ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` FIC KYUHAE ¦ - Apostrophe' S {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #1 : 0 ︱ แม่มดกับทัพเสริม

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 55


    APOSTROPHE ’S

    0

     





     

    ถ้ามีใครพูดฉายาของผมขึ้นมาล่ะก็... คน ๆ นั้นได้กินหมัดแน่

     

    ผมกร้าวคำนี้ไว้กับใครต่อใครมากมายที่ริอาจล้อเลียนผมในเรื่องที่มันไม่ชวนขำเลยสักนิด ทำไมผมจะไม่รู้ตัวว่าชีวิตของผมมันเหมือนละครน้ำเน่า! ใช่ เอาแบบหลังข่าวเลยก็คงจะเข้าท่า เรื่องมันเริ่มต้นจากแม่ผมป่วยกระเสาะกระแสะและเสียไปตั้งแต่ตอนที่ผมยังอายุไม่ถึงสิบขวบปีดี แน่ล่ะ หลังจากนั้นพ่อผมก็กลายเป็นผู้ชายขี้เหงารักเดียวใจเดียวกับแม่ผมเป็นสิบปี จนกระทั่งวันที่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามานั่นล่ะ เมื่อสี่ปีก่อน ผู้หญิงที่ใครต่อใครต่างพากันบอกว่าสวย แต่สำหรับผมขอยกให้เป็นนางแม่มดเมลิฟิเซนต์มีเขาในการ์ตูนวอลดิสนีย์เลยแล้วกัน

     

    จนถึงตอนนี้คุณอาจจะพอเดาฉายาของผมออกบ้างแล้ว ใช่ ตั้งแต่เพื่อนสมัยเรียนลามมายันมหาวิทยาลัยล้อผมว่าซินเดอเรลล่า! ส่วนนางเมลิฟิเซนต์นั่นก็ทำหน้าที่ได้สมกับเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเชียวล่ะ อาจจะนอกบทไปสักหน่อยก็ตรงที่ลูกติดของหล่อนไม่ได้อยู่ร่วมเป็นไม้เบื่อไม้เมาระหว่างเราทั้งคู่ หล่อนมักจะพูดโอ้อวดผมอยู่เป็นประจำว่าลูกคนเดียวของหล่อนสอบชิงทุนได้ ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ที่อังกฤษและคงได้กลับมาเป็นทัพเสริมเธอเร็ว ๆ นี้ ทุกครั้งที่ผมต้องทนฟังผมมักจะแกล้งทำเป็นดีใจจนเนื้อเต้นซึ่งมันก็ยั่วโมโหเธอได้ดีเชียวล่ะ จุดประสงค์ของผมก็คือหล่อนคงจะหัวใจวายตายไปสักวัน แต่ดูเหมือนว่าคำขอของผมยังห่างไกลจากหูของพระเจ้าหลายไมล์ อาเมน!

     

    แล้วคำสาปแช่งของผมก็เกิดสัมฤทธิ์ผล เพียงแต่มันไม่ได้เกิดกับคนที่ผมอยากจะให้เกิด พ่อของผมตรวจพบก้อนเนื้อมะเร็งเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หมอบอกว่าให้จำใจเผื่อไว้ คุณคงด่าผมว่าเป็นลูกเนรคุณหากผมจะบอกว่าผมทำมันได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นที่ผมทำงานงก ๆ อยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อจะให้พ่ออยู่กับผมให้นานที่สุด พ่อเป็นคนแรกที่รักผม และใจจริงก็อยากให้พ่ออยู่ถึงเป็นคนสุดท้ายเหมือนกัน

     

    เอาล่ะ ผมคิดว่าเวลาแห่งความสงบสุขในช่วงเช้าของผมมันคงกำลังจะหมดลงแล้ว หลังจากที่ผมได้ยินเสียงเดินลงบันไดนั่น....



     

     

    “หืม... เมื่อคืนกลับมาบ้านเหรอเนี่ย?” มินจีฮยอนว่าเสียงสูง สายตาของหล่อนทอดมองผมราวกับเป็นตัวอะไรสักอย่าง อันที่จริงใช้คำว่ามองก็คงไม่ถูก หล่อนชำเลืองต่างหาก “แต่คงไม่ได้เอา... เอ่อ... ผู้ชายที่ไหนมานอนกกใช่ไหม”

     

    กาแฟดำตอนเช้าช่วยให้อารมณ์ของผมสดชื่นขึ้นเป็นกอง แน่นอนว่าคุณชายเพียงคนเดียวของตระกูลอีฉลาดพอที่จะเข้าใจว่านั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นคำกระแนะกระแหนของหญิงแก่ปากแดงคนหนึ่ง “นาน ๆ ทีผมก็ห่วงบ้านตัวเองเหมือนกันน่ะครับ กลัวอีแร้งที่ไหนมาฉกไป”
     

    ไอ้เรื่องกระแนะแหนประชดประชันใช่ว่าหล่อนถนัดอยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่ หากว่าคุณกำลังมองหาผู้ชายปากจัดกร้านโลกอยู่ล่ะก็ ผมไม่เสนอตัวเองหรอก แต่เชื่อว่าคนรอบตัวผมคงแทบจะยกผมใส่แคร่เพื่อให้คุณเห็นไอ้คนประเภทที่ว่าได้ชัด ๆ เชียวล่ะ

     

    “อีแร้งหรือ...” คิ้วหล่อนกำลังกระตุก

     

    “เปรียบเปรยน่ะครับ” ผมยกกาแฟดำหวานน้อยใส่น้ำตาลเพียงแค่ครึ่งช้อนขึ้นจิบอีกเสียทีหนึ่งแล้วก็พบว่ามันหมดแก้วพอดี ถามถึงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมน่ะหรือ หล่อนไม่แปลกใจหรอกเมื่อรู้ตัวว่าโดนผมด่าเข้ากลางแสกหน้าต่อหน้าคนรับใช้อีกถึงสองคน

     

    “หึ” หล่อนแค่นเสียงในลำคอ ก่อนจะพึมพำเสียงดังจนเหมือนกลัวว่าผมจะไม่ได้ยิน ดังพอสมควรเชียวล่ะ เพราะผมกำลังจะลุกออกไปทำงานพอดี “ไม่ใช่นิสัยผู้ชาย”

     

    ผมหยุดฝีเท้าลง ใช่ ผมได้ยินมันชัดแจ่มแจ้ง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนงัดไม้ตายหยาบคายนี้ออกมา ผมหมุนพวงกุญแจรถในมืออยู่สองรอบ แล้วเดินออกไปอย่างที่ตั้งใจไว้ในทีแรกโดยไม่ได้หันมาต่อปากต่อคำอะไรกับมินจีฮยอนอีก ป่านนี้หล่อนคงกำลังยินดีกับชัยชนะ และพูดถากถางผมกับเหล่าคนรับใช้ (แน่นอนว่าหล่อนพูดอยู่ฝ่ายเดียว เพราะคนรับใช้พวกนั้นรักผมมากกว่าเห็น ๆ)

     

    เพียงแต่เสียงที่ผมได้ยินแว่ว ๆ ไล่หลังมากลับไม่ใช่เสียงประกาศศักดายาวครึ่งชั่วโมงอย่างทุกที ทว่าหล่อนกำลังพูดว่า

     

    “จัดห้องให้ลูกชายฉันเสร็จหรือยัง!? แล้วมินจุนไปไหน ไปบอกมันด้วยว่าฉันต้องการไปสนามบินตอนบ่ายสอง”




     

    คำพูดของหล่อนกวนใจผมอยู่ถึงสิบนาทีระหว่างการขับรถ โอ้... ทัพเสริมที่ว่าของหล่อนจะกลับมาแล้วสินะ ผมแสร้งตื่นเต้น และพยายามนึกภาพมินจีฮยอนในเวอร์ชั่นผู้ชายอายุยี่สิบต้น ๆ นั่นล่ะหน้าตาของคนที่ผมคงจะได้เจอในคืนนี้ ลูกติดของนางแม่มด แล้วก็คงจะมีศักดิ์เป็นน้องชายนอกสายเลือดของผมด้วย
     

    คุณคงเดาออก ว่าคืนนี้ผมไม่มีทางกลับไปก่อนเวลามื้อเย็นแน่

     







     

    ____________________________________

     







     

    “วันนี้ไม่เห็นนายกระตือรือร้นอยากเลิกงานเลยนะ”
     

    กาแฟกระป๋องเย็น ๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า ผมจึงต้องหยุดการยื่นแผ่นไม้เข้าหาเครื่องเลื่อยลงเดี๋ยวนั้นเพราะเขาคงบ่นแน่ถ้าเกิดผมทำขี้เลื่อยกระเด็นเลอะเนคไทสีน้ำทะเลเส้นเก่งนั่น “ขอบคุณ”

     

    ผมกระดกเจ้าเครื่องดื่มนั้นเข้าปากราวกับมันไม่มีความขม กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยสำหรับผมเชียวล่ะ มันไม่ได้ทำให้ผมตาค้างสักเท่าไหร่หลังจากผมเฝ้าพิสูจน์อยู่หลายครั้งในเวลางาน อันที่จริงผมควรจะถอดถุงมือและเอี๊ยมหนังนี่ออกเสียก่อน แต่ช่างเถอะ ซีวอนไม่คิดว่ามันเสียมารยาทหรอก

     

    “ไม่อยากเจอหน้าน้องชายขนาดนั้นเลยหรือ”

     

    “อย่าเอาเขามานับญาติกับฉัน” ผมค้านเสียงเรียบ ตอนนี้ผมหมดอารมณ์จะทำงานไม้พวกนี้แล้ว และผมจะขออธิบายเสียก่อนที่คุณจะเข้าใจว่าผมเป็นช่างไม้ในโรงงานซอมซ่อนี่ ผมเป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ของบริษัทใหญ่ที่ไม่ใช่บริษัทพ่อผม (ไม่รู้ว่าจะนับเป็นคู่แข่งทางการตลาดหรือเปล่า) ผมใช้เวลาสามสิบเปอร์เซนต์ของเวลางานขลุกตัวอยู่ในโรงงานไม้เพื่อจะลองผลิตผลการสร้างสรรค์ของผมออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ผมอยากเห็นภาพมันในลักษณะของจริงไม่ใช่กราฟฟิคสามมิติในคอมพิวเตอร์อย่างที่นักออกแบบคนอื่น ๆ เขาทำกัน แต่ก็ไม่ใช่ผมคนเดียวในโลกหรอกที่ชอบเข้าโรงไม้น่ะ

     

    ส่วนผู้ชายตัวสูงที่กำลังยืนยิ้มอยู่นี่ชื่อชเวซีวอน เขาทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกับผมแต่ไม่ใช่นักออกแบบหรอก ซีวอนอยู่ฝ่ายโปรดัคโค ฯ อ้อ... ฝ่ายประสานงานผลิตภัณฑ์น่ะ มันเลยทำให้เราใกล้ชิดกันพอสมควร และมากกว่านั้น เพราะเขากำลังวางแผนที่จะมัดผมให้เป็นเกินเพื่อนอยู่

     

    “อันที่จริงฉันแปลกใจนะ วันนี้นายไม่ยักกะชวนฉันไปคอนโด ฯ”

     

    คุณเรียบเรียงมันได้แน่ ซีวอนกับผมเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างจะพิเศษกว่าคนอื่น ๆ ผมชอบอยู่กับเขา เราเข้ากันได้ดีในหลาย ๆ เรื่อง ผมจะไม่ปิดบังคุณหรอกว่านั่นหมายถึงเรื่องเซ็กส์ด้วย

     

    “ฉันแปลกใจกว่าที่นายเอ่ยปากขึ้นมาเองน่ะ”

     

    ซีวอนพูดไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงเขาอ่านใจผมออกแล้วด้วยซ้ำว่าผมอยากหลีกเลี่ยงมื้อเย็นที่บ้านมากแค่ไหน ไม่มีทางกับการที่ผมจะเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองต้อนรับส่วนเกินของครอบครัว ไม่สิ... เกินมาทั้งแม่ทั้งลูก

     

    คนตรงหน้าผมหัวเราะร่า “ซินเดอเรลล่ากลายเป็นเด็กใจแตกไปเสียแล้ว”

     

    เขาเป็นคนเดียวที่ผมไม่คิดจะต่อยเมื่อถูกล้อเลียน ตอนนั้นผมยังคงมีความสุขดี โดยที่ผมไม่รู้หรอกว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผมจะต้องแจ้นออกมาจากคอนโด ฯ ซีวอนเร็วยิ่งกว่าโคต้าทำงานสายวันสุดท้าย







     

     

    ____________________________________

     







     

    “เสียใจด้วยนะครับ”


     

    เสียงของแพทย์ดังพอสมควร แต่มันไม่เข้าหูผม ผมมองดูบุรุษพยาบาลเข็นเตียง ๆ หนึ่งจากไป ภายใต้ผ้าสีขาวผืนใหญ่นั่นคือร่างของคนสำคัญเพียงคนเดียวที่ผมเหลืออยู่ พ่อจากไปแล้ว... ไปอย่างสงบอย่างที่ท่านได้บอกลาผมอยู่ทุกวัน ทุกครั้งผมได้แต่กลั้วหัวเราะและพูดว่าไม่อยากให้พ่อแช่งตัวเอง

     

    ผมทำใจได้แล้ว ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น แต่แล้วไงล่ะ มันเหมือนเวลาผมนั่งมองผลงานออกแบบในจอคอมพิวเตอร์แทนที่จะเดินเข้าโรงไม้ไปลองสร้างมันดู มันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก มากเสียจนผมไม่อาจทำตัวเข้มแข็งแม้จะเห็นมินจีฮยอนอยู่ถัดไปไม่ไกล

     

    ช่างปะไร ผมคิดแล้วก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้ฟูมฟาย แต่มันก็ไม่ได้ดูดีไปกว่า

     

    เหมือนผมจะได้ยินเสียงมินจีฮยอนโหวกเหวกอะไรสักอย่าง หล่อนเงียบไปสักพัก แล้วผ้าเช็ดหน้าสีเขียวอ่อนผืนหนึ่งก็ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าผม เป็นผู้ชายร่างผอมสูงในชุดเสื้อโค้ทยาวสีกาแฟ ผิวขาวกว่าผม และเขากำลังระบายยิ้มอ่อน ๆ ก้ำกึ่งระหว่างความรู้สึกเฉย ๆ และเสียใจ

     

    ผมไม่ได้ถามออกไปว่าเขาเป็นใคร แต่กลับรับผ้าเช็ดหน้านั้นมาเช็ดความเศร้าโศกอย่างผิดวิสัย เชื่อเถอะว่าจิตใจผมยังไม่ทันสงบดี มินจีฮยอนก็แหวขึ้นเสียงสูงพร้อมทั้งดึงผู้ชายเจ้าของผ้าเช็ดหน้าออกไปห่างจากตัวผมราวกับกลัวว่าผมจะสะอื้นน้ำมูกไปเลอะเขายังไงยังงั้น

     

    เมื่อหล่อนนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่เวลาสงคราม หล่อนก็แนะนำผมแก่เขาแบบขอไปที “นี่อีทงเฮ ลูกคงรู้ว่าเขาเป็นใคร”

     

    เขามองมาทางผมอีกครั้งก่อนจะระบายยิ้มที่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อครู่บนใบหน้า มือขาวนั้นยื่นออกมาอย่างการทักทายของชาวตะวันตก และเหมือนจะนึกขึ้นได้ เขารีบเก็บมือกลับไปและเปลี่ยนมาเป็นโค้งอย่างนอบน้อมแบบอินซาแทน


     

    “ผมชื่อโจวคยูฮยอนครับ บางทีผมคงจะต้องขออนุญาตเรียกคุณว่าพี่ทงเฮ”

     

    แค่นั้นผมก็เข้าใจได้ชัดเจนเลยว่าทัพเสริมของนางแม่มดมินจีฮยอนได้มาถึงแล้ว



















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×