คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Good morning, Vampire :: Chapter IV
Good Morning, Vampire.
Super Junior Fan Fiction (Yaoi)
Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon
Author : xixiao’
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
CHAPTER IV
กองเอกสารข้อมูลและสำนวนคดีหลายฉบับกองระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ คิ้วหนาขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อความอ่อนล้าเริ่มเข้าเกาะกุมทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วงสองสามวันมานี้เขาแทบไม่ได้มีเวลาพักผ่อน ผู้เสียชีวิตรายล่าสุดคือพนักงานห้างสรรพสินค้าที่เขาเพิ่งไปทานข้าวกับทงเฮมาเมื่อหัวค่ำ และสถานที่นั้นก็อุกอาจขึ้นทุกวัน เมื่อมันคือภายในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าที่อยู่นอกเหนือความสามารถของกล้องวงจรปิด
นาฬิกาข้อมือบอกเวลาที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่ตีสอง เป็นไปได้ว่าคืนนี้อาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกโดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย รอยเขี้ยวที่หาคำอธิบายไม่ได้จากทุกศพที่เกิดขึ้น ไม่มีบาดแผลอื่นนอกจากเลือดที่หมดตัวและรอยเขี้ยวสองเขี้ยวที่คอ วิทยาศาสตร์ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย
นายตำรวจระดับสูงเริ่มที่จะเร่งรัดให้นายตำรวจยศต่ำกว่าอย่างเขารีบปิดคดีในกระแสวิพากย์วิจารณ์ของสังคมโดยเร็ว หากมันเป็นเพียงฝีมือของฆาตกรต่อเนื่องก็คงเรียกได้ว่าเป็นการเย้ยศักดิ์ศรีของตำรวจอย่างถึงที่สุด
แต่หากไม่ใช่ล่ะ....
ไม่มีร่องรอยหลงเหลือ จับมือใครดมไม่ได้ ทั้งผลตรวจดีเอ็นเอน้ำลายจากปากแผลของศพหรือคำให้การจากคนในละแวกที่เกิดเหตุก็ไม่ได้ช่วยให้คดีมีความคืนหน้าคืบเลย หากไม่คิดอะไรมากนี่ก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้นๆที่อยู่เหนือความสามารถของหน่วยสืบสวนสอบสวน แต่หากคิดในแง่ของความเป็นมนุษย์ ยิ่งระยะเวลายืดเยื้อเท่าไหร่... เหยื่อก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นด้วยเท่านั้น
นึกไปถึงคนที่แยกกับเขาในห้างสรรพสินค้า ป่านนี้จะกลับถึงบ้านรึยังนะ ?
เลยไปถึงคนที่อีทงเฮบอกว่าเป็นน้องชาย แต่หน้าตาและรูปร่างกลับไม่เหมือนกันสักนิด รูปร่างสูงโปร่งและผิวขาวซีดกับตาสีที่เหมือนไม่ใช่คนเอเชียแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
Rrrr
“ว่าไง” เสียงทุ้มเอ่ยกับปลายสายเมื่อเห็นเบอร์ที่ขึ้นจอบนหน้าจอโทรศัพท์ สังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นเช่นทุกๆคืนที่มีคนตาย แล้วก็เป็นไปดังคาด
-มีสายแจ้งเข้ามาว่าพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ที่ตรอกทิ้งขยะย่านนัมแดมุนครับ-
ชเวซีวอนวางสายลงด้วยความเครียดที่โถมเข้ามาเป็นทวีคูณ รูปคดียิ่งอุกฉกรรจ์มากขึ้นทุกวันจนเขาไม่แน่ใจว่าในคืนต่อๆไปจะมีผู้เสียชีวิตมากขึ้นอีกแค่ไหน
ยิ่งคิดอุดมการณ์ในอกก็ยิ่งลุกโชน ไม่ว่าจะเป็นคนผีปีศาจหรืออะไร แต่เรื่องที่ทำให้ประชาชนต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวและภัยอันตรายแบบที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเมื่อไหร่นี่มันเลวร้ายสิ้นดี !
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
“พวกนั้นจะโผล่มาอีกไหม ?”
ทงเฮเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง เมื่อทั้งเขาและคยูฮยอนต่างก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาภายในห้องนั่งเล่นมาเกือบสิบห้านาทีนับตั้งแต่กลับถึงคอนโดมิเนียม คยูฮยอนจับน้ำเสียงได้ว่าอีกฝ่ายกังวลใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆก็เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายขึ้นกับตัวเองแบบนี้
“พวกมันอาจหาเราเจอได้ทุกเมื่อ จากนี้ไปไม่ใช่สถานการณ์ที่ปลอดภัยเลย”
“เป็นเพราะฉันชวนนายออกไปแบบนั้นสินะ....”
“อย่าโทษตัวเองเลย ผมต่างหากที่ทำให้คุณต้องเดือดร้อน” ร่างสูงส่งยิ้มให้อีกคนที่คงยังไม่หายตกใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้ว่าพวกมนุษย์ให้กำลังใจกันยังไง จึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆและปล่อยตัวเองให้จมลงกับความกังวลที่ครุ่นคิดมาตลอดทาง
จากนี้ไปทงเฮอาจจะตกอยู่ในอันตราย เพราะพวกนั้นจะต้องตามล่าเขาอย่างแน่นอน มันไม่ใช่เรื่องของมนุษย์และไม่ใช่กงการอะไรที่ทงเฮจะต้องมารับรู้ปัญหาของเขา ต้องออกห่างจากคนๆนี้ให้ไกลที่สุด ก่อนที่อีทงเฮจะกลายเป็นเป้าหมายไปอีกคน
“ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดจะหนีหายไปอีกน่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ร่างเล็กถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ็ดเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างอะไรจากเวลาผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก “ตัวคนเดียวแล้วได้อะไรขึ้นมา สองหัวยังไงก็ดีกว่าหัวเดียว ถึงนายออกไปตอนนี้ก็อาจปะกับพวกประหลาดนั่นอีกเมื่อไหร่ก็ได้”
“คุณจะตกอยู่ในอันตรายเพราะผม” คยูฮยอนหยัดตัวขึ้นยืนเต็มความสูงจนใบหน้าอยู่ห่างจากอีกฝ่ายแค่เพียงฟุต เสียงทุ้มหนักแน่นและจริงจังเสียจนทงเฮต้องหลบสายตาไปครู่หนึ่ง
“แล้วไงล่ะ ฉันไม่กลัว....”
“...........”
“ยอมรับว่ากลัวหน่อยๆก็ได้ แต่ฉันห่วงนายมากกว่า” ตาเรียวรีจ้องตอบอีกคนที่มองเขาไม่ละสายตา
“คุณจะมาห่วงผมได้ยังไง เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่สามวัน” เขาเขยิบตัวเข้าไปจนทงเฮต้องก้าวถอยลงก้าวหนึ่ง คยู ฮยอนอยากให้ทงเฮยอมแพ้และยอมรับว่านี่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่เหมือนจะผิดคาดเมื่อมือเรียวของอีกคนดึงยกขึ้นดึงคอเสื้อเขาไว้อย่างไม่ยอมแพ้
“เลิกอยู่ตัวคนเดียวซะบ้าง แล้วจะรู้ว่ามีเพื่อนน่ะมันดีกว่าที่คิด” ทงเฮยักคิ้วข้างหนึ่งคล้ายจะกวนประสาทอยู่กลายๆ แต่คยูฮยอนไม่ได้ยิ้มตอบอย่างที่เขาหวังไว้
“ผมอยู่ตัวคนเดียวมาแต่แรก แล้วก็คงอยู่ตัวคนเดียวไปจนวันตาย”
แวบหนึ่งที่ทงเฮสังเกตเห็นความเศร้าในแววตาของคนตรงหน้า แต่คยูฮยอนไม่หยุดยืนให้เขาจับสังเกตได้นานนัก ร่างสูงผละตัวออกแล้วทำท่าจะเดินละไปทางห้องนอน หากแต่วูบหนึ่งที่ภาพตรงหน้ามืดลง พร้อมๆกับร่างทั้งร่างที่แทบล้มทั้งยืน
“เฮ้ ! เป็นอะไรรึเปล่า” ร่างเล็กรีบถลาเข้าไปช่วยพยุงคนที่มีอาการไม่ต่างอะไรจากหน้ามืด เขาดันตัวอีกฝ่ายให้ค่อยๆนั่งลงบนโซฟาอย่างเป็นห่วง คยูฮยอนกำลังหลับตาและหายใจหนักหน่วงกว่าปกติ คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแม้ว่าจะยังมีสติดี “นายโอเคไหม ? เป็นเพราะไม่ได้กินอะไรมาตั้งสองสามวันแน่ๆ”
คยูฮยอนรู้ตัวดีว่าเขากำลังอ่อนแอ ไม่ใช่แค่สองสามวัน แต่เกือบสัปดาห์แล้วที่เขาไม่แม้แต่จะได้ดื่มเลือดสักอึก แวมไพร์ขาดเลือดก็เหมือนขาดอาหาร เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสมบูรณ์โดยที่ไม่ได้ลิ้มรสเลือดเป็นระยะเวลานานๆ ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งกระหายและอาจควบคุมตัวเองไม่อยู่ อีกเหตุผลที่เขาต้องการไปจากมนุษย์คนตรงหน้านี่ให้ไวที่สุด
“เดี๋ยวฉันไปอุ่นอาหารในตู้เย็นมาให้ กินสักหน่อยคงดีขึ้น...” ข้อมือเรียวถูกคว้าไว้เมื่อตั้งท่าจะเดินไปอาหารมาให้คนป่วย คยูฮยอนส่ายศีรษะไปมาช้าๆเป็นเชิงว่าไม่ต้องการ หากแต่แรงบีบที่ข้อมือกลับมากขึ้นจนทงเฮเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บ
“คยูฮยอน....”
“ผม.... ผมอยากนอนพัก” ร่างสูงลุกขึ้นยืนอย่างหุนหันก่อนจะเดินเข้าไปทางห้องนอน ทงเฮเดินรีบเดินตามเข้าไปและรู้สึกหมดห่วงลงเปราะหนึ่งเมื่อคยูฮยอนลากตัวเองขึ้นไปนอนพักบนเตียงอย่างที่บอกจริงๆ
เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นอีกครั้งเมื่อผ่านไปพักใหญ่ เมื่อครู่เขาแกล้งหลับเพื่อไม่ให้อีกคนเป็นห่วง เสียงฝักบัวในห้องน้ำบ่งบอกว่าทงเฮคงจะตามมานอนในอีกไม่ช้า
เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อไหร่ที่เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้
ไม่เคยมีความจำเป็นที่เขาจะต้องฆ่าใครและคยูฮยอนก็ไม่เคยทำเช่นนั้น เพราะเมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นผู้ถูกล่า เขาจึงไม่เคยได้สัมผัสความจริงที่ว่าแวมไพร์ขาดเลือดไม่ได้ แต่ตอนนี้เวลานี้.... เขาไม่แน่ใจตัวเองเลยสักนิด....
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
อีกไม่ถึงสิบนาทีเข็มนาฬิกาจะชี้บอกเวลาตีสี่ สติสัมปชัญญะแล่นเข้ามาในขณะที่ฟ้ายังไม่สว่าง เขารู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวใกล้ตัว เตียงนอนยวบลงเมื่อใครบางคนกำลังขยับตัว เปลือกตาบางๆค่อยๆลืมขึ้นมองภาพพร่ามัวตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“คยูฮยอน.... ?”
ร่างสูงโปร่งที่คุ้นเคยกำลังท้าวแขนคร่อมอยู่บนตัวเขา อีทงเฮปรับเรตินาให้ชัดเจนจนมั่นใจว่าเป็นคยูฮยอน ความมืดโดยรอบทำให้เขามองไม่เห็นสีหน้าคนข้างบนดีนัก แต่กิริยาแปลกๆนี่กลับทำให้เขาประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“นาย.... จะทำอะไรน่ะ ?”
ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆโน้มลงท่ามกลางความมืดมิด ในตอนนี้ทงเฮเห็นคยูฮยอนเพียงเสี้ยวหน้า และมันกำลังโน้มลงมาหาเขา ร่างทั้งร่างชะงักลงเมื่อไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากแต่คมเขี้ยวที่ปะกับสายตาเมื่อคยูฮยอนกำลังเผยอปากอ้าขึ้นนั้นกลับทำให้เขาตัดสินใจผลักคนตรงหน้าออกอย่างตกใจ
เมื่อกี้.... อะไร......... ?
ร่างเล็กถลาลงจากเตียงในขณะที่อีกคนเสียหลักเพราะแรงผลัก มือเรียวควานหาสวิตซ์ไฟตรงผนังก่อนจะกดเปิดจนห้องทั้งห้องสว่างโล่ คยูฮยอนกำลังนั่งกุมเสี้ยวหน้าของตนเองอยู่บนเตียงด้วยมือที่สั่นเทาน้อยๆ ทงเฮไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่คยูฮยอนจะทำอะไร เขาสังเกตมาแต่แรกแล้วว่าคยูฮยอนมีเขี้ยวแต่ก็ไม่ได้นึกติดใจ แต่เมื่อกี้.... ทงเฮยอมรับว่ามันน่ากลัว
“นาย.... นายโอเคไหม ?” เขาเอ่ยถามออกไปในขณะที่ยังคงยืนอยู่ห่างจากอีกฝ่ายในระยะที่คิดว่าปลอดภัย เจ้าของผิวขาวซีดพยักหน้ารับช้าๆแล้วค่อยๆลดมือที่กุมใบหน้าลงสบตา
“เมื่อกี้.... ผมขอโทษ”
เมื่อเห็นว่าคยูฮยอนดูจะมีสติเป็นปกติดีแล้วทงเฮจึงค่อยๆย่างเท้ากลับมาทีเตียงแบบกล้าๆกลัวๆ ร่างสูงหลุบสายตาขึ้นมองเจ้าของมืออุ่นๆที่แนบลงบนใบหน้าของเขา ทงเฮแย้มรอยยิ้มบางๆหลังจากคลายความตกใจลงได้บ้างแล้ว
“คงเพราะพิษไข้สินะ” ร่างเล็กส่งยิ้มให้คยูฮยอนเหมือนไม่ติดใจสงสัยอะไร แต่คยูฮยอนรู้ดีว่าความแคลงใจในตัวทงเฮที่มีต่อเขานั้นเต็มเปี่ยม เพียงวูบหนึ่งที่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ทงเฮกลับเลือกที่จะหนีออกไปให้ไกลจากเขาที่สุด
“กลัวผมรึเปล่า”
“เห ?”
คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนที่คุกเข่าในระดับที่สูงกว่าเขา มือของทงเฮยังคงประคองใบหน้าคนป่วยไว้ในขณะที่สายตาเศร้าสร้อยนั้นทอดมองมา คยูฮยอนเป็นคนนิ่งๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเย็นชา ไม่พูดมาก แต่ก็ไม่ได้พูดน้อยจนเขาอึดอัด มีลับลมคมในมากมาย แต่ก็ไม่ได้ดูอันตรายในสายตาทงเฮ
“ผมรู้ว่าคุณไม่ไว้ใจผม....”
“นายเพ้อเพราะไม่สบายรึเปล่าเนี่ย....”
“ผมไม่ได้ไม่สบาย” ร่างสูงพูดขัดขึ้นเสียงเรียบ เขาไม่รู้จักคำว่าป่วยหรือพิษไข้ เมื่อเกิดมาก็ต้องอยู่อย่างเป็นอมตะ ยาวนาน และสัมผัสคำว่าแก่ชราช้ากว่ามนุษย์มาก
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น นายอยากพูดอะไรรึเปล่า” ดวงหน้าหวานโศกระบายยิ้มอ่อนๆให้อีกคน สิ่งที่ได้รับกลับมาก็คือยิ้มซีดเซียวและการส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“คุณนอนต่อเถอะครับ ผมจะออกไปนอนที่โซฟา” ไม่รอให้ทงเฮพูดอะไรต่อจากนั้น มือที่แนบอยู่บนใบหน้าเขาถูกแกะออกอย่างสุภาพ ก่อนร่างสูงจะลุกเดินออกไปเงียบๆ
มือเรียวยกค้างไว้ในอากาศ หากแต่ทงเฮก็ไม่ได้เอ่ยรั้งออกไปอย่างที่คิดจะทำในทีแรก เขาไม่เคยเข้าใจคยู ฮยอนเลยสักครั้ง.... ไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว....
แต่บางที การพยายามที่จะเข้าใจมากเกินไป มันก็รังแต่จะอึดอัดทั้งสองฝ่ายเปล่าๆ .
ร่างสูงโปร่งนอนทอดยาวบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น ตาสีอพันที่วาวโรจน์เมื่อครู่สงบลงจนเป็นปกติ ริมฝีปากที่เคยมีมีสดบักนี้กลับซีดเซียวจนแทบจะกลืนไปกับผิวกายขาวซีด ภาพสีหน้าหวาดกลัวเมื่อครู่ของคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันฉายชัดในห้วงคิด ครู่หนึ่งที่เขาขาดสติจนเผลอแสดงสัญชาตญาณดิบออกไป.... ครู่หนึ่งที่เขาเกือบจะกัดคอมนุษย์คนแรกทั้งที่เคยกร้าวคำมั่นว่าจะไม่มีวัน....
และยังเป็นมนุษย์คนแรกที่เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
คยูฮยอนไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใด รู้เพียงว่าเขากำลังรู้สึกดีมากขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ดวงหน้าหวานโศกที่ติดอยู่ในมโนสำนึก คนที่เขาให้สัตย์กับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำร้าย
อีทงเฮช่วยเหลือเขา.... ปฏิบัติกับเขาด้วยความจริงใจแม้จะเพิ่งรู้จักกัน
แต่สิ่งที่ต้องคิดในตอนนี้ มีเพียงรสเลือดที่ไม่ได้สัมผัสลงคอของเขามาเนิ่นนาน อาจเพราะเลือดของทงเฮเมื่อคืนก่อนที่ปลุกความกระหายขึ้นมาแม้จะอดกลั้นไว้เพียงใด เขาไม่คิดจะคร่าชีวิตมนุษย์.... แต่มันเป็นไปได้ยากเหลือเกิน เมื่อในตอนนี้เขาไม่มีอาหารมาปรนเปรอเช่นครั้งที่ยังอยู่ในรั้ว โลหิตเย็นเยียบที่รินลงแก้วเช่นไวน์ชั้นดี อาหารซึ่งมาจากการค้าเลือดในสังคมชั้นสูงโดยที่ไม่ต้องออกล่าเหยื่อเช่นแวมไพร์นอกรั้ว
กระทั่งวันที่รั้วแตกออกด้วยฝีมือของผู้ทรยศจำพวกหนึ่ง ผู้ที่สังหารกฏระเบียบของเผ่าพันธุ์และแหกรั้วออกมาสู่สังคมของโลก
ผู้ที่ตามล่าเขาเช่นเกมส์ล่าสัตว์.... ดั่งนายพรานที่ยิงธนูเข้าโพรงป่าจนกว่าเหยื่อเช่นเขาจะปรากฏตัวให้เชือด .
เสียงเปิดประตูของคนในห้องนอนเรียกให้เปลือกตาบางลืมขึ้นจากภวังค์ความคิด อีทงเฮหยุดยืนตรงหน้าโซฟาที่มีร่างของใครบางคนนอนลืมตามองเรียบเฉย มือเรียวส่งผ้าห่มและหมอนสีอ่อนยื่นให้พร้อมรอยยิ้มบาง “ฉันเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ แต่มันคงไม่สบายตัวนักหรอก กลับไปนอนที่เตียงดีกว่านะ”
ร่างสูงยันกายลุกขึ้นนั่งแล้วรับสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นให้โดยไม่ลืมที่จะยิ้มตอบเล็กๆตามมารยาท ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนราบกับโซฟาเป็นคำตอบว่าจะไม่กลับเข้าไปนอนในห้องอย่างที่ทงเฮว่า เขาปิดเปลือกตาลงอีกครั้งพร้อมๆกับแผ่นหลังที่เดินกลับไปยังห้องที่ออกมา
-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
เสียงกดออดสองถึงสามครั้งจากหน้าห้องในตอนเกือบบ่ายโมงส่งผลให้อีทงเฮจำต้องหยัดตัวขึ้นสะลึมสะลือ เรียวปากบางสบถเบาๆถึงคนที่มากดออดในตอนที่เขากำลังนอนหลับสบายเช่นนี้ เมื่อหันไปเห็นนาฬิกาบนผนังร่างเล็กจึงเลือกที่จะเปลี่ยนมาสบถความเป็นมนุษย์ของตัวเองแทน
ร่างสูงโปร่งยังคงนอนทอดยาวบนโซฟาเหมือนไม่ได้ยินเสียงออด ทงเฮลอบอมยิ้มบางๆในความขี้เซาของเด็กหนุ่มนิสัยแปลกตรงหน้า ก่อนจะเดินตรงไปเปิดประตูห้องออกทั้งที่ทรงผมยังยุ่งเหยิงและหน้าตางัวเงีย
“แท๊แดน ~”
หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดสีโทนเลือดนกยกมือขึ้นสองข้างคล้ายเด็กๆกำลังเล่นจ๊ะเอ๋ตกใจ ดวงตาคมโตหยักขึ้นเล็กน้อยเมื่อเรียวปากบางสวยฉีกยิ้มกว้างส่งให้เขาอย่างร่าเริง
“ฮะ.... ฮารา !?”
“ไม่ได้เจอกันนานนะคะ” เจ้าของชื่อกูฮาราทอดรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าหวานสวย ยิ้มที่อีทงเฮคุ้นเคยและไม่ได้เห็นมันมานาน
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” ทงเฮถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงจนเกือบเป็นปกติ หากแต่ร่างเพรียวบางที่โต้ตอบกลับกลั้วหัวเราะเล็กเฉกคนคุ้นเคย
“ใจคอจะไม่ชวนแขกเข้าไปนั่งคุยบนโซฟาสบายๆหน่อยเหรอคะคุณอีทงเฮ”
ทงเฮระบายยิ้มอ่อนๆก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้อีกคนเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกระเป๋าเดินทาง มือเรียวจัดการปิดประตูห้องให้สนิทแล้วหันมาเจอร่างหญิงสาวยืนเก้ๆกังๆในขณะที่ร่างสูงโปร่งที่จับจองโซฟานั้นลุกขึ้นนั่งมองทั้งเขาและฮาราด้วยสายตาราบเรียบเช่นทุกที
“เอ่อ.... นี่คยูฮยอน เป็น.....” คยูฮยอนละสายตาจากฮารามาทางทงเฮที่กำลังคิดลำดับความสัมพันธ์กับเขาและคยูฮยอน ก่อนเสียงเรียบจะเอ่ยตอบแทนคนที่ยังยืนเก้ๆกังๆ
“ลูกพี่ลูกน้องน่ะครับ ผมมีศักดิ์เป็นน้องชาย”
“ลูกพี่ลูกน้อง ?” ฮาราทวนคำด้วยน้ำเสียงแปลกใจแล้วหันไปหาทงเฮ “ไม่เห็นพี่เคยเล่าให้ฟังเลยนี่คะ”
“เอ่อ.... คยูฮยอนเป็นญาติห่างๆน่ะ” ทงเฮเดินมานั่งลงยังโซฟาเดี่ยวอีกตัวในขณะที่คยูฮยอนจัดการเคลียร์โซฟาตัวยาวให้เป็นระเบียบพอที่จะไม่รกหูรกตาแขก ฮาราค่อยๆนั่งลงยังโซฟาเดี่ยวฝั่งตรงข้ามทงเฮก่อนจะระบายยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย
“ปกติฉันเห็นพี่ชอบอยู่คนเดียว เลยแปลกใจน่ะค่ะที่มีคนมาอยู่ด้วย” เธอไม่ติดใจถามอะไรมากมายนัก ดวงหน้าสวยหันไปยิ้มให้คยูฮยอนเป็นการทักทายตามมารยาท ก่อนจะหันมาหาทงเฮเพื่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ “พี่สบายดีไหม ? แล้วนี่ไม่ได้ไปทำงานเหรอคะ ?”
“มีปัญหานิดหน่อยน่ะเลยต้องพักงานไปช่วงหนึ่ง แล้วเธอล่ะไปไงมาไงล่ะเนี่ย กลับมาไม่เห็นบอกพี่เลยจะได้ไปรับ”
“คุณแม่จะตามกลับมาในสองสามวันนี้ล่ะค่ะ พอดีท่านติดธุระที่นั่นนิดหน่อยฉันเลยชิงกลับมาก่อน คิดถึงเกาหลีจะแย่” เธอเอ่ยกลั้วหัวเราะให้คนตรงหน้า
“เอ้อจริงสิ เธอคงจะมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้”
“เดี๋ยวผมไปเอามาให้ดีกว่าครับ นั่งคุยกันตามสบายเถอะ” คยูฮยอนเอ่ยขัดขึ้นเมื่อทงเฮทำท่าจะลุกขึ้นอย่างที่พูดกับหญิงสาว ร่างสูงชิงลุกเดินไปทางครัวอย่างสุภาพโดยที่ไม่รอให้ทงเฮตอบรับอะไร
“นี่ฉันทำให้เขาอึดอัดรึเปล่าคะเนี่ย” ฮาราพูดทีเล่นทีจริงจนทงเฮหัวเราะออกมา ฮาราเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย น่ารัก และทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเสมอ ไม่แปลกเลยที่จนถึงตอนนี้ ทงเฮก็ยังคงรู้สึกดีกับเธอ แม้ว่ามันจะต่างจากเมื่อเกือบสองปีก่อนที่เลิกกันก็ตาม
“คยูฮยอนก็เป็นแบบนี้ล่ะ หมอนั่นอาจจะดูนิ่งๆหน่อย แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนดีนะ” ยิ้มอ่อนๆที่เจืออยู่ตรงมุมปากทำให้คู่สนทนาต้องหรี่ตามองอย่างแปลกใจ
“พี่ดูสนิทกับเขาจังนะคะ”
“อ่า ไม่หรอก.... คยูฮยอนเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย “ที่จริงเธอไม่น่ากลับโซลเอาช่วงนี้เลยนะ มันค่อนข้างอันตรายน่ะ”
“อันตราย ? มีอะไรเกิดขึ้นเหรอคะ” ฮาราดูจะสนอกสนใจไม่น้อยเมื่อสีหน้าของทงเฮเริ่มที่จะจริงจังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอย้ายมานั่งยังโซฟาตัวยาวฝั่ใกล้ๆทงเฮ คิ้วเรียวสวยขมวดน้อยๆพร้อมกับตาโตเป็นประกาบระยับกำลังจับจ้องใบหน้าของอดีตคนรักที่กำลังจะเปิดปากพูดเรื่องอันตรายอย่างที่ได้ว่าไว้
“มีฆาตกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้นน่ะ หลายศพแล้ว โครงการที่พี่รับผิดชอบก็ถูกระงับไว้เพราะเรื่องนี้เหมือนกัน อย่างเมือคืนพี่กับคยูฮยอนก็ขับรถหนี....”
“น้ำมาแล้วครับ” เสียงทุ้มขัดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำเย็นๆสองแก้วที่ถูกวางลงบนโต๊ะรับแขก คยูฮยอนปรายตามองคนตัวเล็กอย่างปรามๆถึงเรื่องที่เขากำลังพูด
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มขอบคุณหนุ่มร่างสูงแล้วเบนความสนใจกลับมาที่ทงเฮซึ่งมองคยูฮยอนที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงยังโซฟาเดี่ยวที่ฮาราเพิ่งลุกออกไปเมื่อครู่ “พี่กับคุณคยูฮยอนขับรถหนีอะไรเหรอคะ ?”
“เอ่อ.... หนีตำรวจน่ะ พวกพี่ขับรถฝ่าไฟแดง” ร่างเล็กหัวเราะแก้เก้อกับฮาราในขณะที่คยูฮยอนลอบอมยิ้มเล็กๆ ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมคยูฮยอนถึงไม่ต้องการที่จะให้เล่าเรื่องเมื่อคืน แต่ก็คงเพราะมีเหตุผลบางอย่าง
“จริงสิ คุณคยูฮยอนอายุเท่าไหร่เหรอคะ ฉันต้องเรียกคุณว่าพี่รึเปล่า” ฮาราหันไปหาอีกคนที่นั่งเงียบๆไม่พูดอะไร ร่างสูงเงยหน้าขึ้นสบตากับทงเฮเล็กน้อยเป็นเชิงว่าให้ตอบแทน
“น่าจะพี่นะ คยูฮยอนแก่กว่าฮาราสองปี” ทงเฮเอ่ยขึ้นเสียงเรียบตามที่คยูฮยอนส่งซิกส์ให้ ร่างบางพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มหวานส่งให้คนอายุมากกว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่คยูฮยอน ฉันกูฮาราค่ะ”
“เช่นกันครับ” คยูฮยอนพยักหน้ารับเล็กน้อยแม้ว่าฮาราจะยังส่งยิ้มให้เขาก็ตามที
“ฮารา ว่าแต่เธอจะพักที่ไหนล่ะ เธอกับแม่ขายห้องที่คอนโดฯเก่าไปแล้วนี่” ประโยคคำถามถูกพูดออกไปในขณะที่สายตาจับจ้องอยู่กับกระเป๋าเดินทางที่หญิงสาวถือมาด้วย ฮาราหันมายิ้มแห้งๆอย่างน่ารักพลางเอ่ยประโยคเสียงใส
“ฉันว่าจะขอรบกวนพี่สักสองสามวันระหว่างรอคุณแม่กลับจากอังกฤษน่ะค่ะ”
TBC
ตัวละครใหม่ กูฮารา โผล่แล้ว !
จะเข้ามามีบทบาทสำคัญยังไงนะ ? =..=
ความคิดเห็น