ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    N.I.C.E (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : TWO - N.I.C.E

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 55


    เหอะๆ ผมคงคิดไม่ผิดหรอกมั้งที่ตกลงจะไปกับเจไดต์ ปลอดภัยอยู่มั้งงงงงงงหะหะ ก่อนที่ผมจะกลับเจ๊มิสก็ร่ายยาวเรื่องข้อสอบที่เราจะต้องรู้- - เอิ่มเจ๊แกจะไปร้อง Hip – Hop หราไงเนี่ย จดแทบไม่ทันเลยนะเนี่ย สงสัยเจ๊แกอยากเข้าห้องน้ำมั้ง เลยพูดเร็วขนาดนั้นหน่ะ

    “กลับบ้านค่ำจนได้ เง้อ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” ผมพูดขณะกำลังเดินกลับบ้านพร้อมกัแบกภาระอันใหญ่หลวงในการทำการบ้านกองมหึมาที่จะต้องส่งพรุ่งนี้หล่ะ

    “ไม่เปนไรหรอกกลับค่ำแค่วันเดียวเอง อย่าซีเรียส” เจไดต์พูด ดูเหมือนว่าเจไดต์ก็รับภาระช่นกัน มันเป็นภารกิจอันหนักอึ้ง ที่หนาอะไรเปรียบมิได้ - - จริงๆแล้วหน่ะ มันมีไม่กี่วิชาหรอก แต่แต่ละวิชานี่ หนักๆเน้นๆทั้งนั้น โดยเฉพาะสังคมเนี่ย แหม่ ชีทที่ครูแจก 10 หน้า จดใส่สมุด ห้ามย่อ ส่งพรุ่งนี้ด้วยจ้า  เวงกรรมเจงๆ

    “เจไดต์ว่าจะเปนยังไง ตอนเราไปแข่ง” - - คิดไปซะไกลเลยนาย แล้วการบ้านวันพรุ่งนี้หล่ะ

    “โอยตะวันอย่าคิดมากดิวะ อีกตั้งนานแหนะ กว่าเราจะได้แข่งหน่ะ ถึงตอนนั้นเราคงจะพร้อมแล้วแหละ”

    “เหอะๆ”

    “อย่างมากเราก็แค่นอนห้องด้วยกันเอง หุหุ” - - (ขนาดไม่คิดนะเนี่ย)

    “เชอะ วันจะนอนคนเดียวเจไดต์ไปนอนนอกห้อง หะหะ”

    ==========

    ผมกลับถึงบ้านแล้วเย่ ดูเหมือนว่าจะมีจิตชั่วร้ายอยู่แถวนี้ กำลังแผ่ขยายอำนาจของมันออกมาจากบนบ้าน

    “กลับมาแล้วฮะ” ผมตะโกนจากประตูหน้าบ้าน วืดดดดดดดด กระแสลมนั้นได้ปะทะน่าปมอย่างจัง ผมแทบจะหงายหลังเลยทีเดียว นั่นมันคืออะไรกันนะ

    “กลับมาแล้วเหรอลูก ทำไมวันนี้กลับค่ำหล่ะ” แม่ผมตอบ เสียงมาจากในครัว แสดงว่าแม่ต้องกำลังทำข้าวเย็นแน่ๆ

    “อ๋อวันนี้วันมีงานหน่ะฮะ”

    “แล้วงานที่ว่าคืออะไรเหรอ”

    “ก็คือครูที่โรงเรียนคัดเลือกวันไปแข่งขันตอบปัญหาชีวะหน่ะฮะ” ^^ พูดดูเหมือนจะมีความรู้ (อวดแม่ซักหน่อย)

    “ว้าวดีจังเลย งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าวกัน”

    “ฮะ” เย้อ มันก็ไม่มีอะไรนี่นา ช่างมัน

    เฮ้อนึกว่ามันจะมีอะไรซะอีก คิดมาหน่า ผมเดินเข้ามาในบ้าน ผมขึ้นบันได ผมก้อเจอกับคนๆนึงที่ไม่อยากเจอหน้าที่สุดในบ้าน นั่นแหละคือจิตอันชั่วร้ายที่ผมรู้สึกได้ มัช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้นะ ผมพยายามที่จะไม่มองหน้า

    “นี่!!” คนนั้นพูด

    “มีอะไร”

    “นี่กลับมาบ้านไม่คิดที่จะทักน้องชายสุดที่รักหน่อยเหรอ”

    “เหอะ งั้นหวัดดีน้องไนซ์น้องชายสุดที่รัก” ผมพูดแดกดัน แล้วผมก็เดินขึ้นบันไดต่อ

    คนๆนั้นก็คือน้องชายที่สุดหน้ารังเกียจของผมเองแหละ มันเป็นผู้ชายผิวขาวตัวสูง มันสูงกว่าผมอีกนะ สงสัยมันชอบลอกข้อสอบเพื่อนมั้ง ถึงปรับตัวให้สูงหน่ะ จะได้มองข้อสอบโต๊ะข้างๆได้ และมันผิมขาวเนี่ย มันไม่ได้ขาวอะไรมากมายนักหรอก (เมื่อเทียบกับผมนะ :P)

    “แล้วทำไมมึงถึงกลับค่ำ” ไนซ์พูด

    “เรื่องของตะวัน ไนซ์อย่าเสือก และที่สำคัญวันไม่จำเป็นต้องรายงานคนสกปรกอย่างนายด้วย” โสโครกน่าจะเหมาะกว่า สำหรับคนๆนั้น เพราะมันไม่ค่อยชอบอาบน้ำ ขนาดแม่บังคับแล้วยังไม่อาบ ได้แต่อ้างว่า “อาบน้ำหน่ะแม่สำหรับคนสกปรก แต่สำหรับคนสะอาดอย่างไนซ์หน่ะไม่ต้องอาบก็ไม่เป็นอะไรหรอก อีกอย่างไนซ์ช่วยแม่ประหยัดน้ำด้วยนะ” โอ้ นี่คือข้ออ้างของนายคนนั้น ผมจำทุกตัวอักษรเลยหล่ะ มันพูดทุกครั้งที่มันไม่อาบน้ำ ซึ่งบ่อยมาก - -แล้วผมก็เดินต่อไป

    “นี่ อยากจะลองดีนักหรือไงห๊า” มือที่พละกำลังมหาศาลมารั้งตัวของผมไว้  ไนซ์ดึงผมเข้าหาตัวแล้วใช้มืออีกข้างจับคางของผมไว้ แล้วไนซ์ก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เข้ามา - - จะทำไรหน่ะไนซ์ นี่พี่เชียวนะ “หึ น่าสมเพส คงจะหลงเสน่ห์ไนซ์มากหล่ะสิ จะทำแบบนี้หน่ะหลับตาทำไม”

    “เฮ้ย” ผมได้สติผมรีบสะบัดแขนและน่าของไนซ์ออก “ทำ...อะ..ไร...ไร”

    “หึ ก็ทำอย่างที่แกเคยทำกับผู้ชายคนอื่นมาหน่ะสิ และที่กลับค่ำวันนี้คงไปทำงานอย่างว่าหล่ะสิ ว่าแต่ได้เงินมาเท่าไรหล่ะ”

    “ขอโทษ ที่วันยังไม่เคยทำอย่าที่ว่านี้กลับใคร เสียใจด้วยนายพลาดซะแล้ว อีกอย่างนะ วันไม่เคยจะไปทำงานอย่างว่าด้วย ถ้าเกิดทำจริงหน่ะ ได้เงินมาอย่างน้อยมันก็มีค่ามากกว่าแกแล้วกัน” ผมพยายามใช้น้ำเสียงที่เยือกเย็น แต่ก็ยังสั่นอยู่บ้าง

    “สงสัยว่าจะเป็นระดับแถวหน้าใช่มั๊ยหล่ะ ถึงได้มีเสี่ยหน้าโง่ให้เงินเยอะถึงขนาดนั้น” - - โหย อีเด็กนี่ มันเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหนเนี่ย

    “เหอะแปลกนะ คนสมัยนี้” ผมยืนกอดอก พร้อมกับทำหน้าเหยียดนิดๆ

    “แปลกอะไรวะ”

    “คนสมัยนี้ชอบเอาเรื่องตัวเองมาเล่าให้คนอื่นฟัง” ผมพูด

    “กูพูดเรื่องของมึงต่างหาก” เลือดขึ้นหน้าแล้วสินะ เหอะ พวกยุคหิน

    “เหรอวันนึกว่าไนซ์พูดกับกระจก แล้วก็สะท้อนสิ่งที่ตัวเองพูดเข้าตัวเอง”

    “หนอย ฝากไว้ก่อนเหอะ” แล้วมันก็รีบเดินขึ้นไปบนห้อง

    “เดินเบาหน่อยสิ บ้านนะไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ สงสารมันบ้างสิ รไม่มีเงินเยอะขนาดทีจะสร้างบ้านให้แกพังเล่นนะ” สะใจวุ้ยยยยยย - - แต่เด็กอะไรเนี่ยไม่มีมารยาทเอาซะเลย พูดกับผู้ใหญ่อย่างนี้เหรอ ถึงผมเพิ่งเรียนแค่มอหก แต่ผมก็แก่กว่ามันละกัน มันน่าจะหัดทำตัวเป็นเด็กดีต่อทุกคนสิ ไม่ใช่ทำตัวคนอื่นดี แต่กับพี่นี่ทำตัวแย่ อะไรกัน ไม่ได้เรื่อง

    ผมชนะมันอีกแระ ไม่รู้เป็นอะไรของมัน มันชอบมาหาเรื่องแล้วมันก็แพ้ตลอด เฮ้อ - -

    ==========

    “ไนซ์ จะทำไรพี่ปล่อยนะไนซ์”

    “เหอะอย่าหวังว่ากูจะปล่อยมึง วันนี้มึงแหละจะเสร็จกู” ไนซ์พูด

    “ไนซ์จะทำไรพี่”

    “กูก็จะเอามึงเป็นเมียกูไงหล่ะ หะหะ”

    “อย่านะ”

    “หึ พี่ตะวัน มาเป็นเมียของกูเหอะ กูอยากกับพี่มานานแล้ว”

    “ไม่เอาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    อ้าหยุดนะ เอ๋ ฝันไปเหรอเนี่ย นึกว่ามันเป็นเรื่องจริงซะแล้ว น่ากลัว เหงื่อเต็มตัวเลย เฮ้อ โชคดีนะมันเป็นแค่ฝัน

    ==========

    เช้าวันรุ่งขึ้น

    “แม่ค้าบ เช้าวันนี้มีอะไรกินบ้างค้าบ” ผมตะโกนมาจากบนห้อง

    “อ๋อวันนี้มีข้าวต้มกุ้งจร้า” แม่ตอบ

    “เยี่ยมเลยยยยยยยยยยยยยย”

    “จะตะโกนทำไมบ้านก็ไม่ได้อยู่ข้างโรงสีซะหน่อย” เสียงของไนซ์ตะโกนมาจากในห้องของมัน

    “เมื่อวานยังไม่เข้าใจอีกใช่มั๊ย ตื่นแล้วหน่ะ หัดส่องกระจกซะบ้าง ดูด้วยว่าตัวเองหน่ะตะโกนดังกว่าชาวบ้าน หัดดูตัวเองบ้างไม่ใช่มาว่าแต่คนอื่น” ผมพูดให้คนห้องข้างๆได้ยิน ไม่ให้คนข้างล่างได้ยิน

    “สาดดดดดดดดดดดดเอ้ย” ปัง!!!! รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบกำแพงห้อง สงสัยไอ่ไนซ์มันต้องขว้างอะไรมาแน่เลย เหอะ ชอบทำด้วยเป็นคนยุคหินไปได้

    ...โครม!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!.........................

    ไนซ์ถีบประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง ผมรู้สึกว่าจะมาด้วยอาการโมโห “ไนซ์ มาทำอะไร” ไนซ์ไม่ตอบ มันผลักผมลงบนเตียง แล้วทำการล็อคตัวผม ตอนนี้มันอยู่บนตัวของผม ผมไม่สามรถขยับร่างกายออกจากร่างกายอันแข็งแรงนั้นได้ หน้าของไนซ์ลดตัวต่ำลงเรื่อยๆ จนแทบจะชิดใบหน้าของผม

    “อย่าปากดีให้มันมากนัก พี่วันเข็มขัดสั้นแน่ ถ้าไนซ์โกรธขึ้นมาแล้วพี่จะทำยังไง คิดว่าเป็นพี่แล้วจะมาด่าได้อย่างนั้นเหรอ คิดผิดแล้วหล่ะ เพราะไนซ์ไม่อยากนับถือพี่เป็นพี่มากนักหรอก ไนซ์ไม่มีพี่ที่ผิดเพศอย่างนี้หรอก

    “เด็กๆลงมากินข้าวได้แล้วจร้า” เสียงของแม่เรียกมาจากข้างล่าง สิ้นเสียงนั้น ไนซ์ก็ปล่อยตัวผมออกเป็นอิสระ แล้วก็เดินลงไปกินข้าว

    อะไรกัน ทำไมมันกล้าที่จะทำแบบนี้นะ ผมอึ้งกับคำพูดของไนซ์มาก ไม่คิดเลยว่าคำเหล่านี้จะออกมาจากปากของไนซ์ เห็นตั้งแต่เด็กว่าเป็นเด็กดี มีความเคารพ แต่ทำไมโตมาแล้วถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้.....ผมนอนอยู่บนเตียงโดยไม่ขยับร่างกายเลย และใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะลุกขึ้นจากเตียง และลงไปกินข้าว

    ...ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...

    “สองคนนี้เสวนากันตั้งแต่เช้าเลยนะ” แม่พูดเปิดขึ้นมา ทำลายความเงียบบนโต๊ะอาหาร เพราะตั้งแต่ผมลงมา ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรเลย นอกจากเสียงช้อนกระทบกับจานข้าว

    “มันก็เป็นอย่างนี้ทุกวันแหละฮะ” ไนซ์ตอบ ผมยังไม่ได้อ้าปากเปล่งเสียงอันใดออกมา

    “เอิ่มทั้งสองคนมีเรื่องอะไรหริอเปล่า แล้วเมื่อวานแม่พลาดอะไรไปหรือเปล่า(เยอะเลยหล่ะเจ๊)”

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ไนซ์อิ่มละ ไนซ์ไปเรียนก่อนหล่ะ สวัสดีครับ” ไนซ์เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าพร้อมออกจากบ้าน

    ==========

    ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เจไดต์ฟัง เจไดต์กบอกว่า อย่าไปใส่ใจ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ตอนนี้ผมก็รู้สึกดีขึ้นกว่าตอนเช้า ต้องขอบใจกำลังใจจากเจไดต์ทีเดียว - - …….ทุกเย็นหลังเลิกเรียนผมกับเจไดต์ก็ไปติวกับเจ๊มิส ซึ่งเจ๊สอนได้เป๊ะมากถึงมากที่สุด โอ้ สอนได้ระเอียดยิบและเข้าใจมากมาย ผ่านมาหลายวันผมก็ไม่ได้ต่อว่าต่อราคากับไนซ์อีก เพราะผมกลัวว่ามันจะทำอะไรแผลงๆอีก มันคงจะสะใจไม่น้อยเลยทีเดียวที่ผมไม่พูดด้วย มันคงคิดว่าผมไม่กล้า แต่ในใจแล้วผมอยากพูดออกจะตายในฐานะพี่ ผมเห็นน้องเป็นแบบนี้ไม่ได้ ต้องทำอะไรซักอย่างแล้วหล่ะ

    วันนี้วันศุกร์ ทำไงดีต้องติวกับเจไดต์ เฮ้อ!!หนักใจ ก็มันไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไรเลย ขนาดวันที่ติวกัน ผมก็กลับหกโมง แต่มันอ่ะกลับห้าโมง ทั้งๆที่บ้านเราก็ทางเดียวกัน ดูมันไม่ใส่ใจอะไรเลยกลับบ้านไปก็เห็นแต่มันเล่นคอม ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ

    “ตะวัน เรามาติวด้วยกันเหอะ” เจไดต์พูด

    “แล้วจะไปติวที่ไหนกันหล่ะ” ผมถาม

    “เอาที่บ้านเจไดต์ ในห้องนอนดีมะหล่ะ”

    “รูหูแมลงสาปที่ราบลุ่มแม่น้ำเหอะ”

    “อ่าอย่าคิดลึกเส๊ แค่ชวนไปติวกันที่ห้องเอง”

    “เหอะ แน่ใจนะว่าจะไปแค่ติวอ่ะ ไม่ใช่ทำอย่างอื่น - -

    “เฮ้ยอย่าคิดลึกดิ เจไดต์แค่ชวนวันไปติวที่ห้องของเจไดต์แค่นั้นเอง”

    “ใครคิดลึก วันอ่ะไม่เคยคิดลึก แต่เจไดต์ นายหน่ะ.......ตั้งใจจริงๆหรือเปล่า”

    “พูดอะไรวะตะวัน เจไดต์ไม่เข้าใจ” มันพูดพร้อมกับปั้นหน้าที่มีเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มพื้นที่ของใบหน้า

    “นี่เจไดต์ไม่เข้าใจใช่มั๊ยว่าวันสื่ออะไร”

    “เออดิ”

    “วันอยากพูดว่าเจไดต์อ่ะไม่ตั้งใจเลย กับเรื่องที่เราจะไปแข่งตอบปัญหาเนี่ย”

    “ตรงไหนวะ เจไดต์ก็ตั้งใจอยู่หนิ”

    “เจไดต์อ่ะ แทบจะไม่สนใจกับการแข่งนี่เลย กลับบ้านก่อนวัน ทั้งๆที่เราสองคนบ้านก็อยู่ทางเดียวกันแล้วก็ใกล้กัน เจไดต์กลับก่อนวัน เจไดต์ไปทำอะไร ปล่อยให้วันนั่งติวกับเจ๊มิสอ่ะ แล้วนายไปไหนเจไดต์ พอวันผ่านหน้าบ้านเจไดต์ วันก็เห็นแต่เจไดต์นั่งเล่นคอม” ผมรู้สึกได้ถึงของเหลวร้อนที่ออกจากดวงตาและเริ่มไหลอาบไปตามใบหน้า “วันขอถามเจไดต์หน่อยเหอะ ว่าที่ว่าเจไดต์บอกว่าตั้งใจ แต่กลับก่อนเพราะว่าเจไดต์รำคาญตัวคนนี้ใช่มั๊ย รังเกียจวันใช่มั๊ยหล่ะที่มีวันร่วมทีม ก็ได้ ถ้าเจไดต์ไม่อยากได้วันอยู่ในทีม วันจะไปบอกครูว่าวันขอถอนตัว แล้วเจไดต์ก็จะได้หาคู่ใหม่ที่มันดีกว่าวัน ไปหาซะสิคนๆนั้นอ่ะ ไปเลยสิ ไปหาคนที่เก่งกว่า น่ารักกว่า ไปเลย ไม่ต้องมาสนคนอย่างวัน หรือว่าเจไดต์ไม่อยากทำไม่อยากแข่ง ไม่เป็นไร ไปบอกครูก็ได้ เดี๋ยววันบอกให้ เจไดต์จะได้เลิกแบกภาระเหล่านี้”  พูดเสร็จผมก็เดินหนีเจไดต์พร้อมทั้งน้ำตา

    “เดี๋ยว ตะวัน” เจไดต์คว้าข้อมือของผมแล้วใช้กำลังดึงเข้าไปสวมกอด ตอนนี้ผมสูงแค่หน้าออกของเจไดต์เท่านั้น หน้าของผมก็เลยไปชนกับหน้าอกแข็งแกร่งของเจไดต์อย่างแรง

    “จะห้ามอะไรอีกหล่ะเจไดต์ ปล่อยวันเหอะ เจไดต์จะได้ไปหาคนใหม่ วันก็จะได้ไปหาอย่างอื่นทำเอง” น้ำตาก็ไหลลงมาแบบไม่หยุด ทำไมกันน๊า ต้องมาเสียน้ำตาให้กับเรื่องแบบนี้ด้วย

    “ตะวัน เอ่อ เจไดต์ขอโทษ เจไดต์ผิดเองแหละที่ไม่ใส่ใจ เจไดต์ไม่ได้รำคาญนายเลยนะ ไม่ได้รังเกียจ เจไดต์ไม่ได้คิดอะไรที่ไม่ดีกับนายเลยนะเว้ย เจไดต์แค่ไม่ใส่ใจกับงานเองแหละ เจไดต์ขอโทษ” พูดจบ แขนของเจไดต์ก็ยิ่งกอดผมแรงมากขึ้น น้ำตาที่ไหลลงมา เสื้อของเจไดต์เป็นผ้าเช็ดน้ำตาแทน

    “เจไดต์ คำพูดหน่ะมันไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอกนะ มันอยู่ที่การกระทำต่างหากหล่ะ ถ้าอยากให้วันหายโกรธ ก็แสดงให้เห็นว่าเจไดต์ตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ลมปาก”

    “ได้ตะวัน เจไดต์จะทำให้เห็น ว่าเจไดต์ตั้งใจ”

    “ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ เหตุการณ์ในครั้งนี้วันจะจำไว้ ถ้าเกิดมีวันไหนที่เป็นแบบนี้อีก คอยดูแล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

    “ได้เลยครับ ตะวัน ผมจะไม่ทำให้ตะวันเสียใจอีก ผมสัญญา แต่ตอนนี้อ่ะหยุดร้องไห้ได้แล้วนะ ร้องไห้แล้วไม่หน้ารักนะตะวัน” เจไดต์คลายอ้อมแขนนั้นออก แล้วมาลูบหัวของผมแทน

    “เรื่องของวัน มันไม่สำคัญนักหรอก”

    “โอ๋เด็กน้อยไม่น่าร้องไห้เลยนะ เสียใจมากเหรอ มาให้พ่อกอดทีสิ” - - หยุดเลยไม่ต้องมากอด

    “แล้วทำไมเมื่อคืนวันโทรไปแล้วไม่รับสาย” ผมถาม

    “ก็วันอ่ะชอบโทรมาตอนเจไดต์อาบน้ำนี่นา”

    “วันขอโทษนะ” ผมเริ่มจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วแฮะ

    “ไม่เป็นไร แล้ววันนี้วันจะไปติวที่บ้านเจไดต์มั๊ย”

    “อึม ไปก็ได้ คอยดูว่าคราวนี้จะตั้งใจหรือเปล่า”

    “เย่ ไปนะๆ ถ้าไป ผมนายเจไดต์จะตั้งใจติวหนังสือกับนายตะวันงับผ้ม” มันจะดีใจอะไรนักหนา มันถูกหวยรางวัลที่หนึ่งหรือไง

    “อึม”

    “เดี๋ยวเจไดต์จะขี่รถไปรับนะจ๊ะที่รัก” มันเอามือมาจับที่คางของผม ผู้ชายอะไรมือสากชะมัด ใช้แทนตะไบได้ป่ะ?

    “ครายที่รักห๊า” ผมสะบัดมือของเจไดต์ออก

    “ตะวันไง เดี๋ยววันก็จะได้เป็นที่รักของเจไดต์ หะหะ” มันยื่นหน้าเข้าใกล้หน้าของผม หายใจลำบากชะมัด

    “หลับตาทำไมเหรอจ๊ะ ที่รัก คิดว่าเค้าจะจูบตะเองหรา” ผมสะดุ้ง ห๊า ผมหลับตาตอนไหนเนี่ย

    “ไม่..เอิ่ม...ช่างมัน...ไม่ไปละ” ผมกลอกตาแล้วก็เดินหันหลังออกไป             - - เบี่ยงเบนความสนใจ

    “อย่านะ ไปเหอะเจไดต์แค่ล้อเล่นเอง” มันดึงผมแรงมาก(แขนแทบหลุด) จนตัวผมไปกระแทกกับตัวมันอ่ะ ที่เดิมเหมือนเมื่อกี้

    “....”

    ช่วงนี้อากาศค่อนข้างร้อนแฮะ ตัวผมร้อนตลอดร้อนผ่าวที่หน้า เป็นไรวะเนี่ยจะเป็นลมรึไง ผมรีบตั้งสติ รีบประคองตัวเองทิ้งน้ำหนักลงบนเท้าของตัวเอง เริ่มอายแฮะคนมองกันเต็มเลย จะไม่มองกันได้ไงอ่ะก็ยืนกอดกับผู้ชายที่เป็นผู้มีชื่อเสีย(ง)อันโด่งดังหนิ มีคนตามมาขายขนมจีบไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแท้และไม่แท้ ขนาดทอมยังมาจีบ ดูสิว่ามันจะหน้าตาดีขนาดไหน ผมยังชอบมันเลย อิอิ

    “ขอโทษเจไดต์” ผมพูดพร้อมกับผลักตัวของเจไดต์ออก - - ทำไมผลักไม่ออก มันตอกเสาเข็มหรอไงเนี่ย

    “จะไปหรือไม่ไป!!!!” เจไดต์ถามเสียงหนัก ผมก็พยายามผลักตัวของเจไดต์ออก แต่มันไม่ออก

    “ถ้าตอบว่าไม่หล่ะ”

    “อ่ะ ถ้าวันไม่ไปกับเจไดต์ เจไดต์ก็จะกอดวันตรงนี้แหละ” มันบังคับกันนี่ฝ่า

    “เจไดต์ไม่กล้ากอดวันตรงนี้หรอกนานหรอก หะหะ” ผมพูด ผมพยายามผลักตัวของเจไดต์ออกอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลสำหรับคนที่แรงเยอะอย่างมัน คนที่แรงน้อยอย่างผมไม่มีทางผลักมันออกหรอก

    เจไดต์ไม่พูดต่อมันก็กอดผมไว้แน่นกว่าเดิม อ้ากส์!! ซวยแล้วแม่งกอดแน่นเชี่ย และไม่มีท่าทีจะปล่อยด้วย ชาติก่อนมันเป็นตุ๊กแกหรือไง ผมเริ่มมองเห็นหมู่คนที่กำลังมองมาทางผมกับเจไดต์ อายโว้ย!

    “สรุปแล้ววันวันจะไปมั๊ยบ้านเจไดต์อ่ะ?” มันกระซิบข้างหูผม

    “เออไปก็ได้” ผมตอบ

    “แล้ววันวันจะไปห้องเจไดต์ใช่มั๊ย”

    “นั่นมันไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนะเจไดต์” พูดเสร็จเจไดต์ก็รักผมแน่นขึ้น เหมือนลมหายใจอุ่นๆของเจไดต์มาอยู่บริเวณซอกคอของผม - - เฮ้นี่มันกลางโรงเรียนนะ “โอเค ได้ ไปห้องก็ได้แต่ปล่อยที” มันจำเป็นต้องพูดอย่างนั้นจริงๆ

    “แล้ววันวันจะนอนกับเจไดต์ชิมิ” เฮ้ย มันชักจะแปลกเกินไปแล้วนะ

    “ไม่เอา ไม่นอน จะนอนกับน้องชายสุดที่รัก” ตอนนี้ต้องตอแหลไว้ก่อน

    “หรอ ได้ข่าวว่าไม่ถูกกับน้องไม่ใช่เหรอ” กรรมเจไดต์มันรู้ทัน

    “ไม่เอา ไม่นอน จะนอนบ้าน” พูดเสร็จ เจไดต์มันก็กอดผมแน่นขึ้น อ้าก!!! จากที่แน่นอยู่แล้ว ยิ่งแน่นไปกว่าเก่า - - กระดูกจะหักแล้วนะ  คนก็มองพวกผมมากขึ้น อ้ากส์!! ที่นี่ไม่ใช่การแสดงโชว์สัตว์หายากนะโว้ย ไม่ต้องมามุงดูก็ได้ (มุงแล้วกรุณาบริจาคเงิน เพื่อให้ผมไปทำหน้าใหม่ด้วยนะ จะได้ไม่มีคนจำผมได้) ตอนนี้ผมอยากตะโกนว่า “กูโคตรอายเลยโว้ย!!!!!

    “ก็ได้เจไดต์ นอนก็ได้” ผมพูดเหมือนคนใจง่ายเลยอ่ะ แต่มันจำเป็นจริงๆ

    “ดีมาก แล้วอยากขออีกอย่างได้มะ” เจไดต์กระซิบอีกครั้ง

    “ต้องการอะไรอีกห๊า” - - เริ่มจะรำคาญแล้วนะเฟร้ย

    “มาเป็นเมียของผมได้มั๊ย”

    “...”

    “หะหะ กูล้อเล่นแค่นั้นเองอย่าคิดมาก” พูดเสร็จมันก็คลายกอดผมออก

    “อ้ากกกกกกก อายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

    “ง่ะ อายทำไมคนเยอะแยะมากมาย”

    “เจไดต์พูดได้นี่ เพราะนายหน้าด้าน แต่ดูวันสิหน้าใสสะอาดไม่มีปูนมาฉาบหน้า”

    “หราๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “ถ้าจะมีวันจะมีก็มีน้อยกว่าเจไดต์แล้วกัน”

    “อ่าครับ”

    “....”

    “สรุปแล้วจะไปบ้านเจไดต์มั๊ย” เอ้ายังจะถามอีก อีนี่ความจำสั้นชะมัด

    “เออ ไปก็ได้” ผมกัดฟันพูด ไม่อยากไปอ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    อ้ากกกกกกกกกก ไม่อยากไปเลยยยยยยยยยยยยยยย  ตอนนี้คนเริ่มบางตา และมีเสียงซุบซิบนินทากัน แล้วใช้หางตามองมาทางพวกผม เง้อรุสึกตกอยู่ในหลุมที่มีแต่หนามแหลม แล้วก็มีคนเอาเหล็กแหลมมาทิ่มซ้ำ อ่ะ

    “เฮ้ยสองคนนั้นทำอะไรเฮ้ย” ชายร่างโย่งคนหนึ่งพูดขึ้นมา

    “ตาบอดหรือไงเค้าก็กอดกันสิอีฟายยย” ชายร่างบางพูด

    “โอย อย่าทะเลาะกันเส๊” ผู้หญิงใส่แว่นคนหนึ่งพูด

    “หวานกันซะมดขึ้น เฮ้อออออ” ผู้หญิงอีกคนพูด

    “หนายมีอะไรใครจะเอากัน” ผู้ชายคนหนึ่งพูด

    “ไม่มีใครเอากันหรอกย่ะ มีแต่คนกอดกัน” ผู้หญิงร่างสูงคนหนึ่งพูด

    “ตะวันนของช้านนนน ไม่นะ ที่รักกกกก” ชายคนหนึ่งพูด

    ที่พูดมาทั้งหลายนี้มันเพื่อนร่วมห้องของผมเอง อ้ากกกก มาไรตอนนี้

    “อะไรกัน” ผมพูด

    “พวกมึงสองคนอ่ะทำไรกัน” ชายร่างโย่งพูด

    “อย่าไปยุ่งกับสามีภรรยาคู่นี้สิยะ” หญิงร่างสูงพูด

    “เฮ้ย ใครว่ะ” ผมพูด

    “พวกมึงสองคนไง ตะวัน เจไดต์” หญิงใส่แว่นพูด

    “อ้ากส์” ชายคนที่ชอบโวยวายพูด

    “มันเหมือนตรงไหนวะสาด” ผมพูด

    “เหมือนแล้วกัน!!!” เพื่อนของผมพูดพร้อมกันช่างสามัคคีกันเหลือเกิน

    “แล้วพวกมึงสองคนทำอะไรกัน” ชายร่างโย่งถาม

    “คุยกัน” เจไดต์ตอบ

    “เรื่องไร” มันถามอีกครั้ง

    “เรื่องของพวกเค้า” เจไดต์ตอบ

    “แล้วทำไมต้องถามกันในแบบนั้นด้วย” หญิงใส่แว่นพูด

    “เถอะหน่า มันมีเหตุนิดหน่อยใช่มั๊ย ตะวัน”

    “อ่ะ อึม” ผมตอบ

    แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โดนคนรุมถาม อ้ากส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หยุดถามกูได้แล้วโว้ยย!!!!!!!!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×