คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Good morning, Vampire :: MISSING NIGHT {special chapter.}
Good Morning, Vampire.
Super Junior Fan Fiction (Yaoi)
Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon
Author : xixiao’
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
MISSING NIGHT
ดวงตาโปดปูนสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายที่ดึงดูดให้ทุกสายตาชมชื่นนั้นเป็นเพียงอดีต เพียงแต่ปัจจุบันนั้น มันดูหม่นหมองเสียจนกลัวว่าหากวันใดที่แววนั้นหายไป มันคงไม่อาจประกายขึ้นสบรับสิ่งใดได้อีก
อีทงเฮกำลังเป็นเช่นนั้น
เป็นราวกับสิ่งมีชีวิตซึ่งหมดลมไปแล้ว คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเขาไม่รู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกต่อไป มันเงียบสงบ...
มันคงจะสลายหายไปแล้ว.... ทงเฮคิดเช่นนั้น
หายไป.... เหมือนกับค่ำคืนหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยหาเจออีกเลย
มือขาวซีดไล้ลูบไปตามคมเขี้ยวคมภายในปากซึ่งยาวยื่นออกมามากกว่าปกติ รู้สึกเหมือนว่ากำลังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในปาก และหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจเหลือเกิน
บานกระจกเงาว่างเปล่า ไม่ได้ทอดภาพของคนที่ยืนนิ่งสงบอยู่ตรงนั้น และบานประตูที่สะท้อนผ่านกำลังเปิดออก ในความจริงมีใครบางคนค่อยๆเดินออกไป ผ่านแสงจันทร์เสี้ยว ว้าเหว่... เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาซึ่งทอดผ่าน
ไม่เหลืออะไรแล้ว... ไม่เหลือสักอย่าง
แม้แต่อุณหภูมิในร่างกายที่จะกอดตัวเองคลายความเหน็บหนาวยังไม่มี...
หลายครั้งที่พยายามจะร้องไห้ ทว่าเขาทำมันไม่ได้... ทุกอย่างหายไปพร้อมกับคืนนั้น ตื่นขึ้นมาอีกที อีทงเฮกลับรู้สึกเพียงความว่างเปล่า... การหยุดนิ่ง... และสรรพสายตาของความฉงนงงงวย
มันหายไปไหน... ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปไหน....
คืนนั้นหายไปไหน... คืนที่ยังมีเสียงของใครบางคนก้องอยู่
‘ราตรีสวัสด์... ทงเฮ’
ตาสีอำพันสุกสว่างรื้นไปด้วยสิ่งที่เสกสรรขึ้นมาว่าเป็นน้ำตา จริงๆแล้วมันไม่มีอยู่เลย... ตอนนี้ข้อข้องใจ ความอยากรู้ คารังคาซังอยู่เต็มหัวจนกลัวว่าจะปวดขึ้นมาดื้อๆ หากแต่มันไม่ได้มีอาการนั้น นอกเสียจากความทรมานภายในใจที่ร่ำหาอดีต
โจวคยูฮยอนจะรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นแบบนี้ จะรู้บ้างไหมว่าความหวังดีและการเสียสละนั้นเขาไม่ต้องการ
ตอนหมดสติไปอีทงเฮจำได้ดีว่าทรมานเจียนตาย ครั้นตื่นขึ้นมากลับยิ่งรู้สึกถึงความทรมานยิ่งกว่า
ความรู้สึกที่เคยทำให้เขายิ้มและยอมรับสิ่งพิลึกพิลั่นเหลื่อเชื่อซึ่งเกิดขึ้นกับตัวเอง บัดนี้ไม่ต่างอะไรจากคมมีดซึ่งกรีดแทงลงทั้งตัวและใจอย่างช้าๆ คิดตัดพ้ออยู่คนเดียวราวกับคนบ้า
“ชีวิตเหรอ... ฉันไม่ต้องการ..... ไม่ต้องการเลย”
กลับมาสิ... มาเอาคืนไปเสีย....
ฉันไม่ได้ต้องการมันเลยโจวคยูฮยอน
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
เอาค่ำคืนนั้นกลับมา...
ได้โปรด
หากยังเห็นใจฉัน... ได้โปรดคืนมันให้ฉันเถอะ
ค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ถูกลากไปตามผืนไม้เก่าผุพังจนเกิดเสียงกระทบกันเป็นจังหวะซึ่งไม่ปรารถนาอยากได้ยิน ทว่าเขาไม่ได้สนใจมันนัก
แท่นอิฐเก่าคร่ำคร่ากำลังอยู่ตรงหน้า ทางที่ทงเฮเชื่อว่าเป็นประตูซึ่งพาเขาลงไปสู่ข้างใต้นั้น
แค่นยิ้มปลอบใจ ว่าจะได้เจอโจวคยูฮยอนซึ่งยังมีชีวิตอยู่และได้ต่อยหนักๆใส่ใบหน้าคมนั้นสักหมัด
จ้องอยู่อย่างนั้น กระทั่งยกค้อนขึ้นด้วยเรี่ยวแรงซึ่งรู้ตัวว่ามีมาก กระทบลงไป... ค่อยๆพังมันออกทีละนิด... ละนิด... จวบจนแทบหมดแรง
ให้รู้ถึงความโกรธขึ้ง... เสียใจ... ที่ยัดเยียดทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาแบบนี้....
“ออกมาสิ... โจวคยูฮยอน....”
ออกมารับผิดชอบต่อสิ่งที่นายทำ
ตวาดเรียกอย่างน่าสมเพชเสียจนไม่เหลือคราบวิศวกรคนเก่งน่าเชื่อถือ แต่ก็ช่างปะไร ในเมื่อที่นี่ไม่มีใคร... หรือถ้ามี ก็ต้องไม่ใช่มนุษย์ดังเช่นตัวเขาเมื่อหลายวันก่อนแน่
ทว่ายิ่งพังลงไปมากเท่าไหร่ พื้นผิวภายใต้ซากปรักนั้นก็เป็นเพียงปูนเก่าคร่ำคร่า จวบจนผืนดินอับชื้นที่ส่งกลิ่นเหม็นให้ชวนคลื่นเหียนเท่านั้น อีทงเฮรู้ตัว แต่เหมือนเขากำลังหลอกตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันอาจไม่ใช่... อาจเป็นไปไม่ได้เลย...
ตื่นแล้ว... ฉันตื่นแล้วคยูฮยอน
ยิ่งหมดแรง ทว่ายิ่งหนักหน่วง ซัดเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ลงไปกับด้ามค้อน อย่างไรอีทงเฮก็ยังมีความเชื่อเหลืออยู่น้อยนิด หากที่นี่เป็นที่ๆเขาฟื้นมาอย่างซีวอนว่า ข้างใต้นี้ก็ต้องเป็นที่อยู่ของเหล่าชนแวมไพร์ไม่ผิด จำได้ดีถึงกลิ่นอับชื้น และบันไดที่ทอดยาวลึกลงไปจนชวนให้เหนื่อยล้าแบบนั้น ไม่ผิดหรอก... ไม่ผิด
หากแต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุด... คือมือสีขาวซีดซึ่งคว้าเอาด้ามค้อนนั้นไว้นั่นเอง
ตาสีอำพันซึ่งสะท้อนแสงย้อนกับตาสีน้ำตาลเข้มในยามนี้บ่งบอกถึงตัวตนซึ่งเพิ่งปรากฏขึ้น ใช่แล้ว... คนที่เขาร่ำหามามากกว่าสิบรอบ คนที่ไม่คิดว่าจะเจอในลักษณะนี้
โจวคยูฮยอนยังคงมีรูปร่างหน้าตาคงเดิมทุกอย่าง ชุดที่ใส่ก็เป็นชุดสีดำสนิทชุดเดิม ต่างก็เพียงแววตานั้นที่อ่อนโยนยิ่งขึ้น... อ่อนเสียจนดูล้า จนกลัวว่าจะสลายหายไปกับตาอีก
“หยุดเถอะครับทงเฮ... ข้างใต้นั้นไม่มีอะไรหรอก”
อีทงเฮฟังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวจริงหรือปลอม เชื่อได้หรือโกหก ทว่าเรี่ยวแรงที่ยึดเหนี่ยวค้อนขนาดใหญ่ไว้กลับปล่อยมันทิ้งลงกับซากปรักของปูนจนเกิดเสียงกระทบดังทุ้มก้อง มือเรียวยกขึ้นแตะใบหน้านั้น เหลือเชื่อ... สัมผัสได้ เป็นอย่างนั้นจริงๆใช่ไหม... นี่คือโจวคยูฮยอนตัวจริง
“นาย... กลับมา....”
อีกฝ่ายเพียงส่ายหน้าเบาๆให้เป็นคำตอบ แต่ไม่ได้ความ จวบจนกระทั่งฝีปากอิ่มนั้นเอื้อนเอ่ยออกมา “ผมไม่เคยไปไหน”
เคยมั่นใจว่าตัวเองอาจเข้าใจคยูฮยอนไม่มากก็น้อย ทว่าอาจคิดผิด เพราะตอนนี้เขาไม่เข้าใจมันสักนิด ยอมปล่อยวางเพียงเพราะความรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดซึ่งแล่นวาบไปทั่วทั้งร่าง ความอบอุ่นที่หายไปแค่ไม่นานนัก ทว่าโหยหาต้องการจนเหงาจับใจ
เพราะใจจำได้ว่าเคยมีใครอยู่ชิดใกล้ อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยาวนักสำหรับความผูกพัน
“แล้วนายไปอยู่ที่ไหนมาคยูฮยอน? รู้ไหมว่า...” ทั้งที่คำพูดมากมายจุกอยู่เต็มอก แต่กลับยากที่จะพรั่งพรูไปดั่งใจคิดไว้ เห็นรอยยิ้มที่แย้มตอบกลับมา แค่นั้น ทุกคำถามกลับยอมกลืนคืนลงไปโดยไม่คิดจะรื้นขึ้นมาอีกจนกว่าจะมั่นใจว่ามีเวลามากพอ “ฉันฝันไปหรือเปล่า...”
“คุณไม่ได้ฝัน”
“นายอยู่ที่นี่...?” ยิ้มนั้นยังคงทออยู่บนดวงหน้าขาวซีดให้ได้อุ่นใจว่าเป็นคำตอบที่ดี ทงเฮไม่ได้สนใจจริงจังว่าคยูฮยอนจะอยู่ที่ไหน แค่รู้ว่ายังอยู่... ยังอยู่ก็พอไม่ใช่หรือ “ถ้านี่เป็นความจริง... ฉันมีคำถามมากมายไปหมด....”
กางแขนออกเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเห็นสภาพแวมไพร์มือใหม่ของตัวเอง ยิ้มเศร้าๆเจือจางกับความสุขปนเปือกันอยู่บนหน้าหวานโศกของวิศวกรหนุ่ม เขายังต้องมีชีวิตอย่างมนุษย์ต่อไป แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น คยูฮยอนล่ะ?
“เวลาของเรามากพอที่จะให้ฉันถามนายไหม?”
“ตลอดไป”
รสจูบอ่อนๆนั้นคุ้นเคยยิ่งกว่าใคร อบอุ่น วาบหวาม และอาจจะฟังดูแปลกสักหน่อยถ้าทงเฮอยากบอกว่ามันเหมือนกลิ่นไอแดด (ซึ่งในตอนนี้ แผดเผาเขาให้ตายได้ทีเดียว!) เป็นจูบที่ลึกซึ้ง เสมือนอยากให้ตราตรึงจนไม่อาจลืม
อาจเป็นกลิ่นไอแดดในตอนเช้ามืด เมื่อตระหนักได้ว่าอีกไม่ถึงสองชั่วโมงก็ใกล้รุ่งสาง คิดได้อย่างนั้นก็ตัดสินใจคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามออกไปที่รถด้วยกัน คยูฮยอนเดินอย่างเชื่องช้า แต่ย้ำมั่นว่ายังอยู่
“ทงเฮ”
“ไว้ไปคุยกันที่โซล ก่อนจะโดนแดดเผาตายที่นี่ทั้งคู่” พูดกลั้วหัวเราะไปอย่างนั้น จึงไม่ทันได้หันมองรอยยิ้มอ่อนๆซึ่งขบขันในความห่ามตั้งแต่ได้มีเหตุการณ์ร่วมกันในทีแรก
“ทงเฮ”
เรียกออกไปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้อีกฝ่ายก็ไม่ได้หันกลับมามองอีก แต่เชื่อเถอะว่านั่นคือสิ่งที่คยูฮยอนต้องการ
“ได้โปรด... อย่าอยากที่จะคืนชีวิตนั้นให้ผมอีก”
ร่างเล็กหยุดกึกที่หน้าประตูโบสถ์ และเพียงเสี้ยววินาทีที่หันมา
“คุณคือคนสำคัญ”
ร่างนั้นกลับหายลับไป แม้แต่สัมผัสที่จับยึดกันไว้เมื่อครู่ก็ไม่มีเหลือ... ไม่มีร่องรอย ราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น
ไม่... ไม่ใช่ความฝัน
เขาตื่นขึ้นมาแล้ว... ตื่นมาด้วยชีวิตใหม่อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน
“โจวคยูฮยอน... นายเล่นตลกร้ายกับฉันหรือไง”
เสียงนั้นสั่นเครือ มองออกไปท่ามกลางความเว้งว้างของซากปรัก จริงอยู่ว่าแวมไพร์ไม่มีน้ำตา หากแต่ถ้านับแค่น้ำตาที่ไหลหลั่งอยู่ภายในใจ อีทงเฮสาบานได้ว่ามันมากมายเสียจนจะดึงตัวเขาให้จมตามลงไป
และหากผ่านพ้นคืนนี้ ถ้าเขาไม่ตาย ก็มีหวังว่าจะได้พบคยูฮยอนอีกครั้ง
แม้ว่ากว่าจะถึงตอนนั้น จะยาวนานเป็นร้อย สองร้อย หรือพันปีก็ตามที
อยู่ๆก็มา... อยู่ๆก็หายไป... ต้องตัดใจจาก
นี่คือวัฏจักรของความรักระหว่างเขากับแวมไพร์ตนนั้นหรือ?
‘เวลาของเรามากพอที่จะให้ฉันถามนายไหม?’
‘ตลอดไป’
เพราะเป็นคนสำคัญ ถึงต้องทำเช่นนี้
ใช่... นี่คือสิ่งที่โจวคยูฮยอนพึงกระทำต่อความรัก.
ส เ ป เ ชี ย ล จ บ ซ ะ แ ล้ ว
เอาล่ะ.... จบจริง ๆแล้วนะคะสำหรับสวัสดีผีดูดเลือด ._ .
ข้อคาใจที่ทุกคนสงสัยในตอนจบ... (หรืออาจจะยังสงสัยอยู่ดี ฮาา -_-)
ขอบคุณมาก ๆนะคะ สำหรับทุกการติดตาม
อาจจะมีคนที่ได้อ่านหรือไม่ได้อ่านสเปเชียลนี้ เราลงแค่ในเว็บค่ะไม่มีในเล่ม
คุณคงจะคิดว่า... ห๊ะ อะไรวะ !?
55555555. แต่นั่นแหละค่ะ คือสิ่งที่เราเลือก -.-
เพราะตอนสเปเชียลนี้ มาแบบฟรี ๆสำหรับทุกคนจริง ๆ ._ .
ถึงแม้ว่ามันจะงง ๆและดูไม่มีด๋อยอะไรก็ตาม
แต่เราอยากจะให้ทุกคนได้อ่านถึงความรู้สึกของทงเฮตอนที่ตื่นขึ้นมาหลังคำราตรีสวัสดิ์ของโจวฮยอน
ชื่อตอน คืนที่หายไป ก็คือค่ำคืนที่อีทงเฮไม่มีทางได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะตื่นขึ้นมา ก็ไม่มีโจวคยูฮยอนอยู่ให้เห็นอีกแล้ว
ไม่ใช่แค่ทงเฮและรีดเดอร์หรอกค่ะที่รู้สึกใจหาย ไรท์เตอร์เหมือนกัน (วาบเบย)
นี่เป็นฟิคที่รัก และรีดเดอร์ก็เป็นกลุ่มที่รักที่สุด ._ .
จากนี้ยังมีน้องหมาป่าใส ๆให้อ่านกันอีกนะคะ ดราม่าไม่แพ้เรื่องนี้แน่นอนเลยเชียว LOL
ติดตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณจริง ๆ T. T'
'รักนะไม่ได้หลอก<33. '
ความคิดเห็น