ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #7 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter six .

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 54




    SCAPEGOAT…?


    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’

    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น







    ---------------------------------------------------------------------------------------------------










     

    CHAPTER SIX

     










    “คอนเซปต์ที่เราวางไว้สำหรับงานโฆษณาตัวนี้ จะสื่อในภาพลักษณ์ที่เน้นความสดชื่น สดใส โดยยกบรรยากาศของฟาร์มในชานเมืองฝั่งยุโรปมาไว้กลางกรุงโซล และพรีเซนเตอร์ก็จะเดินออกมาทางนี้....”


    เสียงเคาะปากกาเหมือนจะดังขึ้นเบาๆในขณะที่ชายหนุ่มกำลังใช้หลอดทรงกระบอกเล็กสีเงินฉายแสงเลเซอร์จุดสีแดงเล็กไปตามรูปภาพบนแผงงาน ไล่เรียงสตอรี่บอร์ดจากซ้าย กระทั่งจบด้วยสีหน้าพึงใจซึ่งเพื่อนร่วมงานและเจ้านายแสดงออกมาอย่างชื่นชม


    อีฮยอกแจถือเป็นครีเอทีฟระดับต้นๆของบริษัทที่มักจะได้รับมอบหมายในงานใหญ่ๆประเภทสิ้นค้าขึ้นชื่อ หรือแม้แต่งานออแกไนซ์เปิดตัวของบริษัทใหญ่ ทั้งแนวคิด นิสัย การถ่อมตนและน้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายนั่นเองที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ จุดซึ่งไกลกว่าตอนที่ได้แต่นั่งวาดสตอรี่บอร์ดส่งอาจารย์ หรือแม้แต่การทำหนังสั้นเพียงสิบยี่สิบนาทีตอนมหาวิทยาลัย


    เสียงปรบมือเป็นอันยุติการประชุม พวกเขาได้คอนเซปต์ที่แน่นอนและพร้อมจะนำเสนองานในสัปดาห์ต่อไปโดยไม่ขัดตกบกพร่อง มือเรียวรวบเก็บข้าวของระเกะระกะบนโต๊ะเข้าเป็นระเบียบ เพื่อนร่วมงานต่างทยอยออกไปแล้ว อีกราวๆสองชั่วโมงจะได้เวลาเลิกงาน


    “เอ่อ... ฮยอกแจ”


    “ครับ?”


    เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยเรียกชื่อเขาจากคนสุดท้ายซึ่งยังไม่เดินออกไป ปาร์คจองซู หนุ่มรุ่นพี่ผู้มีฐานะเป็นทั้งเจ้านายและพี่ชายคนสนิทในบริษัท มือนั้นยกขึ้นเกาท้ายทอยนิดหน่อย ก่อนจะพูดเสียงเรียบเบาคล้ายกระซิบกระซาบ “หมู่นี้นาย... โอเครึเปล่า”


    นิ่งไปเพียงครู่คนถูกถามจึงเหยียดรอยยิ้มใสกึ่งฝืน แม้จะแนบเนียนก็ใช่ว่าดูไม่ออก ฮยอกแจกอดแผนงานและข้าวของเข้าแนบตัว ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายแต่กลับตอบออกไปคล้ายไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก “ผมสบายดีครับ”


    อดไม่ได้จนต้องเลื่อนมือไปแตะบ่าด้วยความเอ็นดู เขารู้จักฮยอกแจดี ทำงานด้วยกันมาตั้งกี่ปี เป็นใครก็คงสังเกตเห็นว่ายิ่งนานไปหน้าขาวนั้นยิ่งดูหมองคล้ำ เหมือนคนอดหลับอดนอน “อย่ามาโกหกน่า ช่วงก่อนหน้านี้พี่เห็นนายโดนกระแสข่าวโจมตีจนต้องโทรมาลางาน แล้วตอนนี้โอเคแล้วหรือ... ภรรยานายด้วยน่ะ”


    “คุณจีน่าเธอโอเคดีครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก นักข่าวก็เลิกสนใจเราไปพักใหญ่แล้ว” ระบายยิ้มอ่อนจริงใจให้รุ่นพี่คนสนิท ตั้งแต่วันแต่งงานชุลมุนนั่นก็ล่วงมาเกือบสองเดือนแล้ว เขายังคงต้องดูแลชเวจีน่าในฐานะสามีภรรยาโดยชอบธรรม แม้ความจริงจะแค่ในนาม... แต่ฮยอกแจก็ยินดีเหลือเกินที่เห็นเธอมีสภาพจิตใจดีขึ้น ชินกับอาการแพ้ท้อง และควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวแปรปรวนได้ดีกว่าเคย


    “เธอโชคดีแล้วที่ได้นายเป็นคู่ชีวิต พี่รู้ว่านายเป็นคนดี แล้วลูกของนายก็จะต้องน่ารักมากๆแน่” หนุ่มผิวสองสียิ้มออก ตบบ่าแล้วขยิบตาให้กำลังใจ จากนั้นจึงเดินเลี่ยงตามคนอื่นๆออกไปโดยที่วางใจไปได้เปราะหนึ่ง


    โชคดีหรือ....?


    ทำไมอีฮยอกแจถึงไม่คิดแบบนั้นเลยสักนิด





















     

     




















    ( อะไรเข้าฝันให้พี่โทรหาผมในเวลาแบบนี้กันครับ )




    เสียงปลายสายว่าแกมเย้าติดตลกชวนให้คนฟังหัวเราะไปด้วย พักหลังมานี่ทั้งเขาและคยูฮยอนต่างยุ่งจนคิวรัดตัวจึงไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันอย่างเคย ชายหนุ่มต้องคอยรับมือกับทัพนักข่าวซึ่งลงข่าวโจมตีอย่างหนักในช่วงแรก จากนั้นจึงค่อยๆซาลงเมื่อหมดกระแสความสนใจ ทั้งงานที่มีเข้ามาต่อเนื่อง บางทีก็ต้องขอบคุณข่าวฉาวพวกนั้น ที่ทำให้มีบริษัททางวงการบันเทิงหลายรายติดต่ออยากให้เขาเป็นผู้รับผิดชอบงานหลังได้รู้จักชื่อทางโทรทัศน์ คยูฮยอนเองก็ยุ่งๆเรื่องโปรเจคจบและสอบไฟนอล ตอนนี้ดำรงสภาพนักศึกษาจบใหม่ซึ่งมีรายชื่อรับปริญญาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า วิ่งวุ่นหางานจนลืมโทรถามสารทุกข์สุขดิบ พอมีโอกาสได้ยินเสียงกันเท่านั้น เด็กหนุ่มก็เอ่ยกระเซ้าเสียจนคนแก่กว่ารู้สึกผิดขึ้นมาทันตา


    “พอมีเวลาช่วงหลังมานี้นี่เอง เพิ่งพรีเซนต์สตอรี่บอร์ดสินค้าตัวใหม่เสร็จ กำลังจะแวะซื้อผลไม้เข้าบ้านไปฝากจีน่า” พูดใส่สายสมอลทอล์คด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย มือก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อมใกล้บ้าน วนหาที่จอดรถแออัดยามเย็น แล้วก็โชคดีไม่น้อยที่รถคันหนึ่งกำลังถอยออกอย่างพอดิบพอดี


    ( ครับคุณพ่อ~ น่ารักแบบนี้ครอบครัวรักตายเลยมั้งครับ )


    หัวเราะร่วนท่ามกลางเสียงจอแจภายในบริษัท แม้นาฬิกาจะชี้บอกเวลาเลิกงานของบริษัทส่วนใหญ่ในเมืองได้พักใหญ่ แต่ลำพังเด็กฝึกงานที่เพิ่งเข้าไปอย่างคยูฮยอนแล้ว ไอ้ที่จะมีโอทีหรือถูกสอนงานจนล่วงเวลาก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งต้องเตรียมใจรับโดยดุษณี


    “เงินเดือนออกเมื่อไหร่นายต้องเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อล่ะ”


    ( ครีเอทีฟอนาคตไกลอย่างพี่ จะมาหวังอะไรกับเงินเดือนน้อยนิดของเด็กฝึกงานอย่างผมกัน! )


    “โกหก หัวระดับนายคงไม่ได้เงินเดือนเริ่มต้นแค่แกลบกินล่ะมั้ง” ต่อปากต่อคำไปด้วยความหมั่นไส้เล็กๆเมื่อรุ่นน้องตัวแสบแสร้งถ่อมตนได้อย่างน่าสงสารทั้งที่ระดับมันสมองถือเป็นอันดับต้นๆของสาขา เคยเอาบริษัทวิศวกรรมแขนงโยธามาให้ช่วยเลือกก็มาก ติดต่อจองตัวเข้ามาสองสามที่ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินเตะฝุ่นหาเอาเองเพราะอ้างว่าไม่ชอบสภาพแวดล้อมของที่ทำงานพวกนั้น


    ( พี่ครับ ผมน่ะเพิ่งทำงานได้แค่เกือบอาทิตย์.... แค่นี้ก่อนนะครับ ได้เวลาอบรมสุดโหดแล้ว )


    พอได้ยินเสียงครางรับก็กดวางสายไปดื้อๆตามนิสัย หนุ่มร่างผอมได้แต่อมยิ้ม ถอดสมอลทอล์ค ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วจึงเปิดประตูรถเดินลงไปพร้อมด้วยกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ที่ถูกหย่อนลงกระเป๋ากางเกง




















     

     



















    “อะไรนะ! จะให้ผมเล่นเป็นพระรองงั้นเหรอ?”


    แทบอยากจะตบโต๊ะให้เสียงสนั่นห้องเสียเดี๋ยวนั้นเมื่อคำที่ไม่คาดคิดหลุดออกมาจากปากผู้มีฐานะเป็นเจ้านายในสายงาน แค่ภาพยนตร์ที่ถูกเปลี่ยนตัวนักแสดงมาแทนที่เขาเมื่อเดือนก่อนตอนมีเรื่องใหม่ๆก็ทำเอาแทบควบคุมโทสะไม่อยู่ แล้วนี่พอมีงานป้อนเข้ามา ก็จะให้เขาไปเล่นบทรองไอ้ดาราหน้าใหม่ซึ่งเข้าวงการทีหลัง นี่มันบ้าชัดๆ! ใช้อะไรคิดถึงได้วางแผนงานแล้วเรียกตัวเขามาคุยด้วยเรื่องพรรค์นี้!


    “ทางผู้จัดเขาระบุตัวเธอมาโดยเฉพาะ บทนี้เป็นบทที่ดีนะ อย่าเรียกมันว่าบทรอง... เพราะเผลอๆจะเด่นกว่าพระเอกเสียอีก” หญิงสาวมีอายุเครื่องสำอางจัดประสานมือขึ้นบนโต๊ะพลางแย้มรอยยิ้มวางอำนาจ แน่นอนว่านักแสดงมีสิทธิ์เลือกว่าจะรับหรือไม่รับงาน แต่ใช่ว่าเลือกบทเองได้เสียเมื่อไหร่ข้อนี้ดาราหนุ่มน่าจะรู้ตัวดีไม่ใช่หรือไร


    “แต่... ผม...”


    “ทงเฮ...” พออ้าปากจะค้านก็เจอสายตาดุๆปรามจนผู้จัดการข้างตัวต้องเลื่อนมือมาตบหน้าตักให้ใจเย็นลง ดีเท่าไหร่แล้วที่รากฐานแฟนคลับของอีทงเฮนั้นเหนียวแน่น ไม่เช่นนั้นเจอกระแสโจมตีขนาดนั้นคงเสี่ยงจะเป็นดาวดับ และต้นสังกัดไม่วิ่งเต้นหาเงินอุดปากนักข่าวกันจ้าละหวั่นแบบที่เพิ่งเกิดขึ้น


    “สำคัญตัวให้พอดีเถอะนะอีทงเฮ เราไม่ตัดหางปล่อยวัดเธอก็ดีเท่าไหร่แล้ว... ฉันเสียเงินไปกับเธอมาก ช่วยระลึกและจำไว้หน่อยนะว่าควรจะประพฤติตัวยังไง”


    จบประโยคตาสีเข้มนั้นยิ่งแข็งกร้าว ชายหนุ่มกำลังแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างชัดเจน แต่ก็เพียงแค่นั้น... เพราะอีทงเฮทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้มากไปกว่าซ่อนไฟโทสะในใจซึ่งกำลังลุกโชนโดยที่คนรอบตัวไม่ได้รู้สึกร้อนตามอย่างเคย


    “ฉันจะปกป้องคนที่รู้คุณและสร้างประโยชน์กลับคืนแก่บริษัท หวังว่าเธอจะอยู่ในข่ายนี้นะ... อย่าได้นอกคอกอีก เพราะค่าตัวเธอไม่ได้แพงขนาดนั้น”




















     

     




















    เลื่อนนิ้วไปมาอยู่บนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คเครื่องโปรดมาค่อนสามชั่วโมงจนรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว อยู่บ้านนั่งๆนอนๆมาพักใหญ่ ทั้งเหงาทั้งเบื่อ จนต้องมาทำนู่นทำนี่ ดูแฟชั่นโชว์บ้าง ดูเทรนด์เสื้อผ้าสมัยนิยม หรือแม้แต่ลงมือร่างแบบเล่นเมื่อคิดว่าคงจะลืมวิชาที่เรียนจบมาไปมากโขหลังไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน


    กลีบปากอิ่มสวยแย้มแย้มเล็กเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ขับเคลื่อนเข้าในตัวบ้านเช่นทุกเย็นของวันธรรมดา อีฮยอกแจกลับมาแล้ว จีน่าวางดินสอลงกับสมุดสเก็ตซ์ยี่ห้อโปรด ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นระมัดระวัง เผยให้เห็นหน้าท้องซึ่งนูนขึ้นตามกาลเวลา ก้าวอาดๆไม่เร่งรีบนัก กระทั่งยืนรอรับชายหนุ่มซึ่งเดินเข้าบ้านพร้อมกับงานในอ้อมกอดข้างหนึ่ง และอีกมือมีถุงของซูเปอร์มาร์เก็ตอีกสองสามถุง


    “ผมซื้อเนื้อแซลมอนมา ในอินเตอร์เน็ตบอกว่าช่วงนี้คุณควรกินอาหารจำพวกปลาแล้วก็โปรตีนให้เยอะเป็นพิเศษ” คลี่ยิ้มกว้างมองหญิงสาวซึ่งยืนเก้ๆกังๆอยู่ตรงหน้า เธอเดินตามเขาไปที่ครัว ฮยอกแจวางถุงลงบนโต๊ะกว้าง หยิบเอาส้มสีสวยขึ้นมาโชว์ ทั้งยังสีสันของอาหารสด ดูๆแล้วคงไม่ต้องเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตได้อีกเกือบสัปดาห์ “ยังมีเลือดออกตรงไรฟันไหม พี่ที่ทำงานผมบอกว่าควรจะบำรุงด้วยวิตามินซีให้มากๆ ผมเลยซื้อบล็อกโคลี่กับส้มมา”


    ชเวจีน่าไม่เคยได้รับการใส่ใจขนาดนี้ บางคืนฮยอกแจก็ขลุกอยู่หน้าคอมพิวเตอร์จนดึกดื่น สรรหานู่นนี่มาบำรุงจนกินแทบไม่ทัน ตู้เย็นที่เคยโล่งและมีแต่เบียร์บัดนี้เต็มไปด้วยของสดไม่ขาด ครัวถูกใช้งานถี่ขึ้น และหญิงสาวก็ดูเหมือนจะใกล้เป็นคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็นเข้าไปทุกที


    “ฉันอ้วนขึ้นก็เพราะคุณนะฮยอกแจ จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ แบบนี้ใครมันจะไปกินหมดกัน” คนฟังว่าอิดออด มองดูสามีเก็บของเข้าตู้เย็นด้วยท่าทีกระตือรือร้นจนอดยิ้มไม่ได้ ฮยอกแจใส่ใจเธอเสมอ... ใส่ใจมากเกินกว่าคนซึ่งไม่เคยเกี่ยวข้องทางความรู้สึกจะมีให้กัน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตื่นมาก็เห็นมื้อเช้าเต็มโต๊ะ มีอาหารสำหรับอุ่นกินช่วงบ่าย และรอฟังเสียงรถซึ่งแล่นเข้ามาในตอนเย็น นานเข้ารู้สึกคุ้นเคย... จนบางทีก็คิดมาก.... คิดโดยที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไม


    “กินเผื่อเจ้าตัวเล็กในท้องไงครับ เดี๋ยวสารอาหารไม่พอคงผอมแย่” พูดกลั้วหัวเราะแต่ก็ไม่แม้แต่จะยื่นมือมาแตะครรภ์เธออย่างที่สายตาจ้องมอง อาจเพราะยังมีความรู้สึกห่างเหินจึงทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างวางตัว


    และการแสดงออกของฮยอกแจนี้เองที่ทำให้หญิงสาวมั่นใจอยู่ในระดับหนึ่งว่าคงเกิดความรู้สึกดีๆแก่กันบ้าง ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะเอ็นดูเด็กในท้องซึ่งไม่ใช่ลูกของตัวเองเว้นเสียแต่รู้สึกพิเศษ เธอคิดว่าฮยอกแจเป็นเช่นนั้น... คิด... แม้กระทั่งเผลอฝันไปในบางคืนถึงครอบครัวอบอุ่น ซึ่งอีฮยอกแจก็คือพ่อของเด็กนี่เอง


    “ฮยอกแจ...”


    “ครับ?”


    “คุณ... รักเด็กคนนี้รึเปล่าคะ?”


    ครั้นผินหน้ากลับมาอีกทางก็เห็นเจ้าของเสียงหวานยืนอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด ประหม่านิดหน่อย ทว่าครีเอทีฟหนุ่มยังคงคุมสติได้ดี กลั่นกรองออกไปจากความรู้สึก แม้จะแค่สองเดือนที่ได้รู้จัก แต่กลับรู้สึกผูกพัน... ลูกของอีทงเฮ... อีทงเฮที่เขาแสนรัก แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะเริ่มติดลบลงมาในทุกวันก็ตามที “ผม... คิดว่ามันคงจะเรียกว่าความรักได้”


    ปากสีสดขยับคล้ายจะเอื้อนเอ่ยละล้าละลัง สายตาที่มองฮยอกแจนั้นกึ่งลึกซึ้ง จนร่างผอมโปร่งของชายหนุ่มต้องถอยออกไปนิดเพื่อรักษาระยะห่างแทนความใกล้ชิดที่แสนอึดอัด


    “แล้วถ้าเกิด... ฉันจะขอให้คุณเป็นพ่อของแก....”


    ถ้อยนัยนั้นฮยอกแจคิดว่าเขาเข้าใจ... ความเงียบโรยตัวลงมาท่ามกลางใจซึ่งบีบมวนเบาๆแต่ไม่ถึงกับเจ็บ ทว่ากลับกดดันผู้ชายคนหนึ่งให้รู้สึกกลัวเหลือเกินกับการบอกคำตอบ ถ้าความคิดเขาตรงกับที่จีน่าต้องการสื่อ ฮยอกแจก็เพิ่งได้เข้าใจคำว่าเรื่องใหญ่ที่คยูฮยอนเคยพูดไว้เมื่อเกือบสองเดือนก่อนคืออะไร







     

    คุณจีน่ารู้รึเปล่าว่าพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด

    ให้เธอรู้ไม่ได้เด็ดขาด... นายจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีทางชอบผู้หญิงน่ะ

    แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรือไง... ว่าการที่เธอไม่รู้นั่นแหละที่เป็นเรื่องใหญ่

     







    “.................”


    “.................”


    “........ผม...”


    “.................”


    “...คือว่า.......”


    เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังออกมาจากในกระเป๋านั่นเองที่ช่วยฮยอกแจไว้จากความอึดอัดซึ่งเข้าปกคลุมโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดละ กล่าวขอตัวกับจีน่าเสียงแผ่ว แม้ว่าดวงหน้าสวยจะแฝงแววของความเสียดายอย่างปิดไม่มิด หากแต่ร่างบางก็เลือกเดินออกมาโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆพร้อมหัวใจซึ่งกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ


    ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอนั้นหาได้สร้างความผ่อนคลายให้เขาเลย... เพื่อนรัก... เพื่อนซึ่งฮยอกแจเคยมั่นใจนักหนาว่าทำให้เขายิ้มได้ในทุกครั้งที่โทรมา แต่ไม่ใช่สี่เดือนให้หลังมานี่... “ยอโบเซโย”




    ( ฮยอกแจอ่า... วันนี้นายว่างไหม? )




    คำถามเดิมๆที่เริ่มถี่ขึ้นในระยะเวลาซึ่งล่วงผ่าน ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่วางตัวอีทงเฮไว้ถูกยกเลิก มีเพียงซีรีย์ซึ่งยังต้องถ่ายทำระยะยาวและงานโฆษณาในสัญญาเท่านั้นที่ยังคงสร้างความมั่นใจได้ ผลจากการต่อคำกับสื่อมวลชนในงานแต่งงานทำให้ทงเฮถูกพักงานไปช่วงหนึ่ง ฮยอกแจรู้ดี แต่มันก็เป็นเพราะเขา... เพราะเขาที่หนีออกไปในวันนั้น ที่ทงเฮบอกว่าให้ช่วยรับผิดชอบมันก็คงสมควรดีอยู่แล้ว....


    ....แต่ฮยอกแจไม่คิดหรอกว่ามันจะเป็นวิธีแบบนี้




    วิธีที่คนไม่ใช่เกย์... นำมาปฏิบัติกับเขาราวเป็นของเล่นคลายเครียด



















     

     




















    กดออดเรียกคนในห้องด้วยความรู้สึกขัดกับใบหน้าเรียบเฉย รออยู่ไม่นานร่างหนาในชุดไปรเวทตามสไตล์จึงจัดการเปิดประตูให้ คิ้วนั้นขมวดมุ่นจนดูน่ากลัว ฮยอกแจเดาว่าอีกฝ่ายคงโมโห จึงเลี่ยงเดินเข้าไปครัวไปเทเอามื้อเย็นซึ่งซื้อติดมือมาลงจานก่อนที่มันจะหายร้อน เดินกลับมาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเบาๆอย่างระอา กระป๋องเบียร์เกลือกกลิ้งระเกะระกะ เดาเอาว่าวันๆเจ้าของห้องคงแทบไม่กินข้าวปลาอะไรนอกจากของย้อมใจพวกนี้


    วางจานมื้อเย็นไว้ให้บนโต๊ะรับแขกที่เพื่อนรักนอนแผ่หลาและจึงแยกไปหาเอาถุงดำในครัวมาเก็บซากขยะเลอะเทอะ จัดแจงอยู่นานก็ไม่เห็นทีท่าว่าอีกฝ่ายจะตื่นมากินข้าว เมื่อครู่ก็เห็นมีซองยาแก้หวัดซึ่งหยิบทิ้งไป เลยอดจะห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามความคุ้นชิน “เป็นหวัดรึเปล่า?”


    ทว่าพอได้เห็นอีกฝ่ายชัดๆฮยอกแจจึงรู้สึกว่ามันไม่ดูสดใสเหมือนเคย หน้านั้นติดจะหมองคล้ำซ้ำยังแห้งผาก ปลายจมูกมีเหงื่อผุดเป็นมัน ไม่รอช้า รีบคว้ามือหนาขึ้นมาดู เห็นรอยไหม้บนนิ้วก็แทบไม่ต้องเดาต่อไปอีก


    “นายเล่นยานั่นอีกแล้วเหรอทงเฮ...?”


    เปลือกตาบางลืมขึ้นจนปรากฏแววตาฉุนเฉียวที่จ้องมองมา หลังๆมานี้ทงเฮมีอารมณ์แปรปรวนหนักขึ้นจนฮยอกแจต้องลางานอยู่บ่อยครั้ง ทั้งรุนแรง หยาบกร้าน โดยไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะรู้สึกเช่นไรทุกครั้งที่ต้องมีเซ็กส์กับเพื่อนตัวเอง....


    “อือ... มันเครียดๆ”


    “เครียดแต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องหาทางออกแบบนี้”


    “ฉันเรียกนายมาบ่นรึไงฮยอกแจ? หุบปากไปทีเถอะ” ขัดขึ้นมาเสียงห้วนจนคนได้ฟังจุกในอก ร่างบางพยายามไม่ใส่ใจนัก หากแต่ความรู้สึกแย่ๆที่ก่อตัวมาพักใหญ่นี่เองซึ่งกำลังค่อยๆกัดกินใจเขา... กัดกินความรักที่มีต่ออีทงเฮให้ยิ่งรุนแรง... คละเคล้ากับความหวาดกลัวไปพร้อมกัน


    “กินข้าวเถอะ ฉันคิดว่าหมู่นี้นายผอมลงนะ” กลั้นใจพูดออกไปเสียงเรียบคล้ายไม่รู้สึกรู้สา ทงเฮเพียงเสมองจานมื้อเย็นของเขาแค่หางตาแล้วก็ผละออก แสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด


    “เครียดๆแบบนี้ใครจะไปกินลง บ้ารึเปล่า”


    “...............”


    มือหนาคว้าเอาร่างผอมบางเข้ามาสู่อ้อมกอด ถกเสื้อสีหม่นขึ้นแล้วใช้ปลายลิ้นแตะหน้าท้องให้สะดุ้งวาบเสียทีหนึ่ง แล้วจึงบอกความต้องการออกไปไม่อ้อมค้อม “มาอยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยเถอะ เบื่อจะแย่”


    “ทำไมไม่ไปหาเอาตามผับล่ะ...” วางมือบนไหล่ลาดแล้วดันตัวออกด้วยสีหน้าไม่สู้ดี  ทว่ามือนั้นรั้งกลับไปอีก โดยไม่วายจะบ่นคำด่าทอไม่สบอารมณ์ออกมาให้ได้ยิน


    “วันนี้อีแก่ที่บริษัทเรียกเข้าไปบ่นเสียยกใหญ่ จะให้ฉันทำตัวเป็นไอ้งั่งแสนดีแบบพระเอกละคร พี่จองฮุนก็เลยต้องคุมเข้มเสียจนกระดิกตัวไปหาอะไรทำแก้เครียดไม่ได้นี่ไง”




    “................”




    “อย่าบ่นมากเลยน่า... ช่วยเพื่อนหน่อยไม่ได้หรือไงกัน”




    แล้วเคยถามเขาสักคำไหม... ว่าความสุขของอีฮยอกแจยังหลงเหลืออยู่ในเซ็กส์ของอีทงเฮบ้างหรือเปล่า?

     










    TBC










    มาอัพแล้ว.... ._ .'
    อย่าแปลกใจนะคะว่าทำไมเรื่องนี้ดำเนินเรื่องไวนัก 55555555.
    เนื้อเรื่องมันค่อนข้างกินระยะเวลายาว จะให้มาบรรยายเดือนต่อเดือนก็คงไม่ไหว
    ระยะเวลาจะเริ่มเดินไวและรวบรัดขึ้น เพื่อดึงเข้าจุดพีคสักทีจะได้ไม่ยืดเยื้อ OTL

    เรื่องนี้มันเนิบไปไหมคะ.... กลัวจะน่าเบื่อจังเลย -.-









    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×