ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC KYUHAE ¦ - Good Morning, Vampire {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #2 : Good morning, Vampire :: Chapter I

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 54


    Good Morning, Vampire.

    Super Junior Fan Fiction (Yaoi)

    Cast : Kyuhyun x Donghae x Siwon

    Author : xixiao’

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     




    CHAPTER I

     


    เช้าวันใหม่ไม่ได้สดใสอย่างที่ควรจะเป็น อีทงเฮเดินเข้ามาภายในบริเวณก่อสร้างที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบและเพิ่งปละจากมันไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงในค่ำคืนที่ผ่านมา เสียงอื้ออึงและคนงานที่ดูวุ่นวายผิดปกติทำให้คิ้วเรียวของเขาเลิกขึ้นสูง ร่างโปร่งกระชับแผนงานที่ม้วนหนีบไว้กับแขนและกระเป๋าถือในมือตรงดิ่งไปยังกลุ่มคนงานกลุ่มใหญ่แทบจะทันที


    “เกิดอะไรขึ้น ?”


    เสียงพร่าพูดขึ้นกับคนงานในละแวกนั้นเมื่อมองเห็นรถตำรวจจอดเรียงรายอยู่หลายคันไม่ห่างไปจากตึกมากนัก ทงเฮเบียดเสียดตัวแทรกกลุ่มคนงานไปจนถึงหน้าตึก ก่อนจะพบว่าถูกกั้นไว้ด้วยแถบพลาสติกสีเหลืองที่ถูกเจ้าหน้าที่ขึงไว้รอบบริเวณตึก


    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ !?”


    คนงานพากันหันมองเขาและพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเคร่งเครียดโดยที่ไม่รู้ว่าอะไรขึ้นกับงานของเขา


    มือเรียวจับแถบพลาสติกสีเหลืองดึงขึ้นแล้วมุดตัวลอดเข้าในบริเวณห้ามเข้า ทำให้เจ้าหน้าตำรวจที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องรีบเข้ามาขวางไว้อย่างตระหนก


    “คุณครับ ห้ามเข้ามาในบริเวณนี้นะครับ!


    “ผมชื่ออีทงเฮ เป็นวิศวกรคุมงานก่อสร้างตึกนี้” เค้าดึงเอาบัตรที่หนีบไว้ตรงเสื้อออกแล้วชูไว้ตรงหน้านายตำรวจ “ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับงานของผมกันครับ”


    “มีอะไร ?”


    นัยน์ตาเรียวหันมองตามนายตำรวจที่ถอยหลบให้ชายร่างสูงโปร่งในชุดโค้ตยาวสีน้ำตาลเดินตรงเข้ามา ใบหน้าคมเข้มนั้นจับจ้องวิศวกรหนุ่มครู่หนึ่งก่อนจะหันไปถามคนใต้บังคับบัญชาที่ยืนตะเบ๊ะให้ตามหน้าที่


    “คุณคนนี้เขาบอกว่าเป็นวิศวกรคุมงานสร้างตึกนี้ครับ”


    ทงเฮยื่นบัตรชูให้ชายร่างสูงตรงหน้าดูอีกรอบก่อนจะเก็บลงกระเป๋าเสื้อแล้วเงยขึ้นมองอย่างต้องการคำตอบ คนในชุดโค้ตตรงหน้าหันไปพยักหน้าเบาๆให้นายตำรวจที่มียศน้อยกว่าไปได้ ก่อนจะหันมาหาวิศวกรหนุ่มแล้วโชว์บัตรข้าราชการให้ดูพร้อมรอยยิ้มบาง


    “ผมชื่อชเวซีวอน เป็นนายตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ยินดีที่ได้รู้จัก... คุณอีทงเฮ”


    “ผมต้องการทราบว่า เกิดอะไรขึ้นกับตึกในความรับผิดชอบของผม” ร่างเล็กกว่าปั้นเสียงเข้มส่งไปจริงจัง ชเวซีวอนมองเข้าไปในตัวตึกที่มีเจ้าหน้าที่เดินไปมาขวักไขว่ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ


    “ที่ชั้นเก้าของตัวตึก เราพบคนงานของคุณเสียชีวิตอยู่ที่นั่น”


    “อะไรนะ !?”


    “สภาพศพขาวซีดและมีเลือดหลงเหลืออยู่น้อยมาก” เสียงของซีวอนเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาคมเบนกลับมาจ้องที่หน้าเขาอย่างไม่ละสายตา “ที่แปลกประหลาดกว่านั้น คือเราพบรอยแผลคล้ายรอยเขี้ยวที่คอของศพ”


    “รอยเขี้ยว ?” หน้าของอีทงเฮเต็มไปด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหรี่ตาลงพลางพูดกลั้วหัวเราะ  “คุณจะบอกว่ามีผีดูดเลือดโผล่มารึไงน่ะ”


    “ผมก็ไม่อยากเชื่อนักหรอก” ร่างสูงแค่นเสียงผ่านลำคอพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆที่เจืออยู่บนใบหน้า ซึ่งทงเฮคิดว่ามันไม่น่ามองเท่าใดนัก “ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกรึเปล่า เราอาจจะกันคนออกจากบริเวณนี้สักพัก... เพื่อความปลอดภัย”


    “ให้มันได้ยังงี้สิ” ทงเฮสบถออกมาเสียงเรียบอย่างไม่สบอารมณ์ หมายความว่างานของเขาจะต้องเสร็จช้าขึ้นไปอีกจม อาจจะว่าเห็นแก่ตัวหรืออะไรก็ตามแต่ แต่เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ!

     

     







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

     







     

    บุหรี่มวนที่สองถูกทิ้งลงกับพื้นตามด้วยเท้าที่เหยียบตามลงมา นัยน์ตาเรียวรีสีดำสนิทฉายแววเคร่งเครียดและไม่สบอารมณ์อย่างยากที่จะได้เห็น เวลานานพอดูที่เข้าต้องถูกพวกตำรวจสอบสวนถามนั่นถามนี่ในฐานะที่เขาเป็นคนคุมงานก่อสร้าง ทั้งยังไอ้นายตำรวจร่างสูงหน้าหล่อที่ชอบฉีกยิ้มกวนประสาทนั่นอีก !


    เสียงจันทร์เสี้ยวส่องสลัวในบรรยากาศที่แลดูวังเวง นี่ก็ปาเข้าไปจะเที่ยงคืนแล้ว พวกตำรวจกลับไปเกือบซะหมด เหลือเพียงนายตำรวจไม่กี่นายที่ถูกใช้ให้อยู่เวรค่อยเฝ้ายามอยู่รอบนอก


    อันที่จริงอีทงเฮแทบอยากจะหัวเราะดังๆกับเสียงซุบซิบของคนหลายคนที่บอกว่ามีผีดูดเลือด นี่ไม่ใช่ในหนังสักหน่อย เขาแทบจะตะโกนออกไปแบบนั้น เขากำลังนึกไปถึงพวกฆาตกรจำพวกฆาตกรโรคจิตที่อยากดังท่ามกลางกระแสตื่นตูมของประชาชน และตอนนี้มันกำลังเป็นแบบนั้น ข่าวนี้กำลังอยู่ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงของคนในสังคม



    แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ.... ผีดูดเลือดมันจะไปมีได้ยังไงกัน .












     

    ทงเฮใช้ความกล้าและหัวแข็งที่มีอยู่ตัดสินใจหลบเลี่ยงสวยตาของพวกตำรวจยามและลอบเข้าไปในตึกเพียงคนเดียว ไฟฉายที่หยิบติดมือมามีประโยชน์มากเมื่อตึกทั้งตึกมีแต่ความมืดวังเวง และแสงสลัวๆของดวงจันทร์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ซากไม้ กองเครื่องมือและเศษการก่อสร้างที่ถูกทำค้างไว้เป็นอุปสรรคในการเดินของเขาพอดู ชายหนุ่มเดินสำรวจตรงนั้นตรงนี้และอาศัยบันไดหนีไฟที่มีอยู่ตามแต่ละด้านของตัวตึกก้าวขึ้นสู่ชั้นต่อไป


    ลมเย็นๆภายนอกพัดผ่านตัวตึก ปะทะเข้ากับดวงหน้าขาวพร้อมๆกับเศษฝุ่น เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นปูนแข็งดังก้องเบาๆท่ามกลางเสียงพัดผ่านของลม


    “ชั้นเก้า....”


    เขาเอ่ยเสียงออกมาเบาๆเมื่อรู้ว่าได้ก้าวขึ้นมาถึงชั้นซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุแล้ว ตัวตึกกว้างออกไปโดยที่เขาไม่รู้ว่าจุดไหนคือจุดที่เกิดเหตุน่าสยดสยองนั่น เรียวขาเพรียวสั่นน้อยๆเช่นเดียวกับลมหายใจที่สูดลึก ร่างโปร่งก้าวเดินสำรวจเช่นชั้นอื่นๆที่ผ่านมา แสงจากไฟฉายถูกส่องนำทางไปเรื่อยๆจนกระทั่งเจอเข้ากับคราบเลือดกรังๆและรอยชอล์คที่ถูกขีดวาดเป็นรูปคน เท้าเรียวก้าวเข้าไปยังจุดเกิดเหตุช้าๆ






    ตึก....






    เสียงที่ดังนอกเหนือจากเสียงหอบหายใจเรียกให้เขาสะดุ้งและหันไปมองต้นเสียง เงาดำที่วูบผ่านขึ้นไปทางบันไดหนีไฟทำให้อีทงเฮแทบหยุดหายใจ เมื่อกี้มันอะไรกัน ?


    เขารวบรวมควมกล้าที่มีเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปอย่างช้าๆ ทงเฮไม่สามารถควบคุมเสียงหอบหายใจที่ดังถี่ของตัวเองได้เลย ลมเย็นๆยังคงวูบไปวูบมาจนรู้สึกหนาวสะท้านอย่างแปลกประหลาด ตาคู่สวยสั่นไหวเมื่อรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของใครคนอื่นที่นอกจากเขา


    บล็อกร้านต่างๆล้วนเป็นมุมมืดที่อาจะมีอะไรโผล่ออกมาได้ทุกเมื่อ เขาอาจกำลังอยู่ในอันตราย ทงเฮรู้ดี


    ร่างทั้งร่างขนลุกชันเมื่อเสียงหอบหายใจคล้ายกระหายของบางสิ่งบางอย่างคล้ายกำลังใกล้เข้ามา ขาเรียวก้าวถอยหลังอัตโนมัติและพร้อมจะวิ่งหนี




    หากแต่ขาของขาแทบขยับไม่ออก....




    มันหนักอึ้งราวกับจะดึงเขาให้อยู่รอความตาย ลมยะเยือกยังคงพัดผ่าน ทงเฮรู้สึกตัวว่าน้ำตากำลังจะคลอหน่วงออกมา อะไรบางอย่างที่อันตรายกำลังใกล้เข้ามา




    “....!!!!




    เขาแทบหยุดหายใจเมื่อมีสัมผัสเย็นๆของอะไรบางอย่างดึงกระชากเขาเข้าไปภายในซอกซึ่งมีกองไม้เก่าๆกองระเกะระกะเป็นมุมสูง หลังของเขากระแทกเข้ากับตัวของใครบางคน และมือปริศนาเย็นเยียบนั่นกำลังปิดปากเขาพร้อมทั้งปิดไฟฉายในมือให้ดับลง


    “อย่าส่งเสียง....”


    เสียงทุ้มนั่นกระซิบข้างหู ไม่นานนักเงาสีดำของอะไรบางอย่างก็วูบผ่านตรงทางเดินใหญ่ที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ อะไร.... นั่นใช่มนุษย์รึเปล่า ?


    มือที่ปิดปากเขาไว้ค่อยๆผ่อนลงเมื่อเงาปริศนานั่นผ่านไปได้พักหนึ่ง อีทงเฮมองเรียวขาของคนข้างหลังที่ยื่นยาวออกมาขนาบกับขาของเขาอย่างสองจิตสองใจว่าควรจะหันไปมองข้างหลังดีหรือไม่ ทั้งๆที่หลังของเขากำลังแนบติดกับตัวของใครอีกคนแต่ทงเฮกลับรู้หนาวยะเยือกและไม่รู้สึกถึงไออุ่นใดๆ


    ร่างทั้งร่างสะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรหนักๆวางลงบนไหล่ เขารู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเส้นผมของคนที่เขายังไม่แม้แต่จะหันไปเห็นหน้ากำลังระอยู่กับคอของเขา ผู้ชายคนนี้ซบหน้าลงกับไหล่เขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทงเฮทำอะไรไม่ถูก


    “คุณ... คุณเป็นอะไรรึเปล่า ?”


    ทงเฮตัดสินใจเอามือไปสัมผัสใบหน้าที่อยู่ตรงไหล่เบาๆเพื่อให้อีกคนรู้สึกตัว ร่างโปร่งแทบชักมือกลับเมื่อสัมผัสที่เขาแตะอยู่มันเย็นยะเยือกเหมือนคนตายยังไงยังงั้น เขาค่อยๆเบี่ยงตัวเล็กน้อยพลางประคองใบหน้าของอีกคน ความมืดของบรรยากาศโดยรอบทำให้ทงเฮเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ดูเหมือนเขาจะหมดสติไปแล้ว


    ร่างโปร่งมองไปนอกกองไม้อย่างละล่ำละลักเมื่อไม่มีทางใดที่จะออกจากตึกนี่ไปได้นอกจากทางบันไดหนีไฟที่มีเพียงสองสามทางเท่านั้น แต่เมื่อนึกถึงเงาประหลาดน่ากลัวที่วูบผ่านไปกับการตายของคนงานก็ทำให้เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะออกไปจากตรงนี้คนเดียวในเมื่ออีกคนยังไม่ได้สติอยู่อย่างนี้



    สุดท้ายแล้วเขาก็ได้แต่ปล่อยให้ชายแปลกหน้านี้ซบหน้าอยู่กับไหล่เขาพร้อมลมหายใจที่รดต้นคออยู่ทั้งคืน

     

     







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

     

     







    ท้องฟ้าค่อยๆสว่างขึ้นพร้อมเสียงนกร้อง ทงเฮนั่งฝืนตาให้ลืมพร้อมกับการเป็นหมอนให้คนไม่รู้จักมาจนถึงเช้ามืด เขาตัดสินใจรอสักพักจนท้องฟ้าเริ่มสว่างจึงเขย่าปลุกคนไม่ได้สติเบาๆให้พอตื่นขึ้นมาคุยกับเขาได้บ้าง


    “คุณ... ตื่นเถอะ... คุณ... คุณครับ...”


    ทงเฮถอนหายใจเมื่อพอรู้สถานะที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขาค่อยๆดันคนตรงหน้าออกเพื่อแทรกตัวออกจากซอกแคบๆนี่ได้สะดวก หากแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นสะดุดตาเขาไม่น้อย


    ผู้ชายที่ยืมไฟแช็กเขาตรงป้ายรถประจำทางเมื่อคืนก่อน... !


    “มาอยู่บนนี้ได้ไงวะ”


    ทงเฮสบถออกมาเบาๆก่อนจะแทรกตัวออกมาจากกองไม้ก่อนจะค่อยๆดึงร่างไร้สติออกมาตามกัน เขายกอีกฝ่ายขึ้นอย่างทุลักทุเลคล้ายจะล้ม ตัวใหญ่กว่าเขาซะอีก แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแบกพาลงไปจากตึกนี่ด้วย


    ร่างโปร่งบ่นในใจไปตลอดทางว่าทางที่ดีเขาควรทิ้งหมอนี่ไว้บนตึกนั่น แต่เมื่อคืนผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ช่วยเขาไว้ หากจะทิ้งให้อยู่คนเดียวก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย









     

     

    ทงเฮอยากจะร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อมาถึงชั้นล่างของตึก ระหว่างทางจากชั้นสิบลงมาเขาล้มไปตั้งหลายรอบเพราะคนที่แบกอยู่นี่ และตอนนี้เขาก็ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยพร้อมกับฟ้าที่เริ่มสว่างจนเกือบมองเห็นอะไรได้ชัดเจน


    เขาอาศัยทางหนีทีไล่เดินเลี่ยงพวกตำรวจไปจนถึงรถอย่างยกลำบาก ร่างโปร่งถอนหายใจเสียงดังเมื่อทิ้งร่างหนักอึ้งของอีกคนลงบนเบาะรถได้สำเร็จ

     

     







    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

     

     







    รถยนต์สีดำเล่นเข้าจอดลานจอดรถภายในคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง ทงเฮลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อแบกร่างสูงโปร่งของอีกคนอย่างทุลักทุเลจนพนักงานรักษาความปลอดภัยคยหนึ่งต้องเข้ามาช่วยพยุงชายร่างสูงไปจนถึงหน้าห้องพักของเขา


    ร่างโปร่งแย้มริมฝีปากกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อนจะล้วงหาคีย์การ์ดในกระเป๋ากางเกงเพื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง ร่างสูงของคนที่เขาประคองมาถูกทิ้งลงบนเตียงนอนนุ่มพร้อมเสียงถอนหายใจที่ดังออกมา


    ตาเรียวรีจ้องมองคนที่หลับไม่ได้สติคล้ายสำรวจ ดวงหน้าหล่อเหลาและผิวขาวซีดนั้นดูมอมแมมและมีบาดแผลเล็กน้อยจนทงเฮอดสงสัยไม่ได้ว่าไปทำอะไรมา จะว่าไปเขาก็ง่วงนอนเต็มทน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอากะละมังรองน้ำและผ้าสะอาดมาตั้งไว้ข้างเตียงก่อนจะลงมือถอดเสื้อคนหลับเพื่อเช็ดตัวให้ด้วยความหวังดี


    “เฮ้ย !?”


    เขาอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณเอว จะว่าไปที่เสื้อก็มีรอยเลือด อาจเพราะความรีบและความเพลียจึงทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีบาดแผลขนาดนี้อยู่ ยาและเครื่องมือทำแผลถูกรื้อหยิบมาจากตู้พยาบาลนอกห้องนอน จนถึงตอนทำแผล เขาก็ยังสงสัยไม่หายว่าทำไมร่างกายของอีกฝ่ายถึงได้เย็นเยียบนัก


    ผ้าพันแผลถูกพันไว้รอบเอวหลังจากล้างแผลและใส่ยาเรียบร้อย ทงเฮจัดการกองของทุกอย่างไว้บนโต๊ะมุมห้องอย่างลวกๆก่อนจะทิ้งตัวลงนอนด้วยความอ่อนเพลียและหลับไปอย่างไม่ยากนัก

     







     

    -+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

     

     







    ห้องทั้งห้องเริ่มมืดลงเมื่อเข้าสู่เวลาโพล้เพล้ เปลือกตาได้รูปค่อยๆเบิกขึ้นช้าๆก่อนคิ้วเรียวจะขมวดเข้าหากันมุ่น ร่างสูงค่อยๆหยัดตัวขึ้นนั่งพลางกัดฟันข่มอาการเจ็บปวดที่บริเวณเอว คิ้วที่ขมวดมุ่นค่อยๆคลายลงเมื่อพบคนที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ ไฟสีส้มสลัวๆที่ถูกเปิดทิ้งไว้ทำให้เขามองเห็นห้องทั้งห้องได้ชัดเจน


    ผ้าห่มสีขาวถูกดึงออกจากตัวพร้อมๆกับร่างที่จะลุกลงจากเตียง ทงเฮพลิกตัวน้อยๆเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของอีกคนที่อยู่ข้างๆ ตาเรียวรีปรือขึ้นมองการกระทำของอีกคนก่อนจะส่งเสียงพูดออกไปงัวเงีย


    “ตื่นแล้วเหรอ”


    นัยน์ตาคมปลาบปรายมองคนที่ค่อยๆลุกขึ้นนั่งมองเขาตาปรือก่อนจะก้มลงมองร่างกายตัวเองที่มีเพียงกางเกงตัวเดิม ท่อนบนมีเพียงผ้าพันแผลที่ถูกพันไว้รอบ เขาเหลือบมองเสื้อสีมืดของตัวเองซึ่งอยู่ในตะกร้าเสื้อผ้าเตรียมซักรวมกับเสื้อผ้าของอีกคน


    “ผมขอโทษที่รบกวน” เสียงแหบพร่าเอ่ยออกไปเป็นประโยคที่สามนับตั้งแต่ได้เจอกัน เขาจำผู้ชายตัวเล็กคนนี้ได้ถึงจะเจอกันเพียงแค่ครู่เดียว


    เสื้อสีมืดถูกหยิบขึ้นมาจากตะกร้าเตรียมจะใส่ หากแต่กลับถูกมือของเจ้าของห้องรั้งไว้พลางพูดเสียงดุ “จะไปไหน ?”


    “................”


    ทงเฮสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีคำตอบเพราะสีหน้าที่อึกอัก อันที่จริงเขาก็ไม่คิดว่าคนๆนี้ไว้ใจได้หรืออะไร เพียงแต่ถ้าไม่มีที่ไปเขาก็อยากมีน้ำใจที่จะช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ


    “ถ้ายังไม่รู้จะไปที่ไหน พักที่นี่ก่อนก็ได้ ยังไม่หายดีไม่ใช่เหรอ ?” ยิ้มบางๆพรายบนใบหน้าหวานโศกก่อนจะพูดต่อไปเสียงใส “ผมชื่ออีทงเฮ เรียกทงเฮก็ได้”


    ร่างสูงหลุบใบหน้าลงเล็กน้อยคล้ายจะเกรงใจ เสียงทุ้มพร่าถูกเอ่ยกลับไปตามมารยาท “ผมชื่อโจวคยูฮยอน”


    “ผมอายุยี่สิบสี่ คุณล่ะอายุเท่าไหร่ผมจะได้เรียกถูก” คนตัวเล็กกว่ายังคงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หน้าของอีกคนติดจะงุนงงเล็กน้อยจนเขาต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้


    “ผม... ถ้าเทียบกับคนทั่วไปก็คง... ยี่สิบสองครับ”


    “ถ้าเทียบกับคนทั่วไป ?” คิ้วเรียวขมวดหากันน้อยๆ คยูฮยอนดูเป็นคนแปลกๆแต่ก็น่าค้นหาสำหรับเขา ช่วงนี้เขาไม่ต้องทำงาน ก็คงไม่เสียหายอะไรหากจะให้คยูฮยอนมาอยู่ด้วยกันอีกคน


    “ขอบคุณนะครับทงเฮ” เป็นครั้งแรกที่โจวคยูฮยอนยิ้ม แม้มันจะเป็นเพียงยิ้มที่คล้ายเหยียดปากเพียงเล็กน้อยหากแต่ก็ดูจริงใจและรู้สึกขอบคุณจริงๆ


    “ถ้าไงนายไปอาบน้ำให้สดชื่นเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเองก็ได้” ทงเฮจัดการหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่จากภายในตู้เสื้อผ้าส่งให้อีกคนพร้อมเสื้อผ้าที่เขาคิดว่าตัวใหญ่ที่สุด คยูฮยอนสูงแต่ก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่อะไร เพราะงั้นน่าจะใส่เสื้อผ้าของเขาได้ชั่วคราว


    “ขอบคุณนะครับ”


    ร่างสูงยิ้มขอบคุณให้อีกครั้งก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทงเฮได้แต่ยิ้มตอบกลับไปก่อนจะจัดการเก็บเครื่องมือทำแผลและยาออกไปเก็บไว้ในตู้ยาด้านนอกตามเดิม












    ผ้าพันแผลค่อยๆถูกแกะออกอย่างช้าๆ บาดแผลที่ฉกรรจ์ที่เคยเลือดโชกกลับแนบสนิทดีอย่างประหลาด เหลือแค่เพียงแผลที่ยังไม่หายดีคล้ายเพิ่งผ่าตัด ตาสีอำพันเข้มทอดมองเข้าไปในกระจกเงาที่สะท้อนเพียงประตูห้องน้ำและผนัง โดยที่มองเห็นตัวเขาเป็นเพียงความว่างเปล่า....

     

     









    TBC














    no.
    beer
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×