คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter twelve .
SCAPEGOAT…?
Couple : Donghae x Hyukjae
Type : Drama Romance
Author : xerxixiao’
Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------
CHAPTER TWEVLE
เวลามักจะยาวนานเสมอสำหรับการรอคอย แต่เพียงผ่านพ้น... กลับรู้สึกว่าความยาวนานนั้นสั้นเสียจนเหมือนเพิ่งหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง
ตอนนี้เขากำลังนั่งรอ รอเพียงว่าเมื่อไรเจ้าหน้าที่จะเดินเข้ามาเพื่อบอกถึงสิ่งอันพึงกระทำต่อไป ถุงพลาสติกใบเล็กๆที่มีเพียงกระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือซึ่งหน้าจอดำมืดอยู่ในมือเขา เลื่อนมือไปกดปุ่มเลขไปมาเพื่อฆ่าเวลาจนในที่สุดก็ตัดสินใจกดเปิดเครื่อง เหลือแบตเตอรี่อยู่นิดหน่อย แต่ก็คงพอจะใช้โทรหาใครได้บ้าง
แต่คิดๆดูแล้วก็ไม่รู้จะโทรหาใครเหมือนกัน
ไม่ทันที่จะได้หัวเราะกับตัวเองเท่าไร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเสมือนเป็นหน้าที่ปกติ พยักหน้านิดหนึ่งเป็นเชิงคำสั่งว่าให้ลุกขึ้น และต่อจากนั้นก็เดินตามไป... ตามไป... ผ่านการทำงานกลางแจ้งของนักโทษชายส่วนหนึ่ง ผ่านโครงประตูเล็กอีกชั้น ท้องฟ้าแลดูสว่างขึ้น จนในที่สุดอีทงเฮก็ถูกพูดคำๆหนึ่งเมื่อถึงประตูบานสุดท้ายอันเป็นบริเวณที่เหลือของทัณฑสถาน
“เป็นอิสระแล้วก็อย่ากลับมาอีกล่ะ”
ห้าปี... ห้าปีที่ไม่รู้จะเรียกว่าเร็วหรือช้าสำหรับชีวิตภายในรั้วสูงตระหง่านซึ่งไม่มีใครอยากเหยียดกรายเข้ามา ที่แห่งนี้เองที่อีทงเฮได้รับรู้ชีวิตที่ตกต่ำกว่าคำสามัญมันเป็นเช่นไร ชีวิตที่อาจไม่สุข และพยายามที่จะไม่ทุกข์ ซึ่งไม่อาจประเมินค่าได้ว่าสิ่งนี้เองที่เป็นบทลงโทษของเขาหรือเปล่า
จากวันนั้นที่ได้รับขนมปังจากคนที่ชื่อโจวคยูฮยอน ผู้ชายซึ่งพูดชื่อของอีฮยอกแจออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำบวกกับรอยยิ้มที่เหมือนการสมเพชนั่น หมอนั่นเดินจากไปพร้อมๆกับทิ้งคำตอบไว้ให้เขาด้วยการที่ไม่มีฮยอกแจโผล่หน้ามาให้เห็นตลอดห้าปีที่ผ่านมา ทงเฮคิดว่านี่บทลงโทษทางความรู้สึกที่หนักหน่วง อีฮยอกแจคงไม่มีทางจะเห็นเขามีค่าอีกต่อไป แต่มันยังเจ็บน้อยกว่าอีกหลายๆครั้งที่ทงเฮได้พบแม่และพี่ชาย แม่ร้องห่มร้องไห้ทุกครั้งแต่ก็พยายามจะเข้มแข็ง และพ่อ... ที่เขาต้องทำใจยอมรับว่าการได้เจอกันเมื่อหลายปีก่อนกลับกลายเป็นการพบหน้าครั้งสุดท้ายอย่างไม่คาดฝัน
ใช่แล้ว... วันที่เขาตัดสินใจก้าวออกจากบ้านครั้งสุดท้ายและไม่อยากกลับไปอีกเลยในรอบหลายปี
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
นึกๆดูแล้วก็ใจหายที่เงินเก็บในบัญชีลดฮวบไปเกินกว่าครึ่งในช่วงห้าปีก่อน เป็นเพราะต้องชดใช้ค่าผิดสัญญาว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า งานละคร และงานอีเวนท์อีกจำนวนหนึ่ง ด้วยจำนวนระยะเวลาของการทำงานไม่ครบตามที่ระบุในสัญญาเพราะถูกกุมตัวเสียก่อน แต่ถึงอย่างนั้นตัวเลขในบัญชีก็ยังพอเหลือเฟือสำหรับการเริ่มต้นและสร้างชีวิตใหม่ซึ่งคงไม่ใช่นักแสดงดังเดิมอีก
ห้องในคอนโดมิเนียมยังอยู่ดี แต่ออกจะเต็มไปด้วยฝุ่นที่หนาเตอะชวนให้คัดจมูกสักหน่อย ทงเฮยังไม่คิดจะทำความสะอาดมันตอนนี้ สิ่งที่เขาทำคือการเก็บเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นหลายอย่างลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ผ่านเสียงซุบซิบของเหล่าคนที่เดินสวนกันหรือแม้แต่พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ด้านล่าง ต้องสตาร์ทรถอยู่หลายทีกว่าจะติด เก้ๆกังๆอยู่สักพัก จึงเริ่มขับรถออกไปอย่างระมัดระวังเพราะรู้สึกไม่คุ้นชินเอาเสียเลย
ใช้เวลาหลายชั่วโมงก็มาถึงมกโพโดยสวัสดิภาพ (และเกือบครึ่งชั่วโมงในนั้นคือเสียเวลาไปกับการหลงทาง) ตัวเมืองเจริญขึ้นมากกว่าหลายปีก่อนเท่าที่เขาจำความได้ แต่สิ่งเดียวที่ไม่ต่างออกไปเลยคือบ้านปูนกึ่งไม้หลังหนึ่ง อาจเก่าลงไปบ้างตามกาลเวลาแต่ก็ไม่ถึงกับซอมซ่อ กลิ่นคาวทะเลโชยมาให้ได้กลิ่นอ่อนๆ สิ่งที่อีทงเฮมองเห็นผ่านกระจกรถหลังจอดสนิทอยู่หน้ารั้วบ้านคือร่างของชายหนึ่งซึ่งแลดูคลับคล้ายคลับคลากับตัวเขาเสียเหลือเกิน ร่างนั้นกำลังแบกยกเอากระสอบปลาขึ้นวางบนหลังรถกระบะเก่าๆอย่างทุลักทุเล ไม่นานนักหญิงสาวอีกคนก็เดินออกมาพร้อมด้วยแก้วน้ำเย็นๆ ทั้งคู่มีแต่รอยยิ้มแม้ว่าเหงื่อจะยังโทรมกาย แต่ถึงอย่างนั้นกลับสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างประหลาด
หญิงสาวเป็นฝ่ายสังเกตเห็นว่ารถของเขาจอดมองอยู่มาพักใหญ่ หล่อนชี้ให้ชายคนรักดู และหลังจากบทสนทนาสั้นๆนั้นเองทั้งคู่ก็เดินตรงมาเพียงเพื่ออาจจะถามไถ่ ก่อนรอยยิ้มจะฉีกกว้างขึ้นอีกครั้งเมื่อทงเฮตัดสินใจลงจากรถไปด้วยสีหน้าที่ปั้นไม่ถูก
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
“ทำไมไม่บอกว่ากำหนดปล่อยตัวคือวันนี้ พี่จะได้เอารถไปรับ”
ร่างหนาเงยหน้าขึ้นมองอีทงฮวาผู้เป็นพี่ชายที่ฉีกรอยยิ้มอ่อนๆ ข้างกันนั้นคือภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อปีก่อน ถึงเขาจะไม่มีโอกาสมาร่วมงาน แต่ถึงอย่างนั้นทงฮวาก็ยังต่อสายมาถึงราชทัณฑ์เพียงเพื่อขอคำอวยพรจากน้องชายเพียงคนเดียวอย่างยินดี ทุกคนที่นี่ยังไม่ลืมเขา... จะมีเสียก็แต่ดาราดังอย่างอีทงเฮที่ลืมบ้านเกิดของตัวเอง
“ลำบากพี่เปล่าๆ” เสียงห้วนที่ฟังดูแปร่งปร่าจนคนฟังต้องเพ่งมองสายตา แท้จริงทงเฮแค่เคอะเขิน เขาได้รับการต้อนรับทั้งที่ทำเรื่องแย่ๆไปมากมาย แต่ก็คิดว่าพี่ชายอาจจะฟังแล้วรู้สึกไม่ดีจึงได้ตัดสินใจพูดประโยคต่อไปเสริมขึ้น “มกโพไกลจากโซลตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้ผมไม่ลำบากหรอก”
“เยจินไปบอกแม่ให้แล้วว่าแกกลับมา ท่านดีใจใหญ่ แต่เราให้แม่รออยู่ข้างบน”
พยักพเยิดไปทางบันไดที่ด้านในของตัวบ้าน ได้ยินอย่างนั้นจึงค่อยๆลุกเดินไปช้าๆ คนที่เขากลัวจะพบหน้าที่สุดก็คือแม่... แม่แท้ๆที่ร้องห่มร้องไห้ทุกครั้งซึ่งเจอหน้ากัน
แม่นั่งอยู่หน้าป้ายรูปภาพเคารพของพ่อ เพียงแค่ยืนมองจากหน้าประตูชายหนุ่มก็รู้สึกอยากจะร้องไห้เอาเสียดื้อๆ ครั้นแม่หันมาเห็น เสียงเพรียกอย่างดีใจกลับดังขึ้นพร้อมสัมผัสที่โอบกอดอย่างอบอุ่น ทงเฮกอดตอบแม่ ทว่าดวงตาโศกกลับสั่นไหวเมื่อเห็นพ่อเพียงแค่ในรูปภาพ และรู้ว่าไม่อาจได้เจอตัวตนจริงๆอีกต่อไปแล้ว
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
ทงฮวาดูเหนื่อยน้อยลงหลังจากมีน้องชายมาช่วยแบ่งเบาภาระการงานของครอบครัว เกือบสิบปีก่อนหน้าที่นี้เคยเป็นของแม่และพ่อ โยมีทงเฮและทงฮวาเป็นลูกมือคอยทำงานในส่วนที่ไม่หนักมากนัก กระทั่งพ่อเสียไป แม่แก่ตัวลง และตัวทงเฮเองก็ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่โซล ทงฮวาจึงต้องแบกรับภาระทั้งหมดโดยมีคนรักคอยช่วยเหลือ แม่พูดอยู่เสมอว่าแค่นี้ครอบครัวก็มีความสุข และถ้ายิ่งมีทงเฮอยู่คงจะสุขยิ่งขึ้น ทุกคนดีใจที่ชายหนุ่มคนเล็กของบ้านประสบความสำเร็จ แต่ทุกคำพูดนี้เองที่อดีตดาราหนุ่มได้แต่เก็บไปร้องไห้คนเดียวเงียบๆหลังปิดประตูห้องเข้านอนในช่วงแรกๆหลังจากกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาลืมครอบครัว ลืมแม้กระทั่งตัวตนของตัวเอง ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผลักดันให้เขาประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ใครกันที่พังมันลง เขาเอง! ใครกันที่ทำลายทุกอย่างซึ่งครอบครัวเสียสละให้ เขาเอง!
อะไรที่เคยลืมไป วันนี้อีทงเฮจำได้ทุกอย่าง... ตัวเขาเคยเป็นเด็กหนุ่มมกโพคนหนึ่งที่เหม็นกลิ่นคาวปลา เคยเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยรอยยิ้มแม้จะต้องใช้เงินอย่างประหยัด เป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เคยมีเพื่อนรักที่ชื่ออีฮยอกแจ...
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
เสียงโอดแผ่วๆดังมาจากชานบันได ครั้นละสายตาจากบัญชีงานที่กำลังทำอยู่ก็เห็นพี่สะใภ้ท้องแก่กำลังเดินลงบันไดอย่างทุลักทุเล แม่นอนพักอยู่บนห้อง และตอนนี้พี่ทงฮวาก็ไม่อยู่ ร่างหนาจึงตัดสินใจลุกจากเก้าอี้ไปช่วยพยุงหล่อนมายังโซฟาจนได้
“พี่จะเอาอะไร เดี๋ยวผมไปหยิบให้”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาเองก็ได้” เยจินโบกมือปัดๆอย่างเกรงใจ เธอเป็นคนรับผิดชอบงานทางด้านบัญชี แต่หลังจากที่ตั้งครรภ์ได้ห้าหกเดือนพี่ทงฮวาก็สั่งกำชับเสียเด็ดขาดว่าให้นอนพัก ทงเฮจึงรับอาสามาทำแทนเพราะทุกวันนี้งานเขาก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายนักเพราะแบ่งกับรับผิดชอบกับพี่ทงฮวาคนละส่วน
มองดูเยจินลุกเดินไปเทน้ำในตู้เย็นมาดื่ม ครั้นหล่อนเหลียวกลับมาเห็นน้องสามียังมองอยู่ จึงระบายรอยยิ้มอ่อนๆแล้วกวักมือเรียกเป็นเชิงเชิญชวน
“เธอน่ะไม่เคยฟังเสียงหลานเลยล่ะสิ”
จับมืออีกฝ่ายมาวางบนท้องกลมนูนของตัวเอง หากแต่ชายหนุ่มกลับสะดุ้งน้อยๆเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงถีบจากอุ้งเท้าเล็กๆภายใน ไม่รู้ทำไม... อีทงเฮถึงตัดสินใจเอาหูแนบลงไปราวกับว่าอยากสัมผัสเจ้าตัวน้อยที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานทั้งที่ไม่เคยแสดงออกเท่าไรว่าสนใจ
หรือแท้จริงแล้วเขาอาจจะสนใจ... เพียงแต่อยากห้ามความคิดถึงไม่ให้เดินทางไปถึงโซลได้นั่นเอง
ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาถึงเจ็ดปีแต่กลับไม่เคยได้เห็นหน้าลูกสักครั้ง ไม่แม้แต่จะได้ยินข่าวคราวใดๆ เพราะเขาไม่เคยตั้งใจที่จะค้นหา ไม่เคยเลย... จนกระทั่งตอนนี้ ที่ตัดสินใจเสิร์ชชื่อ อีฮยอกแจ ชเวจีน่า ลงไป
ข่าวคราวบางส่วนเก่ามากและพูดถึงแค่งานแต่งงานของทั้งคู่ เลื่อนเมาส์หาไปเรื่อยๆ ก่อนจะยิ้มออกมาได้เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
คืนนี้ฝนตกหนักและยังไม่ถึงกำหนดการที่ทงฮวากลับมา ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่เขาต้องวิ่งรถไปส่งสินค้าให้ลูกค้าต่างเมือง คิดว่าพรุ่งนี้เช้าคงจะกลับมาถึง
อดีตดาราหนุ่มทุ่มเทเวลาก่อนนอนไปกับหนังสือนิตยสารฉบับล่าสุดที่ซื้อมาเมื่อเย็น พี่สะใภ้ดูจะแปลกใจไม่น้อยจนต้องถามไถ่ ได้ความกลับไปแค่ว่าหาอะไรมาอ่านเล่น เพียงแต่หน้าที่เขาสนใจจริงๆคงจะมีเพียงแค่สองหน้าของคอลัมภ์หนึ่ง หน้าซ้ายเป็นรูปของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคยดี ในรูปเขากำลังกอดเด็กหญิงตัวน้อยผมยาวประบ่า ไว้หน้าม้า สวมชุดสีชมพูน่ารักน่าชัง
เด็ก... ที่ทงเฮเผลอใช้ปลายนิ้วลูบไปมาเบาๆอย่างโหยหาโดยไม่รู้ตัว
‘บทสัมภาษณ์สุดชิล คุณพ่อครีเอทีฟหนุ่มกับหนูน้อยอัจฉริยะ’
‘เมื่องานเทศกาลดนตรีที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสรับชมฝีมือของเด็กน้อยคนหนึ่งที่เล่นเปียโนได้เก่งมากเสียจนผู้ใหญ่ในงานต่างร้องอู้หูไปตามๆกัน ทราบชื่อว่าน้อง อีจีอึน ไปๆมาๆน้องไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนแต่เป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของไฮโซสาวซึ่งเราคุ้นเคยกันดี ชเวจีน่า ที่มีข่าวหย่าร้างกับสามีซึ่งเป็นครีเอทีฟหนุ่มบริษัทดัง ทั้งคู่ให้ข่าวว่าจบกันด้วยดีและยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ก่อนจีน่าจะบินไปทำงานตามความฝันที่นิวยอร์ก วันนี้คอลัมภ์ของเราจึงถือโอกาสขอเชิญตัวคุณพ่ออีฮยอกแจและหนูน้อยจีอึนมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตสบายๆในเมืองโซลและการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กน้อยที่น่ารักและฉลาดขนาดนี้มาให้อ่านกันค่ะ’
อ่านไปยังไม่ทันจบคอลัมภ์ดีก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยดังมาจากด้านบนบ้าน เสียงมารดาที่ร้องเรียกชื่อเขาดังตามมา ชายหนุ่มจึงต้องรีบดีดตัวลุกผลุนผลันขึ้นไปดูชั้นบน เห็นแม่กำลังประคองพี่สะใภ้ซึ่งนั่งกุมท้อง เงอะงะทำอะไรไม่ถูก จนผู้เป็นแม่ต้องร้องบอกเสียงสั่น
“เยจินปวดท้องจะคลอด!!!!”
ยิ่งได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มยิ่งทำอะไรไม่ถูก ภาพฮยอกแจที่ประคองจีน่าจากไปยังคงแล่นริ้วในหัวเหมือนหลอกหลอน ความทรงจำสุดท้ายที่เขามีระหว่างสามชีวิตนั้น หากแต่สมองสั่งให้รีบพาพี่สะใภ้ไปโรงพยาบาล... ไปให้เร็วที่สุด
ทั้งที่ฝนตกหนักเสียจนแทบมองอะไรไม่เห็น เสียงพี่สะใภ้ก็ยังโอดครวญอยู่ข้างๆจนแทบจะรู้สึกเจ็บปวดตามไป เวลาแบบนี้เขาควรจะต้องพูดอะไรบ้าง... พูด...
“อดไว้นะครับ ผมจะต้องพาพี่และหลานไปถึงโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย”
แต่ทำไมกัน... น้ำตาถึงไหลออกมาดื้อๆ และมีแต่ภาพเมื่อเจ็ดปีก่อนเต็มไปหมด
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
“คุณพ่อขา~ จีอึนกินข้าวเสร็จแล้วค่ะ”
เสียงใสๆร้องเรียกคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัวในสภาพที่ไม่ต่างจากทุกเช้า เด็กหญิงวิ่งขลุกๆมาจนถึงตัวคนเป็นพ่อ ดึงกางเกงสแล็คนั้นเบาๆจนคนโดนเรียกต้องฉีกยิ้มอ่อนแล้วก้มลงบีบแก้มนิ่มๆของลูกสาวอย่างหมั่นเขี้ยว “ดีมาก งั้นเราไปโรงเรียนกัน”
การจราจรในยามเช้าของกรุงโซลคาคั่งไปด้วยรถยนต์และผู้คนที่ออกไปทำงานเสียจนดูแออัด ที่นั่งข้างคนขับกลายเป็นที่ประจำของเด็กหญิงตัวเล็กผิวขาว ไว้ผมยาวประบ่า บนตักเป็นกระเป๋าเป้ของโรงเรียนที่มีหนังสือแบบฝึกหัดอยู่สามเล่ม เธอมองซ้ายมองขวา มองชีวิตของคนบนถนน และก็กลับหันมามองคุณพ่อซึ่งตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างระวัง
“คุณอาคยูฮยอนบอกว่า เวลาคุณพ่อขับรถจะชอบทำคิ้วขมวดแล้วจะแก่เร็วค่ะ คุณพ่อไม่ทำคิ้วขมวดนะคะจีอึนอยากให้คุณพ่อหล่อๆ”
คนฟังหัวเราะร่า เอื้อมมือมายีหัวลูกน้อยทั้งที่สายตายังจดจ่ออยู่กับรถคันข้างหน้าว่าจะไปทันไฟแดงหรือเปล่า “หนูอย่าไปจำที่อาคยูฮยอนเขาสอนให้มากดีกว่าลูก”
♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣ ♣
กว่าจะขับรถมาถึงโซลก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายสามแล้ว แต่ก็ยังดีที่มาทันเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนประถม วนหาที่จอดรถอยู่ไม่นานก็ได้ที่จอดใกล้ๆโรงเรียน ยืนรอตรงทางเดินออกมาจากตึกเรียนได้พักใหญ่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่รอเจอ อีทงเฮรู้สึกตัวเลยว่าอกซ้ายของเขามันเต้นรัวเสียจนบอกไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน
เกือบจะตัดใจกลับคอนโดมิเนียมไปก่อนในวันนี้ ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นเด็กน้อยที่หน้าตาดูคล้ายเขาตอนเด็กอย่างเหลือเชื่อกำลังเดินสะพายเป้ดุ๊กดิ๊กออกมาจากตึก สูดลมหายใจลึกๆก่อนจะอ้าปากเรียกออกไป
“จี....”
“จีอึน!”
เสียงหนึ่งเรียกตัดหน้า และทำให้เด็กน้อยวิ่งตรงเลยเขาไปไม่ใช่ใครไหนไกล อีทงเฮจำเสียงนี้ได้แม่นยำ จำได้แม้กระทั่งใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ไม่ต่างไปจากเมื่อเจ็ดปีก่อน ร่างผอมบางนั้นรับเด็กน้อยซึ่งกระโจนเข้ากอดก่อนจะอุ้มขึ้นหอมแก้มซ้ายขวา ทำท่าจะเดินกลับไปขึ้นรถ
“ฮยอกแจ”
ชายหนุ่มรีบเร่งฝีเท้าตามไปจนหยุดยืนอยู่ข้างหลัง ดวงหน้าขาวนั้นเหลียวหันมาพร้อมๆกับตากลมใสของเด็กน้อย เป็นครั้งแรกที่ทงเฮรู้สึกว่าได้มองหน้าลูกใกล้ๆ เด็กคนนี้ต่างจากเขาก็แค่จมูกที่เหมือนจีน่าเท่านั้นเอง
แพะรับบาป ตอนหน้าเป็นตอนที่ 13 และเป็นตอนจบนะคะ ._ .
ถัดจากตอนจบ ก็ยังมีสเปอีกสองตอน ._ .
ใครที่ยังสนใจฟิคสามารถตามไปซื้อในงานฟิค Freedom by Friend #3
จัดที่รพ.เซนต์หลุยส์วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคมนี้ได้นะคะ
ส่วนใครที่ไม่สะดวกไปซื้อที่งานได้ หลังจากนี้ถ้ามีขายอีกจะแจ้งไว้ในทวิตเตอร์นะคะ ._ .
และสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฟิคแพะรับบาปที่สั่งไว้ จะถึงมือท่านไม่เกินสิ้นเดือนแน่นอนค่ะ Tv T'
ขอโทษที่ช้าไปถึงเดือนกว่าเลยนะคะ สำนึกผิด (ก้มกราบ ._ . )
ความคิดเห็น