ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #5 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter four .

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 54



    SCAPEGOAT…?


    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’


    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------










     

    CHAPTER FOUR

     















    บรรยากาศในงานแต่งงานนั้นครื้นเครงไปด้วยเสียงดนตรีคลาสสิค คละเคล้าไปกับการพูดคุยของผู้ร่วมงานเฉกงานกาล่าดินเนอร์ สื่อมวลชนยังคงเดินไปมารวมกันเป็นกลุ่มไม่ปะปนกับแขกคนอื่นๆ มีบ้างที่แยกไปสัมภาษณ์เหล่าคนในวงการบันเทิงที่เดินเฉิดฉายเข้ามา กระนั้นยังไม่ใช่บุคคลที่ต้องการพบมากที่สุด... อีทงเฮ ยังไม่ปรากฏตัวออกมาหลังโดนกระแสข่าวโจมตีมาแล้วสองวันเรื่องการตายของแฟนคลับสาวที่สร้างข่าวฉาวระหว่างตัวเองกับดาราหนุ่มชื่อดัง


    งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในลักษณะงานเลี้ยงที่ไม่ถือพิธีการทั้งทางแบบเกาหลีหรือคริสต์ นับเป็นข้อสังเกตข้อใหญ่ที่บรรดานักข่าวและคนในสังคมต่างตั้งตำถามขึ้น งานไร้พิธีไม่ต่างจากการแถลงข่าว ไม่ได้จัดใหญ่โตตามฐานะทางการเงินของฝ่ายเจ้าสาว ซ้ำเจ้าบ่าวยังเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มที่ทำงานครีเอทีฟแขนงหนึ่ง หาได้มีความโดดเด่นหรือข่าวคราวใดๆมาก่อนหน้านี้


    เบื้องหลังโถงแกรนด์รูมขนาดใหญ่คือพนักงานส่วนหนึ่งของบริษัทออแกไนซ์ ช่างแต่งหน้าทำผม หรือรวมไปถึงร่างผอมโปร่งในชุดเจ้าบ่าวสีขาวดำทางการ ชายสูทนั้นสะบัดยาวลงไปจนถึงข้อเข่าแลดูเหมือนชุดผู้ดีอังกฤษ หูกระต่ายแดงสดรับกับดวงหน้าขาวผ่องขับให้ยิ่งดูสง่า แม้ว่าภายใต้เครื่องสำอางอ่อนๆนั้นจะเป็นใบหน้าซีดเซียวส่อถึงการไม่ดูแลตัวเองมาตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ตามที


    ( พี่แน่ใจนะว่าโอเค? )


    เสียงปลายสายแสดงความเป็นห่วงเป็นใยดังเช่นทุกทีที่ได้พูดคุย จริงใจและตรงไปตรงมา หากก็ไม่ถึงกับเป็นความพิเศษในน้ำเสียงนั้น โจวคยูฮยอนเพียงโทรมาถามไถ่ตามสมควรก่อนถึงเวลาเริ่มงาน ถึงจะได้พูดคัดค้านมานักต่อนักแต่ก็ดูเหมือนเขาจะคัดค้านการตัดสินใจของรุ่นพี่ไม่ได้ ทั้งเด็กหนุ่มยังยื่นคำขาด ว่าเป็นตายร้ายดีก็อย่าให้ได้พบหน้าอีทงเฮอีก ไม่อย่างนั้นงานแต่งงานนี่คงได้พังไปต่อหน้าต่อตาเพราะการทะเลาะวิวาทเป็นรอบที่สอง


    “อืม...” ครางรับในลำคอด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก อีกคนไม่ถามไถ่อะไรต่อเพราะสังเกตได้จากน้ำเสียง ตอนนี้บรรยากาศรอบข้างเริ่มวุ่นวายเพราะคนเยอะขึ้น เขายังไม่อยากออกไปในตัวงานเพราะแรงกดดันและการให้ความสนใจที่มากเหลือในประเด็นสังคม ผู้ชายธรรมดาอย่างอีฮยอกแจ มายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน


    ( ผมคงทำได้แค่เอาใจช่วยแล้วกันครับ ไม่ไหวก็หนีออกมาล่ะเดี๋ยวจะไปช่วยปลอบใจให้ )


    พูดกลั้วหัวเราะชวนผ่อนคลายทีเล่นทีจริง ทว่าช่วยให้คนฟังยิ้มออก “นั่งทำโปรเจคจบของนายให้เสร็จๆไปสักทีเถอะ มัวแต่อู้อย่างนี้จะไม่เอาปริญญาพร้อมเพื่อนหรือไงกัน”


    ( โธ่พี่ครับ เห็นอย่างนี้ผมก็ทำไปได้ไกลกว่าคนอื่นแล้วล่ะน่า )


    “โอเคพี่เชื่อ แค่นี้ก่อนแล้วกันนะ คงจะต้องไปเตรียมตัวแล้ว”


    บอกลาสั้นๆพอรู้กันอีกฝ่ายก็ยอมวางสายไปอย่างว่าง่าย ตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วเดินตรงไปทางด้านในที่เขาเพิ่งเดินออกมาได้พักใหญ่ เยื้องจากห้องแต่งตัวเจ้าบ่าวนั้นเป็นห้องพักเจ้าสาว ชเวจีน่าอยู่ในนั้น และฮยอกแจก็มีเจตนาที่จะมาดูเธอ โดยไร้ซึ่งความตื่นเต้นใดๆในฐานะเจ้าบ่าวนอกเหนือจากความกังวล


    ช่างแต่งตัวคนหนึ่งเป็นผู้เปิดประตูให้ก่อนจะอุทานน้อยๆเมื่อเห็นเจ้าบ่าวยืนอยู่หลังบานประตูด้วยสีหน้าสงบ ระบายยิ้มอ่อนๆพลางเอ่ยน้ำเสียงสุภาพ “คุณจีน่าเธอ... สบายดีใช่ไหมครับ?”


    “คะ?”


    หญิงสาวเหรอหราขึ้นทันควันเมื่อรู้สึกแปร่งปร่าในคำพูดจนต้องต้องการทวนคำถามอีกครั้ง อึกอักอยู่อึดใจหนึ่ง อีฮยอกแจจึงเรียบเรียงประโยคเสียใหม่แล้วเอ่ยออกไป “เอ่อ... ผมหมายความว่า... เธอคงเรียบร้อยดี?”


    “เรียบร้อยดีค่ะ ฉันรับรองว่าเธอจะสวยที่สุดในงานนี้”


    “นั่นใครน่ะ?” เสียงหวานร้องถามออกมาจากภายใน ช่างแต่งตัวเปิดประตูให้อ้ากว้างขึ้นหน่อยเพื่อสองคนจะได้เห็นกัน เจ้าสาวนิ่งไปขนัด ไม่ตอบรับรอยยิ้มอ่อนนั้นดีเสียเท่าไหร่ “ฉันอยากจะขอคุยกับเขาเป็นการส่วนตัวน่ะค่ะ”


    พอพูดออกไปอย่างนั้นช่างหญิงสามสี่คนในห้องก็พากันทยอยออกไปแม้จะตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย ฮยอกแจเดินพ้นธรณีเข้ามาพลางปิดประตูจนเรียบร้อยสนิทดี ทอดมองร่างระหงในชุดเจ้าสีขาวบริสุทธิ์ที่ไปลองด้วยกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนเรียกได้ว่ากะทันหัน สีหน้าไร้ความผูกพันของคนทั้งคู่นี้เองคือบทพิสูจน์ชั้นดี


    “มีอะไรรึเปล่าคะ?”


    ว่าเสียงเรียบห้วนโดยที่ไม่ลุกจากเก้าอี้ ดวงหน้าเปื้อนเครื่องสำอางนั้นสวยสง่าแต่ก็ไม่อยู่ในความสนใจของอีฮยอกแจมากนัก เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จึงตอบออกไปเสียงแผ่ว “ผมเพียงแค่มาดูคุณ...”


    “ฉันยังไม่ตายหรอกค่ะ เราได้แต่งงานกันแน่” เธอจีบคอเยาะหยัน นึกโทษโชคชะตาร้ายกาจที่เล่นตลกชวนเวทนาได้อย่างน่าขัน นับดูแล้วเธอเพิ่งจะได้เจอฮยอกแจครั้งนี้เป็นครั้งที่สองเท่านั้น แต่กลับต้องกุเรื่องบอกบิดามารดาว่าลอบคบหามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาแรมปี


    หนักอกหนักใจอยู่พอควรที่ยังไม่ได้รับมนุษยสัมพันธ์ดีๆตอบกลับมา หากหญิงสาวอ่อนลงมากนัก สีหน้านั้นติดจะเฉยชาราวปลงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความเจ็บปวด เศร้าสร้อย กระทั่งโกรธเคืองยังคงลุกโชนอย่างลึกซึ้ง


    “ผม... ค่อนข้างกังวลน่ะครับ”


    “จะกังวลอะไรกันคะอีฮยอกแจ เราน่ะ... คบกันมาตั้งเกือบปีแล้วนะ” ย้ำระยะเวลาลวงหลอกขึ้นมาแกมเหยียด ไม่ใช่ฮยอกแจที่หญิงสาวนึกรังเกียจ แต่กลับนึกเลยไปถึงใครอีกคน... คนที่ป่านนี้ คงจะเอาแต่ห่วงตัวเองเรื่องตกเป็นขี้ปากสังคมข้อหาฆ่าคนตายแล้วกระมัง


    มองมือเรียวบอบบางซึ่งลูบหน้าท้องเบาๆแกมสังเวช แล้ววันนี้มันก็เกิดขึ้น วันที่เขาจะต้องรับผิดชอบชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งและลูกในท้อง เพียงแต่มันไม่ใช่ความรัก... และความจริงเท่านั้นเอง “ผมเป็นห่วงคุณ”


    หน้าสวยหวานนั้นช้อนขึ้นสบกับดวงตาเรียวรีสีเข้มนั้นอย่างไร้เลศนัย สิ่งที่มอบให้เธอนั้นคือดวงตาที่แสดงออกมาดังเช่นคำพูด เจือความสงสาร เห็นใจ หรือแม้กระทั่งความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และฮยอกแจคิดเช่นนั้น ดังเช่นที่เพื่อนควรจะมีให้กัน


    “คุณจริงใจ... ไปกว่าเพื่อนคุณแค่ไหนกัน”


    หล่อนถามอย่างจริงจัง และเห็นว่าหนุ่มร่างผอมนั้นหัวเราะ หาใช่ความขบขัน มันจริงจังอย่างน่าใจหายเสียจนความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งใจอย่างประหลาด


    “มาก... เท่าที่ทงเฮไม่เคยมีให้คุณ” ผายมือออกมาเพื่อรอรับหญิงสาวเดินออกไปด้วยกัน ได้เวลาแล้ว เจ้าบ่าวควรจะได้พาเจ้าสาวออกสู่งานแต่งงานเสียที “ไปเถอะ จะได้จบๆมันไปเสียในคืนนี้”


    หากจะมีใครสักคนที่ทำให้ชเวจีน่ายอมแพ้... คนๆนั้นอาจเป็นอีฮยอกแจนับแต่คืนนี้ไป




















     

     


















    เสียงดังเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ดังกระหึ่มพร้อมทุกสายตาที่หันมองด้วยความสนใจล้นเหลือ ร่างหนาในชุดสูทสีเงินอ่อนจับความโดดเด่นเดินเข้ามาในงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้างตัวไร้วี่แววของผู้จัดการหนุ่มหรือใครที่ควงออกงานเหมือนเคย ก้มหน้าก้มตาผิดวิสัย ทั้งหน้านั้นเต็มไปด้วยรอบฟกช้ำซึ่งยังไม่หายดีแม้จะได้รับการบำรุงเพียงใด


    ทุกปากในงานต่างเอ่ยชื่ออีทงเฮระคนกันมั่วไปหมด บ้างอุทาน บ้างซุบซิบ แล้วจึงเริ่มหันหน้าเข้าหากันพร้อมสายตาที่ปรายมองขุ่นข้องใจ กลุ่มสื่อมวลชนพร้อมใจกรูกันไปทางเดียว ปิดล้อมร่างดาราหนุ่มไว้จนไร้ทางเลี่ยง




    “คุณรู้ข่าวเรื่องคิมนาบีที่ออกมาปล่อยข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับคุณกระโดดตึกเสียชีวิตรึยังคะ”


    “จริงๆแล้วคุณกับคิมนาบีมีความสัมพันธ์กันจริงๆอย่างที่เธอออกมาเปิดเผยหรือเปล่าคะ”


    “คุณได้มีการข่มขู่หรือบังคับเธอจนต้องฆ่าตัวตายใช่ไหมครับ”


    “แล้วหน้าของคุณไปโดนอะไรมาคะ มีเรื่องหรือโดนทำร้าย”




    ทุกถ้อยถามถูกส่งเข้ามาจนร่างหนารู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเองก็ได้คิดเรื่องนี้มาบ้างแต่ดูเข้าเถอะ รัวคำถามใส่มาแบบนี้มันยิ่งกว่ายั่วโมโหชัดๆ “ผมเกรงว่าจะฟ้องหมิ่นประมาทได้นะครับถ้าพวกคุณยังเอาแต่ตั้งข้อสันนิษฐานกันมั่วซั่วอย่างนี้”


    ดวงหน้าหล่อเหลาติดเคร่งเครียดจริงจังจนเสียงรัวคำถามจำต้องหยุดลงนิ่งงัน อีทงเฮสงบสติอารมณ์อยู่เพียงกลั้นหายใจ แล้วจึงแสดงความน่าสงสารออกไปทางสายตาจนเกิดเป็นเสียงวิพากย์วิจารณ์ในใจ


    “ผมเคยได้แถลงข่าวเรื่องของเธอคนนั้นไปแล้ว และผมจะยังยืนยันคำเดิมว่าไม่มีเหตุการณ์ดังที่เธอกล่าวหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ ผมเสียใจจริงๆที่มีเหตุการณ์น่าสลดเกิดขึ้น ผมยังคงภาวนาให้เธอไปสู่สุขคติตั้งแต่รู้ข่าว ไม่มีการข่มขู่หรือติดต่อใดๆกับเธอทั้งนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน สภาพชีวิตเธอเป็นอย่างไรบ้าง เพราะอย่างนั้นกรุณาหยุดการกล่าวหาใดๆโดยไม่มีมูลเหตุด้วยครับ”


    ความจริงนั้นอยู่ที่เพียงปลายเหตุว่าไม่มีการติดต่อใดๆเกิดขึ้นจริง หากแต่ต้นเหตุนั้นเล่าคือคำโกหกทั้งเพ ทงเฮรู้ตัวดีว่าได้ฆ่าคิมนาบีทางอ้อมด้วยการออกมาปฏิเสธและเรียกความเห็นใจเช่นนั้น ส่วนเรื่องที่เธอได้ฆ่าตัวตายเขาก็ถือเป็นความโง่ส่วนตัว มันห้ามกันได้หรือยังไง




    “แล้วหน้าของคุณไปโดนอะไรมาคะ ใช่การทะเลาะวิวาทหรือเป็นการลอบทำร้าย?”




    “อ้า... ใช่ครับ เป็นอย่างหลัง ผมขับรถกลับจากถ่ายโฆษณาตัวล่าสุด คืนนั้นมืดมาก ผมมองอะไรแทบไม่เห็น แล้วอยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้โผล่ออกมา เขาเข้าทำร้ายผม ต่อยผม จนตั้งตัวไม่ติดเลยครับ” ตีสีหน้าแฝงความตระหนกพลางทำไม้ทำมือประกอบได้อย่างน่าเชื่อถือเสียจนกระแสตำหนิโอนอ่อน




    “คุณคิดว่าการลอบทำร้ายครั้งนี้มีมูลเหตุมาจากกรณีของคุณกับคิมนาบีหรือเปล่าครับ?”




    “เรื่องนี้ผมไม่ทราบครับ อาจจะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเธอจริง หรือแค่พวกแอนตี้แฟนที่ประสงค์ร้ายก็ได้”


    ยิ้มอ่อนโยนให้ดูน่าเห็นใจอีกเสียทีหนึ่ง บ่าวสาวก็เดินเข้ามาในงานพอดิบพอดี ทงเฮรู้สึกโล่งอกไม่น้อยที่จีน่าเดินควงแขนฮยอกแจออกมาอย่างว่าง่ายดูเหมือนคู่แต่งงานทั่วไป ครั้นได้เห็นเขาชัดเจน หน้าสวยเชิดนั้นก็แสดงแววโกรธขึ้งอย่างปิดไม่อยู่ ประจวบเหมาะกับที่สื่อมวลชนเริ่มขยายวงล้อมทั้งคู่ไว้ แต่กลับถูกจีน่าร้องปรามขึ้นเป็นเชิงตำหนิกลายๆ


    “ที่นี่เป็นงานแต่งงานนะคะไม่ใช่งานแถลงข่าว เราได้จัดเวลาไว้ให้พวกคุณทำข่าวแล้ว กรุณาเคารพงานแต่งงานของฉันด้วยนะคะ”


    ขยับแขนสะกิดฮยอกแจเบาๆพอให้รู้กันแล้วจึงเดินสวนดาราดาวรุ่งที่เชิดใบหน้าขึ้นราวอยู่เหนือทุกอย่างนั้นได้ไร้เยื่อใยจนชวนให้รู้สึกเสียหน้า หากแต่เจ้าบ่าวกลับหลุบตาปรายมองเพื่อนรักเสียทีหนึ่ง ฉายแววอาวรณ์ แต่ก็ต้องเดินต่อไปยังเวทีขนาดเตี้ยที่ถูกประดับไว้สวยงาม


    ทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและแข็งทื่อ ไม่มีวีดีโอการบอกเล่าชีวประวัติใดๆ ไม่มีการแสดงผูกพัน รักใคร่ แค่เพียงบทที่เตรียมกันไว้ กระทั่งถึงเวลาถูกเรียกร้องการแสดงความรักนั่นเอง ละล้าละลังอยู่พักใหญ่ อีฮยอกแจจึงจำต้องโน้มลงหอมแก้มชเวจีน่าเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตจนเกินไป หญิงสาวไม่ได้ดากอาย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอมทุกข์


    บ่อยครั้งที่อีทงเฮได้แต่ลูบแผลที่มุมปากและสบสายตาฮยอกแจเป็นพักๆ ร่างบางนั้นรังแต่จะมองมาทางเขาจนต้องเบือนสายตาหลบไปด้วยความรำคาญ ยังโกรธไม่หายดีเรื่องที่ถูกไล่ แต่มันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญนัก เพราะทงเฮเชื่อดีว่านักข่าวพวกนี้จะต้องมีอะไรให้น่าโมโหอีกมากแน่นอน


    เวลาซึ่งอาจไม่ใช่เพียงสื่อมวลชนแต่เป็นคนทั้งงานกลับมาถึงในที่สุด หน้าเวทีเต็มไปด้วยแสงแฟลชและกลุ่มชนกลุ่มใหญ่ที่เฝ้ารอทำข่าวมาตลอดทั้งงาน ต่างทำท่าจะแย่งกันซักถามเช่นในทีแรกแต่กลับถูกปรามไว้ ทุกอย่างจึงสงบลงได้


    “คุณกับคุณอีฮยอกแจรู้จักกันได้ยังไงคะ”


    “เราพบกันโดยบังเอิญ และติดต่อกันเรื่อยมาค่ะ” ตอบห้วนๆไร้รายละเอียด ที่ยิ่งกว่านั้นคือชเวจีน่าไม่ทีท่าว่าจะร่ายยาวไปกว่านั้น โดยมองข้ามความใคร่รู้ของผู้ถามไปราวจงใจ


    “แล้วคบหาดูใจกันมานานแค่ไหนแล้วคะ”


    “เกือบปีค่ะ”


    บรรดาสื่อมวลชนเงียบไปอึดใจ กระทั่งออกปากพูดขึ้นมาคนหนึ่ง เสียงฮือฮาที่เหลือจึงตามมาพร้อมด้วยบรรยากาศเคร่งเครียดจนอีทงเฮนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ “แล้วที่มีคนเห็นคุณอีทงเฮไปหาคุณที่บ้านบ่อยๆ นั่นคือความสัมพันธ์แค่เพื่อนกันจริงหรือครับ?”


    ตาเรียวสวยตวัดมองต้นเสียงด้วยความชั่งใจลึกๆ เหลือบมองอีทงเฮอยู่พักหนึ่งก็เห็นดูกระสับกระส่าย เธอจะเปิดเผยเรื่องทั้งหมดตอนนี้เสียก็ได้...




    “และตามข่าวที่เราทราบมา คุณฮีฮยอกแจเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่มหาลัยของคุณอีทงเฮนี่ครับ เอ... แบบนี้มันก็น่าสงสัยอยู่นะ คุณไม่เปิดตัวแฟนที่คบหากันมาเป็นปี แต่กลับปล่อยให้ตัวเองมีข่าวกับคุณทงเฮอยู่สองนาน”




    สามคนในประเด็นคำถามหน้าเจื่อนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ฮยอกแจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรื่องเขาถูกขุดคุ้ยขึ้นมาแม้กระทั่งความสัมพันธ์สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ทั้งหัวไว ร้ายกาจ น่ากลัว นี่หรือสิ่งที่ทงเฮต้องต่อสู้ด้วยตลอดมาอย่างนั้นหรือ?


    “ก็นั่นไงครับ!” เสียงทุ้มโพล่งขึ้นจากโต๊ะผู้ร่วมงานหน้าเวที แสร้งทำทียกแก้วไวน์แล้วยิ้มกริ่ม “เพราะฮยอกแจคบกับจีน่านี่แหละครับผมถึงได้รู้จักกับเธอ จริงๆเรารู้จักกันมานานแล้วแต่พี่ๆนักข่าวไม่สังเกตเอง ช่วงเดือนสองเดือนมานี้เพื่อนของผมทั้งสองคนน่ะสิครับ กระเง้ากระงอดงอนกันไปมา เดือดร้อนผมต้องช่วยเจ้าฮยอกแจมันง้อแฟน อย่างที่ทุกคนเห็นว่าผมสนิทกับจีน่านั่นแค่เพื่อนจริงๆครับ นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วนี่ไง... ยินดีด้วยนะเพื่อน”


    ร่างหนายกแก้วไวน์ขึ้นนำให้เพื่อนรักแล้วกระดกดื่มด้วยอารามยินดีจนทุกอย่างดูแนบเนียนไปเสียหมด ดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี... แต่ก็เพียงชั่วครู่ยามเท่านั้น


    “ได้เวลาตัดเค้กแล้วนะคะ” ชเวจีน่าตัดบท ลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำไปยังเค้กเจ็ดชั้นก้อนโตซึ่งตั้งอยู่กลางงาน ทั้งที่รู้ว่ามันไม่เป็นที่พอใจของนักข่าว แต่ถ้าปล่อยนานไปกว่านี้ ตัวเธอและฮยอกแจที่จะแย่เสียเอง




    “ทำไมคุณฮยอกแจถึงเอาแต่เงียบล่ะครับ เป็นเจ้าบ่าวแท้ๆน่าจะออกปากอะไรบ้างไม่ใช่ให้เพื่อนตอบแทนเสียหมด” นักข่าวคนเดิมยังแย้งขึ้นไม่หยุด ถึงตรงนี้ที่อีทงเฮนั่งไม่ติด รีบถลาลุกมายืนขวางกันท่าบรรดาสื่อมวลชนไว้ไม่ให้กรูตามกันเข้าไปใกล้สองหนุ่มสาว “ดูคุณเป็นเดือดเป็นร้อนจังนะครับคุณอีทงเฮ”




    “นี่คุณ มันจะมากไปแล้วนะ!


    สำรวมอาการต่อไปไม่ไหวก็สบถใส่นักข่าวอย่างเหลืออด ไอ้พวกนี้มันจะเกินขอบเขตมากไปแล้ว ทั้งที่งานแต่งงานนี่ควรจะผ่านไปได้ด้วยดื แต่นี่เล่นขุดคุ้ยจับผิดมันเสียทุกอย่างจะให้ทนไหวได้อย่างไร




    “แล้วที่มีข่าวว่าคุณจีน่าท้องก่อนแต่ง”


    “ผมว่ามันมีพิรุธจริงๆนั่นแหละ”




    ต่างคนต่างแทรกขึ้นมาวุ่นวายจนคนฟังเกิดมีน้ำโห จีน่าไม่พูดโต้อะไรได้แต่ยืนหน้าเสียไปไม่ถูกอยู่อย่างนั้น เช่นไรเธอก็ผู้เสียหาย ถึงจะโกรธแต่ก็รู้สึกอายมากกว่าหลายเท่า อีทงเฮเริ่มเป็นฝ่ายปะทะกับสื่อมวลชนจนคาดว่าจะเกิดเป็นกรณีพิพาท ทุกอย่างโกลาหลวุ่นวาย มืออุ่นของชายหนุ่ในชุดเจ้าบ่าวกุมมือของชเวจีน่าไว้แล้วกระตุกเบาๆ


    “คุณจะทำอะไร...?”


    แรงกุมนั้นเริ่มแน่นขึ้น กระทั่งร่างของอีฮยอกแจออกตัวเบียดเสียดฝูงชนด้านหลังหลบหนีความวุ่นวายออกไปท่ามกลางความตกตะลึงของนักข่าวและเพื่อนสนิท หญิงสาวตระหนก ขืนตัวเล็กๆในทีแรกแต่ก็ยอมเดินตามแต่โดยดี


    “ไปจากที่นี่”


    หนุ่มร่างผอมพึมพำเสียงเรียบโดยมีจุดหมายคือรถซึ่งจอดอยู่ทางด้านหลังของโรงแรม ลัดเลาะไปไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกตามไล่หลังมาจนต้องเร่งฝีเท้าไวขึ้นโดยไม่ลืมจะคอยระวังคนข้างๆ




    “ฮยอกแจ!! อีฮยอกแจ!




    ร่างหนาของอีทงเฮผลุนผลันออกมาจนเห็นเงาหลังเพื่อนรักรำไร ตะโกนเรียกออกไปด้วยน้ำโหหวังจะให้ฮยอกแจยอมกลับมา แต่ไม่เลย... ร่างนั้นไกลออกไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับฝูงสื่อมวลชนที่เข้ารุมเขาเพื่อถามถึงการหลีกหนีของบ่าวสาวที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา


    “โธ่เว้ย!!



















     

     



















    “อีฮยอกแจ” ดวงหน้าสวยผินมองคนในชุดเจ้าบ่าวที่ขับรถเลี้ยวออกจากโรงแรมด้วยท่าทีสงบ ผิวขาวผ่องตัดกับความมืดของราตรีแล้วก็ยิ่งดูเด่น หากแววเศร้าสร้อย และการตัดสินใจเด็ดขาดที่ลากเธอออกมา กลับทำให้ชเวจีน่าต้องแปลกใจในตัวผู้ชายคนนี้เป็นครั้งที่สาม “เราหนีออกมาแบบนี้ คุณไม่คิดว่าในงานจะวุ่นวายแย่แล้วหรือไง”


    “...............”


    “ฉันไม่ได้เสียดายไอ้งานแต่งสับปะรังเคนี่หรอกนะ แต่หลังจากนี้ล่ะ” เธอสบถขึ้นแต่แผ่วลงในช่วงปลายประโยค มีแต่อะไรให้ต้องหนักใจเต็มไปหมด ถึงงานแต่งจะล่ม แต่อย่างน้อยๆชเวจีน่าก็ได้จดทะเบียนสมรสกับผู้ชายที่ชื่ออีฮยอกแจไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย


    “ผม... ขอโทษ”


    “...............”


    “...............”


    “ช่างมันเถอะ... ขอบคุณนะ ที่ลากฉันออกมา”




    ค่ำคืนที่แสนวุ่นวาย... และทั้งสองเชื่อว่านี่จะไม่ใช่คืนสุดท้าย... ของอะไรแย่ๆที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!










     

    TBC








    มาแล้ว *w * แล้วก็ได้แต่ง 555555555555.
    ( ไหนล่ะเฮอึน แล้วไหนล่ะ 4-5 ตอนจบ.... ทรุด* )




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×