ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #11 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter ten .

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 55



    SCAPEGOAT…?

    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’

    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

     







    CHAPTER TEN

     







    “อึก...”




    กัดฟันด้วยความรู้สึกกึ่งทรมานซึ่งกัดกันไปทั้งตัวและใจ ความเจ็บปวด... รุนแรง... เสียดสีช่องทางที่ใครต่อใครต่างเรียกว่ารักจนบอบช้ำ โลหิตสีชาดไหลเปรอะตามหว่างขา จนเปื้อนเปรอะกางเกงสีเทาซึ่งกองอยู่ที่ข้อเท้าเป็นรอยด่างดวง




    อีทงเฮยังคงกระทำต่อร่างกายเขาอย่างบ้างคลั่งด้วยแรงโทสะไร้ที่มาที่ไป ทำไมหรือ?... อีฮยอกแจไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับอิสระเลยใช่ไหมในตอนนี้ ทั้งที่เมื่อจะไปกับใครหรือทำอะไรทงเฮไม่เคยสนใจ แล้วทำไมตอนนี้เพียงแค่เขาถอยห่าง ถึงได้ต้องโมโหโทโสทำอะไรไร้สติอย่างที่ฮยอกแจไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ถึงเพียงนี้




    ก็แค่ที่ระบายอารมณ์... จะไปมีค่าอะไรให้สนใจมากมายกัน




    ในเมื่อคำว่าเพื่อนมันก็ไม่ได้มีเหลือมานานแล้ว




     

    เสียงโลหะกระทบกันแว่วมาไกลๆจนทั้งร่างสะดุ้งโหยง อีฮยอกแจพยายามดื้นหลุดจากการกอบกุมอันป่าเถื่อนของร่างข้างหลัง ทว่าเหมือนทงเฮจะไม่รู้สึกถึงเสียงของบุคคลที่สามเลยแม้แต่น้อย ยังคงใช้กำลังเข้าว่า เสียงหอบหายใจครางครือ อารมณ์ปะทุสูง ยิ่งแรงขึ้น... เร็วขึ้น... จนยากจะหยุดยั้งด้วยเพียงแค่การดิ้นรนของฝ่ายเดียว







    เพียงแต่ถ้าประตูห้องไม่เปิดออกมาเสียก่อน เผยให้เห็นสตรีในชุดแซ็กยาวซึ่งมีใบหน้าซีดเผือด เรี่ยวแรงที่มีหายไปกระทั่งกระเป๋าถือหลุดลงกระทบพื้นไม้ปู ฮยอกแจใช้โอกาสในช่วงชะงักงันเอี้ยวตัวดันอีกร่างให้ถอนกายออกห่าง ช่องทางด้านหลังเจ็บแปลบ ทว่าเทียบไม่ได้เลยกับความตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยยางอาย




    “จีน่า...”




    เป็นเสียงทงเฮที่สบถผะแผ่ว ชเวจีน่ายกมือขึ้นปิดปากอย่างไม่เชื่อสายตา ร่างหนารีบดึงกางเกงใส่เข้าแม้ว่าส่วนกลางลำตัวจะยังค้างคาด้วยอารมณ์ทางเพศ พูดอะไรไม่ออก ทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่กลับถูกถอยห่างราวรังเกียจเสียเต็มประดา




    ตามตรงแล้วจีน่าไม่นึกสนใจทงเฮนัก ทว่าอีกคนที่เอาแต่ยืนนิ่งนั่นเองซึ่งเธอหวังจะได้ยินอะไรจากปากบ้าง ฮยอกแจเพียงก้มหน้าก้มตาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ทั้งรู้สึกผิด ละอาย และสารพัดทุกสิ่งที่เรียกว่าแย่จะเอามารวมกัน ถึงเขาไม่ใช่คนเริ่ม แต่ก็มีส่วนก่อ... ก่อให้เกิดเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดและไม่มีใครคาดฝัน




    “ทุเรศ... ทุเรศที่สุด....”




    ความรู้สึกซึ่งอธิบายไม่ถูกว่าเป็นความรังเกียจ ผิดหวัง หรืออะไรที่เรียกว่าน่าแค้นใจยิ่งกว่านั้น ได้มาเห็นภาพผู้ชายสองคนมีสัมพันธ์กันเต็มตา ซ้ำคนหนึ่งคือคนที่รัก อีกคนก็พ่อของลูกในท้อง คุณหนูเพียงคนเดียวของตระกูลชเวเพียงสูดลมหายใจลึก น้ำตาคลอรื้น ทว่าพูดอะไรไม่ออกมากไปกว่าคำที่เอ่ยออกมาในทีแรก




    “ฮยอกแจ...” ความรู้สึกในตอนนี้คือคำว่าโง่ดักดาน เหมือนเป็นแค่สัตว์เชื่องๆตัวหนึ่งซึ่งถูกส่งต่อเล่นไปมาจนชีวิตและความรู้สึกพังทลายไม่มีชิ้นดี “เพราะแบบนี้ใช่ไหม... คุณถึง...”




    รักฉันไมได้




    เธอไม่คิดจะพูดคำนี้เพราะรู้แก่ใจว่ามันน่าสมเพชเกินทน ยิ่งต่อหน้าอีทงเฮด้วยแล้วจีน่ายิ่งคิดว่าไม่มีวัน ไม่ต้องการได้รับการหัวเราะเยาะจากผู้ชายคนนี้ ไม่ต้องการแม้แต่คำพูดใดๆที่จะยัดเยียดให้เธอรับฟัง




    “จีน่า...” อีทงเฮย้ำชื่อนี้ขึ้นมาอีกครั้งเสียงเข้ม เขาคิดว่ามันน่ารำคาญ ทั้งเปราะบาง อ่อนไหว รวมๆกันแล้วผู้หญิงคือสิ่งน่ารำคาญที่ต้องได้รับการประคบประหงมตลอดเวลา ตาเรียวรีกดมองร่างแบบบางตรงหน้าสลับไปมากับฮยอกแจ รู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ใช่ว่าจะยี่หระมันเสียเต็มประดา




    “สมใจแล้วใช่ไหม... น่ารังเกียจที่สุด”




    “จีน่า... ฟัง....”




    “ฉันเกลียด...”




    “โธ่เว้ย... จะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไมวะ! เป็นเสียงเดิมที่แสดงอาการเหลืออด ขอให้ได้ตัดพ้อต่อว่าก็พอใช่ไหม  รู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูกที่ใครๆก็ทำเหมือนเขาเป็นตัวอะไรสักอย่าง เคยรักเคยเทิดทูนกันแค่ไหน ทำไมถึงไม่รู้จักย้อนกลับไปดูไปจำบ้าง “ก็บอกเขาไปสิฮยอกแจ ว่านี่มันก็เรื่องปกติของนายเหมือนกัน”




    ดวงหน้าขาวเงยขึ้นมองอีกคนอย่างตระหนกในคำพูด จะว่าไม่แคร์จีน่าเลยก็ไม่ใช่ ครั้นเหลียวไปมองกลับได้เห็นว่าสีหน้าของหญิงสาวยิ่งแสดงอาการผิดหวัง แปร่งปร่า ก้ำกึ่งกับความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่อีฮยอกแจกลัวว่าจะได้รับมาตลอด




    มือเรียวจิกเกร็งลงกับชุดคลุมท้องที่นูนใหญ่ออกมาทั้งน้ำตา ชเวจีน่าไม่รู้จะทำอย่างไร รู้เพียงแค่อยากทำลายทุกอย่าง ทำลายข้าวของ ชีวิต ให้สมกับความรู้สึกที่โดนทำลายยับเยินไม่มีชิ้นดี ฮยอกแจทำท่าจะเข้าไปห้ามแต่ยังไม่กล้า กระทั่งแรงจิกที่หน้าท้องยิ่งหนักขึ้น มือหนาจึงตรงเข้าไปกระชากลำแขนออกมาจนทั้งร่างเซถลา




    “จะทำบ้าอะไร! เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!?”




    “ใช่ ฉันบ้า! ทั้งโง่ทั้งบ้าที่ถูกพวกคุณหลอก!!




    พอได้เข้าใกล้ หล่อนก็ลงมือทุบตีดาราหนุ่มด้วยความเคียดแค้นที่มีอย่าไร้สติ ฟูมฟายน้ำตาไหลพราก ทงเฮได้แต่ยกมือขึ้นปัดป้อง โทสะเริ่มบังเกิด มากขึ้น... มากขึ้น.... แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าผู้หญิงตรงหน้านี้จะหยุดบ้าได้เสียที




    อีฮยอกแจได้แต่มองภาพตรงหน้าในสถานะคนขี้ขลาด เขาไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปห้ามหรือแสดงออกว่ามีตัวตนอยู่ ไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าออกปาก ได้แต่ยืนยึกยักทำตัวไม่ถูก กระทั่งเห็นร่างอุ้มครรภ์นั้นเซถลาเพราะแรงผลักอย่างลืมตัวที่อีทงเฮปฏิบัติออกมา




    “บอกว่าให้หยุดไงเล่า!!




    ครรภ์กระแทกกับมุมโต๊ะจนได้ยินเสียงครืดยาวไปตามพื้น จีน่าค่อยๆทรุดลงพลางยกมือกุมท้องไว้แน่น กลิ่นคาวคละคลุ้ง โลหิตซึมออกมาเป็นด่างดวงอยู่บนกระโปรง กระทั่งไหลออกตามแนวขาจนเห็นได้ชัดเจนว่าตกเลือด ถึงตอนนี้อีฮยอกแจยอมละทิ้งความรู้สึกทั้งหมดให้เหลือเพียงความเป็นห่วงเป็นใย ตรงเข้าประคองอีกคนไว้แนบอก




    สีหน้าของอีทงเฮมีเพียงความตื่นตระหนกอย่างที่ไม่คิดว่าจะเกิด ไม่ได้ตั้งใจ ถึงจะบอกกับตัวเองแบบนั้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเป็นคนผิด อย่างไรเสียจีน่าก็เคยเป็นคนรัก ซ้ำลูกในท้องนั่นยังเป็นลูกของเขา เพียงแต่แค่เอื้อมมือไปแตะบนลนลาดไหล่บาง กลับถูกฮยอกแจปัดออกไม่ไยดีพร้อมเสียงตวาดซึ่งก้องไปทั้งห้อง




    “ออกไป!!




    “ฮยอกแจ...”




    “ออกไปจากชีวิตของเราเถอะทงเฮ จีน่าเธอเจ็บมามากพอแล้ว”




    ท้ายสุดแล้วกลับเห็นเพียงแผ่นหลังรำไรที่อุ้มร่างหญิงสาวออกไป ไม่นานนักเสียงสตาร์ทรถดังมาจากหน้าบ้าน กระทั่งเงียบหายไป... หายไป... เหลือเพียงหยาดเลือดซึ่งหยดยาวไปตามทางเดิน ที่ทิ้งไว้ให้อีทงเฮรู้สึกถึงการกระทำของตนเท่านั้นเอง




    ปัญหาพากันกระหน่ำรุมเข้ามาเป็นพายุ มากเสียจนคนที่ไม่เคยคิดอะไรอย่างอีทงเฮได้แต่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง เอนศีรษะพิงกำแพงอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งกลัวว่าจีน่าจะเป็นอะไรไป กลัวอนาคตที่จะต้องดับวูบเพราะกระแสข่าว กลัวทุกสิ่งทุกอย่าง... ที่เขาเป็นคนก่อมันขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งเพ







     

    ออกไป!!’

    ฮยอกแจ...

    ออกไปจากชีวิตของเราเถอะทงเฮ จีน่าเธอเจ็บมามากพอแล้ว







     

    คำพูดของอีฮยอกแจยังชัดก้องในหัวจนจับต้นชนปลายเรื่องอื่นไม่ถูก มีแค่สีหน้ารังเกียจที่อยากถอยห่าง มีแค่น้ำเสียงตวาดกร้าวเย็นชา




    นี่มันเกิดอะไรขึ้น....




    เพื่อนน่ะ... หาได้เยอะแยะไม่ใช่หรือไง




    แล้วเพื่อนคนนี้คือใคร... ถึงทำให้เขาเป็นไปได้มากมายขนาดนี้







     

    ( Rrrr )




    เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะดังต่อเนื่อง เป็นเวลานาน... หลายครั้ง... จนกระทั่งเจ้าของเครื่องตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาด้วยแรงผะแผ่ว ชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอไม่ได้ทำให้อีทงเฮกระตือรือร้นอยากคุยนัก หากแต่ก็ยังกดรับ และกรอกเสียงหาปลายสายราบเรียบเสียจนเกินกว่าที่จะเป็นคนในครอบครัว “ว่าไงครับแม่”




    ( ทงเฮ..... ทงเฮ..... )




    เสียงของหญิงวัยกลางคนพร่ำเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นจนฟังไม่ได้สรรพ หงุดหงิดใจเมื่อปลายสายยังไม่ยอมที่จะเริ่มพูดธุระเสียที เงียบไปพักใหญ่ ก็เอ่ยสวนขึ้นมากึ่งตัดบท “มีอะไรครับ”




    ( พ่อ... พ่อเข้าโรงพยาบาล.... )




    ในใจนึกอยากจะสวนไปด้วยคำพูดก้าวร้าว ไม่ได้กลับมกโพนานจนแทบจำทางกลับบ้านไม่ได้ พ่อของเขาเป็นมะเร็ง สุขภาพร่างกายอ่อนแอ นิดหน่อยก็ป่วยอิดออดจนต้องโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น โทรมีอีหรอบนี้ ก็คงไม่พ้นเงินที่ส่งไปคราวก่อนคงหมดไปกับอาการป่วยของพ่อ




    “แล้วผมจะโอนเงินไปให้ แค่นี้ก่อนนะครับแม่”




    ( เดี๋ยว! ทงเฮ... ทงเฮ! พ่ออาการทรุดหนักมาก กำลังรอลูกมาดูใจนะ )











     












     

    ทำไมล่ะ... ทำไมถึงไม่ต้องการฉัน..... ฮยอกแจ?







     

    สองมือประสานกันเหนือหน้าตัก เสื้อเชิ้ตสีอ่อนเปรอะไปด้วยคราบเลือดกรังจนดูน่าตกใจ กลิ่นของโรงพยาบาลในยามนี้ชวนให้รู้สึกคลื่นเหียนเสียจนอยากจะอาเจียนทั้งน้ำตา ทว่านัยน์ตาสีเข้มกำลังหยุดมองที่อะไรบางอย่าง เป็นเพียงแค่ขาเก้าอี้ว่างๆ ที่วางอยู่เฉยให้จับจ้องเท่านั้นเอง




    ยกมือขึ้นลูบใบหน้าด้วยความรู้สึกที่ปนเปไปด้วยกันจนยุ่งเหยิง ทั้งที่จีน่าต้องเข้าห้องสูติไปพักใหญ่แล้ว แต่ทำไมในเขาจึงยังวนเวียนอยู่เพียงในรสสัมผัสและคำพูดตัดพ้อของใครอีกคน คนซึ่งพยายามหนีมาตลอด หนีไปให้ไกล... ทั้งที่รู้ใจตัวเองดีว่าไม่เคยไปรอด




    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่... หนึ่งชั่วโมง... สอง สาม หรือมากกว่านั้น....




    นาน... จนกระทั่งฟ้าเริ่มสาง ประตูที่ติดป้ายไว้ว่าเฉพาะผู้ป่วยถึงได้เปิดออก พร้อมๆกับนายแพทย์ในชุดผ่าตัดสีเขียวอ่อนของโรงพยาบาลที่ส่งยิ้มให้เขาบางเบา




    “แม่และเด็กปลอดภัยดีนะครับ ถุงน้ำคร่ำแตก เราจึงต้องทำคลอดก่อนกำหนด” รู้สึกเป็นห่วงคนข้างในจับใจ ชะเง้อคอมองหวังว่าจะสามารถเข้าไปเยี่ยมและเจอหน้าเด็กได้บ้าง หากแต่แพทย์ยื่นมือออกมาห้ามไว้ พร้อมเอ่ยเหตุผลด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ไม่ได้ช่วยให้เบาใจขึ้นเลย “ยังเข้าไปข้างในไม่ได้นะครับ ภาวะคลอดก่อนกำหนดอันตรายมาก เราจำเป็นจะต้องเฝ้าดูการติดเชื้อและอาการข้างเคียงอย่างเข้มงวด เด็กกำลังถูกส่งตัวไปห้องอบ ตอนนี้ควรปล่อยให้คุณแม่พักก่อนครับ”




    ฮยอกแจยอมปล่อยให้แพทย์วัยกลางคนเดินสวนไปโดยที่ยังคงยืนรอยู่หน้าห้อง ทว่าเสียงทุ้มกลับดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อลืมไปว่าได้ลืมบอกสิ่งที่สำคัญที่สุดแก่คุณพ่อมือใหม่




    “อ้อ... ยินดีด้วยนะครับ ลูกคุณเป็นผู้หญิง”










     












     

    ปลายเท้าเหยียบคันเร่งบึ่งรถสีดำคู่ใจออกไปตามเส้นถนนเพื่อแวะเอาเอกสารสำคัญที่คอนโดมิเนียมก่อนจะเร่งกลับไปมกโพ ไม่มีเวลาแล้ว... ในใจของอีทงเฮตอนนี้ร้อนรนไปด้วยความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้านี่ต้องเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิตไป ก็ขอเวลาสักหน่อย... ขอเวลาอีกนิด.... แค่ไปให้ทันดูใจพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น




    ประตูรถถูกปิดกระแทกจนส่งเสียงดังก้องลานจอด สาวเท้ารีบเร่งเข้าไปสู่ภายในที่พัก กดลิฟท์รัวๆทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางเร็วขึ้น ได้โปรด... เร็วเข้า...







    ทั้งที่ประตูห้องอยู่ตรงหน้าแต่อีทงเฮกลับรู้สึกว่ามันยิ่งไกลเหลือเกิน เกือบจะกลายเป็นวิ่ง หยิบกุญแจห้องออกมาจากกระเป๋า เสียบผิดเสียบถูก กระทั่งเปิดประตูเข้าไปได้ ตาเรียวรีสีดำสนิทกลับยิ่งต้องเบิกโพลงจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้นเสียตรงนั้น




    นายตำรวจจำนวนหนึ่งพร้อมของกลางเป็นบ้องเสพยาและสารเสพติดที่เขาซ่อนเอาไว้ถูกรื้นค้นออกมาจนหมด แสงแฟลชรัวจากทัพนักข่าวซึ่งอัดแน่นอยู่ภายในห้อง เพียงแค่หายใจ สองแขนก็ถูกจับไขว้ไว้ข้างหลังพร้อมพันธนาการโลหะส่งเสียงดังกริ๊ก ค่อยๆถูกคุมตัวออกไป ฝ่าแสงแฟลช เสียงกล้อง และเสียงจอแจหนาหู




    ทว่าอีทงเฮไม่ได้ยินอะไรเลย...




    ไม่ใช่ตอนนี้....







     

    ไม่ใช่ตอนนี้สิ.... ไม่ใช่......







     

    หยาดน้ำตาไหลออกมาจนคลอหน่วงไม่เหลือคราบนักแสดงหนุ่มผู้มีชื่อเสียง ทุกอย่างรอบตัวเหมือนกลายเป็นสีเทา แสงที่มีดับวูบ ได้ยินเพียงเสียงเครื่องช่วยหายใจซึ่งไม่รู้ว่าดังมาจากที่ใดนั่นเอง....











     

    TBC
















    ขอโทษที่ให้รอนะคะ ;_ ;
    ตอนนี้พอจะหาเวลากลับมาแต่งฟิคได้บ้างแล้ว
    ยังไงก็จะพยายามนะคะ Tv T'

    หวังว่าแฟน ๆแพะรับบาปจะยังไม่หายไปไหนน๊า  ._____   .








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×