คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Remedy 1 : ยาเม็ดที่หนึ่ง
ผมกำลังรีบวิ่งไปขึ้นเรือเที่ยวสุดท้ายที่กำลังจะออกอยู่ตรงหน้าอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อไปทำธุระเร่งด่วนให้กับไอ้เพื่อนสนิทตัวแสบอย่างยูยองแจ.. ที่ผมมาถึงท่าเรือช้าขนาดนี้ก็เพราะจู่ๆไอ้ยองแจก็บอกให้ผมรีบขึ้นเรือไปหาพ่อค้าฝั่งเกาหลีเพื่อเจรจาต่อรองซื้อสินค้า
โดยบอกว่าพ่อค้าคนนั้นกำลังรออยู่บนเรือ..
มาบอกปุบปับเอาตอนนี้คิดว่าผม ‘จองแดฮยอน’ คนนี้จะเตรียมตัวทันมั้ย ?
ผมเลยเอ็ดใส่ไอ้เพื่อนตัวดีเสียงดังว่าทำไมมันถึงพึ่งมาบอกเอาตอนนี้
พวกคุณรู้มั้ยว่ามันตอบว่ายังไง ?
..ลืม..
มันตอบสั้นๆแบบได้ใจความว่า ..ลืม
ฉิบหายมั้ยล่ะ ? ธุรกิจมันจะล่มจมขาดทุนย่อยยับก็เพราะตัวมันเองนั่นแหละ.. ไม่ต้องสืบจากใครเลยจริงๆ
ผมอยากจะสาปแช่งสาปส่งไอ้เพื่อนตัวดีคนนี้จริงๆที่เอาความวุ่นวายมาให้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องรีบวิ่งไปยังเรือลำนั่นให้เร็วที่สุด
แต่แล้วพระเจ้าก็ไม่ทรงเมตตาผม..
กลับปล่อยเรือลำนั้นที่ผมต้องการขึ้น ให้ออกจากท่าเรือไป..
ทั้งที่เหลือระยะห่างอีกแค่เพียงนิด ผมก็จะได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเรือลำนั้นแล้วแท้ๆ..
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมหยุดเดินแล้วหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เหลือบมองเบอร์บนหน้าจอคนที่โทรเข้ามา ก็แสะยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะกดรับสายปลายทางนั่นทันที
"เป็นไง ไปทันมั้ยวะ"
ส่งเสียงระรื่นหูมาตามสายแบบไม่ตื่นเต้นหรือตกใจเลยสักนิดว่าคนปลายสายนั้นจะไปทันตามงานที่เขาได้มอบหมายให้ทำรึไม่ คนได้ยินรู้สึกตะงิดใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงแบบนั้น
แต่เพราะตอนนี้เขากำลังหงุดหงิดที่ไปขึ้นเรือไม่ทัน เลยไม่ได้เอะใจเท่าที่ควรจึงเอาแต่ตอบตามความเป็นจริงที่ตนเป็นอยู่ในตอนนี้
"นี่มึงคิดว่ากูเป็นโดเรมอน มีประตูวิเศษ เปิดประตูปุ้บก็มาถึงเลยแบบนั้นสินะ.."
ผมกรอกเสียงลงไปในสายแบบกวนๆเพราะหงุดหงิดสุดชีวิต แต่ปลายสายก็ยังชิวๆทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อได้อีก
"แปลว่ามึงไปไม่ทันสินะ ก็ไม่เป็นไร กูไม่ว่าอะไร"
"ไหนมึงบอกว่ามันเป็นงานด่วน"
"ก็ด่วน แต่ไม่มาก เขาเสนอราคามาดีก็เลยไม่อยากปล่อยไป"
"ไม่สำคัญ.. แล้วบอกให้กูรีบหาพระแสงอะไรวะ!"
"กูแค่อยากเห็นสมรรถภาพของมึงว่ายังใช้งานได้อยู่รึเปล่า.. เท่านั้นเอง"
"นี่มึงกวนกู?"
"กูเปล่านะ ฮ่าๆๆๆๆ"
"เปล่า? แล้วหัวเราะหาพ่องมึงหรอ.."
"หึ หยอกแค่นี้เล่นถึงพ่อเลยนะ เออๆรีบกลับมาเถอะ ดูท่าทางทางที่มึงอยู่ฝนกำลังจะตกเลยวะ น่าจะตกแรงด้วย"
"เออ เดี๋ยวจะกลับแล้ว แค่นี้แหละ"
ผมพูดเสร็จก็รีบวางสายใส่ไอ้ยองแจทันที ที่จริงพวกผมไม่ได้พูดกูมึงกันแบบนี้นะครับ แต่ก็อย่างว่า.. โดนแบบนี้จะให้ผมใจเย็นพูดเพราะๆมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ผมเก็บอารมณ์ไม่อยู่หรอก
มันน่าหงุดหงิดนะครับ ..มากด้วย
..เล่นเหี้ยอะไรก็ไม่รู้..
ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็เห็นเมฆก้อนดำๆกำลังลอยมาทางที่ผมอยู่จริงๆอย่างที่ไอ้ยองแจบอก ผมรีบเดินออกมาจากท่าเรือตรงนั้นทันที แต่ดูท่าคงจะไม่ทันซะแล้ว
ทั้งที่เป็นหน้าหนาวแท้ๆ ..แต่ฝนก็กลับตกลงมาได้
ฝนเม็ดใหญ่ตกลงมาโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวผมรีบสาดส่องสายตาหาที่หลบฝนบริเวณที่ใกล้ที่สุดแถวๆนั้น แต่แล้วก็เจอกับสะพานส่งน้ำที่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
ผมรีบวิ่งเข้าไปหลบฝนใต้สะพานนั้นทันที เมื่อหลบจากเม็ดฝนที่ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตานั่นได้แล้ว ผมก็กลับมาสังเกตเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองอีกครั้ง ยังดีที่ไม่เปียกเท่าไร..
ผมเริ่มสังเกตใต้สะพานเพื่อหาที่นั่งพักให้กับตัวเอง แต่แล้วสายตาของผมก็หันไปเจอเด็กผู้ชายผมสีบรอนซ์ทองนอนกอดตัวเองอยู่ติดกับตีนสะพานนั่น
ผมเดินเข้าไปใกล้เด็กคนนั้นที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาหลับสนิทถึงขนาดไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมกำลังเดินเข้าไปใกล้
ผมสังเกตเห็นร่างกายของเขาสั่นเทานิดๆจากอากาศหนาวรอบตัวที่กำลังเพิ่มขึ้น ใบหน้าที่หลับพริ้มเหมือนกำลังมีความสุขแต่เจือไปด้วยความทุกข์เพราะคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างยังคงมีให้เห็นอยู่จางๆ
ผมถือวิสาสะแอบมองเด็กหนุ่มที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา
เด็กคนนี้ผิวขาวละเอียดเหมือนปุยนุ่นช่างตัดกับสเวสเตอร์ตัวแดงที่เขาสวมใส่อยู่ ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงใหล.. ยิ่งมองก็ยิ่งอยากเข้าใกล้..
ผมส่ายหัวไปมาสองสามทีเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองไม่ควรคิดอะไรเลยเถิดกับเด็กน้อยตรงหน้าผมหยุดความคิดฟุ้งซ่านนี้ลง ก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของเด็กคนนี้ออก
แต่แล้วจู่ๆเด็กหนุ่มที่หลบลึกก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ผมชะงักมือที่กำลังจะเช็ดคราบน้ำตาของเขาเอาไว้ ก่อนจะดึงมือกลับมาไว้เหมือนเดิมพร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆไปให้
"สวัสดี ตื่นแล้วหรอ?"
เปล่งสำเนียงภาษาท้องถิ่นของที่นี่ออกไปถามคนที่เพิ่งตื่นจากการหลับตรงหน้า
คนตรงหน้าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหน้าผม เขากลับสะดุ้งสุดตัวแล้วรีบลุกขึ้นขยับตัวเองให้หนีจากผมให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมเห็นท่าไม่ดี เลยรีบโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร.. เขามาดี
เด็กหนุ่มตรงหน้าเขายังคงตื่นตระหนกไม่หาย ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองผมเหมือนระวังว่าผมจะเดินเข้าไปหาเขารึไม่
..เขากำลังกลัว..
ผมรู้
"นายไม่ต้องกลัวนะ ..ฉันมาดี ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก"
เอ่ยประโยคที่คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะลดความกลัวลงมาบ้าง แต่คนตรงหน้ากลับทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดทั้งๆที่สีหน้าของเขาก็ยังตื่นกลัวอยู่อย่างนั้น
ผมเลยเอ่ยประโยคเดิมอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นภาษาเกาหลีซึ่งเป็นภาษาบ้านเกิดของผมเขาดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อออกไปบ้างแล้ว สีหน้าของเขาดูตื่นตระหนกน้อยลง
ผมเลยเริ่มแน่ใจแล้วว่าเด็กคนนี้เป็นคนเกาหลีเช่นเดียวกับผม
"นายชื่ออะไร มาทำอะไรที่นี่?"
"..."
ส่งคำถามแรกออกไปถามเด็กน้อยอีกครั้ง คนตรงหน้าผมไม่ตอบอะไรกลับมาเลยสักคำแต่กลับทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างเพียงเท่านั้น
"นายพลัดหลงกับพ่อแม่หรอ ให้ฉันช่วยตามหามั้ย?"
คาดว่าอาจได้คำตอบที่ดีจากคนตรงหน้า แต่เด็กน้อยกลับตอบไม่ตรงคำถามซะอย่างนั่น
"ที่นี่.. ที่ไหน?"
ตอบเป็นคำถามที่ดูเหมือนเลื่อนลอย แต่สายตาคู่นั้นก็ยังคงจับจ้องใบหน้าผมอยู่อย่างไม่วางตา
"ที่นี่โอซาก้า.. ประเทศญี่ปุ่น"
ผมตอบคำถามเด็กตรงหน้าพร้อมกับมองปฏิกิริยาจากเขาด้วย เด็กคนนั้นก้มหน้าลงไปบ่นกับตัวเองโดยที่ผมนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาพูดอะไรอยู่
"นาย.. ไม่รู้จริงๆหรอ?"
"..."
"แล้วนายมาทำอะไรที่นี่?"
"..."
ถามคำถามอะไรไปเด็กน้อยตรงหน้าผมก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลย มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบในตอนนี้
ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมพวกเขาสองคนอีกครั้ง เด็กคนนั้นเอาแต่นั่งก้มหน้าและกอดเข่าตัวเองอยู่ตรงมุมเดิมโดยไม่ขยับไปไหน ส่วนผม.. ก็ได้แต่ยืนมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในตัวเขา
"หรือว่านาย.. กำลังหนี"
"..."
เงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนถามทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ร่างบางมองหน้าเขานิ่งๆแต่แล้วก็กลับไปซุกหน้าลงกับเข่าของตัวเองดังเดิม
ผมมองร่างบางตรงหน้าอีกครั้ง หัวไหล่เขาสั่นไหวนิดๆเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ผมเลยค่อยๆเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับเอื้อมมือไปจับที่หัวไหล่ของคนตรงหน้าและเอ่ยบางอย่างออกมา
"ถ้านายไม่มีที่ไป นายจะไปอยู่กับฉันก่อนก็ได้นะ"
"..."
"คิดซะว่าฉันเป็นพี่ชายของนายก็ได้.."
เด็กหนุ่มตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมามองผมช้าๆอีกครั้ง ดวงตาใสของเขาคลอไปด้วยน้ำตา เขามองหน้าผมเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างผ่านทางสายตาคู่นั้น ผมยิ้มให้กับเขาและรับรู้ถึงความรู้สึกทางสายตาที่เด็กคนนี้ต้องการสื่อถึงผม..
สายฝนเริ่มเบาบางลง ลมอ่อนๆพัดผ่านเข้ามากระทบผิว แสงแดดเริ่มสาดส่องเข้ามาใต้สะพาน หลังจากที่ท้องฟ้าเทกระหน่ำฝนลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงนกน้อยส่งเสียงร้องรับท้องฟ้าอันสดใส ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อย่างที่เขาว่า..
ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอ
ผมอมยิ้มให้กับท้องฟ้าที่กลับมาสดใสอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าของตัวเองหันกลับมามองเด็กน้อยตรงหน้าที่ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่เหมือนเดิม
"จากนี้ต่อไปนายไปอยู่กับฉันนะ.."
"..."
"ฉันรู้ว่านายไม่ไว้ใจฉันที่เป็นคนแปลกหน้า แต่ฉัน.. อืม แต่พี่.."
"..."
"พี่สัญญาว่าจะดูแลนายให้ดีที่สุด เชื่อใจพี่นะ.."
ผมไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องทำตัวเหมือนอ้อนวอนให้คนตรงหน้าต้องไปอยู่กับผมให้ได้ ผมรู้เพียงแค่ว่าผมไม่อยากปล่อยมือจากเด็กคนนี้ ไม่อยากปล่อยเขาต้องอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
"กลับบ้านกับพี่..นะครับ"
ร่างบางเงยหน้ามองผม รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นมาบนใบหน้าคม ก่อนจะส่งอีกประโยคออกไปเปรียบเสมือนให้ร่างบางได้ตัดสินใจ พร้อมกับย่อตัวลงและยื่นมือหนาของตัวเองออกไปให้กับร่างบางตรงหน้า
"ยื่นมือนายมาสิ.. แล้วไปกับพี่"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีรีดเดอร์ทุกคนนะค๊าาา เค้าขอโทดที่มาต่อช้า ช่วงนี้ไรต์ฯไม่วางเลยค่ะ
ติดอ่านหนังสือ มีสอบอ่ะ.. แง้ T^T
และอาจหายไปนานอีกนิดนึง.. อย่าพึ่งทิ้งนุ้งโล่กับพี่แด้นะคะ พลีสส*
ไรต์ฯบอกเลยว่าเรื่องนี้จะมีทุกรส ห้ามพลาดเด็ดขาด! ยังไงก็ฝากติดตามผลงานต่อไปด้วยนะคะ :)))
ปล. Thanks for read and love u All <3 chu chu >.<
SQWEEZ◊
ความคิดเห็น