ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC KYUHAE ¦ - Good Morning, Vampire {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #9 : Good morning, Vampire :: Chapter VIII

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.41K
      4
      25 ก.ย. 54

    Good Morning, Vampire.

     

    Super Junior Fan Fiction (Yaoi)

                                                                         Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon

    Author : xixiao’

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     


     

    CHAPTER VIII

     

     

    ห้องในโรงแรมเก่าๆระดับไม่เกินสี่ดาวถูกปิดทึบทุกทาง เพียงแต่หากไม่มีแสงไฟสีส้มสลัวที่ถูกเปิดทิ้งไว้ทั้งห้องคงมืดสนิทแบบที่เขาชอบ ร่างสูงมองนาฬิกาบนผนังที่ส่งเสียงติ๊กเบาๆบอกเวลาเจ็ดโมงเช้าของวัน


    โจวคยูฮยอนในยามนี้ไม่ต่างอะไรจากคนเร่ร่อน ต้องคอยหลบหนีสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียวกันที่คอยแต่จะตามล่าหาตัวเขา ครั้นพอถูกหาตัวเจอก็ไม่มีสิทธิ์เพลี่ยงพล้ำซ้ำยังต้องสังหารให้สิ้นไปจนไม่เหลือข่าวคาบกลับไปบอกนายพวกมันอีก ตกอับ... ลำบาก... เขาไม่เคยแม้แต่ต้องเคยสัมผัสกับคำนี้มาก่อน


    แต่ถึงอย่างนั้น... เรื่องที่เขาพะวงยิ่งกว่าสิ่งใดกลับเป็นความปลอดภัยของมนุษย์ที่ได้ให้ความช่วยเหลือเขาไว้ก่อนหน้านี้ คยูฮยอนคาดเดาไม่ได้เลยว่าอีทงเฮจะถูกคุกคามมากน้อยในทางใดบ้าง


    หากโชคช่วยก็คงรอดไปได้... แต่ตอนนี้ข้างกายอีทงเฮไม่มีเขา...


    นึกสมเพชความอ่อนแอตัวเองเหลือเกิน เพียงแค่แสงแดดที่สาดส่องในยามอาทิตย์จ้าเขาก็ไม่สามารถเดินออกไปไหนได้ผ่าเผย แล้วนี่อะไร... ต้องหลบๆซ่อนๆ หมดสิ้นซึ่งภาคภูมิของเผ่าพันธุ์อย่างไม่มีชิ้นดี


    แค่นหัวเราะกับตัวเองอย่างนั้น บางทีถ้าเขากลับไปยังรั้วคงจะง่ายขึ้น แต่ใครจะรู้เล่า... ดีไม่ดีเขาอาจถูกฆ่าตายในนั้นก็เป็นได้ ตั้งแต่ที่พวกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวก็ดูจะไม่มีอะไรให้วางใจได้เลยสักอย่าง


    หากแต่หัวใจที่นิ่งสงบอยู่ภายในอกนั้นกลับย้ำเตือนอย่างหนักหน่วง...


    อีทงเฮ...







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    วูบไหวในอก...


    เสียงแผ่วพร่าจากปากเงียบดับลงเมื่อความรู้สึกบางอย่างมันแล่นเข้ามาในห้วงคิด ตรงหน้าของเขาเป็นนายตำรวจชเวซีวอนที่นั่งอยู่ยังอีกฝั่งของโต๊ะ ในห้องนี้ไม่มีใคร แต่ทำไมเล่า... ทำไมใบหน้าของโจวคยูฮยอนถึงได้ซ้อนทับลงมาราวกับกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเขา


    มือเรียวยกขึ้นบีบสันจมูกเบาๆพลางกดแรงนิ้วลงระหว่างดวงตา อาจเพราะช่วงนี้เจอเรื่องราวมากมายจนรู้สึกอ่อนเพลียไปหมดถึงทำให้ตาพร่ามัวลงอย่างช่วยไม่ได้


    อีทงเฮเชื่อว่าตัวเขาอาจจะได้เป็นบ้าในเร็วๆนี้...


    “ทงเฮ...” เสียงทุ้มนั่นราบนุ่มด้วยความเป็นห่วงราวกับจะปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์คิด ชเวซีวอนอยู่ในหน้าที่ เขาจึงรู้ตัวดีว่าไม่ควรแม้แต่จะยื่นมือมาโอบอุ้มมือของผู้ที่อยู่ในระหว่างให้การ แม้ว่าดวงหน้านั้นจะซีดเผือดและชะงักงันไปอย่างน่าเป็นห่วง “คุณโอเคนะ?”


    ร่างเล็กลดมือลงก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ เขายังคงมีสติ... แสงสลัวในห้องนั้นช่วยให้ใจสงบ แต่ก็แค่ในตอนแรก เพราะหลังจากได้จ้องมองแสงไฟสีส้มที่แกว่งไปมาเหนือระดับสายตากลับทำให้รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก


    “ขอโทษที...” ทงเฮระบายยิ้มอ่อนราวกับจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนออกปากว่าพร้อมจะให้ปากคำ ยิ่งยืดเวลาออกไปก็ยิ่งเปล่าประโยชน์ “ผมจะให้การต่อ”


    นายตำรวจหนุ่มยิ้มรับ ก่อนจะยกแผ่นรองเอกสารในมือขึ้นในระดับที่พร้อมจะจดบันทึกอีกครั้ง


    “อย่างที่ผมเล่าไปว่าฮารามาขออาศัยอยู่กับผมระหว่างรอแม่เธอกลับมาถึงโซล วันนั้นเป็นวันเกิดของเธอ ผมถือกุญแจรถออกไปข้างนอกราวๆช่วงห้าทุ่มแล้วกลับมาในอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งหลังจากนั้น...”


    “เดี๋ยวนะคุณอีทงเฮ...” ซีวอนขัดขึ้น เป็นไปได้ว่าเขาจับพิรุธได้ในน้ำเสียงแหบพร่านั้น “คุณบอกว่าคุณออกไปข้างนอกตอนห้าทุ่ม คุณออกไปทำไมหรือ?”


    ทงเฮรู้ตัวดี... เขาโกหกซีวอนมาตั้งแต่ต้น....



    คยูฮยอนหายไปจากคำให้การ



    “ผมมีปากเสียงกับเธอ จึงออกไปสงบสติอารมณ์” ร่างเล็กป้อนคำเท็จ ตลอดระยะเวลาที่เขาถูกกันตัวไว้ในที่พักของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ อืทงเฮใช้เวลาทบทวนทุกอย่าง ทบทวนว่าเขาควรจะให้การอย่างไร


    แต่จนแล้วจนรอด ชื่อของคยูฮยอนก็ยังคงวนเวียนซ้อนทับกับเหตุการณ์ทั้งหมด


    เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ซีวอนนึกแปลกใจกับอะไรหลายๆอย่าง ถึงกระนั้นร่างสูงก็ไม่ได้เอ่ยปากอยากรู้เห็นถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมา อาจเพราะซีวอนไม่รู้ว่ามันอันตรายเพียงใด ไม่รู้แม้กระทั่งว่าทำไมอีทงเฮจึงไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก จึงขอเพียงที่พักบนโซฟาตัวยาวก่อนจะตื่นมาขับรถกลับไปอาบน้ำแต่งตัวยังบ้านตัวเองในตอนเช้าตรู่


    “พอกลับมาถึงห้อง ผมก็เห็นแค่ศพของฮารา... แค่นั้น”


    เป็นคำให้การที่สั้นและแทบไม่มีน้ำหนักใดๆ ทงเฮรู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นซีวอนก็คาดคั้นอะไรเขาไม่ได้ แม้ว่าสายตาของร่างสูงจะยังจับจ้องด้วยความพิศวงถึงรูปคดีที่จับมือใครดมไม่ได้แบบนี้ ฆาตกรโรคจิต? คดีปริศนา? ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อคดีตำนานในอดีตซึ่งซีวอนไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาพบเจอด้วยตัวเอง


    บางทีคดีอาจจะง่ายขึ้น... หากอีทงเฮมีแววตาที่สงบนิ่งและไม่มีเจตนาปิดบังความจริงใดๆอย่างที่เป็นอยู่







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-







     

    ตั้งแต่เมื่อไรที่ดวงตาเป็นประกายนั้นหมองหม่น ผิวหน้าที่ขาวใสเฉกคนมีสุขภาพดีกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยหมองคล้ำใต้ขอบตา อีทงเฮละเลยต่อนิทรามาหลายวัน... นานพอที่จะทำให้ร่างกายทรุดโทรมอย่างช่วยไม่ได้


    เป็นอีกค่ำคืนที่เงียบสงัดและว้าเหว่ เป็นคืนแรกที่เขาได้กลับมายังคอนโดมิเนียมอีกครั้งหลังการตายของกูฮารา ซีวอนไม่ได้มาส่งเขาดังปกติเพราะง่วนอยู่กับรูปคดีพิลึกพิลั่นที่เขาจงใจบิดเบือน ถึงจะรู้สึกผิดและรู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา... แต่ทงเฮมั่นใจ... ว่าคดีก่อนๆไม่ใช่ฝีมือของคยูฮยอนแน่


    ในเมื่อคยูฮยอนอยู่กับเขา....


    ยิ่งคิดก็รังแต่จะยิ่งมีปริศนา ทั้งยังเงาประหลาดที่ก้ำกึ่งว่าจะตามเขามานั่นก็สำคัญ ตัวประหลาดหรืออะไรกันแน่ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาพร้อมจะรับมือหรือยอมรับความตายสักหน่อยกัน


    แล้วถ้าเงาประหลาดนั่นเป็นฆาตกรที่แท้จริงกันเล่า?


    อาจจะคิดง่ายที่จะโยนความผิดอันไม่มีมูลให้กับสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่ทงเฮเชื่อว่ามันอาจเป็นไปได้ ดังครั้งที่คยูฮยอนช่วยชีวิตเขาไว้บนตึกก่อสร้าง เงาดำๆพวกนั้นก็อยู่ที่นั่นทั้งที่มีคนตาย คิดย้อนไปกี่ทีมันก็ยังวนมาทีเดิม เพราะอีทงเฮไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านี้เลย


    ตกดึกก็ท้องหิว เพราะไม่ได้อยู่คอนโดมิเนียมมาหลายวันทำให้ไม่มีอะไรติดตู้เย็นอย่างที่ซื้อมาตุนไว้ประจำ เวลานี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าคอนวีเนียน ถึงซีวอนจะกำชับนักกำชับหนาว่าไม่ควรออกไปไหน แต่คิดอีกแง่แล้ว... หากจะเกิดอันตราย ในเมื่อมีเป้าหมายคนร้ายจะกระทำมันที่ใดก็ได้ไม่ใช่หรือ กับการที่เขาอยู่เป็นเป้านิ่งบนคอนโดมิเนียมกับออกไปคอนวีเนียนใกล้ๆค่าคงไม่ต่างกันมากนักหรอก


    คิดอย่างนั้นก็หยิบเอากระเป๋าเงิน โทรศัพท์ และกุญแจติดมือออกไปโดยไม่ได้กังวลจุกจิกอย่างที่ซีวอนอยากให้เป็นนัก นายตำรวจหนุ่มควรจะนึกสักหน่อยว่าทงเฮเองก็มีนิสัยผู้ชายเต็มตัวไม่ได้ต่างไปจากเขา







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    ลำพองใจเล็กๆเมื่อสามารถกลับมาถึงคอนโดมิเนียมได้อย่างปลอดภัย ดวงของอีทงเฮในคืนนี้ไม่ถือว่าตกนัก เสื้อผ้าเปียกชื้นเล็กน้อยเพราะสายฝนที่เพิ่งเทลงมาในขากลับ ขาเรียวก้าวย่างไปตามลานจอดรถกว้างภายใต้คอนโดมิเนียมที่ค่อนข้างจะมืดสนิท เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยกึ่งหลับกึ่งตื่นคาป้อมก็น่าขำ จะงีบหลับไปเลยก็คงไม่ต่างกันนัก


    เพียงแต่บรรยากาศเย็นเยือกที่โรยตัวลงมานั้นไม่ต่างอะไรจากลางร้าย เขาอาจหลอนถึงขั้นคิดไปเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวตึก แค่นั้นทุกอย่างก็คงหมดห่วง


    ชั่วนาทีที่เหลียวหลัง หัวใจพลันวูบหวั่นด้วยความตระหนก ชายหญิงสองคนกำลังเดินตามหลังเขาอยู่ห่างๆ คงไม่มีอะไร... หากแววตานั้นไม่มีสีอำพันสว่างวาวโรจน์และกำลังจ้องมองมาที่เขา ทงเฮในตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ลางอันตรายเริ่มตั้งเค้าในขณะที่เขาตัดสินใจเร่งฝีเท้าเดินให้เร็วขึ้น เดินคอตกพลางปรายสายตาทอดมองเงาของคนที่อยู่ข้างหลัง นี่เขาหนีภูตผีหรืออย่างไร ทำไมต้องกลัวขนาดนี้


    “อะ!


    ปะทะเข้ากับหัวไหล่แข็งๆของใครอีกคนจนเซถลาไปข้างหลัง ดวงหน้าคมสันที่อยู่ระหว่างเรือนผมยาวประบ่าละจากการล็อกประตูรถหันมามองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ จนทงเฮต้องรีบโค้งหัวน้อยๆเป็นการขอโทษ ครั้นหันไปมองด้านหลังอีกที คนน่ากลัวพวกนั้นหายไปแล้ว.... เป็นไปได้ยังไง


    “มีอะไรหรือเปล่าครับ? ดูเหมือนคุณกำลังหนีอะไรมา”


    ทงเฮหันมามองเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มที่กำลังคลี่ยิ้มอ่อนๆให้เขา ชุดที่ผู้ชายคนนี้ใส่เป็นสีดำสนิทเช่นเดียวกับเรือนผม “ไม่มีอะไรครับ เมื่อครู่ขอโทษด้วยที่ผมไม่ทันมองแล้วไปชนคุณเข้า”


    ถึงตรงนี้ชายหนุ่มยิ้มจนตาปิดเป็นเชิงว่าเขาไม่ถือสาอะไร หนังสือและเอกสารหนาครึ่งคืบในมือถูกกระชับแน่นขึ้น ตาสีน้ำตาลนั้นวาววับ “ถ้าจำไม่ผิด คุณใช่อีทงเฮหรือเปล่าครับ?”


    “เห?”


    “ผมได้มีโอกาสอยู่ในกลุ่มพวกสื่อมวลชนตอนวันเกิดเหตุเมื่อหลายวันก่อนน่ะครับ”


    “คุณเป็นนักข่าว?”


    เขาไม่ได้หุบยิ้มลงเลยตั้งแต่ในทีแรก มันยังคงระบายอ่อนๆอยู่บนใบหน้าชวนมองนั้นอย่างมีมารยาท เขาใช้หนึ่งมือที่ว่างและหนึ่งมือที่มีข้าวของเปิดประเป๋าบัตรใบเล็กๆออกก่อนจะยื่นนามบัตรให้ด้วยมือข้างที่ไม่ถืออะไร


    “ผมเป็นนักเขียนน่ะครับ คิมคิบอม ยินดีที่ได้รู้จัก”







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    ประตูห้องถูกเปิดเข้าไปอย่างโล่งอก เมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... บางทีเขาอาจคิดไปเองเรื่องชายหญิงสองคนนั่น จริงๆแล้วมันไม่มีอะไร... ไม่มีอะไรเลย


    เปลือกตาบางหลุบลงในความมืด รู้สึกล้าไปหมด... ล้าที่ต้องเข้มแข็งต่อใจตัวเอง ใจที่กำลังหวาดหวั่นหลังจากเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญมาหลายต่อหลายครั้ง ใจที่มันกำลังเย็นเยียบลงจนแทบแข็งกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่หยุด ผู้ชายที่ชื่อคิมคิบอมเมื่อครู่นั้นไม่ได้มีอะไรผิดปกติ จะแปลกก็ตรงที่รอยยิ้มของเขามันชวนให้มองอย่างประหลาด


    “อุ่บ...!!


    สัมผัสเย็นๆที่ทาบทับลงบนปากพร้อมกับการดึงรั้งให้เข้าไปอยู่อ้อมแขนนั้นดึงใจให้กระตุกวูบอีกครั้ง ข้าวของที่ซื้อมาหล่นกระจัดกระจายลงตามพื้น ร่างเล็กไม่ได้ดิ้นรนหาทางรอด หากแต่เขากำลังชา... มันชาไปทั้งตัวเมื่อร่างที่ซ้อนอยู่ด้านหลังเขานั้นไม่ได้มีไอร้อนดังเช่นคนทั่วไป


    “..............”


    เสียงหอบหายใจของเขาดังท่ามกลางความเงียบสงบและเสียงฝนภายนอก ร่างปริศนาที่พันธนาการเขาไว้ไม่ได้พูดหรือทำอะไรต่อ นิ่ง... นิ่งจนเขารู้สึกกลัว....


    “อย่าส่งเสียง...”


    เสียงทุ้มนิ่งราวกับครั้งแรกที่เจอกัน... เสียงที่ทำให้ดวงตาของอีทงเฮเบิกโพลงและพร้อมจะปรับใจที่ตื่นกลัวให้นิ่งสงบ เขาค่อยๆยกมือขึ้นวางทับกับมือเย็นเยียบ ก่อนจะลดมันลงให้พ้นจากเรียวปาก เพียงหมุนตัวกลับไปมอง เงาร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยก็ยืนอยู่ตรงหน้า


    “คยูฮยอน....”


    ทงเฮเห็นหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ชัดนัก ไม่มีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาเพราะม่านที่ถูกรูดปิดทุกหน้าต่าง หัวใจสั่นไหว... มันกำลังก้ำกึ่งระหว่างความกลัวทงเฮรู้ตัวดี ฆาตกรที่สังหารกูฮาราตัวจริงอยู่ตรงหน้าเขา รู้แล้วว่าคยูฮยอนไม่ใช่มนุษย์


    สัมผัสเย็นๆที่ทาบลงมาบนแก้มขาว ร่างสูงก้าวเข้ามาอีกหนึ่งก้าวจนเขาได้ยินเสียงลมหายใจนั้นชัดเจน



    คยูฮยอนกำลังจูบเขา....



    อีทงเฮไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... เขายังคงยืนนิ่ง... ไม่สิ เขากำลังตอบรับจูบอีกคนอย่างละล้าละลัง ลิ้นชื้นที่สอดเข้าหาความหวานในโพรงปากนั้นทำให้ทงเฮไหวหวั่น ทันดึงเอาเรี่ยวแรงและสติสัมปชัญญะที่เคยมีไปจนหมดสิ้น ทงเฮเคยจูบ... และเขารู้ว่าคยูฮยอนจูบเก่งแค่ไหนหลังได้สัมผัสด้วยตัวเอง


    “นายหายไหนมา...?”


    ชั่วนาทีที่ริมฝีปากผละออก ทงเฮกลับรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อคยูฮยอนรุกรานเขาอย่างหนักหน่วง ทุกอย่างมีกลิ่นคาวเลือด กลิ่นคาวเลือดที่ไหลซึมตามกลีบปาก


    “ปล่อย... คยูฮยอน.... ปล่อย...”


    ใบหน้านั้นฝังลงกับซอกคอเขา ทงเฮดิ้นขลุกขลักพยายามดันอีกคนออก นี่มันบ้าไปแล้ว... มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?


    เพียงแต่ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอนั้นกลับทำให้ร่างทั้งร่างชาวาบ เขี้ยวเย็นๆกำลังฝังตัวลงมา...


    เจ็บ... เจ็บราวกับว่าเขากำลังจะตายลงไป....




     

    .




     

    .




     

    สายฝนที่เทกระหน่ำด้านนอกยังคงต่อเนื่องสม่ำเสมอ ต่างจากหัวใจของอีทงเฮที่กำลังเต้นรัวแรงไม่เป็นจังหวะ ฝัน... มันเป็นเพียงแค่ฝันเท่านั้นเอง.... เขากำลังอยู่บนเตียงนอน ห้องทั้งห้องมืดสนิท ทงเฮกลับมาถึงห้องนานแล้ว...


    แต่ฝันเมื่อกี้คืออะไรกัน... นี่เขาคิดเรื่องคยูฮยอนมากไปอย่างนั้นหรือ....?


    มือเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากแห้งผาก ไม่มีเลือด ไม่มีร่องรอยของรสจูบใดๆ...



    “ฟุ้งซ่านเกินไปแล้วอีทงเฮ...”




     

    TBC











    มาอัพแล้ววววว TOT'
    ตอนนี้มึน ๆมาก ไม่รู้อะไรเป็นอะไร โฮ*
    ไรท์เตอร์ก็มึนค่ะ มึนมากไม่ไหวแล้ว ณ.จุดนี้ 55555555.

    ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเลย เป็นความฟุ้งซ่านของทงเฮมันทั้งตอน ._ .
    อย่าสงสัยไปเลยค่ะว่าพระนายของเราจะเริ่มรักกันได้ยังไง
    เพราะเราก็ยังไม่รู้เลย -.-  555555555.




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×