกหน่อย แล้วเลี้ยวซ้ายไปตรงหัวมุมก็จะพบกับร้านยาเล็กๆ ไม่รอช้า เขาผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก พร้อมกับเสียงของคุณน้าหมอคนเดิมที่เจอกันเป็นประจำทักทายขึ้น
“ ยินดีต้อนรับครับคุณลูกค้า เอ้า ว่าไงเจ้าหนู ” คุณน้าหมอยิ้มกว้างส่งมาให้ เมื่อเห็นว่าลูกค้าที่ว่าไม่ใช่ใครแต่เป็นเขานั่นเอง เขากับคุณน้าหมอสนิทกันมาก อย่างที่รู้ๆ เพราะเขากินยาระงับตลอดมาตั้งแต่เริ่มเข้าช่วงวัยที่ฮีทได้ เขาปรึกษาคุณน้าหมออยู่บ่อยๆ ถึงคุณน้าหมอจะเคยเตือนก็เถอะ ว่าถ้ากินมากเกินไปขนาดนี้ วันนึงอาจจะเกิดอาการดื้อยาขึ้นมาได้ แต่ช่างสิ ใครสน ขอแค่เรียนจบไปก่อน จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น เค้าไม่อยากเสียอนาคตนี่นา
“ สวัสดีฮะคุณน้าหมอ ช่วงนี้ผมอาจจะต้องมาบ่อยขึ้นนะครับ เพราะว่าต้องกินยาระงับมากกว่าเดิม พักนี้ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่เลยฮะ แหะๆ ” เขายิ้มแหยๆส่งไปให้ เพราะรู้ว่าคุณน้าหมอต้องดุเขาอีก อย่างที่เคยโดนแน่ๆ
“ เธอนี่มันเด็กดื้อจริงๆ น้าเตือนเธออยู่บ่อยๆไม่คิดจะฟังกันบ้างเลยเหรอ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเธอจะว่ายังไงฮันบิน ” คุณน้ายกมือขึ้นมาแจกมะเหงกให้เขาหนึ่งที โทษฐานที่ไม่เชื่อฟัง
“ โอ้ย! ผมเจ็บนะครับ แบบนี้ไม่ดีเหรอฮะ คุณน้าจะได้มีผมเป็นลูกค้ารายใหญ่ไง ” เขาเก๊กขรึมทำท่าภูมิอกภูมิใจกับคำว่าลูกรายใหญ่ที่ตัวเองเป็นคนมโนขึ้นมา
“ น้ารวย แต่ถ้าเธอเป็นอะไรไป น้านี่แหละที่จะติดคุก เจ้าเด็กบ้า! กินแค่ที่น้าบอก อย่ากินมากกว่านั้น ไม่งั้นร่างกายเธอรับไม่ไหวแน่ ”
“ ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า เนี่ยกินมาตั้งนานแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย ” เขายืนตรงยืดอกอวดร่างกายให้คุณน้าหมอดู แต่ถึงเรื่องจริงช่วงนี้เขาเริ่มจะหมดแรงเอาดื้อๆอยู่บ่อยๆก็เถอะ แต่ขอดื้ออีกหน่อยไม่บอกแล้วกันนะครับ ขอโทษฮะคุณน้า T v T
“ ตอนนี้ไม่เป็นไร ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่เป็น น้าว่าเธอไม่ควรจะกินยามากไปกว่านี้ ยานี่มันเป็นยาระงับ เธอเข้าใจความหมายของมันรึเปล่า มันไม่มีทางที่จะระงับได้อย่าง 100% ถ้าหากว่าวันนึงเธอเกิดพบคู่แห่งโชคชะตาของเธอขึ้นมา มันจะกลายเป็น 0% ทันที ”
..
เถียงไม่ออกเลยแฮะ
“ เอาเป็นว่าตอนนี้ผมยังโอเคกับมันอยู่ น้าไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ ” เขาฉีกยิ้มกว้างอ้อนคุณน้าหมอ เขาไม่อยากโดนดุแล้ว แล้วสิ่งที่คุณน้าหมอพูดมันก็เป็นสิ่งที่ตัวเขารู้ดี แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะรับฟังมันเลย
“ ไม่เป็นอะไรนั่นมันก็ดีแล้ว แต่น้ายังยืนยันคำเดิม น้าขายยาระงับให้เธอมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ยาที่เธอกินมันเป็นตัวที่แพง นั่นหมายความว่ามันก็แรงมากเช่นกัน แค่จำนวนที่เธอกินมันอยู่เป็นประจำนั่นมันก็มากพอแล้ว ที่จะทำให้ร่างกายของเธอเป็นอันตรายได้นะ ”
“ ผมมาที่นี่ไม่ได้อยากจะมาให้คุณน้าหมอดุสักหน่อย ชิ! ก็ได้ ผมยอมแล้ว งั้นผมขอเท่าเดิมนั่นแหละ 3 แผงครับ ” เขายอมจำนนให้กับคุณน้าหมออย่างโดยดี ที่คุณน้าหมอพูดมามันไม่ผิดเลยสักอย่าง ยาจำนวนนี้เขาไม่มีทางหาซื้อที่อื่นหรือขอกับทางโรงพยาบาลได้แน่ๆ เพราะมันเป็นอันตรายกับร่างกายแน่นอน ถ้าหากกินเยอะเกินกว่าที่เขากำกับไว้บนฉลาก อีกอย่างเขาไม่อยากให้คุณน้าหมอลำบากใจเพราะเขาไปมากกว่านี้แล้ว
“ เธอรู้ใช่มั้ยว่าที่น้าดุเธอเพราะว่าน้าเป็นห่วง ” เขาเห็นคุณน้าหมอถอนหายใจออกมาเบาๆ คงจะห่วงเขาจริงๆนั่นแหละ
“ ผมรู้ครับ อย่าคิดมากเลยครับคุณน้าหมอ ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือผม และให้คำแนะนำกับผมมาโดยตลอด ผมไปก่อนนะฮะ ” เขาตรงเข้าไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์พร้อมกับคว้าถุงยาใส่กระเป๋านักเรียนและยืนคุยกับคุณน้าหมอเรื่องทั่วไปอีกสักหน่อย ก่อนจะขอตัวกลับบ้าน แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะหันหลังกลับไปโค้งให้คุณน้าหมอครั้งสุดท้ายเป็นการขอบคุณที่คอยห่วงเขาอีกครั้ง แม้เราจะไม่ใช่ญาติกัน แต่คุณน้าหมอก็ยังเอ็นดูเขาเสมอ
คุณน้าหมอดีกับเขามาก ชีวิตของเขาไม่ค่อยมีใครเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากนัก นอกจากคุณพ่อกับคุณแม่ จินฮวานที่เป็นเพื่อนสนิท และคุณน้าหมอที่ดูแลเขาเหมือนญาติ เพราะแบบนั้นเขาจึงทำตัวเป็นเด็กที่ออดอ้อนขอขนมจากผู้ใหญ่ทุกครั้งเมื่อเจอคนเหล่านี้
ตอนนี้เขาเริ่มกลับเข้าสู่ทางเดินกลับบ้านของตัวเองเสียที มัวแต่เดินเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้ตัวอีกที รุ่นพี่จีวอนก็เดินอยู่ตรงหน้าโน่นแล้ว
แปลกจังแฮะ ปกติกลับบ้านทางนี้ไม่เคยเจอรุ่นพี่จีวอนเลยสักครั้ง ทำไมล่ะ
“ รุ่นพี่จีวอนครับ!! ” เขาตะโกนเสียงดังมาก ดังจนนักเรียนที่เดินกลับทางเดียวกันยังต้องหันมามอง แต่ไหงเจ้าตัวถึงไม่หันล่ะ ไม่ได้ยินเหรอ??
“ รุ่นพี่จ..จี!!! เหวออ.. !! ” ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือเพราะความหน้าโง่ล้วนๆของตัวเขาเองในรอบวันนี้กันแน่ ทำให้สะดุดเข้ากับขาตัวเองอย่างจัง เขาหลับตาแน่นอัตโนมัติตามสัญชาตญาณของคนกลัวความเจ็บปวด ร่างกายค่อยๆโงนเงนไปด้านหลังก่อนจะหงายล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบของวัน
เฮ้อ...
“ อ่าว เอ๊ะ.. ทำไมมันไม่เจ็บเลยล่ะ? ” เขาพูดกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ บ้าเอ้ย ตกใจแทบแย่
“ ก็พี่ทับผมอยู่ไง ลุกทีสิ มันหนักนะ ” ไวกว่าความคิด เขาหันกลับไปมองที่ต้นเสียง ยิ่งทำให้ตกใจมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
ตึกตัก..
“ กูจุนฮเว!!! ” ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำหน้าโง่ไปถึงระดับไหนแล้ว หมอนี่ทำแค่ส่ายหัวเบาๆแล้วค่อยๆจับเอวเขาดันให้ลุกขึ้นยืน
ตึกตัก.. ตึกตัก..
“ ไม่ต้องเรียกชื่อผมดังขนาดนั้น ผมก็ได้ยินน่า ” เจ้าของเสียงพูดขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือมาจับที่แก้มของเขาแล้วออกแรงบีบมันอย่างมันมือ
“ ย๊า!! ฉันเคยได้ยินมาว่านายเป็นคนอัธยาศัยดี แต่คิดอีกทีฉันว่านายน่าจะเป็นคนไม่มีมารยาทแล้วล่ะ ” เขาพยายามดิ้นหนีจากมือของออกคน แต่ก็ไม่เป็นผล หมอนี่แรงเยอะชะมัด
ตึกตัก.. ตึกตัก.. ตึกตัก..
“ ไม่มีมารยาทตรงไหน ผมเห็นพี่น่ารักดีต่างหาก หยอกนิดเดียวเองนะ ทำเป็นเคืองไปได้ ฮ่าๆๆ ” จุนฮเวเอื้อมมือมายีหัวเขาเล่น แถมยังหัวเราะไม่ยอมหยุด การกระทำช่างขัดกับลุคเสียเหลือเกิน แล้วทำไมใจเขามันต้องเต้นแรงไม่ยอมหยุด มือไม้ก็สั่นไปหมด แข้งขามันแทบเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อๆ อาจจะเป็นเพราะยาที่กินไปร่างกายมันเลยแย่ลงขึ้นไปอีก อย่างที่คุณน้าหมอเคยบอกเอาไว้เลย แต่นี่มันจะเร็วไปมั้ย เพิ่งถูกทักเมื่อกี้เองนะ ไม่ได้ ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาจะมายอมเสียท่าความลับแตกตรงนี้ไม่ได้
“ ฉันโตกว่านาย แถมยังเป็นรุ่นพี่นายอีก พูดกับฉันดีๆสิ! ” เขาแกล้งยืนเท้าเอว ทั้งๆที่ความจริงจะยืนให้นิ่งยังทำแทบไม่ไหว
“ ก็พี่ทำตัวเหมือนเด็กเลย เดินก็ไม่มองทาง เป็นเด็กสามขวบรึไง รถไม่ชนก็ดีแค่ไหนแล้ว หัดมองทางซะบ้าง.. ”
Rrrrrrr
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นแทนที่เสียงของคนที่กำลังอ้าปากบ่นเขาเมื่อครู่ เจ้าของมือถือถอนหายใจออกมาก่อนจะสอดมือเข้ากางเกงควานหาวัตถุที่กำลังแผดเสียงดังลั่นนั่นแล้วหยิบมันขึ้นมา จุนฮเวใช้สายตากวาดมองไปบนหน้าจอที่กำลังแสดงชื่อและเบอร์โทรของคนที่มาขัดจังหวะ ก่อนจะหันมาโบกมือให้เขาเหมือนเป็นการบอกใบ้ว่าขอเวลานอก
เขาพยักหน้าเป็นเชิญเข้าใจ แล้วจึงปล่อยให้อีกฝ่ายไปรับสาย เขาหันหลังไปอีกฝั่ง แล้วค่อยๆเงี่ยหูใส่ใจฟังอย่างตั้งใจ ผลจากการใส่ใจก็ได้ความว่า ปลายสายคงจะโทรมาเพื่อถามทางไปที่ไหนสักแห่ง เห็นเจ้าตัวพยายามบอกทางอย่างละเอียดแล้ว แต่คู่สนทนาดูเหมือนจะฟังไม่เข้าสมองสักนิด คนอธิบายก็เลยได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วตอบกลับไปว่าจะย้อนกลับไปหาที่โรงเรียน ให้มาเจอกันที่นั่นใหม่จะเป็นคนพาไปส่งให้เอง
ตามนี้...
หมอนี่ใจดีจังแฮะ ถ้าหากเป็นเขานะคงปล่อยตายไปแล้ว แค่นี้ก็หาทางไปเองไม่ได้ นี่มันยุคเทคโนโลยีก้าวล้ำไปถึงไหนต่อไหนแล้ว GPSก็มี โถ่ กูจุนฮเวนายนี่น่าสงสาร มีเพื่อนโลว์เทคเป็นบ้า
“ คืองี้ ผมต้องไปก่อน พี่ก็อย่าเดินเถลไถลไปไหนอีกนะ รีบกลับบ้านตกลงมั้ย? ” คนพูดทำหน้าดุใส่เขาอีกรอบ อันที่จริงเขากับจุนฮเวไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดที่อีกคนจะมาบ่นเขาขนาดนี้ได้หรอกนะ แต่สำหรับหมอนี่คงต้องยกให้ ไอ้เรื่องที่ใส่ใจคนอื่นเกินกว่าความจำเป็นเนี่ย แต่ที่เรามารู้จักกันได้ เพราะต่างคนต่างก็เป็นสมาชิกของสภานักเรียนด้วยกันทั้งคู่ ร่วมงานกันมาเยอะพอสมควร ตอนประชุมก็เจอหน้ากันอยู่บ่อยๆ
“ อีกนะ? อีกนะนี่มันหมายความว่าไง นายแอบตามฉันงั้นเหรอ! ”
“ ... ” จุนฮเวไม่ตอบ ไอ้เจ้านี่ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าบอกนะว่าเห็นเขาแวะที่ร้านยา หวังว่าคงจะไม่ไปเห็นหรือได้ยินอะไรที่ไม่ควรเข้านะ
เขากัดฟันกรอด
ถ้าความลับถูกเปิดเผยล่ะ
จะทำยังไง ..
“ ทำอะไรไม่ดีมางั้นเหรอ กลัวผมจะไปรู้อะไรเข้ารึไง ” แทงใจดำซะจริง เขากำมือแน่น “ อย่าทำหน้าน่ากลัวงั้นสิ แต่ช่างเถอะ ไอ้สิ่งที่พี่กลัวผมไม่เห็นมันหรอก แต่ว่าที่แอบตามน่ะเรื่องจริง ส่วนตอนนี้ผมต้องไปแล้ว ขอตัวก่อนนะ ” จุนฮเวเอื้อมมือมายีหัวของเขาจนยุ่งอีกครั้ง ก่อนจะโบกมือลา แล้วค่อยๆออกตัววิ่งห่างออกไป เขายืนมองอีกฝ่ายอีกครั้งจนลับสายตา
ตึกตัก.. ตึกตัก.. ตึกตัก.. ตึกตัก..
ร่างกายของเขามันสั่นยิ่งกว่าทุกทีตอนที่จุนฮเวสัมผัสมัน ตรงที่หมอนั่นจับมันร้อนไปหมด หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมา
ฮันบินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นว่าแถวนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าเรื่องที่เขาโกหกมันจะแดงขึ้นมา
“ แฮ่ก.. ” เขาทรุดลงกับพื้นเมื่อรู้สึกว่าปลอดภัย แต่ว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังแย่ลงไปอีก มันมาอีกแล้ว เขาควรจะทำยังไงดี หรือนี่จะเป็นฮีทที่ว่า ให้ตายสิ
“ อึก.. แฮ่ก ฮะ.. แฮ่กๆ ”
ร่างกายของเขามันสั่นไม่ยอมหยุดเลย เรี่ยวแรงของขาที่เคยมีตอนนี้มันแทบไม่มีเหลือ ถ้าจะมาฮีทเอาข้างถนนแบบนี้ เขาไม่เอาด้วยหรอกนะ ถ้าเกิดเจออัลฟ่าจะทำยังไง
ฮันบินค่อยๆพยุงร่างกายตัวเองให้ลุกขึ้นช้าๆอย่างยากลำบาก เขาคลานเข้าหากำแพงที่อยู่ใกล้ๆแล้วค่อยใช้มันเป็นเครื่องมือยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาต้องหาที่ที่จะต้องไม่มีใครเข้ามาเจอเขาได้แถวนี้ก่อน เพื่อหลบซ่อนกลิ่นนี่ ไม่อย่างนั้นอาจจะได้จับคู่กับอัลฟ่าที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้าให้เอาก็ได้
ให้ตายสิ เขาเกลียดการเป็นโอเมก้าก็เพราะแบบนี้ ร่างกายที่ไม่แม้แต่จะควบคุมได้ หรือบางทีกระทั่งสติสัมปชัญญะเองก็อาจจะไม่เหลือ
เขาทำใจเย็นแล้วเกาะขอบกำแพงเดินไล่ต่อไปเรื่อยๆจนพบเข้ากับตรอกซอยเล็กๆ มันเป็นทางตัน ถ้าหากเป็นที่นั่นล่ะก็ อาจจะปลอดภัย เดี๋ยวเขารออยู่ที่นี่แล้วโทรเรียกคนที่บ้านให้มารับก็ได้ ขาที่กำลังสั่นของเขากำลังค่อยๆก้าวออกไปด้วยความใจเย็น ใจที่สั่นระรัวก่อนหน้านี้ก็ยังคงสั่นไม่หยุดหย่อน เหมือนอย่างกับจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้
“ .. บิ..น ”
หืม เสียงอะไร.. มีใครบางคนกำลังเรียกหา
“ ฮ.. บิน ”
ไม่ผิดแน่ มีคนกำลังเรียกเขาจากด้านหลัง แต่เขาไม่มีแรงเหลือที่จะพลิกกลับไปหาต้นตอของเจ้าของเสียงนั่นแล้ว เขาเหนื่อยเหลือเกิน รู้สึกตัวมันอ่อนยวบไปหมด
“ คิมฮันบิน!!! ” เขารู้สึกถึงเสียงที่มันใกล้ขึ้นจนรู้สึกได้ ก่อนที่ไหล่ของเขาจะถูกจับเหวี่ยงอย่างแรงให้หันกลับไปเผชิญหน้าอีกคนอย่างจำใจ
“ เอ๊ะ.. อ่า.. อะ อึก.. คะ.. ค คุณ!!! แฮ่ก.. รุ่นพี่คิมจีวอน!! ”
———
ขอแจ้งไว้ก่อนเลยตรงนี้นะคะ ฟิคเรื่องนี้ไม่มีกำหนดอัพที่แน่นอน
ตอนแรกอาจจะน่าเบื่อหน่อย เพราะเป็นการปูเนื้อเรื่องและตัวละคร + อธิบายเกี่ยวกับโอเมก้าอัลฟ่าเบต้า (ในฉบับของเรา)
หากเจอคำผิดตรงไหน เม้นแจ้งเราไว้ด้านล่างได้เลยนะคะ
จะกลับมาแก้ไขให้เร็วที่สุด ขอบคุณที่ติดตาม และทุกกำลังใจที่ส่งมาค่ะ ♥
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

11 ความคิดเห็น
-
#10 Girl LIKE Girl like boy DO (จากตอนที่ 2)วันที่ 12 กรกฎาคม 2561 / 21:37ไรท์อัพช้าได้ แต่ขอร้องล่ะ อ ย่ า ปิ ด ! เราคงตายถ้าไม่ได้อ่าน นิยายพวกโอเมก้า อัลฟ่ามันหายาก... แต่ไรท์คือหนึ่งในนั้น แถมภาษาก็ดีด้วย รอนะ#100
-
#7 LUCKY-PIG (จากตอนที่ 2)วันที่ 30 มิถุนายน 2561 / 16:48ติดตามนะคะ สู้ๆนะ เรารออยู่#70
-
#6 Black Mark (จากตอนที่ 2)วันที่ 25 พฤษภาคม 2561 / 22:54กรี๊ดดดดดดดดด เนื้อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ#60
-
#5 pleum_NUEST (จากตอนที่ 2)วันที่ 13 มีนาคม 2561 / 22:15กรี้ดดดดดดดรอค่ารออออ ความลับน้องแตกแน่เลยกรี้ดดดด พี่จีวอนต้องแอบร้ายแน่ๆ#50
-
#4 ybabnibmam (จากตอนที่ 2)วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 / 22:05ความลับต้องแตกแน่เลยอ่า สงสารน้อง เหมือนที่ทำมาสูญเปล่าหมด เลยอยากให้พี่เขาใจดีกับยัยน้องหน่อย ;__;#40
-
#2 nit (จากตอนที่ 2)วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 / 16:53รอติดตามเลยคะไรต์ชอบแนวนี้จุงงงงงงนอๆๆๆๆๆอัพบ่อยๆๆนะเปันกำลังใจให้#20
-
#1 forthefairest (จากตอนที่ 2)วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2561 / 00:36รอติดตามเลยค่ะ อ่านแล้วสนุกมาก ชอบที่อธิบายรายละเอียดเรื่องไว้หลายๆอย่าง เพศ ชนชั้น นิสัย การกระทำ ของแต่ละคน ทำให้เข้าใจคาแรคเตอร์มากขึ้น แต่รุ่นพี่จีวอนเนี่ย เป็นอัลฟ่าที่หลอกว่าเป็นเบต้ารึเปล่าคะ สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจ ความใส่หน้ากากหลอกลวงไว้ ฮันบินเนี่ยเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมากเลย เกลียดใครก็จะต้องได้ดีกว่ามันอะไรทำนองนี้ แต่บางทีการที่น้องมั่นใจเกินไปอาจจะทำให้อันตราย แล้วน้องก็ฮีทจนได้ แล้วคนที่เห็นดันเป็นคนที่ก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้ายสะด้วย หึหึ คิดว่าตอนต่อไปน่าจะสนุกเลยล่ะ รออ่านอยู่นะคะ#11
-
ความเห็นย่อยนี้ถูกลบแล้ว :(
-