คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : CHAPTER VIII :; Stranger
CHAPTER VIII :; Stranger
รถยนต์สีดำจอดลงยังหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาทั้งคู่คุ้นเคยดี คิมยองอุนลูกน้องคนสนิทของชเวซีวอนเป็นคนแรกที่คิบอมและฮยอกแจเจอที่ห้องรับแขก แม้ดวงตาจะฉายแววแปลกใจเล็กน้อย แต่ยองอุนก็ยังรักษาอากัปกิริยาสุภาพสมเป็นคนสนิทของบอสใหญ่
“บอสอยู่ในห้องทำงานครับ”
ฮยอกแจยิ้มขอบคุณให้ยองอุนก่อนจะหันมาทางร่างสูงโปร่งของคิบอมด้วยรอยยิ้มที่ต่างออกไป “วันนี้ขอบคุณมากนะครับคิบอม”
จนถึงตอนนี้ ความกังขาในใจของทั้งคิบอมและฮยอกแจก็คงยังอยู่ ตำรวจที่จับกุมพวกอันธพาลพูดกับพวกเขาว่ามีคนโทรไปแจ้งความก่อนหน้านั้นไม่นานนัก แต่เมื่อไปถึงทางตำรวจกลับไม่ทั้งผู้แจ้งและผู้อยู่ในเหตุการณ์อื่นใดนอกจากสามคนที่ถูกจับกุม คิบอมคิดว่าเขาสันนิษฐานไม่ผิดหากจะบอกว่ามีใครมาช่วยทงเฮไว้
“ไปไหนกันมาน่ะ ?” เสียงทุ้มแหบของใครบางคนที่เดินลงมาจากบันไดเรียกสองสายตาให้หันมองพร้อมกัน ชเวซีวอนเดินลงมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มตามสไตล์ที่เห็นได้บ่อย หากแต่นัยน์ตาคมกริบกลับปราดมองคนสองคนที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้อย่างแปลกใจ “ทำไมถึงมาด้วยกันล่ะ”
นักแสดงหนุ่มเหยียดรอยยิ้มราบเรียบไม่ต่างจากน้ำเสียง เขาและฮยอกแจตกลงกันไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ซีวอน แน่นอนว่าฮยอกแจเล่าทุกอย่างให้คิบอมฟังจนหมด “พอดีไปถ่ายโฆษณาแถวๆมหา’ลัย แล้วบังเอิญเจอคุณฮยอกแจเลยพามาส่ง”
ซีวอนไม่ได้แสดงทีท่าติดใจอะไรออกไปโจ่งแจ้งนัก แต่เขารู้จักคิบอมมากพอที่จะรู้ว่าชายหนุ่มโกหก แต่ชเวซีวอนไม่ใช่ผู้ชายที่จะคาดคั้นเอาความในเรื่องหึงหวงไม่เป็นเรื่องเฉกเช่นผู้หญิง
“แล้วซีวอนจะไปไหน ?” ฮยอกแจโพล่งเปลี่ยนเรื่องขึ้นอย่างถูกจังหวะ ทำให้ซีวอนละสายตาจากเพื่อนหนุ่มและหันมายิ้มให้เขาบางเบา
“ไปไนท์คลับน่ะ”
“ดื่มอีกแล้วเหรอ” เสียงนั้นตัดพ้อลึกๆอยู่ในที หากแต่ซีวอนกลับไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกอย่างที่คิบอมไม่คิดว่ามันจะเกิด
-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-
เปลือกตาบางค่อยๆลืมขึ้นในกลางดึกที่เงียบสงบของวันเดียวกัน เพดานบุผนังสีไม่คุ้นตาฉุดสติเขาให้ลุกวูบด้วยความตระหนก อีทงเฮยันกายขึ้นนั่งทุลักทุเลด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่ยังคงอยู่บนแผ่นหลัง ตาเรียวรีตวัดมองรอบๆอย่างแปลกใจ ห้องโทนสีครีมขาวโอ่อ่าและหรูหราที่เขาแทบไม่เคยได้เห็น ข้าวของส่วนใหญ่ภายในห้องบ่งบอกถึงรสนิยมและฐานะของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่สำคัญ.... คือเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?
สมองค่อยๆไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นลำดับ เขามีเรื่องกับพวกนักเลงพวกนั้น เขาถูกมันเหยียบหัว ถ่มน้ำลาย.... แล้วก็มีใครบางคนเข้ามา และพาเขาหนีออกมาจากพวกนั้น อาจจะเป็นฮยอกแจ.... แต่ก็ไม่น่าใช่ ฮยอกแจไม่ใช่คนที่จะจัดการพวกนั้นได้ง่ายดายอย่างที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย หากแต่ทงเฮนึกไม่ออก....
ประตูห้องเปิดออกพร้อมร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามา เขาเป็นผู้ชายร่างผอมสูงและมีผิวขาวจนเกือบซีดตัดกับเชิ้ตสีเทาอ่อนที่สวมใส่ ผมสีน้ำตาลเข้มนั้นหยักศกเล็กน้อยเป็นทรงกึ่งเซ็ตที่ทงเฮคิดว่ามันดูดี มันไม่ได้สั้นกว่าผมเขามากนัก แต่กลับรับกับใบหน้าผอมยาวนั้นโดยที่ไม่ได้ทำให้ดูโทรมเช่นหลายๆคนที่เคยเห็นมา
และที่สำคัญ.... เขารู้สึกเหมือนกับว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน
“นาย....” เขาเพ่งหาคำตอบในขณะที่อีกฝ่ายเดินอาดๆเข้ามา ใบหน้านั้นระบายยิ้มอ่อนๆให้เขา และคงไม่ผิดหากอีทงเฮจะบรรยายกิริยานั้นใหม่ว่าเป็นการเหยียดยิ้ม “....นายคือคนที่จูบกับอีซองมินเมื่อตอนนั้น....”
“อีซองมิน ?” เสียงทุ้มเรียบของคนมาใหม่ทวนขึ้นเบาๆ ก่อนที่เขาจะแย้มรอยยิ้มออกมาอีกรอบราวกับนึกขึ้นได้ “ถ้าจำไม่ผิด คุณคือแฟนของซองมินในตอนนั้นสินะ”
อีทงเฮอยากจะร้องสบถกับตัวเองออกมาสักหลายๆรอบหากว่ามันไม่เป็นการเสียมารยาท ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แถมยังต้องมาเจอโจทก์เก่า (?) ที่เห็นหนากันเพียงแวบเดียวเมื่อเดือนก่อนอีก นี่มันตลกร้ายสิ้นดี ! เขาคิดแบบนั้น
“แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย” คำถามในทีแรกที่ได้แต่ถามตัวเองในใจถูกเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างสับสน เสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่นี่ก็ไม่ใช่ชุดที่เขาใส่ในทีแรก มันเป็นเสื้อยืดสีขาวที่ใหญ่กว่าตัวนิดหน่อยและกางเกงสามส่วนใส่สบาย
“โดนซ้อมจนความจำเสื่อมรึไงครับ” ชายหนุ่มร่างสูงแค่นหัวเราะในลำคอก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงยังปลายเตียง “ผมเป็นคนช่วยคุณมา”
“แล้วที่นี่ก็บ้านนาย ?”
อีกครั้งที่เขาแค่นเสียงในลำคอ แม้คำพูดพึมพำนั้นจะเบาและเร็วหากแต่ก็ชัดเจนสำหรับคนที่อยู่บนเตียง “นึกว่าจะได้คำขอบคุณสักคำ แต่ก็ไม่มี”
“ขอบคุณ แล้วก็ขอตัวนะครับ” ทงเฮพูดแบบขอไปทีแล้วเคลื่อนร่างฟกช้ำของตัวเองลงจากเตียง ทั้งกระเป๋าเป้ กระเป๋าเงิน และโทรศัพท์มือถือของเขาถูกวางอยู่บนโซฟาเดี่ยวอย่างเรียบร้อย ทงเฮจัดการเก็บมันลงใส่ในกระเป๋าเป้อย่างลวกๆแล้วทำท่าจะเดินออกไปหลังเอ่ยคำร่ำลาสั้นๆเมื่อครู่ “อ้อ เสื้อผ้านี่ฉันจะซักมาคืนทีหลังนะ”
“ถ้าโดนซ้อมอีกรอบนี้คงไม่โชคดีมีคนไปเจอแล้วช่วยไว้แบบครั้งนี้หรอกนะครับ”
ร่างโปร่งชะงักกึกก่อนจะหันมามองตาขวาง ไอ้หมอนี่มันตั้งใจจะแช่งเขารึไงกัน
“เต็มที่ไม่กี่วันพวกนั้นก็ออกมาแก้แค้นคุณได้แล้ว คราวนี้จะลุยเดี่ยวอีกไหวรึเปล่าล่ะครับ” ชายหนุ่มพูดอย่างมีหลักการในขณะที่ยังนั่งไขว้ขาอยู่ตรงปลายเตียง ทงเฮไม่เข้าใจหรอกว่าหมอนี่จะบอกเขาไปเพื่ออะไร หวังดีอย่างนั้นเหรอ ?
“นายจะแนะนำฉันย้ายบ้านหนีพวกเดนสังคมนั่นรึไง” เขาถามออกไปอย่างสิ้นคิด เป็นครั้งที่สามที่ฝ่ายตรงข้ามแค่นหัวเราะ แค่สนทนากับอีกฝ่ายไม่กี่ประโยคกลับทำให้เขารู้สึกโง่ลงถนัดตา เขาตามผู้ชายคนนี้ไม่ทันหรือหมอนี่ทำตัวเข้าใจยากเองกันแน่นะ -__-
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมไปส่ง” อดีตโจทก์เก่าเขาแย้มยิ้มแบบไร้เหตุผล ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วคว้าเอากระเป๋าของเขาไปถือไว้โดยไม่สนใจสายตาที่เพ่งมอง
เอาเถอะ... อย่างน้อยก็ได้นั่งตากแอร์กลับบ้านสบายๆ เขาปลอบใจตัวเองก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายออกไป
“ว่าแต่ผมยังไม่ได้บอกคุณใช่ไหม ว่าผมชื่อโจวคยูฮยอน”
-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-:-
รถฟอร์ดสีขาวคันหรูค่อยๆจอดลงยังที่จอดรถเล็กๆใต้คอนโดมิเนียมย่านชุมชุนอย่างนัมแดมุน ร่างสูงโปร่งเปิดประตูลงจากรถพลางควงกุญแจรถในมือเล่นสบายๆคล้ายกับว่าเป็นเวลาว่างในวันหยุด ต่างกับอีกคนที่เอาแต่ตีหน้ามึนๆทื่อๆจนเขาอดที่แอบหัวเราะไม่ได้ไปหลายครั้ง
ทงเฮเดินนำเข้าไปภายในคอนโดมิเนียมก่อนจะกดลิฟท์ให้เปิดออก เมื่อขาเรียวก้าวเข้าไปภายในห้องสี่เหลี่ยมปุ่มปิดก็ถูกกดย้ำถึงสองครั้งโดยไม่รอให้คนสูงกว่าตามเข้ามา แต่ดูเหมือนเขาจะดูถูกอีกฝ่ายมากเกินไปเมื่อร่างสูงแทรกรูปร่างผอมเพรียวตามเข้ามาได้อย่างสบายๆ คยูฮยอนไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้จุดประสงค์ของทงเฮ แต่มันเหมือนความคิดพิเรนทร์ หากจะบอกว่าเขารู้สึกสนุกลึกๆที่ได้เห็นสีหน้ามึนตึงจากคนข้างๆนี่
“นายจะตามขึ้นมาทำไม ?” ทงเฮหันไปแขวะเสียงลอดไรฟัน หมอนี่ทำเขาประสาทเสียนับตั้งแต่การแค่นหัวเราะสามครั้งที่บ้านหลังโตนั่น หรือบางที อาจจะเรียกได้ว่าไอ้หมอนี่เป็นส่วนหนึ่งในต้นเหตุความย่ำแย่ของชีวิตเขาก็เป็นได้
อีทงเฮสะบัดศีรษะเบาๆไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่พาลไปโทษคนไม่รู้เรื่องอย่างคยูฮยอน ถึงอย่างไรซะหมอนี่ก็ไม่ได้ดูเป็นคนไม่ดีเสียทีเดียว ดูจากการที่เสี่ยงเข้ามาตัวคนเดียวเพื่อช่วยคนไม่รู้จักกันอย่างเขาและไว้ใจพาไปพักที่บ้านแบบนั้น
“คุณกำลังนินทาผมในใจใช่ไหมเนี่ย” โจวคยูอยอนพูดทีเล่นทีจริงเมื่อทงเฮดูจะไม่ใส่คาดคั้นคำตอบจากเขาแต่กลับเงียบใช้ความคิดคนเดียวแบบนั้น ซึ่งมันถูกเผง เพราะเสียงทงเฮที่ลอบพึมพำเบาๆว่าฉลาดเป็นกรด
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย ร่างโปร่งของทงเฮก้าวฉับๆตรงไปยังประตูห้องไม้อัดที่ดูไม่เก่าและไม่ใหม่ซึ่งเขาจำได้แม่นยำ คีย์การ์ดในกระเป๋าเป้ถูกหยิบออกมาใช้เปิดประตูห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างระอาเมื่อเขาเดาไม่ผิดว่าคยูฮยอนเดิมตามเข้ามาด้วย
“ตามมาถึงในห้อง จะดื่มอะไรหน่อยไหมครับ” ทงเฮแค่นเสียงประชดในขณะที่อีกฝ่ายทิ้งตัวลงบนโซฟาเสมือนเป็นบ้านของตัวเอง หากไม่ติดหน้าตาท่าทางที่ดูภูมิฐาน การแต่งตัวแบรนด์เนมและรถยี่ห้อหรูนั่นแล้ว ไอ้หมอนี่ก็ดูเชื่อถือไม่ได้เลย เป็นอีกครั้งที่ทงเฮนินทาอีกคนในใจ
“ผมชอบดื่มเอิร์ลเกรย์”
“ไม่มี” ร่างโปร่งตอบเสียงแข็งในขณะที่อีกคนส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ เขากำลังคิดว่าคยูฮยอนกวนประสาท ซึ่งดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลย คยูฮยอนกำลังหมายความตามที่พูดจริงๆ
“งั้นเอาเป็นปรินซ์ออฟเวลส์ก็ได้ครับ”
“ฉันไม่ใช่บาริสต้า แล้วที่นี่ก็ไม่ใช่คอฟฟี่ช็อปนะ” อีทงเฮหันมาแขวะร่างสูงที่ยิ้มเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างหมดความอดทน ไอ้บ้านี่กำลังทำเขาประสาทเสียจริงๆ
“คุณมีอะไรในตู้เย็นก็เอามาเถอะ” คยูฮยอนหัวเราะเบาๆแบบที่ชอบทำ ไม่นานนักแก้วน้ำเปล่าเย็นๆก็ถูกวางลงบนโต๊ะที่กองเต็มไปด้วยหนังสือ เขาเหลือบมองทงเฮแวบหนึ่งก่อนจะเบนสายตาไปมองรอบๆอย่างสนอกสนใจ ห้องของทงเฮไม่ใช่ห้องที่กว้าง มันทั้งเล็กกระทัดรัด ไม่ได้ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนด้วยพื้นที่จำกัด และยังค่อนข้างรกตามประสาห้องผู้ชาย
รูปถ่ายคู่ของทงเฮกับอีกคนที่เขาคุ้นเคยตั้งอยู่บนหลังตู้เย็น ช่วงหนึ่งของเดือนที่แล้วเขามีความสัมพันธ์กับซองมินอย่างที่ทงเฮเห็น หากแต่มันก็เป็นเพียงเรื่องสนุกๆฆ่าเวลาที่ผู้ชายอย่างคยูฮยอนทำเท่านั้น เขาเจอซองมินไม่เกินสิบครั้งนับตั้งแต่รู้จักกัน แต่ตลกดีที่กลับจูบกันนับครั้งไม่ถ้วนโดยที่เขาไม่เคยสนใจว่าซองมินจะมีแฟนเป็นตัวป็นตนอยู่แล้ว
“ดูคุณจะยังตัดใจจากซองมินไม่ได้นะครับ”
ทงเฮหันไปมองตามทิศที่คยูฮยอนมองไป ก่อนจะยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มคล้ายไม่ใส่ใจอะไรนัก “ไม่ใช่หรอก ฉันลืมเอาไปทิ้งน่ะ”
คยูฮยอนมองใบหน้าของคนที่นั่งเยื้องกันอย่างพินิจ ทงเฮเป็นคนผิวขาว รูปร่างผู้ชาย แต่ก็สูงน้อยกว่าเขา หน้าตาค่อนไปทางหวานกว่าผู้ชายทั่วไป มันดูน่ารัก คยูฮยอนจำกัดความแบบนั้น ทั้งยังดวงตาที่สวยและแวววาวนั่น แม้จะบึ้งตึงแต่ก็ยังดึงดูดให้มองจนอดที่จะสนใจไม่ได้
“เอาล่ะ นายกลับไปได้แล้ว” ดวงหน้าหวานโศกหันมาทางเขา คยูฮยอนหัวเราะเบาๆทั้งยังอดนึกในใจไม่ได้ สาเหตุที่ทงเฮยังไม่ยอมยิ้มให้เขานี่มันมาจากเรื่องที่เขาจูบกับอีซองมินรึเปล่า แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของทั้งสองคน คิ้วเรียวของทงเฮขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจที่มีอาคันตุกะยามดึก ร่างโปร่งลุกขึ้นแล้วเดินไปประตูโดยที่คิ้วยังไม่คลายผมจากกัน โดยที่ร่างสูงไม่วายจะชะโงกหน้ามองตามไปด้วยความอยากรู้ไม่แพ้กัน
คยูฮยอนเห็นแผ่นหนังของทงเฮนิ่งงันเมื่อประตูเปิดออก ผู้ชายร่างสูงสง่าในชุดสีมืดกำลังยืนประจันหน้ากับร่างโปร่งที่เขามองเห็นเพียงข้างหลัง แต่คยูฮยอนรู้สึกได้ ว่าผู้ชายคนนี้ต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับทงเฮแน่นอน
“มาทำไม ?” เจ้าของห้องกลั้นใจถามออกไปเสียงแข็ง แม้ครู่หนึ่งแววตานั้นจะสั่นพร่าหากแต่มันก็กลับมาสงบนิ่งในเวลาอันรวดเร็ว ชเวซีวอนไม่รู้เลยว่าทงเฮไม่อยากเจอหน้าเขา หรือลึกๆแล้วก็คิดถึงเขาอยู่บ้าง
“ฉันมาหานาย” ร่างสูงตอบเสียงเรียบ กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งจนทงเฮไม่ต้องเดาเลยว่าก่อนมาที่นี่ซีวอนไปไหนมา
“มาหาผม ? เหอะ....” เขาแค่นเสียงในลำคอเบาๆราวสบถ แต่ร่างทั้งร่างก็ยังยืนขวางอยู่ตรงประตูโดยไม่มีทีท่าว่าจะให้อีกคนเข้ามา “มีธุระอะไรอีกล่ะ”
“ฉันมาหานาย” ชเวซีวอนพูดย้ำอีกครั้งด้วยเสียงหนักแน่น หากแต่สำหรับทงเฮมันไม่ต่างอะไรจากตะปูที่ตอกลงกลางอก เขาไม่เคยมีความหวังและไม่เคยคาดคิดว่าซีวอนจะมาหาเขา แล้วมันจะสำคัญอะไรล่ะในเมื่อที่ตรงนั้นเป็นของฮยอกแจ เขารู้ดีมาตลอด เตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่าสักวันจะต้องตัดใจ
ซีวอนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเขาจึงได้ย้ำประโยคเดิมอย่างนั้น เขาดื่มอยู่ที่ไนท์คลับ หากแต่รู้สึกตัวอีกทีก็มาถึงหน้าคอนโดมิเนียมนี่แล้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้อยากมาหาอีทงเฮทั้งที่ความรู้สึกมันร่ำบอกอยู่ในอก ซีวอนไม่เคยกระดากที่จะพูดว่าคิดถึงฮยอกแจ แต่ทำไมกับอีทงเฮมันถึงได้ยากเย็นเหมือนจุกอยู่กลางลำคอ
“ถ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเถอะ ผมไม่อยากเจอคุณอีก” ร่างโปร่งตัดบทเสียงเรียบต่างจากเสียงภายในใจที่บีบแน่นจนรู้สึกอึดอัดแปลกๆ เพราะอีทงเฮให้สัตย์กับตัวเองว่าทุกอย่างมันจบแล้ว เขาควรจะต้องเลิกให้ความหวังตัวเองสักที
นัยน์ตาของซีวอนตวัดมองเลยเข้าไปถึงภายในห้องที่มีร่างของใครอีกคนนั่งอยู่ ผู้ชายที่ซีวอนไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้าค่าตา.... ไม่สิ เขาอาจจะสำคัญตัวผิด เขาไม่ได้เป็นอะไรกับอีทงเฮ และไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับคนๆนี้เลยด้วยซ้ำ
“ฉันมาขัดจังหวะนายรึเปล่า” ซีวอนไม่เคยมีมารยาทกับทงเฮ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน โทสะไร้เหตุผลกำลังก่อตัวอยู่ภายในใจของเขาเงียบๆ ชเวซีวอนเป็นคนหึงหวงร้ายกาจ เขารู้ตัวเองดีนับตั้งแต่คบกับฮยอกแจ
แต่หากนึกย้อนกลับไป.... ซีวอนไม่รู้ตัวเองเลยว่ามันไม่ต่างอะไรจากตอนที่เขาเห็นคิบอมกับฮยอกแจมาด้วยกัน
ความเงียบโรยตัวลงมาชั่วอึดใจ ทงเฮไม่ได้ตอบคำถามซีวอนแม้มีทีท่าว่าจะเปิดปากพูดออกมาหลายครั้ง ความเงียบงันในช่วงระยะเวลาสั้นๆอย่างไม่กี่วันที่ผ่านมาซีวอนให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาแค่ไม่ชิน ไม่ชินที่จะไม่มีอีทงเฮอยู่ด้วยกันแบบเมื่อเดือนก่อน
เหมือนคยูฮยอนจะสังเกตเห็นบรรยากาศน่าอึดอัดที่ตรงประตู เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของทงเฮ หากแต่แวบหนึ่งที่ร่างโปร่งปรายตามาทางเขาเมื่อครู่คยูฮยอนก็ตัดสินใจจะลุกเดินออกไป เขาก้มลงกระซิบข้างใบหูอีกคนแม้ว่าผู้ชายแปลกหน้านอกห้องจะจ้องมองเขาเขม็งก็ตามที
“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า ?”
“ฉันจะย้ายไปอยู่กับนาย” ทงเฮพูดเสียงแข็งแบบที่เรียกให้ร่างสูงโปร่งสองคนจ้องมองหน้าเขาแทบจะพร้อมๆกัน แต่คยูฮยอนรักษาอาการได้ดีกว่า เขาฉลาดพอที่จะเรียบเรียงความสัมพันธ์และการกระทำที่ทงเฮมีต่ออาคันตุกะตรงหน้า ชายหนุ่มเหยียดรอยยิ้มยินดีครึ่งๆกลางๆกับความพึงพอใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งรอยังโซฟาตามเดิม
ดวงตาหวานโศกหลุบลงโดยไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆต่อการจับจ้องของชเวซีวอน ทงเฮปิดประตูห้องแม้ว่าซีวอนจะยังยืนอยู่ตรงนั้น เป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องในหลายๆครั้งของวันเมื่อมาเฟียหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าป่าเถื่อนโหดร้ายในสายตาเขาไม่ได้ด่ากราดหรือยั้งอะไรเขาไว้เลย
มันเป็นความน่าอึดอัดแปลกๆระหว่างอีทงเฮและชเวซีวอนที่ไม่เคยมีต่อกัน....
“เมื่อกี้น่ะ พูดไปเพราะอารมณ์รึไงกันครับ”
อีทงเฮหยุดยืนนิ่งและปรายตามองคนที่นั่งส่งยิ้มให้เขาจากบนโซฟา คยูฮยอนทำให้เขาต้องหยุดฟังได้ทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันที่น้ำเสียงกึ่งราบเรียบนั่นสะกดให้เขาต้องตอบออกไปแบบทุกที “เปล่า ฉันคิดจะทำจริงๆ”
“...........”
“จะย้ายไปอยู่ที่อื่นน่ะ ที่บอกว่าบ้านนายนั่นก็แค่พูดแบบขอไปที ไม่ต้องคิดมากหรอก” เขาเหยียดยิ้มบางๆราวกับสมเพชตัวเองแล้วนั่งลงบนโซฟา หยิบน้ำเปล่าขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว
“ไปอยู่กับผมสักพักก็ได้”
“หืม ?”
“คิดซะว่าไปค้างบ้านเพื่อน เปลี่ยนบรรยากาศไงครับ ผมยินดี” คยูฮยอนยิ้มให้เขา แต่น้ำเสียงนั้นกลับจริงจังและผ่อนคลายอยู่ในที ทงเฮไม่รู้ว่าคนตรงหน้าพูดเล่นหรืออย่างไร แต่นัยน์ตาที่อีกฝ่ายมองมา มันไม่ใช่การล้อเล่น แต่ทงเฮก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองถึงกับจะใช้คำว่าห่วงใยจากคนที่เพิ่งรู้จักกันได้วันเดียว
“มันมีประโยชน์อะไรกันที่จะมาหวังดีกับฉันแบบนี้”
“ผมก็แค่เด็กขี้เหงา มีคนมาอยู่ด้วยมันก็น่าดีใจออกไม่ใช่รึไงครับ” ร่างสูงโปร่งตอบฉะฉาน ยิ้มเล็กๆที่เจืออยู่บนใบหน้านั้นราวกับหลักฐานชั้นดีว่าชายหนุ่มกำลังยินดีแบบที่ว่าจริงๆ
หรืออันที่จริง โจวคยูฮยอนก็แค่กำลังสนใจอีทงเฮมากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ.....
TBC
no. beer
ความคิดเห็น