ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC HAEEUN ¦ - Scapegoat...? ' แพะรับบาป ' {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #4 : ` ( SCAPEGOAT ) ____chapter three .

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 54



    SCAPEGOAT…?


    Couple : Donghae x Hyukjae

    Type : Drama Romance

    Author : xerxixiao’

    Warning : ฟิคชั่นเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อจินตนาการและความบันเทิง
    ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลจริงทั้งสิ้น


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------

     










    CHAPTER THREE

     










    เสียงฝนเทสาดลงมาในช่วงหัวค่ำของวัน อีฮยอกแจเพิ่งกลับจากออฟฟิศได้ไม่นานนัก พร้อมกับแผนงานพะรุงพะรังที่ม้วนซ้อนๆกันอยู่ในตะกร้า ทิ้งตัวนอนพักบนโซฟายังไม่ทันจะงีบ ความกังวลก็แล่นเข้ารบกวนโสตประสาทเช่นเดียวกับทุกคืน มะรืนนี้จะเป็นวันแต่งงานตามที่ได้กำหนดไว้ ทั้งเขาและจีน่าไม่มีใครใส่ใจนักที่จะไปตรวจดูความเรียบร้อยหรือแม้แต่จัดการสถานที่ อาจเพราะต่างคนต่างไม่มีความเต็มใจ ไร้ซึ่งความผูกพันและปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกันดังที่ควรจะเป็น


    หากย้อนเวลากลับไปใช่ว่าฮยอกแจจะปฏิเสธได้ เขาเคยมีทางเลือกด้วยหรือ ไม่ว่าอีทงเฮจะต้องการอะไร เป็นเขาเองที่ยินยอมหามาให้ทุกอย่าง... เพียงเพื่อความสุขของคนที่รัก... คนที่ฮยอกแจรักยิ่งกว่าสิ่งใด




     

    ฉันมีเพื่อนเป็นฮยอกแจคนเดียว เพราะอย่างนั้นอย่าทิ้งกันไปไหนล่ะ!’

    ฉันไม่มีวันทิ้งนายหรอกน่าทงเฮ... ไม่มีทาง

    แบบนี้ดิ น่ารักที่สุด

     




    ครั้งแรกที่ได้กอดคอกันเดิน นั่งเรียนด้วยกัน กินข้าวก็เห็นหน้ากันทุกมื้อ... ทุกสิ่งทุกอย่างของฮยอกแจเป็นของทงเฮ... หากพอรู้ตัวอีกที ก็ไม่เหลือแม้กระทั่งหัวใจและความเป็นตัวเอง... แม้แต่ตอนที่ทงเฮเห็นเขามีความสัมพันธ์อยู่กับชายอื่น แม้ว่าใบหน้านั้นจะแสดงความรู้สึกไม่สู้ดีเพียงใด แต่สิ่งเดียวที่ขอ... แค่สิ่งเดียว....


    อีทงเฮอย่าเกลียดอีฮยอกแจเลย.....




     

    น้ำตานั้นอยู่ลึกลงไปข้างใน ลึกมากเสียจนยากที่จะหลั่งมันออกมาเพียงเพราะภาพในอดีต... เขาคงผิดเองที่หลวมตัวรักเพื่อนตัวเอง รัก... จนไม่มีที่ว่างเผื่อเหลือให้ความผิดชอบชั่วดี ยิ่งรักก็ยิ่งต้องรับให้ได้


    นานวันยิ่งไม่ใช่อีทงเฮคนเดิม... ผู้ชายที่มีหน้าตาและชื่อเสียงในสังคมค้ำคอ ผู้ชายที่ทะเยอทะยานทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุด อีฮยอกแจไม่เคยคิดว่าทงเฮเลวร้าย... กระทั่งความเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจน ชัดมากเสียจนเขาต้องถามตัวเองซ้ำๆว่ารับได้ไหม.... ต้องรับให้ได้ เพราะแม้แต่ทงเฮยังยอมรับเขา แม้จะเป็นสิ่งที่ตัวเองเกลียดนักหนา แล้วทำไมแค่นี้จะทำไม่ได้... ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะอีฮยอกแจ....


    เสียงออดดังขึ้นจนร่างทั้งร่างสะดุ้งเล็กน้อย ส่องตาแมวดูก็เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยจึงเปิดประตูให้ง่ายดาย สิ่งที่ทำให้เจ้าของห้องตกใจคือชุดนักศึกษาและเรือนผมเปียกชุ่ม นัยน์ตานั้นสร้อยเศร้า กระทั่งโผเข้ากอดลงมาบนตัวเขาจนเซไปข้างหลัง แรงกอดรัดรึง แนบแน่นกระทั่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอัดอั้น ผิดแผกไปจากหนุ่มขี้เล่นคนเดิมที่เคยรู้จัก




    “คยูฮยอน... เป็นอะไร...?”


    “............”




    กว่าจะได้คุยกันจริงจัง ก็ตอนที่ชายหนุ่มแกะอ้อมกอดนั้นออกละล้าละลัง จัดการปิดประตูห้องแล้วยกน้ำเย็นๆมาเสิร์ฟบนโต๊ะรับแขก ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กนุ่มเช็ดศีรษะให้คนที่นั่งนิ่งท่ามกลางบรรยากาศอึดอัดซึ่งเข้าเล่นงาน


    “วันนี้... ผมเห็นเพื่อนของผม.... ตายไปต่อหน้าต่อตา...”


    เสียงแหบพร่านั้นบอกเล่าขึ้นราบเรียบ ตาคมยังคงจับจ้องผืนห้องสีขุ่น ในขณะที่มือของใครอีกคนชะงักไป ครู่หนึ่ง... จึงเช็ดผมต่อไปตามปกติ “เสียใจด้วยนะ...”


    มือแกร่งยกขึ้นวางซ้อนมือเรียวบางพร้อมสายตาซึ่งช้อนขึ้นมอง ในนั้นช่างตัดพ้อ มีแววของโทสะจางๆจนคนมองจำต้องนิ่งงันอย่างขัดไม่ได้ “ทำไมพี่ต้องยอมเขา... ทำไมทุกคน.... ต้องเชื่อคำกลับกลอกนั่น....”


    จริงอยู่ว่านาบีเองก็มีส่วนผิด แต่มันสมควรแล้วหรือที่ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีความรักและความชอบไม่ต่างจากคนอื่นๆจะต้องจบลง จบลง... โดยที่ความผิด การเหยียดหยามประนามนั้นตกอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว สมควรแล้วหรือที่ผู้คนมากมายพากันเมินเฉย ซ้ำยังรู้สึกตลกขบขันต่อการตายของเธอ


    สิ่งที่คิมนาบีเป็น... มันผิดถึงเพียงนั้นเลยหรือไร?


    “นายพูดเรื่องอะไร?” มือนั้นอ่อนแรง ฮยอกแจจึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายประคองมันไว้พร้อมๆกับใบหน้าขาวกร้านของเด็กหนุ่ม ทั้งสั่นไหว เกร็งแข็ง ราวกับได้พบสิ่งสะเทือนใจอย่างถึงที่สุดเมื่อไม่นานมานี้


    ร่างสูงโปร่งไม่ตอบอะไร ปล่อยให้ฮยอกแจตัดสินใจไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งเปียกชื้นพร้อมรื้อหาชุดใหม่มาให้ พ้นธรณีประตูไปเพียงไม่นาน เสียงสั่นครืดของโทรศัพท์บนโต๊ะกลับฉุกความสนใจ... โทสะที่เริ่มมอดดับไปกับความเศร้าปะทุโชนขึ้นอีกครั้ง คยูฮยอนเอื้อมมือออกไป... เพียงเพื่อดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอให้ชัด ชื่อที่เขาแสนจงเกลียดจงชัง....


    เสียงสั่นครืดในมือดังเวิ้งว้างท่ามกลางภวังค์หมองเศร้า เพียงคิดแค้น อยากจะทำลาย เอาให้ถึงกับสิ่งที่ได้ทำไว้กับเพื่อนสาว แต่คยูฮยอนรู้ดี... เขาทำมันไม่ได้ ทำไม่ได้แม้แต่จะเปิดเผยความชั่วช้านี้ออกไปให้ใครรับรู้




    ( ฮัลโหล )


    “................”


    ( ฮัลโหล ฮยอกแจ.... เฮ้! ได้ยินไหม )


    “................”


    ( ฮยอกแจ รับแล้วทำไมไม่พูด )




    “มึงยังมีความเป็นคนอยู่ไหม...”




    ( เฮ้ยมึง...!? )


    “.......ไอ้เหี้ย”




    กดวางสายไปด้วยสมองที่ขาวโพลน... ยิ่งได้ยินเสียงก็ยิ่งเกลียด เดียดฉันท์ในความสารเลวนั้นอย่างไม่อาจให้อภัย อยากได้คำตอบ... คำตอบที่อีทงเฮจะจำกัดความการกระทำของตนเอง


    ฮยอกแจเดินออกมาพร้อมกับชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวใส่สบายชุดหนึ่ง วางลงบนโซฟาแล้วรอให้อีกคนหยิบมันไปเปลี่ยนอย่างรู้งาน หากแต่ร่างสูงไม่ได้เดินไปไหน ตัดใจถอดเสื้อนักศึกษาออกตรงนั้น มองหน้ารุ่นพี่คนสนิทแน่นิ่ง แล้วจึงเดินเข้าประชิดตัวฝังจูบลงบนซอกคอขาวด้วยความรู้สึกว่างเปล่า


    “ตอนนี้ผม... ไม่อยากอยู่คนเดียว...”




















     

     




















    ก้าวเดินฉุนเฉียวดังกึกก้องไปจนทั่วทั้งชั้น สีหน้ามึนตึงนั้นเต็มไปด้วยโทสะ มือหนากำหมัดไว้กับตัวแน่น ใช่ว่าจำเสียงนั้นไม่ได้... ไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่มาคั่วอยู่กับฮยอกแจบ่อยๆ มันกล้าดียังไงมาพูดด่าเขาโดยไร้เหตุผลแบบนั้น


    ประตูไม้อัดสีมะฮอกกานีที่จำได้จนเจนตากำลังอยู่ไม่ไกล เร่งฝีเท้าไวขึ้น ราวกับกลัวว่าบางสิ่งที่เป็นเป้าหมายจะหายไปก็ไม่ปาน ทุบประตูแรงๆอย่างนั้นหลายต่อหลายที ต่อเนื่องจนกว่าคนในห้องจะออกมาเปิด ถ้าคืนนี้เอาเลือดหัวมันออกมาไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเขาว่าอีทงเฮอีกเลย!


    แล้วประตูก็เปิดออกพร้อมกับมือซึ่งเกร็งจนเกิดเป็นอาการสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว ร่างกึ่งเปลือยในสภาพกางเกงนอนตัวเดียวของคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้านั้นกระชากสติของอีทงเฮให้หายไปจนหมด โจนตัวซัดหมัดลุ่นๆเข้าที่หน้าขาวเต็มแรง คยูฮยอนเซกองกับพื้น ปาดเลือดที่มุมปากทิ้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะราบกับเฝ้ารอการมา




    “มึงอยากลองดีกับกูใช่ไหม?”




    ถลากายเข้าใส่เต็มแรงในขณะที่คนเสียหลักพยายามตอบโต้ ร่างสูงโปร่งยันเท้าถีบออกก่อนจะเป็นฝ่ายเข้าแลกหมัดหนักๆอย่างไม่ปรานี ชกซ้ำๆเข้าที่ดวงหน้าหล่อของดาราหนุ่ม ภาพคิมนาบีลอยเข้ามาเต็มหัว ยิ่งชัดก็ยิ่งปล่อยแรงต่อยออกไปหนักๆ ให้สาสมกับความเคียดแค้นที่มันแน่นอกยิ่งกว่าไฟสุมจนยากจะหาอะไรมาหยุดยั้ง




    “มึงมันเหี้ยอีทงเฮ! มึงทำแบบนั้นกับเพื่อนกูได้ยังไง!!




    ร่างหนาพลิกตัวกลับขึ้นมาได้ก็โขกหัวอีกคนกับพื้นจนต้องนิ่วหน้าเจ็บปวด ฮยอกแจถลาออกมาจากห้องนอนด้วยชุดคลุมลวกๆอย่างที่ชอบใส่ พอจะรู้ว่าเสียงเคาะประตูเมื่อครู่เป็นของอีทงเฮ แต่การที่คยูฮยอนถลาพรวดออกไปเปิดให้อย่างนั้นเขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะสิ่งที่กำลังเกิดอยู่นี่ ชายหนุ่มสองคนกำลังแลกหมัดใส่กันจนใบหน้าบวมช้ำ ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปห้าม พยายามแยกทั้งคู่ออกจากกัน แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับเป็นหลังหมัดลุ่นๆที่เหวี่ยงโดนใบหน้าเต็มแรง


    “กูไปทำอะไรให้มึงหา!! บอกกูมาซิกูไปเสือกอะไรกับมึง!


    เสียงทุ้มตวาดใส่คนใต้ร่างเต็มแรง หากแต่ความเจ็บปวดนั่นแล่นริ้วจนโสตประสาทได้ยินเสียงที่ลอยเข้ามาไม่ชัดนัก ไร้เรี่ยวแรงจะตอบโต้ใดๆ รอยฟกช้ำปรากฏเต็มหน้าทั้งสองฝ่าย


    “นาบี.... มึงทำนาบีทำไม.....”


    “พูดอะไรของมึง?” ขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งภาพของเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของแฟนไซต์ก็แล่นเข้ามาในห้วงคิด หน้าตาจืดๆแต่งแต้มเครื่องสำอางนั้นมีแต่ความใคร่รัก ปฏิบัติต่ออีทงเฮราวคนที่แสนเทิดทูน “อ้อ... ยัยนั่นน่ะเหรอ เสนอตัวเข้ามาหาถึงที่แล้วจะยัดเยียดให้เป็นความผิดกูได้ไงวะ”


    ผละยืนขึ้นโซซัดโซเซ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นอีกเมื่อร่างผอมบางซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักถลาเข้าไปประคองอริด้วยความเป็นห่วงเป็นใย พ่นเลือดในปากทิ้งลงพื้นหยาบคาย ใช้เพียงหางตามองภาพนั้นสะอิดสะเอียน คยูฮยอนใช้เวลาตั้งสติไม่นาน เรียบเรียงคำพูดที่วิ่งวนในหัว กระทั่งกลั่นกรองออกมาเป็นถ้อยคำสะเทือนใจให้ดิ่งวูบ


    “นาบี... ตายแล้ว....”


    “ตาย...?”


    “เธอ... กระโดดตึกตาย......เพราะมึง”


    “.............”




    “เพราะมึง... อีทงเฮ... เพราะมึง....”




    ผืนหน้าชาวาบ ทั้งที่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังมีเซ็กส์ด้วยกัน แต่ตอนนี้หญิงสาวเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณที่เขาไม่มีทางรับรู้ คิดไม่ถึงว่าหล่อจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง... คิดไม่ถึง แต่ก็ราวกับได้ปูทางรอให้ไปสู่ความตายทางอ้อม


    “มัน... ทำตัวเอง...” ตอบกลับไปเสียงแผ่วพร่า ความผิดเขาอย่างนั้นหรือ? ไม่เลย... ถ้าคิมนาบีไม่ปากสว่างเอาเรื่องตัวเองไปพูดก็คงไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้ ก็แค่มีความสุขด้วยกัน... หลังจากนั้นเป็นตายร้ายดีเขาจะไปรู้อะไร


    คนฟังพอได้ยินอย่างนั้นก็พลันยิ่งมีน้ำโห ยันกายลุกขึ้นโซซัดโซเซ ทำท่าจะเข้าใส่ร่างหนาอีกรอบแต่กลับถูกดึงรั้งไว้ด้วยคนข้างตัว “มึงมันไม่ใช่คนแล้วอีทงเฮ...”




    “หยุด! หุบปากไปทั้งคู่นั่นแหละ!!




    ยิ่งกว่าเหลืออด ฮยอกแจตวาดกร้าวแล้วดึงร่างสูงถอยไปข้างหลัง พอจะจับใจความได้ว่าทั้งคู่กำลังพูดถึงอะไร... พูด ในสิ่งซึ่งเป็นผลของการกระทำอันเลวร้ายของคนที่เขารัก ทั้งตัดพ้อ... ผิดหวัง... และยิ่งทวีความรู้สึกแย่ๆให้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ


    “ทงเฮ... กลับไปก่อนได้ไหม?”


    ยิ่งกว่าโดนตบหน้าฉาดใหญ่ อีฮยอกแจไม่เคยต้องออกปากไล่เขา แต่เพราะไอ้เด็กเมื่อวานซืนที่เป็นฝ่ายหาเรื่อง แค่เด็ก... ที่เกาะเพื่อนของเขากินด้วยการมานอนด้วย ไม่รู้ทำไมฮยอกแจถึงต้องไว้ใจมันนัก ขาดกันไม่ได้... รู้ว่าเขาเกลียด... ก็ยังจะทำ แสดงความเหยียดหยามทางสายตาอย่างไม่ปิดบัง ขยะแขยง... เหมือนกับครั้งแรกที่ได้ล่วงรู้ว่าฮยอกแจเป็นเกย์ เหมือนครั้งแรก... ที่สังเกตได้ว่าฮยอกแจชอบเขา....


    “จะได้กกกันต่องั้นสิ?”


    ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น หุนหันออกไปเพราะเกรงอารมณ์โทสะ ยังไงเขาก็ยังต้องหวังพึ่งฮยอกแจ ส่วนไอ้เด็กนั่นจะคิดบัญชีทีหลังก็ยังได้ ถึงตอนนั้น... อีทงเฮจะเอาคืนให้สาสม เอาให้เจ็บ... ยิ่งกว่าที่มันกำลังเป็น


    มะรืนนี้ก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว... จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาดเด็ดขาด....

     

     










     

    “เป็นไงบ้าง?”


    เข้าประคองร่างซึ่งเซพิงขอบประตูอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำตาใสซึมรื้นนัยน์ตาคมที่กำลังเบิกขึ้นมองช้าๆ ในตอนนี้คยูฮยอนสัมผัสได้เพียงอาการมึนหน่วงภายในหัว และความเจ็บที่แล่นริ้วจนทั่วทั้งใบหน้า มองเห็นอีกฝ่ายเพียงพร่ามัว หมดเรี่ยวแรงเสียจนพร้อมจะทรุดลงไปกับพื้นได้อย่างไม่อายใคร “ผมโอเค...”


    “ทำไมทงเฮถึงมาที่นี่ได้” เค้นเสียงถามติดกังวลแม้ว่าจะเป็นห่วงคนตรงหน้าจับใจ ทว่าลึกๆแล้วคนที่เพิ่งเดินออกไปต่างหากที่เป็นคนในความห่วงใยอย่างแท้จริง แต่เขาคงไม่กล้าพอที่จะหยุดทงเฮไว้ ไม่กล้าแม้แต่จะรองรับอารมณ์โมโหที่กำลังปะทุ จึงต้องกลั้นใจออกปากไล่โดยไม่มีทางเลือก


    คนถูกถามหัวเราะหึในลำคอ อย่างน้อยๆเขาก็ยังมีโอกาสได้ต่อยไปตั้งหลายหมัด อย่างน้อยๆ... ก็ดีกว่าทำอะไรไม่ได้เลย เลือดอุ่นๆไหลระลงมาตามลำคอ ร่างบางแทบเบิกตาโพลง พาคนอวดเก่งมานั่งบนโซฟาแล้วเอี้ยวดูศีรษะด้านหลัง คราบเลือดซึมชื้นจนผมสีน้ำตาลนั้นเปื้อนรอยชาด


    “กะเอาให้ตายหรือยังไงกัน...”



















     

     




















    เสียงครางซี้ดในลำคอนั้นทำให้คนมองรู้สึกเจ็บแทนจนดวงหน้าหวานเหยเก หลังศีรษะของคยูฮยอนนั้นคือผ้าก็อตแผ่นใหญ่ที่มีสีเลือดซึมอยู่บางๆ เดินทีก็ยกมือขึ้นลูบรอยแผลที หน้าตาที่สาวๆต่างพากันบอกว่าหล่อนักหนาบัดนี้เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำนับไม่ถ้วน พอถูกแซวว่าเหมือนไปฟัดกับหมา ก้ได้รับคำตอบเป็นเสียงหัวเราะใสๆกลับมาว่า ยิ่งกว่าหมา


    “ให้ตายเถอะ...” ฮยอกแจกุมขมับตัวเองเป็นรอบที่ห้าของวัน นอกจากจะไม่ได้พักผ่อนแล้วยังมีเรื่องให้เครียดเพิ่มขึ้น ตอนนี้ชัดแก่ใจดีแล้วเรื่องคิมนาบี ข่าวเริ่มออกครึกโครม ห่วงก็แต่ทงเฮ... ทั้งหน้าเป็นแผลแบบนั้นจะทำยังไง ไหนจะกระแสข่าวที่บรรดาสื่อมวลชนคงต้องควานหันตัวกันให้ควั่ก เขายังจะช่วยอะไรได้อีก?


    “หน้าแก่หมดแล้ว กลับห้องไปนอนไปครับ”


    ก่อนมายังหมดท่าจนต้องให้เขาช่วยประคองทุลักทุเล พออาการดีขึ้นโจวคยูฮยอนก็กลับเป็นโจวคยูฮยอนอีกครั้ง ตอนได้สติดีเขาต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อทำให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ เหตุผลไม่มีอะไรอื่น รอยช้ำตรงโหนกแก้มขาวที่มีสาเหตุมาจากแรงเหวี่ยงของทงเฮเมื่อตอนที่เข้าไปห้าม ฮยอกแจได้แต่บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นลึกๆแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจ เมื่อทั้งสายตาของอีทงเฮไม่ได้แยแสเขาเลยแม้เพียงเสี้ยวนาที


    “นายล่ะ จะกลับบ้านเลยรึเปล่า?”


    “ก็คงต้องอย่างนั้น พ่อผมสวดยับเรื่องแผลพวกนี้แน่” ถอนหายใจประกอบคำพูดเรียกเสียงหัวเราะจากอีกคนได้เป็นอย่างดี คยูฮยอนเป็นเด็กที่มีฐานะทางครอบครัวดีซ้ำยังเรียนเก่ง ได้เจอกันเมื่อราวๆปีที่แล้วตอนเด็กนี่ไปฝึกงานในบริษัทเพื่อนสนิทเขา คุยกันถูกคอ จนพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ไร้ซึ่งการผูกมัดเช่นทุกวันนี้


    “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”


    “พี่จะเข้าพิธีแต่งงานนั่นจริงๆนะเหรอ?”


    ถามสวนขึ้นมาจนต้องหยุดมองหน้ากันกลางทางเดิน นัยน์ตาของฮยอกแจไม่มีความสุข... ไม่มีแม้ความวาววับของชีวิตดังเช่นที่เคยเปรียบมันเหมือนดั่งอัญมณี นับวันร่างนี้ผ่ายผอมทรุดโทรม ตกต่ำจนเกินกว่าที่เขาจะทนดูไหว ถึงจะห้ามไม่ได้... แต่อย่างน้อยก็อยากให้ฮยอกแจทำอะไรๆเพื่อตัวเองบ้าง...


    “พี่....”


    “รีบไปเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว...” เหมือนจะรู้ทันถึงการเปิดประเด็นสนทนาของอีกคน ตัดสินใจจะเลี่ยง... เขาไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนความคิด ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตัดสินใจ... คยูฮยอนคว้าแขนแบบบางไว้ ดวงตาเอเชียสีเข้มนั้นสบนิ่ง ราวกับกำลังร้องขอ... ขอด้วยความจริงใจกว่าที่เขาเคยได้รับจากใครบางคน


    “................”


    “................”




    “เลิกรักได้ไหม... คนเหี้ยๆแบบนั้นน่ะ”










     

    TBC










    สาบานได้ว่าอีทงเฮเป็นพระเอก........ ทรุด*







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×