ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #10 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter nine .

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 54



    SCAPEGOAT…?

    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’

    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

     










    CHAPTER NINE

     









    แสงแดดอ่อนลงจนคาดได้ด้วยสายตาว่าเข้าสู่เวลาสายัณห์ของวัน เรี่ยวแรงอาทิตย์ที่แผ่ความร้อนแผดเผาอาจเบาบางลงเหลือเพียงอากาศเย็นชื้น หากตรงข้ามกับใจของอีกคน ยิ่งเวลาล่วงเลยจนได้ยินเสียงนกร้องกลับรัง ทว่าเขากลับรู้สึกเพียงไฟที่ร้อนระอุ แรงโทสะซึ่งไม่ลดลง ซ้ำยังเพิ่มขึ้น... เพิ่มขึ้น... เมื่อรับรู้ว่าการปฏิบัติตนที่เพื่อนสนิทมีให้ใครอีกคนนั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตรงข้ามกับเขา... เขาซึ่งนับวันจะได้เห็นเพียงแค่สีหน้าย่ำแย่ และเหนื่อยหน่ายต่อทุกความต้องการที่ถูกยัดเยียดเสียจนเต็มกลืน


    อริหมายเลขหนึ่งของอีทงเฮกลับไปแล้ว ตอนนี้เห็นเพียงร่างแบบบางคุ้นตาที่กำลังเดินกลับเข้ามาภายในบ้าน เปิดประตู กระทั่งหายลับจากสายตา....


    มือเรียวจัดการเก็บรองเท้าขึ้นวางบนชั้นวางอย่างลวกๆ มองเข้าไปเห็นเพียงไฟดวงเล็กซึ่งเปิดทิ้งไว้ในครัวเมื่อเกือบชั่วโมงก่อน พักใหญ่ทีเดียวที่เขานั่งคุยกับคยูฮยอนภายในรถ คุย... อย่างที่คนคุ้นเคยพึงจะแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบต่อกัน




    พี่... โอเครึเปล่า?

    อืม...

    ............

    นายก็น่าจะรู้คำตอบดี




    คำสนทนาอาจจะมากมายยาวนานนับชั่วโมง ทว่าเสี้ยวหนึ่งของสิ่งนั้น ก็คือสัมผัสกายที่ถูกปรนเปรอโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ เพียงความคิดถึง... คิดถึงเท่านั้นหรือที่ทำให้เขากับคยูฮยอนจบลงด้วยเซ็กส์ทุกครั้ง ข้อนี้อีฮยอกแจรู้ดีว่าไม่ใช่ เป็นเพียงการปลดปล่อยความอัดอั้นซึ่งสั่งสมมานานนับหลายเดือน ความสุขในเพศรสที่ไม่เคยได้รับจากคนซึ่งให้คำว่ารักไปจนหมดหัวใจ


    พอแล้ว...


    ถึงตอนนี้ฮยอกแจบอกกับตัวเองว่าพอแล้ว ต่อให้จะต้องหนี... หนีไปให้ไกลเพียงเพื่อหลีกหนีจากความเจ็บปวดเขาก็ขอทำ เพียงแต่เขาทิ้งชเวจีน่าไม่ได้... ผู้หญิงที่เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกผิดอย่างรุนแรงไม่ต่างจากบ่วงซึ่งสร้างความเป็นห่วงอาวรณ์ผูกติดชายหนุ่มตัวคนเดียวให้ไม่หนีไปไหน


    ไล้มือลูบไปตามผืนผ้าปูที่นอนก่อนจะดึงออกลงใส่ตะกร้าไม่ไกลจากตัว ผ้าปูผืนใหม่ถูกพับวางไว้หัวเตียง สะบัดคลี่ออก อมยิ้มกับสีสดใสที่เขาคิดว่าเหมาะแสนเหมาะกับแม่ลูกอ่อน เรื่องจิตวิทยาง่ายๆที่เชื่อมโยงสีกับอารมณ์เข้าด้วยกัน เพราะความใส่ใจนี้ไม่ใช่หรือไรที่ทำให้จีน่าเผลอมอบความรู้สึกดีๆให้ โดยที่ไม่สามารถได้รับอะไรตอบแทนนอกจากความกดดันจนแทบร้องไห้


    ทว่าต้องสะดุ้งมือสัมผัสกร้านเอื้อมมาปิดปาก ทั้งใจหล่นวูบ ก่อนจะค่อยๆตั้งสติได้เมื่อกลิ่นกายนี้ช่างแสนคุ้นเคย แต่แปลกเหลือเกิน... ที่ทั้งใจกลับไม่ชื้นขึ้น แม้ว่าการผินหน้าหันกลับไปมองเมื่อเป็นอิสระไม่ผิดไปจากที่คาดเดา


    “เข้ามาได้ยังไง?”


    ได้รับกลับเป็นรอยยิ้มกึ่งหยัน ใบหน้าหล่อเหลานั้นบูดเบี้ยวดั่งปีศาจเมื่อแรงโทสะยังแล่นริ้วรุนแรง ฮยอกแจไม่รู้ตัวว่าถูกเห็นภาพไม่สมควร ไม่รู้ว่าการลักลอบเข้ามาในบ้านของชเวจีน่าครั้งนี้อีกฝ่ายทำไปเพื่ออะไร ครั้นเห็นแววตา มั่นใจว่าคงไม่ใช่เรื่องดีนัก “มีเมียอยู่บ้านนี้ตั้งสองคน คิดว่าจะไม่มีปัญญาเข้ามาเลยหรือ?”


    สะอึกก้อนโมโหเสียอึกใหญ่ นี่ไม่ใช่การดูถูกอีฮยอกแจเพียงคนเดียวแต่ยังรวมถึงชเวจีน่า แน่นอนว่าเขาไม่ยอม... ไม่ยอมที่จะให้เธอถูกทำร้ายอีกแม้ว่าคำพูดโสมมตรงหน้าจะพูดกับเขาเพียงคนเดียวก็ตามที “อย่าพูดแบบนี้ทงเฮ... จีน่าไม่ใช่เมียของนาย...”


    “แค่จีน่าหรือ? แล้วนายล่ะฮยอกแจ...”


    ไม่ต่างจากเปิดสงครามด้วยคำพูด อีฮยอกแจ ยังไงก็อ่อนให้เขาอยุ่วันยังค่ำแม้จะทำแข็งขืนไปก็เท่านั้น ทงเฮเป็นคนที่ถูกรัก... ใช่ มันมากพอกับการที่เขาเป็นฝ่ายไล่ตามและจะไม่มีทางกลับไปมือเปล่า


    “นายต้องการอะไรอีก...?” ดวงหน้าขาวเริ่มบิดเบี้ยวจนแววตาเรียวรีประกายความโศกเศร้าออกมาชัดเจน ร้อยวันพันปีแม้จะไม่พูดดีๆ แต่ก็ใช่ว่าจะทำลายความรู้สึกให้ย่อยยับอย่างจงใจเช่นนี้ โกรธแค้นแค่เพราะเขาหายไปอย่างนั้นหรือ? ...แค่นั้น ถึงกับยอมมาหาถึงที่นี่




    แค่เพื่อจะให้ฮยอกแจเจ็บช้ำเจียนตาย...




    “ใครกันแน่ที่ต้องการน่ะ”


    “............”


    “บอกว่ารักนักรักหนา... แล้วไอ้ที่ให้ไปนี่มันไม่พอใช่ไหม?”


    “............”


    “พูดจาสวยหรู... สุดท้ายก็ทำตัวน่าขยะแขยงอยู่ดี....”




    หมัดลุ่นๆซัดเข้าที่หน้าจนทั้งร่างเซไปอีกทาง เสียงลมหายใจหอบกระเส่าจากร่างผอมบางซึ่งอยู่ในท่ากำหมัดค้าง ตัวโยนอีทงเฮค่อยๆเหลียวมองกลับมา อาการเจ็บแปลบที่ฝีปากแล่นริ้ว กระทั่งยกมือขึ้นแตะ จึงเห็นหยาดเลือดเล็กๆ ไม่ต่างอะไรจากเวลามีเรื่องชกต่อย


    หากแทนที่จะต่อยกลับ ร่างหนากลับถลาเข้าหาอีกฝ่ายอย่างลืมตัว กดใบหน้าขาวแสนคุ้นเคยฝังลงกับหมอน แม้จะเอาแต่ดิ้นพรวดพราด ทว่าสภาพคว่ำหน้าลงแบบนั้นคงไม่สามารถสู้แรงคนข้างบนได้ อีฮยอกแจก็แรงผุ้ชาย... พอมือเท้าสะเปะเข้าหน่อย ก้เจอรวบไขว้ไว้แผ่นหลังง่ายดาย


    “รังเกียจกันมากใช่ไหม!?”


    “ทงเฮ... หยุด....!


    “ยังเรียกชื่อกันถูกอยู่เหรอ.... งั้นก็ทวนความจำกันหน่อยเป็นไง?”


    อาศัยสีต้นขาเข้าหน่อย ร่างกายก็เริ่มตื่นตัวด้วยความโมโหซึ่งพุ่งพล่านอย่างไม่สมเหตุสมผล ในใจมีเพียงคำว่า ทำไม? เพื่ออะไร? ทำกับฮยอกแจแบบนี้ เพราะอยากได้อะไรหรือ? เพียงแต่สิ่งที่ถูกแสดงออกไปกลับมีเพียงโทสะ หาใช่แรงกามารมณ์


    น้ำตาแห้งเหือดทว่ารินไหลอยู่ภายในใจของคนโดนกระทำ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตั้งแต่เมื่อไหร่... ที่แพะโง่ๆตัวนี้เป็นเพียงเครื่องระบายอารมณ์ซึ่งไร้ชีวิตขึ้นทุกวัน.... ทุกวัน......


    กางเกงตัวเก่งถูกถอดรูดไปกองอยู่ปลายขา สะโพกมนถูกจับยก ก่อนความรู้สึกเจ็บแปลบจะวิ่งเข้าทำร้ายทั้งกายใจ แม้จะรู้ว่าไม่มีทางที่ความสุขสมจะเกิดขึ้น ทว่าอีทงเฮก็ยังทำ... อย่างนั้น.... บ้าคลั่ง ไม่ต่างจากคนโรคจิต




    “อึก....”


    “ทำไมล่ะ... ทำไมถึงไม่ต้องการฉัน..... ฮยอกแจ?”




    เขาไม่ได้ทำเพื่อให้ฮยอกแจมีความสุข... แต่เขาทนไม่ได้ ที่ฮยอกแจจะมีความสุขกับใครที่ไม่ใช่เขา....


    มันเป็นแค่ความเห็นแก่ตัว ที่เพื่อนสนิทพึงจะมีให้กันเพียงนั้นเอง

     





















     





















    ฮยอกแจ!’


    เสียงทุ้มพร่าร้องเรียกออกไปจนคนในห้องสะดุ้งตัวโยน อีทงเฮจัดการถอดรองเท้าผ้าใบที่สวมใส่อยู่อย่างลวกๆ เหวี่ยงเป้ลงกับเก้าอี้บุหนังหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ กระทั่งเหลือบมาเห็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวเก็บโต๊ะและสมุดของตนเองขึ้นบนชั้นวางเรียบร้อยเฉกทุกที เพื่อนหมายเลขหนึ่งและรูมเมทที่ทงเฮแคร์กว่าใคร หากจะถามว่าใครคือเพื่อนที่ดีที่สุด ตอบได้ไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นอีฮยอกแจ...ผู้ชายร่างผอมผิวขาวที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจวบจนมหาวิทยาลัย


    วันนี้น่ะ ฉันไปคุยกับพี่ที่ชื่อจองฮุนมาแล้วนะ


    เป็นยังไงบ้าง ปรับท่าทีให้เป็นปกติ แล้วจึงหมุนเก้าอี้หันหน้ามาทางเพื่อนรัก สีหน้าของฮยอกแจไม่ได้เต็มไปด้วยความปรีติ มันติดจะกังวล ทงเฮรู้ดี


    อีกสองอาทิตย์พี่จองฮุนจะพาฉันลองไปแคสงานถ่ายแบบกับงานโฆษณาสองงาน นายว่าตอนนี้ฉันดูดีหรือยัง!? ยืนขึ้นหมุนตัวไปรอบๆเหมือนเต้นระบำ ใช่... ทงเฮกำลังดีใจมาก มากจนลืมนึกถึงความเป็นไปดังที่ฮยอกแจเคยได้เตือนไว้ ลึกๆมันก็ไม่ต่างอะไรจากความเห็นแก่ตัว เพราะถึงตอนนั้นอาจต้องแยกกัน... ฮยอกแจอาจจะเข้าถึงเพื่อนเพียงคนเดียวนี้ไม่ได้อย่างเคย


    นาย... คิดดีแล้วจริงๆหรือ?


    พูดออกไปอย่างนั้นให้อีกคนชะงักเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ตั้งแต่คุยเรื่องนี้กันมา ท่าทางกระตือรือร้นของร่างหนาอ่อนลง กระทั่งสองมือแตะลงที่ลาดไหล่บาง ยิ้มแบบนั้น... ที่ฮยอกแจละสายตาไม่ได้แม้สักวินาที ฉันรู้ว่านายเป็นห่วง แต่มันเป็นความฝันของฉันนะฮยอกแจ... จะให้ฉันทิ้งโอกาส ฉันทำไม่ได้หรอก


    .............


    ถึงตอนนั้น... นายจะได้เป็นเพื่อนเบอร์หนึ่งของซูเปอร์สตาร์ไง


    ไม่รู้ว่าทำไม... คำพูดกลั้วหัวเราะในตอนนั้น ถึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้อีฮยอกแจโผเข้ากอดเพื่อนรักตรงๆเป็นครั้งแรก กอดแนบแน่น... ลึกซึ้ง... ทว่าอีทงเฮไม่เคยรู้สึกถึงมันแม้แต่ครั้งเดียว มือนั้นยังคงลูบเรือนผมซอยสั้นของคนตัวเล็กกว่าซ้ำๆแบบที่ชอบทำ โคลงกันไปมา โดยมีเพียงว่าที่ดาราหนุ่มที่ได้แต่ยิ้มกว้างอยู่ฝ่ายเดียว

     










    .

     










    .

     










    จอโทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ค่อนคืน มากกว่าสิบครั้งที่มือหนากดรีโมทซ้ำๆวนไปวนมาโดยที่ไม่แม้แต่จะใช้สายตามอง เขากำลังรออีฮยอกแจ... ฮยอกแจไม่เคยกลับมืดค่ำหรือทำตัวเหลวไหลให้เขาต้องมานั่งรอ ไม่เคยแม้แต่จะหนีหายไปโดยไม่บอกล่วงหน้า


    หากแต่เสียงโหวกเหวกที่ดังแว่วจากระเบียงทางเดินนอกห้องกลับดับอารมณ์ฉุนเฉียวจากการรอได้ชะงัดนัก ชายหนุ่มรีบถลาตัวเองไปเปิดประตูออกหวังจะได้ยิ้มกว้างๆให้เพื่อนรักและบอกข่าวดี ทว่าภาพที่เขาเห็น... กลับเป็นสิ่งที่อีทงเฮเคยให้คำสัตย์กับตัวเองว่าเขารู้สึกรังเกียจอย่างถึงที่สุด


    ชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าในชุดเสื้อแจ็กเกตของคณะอื่นกำลังจูบอยู่กับรูมเมทซึ่งทงเฮนั่งรอมาค่อนคืน เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกรังเกียจปะปนไปกับความโทโส ค่อยๆปิดประตูลงสงบสติอารมณ์เงียบๆ




    เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่อยากกอดคอ... ไม่อยากพูดคุย.... ไม่อยากเห็นหน้าอีก


    ทั้งที่อยากหนีไปให้ไกล... แต่เหมือนกับว่า.... กำลังจะถูกถอยห่างโดยฮยอกแจ

     










    .

     










    .










     

    ความรู้สึกเห็นแก่ตัวที่ว่า....


    ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า แต่อย่าหนีไปไหน

     

     




















     



















    ทั้งบ้านมืดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ กวาดสายตามองไปรอบๆ รถของใครอีกคนก็ยังอยู่ดี อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น... แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เธอควรทำ ก็คือการถอยห่างออกมาด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ


    อ้าปากเกือบจะขานเรียกชื่อออกไปแล้วก็ตัดสินใจกลืนลงลำคอตามเดิม ลึกๆแล้วก็ยังหวัง... หวังว่าฮยอกแจจะยอมเปิดรับเธอบ้าง ตราบใดที่ยังไม่รู้เหตุผล ใจของชเวจีน่า... ก็ยังคงเต้นระรัวทุกครั้ง


    พ่อแม่ของเธอกลับต่างประเทศไปแล้วหลังได้พูดคุยกันมาทั้งวันพร้อมมื้อเที่ยงแสนอร่อย จำไม่ได้ว่าโกหกออกไปเท่าไหร่กับคำว่ายังรักกันดีกับสามี ให้สบายใจ แม้ว่าความโศกเศร้านั้นจะหยั่งรากลึก จนแทบไม่เห็นอนาคตครอบครัวจอมปลอมซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากความผิดพลาด ก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดอุ้ยอ้าย หวังจะอาบน้ำสักตื่นแล้วหลับให้ถึงพรุ่งนี้เช้า อาจจะบรรเทาความเหนื่อยหน่าย ทว่าพรุ่งนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม  ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง


    หยุดยืนยังหน้าบานประตูซึ่งมีแสงไฟลอดออกมากระทบปลายเท้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฮยอกแจกำลังใช้ห้องของเธอหรือ? ควานมือลงในกระเป๋าสะพายข้างเพื่อหากุญแจ เสียบแล้วบิดเปิด ก่อนจะพบว่ามันไม่ถูกล็อกมาแต่แรก


    ถือวิสาสะค่อยๆเปิดเข้าไปเพราะเป็นห้องของตัวเอง เสียงหอบหายใจครางครือกระทบโสตหู เพียงแต่ชเวจีน่าไม่คิดว่าเป็นเรื่องอย่างว่า ปล่อยให้ความฉงนบังเกิดในจิตใจ




    กระทั่งสายตาสองคู่ เบิกมองเธอด้วยความตื่นตระหนก อย่างที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นนั่นเอง













    TBC


















    ตอนนี้แต่งอย่างมึน ๆ งง ๆมาก ._ .
    ขอโทษที่ให้รอนะคะ......

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×