คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 6 ︱ ความรู้สึกกับบทพิสูจน์
6
“ที่นายขอให้ฉันช่วยเอาเอกสารพวกนี้ไปตรวจสอบ ได้เรื่องมาแล้วนะ” ยื่นซองสีน้ำตาลซึ่งบรรจุเอกสารจำนวนหนึ่งให้คนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หลายวันแล้วที่ทงเฮมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเอกสารพวกนี้ ทั้งการส่งไปให้ธนาคารตรวจสอบ หรือแม้แต่การลงไปตรวจที่โรงงานด้วยตัวเอง ทำให้พบว่าวัสดุที่ถูกส่งมาโรงงานนั้นยังมีบางส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้ไม่ได้ และราคาเกินจริง รวมถึงเอกสารของธนาคารที่ตรวจพบเอกสารปลอมปรากฏอยู่ด้วย
“ขอบคุณมาก ที่ชางจินเป็นยังไงบ้าง” ถามเลยไปถึงบริษัทเก่าที่ทุกคนรับรู้ว่าเขาได้ลาออกอย่างกะทันหัน แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าอีทงเฮเป็นทายาทของบริษัทมุนยองคู่แข่ง
“ทุกคนก็เข้าใจเหมือนฉันในตอนแรกนั่นแหละ ฉันเองพอรู้ว่ามันเป็นแค่แผนการที่นายขอร้องบอสไว้ก็เลยอุ่นใจขึ้นมาบ้าง”ซีวอนยกเอานมอุ่น ๆ มาวางเสิร์ฟที่โต๊ะ ทีท่าเปลี่ยนไปจากเมื่อหลายวันก่อนตอนที่ทงเฮยังไม่บอกความจริงมาก “แต่ถ้านายทำแบบนี้ ก็เท่ากับเบนเป้าให้คิมซังฮุนหันมาเห็นนายเป็นศัตรู มันจะไม่อันตรายไปหน่อยหรือ”
“คนพวกนั้นอาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้ จากนี้ไปฉันจะเปิดเกมรุกแบบให้ตั้งตัวไม่ติดเชียวล่ะ”
“คุณคยูฮยอน นี่เป็นรายงานการประชุมไตรมาสในวันศุกร์นี้ ท่านประธานต้องการด่วนก่อนการประชุม”
โจวคยูฮยอนรับเอกสารมาและกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมงานพอเป็นเป็นมารยาท ชื่อที่อยู่ด้านหน้าสุดของปึกเอกสารคือชื่อของใครบางคนที่เขาคิดว่าอย่างน้อยก็เคยได้รู้จักดีกว่าใคร เพียงแต่พอได้คลี่ดูปึกเอกสารอย่างละเอียดกลับพบว่าเป็นงานที่แตกต่างไปจากงานอื่น ๆ และถือเป็นข้อมูลเชิงลึกของบริษัท ลองพลิกกลับไปดูหน้าปกอีกที เป็นเอกสารที่ส่งตรงมาจากทงเฮเพื่อให้เขาจัดการโดยเฉพาะ
เหมือนหัวใจเต้นเป็นจังหวะที่แรงขึ้นในรอบหลายวันที่ผ่านมา อะไรที่ทงเฮบอกว่าแล้วเขาจะเข้าใจ ใช่สิ่งนี้หรือเปล่า
สิ่งที่แทรกอยู่ในเอกสารปึกนั้นคือข้อมูลทางบัญชีเชิงลึก และเงินหมุนเวียนระหว่างบัญชีของคิมซังฮุนกับผู้บริหารอีกจำนวนหนึ่ง และนั่นทำให้คยูฮยอนรอบคอบพอที่จะไม่จัดการเจ้าสิ่งนี้ให้ใครเห็น ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่พนักงานค่อนบริษัทอยู่ฝั่งคิมซังฮุน การจะเลือกคนที่ไว้ใจได้ก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น...
แสร้งทำเป็นเก็บปึกเอกสารลงลิ้นชัก และหาโอกาสเก็บใส่กระเป๋า เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาอย่างมีเลศนัย
ละครตบตาถูกคลี่คลายในใจคยูฮยอนทั้งหมดแล้ว
“อีทงเฮสวมรอยอยู่ฝั่งคิมซังฮุน เพื่อแทรกแซงหาข้อมูลที่จะสามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานการทุจริตได้อย่างนั้นหรือ?” มินจี ฮยอนอุทานเสียงสูงแต่แล้วก็ต้องเบาลงเมื่อถูกขอให้ปิดเป็นความลับ
“และนั่นคือเหตุผลที่พี่ทงเฮเล่นละครตบตาเราไปด้วยครับ”
“ตบตา? มันอยากให้ฉันตายจริง ๆ น่ะสิไม่ว่า แกก็เหมือนกัน เลิกยุ่งกับมันได้ก็ดีแล้ว ไม่งั้นฉันคงอกแตกตายจริง ๆ เสียก่อน” ถึงจะพูดในเรื่องดีแต่จีฮยอนก็วกกลับเข้าเรื่องนี้ได้เสมอ คยูฮยอนได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็หวังว่าสักวันความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับพี่ทงเฮจะดีขึ้น และนั่นรวมถึงตัวเขาเองด้วย
“มีสิ่งหนึ่ง ที่ผมต้องให้แม่ช่วยครับ”
เป็นอย่างที่คิด โต๊ะทำงานของเขามีร่องรอยถูกรื้อค้น แต่ซองสีน้ำตาลในลิ้นชักที่ใส่เอกสารของทงเฮยังคงอยู่ นั่นเพราะนี่เป็นแค่ฉบับก็อปปี้และใส่ไว้แค่ส่วนของบัญชีทั่วไป
พรุ่งนี้คือการประชุมไตรมาสแล้ว ถ้าเขาอยู่รอดปลอดภัยจนถึงตอนนั้น คิมซังฮุนก็จะถูกเปิดโปงในฐานะผู้ฉ้อโกงและยักยอกเงินบริษัท ซึ่งคนอย่างทงเฮคงไม่ให้แว้งกลับมากัดตัวเองได้ด้วยการแค่ไล่ออกแน่
“สรุปว่าเราถูกอีทงเฮมันหลอกให้ตายใจมาตลอดจริง ๆ สินะ” หลังโต๊ะผู้อำนวยการเป็นใบหน้าบิดเบี้ยวของชายในชุดสูทสีเทาซึ่งกำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างน่ารังเกียจ ถัดออกไปคือชายในชุดดำและชุดผู้บริหารระดับต่ำลงมาอีกสองสามคน “ถ้าไม่มีโจวคยูฮยอนเรื่องก็คงจะง่ายกว่านี้ เพราะลำพังมินจีฮยอนกับอีทงเฮ แผนของเราก็แทบจะลุล่วงไปด้วยดีแล้ว”
“มาติดตรงที่ว่า อีทงเฮมันมีสายเลือดมุนยองแรงเกินไปนี่สิ” สิ้นคำผู้ชายในชุดบริหารคนหนึ่งหัวเราะขึ้น “ทั้งที่คิดว่าจะควบคุมได้ง่าย ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าอีทงเฮเลือกอยู่ฝั่งเดียวกับโจวคยูฮยอนไปเสียฉิบ”
“มันเตรียมการมาอย่างดี กว่าเราจะไหวตัวทันอีทงเฮก็ได้หลักฐานไปมากโขแล้ว แต่ยังเหลือหลักฐานชิ้นสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่มันให้โจวคยูฮยอนเอาไว้”
“ถ้ามันส่งถึงมือกันได้ เราก็จบเห่สินะ”
คิมซังฮุนหยักรอยยิ้มร้ายกาจอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีในมนุษย์ และมั่นใจอย่างยิ่งยวดว่ามันจะต้องเป็นสิ่งที่ปกป้องตัวเขาจากคดีทุจริตได้แน่นอน
“ถ้าเก็บมันคนใดคนหนึ่งไปได้ ก็จะยืดเวลาออกไปได้พอเก็บอีกคนตามกัน”
การประชุมไตรมาสเริ่มขึ้นในวันศุกร์ช่วงสิ้นเดือนธันวาคม เป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่ปีหนึ่งจะมีสี่ครั้ง และครั้งสิ้นปีถือเป็นครั้งที่สำคัญที่สุด หุ้นส่วนบริษัท ผู้บริหาร และผู้จัดการแต่ละฝ่ายอยู่กันอย่างพร้อมหน้า
หัวโต๊ะยาวของการประชุมคือตำแหน่งประธานบริหารและรวมถึงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของบริษัท อีทงเฮมีเอกสารพร้อมมือ และแค่นยิ้มไปทางกลุ่มของคิมซังฮุนที่ทำท่าทีลุกลี้ลุกลนผิดวิสัย
“ขอเปิดการประชุมครับ”
ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกกระชับไว้แน่นในมือ คยูฮยอนค่อย ๆ ก้าวลามาจากรถก่อนจัดการล็อกรถจนเรียบร้อยดี แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปจากตรงนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดก็แล่นปลาบ
ชายชุดดำเข้ามาประชิดตัวก่อนจะแทงมีดพกเข้าที่ท้องของร่างสูงจนมิดด้าม ชักออกแล้วก็แทงเข้าไปอีก ทว่ายังไม่ทันจะได้แทงซ้ำแผลที่สาม เสียงร้องกรี๊ดของผู้หญิงซึ่งเป็นพนักงานบริษัทก็เรียกยามและคนที่อยู่ในละแวกใกล้ ๆ มาช่วยได้ทันท่วงที คนร้ายวิ่งหายไปพร้อมซองน้ำตาลที่เปื้อนสีแดงฉาน เหลือเพียงร่างของโจว คยูฮยอนนอนสิ้นสติอยู่ข้างรถอย่างไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดี
“หลักฐานแค่นี้คุณจะมากล่าวหาพวกผมลอย ๆ ไม่ได้หรอกนะประธานอี มันมีชื่อผมเป็นคนสั่งสินค้าก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเงินของบริษัทจะเข้ากระเป๋าผมจริง ๆ สักหน่อยกัน” คิมซังฮุนแย้งขึ้นมาเมื่อได้รับฟังคำกล่าวหาพร้อมหลักฐานที่ค่อนข้างแน่นหนา แต่เขาเองรู้ดีแก่ใจว่ามันยังมีจุดบอด และจุดบอดนั้นแหละที่จะถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อหลุดพ้นข้อกล่าวหา ป่านนี้โจวคยูฮยอนคงจะถูกแทงตายไปแล้ว และหลักฐานเองก็คงถูกทำลายไปแล้วเช่นกัน
ทงเฮนับเวลารอแต่ก็ไม่เห็นว่าคยูฮยอนจะโผล่มาสักที หรือหมอนั่นจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการให้ช่วยกันนะ ถ้าเกิดว่าไม่เอาเอกสารนั่นมาตอนนี้ล่ะก็...
ประตูห้องประชุมเปิดผางออกแต่กลับไม่ใช่ร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่คนทั้งบริษัทคุ้นตา หากแต่เป็นมินจีฮยอนที่มีข่าวว่าพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล หล่อนทาปากสีแดงสด ในมือมีแฟ้มซองสีน้ำตาลอยู่อันหนึ่ง ก่อนจะส่งมันให้อีทงเฮอย่างไม่เต็มใจนัก
“ถ้าไม่ติดว่ามันจะดีต่อฉันกับลูก ไม่มีทางที่ฉันจะมายืนอยู่ต่อหน้าเธอตรงนี้หรอกนะ” หล่อนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้ตำแหน่งรองประธานบริหารที่ว่างอยู่
การประชุมกำลังจะสมบูรณ์ เอกสารในแฟ้มถูกแจกแจงและมีการรับรองที่เชื่อถือได้จากธนาคาร หลักฐานชิ้นสุดท้ายที่ทำเอาคิมซังฮุนและพวกเบิกตาโพลง ตำรวจจากนอกห้องถูกเชิญเข้ามาท่ามกลางเสียงจอแจ ทงเฮไม่ลืมจะทิ้งท้ายไว้ก่อนคิมซังฮุนจะถูกนำตัวออกไป “แล้วเจอกันในศาล คิมซังฮุน”
ไฟเหนือห้องไอซียูยังคงส่องสว่างเพื่อบอกให้รู้ว่าคนในห้องยังอยู่ระหว่างการผ่าตัดและยังไม่พ้นขีดอันตราย เป็นครั้งแรกที่อีทงเฮได้แตะตัวมินจีฮยอนเพราะต้องเข้าไปช่วยพยุงหล่อนจากการเป็นลมเมื่อทราบข่าวของคยูฮยอน ตอนนี้เธอกำลังนั่งร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้น และถึงจะเป็นในเวลานี้ก็เถอะ เขาก็ยังไม่พร้อมจะญาติดีกับยัยแม่มดอยู่ดี
ไม่รู้ว่าคยูฮยอนจะเป็นอย่างไร จะปลอดภัยขึ้นมาเพื่อบอกคิดถึงเขาอีกครั้งหรือเปล่า
ผ้าเช็ดหน้าสีเข้มถูกยื่นมาตรงหน้า ชั่ววินาทีที่หัวใจอีทงเฮเต้นแรงเหมือนกับครั้งแรกที่เจอกัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้
“นายร้องไห้แบบนี้มันไม่ชินตาน่ะ” ซีวอนเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเพราะช่วยเขาจัดการเรื่องบริษัทมุนยองจนสามารถส่งเอาคนผิดเข้าตารางได้ แต่ถึงอย่างนั้นการให้มาเห็นว่าเขากำลังร้องไห้ถึงผู้ชายอีกคนมันก็ทำให้รู้สึกขลาดอายอยู่ดี
“คิดดีแล้วหรือ ว่าจะกลับไปทำงานที่ชางจิน”
ใช่ พอจบเรื่องนี้เขาจะออกจากการเป็นประธานบริหารมุน ยองกรุ๊ปเพื่อกลับไปเป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของชางจินตามเดิม แม้จะเป็นในสายงานเดียวกัน แต่ธุรกิจกับศิลปะยังไงมันก็เป็นคนละเรื่องกันอยู่ดี มุนยองนั้นมินจีฮยอนกับคยูฮยอนเองก็คงดูแลได้ ถึงจะใช้คำว่าหล่อยอยากฮุบสมบัติมากแค่ไหน แต่เอาเข้าจริงเขาก็ควรจะทำใจยอมรับแต่แรกว่าหล่อนยอมมีสิทธิ์ในฐานะของแม่เลี้ยงอยู่แล้ว อยากจะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ ยังไงเสียหล่อนก็ยังต้องอยู่บ้านเดียวกันกับเขาอยู่ดี
ความคิดเห็น