คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความฝันที่เลวร้าย
เรื่องราวเริ่มต้นมาจาก เทพธรรมดาองค์หนึ่งที่ภรรยาผู้จับเป็นภาชนะเพื่อผนึกเทพแห่งความตาย
ณ บ้านไม้ขอบเมืองสวรรค์
ได้มีครอบครัวพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่ด้วยกันมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งโอ๋ได้กอดลูกของตนเอง
“ไพลินลูกเเม่อย่าร้องนะ”ก็ได้มีเสียงคนเดินเข้ามา
“เธอกลับมาเเล้วหรอ” ได้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่ง
"ลูกดูขี้อ้อนจริง”
"ลูกของเราเติบโตมาต้องน่ารักเหมือนเธอแน่เลย”
ผู้ชายได้นั่งในโต๊ะเดียวกันและได้ลูกหัวลูกเขาได้ประคองลูกของตัวเองขึ้นมา
“อย่าร้องสินี่พ่อเองนะ”
แต่เด็กคนนั้นกลับร้องหนักยิ่งกว่าเดิมภรรยาของเขาได้หัวเราะเขา
“ใช้สิวันนี้เรามีธุระต้องไปทำนะ ฝากดูแลลูกด้วยนะ”สิหน้าของนางดูมีความเศร้าเล็กน้อย
“เธอจะไปไหนหรอ”สามีของนางในจ้องมองหน้าของนางแต่นางเลือกที่จะหลบไปนะและได้หันหลัง
“เดี๋ยวกลับมานะฝากดูแลลูกด้วย”ก่อนที่เธอจะได้เดินออกจากบ้านไปในที่สุดเเละเขาก็เพิ่งรู้ว่านั่นคือวันสุดท้ายที่เขาได้พูดคุยกับภรรยาของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ยินข่าวเลยเกี่ยวกับภรรยาของเขาที่ได้เป็นภาชนะของเทพเจ้าแห่งความตาย เขาได้รักจริงทุกสิ่งเพื่อหยุดพิธีกรรม ได้เห็นมันแผ่นหลังภรรยาของเขาก่อนนางจะเดินเข้าไปในพิธีกรรมได้วิ่งเข้าไปเพื่อจะขัดขวางแต่ทว่ามีทหารขัดขวางเขาไว้
“ปล่อยข้าสิวะ”
ภรรยาของเขาได้หันกลับมาพร้อมกับยิ้มให้พร้อมกับน้ำตาของเธอและได้หันหน้ากลับไป
นั้นคือฝันร้ายที่สุดที่ข้าได้ฝันร่านที่ไม่มีทามลืม ทางเดียวที่เขาจะช่วยภรรยาของเขาได้คือการขโมยกุญแจทั้ง 4 ดินแดน ต่อให้น่าจะเป็นการปลดปล่อยเทพเจ้าแห่งความตายก็ตาม
ณ ปัจจุบัน
ได้มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนตึกสูงเขาได้จ้องมองไปยังเจดีย์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ได้ที่กลุ่มคนมากมายที่ปกปิดตัวตนใส่เสื้อคลุมสีดำสวมใส่หน้ากากได้เดินเข้ามาหาเขา
"หัวหน้าครับพวกเราพร้อมกันแล้ว” เขานั้นก็ยังคงจ้องมองไปยังเจดีย์แบบไม่กระพริบตาเรากะว่าอารมณ์และความรู้สึกเขาหายไป
“บุก” คนที่เป็นหัวหน้านั้นได้เดินนำหน้าไปก่อน ก่อนคนชุดดำจะเดินตามกลุ่งคนที่ใส่เสื้อสีดำในยามพิการได้กระโดดบนหลังคาผ่านบ้านแต่ละหลังด้วยความมืดและผ้าคลุมสีดำเลยทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นผู้คนมากมายที่กำลังกระโดดข้ามหลังคา
“ง่วงนอนมากเลยเมื่อไหร่จะเปลี่ยนเวรละเนี่ย นั้นมันเงาอะไรกันคงคิดไปเองหรอกมั้ง” ถ้าได้นั้นผู้ชายคนนั้นก็ได้หันกลับมาแต่ทว่าด้านหลังของเขามีงานของใครสักคนอยู่และได้หักคอผู้ชายคนนั้น
ในไม่ช้าเสียงเตือนภัยรอบเจดีย์ก็ดังขึ้น ทหารมากมายได้วิ้งมาจากจุดต่างๆเเต่ทุกคนเปล่ากลับรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร ได้เรียงตัวกันรอบเจดีย์และได้วางโล่เรียงกันเป็นชั้นๆ
“เหล่าทหารทั้งหมดใช้พลังเพื่อกลางบาเรีย”เหล่าทหารก็ได้เเสงสีทองออกมาเเล้วเเสงนั้นก็ได้รวมกันเป็นหนึง เกิดเป็นระฆังสีทองวนรอบเจดีย์แห่งนี้ เมื่อเราชุดดำได้มาถึงบาเรียก็กฝถูกกลางเรียบร้อยแล้ว
เหล่าคนชุดดำได้ใช้ทุกวิธีทางในการโจมตีแต่ทำอะไรกำแพงสีทองไม่ได้ เหล่าคนชุดดำก็ได้แยกออกจากกันเพื่อเป็นเส้นทางให้คนนึงเดินเข้ามา
“ระฆังทอง”
“เหล่ายมทูตรวมพลังไว่กับข้า”เหล่ายมทูตได้ปล่อยพลังของตนเองออกมาและพลังทั้งหมดก็ได้รวมไปยังชายที่ออกคำสั่ง
ชายผู้นั้นได้มีโซ่ยาวมีสามารถวนรอบมือของเขาสอง 2 ข้าง เเละยังยาวทั้งได้ถึง 3 เมตรทั้ง 2 ข้าง โซ่ทั้งสองข้างของเขาตรงปลายซองได้รวบรวมพลังจากเหล่ายมทูตจนมีรูปร่างเป็นลูกตุ้ม
"นี่พวกเเก่คือเรายมทูตงั้นหรอ”เขานั้นรู้สึกประมาณ ได้ออกคำสั่งกับเราทหารให้เพิ่มพลัง
“พวกเจ้ามีเท่าไหร่ใส่ให้หมด”
หัวหน้าของเหล่ายมทูตหมุนโซ่ไปมาให้จนลอยอยู่บนอากาศจนทำให้เกิดแรงลมมหาศาลชายผู้นั้นได้ปล่อยโซ่ของตนเหวี่ยงเข้ากำแพงทอง กำแพงได้เข้าปะทะกับโซ่ที่มีแรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้กำเเพงเกิดรอยร้าว
“ทุกคนรีบนอนลง”เหล่าทหารที่ได้ยินคำสั่งก็ได้ทิ้งโล่และนอนลงทันที
กำเเพงทองได้เเตกลงพร้อมกับแรงระเบิด เหล่าทหารที่นอนลงหรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหล่ายมทูตไม่ได้สมใจได้้ดินเข้ามายังเจดีย์
ในเจดีย์มีภาพฝาผนังตรงกลางมีรูปปั้นพระพุทธรูปที่นั้งบนพระแท่นและหน้าพระพุทธรูปได้มีผู้ชายนั่งสมาธิอยู่
“ข้าคิดไว้เเล้วว่าเจ้าจะลงมือในต้องนี่”ชายที่อยู่ตรงหน้างพวกเขาได้พูดเเละลืมตาขึ้นมา
“เเต่พวกเจ้าก็กล้ากันมาก”อยู่ก็ได้มีมีดปรากฏขึ้นบนผนังแล้วมีดเรานั้นก็ได้บินลงมาระหวังจะแทงเรายมทูต
เหล่ายมทูตได้ป้องกันหรือไม่บางคนก็ล้มเเต่หัวหน้าได้ทำลายอย่างง่ายดายเเละเดินเข้าไปยังชายตรงหน้า
"ถ้าเจ้ายอมถอยไปข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”ชายตรงหน้าได้หัวเราะและได้ทำสีหน้าเยาะเย
"ข้าเป็นถึง 7 ผู้พิทักษ์ดินแดนสวรรค์ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องสมบัติชิ้นนี้”พูดจบเขาได้หยิบอาวุธขึ้นมา
“ถ้าเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เมตตาแล้วกัน”ชายชุดดำได้เหวี่ยงโซ่ใช้ชายตรงหน้า เเต่ชายคนนั้นได้กระโดดหลบยืนอยู่บนผนัง และได้เวียนดาบทำให้เกิดคลื่นเพื่อโจมตีกลับ
เเต่การโจมตีจากโซ่นั้นต่อเนื่องเกินไปทำให้เขาต้องกระโดดข้ามเสาไปเรื่อยๆเขาได้กระโดดมีผนังและชาร์จเพื่อที่จะพุ่งโจมตีผ่านโซ่
“เจ้าจะหลบการโจมตีนี่ได้ไหม” เขาได้เวียนดาบอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนทำให้เกิดคลื่นอันมหาศาลโจมตีใส่ชายที่ถือโซ่ ชายที่ถือโซ่ได้หมุนโซ่ตอนเป็นวงกลมอยู่ตรงหน้าเขาเพื่อปัดป้องกันโจมตีแต่ทว่าคลื่นดากมีมากเกินไป คลื่น 2-3 อัน ที่ยังโดยเขา
“พวกเจ้าใช้จังหวะนี้แหละ ”เหล่าชายชุดดำที่ก่อนหน้านี่นอนกันอยู่ก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับปล่อยพลังไปใส่ชายที่ถือโซ่
“เราต้องรีบถอยไปจากตรงนี้”เขานั้นได้กระโดดถอยออกมาแต่ทว่าก็ไม่พ้นรัศมีของโซ่ขนาดยักษ์ที่เหวี่ยงเข้ามาทำให้เขากระเด็นแดงติดกำแพงทำให้เขาถึงขั้นล้มลงเขาได้ประคองตนเองขึ้นมาด้วยสีหน้าแววตาที่ดูจริงจัง
“พวกมันมีมากเกินไปข้าต้องกำจัดผมอ่อนแอก่อน”
“เพลงระบำเลือด”เขาได้หลับตาพร้อมกับเดินเข้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เหล่ายมทูตได้เข้ามาโจมตีทัวร์ทุกสารทิศ แต่ไม่มีใครสักคนที่โจมตีเขาโดนราวกับเขากำลังไล่รำอยู่กลางผู้คน ทุกคนที่เขาผ่านร่างต้องแหลกเป็นชิ้นๆ เหล่าโซ่ได้โจมใช้เขาแต่เขาหลบได้อย่างง่ายดาย ขอได้พยายามจะจับโซ่และดึงเข้ามาหาตัว
“เจ้าคิดจะสู้เเรงข้า”ชายถือโซ่ได้เหวี่ยงมือทั้งสองข้างทำให้เกินแรงผลักมหาศาลนักดากได้อ่านจังหวะและร่ายรำจนมันจะเข้าถึงตัว
นักดาบได้อ่านจังหวะของเเรงเเล้วใช้เเรงนั้นผลักโซ่ออกไปและร่ายรำจนมันจะเข้าถึงตัว
“เจ้าเสร็จข้าเเน่น”ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงเพลงที่ทำให้เขาถึงกับต้องเดินถอยหลังทำให้เขาเสียสมาธิโซ่เส้นนั้นก็ได้เหวี่ยงเข้ารากของเขา เขานั้นได้ดาบหลุดจากมือ
"นี่เจ้ามีถึง 2 เอกลักษณ์เลยหรือ”
หัวหน้าของยมทูตได้เป่าปี่พร้อมโซ่ที่พันรอบแขน ใส่ชุดดำไม่สนใจและเดินเข้าไปยังตรงกลางเจดีย์พญานาคพระพุทธรูปและได้ท่องคาถาบางอย่างทันใดนั้นใต้พื้นหน้าพระพุทธรูปก็ได้ช่องลับแต่ในนั้นกลับว่างเปล่า
"5555 เสียใจด้วยได้มีคนขโมยตัดหน้าเจ้าไปแล้ว”เขาได้หัวเราะเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงที่ดังสนั่น
หัวหน้ายมทูตได้หันกลับมาจ้องมองนักดาบ
“เจ้าหมายความว่าไง”
“เจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองตรวจสอบดูได้”เหล่ายมทูตได้ไปดูกล้องวงจรปิดตรวจสอบ ได้เห็นเด็กหนุ่มที่แอบขโมยไป แล้วได้หายตัวไปยังปริศนา
"พรเจ้าหัวขโมยนั่น มันชอบก่อปัญหาไปเรื่อย”
"เมื่อมันอยากขโมยมากนักพวกเราก็จะให้มันรับความผิดทั้งหมด และหลังจากนั้นเราก็ค่อยแย่งชิงตราหาเทพ”
ณ ใจกลางเมืองสวรรค์
“ไอบ้านี่มันใช้ทำอะไรกัน”เขาได้มืออะไรบ้างอย่างไวมือขวา มันมีลักษณะเป็นเหมือนกับเศษเสี้ยวเศษเหล็กของอะไรสักอย่าง
“นี่นะหรอ 1 ใน 4 สมบัติศักดิ์สิทธิ์นึกว่าจะมีอะไรพิเศษกว่านี้สิ”เขาได้จับแตเผื่อจะมีอะไรเกิดขึ้น เเต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เลยทำให้เขาหมดความสนใจแต่ทันใดนั้นก็ได้มีชายอีกคนเข้ามาและพยายามจะหยิบสิ่งที่อยู่ในมือของเขา
“เเม้วันนี่เจ้าได้อะไรมา มาให้ข้าดูหน่อยสิ”
ข่าวทั้งสองได้ทำการแย่งกันไปแย่งกันมาจนสุดท้ายสิ่งนั้นก็ได้ตกลงพื้น เมื่อพรเห็นเเบบนั้นเขาได้ไปดูแต่ทว่าเศษเหล็กอันนั้นมันได้มีรอยแตก
“มันเเตกมากจังว่ะ นี่นั่นหรอ 1 ใน 4 สมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือมันเป็นของปลอม”
แต่ถ้าว่าก็ได้มีแสงอันมากมายมหาศาลออกมาจากรอยแตกอันนั้น แสงนั้นได้พุ่งตรงยาวทะลุก้อนเมฆและท้องฟ้าชาวบ้านนะดินแดนสวรรค์ทุกคนที่ได้เห็นแสงนั้นต่างก็จ้องมองด้วยความตกตะลึง
เพื่อนของเขาได้เผลอล้มลงได้ความตกใจ“นี่มึงเอาอะไรมาเนี่ย”ข่าวนายจ้องมองไปยังแสงนั้นแบบไม่กระพริบ
“มันคือ 1 ใน 4 สมบัติศักดิ์สิทธิ์ กูได้ขโมยมันมา” เพื่อนของเขาได้หันหน้ามามองด้วยสีหน้าที่ตกกะใจยิ่งกว่า
“นี่มึงกลัวขโมย 1 ใน 4 สมบัติศักดิ์สิทธิ์เลยหรอเเทมยังทำมันเเตกอีก”
“มันก็ความผิดมึงไม่ใช้หรือไง” พรได้แต่ก่อนเสียงดังด้วยความโกรธเขาทั้งคู่ได้ทะเลาะและโยนความผิดกันไปมา ถ้าได้นานแสนนานก็เลิกจะเลี้ยวไปมาและได้พุ่งตรงมายังพร
เขานั้นตกกะใจแล้วพยายามจะกระโดดลงแต่มันก็ไม่สำเร็จแสงสีขาวได้ห้อมล้อมร่างของพร
พรได้ลืมตาขึ้นมาสิ่งที่เขาเห็นคือเมฆหมอกและท้องฟ้าที่ดูเป็นสีขาวทุกหนแห่งไม่ว่าจะบนชั้นล่างซ้ายขวาหน้าหลังล้วนมีแต่เมฆและหมอกสีขาว
"นี่มันที่ไหนกัน”เขาเริ่มได้สติและพยายามสำรวจพื้นที่โดยรอบแต่มันไม่มีสิ่งใดเรากลับไม่มีสิ่งมีชีวิตแต่ทว่าก็ได้มีเสียงดังขึ้น
“เจ้าคือพรที่กลัวขโมยตรามหาเทพใช้หรือไม” หลังจากนั้นไม่นานก็มีน้องชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นก่อนที่จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เป็นชายถือดาบสีเเดงใส่ชุดสีขาวทองมีผมสีดวงตาสีแดงดำ
“ท่างพ้นหรอ”เมื่อเห็นชายตรงหน้าทำให้สีหน้าของเขานั้นน่าสิขอได้พยายามพูดอธิบายด้วยความรีบลง
"ข้าไม่ได้ต้องการการครอบครองข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มันแตก”พรพูดด้วยสีหน้าที่อ้อนวอนและสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้เขาไม่รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้ามาดีหรือมาร้าย
“โอ่ เจ้าหนี้กล้าหาญมากเลยนะข้าจะตอบแทนความกล้าหาญของเจ้ายังไงดี”ชายที่อยู่ตรงหน้าทำท่าทีคิดมากไตร่ตรองเหมือนคิดอะไรบางอย่าง มันทำให้พรรู้สึกถึงความชิบหายยิ่งกว่าเดิม
“งั้นข้าจะเล่าอะไรให้ข้าฟังเจ้าอยากฟังไหม”ทรายที่อยู่ตรงหน้าหญิงด้วยความเต็มใจและปรารถนาดี พรได้เดินถอยหลังไป 3-4 ก้าว
“ไม่ดี..”เเต่เขายังพูดไม่จบชายที่อยู่ตรงหน้าก็ได้พูดแทรกก่อนแล้ว
"ถ้าเจ้าอยากฟังเจ้าจะเล่าให้ฟัง ที่เป็นเเล้ว 1-4 สมบัติศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขาขอครบทั้ง 4 ชิ้นจะสามารถเอามันมารวมกันเป็นกุญแจศักดิ์สิทธิ์ เเต่เพลงนี้เป็นที่หมายปองของกลุ่มยมทูต และเจ้าก็ได้ขโมยตัดหน้าหัวเขา”เขาพูดจบเขาได้ยินด้วยความอบอุ่น
“กลุ่มยมทูตพลังอำนาจเป็นรองแค่ 1 ใน 4 แดงศักดิ์สิทธิ์และเราเผลอไปมีเรื่องโดยที่เราไม่รู้ตัว” เขานั้นได้ตัวแข็งโป๊กแล้วหน้าซีด
"เราตายเเน่นๆ”
"5555 เจ้าไม่ต้องกลัวไปข้ามีทามออกให้ข้าอยู่ให้เจ้าไปขอความช่วยเหลือจากเทพแห่งความเกียจคร้านหลังจากที่เจ้าให้ตรามหาเทพแก้นางนางจะช่วยเจ้า” เขาให้เสกรูปให้ดูเป็นรูปของเด็กสาวที่ยังดูน่ารักเเละไม่น่าจะช้วยอะไรได้
"ท่างบอกว่านางเป็นเทพอายุของนางยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ” เรานั้นอายุ 19 เเล้วด้วยซ้ำยังไม่มีหนทางในการขึ้นเป็นเทพเลย เราเลยต้องไปขโมย 1 ใน 4 สมบัติศักดิ์สิทธิ์เผื่อว่ามันจะมีหนทาง
ใช้เเละนางยังเป็น 1 ใน 7 เทพที่แข็งแกร่งที่สุด เจ้าจนจำไว้อย่าไว้ใจใครอย่าเชื่อใจใครเด็ดขาดถ้าเจ้ายังไม่อยากตายจนกว่าจะได้เจอกับนาง นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้ายของข้า”
ก่อนที่พรจะหายไปจากดินแดนแห่งนี้ ได้จ้องมองวิญญาณที่อยู่ตรงหน้า
“ข้าหวังว่าเจ้าจะทำวันได้จงสำเร็จพถ้าจ้าทำสำเร็จเจ้าจะเจอวาสนาไม่รู้อาจจบสิ้น เเต่ถ้าเจ้าทำพลาดเจ้าก็อาจจะตาย ตอนนี้กายเนื้อของข้าได้แต่สลายไปแล้วข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้”
วิญญาณของคนชายคนนั้นก็จะเริ่มจางลงไปเรื่อยๆ
ความคิดเห็น