ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC KYUHAE ¦ - Good Morning, Vampire {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #6 : Good morning, Vampire :: Chapter V

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 54


    Good Morning, Vampire.

     

    Super Junior Fan Fiction (Yaoi)

    Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon

    Author : xixiao’

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    CHAPTER V


     

     


     

    ยิ้มหวานของผู้อาศัยคนใหม่นั้นทำให้ห้องชุดภายในคอนโดมิเนียมหรูสดใสขึ้นทันตา แต่อีทงเฮไม่เคยรู้เลยว่ามันกลับแลกมาด้วยความอึดอัดของใครอีกคน คยูฮยอนเงียบและสงบลงอย่างเห็นได้ชัดจนแทบไร้คำพูดเอื้อนเอ่ยใดๆกับทั้งทงเฮและกูฮารา


    สองครั้งแล้วที่ฮาราถามถึงสาเหตุของความห่างเกินนี่ว่าเป็นเพราะเธอหรือเปล่า ทงเฮไม่แน่ใจนัก เพราะแม้แต่เขาเองคยูฮยอนก็เลือกที่จะเลี่ยงตัวออกไปไม่ต่างกัน


    ความน่าอึดอัดแปลกๆเกิดขึ้นนับตั้งแต่มีเรื่องเมื่อคืน ภาพเขี้ยวสีขาวขุ่นยังคงฝังอยู่ในห้วงคิดของอีทงเฮจนยากจะสะบัดออก คยูฮยอนไม่เคยดูอันตรายในสายตาเขา แต่ทำไมตอนนั้นเขาถึงรู้สึกกลัวขึ้นมา... อาจเป็นเพราะสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ที่สัมผัสได้เมื่อพบเจอกับสิ่งที่อันตราย... อย่างนั้นแล้ว ก็ไม่ใช่สาเหตุที่เขาจะต้องกลัวผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันดีเลยคนนี้....


    นัยน์ตาหวานโศกจับจ้องไปยังเจ้าของผิวขาวซีดที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่บนโซฟา ความสนใจของอีทงเฮไม่ได้หยุดอยู่ที่จานหรืออ้างล้างมือซึ่งเขากำลังทำความสะอาดมันเลยแม้แต่น้อย เขากำลังมองคยูฮยอนอย่างใช้ความคิดจนราวกับจะตกอยู่ในภวังค์ ไม่นานนักสติก็ถูกดึงกลับมาเมื่อหญิงสาวที่คุ้นเคยเดินเข้ามาภายในกรอบสายตาก่อนจะนั่งลงยังโซฟาข้างคนที่เขากำลังมองอยู่


    อีทงเฮไม่ใช่เด็กที่ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก เขาโตพอที่จะแยกแยะได้และดูออกว่ากูฮารากำลังสนใจโจวคยู ฮยอนอย่างเห็นได้ชัด เขารู้จักฮาราดี เธอเป็นผู้หญิงฉลาด มีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา และการที่ฮารากำลังเข้าหาคยู ฮยอนอย่างที่กำลังเป็นอยู่มันทำให้เขาหงุดหงิดใจอย่างไม่มีเหตุผล มันมากพอๆกับตอนที่เขาและคยูฮยอนเกือบจะทะเลาะกันเพราะเรื่องซีวอนที่ห้างสรรพสินค้า


    ความคิดของผู้ชายคนหนึ่งที่ตัดสินเอาว่าตัวเองคงกำลังหึงแฟนเก่า... ซึ่งมันคงเป็นเหตุผลเดียวที่พอจะดูเข้าท่าที่สุดในบรรดาเหตุผลนับสิบที่จะหยิบยกขึ้นมาอ้าง





     

    “พี่คยูฮยอน อ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอคะ”


    กลิ่มหอมจางๆของอิสสตรีลอยเข้ากระทบโสตประสาทการรับกลิ่นของสิ่งมีชีวิตที่ไวต่อสัมผัสเช่นเขา คยูฮยอนปรายตามองหญิงสาวที่นั่งลงข้างๆด้วยสายตาราบเรียบ น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยตอบกลับไปราวไม่ใส่ใจอะไรนัก “Salem’s Lot ครับ”


    “เซเลมส์ ล็อต ? นิยายเหรอคะ ? เกี่ยวกับอะไรน่ะ” หนังสือปกสีขาวซีดที่มีคำว่า Stephen King ถูกยกขึ้นเป็นประเด็นในการชวนคุยของฮารา เธอกำลังทดลองนิสัยของชายหนุ่มผิวขาวซีดตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ คยูฮยอนไม่ได้แสดงท่าทีตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน และนั่น... ยิ่งทำให้เธอรู้สึกอยากค้นหาตัวตนที่แท้จริงของลูกพี่ลูกน้องคนรักเก่าให้ได้ราวกับเป็นเรื่องท้าทายที่น่าสนุกของหญิงสาววัยที่เพิ่งล่วงเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่หมาดๆ


    “เป็นนิยายสยองขวัญ... ที่บรรยายผีดูดเลือดออกมาเหมือนกับปีศาจจากขุมนรก” ชายหนุ่มเหยียดรอยยิ้มบางๆที่มุมปากแบบที่คนมองไม่สามารถคาดเดาความคิดได้ถูก


    “น่าสนุกจริง ฉันเองก็เคยได้อ่านนิยายแวมไพร์อยู่บ้าง แต่เป็นพวกรักโรแมนติกน่ะค่ะ สยองขวัญแบบนี้คงไม่ไหว” เธอหัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลาย บางทีคยูฮยอนอาจไม่ใช่คนคุยยากอย่างที่คิดหากฉลาดที่จะคุย


    “แล้วแวมไพร์ในสายตามนุษย์เป็นยังไงเหรอครับ ?” กลิ่นกายสตรีเพศนั้นหอมหวนกว่าบุรุษ นอกจากทงเฮแล้วเขาไม่เคยต้องใกล้ชิดมนุษย์คนไหนสองต่อสองแบบนี้ จึงเป็นครั้งแรกที่แวมไพร์ในรั้วอย่างเขาได้เปรียบเทียบถึงกลิ่นหอมของอาหารดังเช่นที่แวมไพร์ตนอื่นเคยบอกเล่า


    หรืออันที่จริง.... กลิ่นของฮาราก็ราวกับสิ่งแปลกใหม่สำหรับจมูกที่เคยได้สัมผัสแค่เพียงกลิ่นกายของใครอีกคน


    “อืม... ก็คงเป็นผู้ชายหล่อๆ มีเสน่ห์ ลึกลับ แล้วก็ดึงดูดใจเพศหญิงมั้งคะ” ฮาราพูดกลั้วหัวเราะแบบไม่จริงจังนัก “ฉันก็ว่าไปตามที่ในนิยายบรรยายน่ะค่ะ แต่จะว่าไป... พี่คยูฮยอนก็เหมือนแวมไพร์เหมือนกันนะ....”


    ร่างสูงเพียงเหยียดยิ้มบางเบาเป็นการตอบรับสายตาที่จ้องมองมาเท่านั้น มนุษย์.... จินตนาการสิ่งมีชีวิตเช่นพวกเขาไปต่างๆนานา


    “เป็นไง หนังสือเล่มนี้สนุกไหม”


    เสียงจากบุคคลที่สามดังขึ้นขัดจังหวะความคิดในหัวของร่างสูงโปร่ง ทงเฮวางแก้วน้ำเย็นสองแก้วที่ถือมาลงบนโต๊ะรับแขกตัวเตี้ยก่อนจะแย้มรอยยิ้มบางให้หญิงสาวที่อยู่ด้วยกัน


    “หนังสือของพี่ทงเฮเหรอคะ ?” ฮาราถามอย่างใคร่รู้ ปกติทงเฮไม่ใช่คนชอบอ่านนิยายเป็นงานอดิเรก กระนั้นแล้วเธอก็ไม่แน่ใจนักว่าระหว่างช่วงเวลาที่ห่างกันไปถึงสองปี อะไรหลายๆอย่างอาจจะเปลี่ยนไปโดยที่เธอไม่รู้ก็เป็นได้


    “ซื้อมาอ่านฆ่าเวลาน่ะ” ชายหนุ่มระบายยิ้มอ่อนๆก่อนจะผละเดินออกไปอย่างผิดวิสัย แน่นอนว่ามันเป็นที่ผิดสังเกตของคนที่มองอยู่ กระนั้นแล้วคยูฮยอนกลับเลือกที่จะเงียบและตีความหมายกับตัวเองเพียงลำพัง








     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-







     

    เป็นเหมือนเช่นวันก่อนๆที่เขาคิดอยากสูบบุหรี่ กล่องสีขาวแถบฟ้ารูปร่างแบนเล็กและไฟแช็คถูกหยิบออกมาจากลิ้นชักโต๊ะภายในห้องนอนอีกครั้งในรอบหลายวัน ประตูกระจกตรงระเบียงถูกเปิดออก ก่อนประกายของเปลวไฟจะจุดมวนบุหรี่ในมือให้ส่งควันสีขุ่นออกไปปะปนกับมวลอากาศภายนอก


    อีทงเฮสูดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด ความรู้สึกผ่อนคลายทำให้เขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รวมถึงเรื่องของผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอนซึ่งดูเหมือนจะวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาแทบจะตลอดเวลา และในตอนนี้คงต้องเพิ่มกูฮารามาอีกคน ทงเฮยอมรับว่าเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เลย เขายังคงรู้สึกกับกูฮาราเหมือนเดิมอยู่งั้นหรือ ความรู้สึกดีๆที่มีอยู่ในตอนนี้จะยังคงเป็นสิ่งที่เรียกว่าความรักดังเช่นแต่ก่อนรึเปล่า


    วิศวกรหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งเป็นหนึ่งในหลายๆรอบของวัน ทำไมเขาต้องมาคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลยถ้าคยูฮยอนกับฮาราจะรักกัน


     

     แล้วแวมไพร์ในสายตามนุษย์เป็นยังไงเหรอครับ


    อืม... ก็คงเป็นผู้ชายหล่อๆ มีเสน่ห์ ลึกลับ แล้วก็ดึงดูดใจเพศหญิงมั้งคะ…. ฉันก็ว่าไปตามที่ในนิยายบรรยายน่ะค่ะ แต่จะว่าไป... พี่คยูฮยอนก็เหมือนแวมไพร์เหมือนกันนะ....



     

    บทสนทนาที่ได้ยินนั้นฉุกความคิดในตัวเขาให้จุดขึ้นอีกครั้ง เหมือนว่าเขาจะมองข้ามคยูฮยอนเกินไป นับตั้งแต่พบกัน ข้อสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้ก็มากขึ้นเรื่อยๆจนทงเฮต้องตั้งคำถามกับตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน ตราบจนกระทั่งตอนนี้ ร่างสูงก็ยังไม่แม้แต่จะเปิดปากพูดถึงที่มาที่ไปของตัวเองเลยแม้แต่น้อย



     

    ผมแค่... ไม่หิวน่ะ

    ไม่หิวเนี่ยนะ ? นายยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน นี่ก็ดึกแล้วนายน่าจะ...

     

    คุณจะทำอะไร ?

    ฉันก็แค่สงสัยว่านายหายเจ็บแผลแล้วรึไง แผลนายก็ไม่ใช่เล็กๆ แต่ทำไมนายถึงไม่มีท่าทีเจ็บปวดอะไรเลยล่ะ

     

    พรุ่งนี้นายจะไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวรึเปล่า

    ผมไม่ชอบออกไปไหนตอนกลางวัน


     

    นายนี่มันเลือดเย็นเหมือนตัวนายจริงๆ

    ........

    จะว่าไป... ตัวของนายมันเย็นมากเลยนะ

     

    เมื่อกี้.... ผมขอโทษ......... กลัวผมรึเปล่า

     

     

    .....แต่จะว่าไป... พี่คยูฮยอนก็เหมือนแวมไพร์เหมือนกันนะ.......

     

     



    ข้อสงสัยมากมายที่ตีกันวุ่นจนเขาไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน คำพูดหลายๆประโยคที่เขาจำได้ขึ้นใจดังเวียนราวม้วนเทปที่ปั่นวนอยู่ในหัวสมอง ทงเฮเป้นเพียงมนุษย์วัยทำงานคนหนึ่งที่ไม่เชื่อในความปรัมปราอย่างเช่นว่าโลกนี้มีภูติผีปีศาจ มนุษย์หมาป่า หรืแม้กระทั่งผีดูดเลือดที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาหลายยุคหลายสมัย หากแต่เงาประหลาดที่ไล่ตามเขาเมื่อตอนนั้น แล้วก็เรื่องบนตึกที่เขาคุมงานก่อสร้างนั่นอีก....


    ทั้งหมดนี่คืออะไรกันแน่.... หรือมันเป็นเรื่องที่เกินกว่ามนุษย์อย่างเขาจะรับรู้จริง ๆ.....


    “....ไร้สาระชะมัด ของแบบนี้มันจะไปมีจริงได้ยังไง”


    มวนบุหรี่ถูกบี้ลงกับราวระเบียงพร้อมๆกับการแค่นหัวเราะตัวเองในลำคอ นี่เขาคงคิดมากจนฟุ้งซ่านเป็นตุเป็นตะไปแล้วจริงๆ ให้ตายเถอะอีทงเฮ....


    Rrrrrrrrrrrr


    มือเรียวเปิดประตูกระจกที่กั้นระหว่างระเบียงก่อนจะเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมทิ้งตัวลงพักสายตาเต็มแก่ หากแต่เสียงริงโทนเพลงโปรดกลับปลุกให้เขาดีดตัวขึ้นนั่งบนเตียงอย่างหัวเสีย นัยน์ตาสีนิลสนิทกวาดมองจนรอบห้องเพื่อหาเจ้าเครื่องมือสื่อสารต้นเสียงที่จำไม่ได้ว่าเอาไปวางไว้ที่ไหน คิ้วเรียวคลายปมลงหลังจากเงี่ยหูฟังจนได้ศัพท์ว่ามันดังมาจากภายในห้องน้ำ เขาคงลืมไว้ตรงอ้างล้างหน้าตอนเข้าไปอาบน้ำเมื่อกี้กระมัง


    ร่างเล็กสาวเท้าเดินไปยังจุดหมายและกำลังจะเปิดประตูออก เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแผ่นกระจกสูงเท่าเพดานห้องนั้นเลื่อนออกก่อนที่มือของเขาจะแตะถึง เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งผู้มีผิวกายขาวซีดในสภาพผ้าขนหนูตัวเดียวที่ยังคงมีหยดน้ำเกาะพรายตามร่างกายกำลังยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้เขาด้วยสีหน้าราบเรียบ


    “ขอบคุณ....”


    ท้ายคำนั้นแผ่วลงพร้อมๆกับเสียงดังของโทรศัพท์ที่เงียบไป ตาเรียวรีของทงเฮจับจ้องมองเรือนร่างอีกฝ่ายจน คยูฮยอนรู้สึกได้ คิ้วคมขมวดเล็กน้อยราวกับจะถามถึงการใช้สายตาจับจ้วงแบบที่ทงเฮกำลังทำอยู่


    “แผลที่ท้องของนาย....” ทงเฮละสายตาจากหน้าท้องราบเรียบที่ขาวเกลี้ยงไร้ร่องรอยบาดแผลใดๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยผินขึ้นมองหน้าคนที่ควรจะเป็นเจ้าของบาดแผลเหวอะหวะเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างจับผิด แม้ว่าเขาเคยพยายามจะพิสูจน์เรื่องนี้ครั้งหนึ่ง แต่เมื่อได้เห็นเต็มสองตาอีทงเฮถึงกับพูดอะไรไม่ออก พร้อมๆกับคำตอบที่ไม่มีทีท่าว่าจะเล็ดลอดออกมาจากคอของอีกคน


    คยูฮยอนไม่ตอบอะไรแต่กลับเลื่อนประตูกระจกกั้นให้ปิดลงอย่างสงบ เงาของคนที่ทำกิจอยู่ในห้องน้ำยังคงสะท้อนอยู่ในสองตาของทงเฮซึ่งยืนนิ่งคล้ายไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น เป็นอีกครั้งที่เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่า.... อะไร ?


    “เป็นไปไม่ได้.....”








     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-







     

    แม้จะปิดไฟมืดมาเกือบสองชั่วโมงแล้วอีทงเฮก็ยังนอนไม่หลับ ตอนนี้คงราวๆตีสามนับจากที่ทุกคนพากันเข้านอน ตั้งแต่เมื่อหัวค่ำที่ห้องน้ำ เขาไม่มีโอกาสได้คุยกับคยูฮยอนอีกเพราะฮาราอยู่ด้วยตลอดเวลา รวมถึงคยูฮยอนเองก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาถามอะไร ถ้าไม่อยู่ให้ฮาราตามติด ก็ต้องเป็นเขาที่อยู่เป็นเพื่อนฮารา แต่ถึงมีโอกาส ทงเฮก็ไม่แน่ใจตัวเองเลยว่าเขาจะตัดสินใจถามออกไปจริงๆอย่างนั้นหรือ


    ร่างเล็กผุดขึ้นนั่งท่ามกลางมืด เขาเบนสายตาไปมองฮาราที่นอนหลับสนิทอยู่เตียงก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง ฮารานอนบนเตียง เขานอนข้างล่าง และอีกคนนอนอยู่ที่โซฟาด้านนอก....



     

    โซฟาว่างเปล่า....


    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คยูฮยอนจะยังไม่นอนตอนนี้ ทงเฮพอจะจับสังเกตได้ว่าหมอนั่นจะชอบนอนในช่วงเช้ามืดหรือพระอาทิตย์ขึ้น หากแต่ตอนนี้ห้องทั้งห้องมืดสลัวและเงียบกริบ เป็นการยากที่เขาจะหาคยูฮยอนเจอแม้ว่าจะเพ่งมองไปยังจุดต่างๆ แล้วหายไปไหน ? ทงเฮตั้งคำถามกับตัวเองพร้อมๆกับคิ้วที่ขมวดมุ่นลง


    เสียงกระทบกันเบาๆของผ้าม่านบนหน้าต่างกระจกบานใหญ่เรียกให้คนที่ยืนอยู่หันมอง หน้าต่างถูกเปิดแง้มไว้เล็กน้อยจนทงเฮนึกโทษความสะเพร่าของตัวเองที่ลืมปิดมันก่อนไปนอน มือเรียวเอื้อมจับผ้าม่านเพื่อปิดม่านลงหลังเลื่อนหน้าต่างกระจกจนปิดสนิทดีแล้ว หากแต่นัยน์ตาหวานโศกกลับสบกับอีกหนึ่งนัยน์ตาของใครบางคนที่ยืนเอี้ยวมองมาทางเขาจากดาดฟ้าตึกฝั่งตรงข้ามที่ไกลออกไป


    เป็นผู้ชายใส่ชุดสีดำสนิทและมีผมยาวยุ่งระใบหน้า หากแต่ทงเฮไม่สามารถประมาณได้ว่าผู้ชายคนนั้นสูงเตี้ยหรือมีรายละเอียดนอกเหนือจากนี้เพียงใด สายตาประหม่าของทงเฮไม่ได้บอกเจ้าของมันเลยว่าเหตุใดจึงต้องมายืนสบตากับชายแปลกหน้าคนนั้นเช่นนี้ แต่ทงเฮละสายตาจากการจับจ้องนั้นไม่ได้....




    พรึ่บ




    ผ้าม่านถูกรูดปิดอย่างแรงโดยใครอีกคนที่เข้ามาแบบที่เขาไม่ทันรู้ตัว นัยน์ตาสีอำพันนั้นราวกับทอแสงในความมืด ร่างสูงโปร่งที่เขาคุ้นเคยกำลังยืนประชิดตัวจนได้ยินเสียงหายใจที่รดอยู่เหนือจมูก


    “ทำไมคุณยังไม่นอนอีก”


    เสียงเข้มย้ำถามราบเรียบจนคนฟังรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมองคนสูงกว่าก่อนจะแย้มรอยยิ้มอ้อมแอ้มตอบแบบขอไปที “นอนไม่หลับน่ะ”


    ความมืดสลัวทำให้เขาเห็นใบหน้าของคยูฮยอนไม่ชัดเจนนัก หากแต่ดวงตาสีแปลกนั้นกลับเด่นชัดขึ้นมาในความคิดเขา ทงเฮเกือบจะลืมจุดประสงค์ที่เขาลุกออกมากลางดึกหากเสียงแปลกๆในอกไม่ดังเรียกสติขึ้นมาเสียก่อน


    “จะว่าไป....”


    “...............”


    อีกครั้งที่เขารู้สึกลังเลเหลือเกินกับแค่การพูดประโยคง่ายๆออกไป เขาไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน แค่อยากรู้จัก คยูฮยอนให้มากขึ้น อยากถามเรื่องแผลที่ท้องนั่น แต่พอเจอความเงียบและสายตาที่มองกลับมา ราวกับว่าคำพูดทุกคำถูกกลืนหายไปในลำคออย่างช่วยไม่ได้


    “นายชอบฮารารึเปล่า”


    มันเป็นคนละเรื่องกับที่ทงเฮคิดอยากจะถาม แต่ปากเจ้ากรรมก็พลั้งพูดออกไปทำลายความกระอักกระอ่วนใจที่ก่อตัวขึ้น หากแต่ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือผิด เมื่อเหมือนว่าคำถามนี้เองก็จะทำให้เขาลุ้นในคำตอบไม่น้อยไปกว่ากันเลย


    “................”


    คยูฮยอนนิ่งเงียบไม่มีคำตอบเช่นทุกทีที่ร่างสูงไม่มีทีท่าว่าจะตอบ ทงเฮไม่ได้คาดหวังอะไรนัก เขายักไหล่กลายๆพลางแย้มรอยยิ้มปลอบอีกคนว่าอย่าใส่ใจคำถามแก้เก้อแบบนั้น


    “ไปนอนไปครับ มันดึกแล้ว” คยูฮยอนพูดคล้ายถอนหายใจอยู่ในที แต่อีกคนกลับพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย อย่างไรเสียคืนนี้เขาก็ล้มเหลวที่จะคาดคั้นเอาความจริงจากอีกคนตามเคย ไม่สิ.... พูดให้ถูกคือเขาไม่ได้อยากคาดคั้น เพียงแต่มันคงจะดีไม่น้อยหากเด็กคนนี้คิดจะเปิดปากพูดออกมาบ้าง


    อีทงเฮหมุนตัวกลับเตรียมเดินออกไป เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ใบหน้าขาวหันกลับมาเป็นจังหวะเดียมกับที่คยู ฮยอนทำท่าจะเดินตามออกไป มุมปากบางเฉียดกับริมฝีปากแห้งผากของอีกคน ครู่หนึ่งที่ทั้งคู่ชะงักไป ก่อนทงเฮจะแย้มยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    “เอ่อ... ที่ถามไปเมื่อกี้น่ะไม่ต้องคิดมากนะ ฉันแค่เห็นฮาราสนใจนายเลยลองถามดูเล่นๆ”


    ทงเฮยอมรับ ความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องจุกจิกมันไม่ใช่วิสัยคนอย่างเขาเลย แต่เขาก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมเรื่องพรรค์นี้มันถึงได้วนเวียนอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา ร่างสูงเพียงยิ้มบางๆเหมือนไม่ติดใจอะไร ทงเฮจึงหันหลังก้าวฉับๆเดินกลับห้องไปอย่างที่ควรจะเป็นในทีแรก


    แต่อีทงเฮไม่ทันได้เห็นถึงท่าทีที่ผิดแปลกไปจากปกติ คยูฮยอนกำลังเอามือปิดปากพลางสูดลมหายใจลึกอย่างอดกลั้น เพียงแค่กลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยกลับทำให้ความอยากอาหารในตัวเขาให้กำเริบขึ้นอีกครั้ง คยูฮยอนรู้ตัวดีว่ามันนานเกินไปแล้วสำหรับความอดกลั้นของเขา ไม่ช้าก็เร็ว.... เขาอาจทนไม่ไหวเข้าจริงๆ.......


    นอกเหนือจากความรู้สึกอยากอาหารแล้ว.... ความรู้สึกบางอย่างที่นอกเหนือจากความหิวกลับถูกจุดประกายขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว อารมณ์ในส่วนลึกที่ผีดูดเลือดโหยหาและมีความต้องการมากกว่ามนุษย์......




    ทำไมแวมไพร์ถึงมีความเย้ายวนและเสน่ห์เหนือคนทั่วไป.....


    และเหตุใดแวมไพร์... จึงเลือกคอเพื่อสร้างรอยประทับ.....




    คยูฮยอนไม่รู้สึกตัวเลย.... ว่าความเป็นแวมไพร์ที่แท้จริงของเขามันจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้.....


    หลังจากที่กลิ่น... ฝังตัวอยู่ในความทรงจำของเขา.....

     




    ความคุ้นเคยจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจ.....


    และเขาจะต้องการมัน.... ในไม่ช้า .

     




    TBC




    ฮิ๊ มาอัพซะเช้ามืดเลยจ้า -.-
    หลังจากนังบิวท์ตั้งแต่เย็น ในที่สุดก็ปั่นออกมาได้สำเร็จ
    ทำไมตอนนี้มันแต่งยากนัก ทั้งที่ดูไม่มีอะไรเลย -_-
    มาช้าดีกว่าไม่มานะคะ จุ๊บ -///////////-







    no.beer
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×