ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    chapter save บทบันทึกความจริง

    ลำดับตอนที่ #10 : สมุดบันทึกเบนต้า

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 57


    สายลมเย็นๆที่ลอดผ่านหน้าต่างข้างทางเดินนับร้อยบาน ผ่านเด็กสาวทั้งสองที่กำลังเดินทางถึงห้องอาหารในตอนบ่ายของวันเดิมที่ทั้งสองได้สลบไป

            ครบกันรึยังครับ คิวถามขณะมองคนที่ขาดหายไป แต่เหมือนครั้งนี้จะครบทุกคนหลังจากเรื่องเมื่อตอนเช้าของวัน

            ทุกคนเรื่องนี้เครียดนะครับ โปรดเงียบกันหน่อย คิวพูดพร้อมกับการนั่งประจำที่ของเจ้าบ้านและทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบงันทันที

            มีอะไรให้เครียดหรอคะ ท่านคิวบีสหรือว่าไม่ได้ทานอาหารเช้าคะ เสียงหยอกล้อของแคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของสาวๆอีกครั้ง

            แคน เงียบก่อน เสียงเตือนจากคู่หูของตนได้ดังขึ้นหลังจากที่แคนพูดหยอดล้อได้ไม่นานตามด้วยอาการหน้าหวอของแคนทันที

            ความเงียบครอบคลุมอีกครั้งหลังจากการเตือนของแนนสิ้นสุดลง ใบหน้าที่ตกตะลึงของแคนที่ถูกคู่หูของตนตักเตือนก็นั่งทำหน้าจ๋อยลง

            ในเมื่อทุกคนเงียบลงได้แล้วผมก็ของเริ่มเลยละกันนะครับเสียงของคิวเริ่มชัดเจนขึ้นหลังจากที่เสียงพูดคุยรบกวนโสตประสาทได้จบลง

            สมุดบันทึกของเบนต้า...

            “อ๋อ ไอ้หนังสือสกปรกนั้นเอง

            “แคน!!” เสียงเตือนของแนนดังขึ้นหลังจากเสียงแทรกของแคนดังออกมาได้ไม่นานโดยเจ้าตัวยังไม่ทันที่จะได้หัวเราะตามหลังพร้อมสาวๆเช่นเคยกลับถูกเสียงราบของแนนหยุดยั้งไว้ได้ทัน

            แนน เธอเป็นอะไรของเธอ กินยาผิดขวดมาหรือไง เสียงตะหวาดครั้งใหญ่ของแคนดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่แสนจะทดอาการปวดร้าวไม่ไหวอีกต่อไปแล้วหลังจากการหยุดยั้งของแนนถึงสองครั้งสองคราว

            งานส่วนงาน เล่นส่วนเล่นสิแคน จะเอามาปนกันไม่ได้นะ แนนตักเตือนด้วยสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้งแบบผู้ใหญ่ที่รู้จักเล่นรู้จักงาน เรื่องในครั้งนี้อาจทำให้คนอื่นๆมองแนนในอีกด้านหนึ่งก็เป็นได้

            ขอบคุณครับ คุณแนทารัสเสียงขอบคุณจากใจของคิวที่เรียกชื่อเต็มของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มและฉีกกว้างเพิ่มมากขึ้นหลังจากได้รับฟังคำตอบรับอย่างผู้ใหญ่ที่ได้รับการศึกษาของแนทารัส คาลากูล อย่างถ่อมตน

            ขอบคุณคะ คุณคิวบีส เริ่มได้เลยคะ

            “ครับ จากหนังสือชีวประวัติของเบนต้า ผมได้นั่งอ่านมันทั้งคืน และได้พบกับข้อมูลที่คิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับสิ่งที่เราหากันมากอยู่ทีเดียวคิวเริ่มพูดไล่ยาวพร้อมกับการเปิดสมุดที่ได้ยืมเฟลมาอ่านก่อนที่จะพูดต่อไปว่า

            หนังสือเล่มนี้คือสมุดบันทึกการเดินทางของคนที่ชื่อ เบนต้า ครอเทน เล่าถึงการเดินทางของเธอจนจบบันทึก

            แล้วมันยังไงกันคะ ก็อีแค่สมุดบันทึกสกปรก แคนพูดแทรกอย่างหมดอารมณ์พลางมองหน้าคุณคิวบีสที่กำลังอธิบายอย่างนักวิชาการ

            สมุดบันทึกเล่นนี้ เป็นประโยชน์กับเราแน่นอนคะ คุณแคนนีย์ซ่า เมลพูดตอบในขณะที่ทำมือเชิญให้คนเปิดประเด็ดพูดต่อ ซึ่งคิวก็พยักหน้ารับก่อนที่จะพูดต่ออีกครั้ง

            นี่ไม่ใช่แค่สมุดบันทึกครับคุณแคนนีย์ซ่า แต่สมุดเล่มนี้ยังเป็นที่บอกสถานที่ไว้อีกด้วย เป็นวิหารที่ไม่ได้มีเพียงการบอกเล่า แต่มีภาพประกอบบ่งบอกได้ว่านี้คือเรื่องจริง

            ภาพประกอบขาวดำที่มากับสมุดบันทึกเล่มหนาเท่าฝ่ามือ มีภาพของสิ่งก่อสร้างคล้ายวิหารตั้งตระหง่านอยู่กลางป่ารกทึบ คิวเริ่มพูดไล่ยาวจนถึงลักษณะของวิหารที่ถูกเขียนใส่ในสมุดบันทึก ผิวที่เคลือบด้วยทองคำทั้งหมดกับแสงที่ส่องลงมาจากดวงอาทิตย์ผ่านม่านหมอกที่ลอยอยู่บนหัวของเธอเป็นเวลานาน คิวพูดจากการไล่ดูตามหนังสือถึงลักษณะของวิหาร

           

     

    ก็เป็นแค่ภาพ...จะมีอะไรจริงได้คะอีกอย่างจะเชื่อได้หรอคะว่าที่เขียนมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง แคนเริ่มซักถามอีกครั้งหลังจากนั่งฟังคำอธิบายเป็นเวลานานของคิว ซึ่งคิวเองก็ทำท่าทางเหมือนว่าไม่รู้จะตอบฝ่ายถามอย่างไร แต่ก็เพียงพูดแต่แค่ว่า

    เรื่องนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ

            เห็นไหมคะ ขนาดคุณคิวเองยังตอบดิฉันไม่ได้เลย แบบนี้ยังจะให้เชื่อได้อย่างไรกันจริงไหมคะ ทุกคนแคนเริ่มที่จะพูดหาพวก และดูเหมือนสาวๆเกือบทั้งหมดจะเห็นด้วยแต่ก็ถูกทำให้คิดอีกครั้งจากการพูดของเฟล

            “น่าจะเป็นเรื่องจริงนะคะ ฉันลองหาข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้มาแล้วกับคุณแนนและก็เมลด้วยเสียงใสอันมั่นคงที่พุดแทรกขึ้นของเฟลทำให้หญิงสาวหลายคนหันมาสนใจ แต่ที่ตกตะลึงมากกว่านั้นคือคำพูดของเฟลที่บ่งบอกถึงคนที่ทำงานร่วมกัน โดยมีชื่อของคุณแนทารัสดังออกมาจากปากของเฟล ทำให้หญิงสาวต่างๆร่วมถึงคิวและแคนที่ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน

            และก็วิหารนั้นก็ตรงกับเรื่องเล่าของชนเผ่า คีย์ซาน ได้พอดิบพอดีคะ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าเพราะชนเผ่านั้นก็ได้หายไปตั้งแต่ 1000 ปีก่อนแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อได้เพียง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เมลที่พูดแทรกขึ้นอย่างมีเหตุผลต่อคำพูดของเฟลทำเอาคนหลายคนคิดตามเพิ่มมากขึ้น

            ไม่ใช่ 60 เปอร์เซ็นต์คะคุณเมล แต่เป็น 90 เปอร์เซ็นต์ สิ้นเสียงของแนนที่แทรกขึ้นท่ามกลางเสียงอธิบายต่อของเมล สายตาทุกส่วนของห้องประชุมก็ได้จับจ้องใบหน้าที่แฝงไปด้วยความตั้งใจของแนนทันที โดยเฉพาะสายตาของแคนที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ฟังและสิ่งที่ได้เห็นจากคำพูดของเพื่อนซี้คู่หูของตน จากคนที่แกล้งเฟลไปเมื่อวานกับแคนอย่างซะใจ กลับทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีติดขัด

            90?” เฟลทวนคำที่แนนเอ่ยออกมาอีกครั้ง

            ใช่ ความเป็นไปได้คือ 90 เปอร์เซ็นต์เพราะฉันลองค้นหาสถานที่ตั้งของชนเผ่านั้นมาแล้วเมื่อคืน ยากใช่เล่นกว่าจะหาที่เหมาะเจาะขนาดนั้น แนนพูดพลางทำหน้าเหมือนเหนื่อยจากการทำงานเป็นปี แต่ก็ต้องยิ้มขึ้นหลังจากมีคนถามในสิ่งที่ตนภาวนาอยากจะให้ถามขึ้นมาว่า

            อีก 10 เปอร์เซ็นต์ละคะเสียงถามของเฟลทำให้รอยยิ้มสุขสันต์ของแนนเริ่มที่จะเผยออกมาก่อนที่จะตอบคำถามด้วยท่าทางของคนที่เหนือชั้นกว่า

            อีก 10 เปอร์เซ็นต์จะยังไม่มี...ถ้ายังไม่มีใครไปยืนอยู่ที่จุดๆนั้น สิ้นเสียงของแนน ใบหน้าที่ยิ้มฉีกกว้างของคิวก็เผยขึ้นพร้อมกับการดีดนิ้วดังไปทั่วห้องประชุม จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ตนเองคิดไว้ตั้งแต่เริ่มนั่งอธิบายไปว่า

            แล้วอยากจะลองไปกันไหมละครับ คุณผู้หญิง

            ได้หรอ เฟลถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง

            แน่ละสิ ฉันรอคำพูดของคุณแนทารัส มานานแล้วนะ คำพูดของคิวทำให้คุณแนทารัสเริ่มมีความหวังเล็กๆขึ้นมาบ้าง พร้อมกับอาการดีใจเกินหน้าเกินตาออกมา

            จริงหรอคะ แหม่ ดิฉันดีใจจังเลยแนนพูดด้วยน้ำเสียงระรื่นก่อนที่จะพูดต่อไปว่า

            แล้วจะไปตอนไหนหรอค่ะ วันนี้ พรุ่งนี้ หรือตอนนี้เลย

            ใครจะให้เธอไปย่ะ คุณคิวบิสเขาก็ไปกับยัยนั้นสิแคนพูดขึ้นพลางมองหน้าคนที่ลุ้นใจจ่อของเฟล

            ไปได้สิครับ ถ้าขาดคนนำทางละแย่เลย คิวพูดขึ้น

            งั้นดิฉันขอ...

            คงไม่ได้หรอกครับ คุณแคนนีย์ซ่าคิวพูดขัด

            ทำไมกันละคะ ทั้งที่ แนนไปได้แล้วทำไมดิฉันถึงไม่ให้ไปกัน เสียงที่แฝงไปด้วยความฉุดเฉียวของแคนตะหวาดขึ้นหลังจากที่คำพูดของคิวดังออกมา

            เพราะผมยังไม่คิดว่านี่มันใช่สิ่งเราต้องการหรือไม่ แต่ผมอยากที่จะไปรู้ให้แน่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณเบนต้าโดยหาสถานที่จริงคิวบอกเหตุผลในขณะที่ใบหน้าที่แสนเจ็บปวดของแคนเริ่มแสดงผลออกมา

            ละ...แล้ว แนนนะ เป็นคู่ของฉันนะ แคนเริ่มพูดน้ำตาตก

            แยกกันแปบเดียวเอง เดี๋ยวก็เจอกัน แนนเริ่มพูดปลอบโยน ขณะที่อีกฝ่ายน้ำตาเริ่มไหลออกมาโดยไม่อายใคร

            คุณแคนนีย์ซ่า ผมคิดว่ามีงานที่สำคัญกว่าให้คุณอีกนะครับ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของแคนได้หยุดลงพร้อมกับหันหน้ามาหาคนที่พูดเพื่อรอฟังต่อ

            ผมอยากที่จะให้พวกคุณไปอีกที่หนึ่ง สิ้นเสียงคำพูด ความเงียบเริ่มครอบง่ำไปทุกส่วนของพื้นที่ รอฟังสิ่งที่ชายหนุ่มจะพูดต่อในห้องประชุม

            ผมอยากให้ไปที่ เขตการค้าเสรีมาลอน เพื่อหาข้อมูลอัญมณีอื่นที่น่าเชื่อถือแทนผมนะครับ ที่นั้นมีคนเคยเจอเศษอัญมณีนั้นกับตามาแล้ว คิวพูดต่อเนื่องพลางมองนาฬิกาบอกเวลาที่แขวนอยู่บนกำแพงขวาสุดก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยความอารมณ์ดีบวกกับอาการเคร่งขรึม

            เวลาที่จะออกเดินทางกัน คือเช้าตรู่หกนาฬิกาของวันพรุ่งนี้ครับ

            วันพรุ่งนี้เลยหรอ เร็วจังเสียงบ่งบอกถึงความหดหู่ใจของโมมอนดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของสาวๆ

            ตื่นให้ทันนะครับ คุณโมมอน

            ตื่นให้ทัน?”

            คุณก็ต้องไปกับพวกผมด้วย เพราะคุณก็มีความรู้ด้านการรักษาจะได้ช่วยกันได้ทันเวลา คิวพูดพร้อมบอกเหตุผลให้อีกฝ่ายรับรู้

            เมลก็ต้องไปด้วย สองของเฟลดังแทรกขึ้นหลังจากการสนทนาของคิวกับโมมอนจบลง พร้อมกับการมองตาคิวเหมือนขออนุญาตและดูเหมือนคิวจะเข้าใจสายตานั้นของเฟลเช่นกัน

            จะว่าไปแล้วคือทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต้องไปกันทั้งหมดนั้นแหละ

            ขอบคุณคะ คุณคิวบิส เมลกล่าวคำขอบคุณอย่างอ่อนน้อมก่อนที่จะหันไปพูดกับคนที่ส่งสายตาอันเร้าร้อนมาให้ตั้งแต่ชวนเธอให้ไปด้วย แต่แล้วก็ต้องหันไปพูดกับคนที่เร้าร้อนไม่เลิกไปเมื่ออีกฝ่ายจ้องมองอย่างไม่ละสายตา

            ไปแล้วจ๊ะ ไปแล้ว แต่ทำไมต้องทำสายตาแบบนั้นด้วย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×