ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC KYUHAE ¦ - Good Morning, Vampire {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #8 : Good morning, Vampire :: Chapter VII

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.37K
      6
      21 ส.ค. 54




    Good Morning, Vampire.

     

    Super Junior Fan Fiction (Yaoi)

    Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon

    Author : xixiao’

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    CHAPTER VII

     

     


    “สภาพศพขาวซีด เสียเลือดไปมาก และมีรอยเขี้ยวอยู่บนลำคอเหมือนศพอื่นๆครับ”


    สิ้นเสียงรายงานของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพเบื้องต้น ร่างสูงของนายตำรวจเจ้าของคดีพยักหน้ารับรู้เพียงเล็กน้อยก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับคนที่นั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ร่างของอีทงเฮยังคงนั่งเงียบอยู่ภายใต้ผืนผ้าห่มเล็กสีขาวที่คลุมตัวไว้อย่างลวกๆ ท่ามกลางการเดินขวักไขว่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายตำรวจส่วนหนึ่งนั้นถูกสั่งให้ไปยืนคุมอยู่หน้าประตูเพื่อกันบุคคลภายนอกและบรรดาสื่อมวลชนที่โวยวายจะขอเข้ามา ชเวซีวอนค่อยๆเดินตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าพยานเพียงหนึ่งเดียว ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยองๆเพื่อที่จะอยู่ในระดับสายตาของทงเฮ


    “คุณดีขึ้นรึยัง ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วง หากแต่แววตาของอีกคนนั้นยังคงนิ่งสงบเกือบๆจะเป็นความเหม่อลอย ทงเฮเป็นพยานคนเดียวที่อาจรู้เห็นถึงการตายของกูฮารา เพียงแต่เขายังไม่ให้การใดๆกับทางตำรวจ อาจด้วยสภาพจิตใจที่อยู่ในอาการช็อก หรือกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ภายในใจซีวอนเดาไม่ออกเลยสักนิด


    ยื่งเห็นอาการก็ยิ่งเป็นห่วงคนตรงหน้าขึ้นมาจับใจ มีพยานเหตุการณ์หลายต่อหลายคนที่ช็อกจนพูดอะไรไม่ออก หรือหวาดกลัวจากสิ่งที่ได้พบเห็นจนต้องพบจิตแพทย์ ทงเฮไม่ได้มีอาการตื่นตกใจและแสดงท่าทีออกมาเช่นพยานคนอื่นๆที่เขาได้พบเห็น หากแต่สิ่งที่เป็นอยู่ก็ดูเหมือนว่าจะยังคงช็อกจากเหตุการณ์ เขาคาดว่าอย่างนั้น


    มือแกร่งกวักเรียกนายตำรวจชั้นผู้น้อยและกระซิบขอน้ำเย็นๆสักขวดสำหรับคนที่นั่งอยู่ ตอนนี้เป็นเวลาตีสี่ บรรยากาศภายนอกนั้นช่างเงียบสงบและเยือกเย็นขัดกับภายในที่วุ่นวายจอแจ


    “ในระหว่างนี้ผมคงต้องขอให้คุณพักอยู่ในที่พักที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้ชั่วคราว ที่นั่นจะมีนายตำรวจคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้คุณอย่างดี ไม่ต้องห่วงนะครับ...” ทอดน้ำเสียงพูดกับอีกคนแผ่วเบา แม้จะไม่แน่ว่าร่างตรงหน้านั้นรับรู้ในสิ่งที่เขาพูดหรือไม่ ใจของซีวอนตอนนี้ไม่ได้ว้าวุ่นจนเสียสมดุลของความเป็นเจ้าหน้าที่ หากแต่ก็ไม่ได้สงบเยือกเย็นจนพินิจอะไรได้ถ้วนถี่ แล้วเขาก็ถือวิสาสะกุมมือเรียวของใครอีกคนพลางบีบกระชับเพื่อให้กำลังใจ ยิ้มอ่อนๆถูกคลี่ส่งให้ในขณะที่ร่างเล็กเงยขึ้นมองสบตา


    สัมผัสอุ่นๆที่มือนั้นปลุกอีทงเฮให้ตื่นจากภวังค์ที่มีแต่ใบหน้าของโจวคยูฮยอน คนที่เขารู้จักดี... หรืออาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อน


    สายฝนหยุดลงพร้อมๆกับเสียงหัวใจที่ค่อยๆกลับเข้าสู่อัตราปกติ เกือบสองชั่วโมงที่ทงเฮใช้ความคิดวนไปวนมาจนลืมไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในดงของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังทำคดี แม้กระทั่งว่ามีใครบางคนมานั่งยองๆลงตรงหน้าเขาแล้วจับจ้องด้วยความเป็นห่วง


    อีทงเฮยังไม่อยากพูดอะไรออกไปตอนนี้....







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    ผมแค่... ไม่หิวน่ะ

    ไม่หิวเนี่ยนะ ? นายยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน นี่ก็ดึกแล้วนายน่าจะ...


     

    คุณจะทำอะไร ?

    ฉันก็แค่สงสัยว่านายหายเจ็บแผลแล้วรึไง แผลนายก็ไม่ใช่เล็กๆ แต่ทำไมนายถึงไม่มีท่าทีเจ็บปวดอะไรเลยล่ะ

     


    พรุ่งนี้นายจะไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวรึเปล่า

    ผมไม่ชอบออกไปไหนตอนกลางวัน

     


    นายนี่มันเลือดเย็นเหมือนตัวนายจริงๆ

    ........

    จะว่าไป... ตัวของนายมันเย็นมากเลยนะ


     

    เมื่อกี้.... ผมขอโทษ......... กลัวผมรึเปล่า


     

     

    .....แต่จะว่าไป... พี่คยูฮยอนก็เหมือนแวมไพร์เหมือนกันนะ.......


     

     

    มากกว่าสิบครั้งที่อีทงเฮทบทวนประโยคเดิมซ้ำๆดังที่เขาเคยได้หยิบยกขึ้นมาไตร่ตรองเมื่อไม่กี่วันก่อน  ถึงจะให้คำตอบตัวเองว่าคยูฮยอนไม่ใช่มนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าจะทำใจเชื่อได้ง่ายๆสำหรับคนที่เป็นเพียงวิศวกรและไม่เคยเชื่อเชื่อในสิ่งเร้นลับงมงาย


    คดีที่กำลังโด่งดังในสังคมถูกผนวกเข้ากับเงาดำประหลาดที่เขาเคยพบเจอ แต่สุดท้ายคำตอบก็ออกมาเป็นใบหน้าของโจวคยูฮยอนอย่างไร้เหตุผล สับสน... ทงเฮรู้สึกสับสนจนจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก


    ยิ่งคิดให้ลึกลงไป... คำตอบก็ยิ่งดำมืดจนควานหาทางไม่เจอ...


    เชื่อมาทั้งชีวิตว่าผีดูดเลือดที่น่าเกลียดน่ากลัว หรือแม้แต่แวมไพร์รูปงามที่มีเสน่ห์ดังในภาพยนตร์นั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าปรัมปรา อย่างนั้นแล้วสิ่งที่คยูฮยอนเป็นคืออะไรเล่า


    ยิ่งคิด... ก็ยิ่งต้องพึ่งยาแก้ปวดหัวเป็นครั้งที่สองของวัน


    อีทงเฮสะบัดศีรษะไล่ความคิดว้าวุ่นที่รบกวนสัมปชัญญะทั้งหมดออกไปแล้วรีบจัดแจงสูทสีดำที่อยู่บนร่างกายให้เรียบร้อย ป่านนี้นายตำรวจชเวซีวอนคงจอดรถรอเขาอยู่หน้าบ้านพักแล้วกระมัง


     

    “ขอโทษที่ให้รอ”


    เป็นดังที่คิดไว้ ซีวอนมาจอดรถรอเขาอยู่หน้าบ้านพักก่อนเวลานัดราวๆสิบนาที วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่อีทงเฮจะได้ออกไปข้างนอกหลังจากต้องทนอุดอู้อยู่ในบ้านพักท่ามกลางการรายล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จะเรียกว่าเป็นอิสระก็คงไม่ได้ เขายังคงต้องถูกกักตัวเป็นพยานในคดีต่อไป ตราบใดที่ยังไม่คิดจะเอ่ยปากให้การอย่างเป็นเรื่องเป็นราว


    “เราไปกันเลยดีไหม ป่านนี้งานคงเริ่มแล้ว”







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    งานที่ซีวอนว่าไว้ไม่ใช่งานรื่นเริงหรือการสังสรรค์ใดๆ บรรยากาศหดหู่แข่งกับเสียงหวีดหวิวของใบไม้ที่กระทบกันตามแรงลมนั้นเศร้าสร้อยเสียจนทงเฮรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก มารดาของกูฮารากำลังร่ำไห้อยู่หน้าไม้กางเขนที่ตรึงอยู่เหนือโลงศพของบุตรสาว และเพียงแค่เห็นอีทงเฮเดินเข้าในงาน เธอก็ตรงเข้ามาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวราวกับว่าเขาเป็นฆาตกร


    “เธอทำแบบนี้ได้ยังไง! ทำไมเธอไม่ดูแลลูกสาวฉัน!!


    กล่าวโทษด้วยเสียงดังจนแขกเหรื่อพากันหันมามอง ทงเฮปล่อยตัวเองให้เซไปตามแรงตบตีที่กระทบลงบนแผ่นอก ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรงและไม่มีทีท่าว่าจะตอบโต้ใดๆ ดวงตาเรียวรีแม้จะไม่มีน้ำตาใสๆไหลคลอออกมา หากแต่มันก็วาววับไปด้วยความเศร้าสร้อยจนคนที่ยืนอยู่ข้างหลังทนไม่ไหว ต้องเข้ามาช่วยกันเอาไว้ในขณะที่คนอีกราวๆสองคนเข้ามาประคองห้ามคุณนายกูให้สงบสติอารมณ์


    “เพราะเธอ! เพราะเธออีทงเฮ!! เพราะฮาราอยู่กับเธอ! เธอทำให้ฮาราต้องถูกฆ่าตาย!!!!


    คำพูดที่เสียดแทงลงกลางใจของคนได้ฟังจนรู้สึกชาไปทั้งใบหน้า ทงเฮแทบอยากทรุดตัวลงด้วยความรู้สึกที่หดหู่ประหนึ่งว่าเขาได้เป็นฆาตกรฆ่ากูฮาราทางอ้อมดังที่ถูกกล่าวหา


    “มันไม่ใช่ความผิดของคุณ...”


    เสียงทุ้มนุ่มที่ปลอบประโลม เสียงที่บอกอีทงเฮว่าหัวใจของเขายังคงมีเลือดที่หล่อเลี้ยง เป็นครั้งแรกที่อีทงเฮรู้สึกราวกับว่าไม่เหลือใคร เป็นครั้งแรกที่โดนปรามาส... จนนึกโทษตัวเอง



    ถ้าฮาราไม่มาหาเขา... ก็คงไม่ต้องตาย....


    ถ้าคืนนั้นเขาไม่ทิ้งฮาราไว้ที่ห้องคนเดียว.... ถ้าเขาเผื่อใจสักนิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น.....


     

    แต่อีทงเฮไม่รู้.... ไม่รู้จริงๆ...



     

    “ผม... ขอโทษ.....”


    พูดออกไปด้วยเสียงแผ่วพร่า จนอีกคนรู้สึกสงสารจับใจ แต่ซีวอนทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น  ถึงอย่างไรทงเฮก็คือผู้ชายคนหนึ่ง... การกอดปลอบหรือบีบเค้นให้รู้สึกอยากร้องไห้คงไม่ใช่เรื่องดีนัก


    มือแกร่งแตะลงบนบ่าลาดพร้อมกับระบายยิ้มบางเบาให้พอรู้สึกอบอุ่นใจ ชเวซีวอนร่ำบอกกับตัวเองเบาๆภายในใจ... เขาอยากดูแลอีทงเฮเหลือเกิน







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    ตลอดทั้งวัน ทงเฮต้องทนฟังเสียงซุบซิบนินทารอบตัวและสายตาจงเกลียดจงชังของคุณนายกู ถึงจะมีซีวอนที่อยู่ข้างๆและคอยให้กำลังใจตลอดเวลา อย่างไรแล้วหัวใจของอีทงเฮก็ยังคงบอบช้ำและดึงตัวเองให้ดิ่งลงยังห้วงเหวของความรู้สึกผิดตลอดเวลา


    ทุกคนโทษผม... ทุกคนโทษผม.... ความผิดของผม...


    เสียงภายในใจร้องรัวเช่นนั้นแข่งกับเสียงบทสวดวิญญาณของบาทหลวง


    กระทั่งฟากฟ้าเริ่มเย็นย่ำ สีที่แต่งแต้มเหนือศีรษะกลับกลายเป็นสีส้ม และอีกไม่นานแสงที่สาดส่องลงบนผืนดินคงหมดไป ผู้ร่วมงานเริ่มทยอยกันนำถุงดินไปใส่ยังหลุมศพอย่างเชื่องช้าและอาลัย


    ลมเย็นๆพัดผ่านจนเส้นผมลู่ไปตามแรงลม มันไม่ได้ทำให้ทงเฮรู้สึกผ่อนคลาย แต่กลับเย็นยะเยือกอย่างประหลาด....


    ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำที่ยืนห่างออกไปจากบริเวณงานราวๆสามสิบเมตรเรียกความสนใจจากร่างเล็กได้อย่างประหลาด สามสิบเมตรเป็นระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกลที่ทงเฮพอจะดูออกว่าเขากำลังยิ้ม และสายตาคู่นั้นกำลังมองมา ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขามัวแต่สบตอบสายตาคู่นั้นราวต้องมนต์สะกด หากแต่แรงสะกิดเบาๆที่ต้นแขนกลับทำให้ทงเฮต้องสะดุ้ง และพบว่าถึงคิวของเขาที่จะนำถุงดินลงหย่อนในหลุมศพของกูฮารา


    รู้สึกประหม่าอย่างประหลาดทงเฮกำลังรู้สึกราวกับว่าเขาไร้เรี่ยวแรงใดๆหลังจากได้สบดวงตาคู่นั้น อยากตามหา... อยากเข้าไปดูใกล้ๆ... รู้สึกคุ้นเคยราวกับว่าได้เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน


    “คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”


    ใบหน้าขาวส่ายไปมาช้าๆก่อนจะหย่อนถุงดินลงไปด้วยนัยน์ตาเศร้าสร้อย เขาเหลียวกลับไปมองยังทางเดิมอีกครั้ง หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะยังคงยืนอยู่ที่เดิม.... หากแต่ก็ไม่มี


    ครั้นพอนึกดูดีๆแล้ว ดวงตาคู่นั้น... ที่เขาเคยได้สบด้วยที่คอนโดมิเนียมก่อนจะถูกคยูฮยอนจะรูดม่านปิดหลังจากนั้น ตอนนั้นอีทงเฮไม่ได้สังเกต ว่ามันเป็นความจงใจหรือไม่ คยูฮยอนรู้อยู่แล้วรึเปล่าว่าเขากำลังจ้องมองอยู่กับบางสิ่ง


    แล้วถ้าทงเฮได้พบเจ้าของดวงตาคู่นั้นอีกครั้ง... เขาอาจจะได้รู้เรื่องของคยูฮยอนก็ได้







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    “ตอนนี้คุณโอเคขึ้นรึยัง?”


    แมกไม้ข้างทางดูจะน่าสนใจกว่าพื้นปูนบนถนนมากโข เมื่อคนที่นั่งอยู่ทางฝั่งข้างคนขับนั้นเอาแต่ทอดสายตาออกไปในรัศมีที่อยู่นอกแสงจากตัวรถ ทงเฮสามารถพูดคุยได้เป็นปกติแม้ว่าจะยังมีอากาศซึมเศร้าอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นแล้วก็คงจะเข้มแข็งขึ้นและกลับมาเป็นวิศวกรคนเก่งในไม่ช้า ซีวอนเชื่ออย่างนั้น


    ร่างเล็กยันตัวขึ้นจากสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนเล็กน้อย ก่อนแผ่นหลังจะเหยียดตรงแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ


    เงาสีดำทะมึนนั่นอีกแล้ว....


    “ซีวอน... คุณขับเร็วกว่านี้อีกได้ไหม”


    ไม่รู้จะบอกชเวซีวอนยังไงดีว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างอยู่รอบๆ เงาที่เขาเคยได้มีโอกาสพบเจออย่างจังๆถึงสองครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีคยูฮยอนอยู่ด้วย....


    “มีอะไรรึเปล่า?” ร่างสูงย้อนถามในขณะที่เหยียบคันเร่งเร็วขึ้นตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ท่าทีของทงเฮดูตื่นตระหนกจนประหลาด ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคุมสติไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นัยน์ตาคมเสมองไปรอบๆสลับกับพื้นถนนเพื่อมองหาสิ่งผิดปกติที่ทำให้คนข้างๆดูลนลานกว่าที่เคย


    เงาประหลาดเคลื่อนตัวแข่งกับการเคลื่อนไหวของแมกไม้ อีทงเฮกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงลำคอเมื่อเริ่มแน่ใจว่าเงาทะมึนเหล่านั้นกำลังตามรถของซีวอนมา ในหัวครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่อย่างหนักหน่วง ไม่มีคยูฮยอนอยู่... เขาไม่รู้เลยว่าต้องรับมือเงาพวกนี้อย่างไร


    นึกสิอีทงเฮ... นึกให้ออกว่าจะหนีจากเจ้าพวกนั้นได้ยังไง......



    “เฮ้ย!!!!



    ร่างทั้งร่างถลาไปข้างหน้าจนเกือบชนกับกระจกเมื่อซีวอนเหยียบเบรกกะทันหัน รู้สึกชาไปทั้งร่าง... อีทงเฮรู้สึกชาไปทั้งร่างเมื่อเงาประหลาดที่ดูเหมือนจะกำลังไล่ตามเขามานั้นหายไปแล้ว


    “คุณหยุดรถทำไม?” หันไปถามคนขับเสียงพร่า สีหน้าซีวอนนั้นแสดงอาการตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด กระนั้นร่างสูงก็ยังเอ่ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเป็นปกติ


    “เมื่อกี้... มีคนยืนขวางหน้ารถ...”




     

    เฮ้ย !’

    ทงเฮร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นผู้ชายหนึ่งยืนขวางทางรถเขาอยู่เบื้องหน้า คยูฮยอนหันกลับมามองตามด้วยความตระหนกไม่ต่างจากทงเฮ ชนไปเลย !’

    นะ... นายจะบ้ารึไง !?

    ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ถกกันเสร็จ ทงเฮก็ตัดสินใจเหยียบคันเร่งและชนเขากับผู้ชายที่ยืนขวางทางรถเขาจนกระเด็นปลิวปะทะกระจกหน้ารถและกลิ้งไปด้านหลัง ครั้นเหลียวกลับไปมองกลับไม่มีร่องรอยของคนที่เขาชนเมื่อครู่ หากแต่เงาดำๆน่ากลัวนั่นกลับเพิ่มจำนวนเป็นสอง....




     

    ราวกับภาพเหตุการณ์เดิมฉายซ้อนทับ ไม่ได้ช้าไปกว่าความคิดเลย ความเย็นยะเยือกปกคลุมโดยรอบ ทั้งทงเฮและซีวอนกวาดสายตาไปรอบตัว ถ้าเกิดมีอะไรโผล่มาล่ะ....


    ทงเฮนึกขึ้นได้แล้วว่าในตอนนั้นเขาและคยูฮยอนรอดพ้นจากเงาพวกนี้ด้วยโบสถ์ หากแต่ที่นี่ไม่ใช่ใจกลางเมือง โบสถ์ที่ใกล้ที่สุดคือโบสถ์ที่พวกเขาขับรถออกมาย่างเจ็ดกิโลเมตร


    ในรถช่างเงียบสงบ... สงบกว่าเสียงหัวใจของอีทงเฮที่กำลังเต้นระรัวด้วยความหวาดหวั่น


    “ทงเฮ...”


    เสียงทุ้มของซีวอนเตือนเขาให้คุมสติให้อยู่ ซีวอนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และคนที่ยืนตัดหน้ารถเขาเมื่อครู่หายไปไหน แต่ก็เลือกที่จะส่งมืออุ่นๆไปบีบกระชับมืออีกฝ่ายไว้ หากเพียงแค่สตาร์ทรถอีกครั้งและเตรียมจะแล่นออก สิ่งที่สร้างความหวาดกลัวให้อีทงเฮกลับปรากฏออกมาชัดเจนแก่สายตา


    ร่างที่แท้จริงของเงาสีดำนั้นไม่ได้ผิดแผกไปจากมนุษย์ ความมืดในยามวิกาลทำให้ทงเฮไม่สามารถเพ่งมองใบหน้าของคนพวกนั้นได้ชัดเจนนัก ไม่สิ... รูปร่างเหมือนมนุษย์ แล้วเป็นมนุษย์รึเปล่า....


    สิ่งมีชีวิตในรูปร่างมนุษย์ราวๆห้าตนค่อยๆก้าวย่างเข้ามาอย่างใจเย็น ทั้งซีวอนและทงเฮยังคงนิ่งมองอย่างนั้นตาไม่กระพริบ ใจของทั้งสองคนมันรัวเสียจนพวกเขาทำอะไรไม่ถูก


    หากแต่สิ่งที่หลังมือเรียวสัมผัสถูกในคราที่ปล่อยให้เรี่ยวแรงตกลงยังช่องเก็บของระหว่างเบาะที่นั่งกลับฉุกสายตาให้ก้มลงมอง หนังสือปกสีน้ำเขินเข้มเก่าๆขนาดฝ่ามือครึ่งที่เรียกความหวังให้เกิดขึ้นในใจได้ริบหรี่


    “คุณ... คุณพกไบเบิ้ลด้วยเหรอ..?”


    “ผมพกติดรถไว้เสมอ”


    หากว่าสิ่งประหลาดพวกนี้กลัวโบสถ์คริสต์ อย่างนั้นแล้ว....


    “ถ้าอย่างนั้นคุณก็น่าจะมีไม้กางเขนสิใช่ไหม?”


    คิ้วหนาเลิกขึ้นในขณะที่สิ่งมีชีวิตครึ่งๆกลางๆระหว่างความเป็นมนุษย์กับตัวประหลาดเข้ามาใกล้รถมากขึ้น อีกเพียงสามช่วงแขนเท่านั้น...


    แล้วก็ถอยห่างออกไปจนหายลับไปจากสายตา


    สร้อยไม้กางเขนบนคอของชเวซีวอนถูกชูขึ้นระดับใบหน้า ร่างสูงมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตื่นตระหนกเมื่อสภาพโดยรอบเริ่มกลับคืนสู่ปกติ อีทงเฮเหยียดยิ้มบางเบาก่อนจะร้องบอกอีกคนให้รีบสตาร์ทรถออกไป


    ถึงตอนนี้เขาพอเข้าใจแล้ว... อมนุษย์พวกนั้นกลัวโบสถ์... และไม้กางเขน







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-








     

    ลิ่มแหลมๆปักลงกลางอกซ้ายของร่างของใต้จนสลายหายวับไปกับตา เสียงหอบหายใจดังถี่พอๆกับเศษเถ้าที่ปลิวไปตามแรงลม


    ร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงกับกำแพงหินอย่างเหนื่อยล้า... แค่เลือดเพียงชีวิตเดียวของกูฮาราเมื่อหลายวันก่อนไม่ได้ทำให้เขามีเรี่ยวแรงมากพอในอีกหลายๆวัน ต้องหลบหนีอย่างที่เคยเป็น... ต่อสู้และสังหารสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียวกันไปนับไม่ถ้วนเมื่อถูกตามหาตัวเจอ


    แล้วอย่างนั้น... ทำไมกับแค่ชีวิตมนุษย์ โจวคยูฮยอนถึงไม่กล้าสังหารกันเล่า.... ทั้งที่เข้าใจแล้วว่าเลือดมนุษย์สดๆจากคอนั้นมันช่างหอมหวานและโอชะกว่าที่เขาเคยเคยได้ลิ้มรสมา


    นึกเป็นห่วงมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาจับใจ... ถึงตอนนี้คงหวาดกลัวในตัวเขาจนอยากอยู่คนละโลก....


    แต่สิ่งที่คยูฮยอนกลัว คืออันตรายของอีทงเฮหลังจากนี้ไปต่างหาก







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

    TBC








    เนื้อเรื่องเริ่มแอคชั่นเงื่อนงำขึ้นทุกขณะ -_-;;
    พระเจ้า นี่มันฟิคอะไรกันนะ 5555.
    ขอโทษที่อัพช้านะคะ ._  .











    no.beer
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×