ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Spirit Of The Destiny ยัยเซ่อซ่า กับ เทวดาไร้ปีก

    ลำดับตอนที่ #3 : เปิดประตูสู่

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 50


    บทที่  3  เปิดประตู  สู่  Holy Church

     

       ณ หมู่บ้านโซลซิตี้  บรรยากาศที่เคยน่ากลัว วังเวง  ด้วยเมฆหมอกสีดำทมิฬที่เข้ามาปกคลุม  และเหล่าปีศาจที่ร้องโหยหวนนับพันตัว  บัดนี้ได้สลายไปสิ้นแล้ว  คงเหลือไว้เพียงความเงียบสงบ  กับแสงจันทร์อันนุ่มนวลที่ถูกส่งลงมาปลอบประโลมหมู่บ้านนี้อย่างอ่อนโยน  ทุกสิ่งนิ่งเงียบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ  แม้แต่สายลมอันแผ่วเบาก็ยังไม่พัดผ่านมา  ยังคงเหลือเพียงสองชีวิตที่อยู่ภายในโบสถ์เท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่...

     

    นี่   เธอๆ  เป็นอะไรมากรึเปล่า  หนุ่มน้อยสะกิดเบาๆที่ไหล่ของ  อาริน

     

    หะ...หือ...สาวน้อยเริ่มรู้สึกตัว ...  สายตาที่พร่ามัวจ้องไปยังชายชุดขาวที่อยู่เบื้องหน้า

     

    คะ...คุณพ่อเธอโผเขากอดเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าไว้ทันที  น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาล 

     

    ดะ...  เดี๋ยว  ฉันไม่ใช่...พ่อของเธอ  หนุ่มน้อยพูดแบบตะกุกตะกัก  อารินรู้สึกตัวในทันทีแล้วหยุดร้องไห้  รีบปล่อยชายที่อยู่เบื้องหน้าให้หลุดออกจากอ้อมกอด 

     

    นะ..นายเป็นใคร  แล้วพ่อกับแม่ของฉันล่ะ  อารินรีบถามเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเธอทันที  พร้อมกับมองไปรอบ ๆ เพื่อหาพ่อกับแม่ของเธอ  พอเธอเห็นศพของทั้งสองคน  ก็รีบลุกแล้ววิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

     

    พ่อคะ   ฟื้นสิคะพ่อ  พ่อเป็นอะไรไป  แม่คะ  ไม่นะคะแม่  ฟื้นสิคะ  อย่าทิ้งหนูไป  อารินเขย่าร่างไร้วิญญาณของพ่อกับแม่อยู่พักหนึ่ง  แล้วเธอก็นิ่งไป  เธอคอตก  น้ำตาพรั่งพรูลงมาอาบแก้ม 

     

    นาย...  นายทำไมไม่ช่วยพ่อกับแม่ฉัน  เธอไม่รู้จะทำอย่างไร  เลยพาลใส่หนุ่มน้อยชุดขาวอย่างไร้เหตุผล

     

    เด็กหนุ่มนั่งลงข้างๆอาริน  แล้วจ้องหน้าของเธออย่างไม่กระพริบตา  เธอจับแขนแล้วเขย่าตัวของเขา  เธอร้องไห้  พร้อม ๆ กับพูดว่า

     

    ทำไม  ทำไมนายไม่ช่วยพ่อแม่ฉันก่อน  แล้วเธอก็ซบหน้าลงกับไหล่ของเด็กหนุ่ม

     

    ขอโทษนะ  ฉันมาช้าไปนิดดะ... อั๊ก!!!”  ยังไม่ทันที่หนุ่มน้อยจะพูดจบ  เขาก็กระอักเลือดออกมาคำโต  แล้วก็หมดสติ  ล้มลงไปอีกคนต่อหน้าต่อตาเธอ...

     

    ร่างกายของผู้ที่เคยเคลื่อนไหวได้รวดเร็วตอนนี้กำลังนอนนิ่งอยู่กับพื้น  ผ้าคลุมสีขาวที่เคยพลิ้วปลิวไสวก็ได้ทอดตัวลงกับพื้นแล้วนิ่งอยู่อย่างนั้น...

     

    นะ...นี่นาย...เป็นอะไร  ฉ...ฉันไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ  อารินตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  เธอทำอะไรไม่ถูกอีกต่อไป

     

    นี่นาย  ฟื้นสิฟื้น เธอเขย่าตัวของหนุ่มน้อยเบา ๆ เพื่อที่จะทำให้เขาฟื้นขึ้นมา  แต่ร่างกายของชายที่อยู่เบื้องหน้าเธอนั้นไม่มีการตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น  ได้แต่นอนนิ่งและเคลื่อนไหวไปมาตามแรงเขย่าของเธอ

     

    พอสักทีเถอะ  เธอน่ะ เสียงเล็กๆของใครอีกคนสอดแทรกเข้ามาในบรรยากาศที่กำลังตึงเครียด  ทำยังไงเขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก  แม้เสียงนั้นจะเป็นเสียงเล็กๆ  แต่ก็ฟังดูมีพลัง

     

    อารินมองไปยังทางที่เป็นต้นกำเนิดของเสียงนั้น  แล้วเธอก็ได้พบกับ  สาวน้อยอีกคนที่น่าจะอายุไล่เลี่ยกันกับเธอเดินเข้ามาในโบสถ์  ผมสีเขียวแก่สั้นประบ่าของเธอ เคลื่อนไหวตามแรงเหวี่ยงของการเดินเล็กน้อย  ชายกระโปรงที่เธอใส่ก็สะบัดไปตามแรงเหวี่ยงในการเดินเช่นกัน  เธอเดินใกล้เขามาทุกที  และแล้ว เด็กสาวที่พึ่งมานั้นก็มานั่งลงข้างๆ หนุ่มน้อย  เธอก้มหน้าลงมองร่างของเขา  แล้วหันมามองอารินด้วยหางตาและเป็นสายตาที่คมกริบ

     

    ฉะ...  ฉันไม่ได้ทำอะไรเค้านะคะ เธอรีบปฏิเสธทันที เพราะกลัวว่าเด็กสาวจะมองว่าเธอเป็นคนทำร้ายหนุ่มน้อยนั้น

     

    สาวน้อยผมเขียวละสายตาจากอารินไปมองเด็กหนุ่มอีกครั้ง  และเริ่มลงมือทำการปฐมพยาบาล

     

    ไม่ต้องห่วง  อย่างเธอน่ะ  ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก  ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นคนทำหรอกน่า สาวน้อยผมเขียวพูดกับอารินโดยที่ไม่หันหน้าขึ้นมามองหน้าเธอแม้แต่น้อย  และปฐมพยาบาลเด็กหนุ่มไปเรื่อย ๆ  อารินเองก็ขยับร่างเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของโซลฟีชแล้วร้องไห้ออกมา

     

    บทแห่งการฟื้นฟู บทที่สาม  สาวน้อยผมสั้น  ยื่นมือไปแปะที่แผลที่ใหญ่ที่สุดของเด็กหนุ่มตรงแขนซ้าย

     

    ฮีล !!!”  แสงสีขาวพุ่งออกมาจากมือของเธอลงไปยังแผลของเด็กหนุ่ม  ทันใดนั้น แผลนั่นก็ค่อยๆประสานกันเองอย่างหยาบ ๆ

     

    แค่นี้ยังไม่พอ สาวน้อยผมเขียวพูดในลำคอ  แล้วหันไปทางอาริน นี่เธอถ้าว่างนักละก็...  มาช่วยกันพันแผลเล็ก ๆ ที่เหลือหน่อยสิ  อารินคิดอยู่พักหนึ่ง  แล้วลุกออกมาจากอ้อมกอดของโซลฟีช 

     

    แม่คะ  เดี๋ยวหนูมานะคะแม่  อารินพูดกับร่างกายไร้วิญญาณของแม่  เธอเดินเข้ามานั่งลงใกล้ ๆ สาวน้อยผมเขียว  แคว๊กกก!!!  อารินรีบฉีกผ้าคลุมสีขาวของเด็กหนุ่มออกมา

     

    เฮ้ยยยย   ทำอย่างนั้นไม่ได้  หมอนี่น่ะ  หวงผ้าคลุมนี้มากนะ  มันเป็นของขวัญจากคุณพ่อ  เฮ้อออ!!”

     

    อ๊ะ ขอโทษค่ะ ๆ ๆ  ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ  ตายแล้ว ทำยังไงดีเนี่ยยย  อารินหน้าซีดลงทันที  คาโอริผู้เย็นชาเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

     

    เอาเถอะ  ไม่เป็นไรหรอกมั้งเอานี่ไป ผ้าพันแผล  ใช้ไอ้นี่แล้วกัน  คาโอริส่ายหน้าเบา ๆ อารินคอตกไปนิดหน่อย

     

    เอ้า  บอกว่าไม่เป็นไรไง  แข็งขันหน่อยสิ 

     

    อ๊ะ  ค่า... 

     

    หลังจากพันแผลเสร็จ...

     

    เฮ้อ เสร็จสักที  อาริน ถอนหายใจออกมา พร้อมกับความโล่งใจ 

     

    ที่เหลือก็รอแค่ให้เขาฟื้น...  สาวน้อยผมเขียวพูดกับอารินเบา ๆ พร้อมกับยิ้มให้  อารินลุกขึ้นเดินไปยังร่างที่ไร้วิญญาณของพ่อกับแม่อีกครั้ง  แล้วนั่งลงข้าง ๆ สีหน้าของเธอเศร้าเหลือเกิน

     

    เอ่อ...คุณ ชื่ออะไรคะ

     

    คาโอริ  แล้วเธอล่ะ  คาโอริกลับเข้าสู่โหมดน่าเกรงขามอีกครั้ง

     

    อ๊ะ  ขอโทษค่ะ  ที่ลืมแนะนำตัวก่อน  ฉันชื่อ  อาริน  ค่ะ  อารินโค้งตัวลงเพื่อเป็นการสวัสดี

     

    แล้วคนนั้นเค้า...อารินถามพร้อมกับมองไปยังร่างของเด็กหนุ่ม

     

    คาออส  เค้าชื่อ  คาออส 

     

    อ๋อ  ค่ะ  แล้วพวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงกันคะ

     

    ฉันน่ะ  แค่จะมาตามเค้ากลับก็เท่านั้นเอง  เค้าออกมาจากโบสถ์เพื่อมาหาเห็ดเอกซ์โซเดียส  ไปต้มเป็นยาบำรุงให้คุณพ่อกิน  คุณพ่อบอกว่า ที่หมู่บ้านแห่งนี้เท่านั้นที่มีเห็ดชนิดนี้อยู่

     

    อ๋อ ค่ะ  ฉันรู้จัก  ที่สวนหลังบ้านฉันก็มี  แต่ไม่รู้ว่าถูกพวกปีศาจทำลายทิ้งแล้วรึยัง

     

    อืม งั้นก็ดี  เค้าจะได้มาไม่เสียเที่ยว  และ... ไม่เจ็บตัวเปล่า  คาโอริทอดสายตาลงต่ำ

     

    เฮ้อ!!!  เค้าก็เป็นคนแบบนี้แหละ หมอนี่น่ะ  ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน โดยไม่ดูตัวเอง  และที่เค้าต้องสลบไปก็เพราะว่า  เค้าขัดสำสั่งของคุณพ่อนั่นแหละ

     

    คำสั่ง?  อารินมองหน้าคาโอริด้วยความสงสัย

     

    อืม...  อันที่จริง  คุณพ่อสั่งห้ามคาออสไว้  ห้ามใช้ท่านั้นเด็ดขาด  เพราะถึงแม้ว่าเค้าจะฝึกสำเร็จ  พละกำลังเค้าจะมีมากพอ  แต่สิ่งที่เค้ายังขาดอยู่นั่นคือ  พลังที่แท้จริง

     

    อะไรหรอคะ พลังที่แท้จริง  อารินยิ่ง งง  เข้าไปใหญ่

     

    ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ  เห็นคุณพ่อบอกมาแบบนั้น  ฉันว่า คาออสเองก็คงไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน

     

    แล้วแบบนี้ คุณพ่อสอนให้เค้าทำไมคะ 

     

    ฉันก็ไม่รู้  คุณพ่อบอกว่า มันจะจำเป็น เมื่อเค้าอยากจะค้นพบตัวเอง

     

    อะไรกันเนี่ย  พอเถอะค่ะ ฉันงงไปหมดแล้ว  เฮ้อ!!  ข้างนอกนั่นดูวุ่นวายจังนะคะ  อารินถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ภายนอกอาณาเขตหมู่บ้าน  เพราะเธอไม่เคยเจอเรื่องวุ่นวายเลย โซลซิตี้ มีแต่ความสงบร่มเย็นตลอดมา

     

    สาวน้อยทั้งสองคน นั่งคุยกันอยู่จนใกล้จะเช้า  เห็นแสงอาทิตย์เรืองๆ ส่งขึ้นมาทักทายที่ตรงขอบฟ้าแล้ว  เสียงลูกนกสาลิกาอยู่หลังคาโบสถ์ที่พึ่งจะออกมาจากไข่ร้องเรียกแม่ ตัวแม่ก็เอาอาหารมาป้อน  เป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่

     

    นี่ๆ  พวกเธอน่ะ  นินทาฉันอยู่ได้  มาช่วยกันหน่อยสิ  โอยยยย  คาออสรู้สึกตัวแล้ว  แต่ยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

     

    สมน้ำหน้า  ไม่เจียมตัว  คุณพ่อสั่งนายแล้วนี่  ไม่ตายก็บุญแล้วมั๊งเนี่ย  คาโอริหันไปหาคาออส  พูดประชดเล็กน้อย  พร้อมค้อนใส่ 

     

    เชอะ  ไม่ง้อก็ได้  แค่นี้น่ะ  ฉันลุกเองไหวน่า คาออสพยายามลุกขึ้นมาและพยายามจะทรงตัวให้ได้  แต่...

     

    โอ้ย  ไอ้ปีศาจ  อย่าให้เจออีกนะแก  ไม่งั้น ฉันสับเละแน่  เจ็บใจชะมัดที่ปล่อยแกไป  คาออสเริ่มเจ็บใจกับสภาพของตัวเอง 

     

    นี่พวกเธอ  จะไม่มาช่วยฉันจริง ๆ ง่ะ  นะ  ขอร้องก็ได้  ...เจ็บใจชะมัดเลยแฮะ... คาออสคิดในใจ

     

    อืม  งั้นนาย  ติดหนี้พวกเราครั้งนึงนะ  คาโอริ  พูดพร้อมกับจูงมืออารินเดินเข้าไปพยุงตัวคาออสขึ้นมา  แล้วพาออกไปนั่งอยู่นอกโบสถ์  เพื่อรับแสงอาทิตย์  และอากาศบริสุทธิ์ 

     

    หนักชะมัด  นายนั่งรออยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวพวกฉันจะไปจัดการเรื่องพ่อกับแม่ของยัยนี่ก่อน  คาโอริพูด  อารินทำหน้าเศร้าไปทันทีที่นึกถึงพ่อกับแม่

     

    เดี๋ยวสิ  แล้วเธอ...  ชื่ออะไรหรอ  คาออสถามตามหลังสองสาวนั่นไป

     

    คาโอริ ไงยะ  เจ้าบ้า  คาโอริแกล้งหยอกคาออส

     

    ยัยบ๊อง  ฉันถามแม่สาวผมดำยาวถึงเอวนั่นต่างหากเล่า  คาออสพูด

     

    อ๋อ ฉันชื่อ  อาริน  ค่ะ อารินหันกลับมา  โค้งตัวลงสวัสดี พร้อมกับแนะนำตัว  แล้วฝืนยิ้มให้คาออสเล็กน้อย  

     

    นี่ คาโอริ  หัดทำตัวแบบนี้ซะบ้างสิ น่ารักออก คาออสหยอกคาโอริคืนบ้าง

     

    เชอะ  ทำไม่เป็น  คาโอริค้อนใส่คาออสอีกคั้ง แล้วพาอารินเดินจากเข้าไปในโบสถ์...

     

    ณ ลานกว้างข้างหลังโบสถ์ที่เต็มไปด้วยไม้กางเขน  ปักอยู่บนเนินดิน  บรรยากาศสุดแสนจะวิเวกวังเวงจิต  ต้นไม้ใหญ่มีเถาวัลย์ห้อยระโยงรยางค์ลงมาดูน่ากลัว

     

    พ่อคะ แม่คะ ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ  หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ  หลับให้สบายเถอะนะคะ  อารินหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด  คาโอริเห็นแล้วก็อดที่จะเข้ามาปลอบไม่ได้  แต่ คาโอริก็ทำได้เพียงเอามือวางบนไหล่ของเธอเท่านั้น

     

    นี่  คาโอริ ชวนเค้าไปอยู่กับเราก็ได้นี่นา  คุณพ่อยิ่งเหงา ๆ อยู่หนุ่มน้อยที่ยืนพิงกำแพงโบสถ์อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น  พร้อมส่งยิ้มมา  คาโอริหันไปมองหน้าคาออส

     

    อืม  ก็ดีเหมือนกันนะ แล้วคาโอริก็หันมาหาอารินอาริน  งั้น เธอก็มาอยู่กับพวกฉันนะ  ไปที่บ้านของพวกฉันกัน  คาโอริยังไม่ปล่อยมือจากบ่าของอาริน   อารินทอดสายตาลงต่ำเมื่อรู้สึกว่าจะเป็นการรบกวน

     

    เอาน่า  นะ  ไม่รบกวนอะไรหรอก  เธอจะอยู่ที่นี่ยังไงคนเดียว  ไปกับพวกเราเถอะนะ คาโอริชวนซ้ำอีกครั้ง  อารินเงยหน้าขึ้น  น้ำตาเริ่มคลอเบ้า

     

    ค่ะ  เอาอย่างนั้นก็ได้  อารินเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง  น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความดีใจ  ที่ไม่ต้องอยู่คนเดียว  เธอกอดคาโอริไว้แน่น

     

    ขอฉันเรียกคาโอริว่าพี่นะคะ

     

    จ้ะ  ได้สิ  คาโอริยิ้มจนแก้มปริพร้อมกับเอามือลูปหัวอารินอย่างเอ็นดู

     

    นี่ๆ ยัยคาโอริ  แก่แล้วนะเธอน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ  หนุ่มน้อยที่ยังไม่แข็งแรงดี  สอดแทรกเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศที่มีความสุข  คาโอริอดหมั่นไส้ไม่ได้ 

     

    พั๊วะ!!!  คาโอริเดินเข้าไปต่อยที่ท้องของคาออสเข้าไปหนึ่งที 

     

    เอ้า  คราวนี้พูดอีกทีสิ คาออสไม่สามาถพูดได้อีกต่อไป เพราะหน้าเขียวไปเรียบร้อยแล้ว

    ไปกันเถอะ  เสียเวลามามากแล้ว  ไหนยังต้องไปเอาเห็ดที่บ้านอารินอีก  คุณพ่อเป็นห่วงแย่แล้วคาโอริกลับเข้ามาสู่โหมดเย็นชาอีกครั้งหนึ่ง 

     

    หลังจากที่ไปเอาเห็ดที่บ้านอาริน...

     

    เอ้า  จะไปกันแล้วนะ  บอกไว้ก่อน  มีเวลาแค่สิบห้านาที  หากประตูมิติปิดลง  เราจะไม่สามารถออกไปได้อีก  คาโอริอธิบายให้อารินฟัง 

     

    แล้ว ข้างในมันเป็นยังไงหรอคะ  ฟังดูน่ากลัวจัง อารินกำมือแน่น  ตั้งใจฟังยิ่งกว่าตอนเรียนหนังสือกับโบลีเวียเสียอีก

     

    ก็  จะเป็นป่า  มีทางเดินตรงไปเรื่อยๆ แต่ห้ามเดิน  ต้องวิ่งเท่านั้นถึงจะทัน  ไม่อย่างนั้นได้อยู่ในนั้นตลอดชีวิตแน่ 

     

    อ๋อ ค่ะ  ได้เลย เรื่องวิ่งนี่ ฉันก็ไม่แพ้ใครเหมือนกันนะ สู้ตายอยู่แล้วค่ะ

     

    ทีนี้ก็หมดปัญหา  เหลือแค่นายแล้วนะ คาออส  นายน่ะไหวมั้ย

     

    เชอะ  แค่นี้เอง สบายมาก  พูดไม่ทันขาดคำ คาออสก็เริ่มออกเดิน  แต่  ฟุ้บ  ล้มอีกแล้ว 

     

    โว้ยยยยย   เซ็งชะมัดเลยแฮะ  นี่คาโอริ  ช่วยอะไรไม่ได้เลยจริงๆหรอ     

     

    อืมมม  มันก็พอมีทางนะ  คุณพ่อให้ยานี่มา  ท่านคิดไว้แล้วว่านายจะต้องได้ใช้แน่ๆ  คาโอริพูดพร้อมล้วงกล่องยาออกมา 

     

    เอามาๆ จะได้ไปกันสักที  คาออสใจร้อน เมื่อเริ่มมองเห็นทาง

    นายนี่ ใจร้อนไม่เคยเปลี่ยน  ฟังนะ  ถ้านายยังใจร้อนอยู่อย่างนี้  ยานี้จะเป็นอันตรายกับนาย  คาโอริ เก็บยากลับลงไปไว้ที่เดิม  ถ้ากินยานี้แล้ว ร่างกายนายจะเป็นปกติได้ ยี่สิบนาที  นายจะมีแรงเหมือนเดิม คาโอริยังไม่ทันจะพูดจบ

     

    ก็ดีแล้วไง  งั้นก็เอามาสิ   คาออสก็แทรกขึ้น

     

    แต่... นายจะใช้วิชาไม่ได้ ห้ามใช้ ไม่งั้น  นายจะต้องบาดเจ็บสาหัส  หรือไม่  ก็... อาจถึงตาย ประโยคหลัง คาโอริดูเสียงแผ่วลงไปมาก แววตาเปลี่ยนเป็นเศร้าแทน  เพราะเธอรู้ว่า คาออส เป็นคนอย่างไร

     

    เอาน่า สัญญาๆ  ในประตูมิติ ยังต้องไปสู้กับใครล่ะ  ใช่มั้ย คาออสเห็นคาโอริหน้าเศร้า ก็ให้สัญญา  เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับเธอ

     

    เอาล่ะๆ  เอามาได้แล้ว คาออสยื่นมือออกไป รับยาจากคาโอริ  แล้วกลืนมันลงท้องไป สักพัก  ร่างกายของคาออสก็มีแสงเรืองๆ ผ้าคลุมปลิวไสวอีกครั้ง  เขาลอยขึ้นไปบนอากาศเล็กน้อย  แล้วก็พลิกตัวกลับลงมายังพื้นในท่าคุกเข่าข้างเดียว  เขาเงยหน้าขึ้นมา  ยิ้มอย่างสดใส  ลุกขึ้นมา ชูนิ้วโป้งให้คาโอริดูว่าตัวเอง แข็งแรงดีแล้ว  อารินเห็นก็อดยิ้มในความน่ารักของเขาไม่ได้

     

    งั้นก็ไปกันเถอะ

     

    ค่ะ  พร้อมแล้วค่ะ  อาริน ดูจะตื่นเต้นมาก

     

    โอเค คึกคักมากเลยแฮะยานี้  คาออสพูด  แต่คาโอริ  กลับดูเศร้าเมื่อเห็นคาออสคึกคักแบบนี้ 

     

    ...เธอมีอะไรในใจนะ คาโอริ... คาออสคิดเมื่อมองเห็นหน้าของคาโอริ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ไม่อยากให้คาโอริคิดมากไปกว่านี้

     

    เทพแห่งกาลเวลา  หากท่านได้ยินเสียงของข้า  ข้าขอวิงวอนให้ท่านเปิดประตู สู่ Holy Church ด้วยเถิด  คาโอริพูดพร้อมกับเอาของสิ่งหนึ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมวางไว้ที่พื้น  หลังจากคาโอริพูดจบ กล่องนั้นลอยขึ้นมาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้วปรากฏเป็นทางเดินที่เป็นพื้นดินทอดยาวไปข้างหน้า  ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่  ใบไม้หนาทึบ  ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีลม  ไม่มีเมฆ 

     

    พร้อมกันแล้วก็เข้าไปได้เลย  คาออส นายนำไปก่อนนะ  อาริน เธอตามเค้าไป  เดี๋ยวฉันจะเข้าไปเป็นคนสุดท้าย

     

    จะเข้าไปละนะ  รอก่อนนะ ที่นอนอันนุ่มสบายจ๋า  คาออสคนนี้กำลังจะไปหาแล้ว  คาออสวิ่งเข้าไปเป็นคนแรก

     

    อ้าว คุณคาออส  รอด้วยสิคะ  อารินรีบวิ่งตามเข้าไปติด ๆ

     

    ...เฮ้อ  ขอให้ไม่เจอมันทีเถอะนะ...  คิดแล้วแล้วคาโอริก็รีบตามเข้าไป  ประตูมิติ ฝั่งนี้ถูกปิดลงเรียบร้อยแล้ว  อารินมองไปด้านหลัง มืดไปหมดแล้ว  เธอรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง  แล้วคาโอริก็วิ่งแซงขึ้นไปนำหน้าขบวน  

     

    เริ่มจะได้กลิ่นดอกไม้ข้างบ้านแล้ว คาโอริ  คาออสพูดกับคาโอริด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้านเมื่อมองเห็นแสงสีขาวด้านหน้านั้นใกล้เข้ามาทุกที 

     

    ใกล้ถึงแล้วใช่มั้ยคะ  อารินก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน  แต่แล้ว...

     

    ฮ่าๆๆๆๆ  จะรีบไปไหนกันรึเด็กน้อย หึหึ...  เสียงหนึ่งดังออกมาจากข้างทางก่อนที่จะถึงทางออก

     

    ...ให้ตายสิ  เจอมันจริงๆด้วย...  คาโอริ หยุดพร้อมกับชักดาบของเธอออกมา...  ส่งผลให้ทั้งสองคนต้องหยุดตามไปด้วย 

     

    ปีศาจตนหนึ่งก้าวออกมาจากข้างทาง  ตัวมันเมื่อเทียบกับคาโอริแล้ว  มันใหญ่กว่าเธอสามเท่า  ร่างกายกำยำล่ำสันขนขึ้นปกคลุมไปทั่วตัว  ดูๆไปแล้วมันคล้ายๆลิงยักษ์  แต่ว่า หัวและหางของมักลับเป็น  หมาป่า

     

    อ้าว  เธออีกแล้วหรอ  แม่สาวน้อย  เสียดายชะมัดที่ปล่อยเธอไปเมื่อตอนกลางคืน  แต่คิดดูอีกที  ก็ไม่เสียหายสักเท่าไหร่นี่นา  เพราะฉันรู้สึกว่าเธอจะพาอาหารมาเพิ่มให้ฉันอีกถึง  สองคน  ฮ่าๆๆๆๆๆ ปีศาจหัวเราะอย่างสะใจ  คาโอริมีสีหน้าตรึงเครียดทันที  เพราะเธอรู้ดีถึงพลังของปีศาจตนนี้

     

    คาออส นายห้ามยุ่งนะ  ไอ้ตัวประหลาดนี่ ฉันจัดการเอง  นายพาอารินออกไปรอฉันที่โบสถ์แล้วกัน  คาโอริ ไม่หันมามองทั้งสองคนแม้แต่น้อย 

     

    เธอไหวแน่นะ  คาโอริ  คาออสถามด้วยความเป็นห่วง

     

    ฉันบอกให้ไปไงเล่าแล้วคาออสก็พาอารินหลบไปข้างๆ  รอจังหวะที่จะไปต่อ

     

    ...ฝากด้วยนะ   คาโอริ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×