ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #6 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter five .

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 55




    SCAPEGOAT…?


    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’


    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น





     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

     









     

    CHAPTER FIVE

     








     

     

    ร่างแบบบางสั่นจนตัวโยนอยู่ในห้องน้ำ เมื่อรู้สึกราวกับว่าของในตัวกำลังรื้นขึ้นทางปาก เรือนผมยาวดัดลอนถูกมือของใครอีกคนปัดขึ้นเพื่อไม่ให้เปื้อนคราบอาเจียน สีหน้าของเธอซีดเซียว อากาศวิงเวียนเข้าเล่นงานจนอื้อไปทั้งศีรษะ ส่งผลให้ร่างทั้งร่างแทบอยากจะทรุดลงไปเสียเดี๋ยวนั้น

     

    “จีน่า... จีน่า....”

     

    เสียงนั้นยังคงกระซิบอยู่ใกล้ตัวจนหญิงสาวรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ใครอีกคน... ที่คอยอยู่ดูแลเธอมาเกือบค่อนคืน ใคร... ที่คอยลูบหลังปลอบประโลม อ่อนโยน มากเสียจนรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็น

     

    “คุณควรพักผ่อนให้มาก แล้วก็พยายามอย่าคิดอะไรจะดีกว่านะครับ... เครียดแบบนี้คงไม่ดีต่อเด็กในท้อง” เขาพร่ำบอกด้วยถ้อยคำซ้ำๆ คนที่เธอไม่เคยรู้จักมักจี่ ไม่อยู่ในสายตา กระทั่งต้องมาอยู่ด้วยกัน...

     

    อีฮยอกแจถือวิสาสะผละเดินเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาว รื้อหาชุดนอนเป็นกระโปรงสั้นใส่สบายมาชุดหนึ่ง ก่อนจะถือกลับเข้ามาในห้องน้ำสำหรับใช้เปลี่ยนแทนชุดเจ้าสาว ซึ่งชเวจีน่าก็รับมาโดยไร้คำขอบคุณ

     

    เลี่ยงออกมายืนรอข้างนอกอยู่ไม่นานอีกคนก็เดินออกมาสะโหลสะเหล ดวงหน้าขาวใสนั้นถูกชำระล้างเครื่องสำอางออกหมดแล้ว ร่างผอมโปร่งรีบรุดเข้าไปช่วยประคองด้วยความเป็นห่วง วางเธอให้นั่งลงกับปลายเตียงกว้าง ลากเก้าอี้มานั่งลงตรงข้าม เกลี่ยไรผมลู่น้ำ แล้วจึงระบายยิ้มอ่อนคล้ายให้กำลังใจอยู่ในที

     

    “คุณไหวนะ?” กระซิบถามเสียงพร่าให้คนได้ฟังพยักหน้ารับ ครั้นช้อนสายตาขึ้นมองก็กลับเห็นแววสีดำสนิทที่ทอดมองมา ในห้วงอารมณ์ของคนที่สภาพจิตใจย่ำแย่ จีน่ายอมรับโดยดุษณีว่าเธอกำลังรู้สึกหวั่นไหวอย่างประหลาด “นี่ก็ดึกมากแล้ว นอนพักเถอะครับ”

     

    “ทำไมตอนนั้น...” เธอสูดลมหายใจลึก นึกไปถึงสายโทรศัพท์ที่เพิ่งได้รับตอนอยู่บนรถ เสียงแม่ที่เอาแต่แหวกราดระคนกับความเป็นห่วงเป็นใยเมื่อเห็นเจ้าบ่าวพาลูกสาวหนีออกไปจากงานแต่งงานต่อหน้าต่อตา “ทำไมคุณถึงได้พาฉันหนีออกมา?”

     

    คนถูกถามนิ่งไปขนัดเมื่อถูกถามถึงการตัดสินใจชั่ววูบโดยลืมคิดถึงผลที่จะตามมา หลังจีน่าวางสายจากมารดาบรรยากาศบนรถก็มีเพียงความตึงเครียด ฮยอกแจได้รับรู้เพียงว่าในงานนั้นวุ่นวายโกลาหล ทั้งคุณและคุณนายชเวต้องออกมาแก้ต่างกันใหญ่โตว่าบุตรสาวเกิดไม่สบายกะทันหัน นับประสาอะไรกับญาติทางฝั่งชายที่มีเพียงน้าซึ่งเลี้ยงดูเขามาไม่กี่ปี หล่อนชิ่งกลับหลังฮยอกแจไม่นานเพื่อหลีกเลี่ยงกองทัพนักข่าวที่หาตัวผู้รับผิดชอบ

     

    “ผมคิดแค่ว่า... เรา... ไม่น่าจะอยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้ว”

     

    มือซึ่งวางอยู่บนหน้าตักขยุ้มขากางเกงสแล็กสีดำสนิทด้วยความรู้สึกผิดอย่างน่าให้อภัย เขาซึ่งเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น แค่สมองสั่งให้หนี... ฮยอกแจก็พร้อมจะดึงตัวเองออกมาได้อย่างง่ายดาย อีกหนึ่งปัญหาที่เขามั่นใจว่าจะต้องเกิดขึ้น... โทสะของอีทงเฮนั่นเอง

     

    ตาเรียวสวยของชเวจีน่าสบมองอีกฝ่ายที่หลุบระดับใบหน้าลงต่ำ แล้วก็เผลอผุดรอยยิ้มบางขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว



     

     

     

    คุณจริงใจ... ไปกว่าเพื่อนคุณแค่ไหนกัน

     

    มาก... เท่าที่ทงเฮไม่เคยมีให้คุณ



     

     

    “บางที... ฉันอาจจะเผลอเชื่อคุณเข้าแล้วก็ได้”

     



















     

     

















     


     

    หญิงสาวหลับไปแล้วหลังการยื่นข้อตกลงต่อกันและกันเกี่ยวกับบทละครระยะยาวที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พรุ่งนี้เขามีสิทธิ์หยุดงานได้อีกหนึ่งวัน และบางทีก็ควรจะต้องลอบกลับไปที่คอนโดมิเนียมอย่างระมัดระวังเพื่อขนข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวมาไว้ที่นี่กึ่งถาวร ใช่... เขาซึ่งเป็นสามีควรจะต้องอยู่บ้านหลังเดียวกับภรรยา ฮยอกแจไม่จำเป็นต้องขายบ้านของตัวเองทิ้ง แค่ชั่วคราวเท่านั้นที่เขาจะอยู่ที่นี่... ชั่วคราว... ซึ่งนานพอดูในความเป็นจริงที่อีฮยอกแจรู้สึก

     

    จีน่าอนุญาตให้เขาใช้ทุกส่วนในบ้านหลังนี้ได้ประหนึ่งบ้านของตัวเอง ห้องนอนของชายหนุ่มคือห้องสำหรับรับแขก ในตู้มีเสื้อผ้าอยู่สองสามชุดที่เป็นของทงเฮ เดาได้ไม่ยากเลยว่าช่วงเดือนสองเดือนมานี้ดาราหนุ่มที่มักจะหายหน้าหายตาได้แวะเวียนไปกกตัวอยู่ที่ไหนบ่อยครั้ง นิ้วเรียวละลากไปตามชายเสื้อแต่ละตัว เสื้อเชิ้ตหนึ่ง เสื้อยืดอีกสอง ที่พับไว้ในลิ้นชักด้านใต้คือกางเกงนอนใส่สบาย และฮยอกแจก็เลือกที่จะหยิบออกมาเสียตัวหนึ่งแล้วสวมใส่ละล้าละลัง

     

    เสียงรถยนต์บีบแตรอยู่หน้าบ้านโดยไม่คำนึงถึงความหนวกหูในยามวิกาล ร่างบางผละไปส่องดูตรงระเบียงเพียงครู่เดียว ถอนลมหายใจผะแผ่ว จัดการสวมเสื้อยืดตัวโคร่งอย่างลวกๆแล้วจึงเร่งฝีเท้าลงไปข้างล่าง รื้อหากุญแจบ้านในลิ้นชักโต๊ะเล็กไม่นาน ก็รีบรุดออกไปเพื่อเปิดประตูรั้วให้รถยนต์คันเก่งแล่นเข้ามา

     

    เดินนำเข้าในบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายตรงข้ามกับแรงโทสะของอีกคน คิ้วหนาขมวดมุ่นรับกับตาแข็งกร้าว คว้าเอาต้นแขนผอมเล็กให้หันมาประจันโดยเห็นเพียงใบหน้าใต้แสงสลัวของไฟสีส้มดวงเล็ก

     

    “วันนี้นายทำบ้าอะไร!?”

     

    ตวาดขึ้นดังก้องจนคนฟังต้องลอบถอนหายใจอีกครั้ง ฮยอกแจทอดมองใบหน้าหล่อเหลาซึ่งเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำนั้นอย่างอ่อนใจ ไม่มีทีท่าว่าจะตอบโต้ หากแต่ว่าถ้อยปรามออกไปเสียงแผ่วพร่า “เดี๋ยวจีน่าตื่น...”

     

    “ตื่นก็ช่างปะไร นายต้องคุยกับฉันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้

     

    “เรายังมีอะไรต้องคุยกันอีกหรือทงเฮ... ฉันก็ทำตามที่นายต้องการแล้วทุกอย่าง” ไม่อยากพูดอะไรออกไปมากกว่านั้นเพราะกลัวความรู้สึกซึ่งสั่งสมอยู่ภายใน ยินดีให้ทุกอย่างตามที่ทงเฮขอ แต่ท้ายแล้วการกระทำที่ผ่านมากลับไม่ได้ตัดสินอะไรเลย... อีทงเฮไม่ได้คิดว่ามันเป็นบทเรียน ไม่แม้แต่จะใส่ใจความรู้สึกของเขาหรือใครหน้าไหน

     

    ฮยอกแจไม่อยากเกลียดทงเฮ... ไม่อยากให้ความชิงชังในใจ... มันมากไปกว่านี้

     

    “วันนี้นายหนีออกจากงานแต่งงานทำไม มันหักหน้าฉันแค่ไหน ถ้าทุกอย่างเกิดพังขึ้นมา...”

     

    “................”

     

    “นักข่าวพวกนั้นจะต้องขุดคุ้ยเรื่องนี้จนถึงที่สุดแน่ บ้าเอ๊ย!

     

    “นายยังไม่พอใจอะไรอีก?” เสียงเรียบห้วนขัดขึ้นอย่างเหลืออด ร่างบางถอยห่างออกมาเสียก้าวหนึ่ง ทอดสายตามองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก รอยช้ำจางๆบนโหนกแก้มขาวหลังไร้เครื่องสำอางนั้นทำเอาคนมองชะงักได้ชั่วอึดใจ “ฉันกับจีน่าจดทะเบียนกันแล้ว ยังมีอะไรต้องน่าเป็นห่วงอีกหรือ?”

     

    “นายจะไม่ให้ฉันห่วงได้ยังไงฮยอกแจ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาไม่ฉิบหายกันหมดเหรอวะ?” เผลอสบถใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างลืมตัว และปฏิกิริยาที่แสดงตอบกลับมาก็คือการหลบสายตาไปอีกทาง ฮยอกแจเป็นแบบนี้เสมอ... เป็นจนเขาชาชินและเลือกที่จะมองข้าม โดยไร้ซึ่งความสนใจว่าความเหนื่อยหน่ายนั้นคงหลั่งรากลึกเกินเยียวยา

     

    อีฮยอกแจสูดลมหายใจลึก สบดวงตาแข็งกร้าวนั้นเพียงวูบเดียวแล้วจึงทำท่าจะเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอน วันนี้เขาเหนื่อยมามากพอแล้วสำหรับเรื่องวุ่นวาย ทว่าท่อนแขนเล็กถูกคว้าไว้ ในขณะที่ก้าวขึ้นบันไดไปได้เพียงสองก้าว

     

    “ฮยอกแจ!

     

    เอี้ยวกลับไปก็เห็นเพียงสายตาวอกแวกที่กลอกขึ้นมอง ทงเฮก็แค่กำลังชั่งใจ... ชั่งใจกับท่าทีต่อต้านที่ฮยอกแจเพิ่งมีให้ ท่าที... ที่มั่นใจมาตลอดว่าคงไม่มีวันต้องรับมือ “ขอร้องล่ะ... กลับไปก่อนเถอะ”

     

    “ไม่...” หากตัดสินใจกลับไปตามที่อีกฝ่ายบอกเสียแต่ตอนนี้คงไม่มีผลดีอะไรเกิดขึ้น เพราะคิดขึ้นได้ว่าเขาไม่น่าที่จะพาลใส่ ไม่น่าเผลอสบถหยาบคายออกไปเช่นนั้น ฮยอกแจก็แค่กำลังไม่สบอารมณ์... ง้อนิดหน่อยก็คงหาย “คืนนี้ค้างด้วยได้ไหม”

     

    ไม่ต่างอะไรจากการเสนอตัวทางอ้อม ทว่าครั้งนี้ไม่ได้ผล ร่างบางเพียงแกะมือเขาออก ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนหวังให้เข้าใจ “ที่นี่ไม่ใช่คอนโดฯนะทงเฮ”

     

    “ทำไมต้องไล่กันตลอด... ยังไม่หายโกรธเหรอไง?” พูดไปถึงเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนที่บุกไปถึงคอนโดมิเนียม แสร้งตัดพ้อออกไปอย่างนั้นทั้งที่ในใจรำคาญเจียนตาย จะเล่นตัวอะไรนัก เขายอมง้อขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกหรือ... ไม่รอคำตอบอะไรก็รวบร่างบางเข้าในอ้อมกอด กระชับเอวคอดไว้แน่น ในขณะที่ฮยอกแจทำได้เพียงแค่วางมือดันบนไหล่นั้นอย่างถือตัว

     

    ใช้ความเอาแต่ใจเข้าว่า กึ่งลากกึ่งบังคับอีกคนขึ้นไปจนถึงห้องนอนที่เขาแสนคุ้นเคย ไม่ต้องเดาให้ยากในเมื่อฮยอกแจอยู่ในชุดนอนของเขา ห้องรับรองแขกซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของทงเฮนี่เองที่จีน่าอนุญาตให้ฮยอกแจเข้ามาอยู่แทนที่ ฉุดทั้งร่างลงราบกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมทับ ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนนัก นอนด้วยกันมาตั้งกี่ครั้ง ทงเฮเลือกที่จะปล่อยให้มันเป็นความเคยชินโดยไม่ต้องออกไปหาผู้หญิงคั่วล้างตัวดังเช่นที่ผ่านๆมา

     

    “ทงเฮ... ไม่เอา ฉันเหนื่อย...” เบี่ยงใบหน้าเลี่ยงไปอีกทางเมื่อร่างหนาก้มลงคิดจะเริ่มกิจ ใช่ว่าอีฮยอกแจจะไม่รู้ว่าทงเฮไม่ใช่เกย์ แต่เป็นเขาหยิบยื่นความสัมพันธ์นี้เสียเมื่อไหร่ ทงเฮก็แค่คิดว่าเขาง่าย... คิดว่าเขาอยากได้เพื่อนตัวเองเสียจนตัวสั่น... เป็นอย่างนั้นทุกครั้ง... ทุกครั้ง... แล้วมันก็จริงในเมื่อฮยอกแจแทบไม่ปฏิเสธเลยสักทาง

     

    ตอนนี้ทงเฮอาจแค่กำลังเริ่มคุ้นชินและรู้สึกถึงความแปลกใหม่ แล้วถ้านานไปกว่านี้ล่ะ... ถ้าทงเฮเบื่อ ยังจะง้อเขาด้วยวิธีเดิมๆแบบนี้ไหม? หรือจะปล่อยให้อีฮยอกแจอัดอั้นกับความต้องการ อัดอั้นในความรู้สึกที่ขาดการมีเซ็กส์กับเพื่อนรักไม่ได้









     

     

    ตรงนี้เป็นฉากโลกไม่สวยก็เลยต้องตัดออกนะคะ

    เว็บไซด์นี้เป็นสิ่งดีงาม เลยรับไม่ได้ค่ะ แบนซะเลยนี่แน่ะ

    เลยให้คำแนะนำมาว่าให้คนอ่านเมล์มาขอเพราะมันจะทำให้สังคมน่าอยู่ขึ้น : )

    มันเป็นแค่ฉากสั้น ๆ ถ้าอยากอ่านสามารถส่งอีเมล์มาได้ที่

    xer-@msn.com

    จั่วหัวข้อว่า “ขอฉากล่อแหลม (แพะตอน 5)”

     




















     

     

















     


     

    “พี่รู้ตัวไหมว่าโทรมลงทุกวัน”

     

    ปากว่าเจื้อยแจ้วโดยที่ร่างกายยังง่วนอยู่กับการช่วยจัดข้าวของลงในกล่องลังขนาดใหญ่ ไม่ได้รับคำตอบในทันที ครั้นเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นเพียงร่างบางในชุดเสื้อยืดใส่สบายซึ่งจัดแจงเอกสารอยู่ที่โต๊ะ โจวคยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ลองออกแรงยกกล่องสัมภาระชั่งน้ำหนักดูเสียหน่อย และพบว่ายังอยู่ในระดับที่พอยกไหว

     

    “อืม...” ครางรับช้ากว่าคำถามอยู่พักใหญ่เช่นทุกครั้ง มันน่ายินดีเสียเมื่อไหร่กับการที่นักศึกษาปีสี่สละเวลานั่งปั่นโปรเจคเตรียมจบแล้วได้มาซึ่งท่าทีเหม่อลอยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของคู่สนทนา

     

    ร่างสูงโปร่งก้าวอาดๆไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มองข้ามโน้ตบุ๊คสีขาวเครื่องโปรดของเจ้าของห้องไปถึงงานเอกสารซึ่งถูกจับจ้อง แล้วก็ตัดสินใจถือวิสาสะรวบทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นปึกหนาพลางเลิกคิ้วยียวนเมื่อถูกเงยหน้าขึ้นส่งค้อนให้วงใหญ่ “เอาไปทั้งหมดนี่นั่นแหละ ยังไงพี่ก็ต้องใช้มันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ”

     

    ถึงจะแกล้งทำเล่นตัวว่าอีฮยอกแจใช้แรงงานคนเจ็บได้ลงคอ แต่ลงท้ายแล้วคยูฮยอนก็ช่วยเขาได้มากในการจะย้ายของไปไว้ที่บ้านของชเวจีน่าในตอนเช้าตรู่ ถึงจะถูกหยอกแกมกระเซ้าว่าให้หาความสุขใส่ตัวก่อนต้องไปอยู่คุกทางความรู้สึกที่มีผู้หญิงกับนักข่าวอยู่รายรอบ แต่พอได้มองหน้าที่มีแต่แผลฟกช้ำและแผ่นผ้าก๊อตบนศีรษะแล้ว ฮยอกแจก็ได้แต่หัวเราะร่วนแล้วแกล้งยีหัวเด็กช่างแกล้งอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “เชื่อเถอะว่าผมคงเหงาแย่” ยักไหล่ไม่ยี่หระตรงข้ามกับคำพูดเสียเต็มประดา กล่องลังขนาดใหญ่คยูฮยอนเป็นคนรับอาสาถือไว้ให้โดยที่ร่างบางต้องแบกส่วนของงานส่วนตัวพะรุงพะรังทั้งเอกสารและโปสเตอร์ ซ้ำยังกระเป๋าเสื้อผ้าแบบลากสีเข้มตามสมัย จนดูๆแล้วก็ชั่งใจไม่ได้ว่าใครที่ถือของหนักไปกว่ากัน

     

    “ว่าจะซื้อของสดเข้าบ้าน เมื่อเช้ามืดลองเปิดๆตู้เย็นดู มีแต่เบียร์เต็มไปหมด” พูดจบประโยคประตูลิฟท์ก็เปิดออกให้สองหนุ่มเดินเข้าไปข้างในทุลักทุเล อีฮยอกแจตื่นมาตั้งแต่เช้ามืด ต้องรับมือกับอาการหัวเสียของอีทงเฮที่ถูกปลุกให้กลับคอนโดมิเนียมก่อนที่จีน่าจะตื่น แล้วก็ต้องตรวจเช็คดูว่ามีอะไรขาดเหลือบ้างจะได้ซื้อเข้ามาทีเดียว เขาไม่อยากออกไปไหนในช่วงคนพลุกพล่าน นึกๆดูแล้วชายหนุ่มก็หวาดกลัวไม่น้อยกับการที่ต้องถูกฝูงนักข่าวไล่ตาม ในเมื่อพาดหัวข่าวใหญ่ของเช้านี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของเมื่อคืนอย่างไม่ต้องสงสัย

     

    “ขี้เห่อเป็นคุณพ่อมือใหม่จริงๆ” พูดกลั้วหัวเราะออกไปไม่จริงจังนัก แต่กลับกันที่มันทำให้สีหน้าอีกคนดูเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างประหลาด คยูฮยอนพอเดาออก... มันเป็นเรื่องเกินความคาดหมาย และคงยากที่จะปรับตัว “ผมถามจริงๆเถอะ... พี่คิดว่าจะทนอยู่ได้นานแค่ไหน”

     

    ผินใบหน้ามองหนุ่มรุ่นน้องอย่างชั่งใจเมื่อน้ำเสียงนั้นแสดงชัดว่าต้องการคำตอบ ถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ฮยอกแจก็ไม่เคยนับ รู้เพียงว่าพักหลังมานี้เขาต้องทำมันบ่อยเหลือเกิน “ไม่รู้เหมือนกัน คงจนกว่าเรื่องจะซา”

     

    “แล้วความรับผิดชอบที่พี่ต้องแบกรับหลังจากนี้ล่ะครับ?”

     

    “.............”

     

    “คุณจีน่ารู้รึเปล่าว่าพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด” ร่างสูงโปร่งกำลังพูดถึงเรื่องเล็กน้อยที่เกือบถูกมองข้ามไป เรื่องที่เขาเคยได้ย้ำกับฮยอกแจไว้ในทีแรกหลังได้รับรู้เกี่ยวกับการตัดสินใจซึ่งบ้าบิ่น เพราะคยูฮยอนมีครอบครัว... มีสังคม... ทั้งตัวเขาก็ไม่ได้ถือว่ามีรสนิยมเช่นเดียวกับคนข้างๆนี่เสียทีเดียว เช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงตระหนักถึงการยอมรับ... การใช้ชีวิต... และบทบาทในฐานะผู้ชายคนหนึ่งอย่างที่ควรจะเป็น

     

    ร่างบางส่ายหน้าไปมาสองถึงสามครั้ง อยากจะถอนหายใจออกมาอีกสักรอบถ้าไม่ติดว่ามันคงถี่เกินไปกับการที่เขาจะทำมันทั้งที่ไม่ได้ส่งผลให้มีอะไรดีขึ้น “ให้เธอรู้ไม่ได้เด็ดขาด... นายจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีทางชอบผู้หญิงน่ะ”

     

    “แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรือไง... ว่าการที่เธอไม่รู้นั่นแหละที่เป็นเรื่องใหญ่”

     

    “หมายความว่าไง?”

     

    น่าเสียดายที่ลิฟท์เปิดออกเสียก่อน คยูฮยอนจึงไม่ทันที่จะได้พูดความคิดออกไปท่ามกลางที่สาธารณะแม้ว่าจะมีผู้คนอยู่เพียงประปราย หากแต่เด็กหนุ่มหวั่นใจเหลือเกินถึงอนาคตที่มีสิทธิ์เกิดขึ้น ถึงตอนนั้นเรื่องคงยุ่งยากกว่านี้หลายเท่า แต่ก็ทำได้แค่หวัง... หวังว่าฮยอกแจจะพึงระวังมันอย่างถึงที่สุด










     

     

    TBC












    ทำไมตอนนี้ต้องซ่อนลิงค์.... ไม่มีอะไรแต่ไม่อยากเสี่ยงจะขึ้นตัวแดง ;A ;
    หน่วงระยะสุดท้ายก่อนจะค่อย ๆปีนไปจุดพีคอย่างที่ทุกคนรอคอย
    ตอนนี้อ่านแล้วจะงง ๆกันไหมคะ.... OTL







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×