คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 4 ︱ ประธานกับทายาท
4
รถคันสีดำค่อย ๆ ถอยหลังเข้าที่จอดว่างระหว่างรถสองคัน จัดการเปลี่ยนเกียร์ ดับเครื่อง แล้วจึงเปิดประตูรถออกมาพร้อมด้วยสัมภาระซึ่งถือแนบไว้ข้างลำตัว กดรีโมทล็อกรถจนคิดว่าเรียบร้อยดีก็เดินไปตามทางคุ้นเคยหมายจะเข้าบริษัท เพียงแต่คนที่เดินออกมาขวางนั้นกลับทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
“ถ้าเทียบกันแล้วผมและลูกน้องกลับเชื่อมันในตัวคุณทงเฮมากกว่าประธานคนปัจจุบันเป็นไหน ๆ ในฐานะของผู้สืบทอดทางสายเลือดของท่านประธานจุงโฮแล้ว ผมเชื่อว่ามุนยองกรุ๊ปจะสามารถยิ่งใหญ่ออกไปได้ด้วยการบริหารงานของคุณ”
ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามทงเฮในร้านกาแฟหน้าบริษัทคือผู้ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีขาวที่มีชื่อในนามบัตรว่าคิมซังฮุน ผู้อำนวยการคนหนึ่งของบริษัทมุนยองที่พ่อเขาเป็นคนก่อตั้งขึ้นมา และฟังจากสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดมา ทงเฮตีความได้ทางเดียวคือซังฮุนและพนักงานอีกจำนวนหนึ่งต้องการโค่นล้มมินจีฮยอนโดยเสนอให้เขาใช้หุ้นส่วนที่มีมากที่สุดเข้ายึดตำแหน่งประธานบริษัทอย่างไร้ข้อกังขา และอาจะเป็นคนที่ขู่คยูฮยอนว่าจะตั้งมติถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วย
“แล้วคุณรู้ได้ไงว่าผมทำงานที่ชางจิน”
“นักออกแบบชื่อดังในสายงานเฟอร์นิเจอร์อย่างคุณหาตัวไม่ยากหรอกครับ ไอ้ผมมันก็คนเก่าคนแก่ ไอ้เรื่องที่จะไม่รู้จักสายเลือดของท่านจุงโฮเลยมันก็เป็นไปไม่ได้” คิมซังฮุนยิ้มกระหยิ่ม แล้วว่าต่อเสียงเป็นมิตร “ผมรู้ว่าบ่ายนี้มันออกจะกะทันหันไปสักหน่อย แต่ผมและพนักงานส่วนหนึ่งของมุนยองก็มีความหวังว่าคุณจะเข้าร่วมกระประชุมครั้งนี้”
“แล้วถ้าผมปฏิเสธล่ะ”
“คุณคงไม่อยากเห็นบริษัทที่คุณพ่อคุณสร้างมากับมือต้องล่มจมเพียงเพราะสองแม่ลูกที่ไม่ได้เรื่องหรอกใช่ไหมครับ”
เปิดดูข้อความที่ถูกส่งมาตอนประมาณสิบโมงเช้า แล้วก็นึกไปถึงนัดหมายตอนบ่ายของคิมซังฮุนที่เขาขอเวลาคิดตลอดช่วงเช้า การที่เขาจะใช้หุ้นส่วนที่มีเพื่อครอบครองมุนยองนั้นง่ายแค่ปลอกกล้วย ซ้ำยังเหมือนได้แหกอกนางแม่มดมินจีฮยอนให้ตายทั้งเป็นในทีเดียว แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็หมายความโจวคยูฮยอนก็จะตกต่ำไปด้วย แล้วอีกอย่าง อีทงเฮไม่เคยมีความคิดที่จะสืบทอดกิจการของมุนยองด้วยซ้ำนับตั้งแต่พ่อแต่งงานกับจีฮยอน
แต่ถึงอย่างนั้นถ้าลองได้ชั่งความไว้ใจได้ระหว่างมินจีฮยอนกับคิมซังฮุนแล้ว ไม่รู้เลยว่าคนหลังนั้นเป็นมิตรหรือศัตรูกับมุนยองกันแน่
“โดยโครงการที่ผมได้เสนอไปเมื่อครู่จะขอให้เป็นโครงการนำร่องของมุนยองกรุ๊ป ซึ่งจะช่วยขยายกลุ่มเป้าหมายและประชาสัมพันธ์แบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ถึงจะดูเหมือนเราเสียผลประโยชน์ไปบ้าง แต่อยากให้ดูผลในระยะเวลาหนึ่งเดือนจากนี้ไป ซึ่งผมมีความมั่นใจมากว่าสถานการณ์ของบริษัทเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ”
เสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุมและนั่นช่วยให้มินจีฮยอนบนเก้าอี้รองประธานบริหารยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความภูมิใจในตัวลูกชาย โครงการและโปรโมชั่นเพื่อคู่รักแต่งงานของคยูฮยอนเป็นที่พึงพอใจของผู้บริหารคนอื่น ๆ มากทีเดียว ไม่วายที่จีฮยอนจะหันไปยิ้มเยาะเย้ยผู้อำนวยการคิม ทว่าเขายังยิ้มกระหยิ่มราวกับมีแผนอะไรในใจที่ถูกเตรียมการไว้แล้ว
เลขานุการในที่ประชุมเดินเข้ามากระซิบกระซาบกับคิมซังฮุน เจ้าตัวดูพอใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเรียกให้ทั้งที่ประชุมได้ฟังตัวเอง “เอาล่ะทุกท่าน โครงการของท่านประธานโจวยอดเยี่ยมมาก เพียงแต่การประชุมครั้งนี้เรายังมีแขกสุดพิเศษที่เพิ่งมาถึงซึ่งบางท่านก็คงจะรู้จักเขาดีอยู่แล้ว คุณอีทงเฮ ทายาทของอดีตประธานอีจุงโฮและเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของมุนยองกรุ๊ป”
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาท่ามกลางความฮือฮาของที่ประชุม มินจีฮยอนเบิกตากว้างด้วยความตระหนก เช่นเดียวกับคยูฮยอนที่ไม่คิดว่าการได้เจอของทงเฮจะมาในลักษณะนี้
“ไม่จริง...”
จีฮยอนแทบจะเป็นลมลงเสียเดี๋ยวนั้น หล่อนยินดีมาตลอดที่ทงเฮไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายบริษัทมุนยองแม้จะมีอำนาจอยู่ในมือเต็มเปี่ยม เขาอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อเช้า เสื้อยืดสีเขียวทับด้วยสูทสีดำกึ่งทางการและสีหน้าที่ราบเรียบ คยูฮยอนอยู่ทางหัวโต๊ะฝั่งหนึ่ง อีทงเฮอยู่ทางหัวโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง ทว่าไม่แม้แต่จะหันมาสบตาให้รู้สึกใจชื้นขึ้น
“ต้องโทษทุกท่านที่ผมไม่เคยมาเข้าร่วมการประชุมเลย และต้องของคุณผู้อำนวยการคิมที่เป็นฝ่ายไปเชิญผมด้วยตัวเอง”
คิมซังฮุนมั่นใจว่าตัวเองกำลังเป็นต่อ จึงได้ร่ายคำพูดออกมาเพื่อโน้มน้าวให้ที่ประชุมเห็นชอบ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดอยู่ฝั่งเดียวกับเขา แล้วไยจะต้องกลัวสองแม่ลูกนั่นอีก “ผมคิดว่าบอร์ดบริหารของเราขาดสมดุลมานาน ตอนนี้ผู้ที่เหมาะสมยืนอยู่ที่นี่ ท่านมีความคิดเห็นว่าอย่างไรเรื่องที่จะเวียนตำแหน่งประธานบริษัทคืนสู่ผู้ถืออำนาจที่แท้จริงและยังเป็นสายเลือดมุนยองโดยแท้ อีทงเฮคนนี้”
ทั้งห้องประชุมเห็นชอบ เว้นเสียแต่มินจีฮยอนที่แหวขึ้นมาก่อนใคร “ฉันขอค้าน! ตำแหน่งซีอีโอเป็นตำแหน่งสำคัญเหมือนเสาหลักของบริษัท ฉันไม่เห็นสมควรที่จะมีการผลัดเปลี่ยนตามใจชอบแบบนี้...”
“แต่ถ้าคุณทงเฮต้องการใช้สิทธิ์ที่มีอยู่มันก็เป็นสิ่งสมควรไม่ใช่หรือครับ” เป็นคนตรงหัวโต๊ะที่พูดแทรกขึ้นมา คยูฮยอนกำลังจ้องตาคนตรงข้ามด้วยสายตาที่ไม่สามารถบอกเป็นคำพูดได้ถูก จะว่าผิดหวังก็คงไม่ใช่เพราะเขารู้มาตลอดว่าตำแหน่งตรงนี้มันควรเป็นของทงเฮโดยชอบธรรม อย่างนั้นตัวปลอมอย่างเขาจะมีสิทธิ์อะไร
คิมซังฮุนเห็นจังหวะดีจึงรีบตัดบทไว้ที่ตรงนั้น ถ้าเรื่องนี้ผ่านไปด้วยดีความฝันที่เขาวาดไว้ก็คงอยู่ไม่ไกล หวังแค่ว่าอีทงเฮจะหัวอ่อนและชักจูงง่ายอยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมมาปรากฏตัวในการประชุมตามคำยุยงของเขาเช่นนี้ “ผมจะขอถือว่าเราทั้งที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ และเราควรมีการประชุมในเร็ววันนี้เพื่อการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งประธานบริษัทอย่างเป็นทางการโดยไว...”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
เป็นเสียงที่ไม่คิดว่าจะขัดขึ้น คยูฮยอนไม่เคยเห็นสีหน้าของทงเฮขึงขังและเอาจริงเอาจังขนาดนี้มาก่อน ร่างเล็กท้าวสองมือคร่อมที่โต๊ะแล้วจึงเริ่มเปิดปากพูดต่อ
“ในฐานะผู้ถือหุ้นสูงสุดและทายาทของอีจุงโฮซีอีโอคนก่อน ผมได้มาทันพอจะได้ยินโครงการเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้มุนยองของท่านประธานโจวเมื่อครู่ สำหรับตัวผมแล้วมีความเห็นว่าประธานโจวควรจะได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสาหลักของบริษัทต่อไปอย่างน้อยก็ในระยะหนึ่ง” และในประโยคสุดท้าย ตาเรียวรีกลับปรายมองไปทางตำแหน่งรองประธานบริหารของมินจีฮยอน “ส่วนเรื่องการรับตำแหน่งประธานบริหารในอนาคต... ขอผมคิดดูก่อน”
การประชุมจบลงโดยไม่มีการเปลี่ยนผู้บริหารอย่างที่คิมซังฮุนตั้งใจไว้ ด้านคยูฮยอนเขาเองก็คงจะหาเวลาอยู่กับทงเฮในคืนนี้แล้วคุยเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้อีกฝ่ายช่างหมางเมินเขาได้อย่างสมบทบาทจริง ๆ
“เอาพวกวิปริตมาบริหาร ใครมันจะไปเชื่อใจได้!”
พอได้ยินคำนี้ของมินจีฮยอนคยูฮยอนก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ไม่ต้องพูดถึงทงเฮเลย ร่างเล็กหยุดเดินปล่อยให้ผู้เข้าประชุมอื่น ๆ เดินออกไปก่อน แต่จีฮยอนไม่สนใจ หล่อนยินดีที่จะสาดเสียเทเสียลูกเลี้ยงคนนี้เสมออยู่แล้ว
“คิมซังฮุนคงไปเสนอผลประโยชน์ให้แกน่ะสิ ถึงได้รีบวิ่งรี่ตาตั้งมาทำลายอนาคตของคนอื่นเขาน่ะ”
“แม่ครับ ไว้เรากลับไปคุยที่บ้าน...” คยูฮยอนพยายามปรามมารดา แต่หล่อนกลับหันมาตลวาดกร้าวแล้วพูดจาหาเรื่องทงเฮท่ามกลางบอร์ดบริหารที่เริ่มชะงักแล้วหยุดยืนดูเหตุการณ์เสียงจอแจ
“นอกจากจะเป็นพวกวิปริตไม่ใช่ผู้ชายยังไม่พอ ยังทำตัวน่ารังเกียจไม่รักษาคำพูด”
คนถูกปรามาสเอี้ยวตัวหันกลับมาท่ามกลางเสียงจอแจของเหล่าบอร์ดบริหารกับนัยน์ของสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ มินจีฮยอนจงใจจะด่าทอและดิสเครดิตเขา ถึงได้ยอมทำตัวไร้ยางอายเพียงเพื่อรักษาอำนาจไว้ คยูฮยอนดูออกว่าทงเฮกำลังบันดาลโทสะ เพียงแต่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกัดกลั้นมันไว้ด้วยรอยยิ้มดูแคลน
“เก็บคำนั้นไว้เตือนตัวเองเถอะมินจีฮยอน”
แต่ก่อนที่จะได้ต่อปากต่อคำไปมากกว่านั้นร่างเล็กก็สังเกตเห็นถึงสีหน้าพึงพอใจของคิมซังฮุนซึ่งยืนอยู่ในหมู่บอร์ดบริหาร
อีทงเฮหันกลับไปเพื่อเผชิญหน้ามินจีฮยอน เขาจงใจไม่ได้มองหน้าคยูฮยอนทั้งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อริ และว่าคำขู่ด้วยน้ำเสียงโกรธาอย่างผิดวิสัย “ฉันจะไล่เธออกไปจากมุนยองนี่ตอนนี้ก็ยังได้ เพราะงั้นช่วยระวังคำพูด และทำตัวสงบเสงี่ยมอย่างผู้อาศัยคงจะดีกับตัวเธอและลูกมากกว่านะ”
พูดจบก็เดินแทรกคนอื่น ๆ ออกไปอย่างไม่ไยดี ถ้าสิ่งที่เขาเห็นและเข้าใจมันไม่ผิด จากนี้คิมซังฮุนต้องมีปฏิกิริยาออกมาแน่
เสียงเคาะประตูเรียกให้เขาจำต้องลุกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และออกไปเปิดประตูให้แขกยามวิกาล เป็นคยูฮยอนนั่นเอง จากสีหน้าของร่างสูงก็พอจะบอกได้ชัดเจนว่าคงมีคำถามถามเขามากมาย
“เรื่องวันนี้... ผมขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับ”
“ไม่จำเป็นหรอก” ว่าเสียงเรียบแล้วเดินมานั่งลงยังปลายเตียงที่ลากโต๊ะมาเพื่อวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คสำหรับทำงานอยู่ และถ้าคยูฮยอนคิดจะมาพูดเรื่องคำพูดที่เขาใช้โต้ตอบมินจีฮยอนล่ะก็ ทงเฮว่าไม่เข้าท่านักหรอก
แต่ผิดคาดที่น้องชายต่างสายเลือดกลับนั่งลงข้าง ๆ และรุกเข้ากอดประสาคนออดอ้อน แรกเริ่มทงเฮไม่สนใจ แต่ผ่านไปแค่สักพักก็จำต้องยอมแพ้อย่างช่วยไม่ได้
“ผมคิดถึงพี่จังครับ”
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังปล่อยเลยตามเลยไปตามความรู้สึกลึก ๆ ถ้าจะให้ตามว่าตอนนี้อีทงเฮกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเองก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
มินจีฮยอนแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่สายตาได้เห็น ลูกชายของหล่อนเป็นฝ่ายไปเคาะห้องของอีทงเฮแล้วก็หายไปข้างในด้วยกันอย่างนั้นหรือ...
เห็นทีหล่อนกับคยูฮยอนคงมีเรื่องต้องคุยกันบ้างแล้ว
ความคิดเห็น