ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #2 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter one .

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 54



    SCAPEGOAT…?


    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’

    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------










     

    CHAPTER ONE

     













    เสียงอาเจียนสลับกับเสียงกวักน้ำขึ้นลูบใบหน้าอย่างลวกๆ รองน้ำเข้าปากแล้วคายทิ้งอีกสองสามที ดวงหน้าหล่อเหลาก็ช้อนมองเงาในกระจกด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนเต็มกลืน....


    เมื่อครู่นี่เอง... เมื่อครู่นี่เองที่เขามีอะไรกับเพื่อนสนิท....


    เซ็กส์ที่อีทงเฮตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเพื่อผลที่จะตามมา ฮยอกแจยอมโอนอ่อนให้เขาทุกสิ่ง... ยอมแม้กระทั่งแสดงท่าทีว่าจะตกลงให้การช่วยเหลือโดยการแต่งงานกับชเวจีน่า ถ้าจะถามว่าทงเฮทำเกินไปไหม... เขารู้ดี รู้ว่าเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวนั้นไม่ชอบผู้หญิง ใช่... ฮยอกแจเป็นเกย์ แล้วก็หลงรักเขามาตลอดเวลาที่รู้จักกัน รัก... โดยไม่แม้แต่จะยอมเปิดเผยความรู้สึกเพื่อรักษาสถานภาพความเป็นเพื่อนเอาไว้


    ครั้งแรกที่ได้รู้มันทำให้อีทงเฮรู้สึกขยาดในใจลึกๆ เขาจะกล้ากอดคอเพื่อนรักได้อย่างเคยหรือ... ไม่เลย ระยะห่างนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยอัตโนมัติพร้อมๆกับการคั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอย่างเปิดเผย อยากให้ฮยอกแจได้รู้ว่าเขาไม่ใช่เกย์... ไม่ใช่และไม่มีทาง! แต่กลับเป็นเขาเอง... เขาเองที่หยิบยื่นเซ็กส์สัมพันธ์ให้อีกฝ่ายอย่างจงใจ เป็นครั้งแรกที่ต้องมีอะไรกับผู้ชาย อย่างน้อยๆมันก็แลกกับการที่ฮยอกแจจะยอมช่วยเขา ช่วยโดยไร้เงื่อนไขใดๆ... แลกกับอีทงเฮ







    เลื่อนบานประตูห้องน้ำเปิดออก บนเตียงไม่มีร่างเปลือยเปล่าของใครอีกคนที่นอนอยู่ดังเช่นเมื่อสิบนาทีก่อน ขาเรียวก้าวอาดๆเลียบผนังไปถึงระเบียง ควันบุหรี่กลิ่นไอซ์อบอวลจนต้องยกมือขึ้นปัดเหนือจมูก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดใจเข้าสวมกอดร่างในชุดคลุมอาบน้ำด้วยความใคร่รักจอมปลอม


    “อืม... ทงเฮ”


    อิดออดเบี่ยงตัวให้หลุดจากอ้อมกอดแล้วเบือนหน้าหนี ร่างหนายักไหล่ไม่ยี่หระ เท้าแขนลงกับขอบระเบียงมองทิวทัศน์ราตรี สมเพชในใจกับท่าทีบ่ายเบี่ยงของเพื่อนสนิท... ทีบนเตียงล่ะร้องหาเขายังกับอะไรดี


    เห็นกล่องบุหรี่วางทิ้งอยู่บนโต๊ะเล็กมุมระเบียงก็เอื้อมมือไปหยิบมาเสียมวนหนึ่ง พอกลิ่นมันอวลยั่วอารมณ์อย่างนี้ก็อดที่จะสูบบ้างไม่ได้ คาบบุหรี่ไว้ที่ปาก โน้มตัวลงต่อไฟจากมวนในปากใครอีกคนแล้วกระตุกยิ้มเล็ก


    ตาเรียวเสมองรอยไหม้ที่นิ้วมือหนาพลางทอดลมหายใจหนักอก “นายยังเล่นยานั่นอยู่อีกเหรอ?”


    พ่นควันบุหรี่สีขุ่นออกจากปากเอื่อยเฉื่อย เข้าใจว่าฮยอกแจพูดถึงอะไรแต่ก็ยังแกล้งเฉไฉ ทำเป็นไม่ได้ยินเสียจนร่างบางต้องถอนหายใจ “ช่วงนี้มันงานเยอะ โดฟบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดานี่”


    “แล้วทีอย่างนี้ทำไมไม่คิดบ้างว่ามันจะทำลายอนาคตแค่ไหนถ้าโดนจับได้” พูดตรงๆออกไปจนคนได้ฟังจุกในอก แต่ก็แค่นั้น... ถ้าอีทงเฮใส่ใจเรื่องนี้จริงคงจะเลิกมันอย่างที่เขาขอไปนานแล้ว “ดูสภาพตัวเองบ้างเถอะทงเฮ”


    ถึงปากฮยอกแจจะกำลังตำหนิเขาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่อารมณ์ของทงเฮตอนนี้ดีเสียยิ่งกว่าได้เงินก้อนโต หากเป็นที่คอนโดมิเนียมเขาเองคงรีบหยิบบ้องยามาสูบสบายอารมณ์อย่างไม่ต้องสงสัย “เถอะน่าฮยอกแจ... แบบนี้ฉันจะได้รับงานได้มากขึ้น แล้วยังอารมณ์ดีเวลาอยู่กับนายไง”


    เพราะว่ารู้ใจถึงได้รู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด พอว่าไปแบบนั้นร่างบางก็ได้แต่หลุบใบหน้าขึ้นสีไปอีกทาง อย่างไรก็ยังมีทิฐิ... แววกังวลในสายตานั้นที่ทงเฮอ่านได้ว่าเพื่อนสนิทกำลังตริตรองถึงข้อเสนอของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า


    “พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับจีน่า ยัยนั่นก็ไม่มีทางเลือกมากไปกว่ากันนักหรอก”




















     

     




















    “นี่มันจะมากไปแล้วนะอีทงเฮ!!!!



    เสียงที่เขาเคยคิดว่ามันหวานน่าฟังนักหนาตวาดแว้ดขึ้นอย่างเหลืออด เห็นแก่ตัว... ผู้ชายคนนี้มันเห็นแก่ตัวสิ้นดีที่ยื่นข้อเสนอทุเรศๆให้เธอแบบนี้ คบหามีความสัมพันธ์กันอยู่เดือนสองเดือนก็ว่ารักนักรักหนา แล้วนี่อะไร? พอพลาดพลั้งตั้งท้องขึ้นมาก็หาทางปัดความรับผิดชอบต่างๆนานา คราวที่แล้วไล่ให้ไปทำแท้ง แต่คราวนี้จะให้ไปแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้บังหน้าอย่างนั้นหรือ?


    “ใจเย็นๆสิจีน่า... คุณก็รู้ว่าเราไม่มีทางเลือก” แขนแกร่งสวมกอดเข้าที่ร่างแบบบางอย่างเสน่หาจนใบหน้ามึนตึงนั้นผินหนีด้วยโทสะ ก็พอเดาได้อยู่หรอกว่าจะต้องถูกวีนระเบิดแบบนี้ แต่ใช่ว่าจะหมดหนทางเสียเมื่อไหร่... ลำพังแค่คำพูดหลอกล่อหวานหูนั้นง่ายเหมือนกับตอนที่เขาใช้เกี้ยวพาราสีผู้หญิงมานักต่อนัก โมโหโทโสเข้าหน่อย สุดท้ายก็ยอมใจอ่อนตามอีหรอบเดิม “ยังไงฮยอกแจก็เป็นคนนอกวงการ ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครให้ความสนใจ แค่แต่งงานบังหน้านักข่าวไปเท่านั้น แต่ผมก็ยังเป็นของคุณอยู่ดีไม่ใช่หรือ”


    “อ้อ... ใจคอคุณจะไม่รับเป็นพ่อเด็กอย่างออกสื่อสินะคะถึงต้องหาแพะรับบาปมาบังหน้าว่าทำฉันท้องน่ะ” ชเวจีน่าไม่ใช่ผู้หญิงโง่ดักดานที่จะหลงเชื่อคำพูดของเขาไปเสียทุกอย่าง เธอมีทั้งรูปลักษณ์ สมบัติ มันสมอง และศักดิ์ศรีชนิดที่เรียกได้ว่าเป็นหญิงในฝันของผู้ชายหลายๆคน แต่ไม่รู้ทำไมทีเรื่องแบบนี้ถึงโง่นัก ทั้งๆที่ทำแท้งไปแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมาคอยรับผิดชอบเด็กในท้องให้เป็นภาระ เสียทั้งอนาคตทั้งชื่อเสียงอย่างไม่น่าแลก


    “ทำไมคุณพูดแบบนั้นล่ะครับจีน่า... คิดดูสิว่าเรื่องจะฉาวแค่ไหนถ้าข่าวออกมาว่าคุณท้องกับผม”


    “ฉันมีอะไรจะเสียด้วยเหรอคะ? ยังไงคนท้องมันก็คือฉัน! จะกับผู้ชายหน้าไหนมันก็แย่ทั้งนั้น” หล่อนกราดกร้าวด้วยเสียงแหลมสูง สองมือรวบกอดอยู่ใต้เนินอกนั่นสั่นระริกจนสามารถหาของใกล้มือมาเขวี้ยงทำลายได้ไม่ยาก “คุณมันผู้ชายเห็นแก่ได้...”


    สูดลมหายใจลึกๆสะกดอารมณ์ที่แทบระเบิดอยู่รอมร่อ นัยน์ตาคมปราดมองแววที่หญิงสาวจับจ้อง แข็งกร้าว ผิดหวัง โกรธขึ้งเสียจนความอดทนของอีทงเฮมีไม่มากพอที่จะรับมือ




    “แล้วจะเอายังไง อยากท้องไม่มีพ่อเด็กนักใช่ไหม?”




    ออกปากถามอย่างเอาเรื่อง ยื่นคำขาดเสียจนหญิงสาวจุกในอก “ไม่คิดเลยว่าคุณจะสารเลวได้ขนาดนี้”


    “ก็แล้วจะเอายังไงวะ!? ไอ้นู่นก็ไม่เอาไอ้นี่ก็ไม่เอา จะเรื่องเยอะไปทำไมหาจีน่า นี่ผมเสนอทางเลือกให้คุณจนหัวโตแล้วยังจะมาโทษกันอีกเหรอ!” เขวี้ยงหนังสือพิมพ์ใกล้มือลงกับพื้นอย่างเหลืออด ร่างบอบบางสะดุ้งเฮือก ถอยกรูดจนต้นขาชนกับขอบโต๊ะรับแขก เหงื่อเย็นซึมชื้นตามไรผม ในอกร่ำหาแต่ความยุติธรรมที่ไม่มีทางได้จากคนตรงหน้า


    ร่างหนาสาวเท้าเข้าหาคล้ายย่างสามขุม ปลายนิ้วเชยคางมนขึ้นจนสองสายตาจับจ้อง เหยียดยิ้มหยันเสียหนึ่ง ก่อนจะคว้าเอากุญแจรถเดินออกไปจากบ้านอดีตแฟนสาวไม่แยแส


    “คิดดูดีๆนะว่าอยากจะอยู่อย่างสบายโดยทำตามที่ผมบอก หรือเป็นคุณหนูท้องไม่มีพ่อให้สังคมประนามเล่น”







    อีทงเฮกลับไปแล้ว... กลับโดยทิ้งให้หญิงสาวยืนน้ำตาคลออย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง ชีวิตนี้ชเวจีน่าไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาพลาดท่าตั้งแต่อายุยังน้อย ซ้ำยังกับผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง... ผู้ชายที่คนทั้งประเทศชื่นชม เชื่อมั่น รวมถึงตัวเธอในอดีต แต่วันนี้ได้รู้แล้วว่าคิดผิด... ผิดอย่างมหันต์ที่คิดว่าอีทงเฮจะมีจิตสำนึกบ้าง....


    ร่างทั้งร่างทรุดลงกองกับพื้น ปล่อยโฮออกมาโดยไม่ต้องกลัวว่าจะอายใคร มือเรียวบางลูบหน้าท้องด้วยแรงผะแผ่ว... คิดไปถึงการทำแท้งอย่างที่ได้เคยโดนกรอกหูไว้




















     

     



















    วิวาห์สายฟ้าแลบ! ชเวจีน่า คุณหนูสุดสวยคนดัง กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับหนุ่มนอกวงการในเดือนหน้า ทั้งที่มีข่าวคบหาอยู่กับดาราหนุ่มอีทงเฮมาก่อนหน้านี้ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธว่าเป็นเพื่อนกัน พร้อมบอกจะเปิดเผยเจ้าบ่าวตัวจริงในพิธีแต่งงาน







    ถอนหายใจแรงๆทีหนึ่งจึงยื่นมือไปกดปิดวิทยุในรถด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก ในที่สุดชเวจีน่าก็ยอมออกแถลงข่าว เป็นการตอกย้ำได้ดีว่าเพื่อนของเขานั้นทำสำเร็จ... ทุกอย่างเป็นไปตามที่ทงเฮตั้งใจให้เป็นอย่างไม่มีบิดพลิ้ว จีน่ายอมมาตามนัดเลือกชุด ติดต่อบริษัทออแกไนซ์งานแต่งงาน และวันนี้... จะเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เจอกับผู้หญิงซึ่งต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอีกนับปี


    รถยนต์สีดำคู่ใจจอดเทียบลงยังลานจอดรถบริการของร้าน ทงเฮโทรมาบอกว่าจีน่ามาถึงได้พักหนึ่งแล้ว ส่วนเขามัวแต่ติดประชุมงานจึงมาช้าไปเกือบยี่สิบนาที จัดแจงเอกสารการทำงานไว้หลังรถให้เป็นระเบียบก็ก้าวลงมาอย่างชั่งใจ ถึงจะรีบเพราะกลัวอีกฝ่ายรอนาน... แต่คุ้มแล้วหรืออีฮยอกแจ... คิดดีๆ....


    ชุดเดรสสีสดและเรือนผมยาวดัดสีน้ำตาลนั้นนั่งรออยู่บนโซฟารับรอง โดดเด่นกว่าใครด้วยใบหน้าสวยที่รั้นขึ้นมองอย่างถือตัว วันนี้ฮยอกแจอยู่ในชุดสูทแขนสามส่วนสีดำกึ่งทางการ มองดูแล้วไม่ถือว่าโลโซหรือหรูหราไปในทางใดทางหนึ่ง หล่อนค่อยๆหยัดตัวขึ้น คิ้วเรียวโก่งขมวดเล็กน้อยแสดงถึงความเคร่งเครียดอยู่ในที


    “อีฮยอกแจรึเปล่าคะ?”


    เสียงนั้นเรียบห้วนแม้จะมีหานเสียง ร่างผอมโปร่งพยักหน้ารับเพียงครั้งแล้วผายมือออกไปเพื่อทำความรู้จัก ชเวจีน่าไม่ได้จับตอบ เธอเบี่ยงตัวเดินไปยังด้านในของร้านด้วยสีหน้ามึนตึง ฮยอกแจเข้าใจ แม้แต่ตัวเขาเองก็ใช่ว่าจะทำใจยอมรับแผนการบ้าๆครั้งนี้ได้ แต่เพราะใครคนหนึ่ง... ใครที่ดึงเขาและจีน่าเข้าไว้ด้วยกันเพื่อการเสพสุขชีวิตวงการบันเทิงของตัวเอง


    ( RRrrr )


    ทุกครั้งที่เขาดีใจเสมอเมื่อได้เห็นชื่อซึ่งปรากฏบนหน้าจอเป็นชื่อของอีทงเฮ แต่ไม่รู้ทำไม... ทำไมตอนนี้ถึงได้รู้สึกรังเกียจความคิดนั่นนัก ยิ่งเห็นสีหน้าไร้ความสุขของจีน่าฮยอกแจยิ่งรู้สึกผิด เขาทำถูกแล้วจริงๆน่ะหรือ?


    “ยอโบเซโย...”


    ( ฮยอกแจอ่า... ได้เจอกับจีน่าแล้วใช่ไหม? )


    เสียงปลายสายนั้นร่าเริงเสียจนเขามีน้ำโห ในขณะที่คนสองคนต้องแบกรับความทุกข์ทรมานอย่างจำใจ คนต้นเรื่องกลับอยู่อย่างสุขสบาย... ไร้ความทุกข์ร้อนใดๆเมื่อแผนการของตนนั้นลุล่วง “อืม... เจอแล้ว”


    ( ดีแล้วล่ะ จีน่าน่ะชอบอะไรหรูหราแล้วยังเอาแต่ใจ นายตามใจเธอหน่อยก็ดี )


    มันจำเป็นหรือที่ฮยอกแจจะต้องทำตามอย่างทงเฮว่า นี่เขามาเข้าพิธีดูตัวหรือไงกัน? พอเห็นว่าหญิงสาวปรายตามองมาก็นึกตำหนิตัวเอง เขาไม่ควรจะปล่อยให้เธอต้องรอ “เข้าใจแล้ว...”


    เพียงเท่านั้นอีทงเฮก็ตัดสายไปด้วยเสียงหัวเราะพึงใจ นี่มันเรื่องตลกร้ายชัดๆ...

     










     

     

    จัดแจงสูทสีดำทางการบนตัวจนเรียบร้อยดีแล้วจึงเดินออกมาภายนอก พนักงานสาวออกปากชมว่าดูดีเป็นการใหญ่พร้อมทั้งเอ่ยให้รอดูจีน่าลองชุดแต่งงาน เชื่อว่าจะต้องสวยจนเขาตะลึง ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มรับเมื่อรู้อยู่แก่ใจดีว่าตัวเองเป็นอย่างไร จริงอยู่ที่จีน่าสวย... แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้เขาหวั่นไวได้เสียเมื่อไหร่


    ชายกระโปรงยาวระพื้นในชุดเกาะอกสีขาวดูสวยสง่าเสียจนทุกสายตาหันมอง หากแต่ดวงหน้างามนั้นหม่นหมอง ไร้แววความสุขในชุดเจ้าสาวอย่างที่หญิงทั้งโลกฝันใฝ่


    “คุณสวยมากครับ”


    ส่งยิ้มจริงใจไปให้โดยไร้ซึ่งความประหม่า คุณหนูชเวยิ้มรับ หากแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูดให้ได้ยิน พนักงานสาวถือกล้องมาตัวหนึ่ง จัดแจงท่าให้ทั้งคู่ยืนคู่กันเพื่อนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นตัวเลือกเผื่อว่าลูกค้าไม่พอใจและขอลองชุดอื่น แต่ผิดคาด เมื่อเธอพูดเสียงแกมเศร้าอย่างไม่น่าใส่ใจนัก


    “เอาชุดนี้แหละค่ะ เลือกมากไปก็เท่านั้น”


    พนักงานสาวแตะมือลงบนต้นแขนจีน่าข้างหนึ่งและฮยอกแจอีกข้างหนึ่ง ดันทั้งคู่เข้าใกล้กันจนสองปลายนิ้วสัมผัส ชเวจีน่าต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มเป็นฝ่ายผละออก เมื่อครู่เธอรู้สึกได้... ฮยอกแจสะดุ้งราวไม่คุ้นชินกับสตรียังไงยังงั้น “ขอโทษนะครับ... ผมเพียงแค่... ตกใจ”


    ยิ้มสุภาพกลับมาอย่างอ่อนโยนจนคนได้ฟังรู้สึกดีขึ้น แวบหนึ่งของความรู้สึกที่จีน่าคิดว่ามันคงไม่เลวร้ายนัก แต่พอคิดกลับอีกทาง เธอและผู้ชายคนนี้เพิ่งจะได้เจอกันเท่านั้นเอง คงยังตัดสินไม่ได้แค่เพียงกิริยาแรกพบ ดูจากทงเฮอย่างไรเล่า... ยิ่งพบเจอยิ่งเลวร้ายลงทวีคูณ


    “ทำไมคุณถึงยอมมาแต่งงานกับฉัน?”


    เสียงหวานว่าในขณะที่ยืนรอพนักงานไปอัดรูปอยู่พักใหญ่ เป็นประโยคที่สองของวันซึ่งหล่อนตัดสินใจพูดกับเขา ฮยอกแจไม่ตอบในทันที “ผม... ช่วยเพื่อนของผม”


    คนฟังแค่นเสียงเยาะในลำคอ รวบสองมือขึ้นกอดอกอย่างที่ชอบทำ คนๆนี้คบกับทงเฮมาได้ นิสัยใจคอก็คงไม่ดีไม่เลวไปกว่ากันนัก “ช่วยหรือ? สนับสนุนกันดีนะคะ... ช่วยในเรื่องแย่ๆ”


    ถึงคำค่อนแคะนั้นจะยั่วต่อมโทโส แต่ฮยอกแจกลับไม่คิดเช่นนั้น ผู้หญิงคนนี้น่าสงสาร... น่าสงสารที่ต้องเป็นคนโชคร้ายมาเจอเรื่องพรรค์นี้ แม้ว่าเขาจะทำเพียงเพื่อช่วยทงเฮ แต่ชายหนุ่มสัญญากับตัวเอง... เขาจะดีกับจีน่าให้มากที่สุด ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องตกรับชะตากรรมด้วยกัน


    “คุณคงคิด... ว่าถ้าฉันทำแท้งไปก็คงหมดเรื่องใช่ไหม” เสียงนั้นเอื้อนเอ่ยขึ้นใหม่ ครั้งนี้อ่อนลงจนน่าเวทนา พนักงานของร้านกำลังเดินกลับมาพร้อมรูปที่อัด และสายตาของคนข้างๆกำลังจ้องมองเขา “คิด... เหมือนที่เพื่อนคุณขับไล่ไสส่งให้ฉันไปทำ”


    รูปถ่ายขนาดเล็กสี่ถึงห้าใบถูกยื่นมาให้ทั้งคู่ดูอย่างนอบน้อม จีน่าดูผ่านๆอยู่รอบหนึ่ง ก็รวบชายกระโปรงเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวของฝ่ายหญิง ก่อนจะชะงักหยุดเพราะเสียงเรียกไล่หลัง


    “คุณจีน่า!


    “..............”




    “ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะครับ... และผมดีใจ... ที่คุณไม่ทำมัน”




















     

     




















    มหาวิทยาลัยรัฐอันดับต้นๆของเกาหลีเป็นที่ๆเขาไม่แวะเวียนมานักถ้าไม่จำเป็น เพียงแต่เวลานี้ฮยอกแจต้องการใครสักคน... ใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังปัญหาและอยู่เป็นเพื่อนเขาได้อย่างเคย


    หักพวงมาลับรถเลี้ยวเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ขึ้นชื่อ ชุกนักศึกษาเรียบร้อยบ้างไม่เรียบร้อยบ้างปะปนกันไปจนดูลายตา เบอร์โทรออกเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเป็นหลักประกันว่าอีกฝ่ายได้รับรู้นัดของเขาแล้ว ร่างบางเอนตัวพิงเบาะรถ เปลือกตาบางปิดลง... เพียงความเงียบงันและเสียงโหวกเหวกที่แว่วเข้ามา หากแต่มันก็ทำให้ใจสงบลงกว่าเคย


    แม้จะเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆถึงสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป แต่ยิ่งคิดทุกอย่างก็ยิ่งมืดสนิท ไม่เพียงแค่ทงเฮหรอกที่เห็นแก่ตัว... เขานี่ไง อีฮยอกแจคนนี้นี่ไง... ยอมทำทุกอย่างแค่เพราะคำหวานหู สัมผัสที่ต้องการ ฝันซึ่งเขาไม่เคยคิดจะไขว่คว้าแต่มันกลับเกิดขึ้นจริง


    แต่ก็แค่เซ็กส์เท่านั้น... เพราะอีทงเฮไม่เคยมีความจริงใจต่อเขาเลย...




    ก๊อก... ก๊อก...




    เสียงเคาะกระจกรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับทำเอาทั้งร่างสะดุ้งน้อยๆ ใบหน้าที่คุ้นเคยในชุดนักศึกษากำลังโน้มตัวมองเขา ชี้มือชี้ไม้บอกให้ปลดล็อกประตูรถให้ เพียงแค่เห็นหน้า... คนอมทุกข์ก็คลี่ยิ้มออกมาได้อย่างเต็มใจ




















     

     




















    “ผมว่าพี่บ้าไปแล้วแน่ๆ...”


    เสียงขบกรามเข้มสลับกับการหอบหายใจผะแผ่วอยู่เหนือใบหน้า ขยับกายเข้าออกสอดแทรกสัมผัสวาบหวามที่คุ้นชิน อีฮยอกแจได้แต่ครางรับพึงใจ เมื่อรสอุ่นเหลวถูกปล่อยเข้าสู่ภายใน ก่อนจะตามด้วยการผละออกของร่างเปลือยเปล่าที่แสร้งทำหน้าโอดครวญ


    “อา... ให้ตายเถอะ ผมว่าจะปล่อยนอกแท้ๆ ขอโทษนะครับ~”


    คนฟังได้แต่หัวเราะหึๆอย่างไม่ถือสา ดูก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่จงใจแกล้งเขา ว่าไม่ทันขาดคำก็เอี้ยวตัวลงแทรกหน้าตรงหว่างขา ปฏิบัติสิ่งที่คิดว่าฮยอกแจชอบนักหนา ปรนเปรอทำความสะอาดให้อย่างรู้งาน “อา...”


    เกร็งตัวอยู่เพียงอึดใจก็คว้าบุหรี่ตรงหัวเตียงมาจุดสูบ ส่งเสียงในลำคอสั่นพร่า พ่นไอบุหรี่ออกมาเป็นควันสีขาวคลุ้งตลบอบอวล ขยับแผ่นหลังพิงหัวเตียงจนได้ท่าที่เข้าที ใช้มือข้างว่างขยี้เรือนผมหยักศกยุ่งเหยิงด้วยความหมั่นเขี้ยวลึกๆ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจของร่างเบื้องล่างจนซุกหน้าลงจูบซ้ำตรงข้อพับด้านในเสียทีหนึ่ง


    “อะ...!


    สะดุ้งเล็กๆกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวจนหลุดเสียงอุทานออกมา ร่างโปร่งสูงของเด็กหนุ่มวัยกำหนัดระเบิดหัวเราะต่อเนื่องอีกทีหนึ่ง แล้วยันตัวขึ้นคร่อมร่างคนโตกว่าพลางแย่งมวนในปากมาบี้ทิ้งกับที่เขี่ยบุหรี่ข้างเตียง “ลดๆบ้างเถอะครับบุหรี่น่ะ ตอนเรียนครูไม่ได้สอนหรือไงว่ามันทำลายสุขภาพ”


    ยักคิ้วกวนประสาทอยู่ในทีก็ทิ้งตัวลงนั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับปลายเตียง วางสองมือท้าวเอนไปข้างหลัง มองใบหน้าขาวจัดแฝงแววหม่นหมองด้วยความเคยชิน จะเจอกันกี่ที... หน้าของผู้ชายคนนี้ก็เศร้าอยู่เสมอ


    “ผมสอบมาทั้งวันเหนื่อยจะตายชัก มาเจอพี่ทำหน้าแบบนี้ยิ่งเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่า” พูดแกมเยาะทีเล่นทีจริงจนคนหัวเตียงโยนหมอนใส่เต็มแรง แขนยาวยกขึ้นรับเอาไว้ แล้วจัดการเอามาวางรองแขนเอกเขนก “ถามจริงเถอะ... นี่พี่บ้าเพราะทำงานหนัก หรือว่าเพราะอีทงเฮ”


    “ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วนี่”


    “เอาตัวเองไปฆ่าชัดๆ” ถึงจะพูดจาตรงไปตรงมาไม่ไว้เด็กไว้ผู้ใหญ่จนชวนโมโหได้ตงิด แต่กลับกันแล้วเด็กคนนี้นี่เองที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด รับฟังทุกเรื่อง เป็นเพื่อนแก้เหงา... หรือแม้กระทั่งเตือนสติในหลายๆเรื่องที่เกือบพลาดพลั้งไป “บางทีพี่ควรจะปล่อยเซอร์หมอนั่นบ้างนะ เอะอะอะไรก็ลงที่พี่จนเคยตัว”


    พอร่างบางทำท่าจะคว้าบุหรี่มาสูบอีก ร่างสูงโปร่งก็ถลาเข้ามาท้าวคร่อมในท่าเดิม เลิกคิ้วดุดัน แย่งมวนบุหรี่ในมือกลับวางไว้ที่เดิมตรงหัวเตียง


    “ใจคอนี่ปากจะว่างไม่ได้เลยใช่ไหม?”


    “นายเป็นพ่อพี่รึไงเนี่ย...” ไม่ทันขาดคำคนโดนถามก็โน้มลงจูบกลีบปากบางสีสดแล้วจงใจบดขยี้แรงๆ  แลกลิ้นกระหวัดกันอย่างถวิล ควันอ่อนๆคละคลุ้งสองปากรัญจวนด้วยรสไอซ์เย็นของมวนยา นัวเนียบทรักกรุ่นในช่วงเย็นของวัน




    “ถ้าพ่อทูนหัวพี่ชื่อโจวคยูฮยอนล่ะก็ใช่”










    TBC






    มาอย่างไวเพราะฟีลแรงกล้า.... ตัวละครโผล่ครบทุกตัวแล้วนะคะ... ._ .
    เรื่องนี้ค่อนข้างมีเรื่องอบายมุขเยอะมาก หวังว่าจะรับกันไหวนะคะ  #หน้าอาเบะ
    แม่ยกเฮอึนไหวกันมั๊ย (ขอเสียง )  เรื่องราวเพิ่งเริ่มต้น มาดูกันต่อไป.... -OO-




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×