ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC KYUHAE ¦ - Good Morning, Vampire {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #11 : Good morning, Vampire :: Chapter X

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 54


    Good Morning, Vampire.

     

    Super Junior Fan Fiction (Yaoi)

                                                                         Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon

    Author : xixiao’

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     


     

    CHAPTER X

     

     

    “คิดไว้แล้วว่านายต้องยอมออกมา... คยูฮยอน”


    คิมคิบอมไม่แม้แต่จะแยแสเหยื่อที่ที่ใช้เป็นตัวล่อเพื่อให้เป้าหมายที่แท้จริงปรากฏตัว สีหน้าคยูฮยอนโกรธขึ้ง... ร่างสูงรู้ดีอยู่แล้วว่านี่เป็นเพียงแผนตื้นๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องยอมโง่ โง่ที่ยอมออกมาจากเงามืดหลังจากที่เริ่มติดตามดูอีทงเฮมาพักหนึ่ง


    ใช่... เขากำลังเป็นห่วงมนุษย์คนนี้


    “ต้องการอะไร?”


    เพียงชั่วพริบตาเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งก็หยุดอยู่ตรงหน้า แววตาสีอำพันเข้มนั้นราบเรียบในขณะที่เรียวปากกำลังเหยียดยิ้ม “นายแกล้งไม่รู้หรอกหรือ?”


    สายลมยังคงพัดแผ่วผ่านความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้น ร่างของทงเฮยังคงยืนนิ่งงันอยู่ในทิศที่คยูฮยอนมองเห็น หัวใจเขามันกำลังโครมครามไม่เป็นจังหวะ อยู่ท่ามกลางสิ่งที่ไม่มนุษย์... คาดไม่ได้เลยว่าอาจเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้


    “ฉันปล่อยให้พวกนายพังรั้วไม่ได้” เสียงแข็งกร้าวดังขึ้นกลบทุกสิ่ง ตาของชายหนุ่มวาวโรจน์จนคนที่อยู่ห่างออกไปนึกกลัว ภาพของคยูฮยอนยามที่อยู่บนร่างของกูฮารายังคงเด่นชัด มันไม่ต่างจากสัตว์ล่าเนื้อที่กำลังกระหายเลือด ดวงตาคู่นั้นยังคงปรายมองมาทางเขาเป็นพักๆ แต่ทงเฮบอกไม่ได้... ว่ามันเป็นสายตาแบบใด


    “เพราะอย่างนั้น เราถึงต้องมาที่นี่...”


    “................”


    “แค่สังหารนายซะ... ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”


    สมองของอีทงเฮกำลังประมวลผลจนทุกอย่างออกมาชัดเจน ที่คิมคิบอมต้องการมาตลอดคือการที่คยูฮยอนยอมปรากฏตัว และเขาเป็นเพียงเหยื่อล่อ...


    เช่นนั้นแล้ว... คยูฮยอนยอมปรากฏตัวออกมาเพราะเขาอย่างนั้นหรือ?


    และสิ่งที่คิบอมเพิ่งจะพูดมันออกมาก็หมายความว่าคยูฮยอนได้ถูกตามล่ามาตลอดเพื่อที่จะสังหาร... แม้แต่ตอนที่เจอกันบนตึกนั่นชายหนุ่มก็ยังมีบาดแผลฉกรรจ์ซึ่งคงได้มาจากการหลบหนี และอาจรวมถึง... เงาดำประหลาดพวกนั้น หมายความว่าคิมคิบอมคงไม่ใช่ตัวคนเดียวจากคำว่าเราเมื่อครู่ หากแต่ก็เป็นเพียงการคาดเดาในใจ


    “ไม่ต้องห่วง... ที่นี่มีแค่ฉัน นาย และอีทงเฮเท่านั้น” ไม่ใช่อีทงเฮที่ถูกอ่านออก เพียงแต่อีกคนก็ดูจะกังวลไม่น้อยไปกว่าเขา ในตอนนี้ทงเฮมองไม่เห็นเสี้ยวหน้าของคิบอม เห็นเพียงแต่เสี้ยวลึกของความเกลียดชังที่คยูฮยอนเผยมันออกมาผ่านดวงอำพันที่จับจ้องยังอริ


    “ไม่คิดว่านายจะเล่นสกปรก ใช้มนุษย์เข้ามาเป็นเหยื่อล่อ”


    “นายก็ชอบไม่ใช่หรือ... ที่จะทำเหมือนมนุษย์เป็นมากกว่าอาหารน่ะ”


    เพียงประโยคสั้นๆศีรษะของคิบอมก็ถูกปะทะด้วยมือเรียวก่อนร่างทั้งรางจะไถลไปตามพื้นดินเป็นทางยาวผิดธรรมชาติ เส้นเลือดปูดโปนที่มือซึ่งกดศีรษะของร่างข้างใต้ไว้ทำให้รู้... ว่าแรงโทสะของคยูฮยอนมีมากเพียงใด


    “คนอย่างนาย... มันเลี้ยงไม่เชื่อง”


    กลับกันที่คิบอมหัวเราะ หัวเราะแม้ว่าตนจะอยู่ในกิริยาที่เสียเปรียบ สองตายังคงจ้องมองกันไม่ลดละ และน้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นก็ถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง “นายเองก็ไม่ต่างอะไรจากคนพวกนั้น”


    “................”


    “มีโอกาสแล้วไม่ใช่หรือ... ทำไมไม่ฆ่าล่ะ....”


    “...............”




    My Lord




    สิ้นคำร่างผอมสูงกลับถูกแรงปะทะจนเซถลาไปด้านหลัง มือของคิบอมบีบเค้นคอขาวซีด หอบหายใจอย่างอึดอัดในขณะที่เข่าหนักกดทับลงมากลางแผ่นอก คิมคิบอมในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากปีศาจ ทั้งสีหน้านิ่งสงบไม่เหลือเค้านักเขียนหนุ่มที่ทงเฮเคยรู้จัก เขาในตอนนี้ราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุ...


    “อย่างนายมันจะไปทำอะไรได้คยูฮยอน... อา... ต้องเรียกว่าท่านว่าที่ดยุคกระมัง” น้ำเสียงนั้นเหยียบย่ำเสียเต็มประดา คยูฮยอนคำรามลอดไรฟันอย่างไร้ทางโต้ แต่ไหนแต่ไรที่คิมคิบอมเจ้าเล่ห์และเหนือกว่าเขาในทุกด้าน ใช่... คยูฮยอนก็เป็นเพียงแวมไพร์ไม่ได้เรื่องตนหนึ่งที่มีสายเลือดเป็นสิ่งเชิดชูเกียรติเท่านั้นเอง


    ในยามนี้อีทงเฮมีสติครบถ้วน เขากำลังกวาดสายตามองไปรอบๆเพื่อจะหาทางช่วยคนที่กำลังเสียเปรียบ มันไม่ใช่การต่อสู้ของมนุษย์ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำอะไรได้ นึกเจ็บใจตัวเองนัก... ที่ทิ้งทุกอย่างไว้ในรถโดยไม่ทันฉุกใจคิดถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น รวมถึง... ไม้กางเขน


    เพียงแต่กิ่งไม้เก่าๆที่หักเปราะอยู่ตามพื้นกลับทำให้ทงเฮเลือกที่จะเสี่ยง... อย่างน้อยถึงไม่ได้ผล มันก็ยังทำให้คยูฮยอนหลุดพ้นจากสถานการณ์อันตรายในตอนนี้ได้


    “ไม่มีวันที่นายจะทำสำเร็จ...”


    ในความคิดของคิบอมแล้วโจวคยูฮยอนอวดเก่งเสมอ... เพียงเพราะศักดินาที่ตัวเองมี... กี่ครั้งแล้วเล่าที่พวกเขาถูกเหยียบย่ำ ศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์หายไปหมดสิ้นเพราะวรรณะต่ำชั้นที่พวกในรั้วมอบให้


    “กี่ครั้งแล้ว... ที่พวกเราเชื่อใจรั้ว...”


    “................”




    “รั้วที่พวกแกสร้างขึ้น... กำหนดขึ้นมาเองทุกอย่าง... ใครมันจะไปยอมรับกัน”




    ท่อนซุงหนักๆฟาดลงบนท้ายทอยเต็มแรง คิบอมเสียหลักเซไปอีกทางจนคยูฮยอนมีโอกาสตั้งหลักอีกครั้ง แรงโทสะที่เพิ่มมากขึ้นยิ่งทำให้นัยน์ตาอำพันโรจน์วาววับเหนือผิวสีน้ำผึ้ง ความสุขุมอันเป็นเสน่ห์ของนักเขียนหนุ่มที่ทงเฮรู้จักบัดนี้ไม่มี มีเพียงผีดูดเลือดที่ราวกับซาตานตรงหน้านี้เอง...


    คยูฮยอนหยัดตัวลุกขึ้นเพื่อจะเข้ามาขวางให้ทันการณ์เมื่อคิดว่าคิบอมคงจะตรงเข้าไปทำร้ายทงเฮอย่างที่คิดไว้แน่ ทว่าสิ่งที่ผิดคาดคือสัญลักษณ์ไม้กางเขนซึ่งกอปรขึ้นจากกิ่งไม้ ไม่เพียงแต่คิบอมที่ยั้งแรงโทสะเอาไว้ เขาเองก็เช่นกัน...


    ไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์... สิ่งที่พร้อมจะทาบทับผีดูดเลือดให้ร้อนทุรนทุรายเป็นไฟ


    ทงเฮไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นมันบ้าบิ่นไร้ความคิดเกินไปหรือไม่ ดวงตาหวานโศกรังแต่จะปรายมองไปทางอีกคนซ้ำๆ คยูฮยอนยังคงมีท่าทีที่เกรงกลัวในสิ่งที่เขาถือไม่ต่างจากอริซึ่งยืนอยู่ห่างออกไป


    “โง่...”


    หากแต่มือเย็นนั้นสัมผัสลงบนไม้กางเขนก่อนจะบีบหักมันจนพังไปคามือ อีกมือนั้นค้ำอยู่บนคอของมนุษย์ผู้ซึ่งเขาใช้เป็นเหยื่อ เข้าประชิดจนใกล้ ลมหายใจเย็นๆนั้นราวกับจะปลิดชีวิตอีทงเฮให้สิ้นซาก ไม้กางเขนจอมปลอมที่ถูกสร้างขึ้นจากกิ่งไม้เก่าๆซึ่งไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ใดๆนี่น่ะหรือ... คิมคิบอมก้าวพ้นความหวาดกลัวนั้นไปแล้ว


    “เหยื่อหมดประโยชน์แล้ว... จะฆ่าทิ้งก็สมควรใช่ไหม?”


    ลมหายใจขาดช่วงเมื่อมือที่บีบเค้นลำคอขาวนั้นออกแรงมากขึ้นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน ตาเรียวรียังคงจับจ้องใบหน้าของอีกคน... เขาไม่คิดว่าตัวเองจะรอด....


    ร่างของทงเฮถูกเหวี่ยงออกไปเต็มแรงเมื่อคยูฮยอนตรงเข้ามาปะทะคิมคิบอมจนลงไปเกลือกกลิ้งกับผืนดิ้นชื้นอีกครั้ง ในมือนั้นมีลิ่มแหลมๆที่จ่อลงบนอกซ้าย อาวุธที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าไม้กางเขน...




    ทงเฮไม่ทันได้เห็นภาพเหตุการณ์หลังจากนี้ เสื้อเชิ้ตสีฟ้าเข้มฉีกเป็นทางยาวตั้งแต่ช่วงไหล่ยาวถึงกลางแผ่นหลังพร้อมๆกับบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการเสียดสีไปตามไม้หนาม ก่อนจะตกลงไปในบ่อน้ำสีขุ่น


    ความรู้สึกเจ็บปลาบครั้งสุดท้ายเมื่อบาดแผลกระทบกับโมเลกุลของสายน้ำ...




    ร่างของทงเฮที่หายไปกับผืนน้ำยิ่งทำให้ใจคยูฮยอนบีบรัดจนเหมือนมีหนามแหลมเข้าประทุษร้าย เขากดลิ่มลงบนแผ่นอกร่างข้างใต้อย่างช้าๆ... เพียงแค่เสียงลมยังก้องชัดเจนในหู


    “นายไม่กล้าหรือ...?” คำสบประมาทนั้นลอยวนเวียนอยู่ในสายลม ตาสีอำพันของคิบอมเป็นสีหม่น... มันดูเหยียดหยันอย่างที่เจ้าของผิวขาวซีดไม่เคยเห็นมาก่อน...


    “ทำไม...” เสียงแหบพร่านี้เป็นของคยูฮยอน มือของเขากำลังสั่น... ในขณะที่โลหิตคาวค่อยๆซึมออกมาจากบาดแผล ปลายลิ่มไม้ย้อมไปด้วยสีชาด “ทำไมนายต้องทำแบบนี้... คิบอม....”


    คิมคิบอมไม่แสดงอาการน่าเวทนาของความเจ็บปวดที่ได้รับ แม้ว่าอาวุธร้ายนั้นกำลังทิ่มแทงลงมาบนหัวใจเขาก็ตามที “เราต่างไม่มีทางเลือก...”




    “....................”


    “หากนายไม่ฆ่าฉัน... วันหน้าเราก็ต้องพบกันอีกครั้ง....”


    “...................”


    “ไม่ฉันก็นาย....”

     

     









     

     

    คยูฮยอนจากไปแล้ว... ทิ้งไว้เพียงความมืดมิดยามวิกาลที่คิบอมยังคงต้องทอดสายตามองมันต่อไป... จนกว่าเปลือกตาจะปิดลงสู่นิทราพร้อมกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้


    คยูฮยอนเลือกที่จะไม่ฆ่าเขา... แต่กลับคาความตายไว้ยังเสี้ยวหนึ่งของหัวใจราวกับจะตอกย้ำความน่าสมเพชของเผ่าพันธุ์ที่ใครๆนั้นต่างว่าแข็งแกร่ง ไม่ทำให้ตาย... แต่กลับพันธนาการความทรมานไว้ราวกับตายทั้งเป็น


    คิมคิบอมกำลังสมเพช... สมเพชโชคชะตาทุกอย่าง....









     

     

     

    สรรพางค์ต่ำลงยังพื้นพิภพลึกที่โอบอุ้มสายน้ำ รู้สึกหนาวเหน็บ... มืดมน... แต่เขาไม่มีแรงที่จะว่ายกลับขึ้นไป ไม่มีแม้แต่แรงที่จะเคลื่อนไหวตัวเองให้รอดพ้นจากมัจจุราชซึ่งกำลังดึงตัวเขาให้ดำดิ่ง


    เงาดำมืดของใครอีกคนแหวกผืนน้ำลงมา หากแต่ไม่สามารถทำให้อีทงเฮรับรู้ได้ มือที่เคยเย็นเยียบ... หากแต่มันคงอบอุ่นกว่าธารน้ำเย็นนี้หลายเท่านัก ตาสีอำพันเบิกมองคนที่ไม่ได้สติ ก่อนจะใช้สองมือประคองร่างในอ้อมกอดแหวกว่ายขึ้นไปเหนือผืนน้ำ ลากร่างเล็กขึ้นมาวางบนพื้นหญ้าก่อนจะทรุดตัวลงดูอาการอย่างเป็นห่วง


    “ทงเฮ... อีทงเฮ...”


    คนถูกเรียกยังคงนิ่งสงบจนเขาใจเสีย ไม่เคยมีแวมไพร์ที่ไหนจมน้ำ และนั่นหมายความว่าเขาไม่รู้ถึงสิ่งที่ควรจะทำเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์คนนี้


    คนที่คยูฮยอนไม่แม้แต่จะเคยคิดว่าเป็นคนสำคัญ...


    ตัดสินใจใช้สองมือกดลงยังแผ่นอกทีหนึ่งหน้าท้องเสียทีหนึ่ง อีทงเฮยังคงไม่หายใจ.... ถึงอย่างนั้นคยูฮยอนก็ยังทำมันต่อไปซ้ำๆ เพราะเขาให้อีทงเฮตายไม่ได้... คนๆนี้จะมาตายเพราะเขาไม่ได้....


    มุมปากหยักเผยรอยยิ้มเมื่อร่างข้างใต้สำลักน้ำออกมา ชายหนุ่มผละตัวไปคุกเข่าอยู่ข้างๆพลางช่วยประคองอีกคนให้หยัดตัวขึ้นนั่ง ตาเรียวรีค่อยๆลืมขึ้นมองไปโดยรอบ ก่อนจะร้องโอดออกมาเมื่อรู้สึกถึงความแสบของแผลที่แผ่นหลัง มีเพียงโลหิตที่ซึมออกมาเพียงเล็กน้อยเพราะถูกสายน้ำชะล้างตอนที่ตกลงไปในบ่อ แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคยูฮยอนแล้ว... มันกลับกระตุ้นสัญชาตญาณเดิมๆขึ้นมาอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย


    “คิบอม... เขาล่ะ?” ทงเฮนึกขอบคุณความอึดของตัวเองพอดู แต่ถึงอย่างนั้นความสงสัยในใจกลับมีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเมื่อภาพสุดท้ายที่เห็นคือการปะทะกันของแวมไพร์สองตน เรื่องเหนือความคาดหมายที่ในชีวิตหนึ่งอีทงเฮไม่เคยนึกเชื่อมันเลยสักครั้ง


    “เขาอยู่ตรงนั้น” ร่างสูงเบนสายตาไปยังทิศที่เขาเพิ่งจากมา ร่างของคิบอมยังคงนอนแน่นิ่งหรืออาจจะหมดสติไปแล้วด้วยฝีมือเขา แวมไพร์นั้นมีการฟิ้นตัวจากการบาดเจ็บเร็วกว่ามนุษย์มาก แต่สำหรับอาการของคิบอมแล้ว... อย่างน้อยๆก็คงต้องใช้เวลาหลายวัน และนั่นคือการจงใจของคยูฮยอน “เราควรรีบไป... ก่อนที่พวกนั้นจะตามมาที่นี่”


    คยูฮยอนกำลังพูดถึงเงาทะมึนที่อีทงเฮเคยได้มีโอกาสพบเจอถึงหลายครั้ง หากแต่แท้จริงแล้วสิ่งมีชีวิตพวกนั้นก็เหมือนเขา... เหมือนโจวคยูฮยอนที่มีเลือดเนื้อและต้องดื่มเลือดเป็นอาหาร ใช่... สิ่งที่อืทงเฮได้พบเจอมาแต่แรกนั้นคือแวมไพร์... โจวคยูฮยอนไม่เคยคิดที่จะบอก... จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดมันออกมา


    ความวางใจที่มีให้อีกคนนั้นไม่ถึงกับศูนย์แต่ก็ไม่ได้เต็มร้อย สายตาหวาดระแวงของอีทงเฮนั้นคยูฮยอนเข้าใจดี... และเขาไม่มีทางลืมว่าความทรงจำสุดท้ายที่ได้ฝากไว้กับคนตรงหน้านั้นโหดร้ายเพียงใด


    “นายจะบอกว่าการที่ฉันอยู่กับนายมันปลอดภัยกว่างั้นเหรอ?” เหตุผลและผลถูกหยิบยกขึ้นมาใช้แม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา อย่างไรเสียอีทงเฮก็คือผู้ชายที่มีระดับมันสมองพอที่จะเป็นวิศวกร... ถึงจะบอกตัวเองว่าควรเชื่อใจคนตรงหน้า แต่การกระทำของเขามันกลับตรงกันข้าม


    มีหลายครั้งที่คำพูดของทงเฮทำให้เขาจุกจนทำอะไรต่อไปไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยใดๆ คิบอมยังคงอยู่ตรงนั้น... อย่างน้อยๆสิ่งที่วางใจได้เปราะหนึ่ง คือเขาและทงเฮจะยังปลอดภัยตราบใดที่คิมคิบอมยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บ เพราะเขามั่นใจ... ว่าคนที่ออกคำสั่งตามล่าเขาต้องเป็นคิบอมไม่ผิดแน่


    เพียงแต่คยูฮยอนไม่รู้เท่านั้นเอง... ว่ายังมีใครที่อยู่เบื้องหลังของอดีตสหายผู้นี้อีก









     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-










     

    เสื้อคลุมในรถถูกใช้คลุมบาดแผลของร่างเล็กไว้กระทั่งกลับมาถึงที่พัก มันไม่ใช่บาดแผลฉกาจฉกรรจ์จนถึงขนาดขับรถไม่ได้ เพราะคยูฮยอนขับรถไม่เป็น... ลองได้คิดดูแล้วมันก็ไม่แปลกในเมื่อแวมไพร์ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเทียบเท่ามนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์อย่างเช่นเขา


    คยูฮยอนปล่อยให้ทงเฮอาบน้ำในขณะที่เขาแยกไปยังตู้ยาสามัญ ภาษาอังกฤษที่กำกับอยู่บนขวดยาทำให้เขาเลือกหยิบยาสำหรับล้างและรักษาบาดแผลของทงเฮได้ไม่ผิด ร่างสูงเคาะประตูห้องน้ำสองสามที เพียงครู่หนึ่งทงเฮก็ปลดล็อกปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาพร้อมชุดทำแผลในมือ ร่างเล็กยังคงเปลือยท่อนบนและเต็มไปด้วยหยดน้ำที่เกาะพราวตามร่างกาย ไล่ลงจากไรผมตกกระทบลาดไหล่ ถึงจะยืนกรานว่าไม่ไว้ใจ หากแต่อีทงเฮก็ไม่ได้ผลักไสหรือหวาดระแวงในตัวเขาอย่างที่ควรจะเป็น แวมไพร์หนุ่มคิดว่าเป็นการดี... ที่อย่างน้อยวุฒิภาวะของทงเฮก็มีมากพอที่จะไม่ทำให้ร่างเล็กกระด้างกระเดื่องจนดูน่ารำคาญในสถานการณ์คับขันอย่างที่เพิ่งผ่านมา


    “เช็ดตัวให้แห้งเถอะ ผมจะทำแผลให้”


    ทงเฮยังคงหันหน้าเข้ากระจกในขณะที่ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับตามตัวให้แห้งเพื่อที่จะทำแผลได้ แผลถลอกนั้นเป็นรอยยาวๆทั้งแต่ไหล่ยาวมาจนถึงกลางหลัง โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก... ดีหน่อยก็คงจะตกสะเก็ดในอีกไม่กี่วัน ในกระจกนั้นมีเพียงเงาสะท้อนของเขา หากแต่เบื้องหลังกลับว่างเปล่า... ไม่มีใครอีกคนยืนรออยู่อย่างในความเป็นจริง และนั่นคือสิ่งตอกย้ำที่บอกว่าเขากำลังอยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์


    ความว่างเปล่าที่อีทงเฮสัมผัสนั้นทำให้เขาไม่ได้เห็นสีหน้าและแววตาของร่างสูง คยูฮยอนเกือบจะกลั้นหายใจทุกครั้งที่ต้องเข้าใกล้ เพื่อที่จะห้ามใจในกลิ่นคาวอันโอชะ... สัญชาตญาณทุกอย่างของเขารุนแรงขึ้นหลังจากที่ได้ลิ้มเลือดสดๆจากคอมนุษย์เป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน และนั่นทำให้คยูฮยอนรู้ซึ้งถึงการเป็นแวมไพร์ที่แท้จริงได้ดีทีเดียว


    ตั้งแต่ลำคอขาวไล่มาจนถึงบาดแผลสีแดงสดที่ทอดเป็นแนวยาวนั้นไมได้ทำให้ใจเขาสงบ สามถึงสี่วันที่ขาดเลือดก็นับว่าสาหัสแล้วถ้าเทียบกับที่มนุษย์ขาดอาหาร ยิ่งมีสิ่งเร้ามาอยู้ตรงหน้า คยูฮยอนคิดว่าการห้ามใจตัวเองนั้นช่างยากเหลือเกิน


    “อยู่ที่นี่คงไม่ปลอดภัยแล้วใช่ไหม” เสียงของทงเฮเหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เขากำลังตกอยู่ในการต่อสู้ต่อความต้องการของตัวเอง การอยู่ในสังคมมนุษย์ทำให้คยูฮยอนตระหนักดีว่าเขาไม่ควรเลือดเป็นเวลานานอย่างเช่นครั้งก่อน... และมันอาจจะกำลังเป็นเช่นนั้นอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


    แม้ว่าจะเห็นตัวเองอยู่ตามลำพังในกระจก หากแต่เขารู้ดีว่าสัมผัสเย็นๆที่ปัดปลายผมลู่น้ำไปอีกทางนั้นเป็นของมือเรียวที่ระอยู่บนลาดไหล่ รู้สึกแปลกๆ... มันเป็นความรู้สึกวาบหวามที่ก่อตัวลึกอยู่เงียบๆทุกครั้งเมื่อปลายนิ้วนั้นสัมผัสลงบนร่างกาย นิ้วของคยูฮยอนนั้นเรียวยาว... เยียบเย็น... และครั้งนี้มันยังแผ่วเบาจนกึ่งจะไม่ใช่การจับต้องธรรมดา


    และเพราะความว่างเปล่าในแผ่นกระจกเงานั้นเอง... ที่ทำให้อีทงเฮไม่สามารถรู้ตัวได้ล่วงหน้า กระทั่งริมฝีปากนั้นสัมผัสลงเหนือบาดแผลที่ไหล่ผะแผ่ว เขารู้สึกเกร็งไปทั้งร่าง... หากแต่ก็ยังนิ่งให้คนที่มองไม่เห็นลากปลายลิ้นยาวไปจนสุดรอยแผลที่กลางหลัง รอยบีบที่ต้นแขนเด่นชัดอยู่ในกระจก หากแต่เขาไม่สามารถเห็นสีหน้าของคนที่กำลังกระทำสิ่งนั้นได้เลย


    และความรู้สึกแปลกๆนี่เอง... ที่อีทงเฮกำลังปล่อยให้มันกลายเป็นความสับสน... คล้ายคลึงกับครั้งแรกที่มีความสัมพันธ์ทางเพศในช่วงวัยรุ่น... แต่เขากลับไม่มั่นใจว่ามันใช่.... ความฝันในคืนก่อนที่ถูกคยูฮยอนจูบเด่นชัดขึ้นมา...


    เสียงแหบพร่าถูกเปล่งออกมาเพียงพยางค์สั้นๆ เขาควรจะห้าม... ควรจะห้ามอีกฝ่ายให้หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่... แรงบีบที่แขนนั้นผ่อนลงพร้อมๆกับริมฝีปากที่หยุดอยู่บนไหล่ชื้น ลมหายใจเย็นเยือกนั้นทำให้ร่างเล็กเบาใจขึ้นเมื่อดูเหมือนว่าคยูฮยอนจะยอมหยุดทุกอย่างลง


    “ผม... ผมขอโทษ....”


    เสียงนั้นบอกปัดก่อนจะผละตัวออกห่างในระยะที่สมควร ยาล้างแผลและสำลีลอยขึ้นในกระจก ก่อนที่มันจะแตะลงบนแผลที่แผ่นหลังจนรู้สึกแสบร้อน


    “คยูฮยอน...”


    “.................”


    “ที่คิมคิบอมพูด... มันเป็นความจริงใช่ไหม?”


    “ไม่” ตัดบทจนอีกคนจำต้องเงียบลง หากแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ดวงตาหวานโศกก็จับจ้องไปยังความว่างเปล่าในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับร่างเนื้อที่ยืนอยู่ สีหน้าเขาสงบนิ่ง... เพียงแต่นัยน์ตาสีอำพันนั้นกลับไม่ยอมจ้องตอบ


    “เป็นฉัน... ที่นายควรจะ.... ฆ่า... ในตอนนั้น”


    ร่างสูงหยักยิ้มบางฝืน รู้แก่ใจว่าสิ่งที่คิบอมพูดนั้นไม่ผิด... จนถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่เองที่เขาได้เข้าใจคำว่า ความคุ้นเคย ...และยังเข้าใจดี ว่าสิ่งนี้ทำให้เขาทรมานเพียงใด


    กลิ่นกายและทุกอย่างที่เป็นอีทงเฮมันกำลังทำให้เขาเสพติด...


    และหากเมื่อใดที่ได้ลิ้มลองเข้าไป... เขาก็คงผิดคำสัญญาที่เคยบอกว่าจะไม่มีวันทำร้ายคนๆนี้เป็นแน่


    “สัตว์กระหายเลือดอย่างผม ลองได้มีเหยื่ออยู่ตรงหน้า... ไม่ว่าใครก็ฆ่าได้ทั้งนั้น” พูดขัดกับการรับรู้ภายในใจ ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องพูดในเมื่ออีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง หากแต่ทงเฮรับรู้ได้... ความโศกเศร้าในน้ำเสียงนั้น แม้ว่าจะเพียงน้อยนิดก็ตามที


    “แต่นายก็ไม่ได้ฆ่าฉัน...” แววตาสีนิลสนิทนั้นแน่วแน่ ทงเฮตัดสินใจต่อตนเองแล้วว่าเขาต้องข้ามผ่านความหวาดกลัวนี้ไปให้ได้ เพราะมันไม่มีทางเลือกใดๆ ถึงไม่สู้... ก็ต้องหนี... “มันก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือ?”


    ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนตรงหน้าพูดมันออกมาราวกับเป็นเรื่องง่าย จนคยูฮยอนเกือบจะชินในความคิดติ้นๆนี่ไปแล้วด้วยซ้ำ “ผมเคยบอกคุณว่าอย่าไว้ใจใครง่ายๆ... แต่คุณก็ยังทำ”


    “...กับนาย”


    เขาทั้งสองอาจจะต้องยอมแพ้ในดวงตาของอีกคน คนหนึ่งยืนกรานในความเชื่อมั่นที่ไม่เต็มร้อย ในขณะที่อีกคนกำลังจะยอมพ่ายแพ้ให้กับสัญชาตญาณของเผ่าพันธุ์


    “ผมจะอดทนไปได้ถึงเมื่อไหร่กัน...”


    ความสิ้นหวังเจือในน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างที่ไม่เคยเห็น แม้จริงแล้วคยูฮยอนไม่ได้เข้มแข็ง... เขาอ่อนแอ... อ่อนแอจนสังหารผู้หญิงที่เป็นคนสำคัญของทงเฮไปชีวิตหนึ่ง และไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความอดทนจะหมดลงตราบใดที่เขายังทนอยู่กับคนตรงหน้า เพียงถ้าอีทงเฮจะโกรธ เคียดแค้น หวาดกลัวอย่างที่ควรจะเป็นบ้าง...


    บางทีที่คิดว่าจะปกป้อง... อาจกลายเป็นว่าเขาได้ทำลายลงเสียเอง


    “แค่เลือดใช่ไหม...?” ริมฝีปากบางเม้มแน่นในขณะที่ตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบมีดโกนที่หน้ากระจก อึดใจหนึ่งที่เขาปาดมันลงกับฝ่ามือจนเลือดสดๆไหลเปรอะ อีทงเฮยืนมื่อโชกโลหิตออกไปตรงหน้า ยิ้มบางๆกลบความเจ็บปวดที่แล่นริ้วจนชาไปทั้งมือ “มันก็ยังดีกว่าให้นายมากัดคอฉันตาย”


    มือของคยูฮยอนสั่นเทา ลำคอแห้งผากกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ทงเฮยังคงส่งยิ้มให้เขา... ยิ้มซึ่งอ่อนโยนเกินกว่าที่คนแปลกหน้าพึงจะมีให้กัน... หากลองเชื่อความรู้สึกแล้ว... มันอาจจะเลยคำว่ารู้จักมาในระดับหนึ่ง


    หากแต่คยูฮยอนกลัว... กลัวคำว่าสำคัญที่มันกำลังจะก่อตัวขึ้น....


    เช่นเดียวกับที่อีทงเฮเกลียด... เกลียดความรู้สึกในตัวของเขาที่ยกโทษให้คนตรงหน้าอย่างง่ายดาย


    มือเย็นเฉียบรั้งเอวของอีกคนเข้ามาใกล้ ในขณะที่อีกมือคอยประคองมือซึ่งเพิ่งถูกกรีดให้เป็นแผลนั้นไว้ ครั้งที่สองที่เขากำลังจะลิ้มรสโลหิตสดจากกายมนุษย์... เพียงแต่ครั้งนี้ทงเฮยังคงอยู่กับเขา....




    “ผมขอโทษ... ขอโทษเรื่องกูฮารา....”









     

    TBC













    จัดไปกับตอนสิบ =_= ตกใจตัวเองมากค่ะที่อัพไว 555555555555.
    ตอนนี้ไม่สนุกเลย งอแง ๆ เราบีบคั้นบังคับตัวเองนั่งเทียนแต่งมาก UU'

    อะไร ๆก็คงจะเริ่มชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วนะคะ
    (รวมถึงความสัมพันธ์ของพระ-นายที่หลาย ๆคนกังวล 55555555555.)
    จัดกันไปค่ะคยูเฮพาร์ทนี้ ไปแบบงง ๆเลยทีเดียว -OO-
    ฉากคยูฮยอนกับคิบอมปะทะกันแต่งยากมาก..... บรรยายไม่ถูกจริง ๆค่ะ  โฮ*
    ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจและทุกคำแนะนำนะคะ เราอ่านแล้วอมยิ้มจริง ๆ :D

    พาร์ทหลัง ๆมานี้เป็นอะไรที่แต่งยากมากค่ะ อ่านแล้วอ่านอีกว่ามันจะมีจุดบอดตรงไหนมั๊ย
    ตะขิดตะขวงใจอะไรก็ทักท้วงกันได้ตามสบายนะคะ เรารับได้ทุกอย่าง 5555555.

    แอบเห็นอย่างนึง แซวกันจังเลยเรื่องรักไม่มีวันตาย ._  .
    คือจริงๆแล้ว เรื่องนี้ถูกแต่งก่อนที่พี่โดมจะมาอีกค่ะ TOT'
    พอมาเจอรักไม่มีวันตาย ตอนนี้พ่อคยูแวมไพร์เราเพิ่งจะตอนสองตอนเท่านั้นเอง (ดอง)
    อึ้งกิมกี่ไปเหมือนกันค่ะ (ดันมีตำรวจแสนดีโผล่เข้ามาเหมือนกันอีก เจริญ)
    แต่ก็ฮาดีค่ะสำหรับเรา แต่ปรี้ทงเฮนี่คงคนละเรื่องกับพลอยสวยเลย 5555555.

    พล่ามเยอะแล้ว รอติดตามตอนต่อไปกันนะคะ !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×