คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : วันเริ่มงาน :3
“สวัสดีหนู” เสียงทุ่มแก่จากทางด้านขวาดังขึ้นพร้อมกับรถหรูหราสีขาวสะอาดที่สุดที่เธอเคยเห็นมา
“สวัสดีคะ ลุงมารี”เสียงสวัสดีพร้อมเอ่ยชื่ออย่างสนิทสนมได้เรียกเสียงเชียร์ของคนที่เห็นได้เป็นพันคะแนนแล้ว
“หลับสบายไหม วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกแล้วสินะ ก่อนอื่นก็ต้องมีคู่หูกันก่อนนั้นแหละ” ลุงมารีพูดด้วยสีหน้ากังวลนิดๆออกมาขณะที่เรียกให้เฟลมาขึ้นรถของตน
“ต้องมีด้วยหรอค่ะ?” เฟลถามอย่างแปลกใจเนื่องจากมีความคิดที่ว่าทำงานคนเดียวก็น่าจะสะดวกกว่า
“จำเป็นสุดๆเลยละ” คุณลุงมารีพูดพร้อมกับใบหน้าที่กำลังคิดถึงเรื่องบางเรื่องอยู่
คุณลุงมารี หรืออีกชื่อคือ มารี อาร์ตคลอ ซึ่งดูจะสนิทกันมากกว่าวันที่เจอกันครั้งแรกเรื่องงานที่จะให้ทำตอนไปที่บ้านหลังเล็กของเธอ และดูเหมือนคุณลุงเมารีจะทำงานเป็นเลขานุการของทางศูนย์ใหญ่ทางสมาคมและยังเป็นคนดังในสมาคมคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ถึงขั้นที่ว่าไม่มีใครจะไม่รู้จักชื่อ มารี กันเลยทีเดียว
เรื่องงานที่จะให้ทำคืองานตามหาอัญมณีที่ว่ามีชิ้นเดียวในโลก แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมถึงทุ่มทุนไปมากขนาดนั้น เรื่องเป็นเพราะอัญมณีนั้นขอเพียงมีเศษเพียงน้อยนิดก็สามารถขออะไรก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่งบนโลกนี้ได้ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลที่น่าจะมากพอแล้วสำหรับเรื่องนี้ อีกทั้งเงินที่สนับสนุนยังเป็นเงินของรัฐอีกด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลด้านทรัพย์สินอะไร ส่วนเงินเริ่มต้นขั้นต่ำสุดก็ได้ถูกโอนเข้าธนาคารกันไปแล้วเหลือเพียงไม่กี่หมื่นเดลเหลือไว้ในธนาคารส่วนตัวของเธอ
“ขำอะไรหรอค่ะ ลุกมารี” เฟลหันหน้ามามองคนที่ขับรถไปนั่งขำคนเดียวไป
“เอาเถอะหนู เชื่อลุงคนนี้ได้เลยว่ามันจำเป็นแน่ๆ” ลุงมารียังพูดขณะที่ยังหัวเราะในลำคอไม่หยุด
ด้านหน้าทางเข้าสมาคม ไม่ได้หลบซ่อนอะไรเลย แต่ตั้งอยู่หน้าถนนหลวงเสียด้วยซ้ำอีกทั้งมีคนขับรถเข้าออกเป็นจำนวนมาก ตึกที่แทบมองไม่เห็นยอดคุมด้วยกระจกทั้งหมด อีกทั้งด้านในยังมีร้านสะดวกซื้อมากมายเหมือห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เสียมากกว่า
“เออ...คุณลุงค่ะ เราจะไปชั้นไหนกันแน่คะรอมานานแล้วเนี้ย” เฟลเริ่มจะอดทดไม่ไหวกับการขึ้นลิฟต์ที่นานขนาดที่เธอสามารถหลับรอได้อีกต่อไปแล้ว ใบหน้าที่บอกถึงอาการเบื่อสุดขีดทำให้คุณลุงเมารีเริ่มที่จะเห็นใจ
“ใจเย็นๆ ถึงแล้วละ” สิ้นสุดเสียง ประตูลิฟต์ทั้งสองด้านก็ได้เปิดออก เผยทางด้านหน้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ตึกที่มีเส้นทางทอดยาวไปจนถึงประตูสีน้ำเงินเข้มกับพนักงานที่ทำงานกันอย่าแข็งขันเอาเป็นเอาตายกันอย่างวุ่นวาย แต่แล้วทุกคนก็หยุดการกระทำทุกอย่างนั้นลงและหันกลับมาทำความเคารพท่านเลขาคนเก่งกันหมด แต่พอลุงเมารีให้สัญญาณตอบกลับ ทุกคนก็เริ่มทำงานอย่างแข็งขันกันอีกครั้งหนึ่ง
“เดินไปได้แล้วยืนมองอะไร หึ” คุณลุงพูดขณะใช้มืออีกข้างดันตัวของเฟลให้เดินเข้าไป สายตาของพนักงานทุกคนบ่งบอกได้ว่ากำลังจับตาดูอยู่อย่างเงียบๆทำให้เฟลเกิดอาการตึงเครียดขึ้นมาบ้าง
ประตูสีฟ้าได้เปิดออกทันทีหลังจากการเคาะเพียงสามครั้งของเลขาคนเก่ง
พร้อมกับแสงสว่างจ้าออกมา เผยให้เห็นภาพห้องประชุมที่มีคนเดินไปมาอยู่ด้านใน ทางซ้ายประกอบด้วยสามคน คนที่สูบบุหรี่แว่นตาดำหนึ่ง กับ เด็กหญิงน่าจะอายุมากกว่าเฟลเพียง 2-3 ปี ด้านขวามีคนยืนเพียงคนเดียวที่ใส่เสื้อกับกางเกงลายหัวใจสีชมพูกับลูกสุนัขอีก 3 ตัว ที่เจ้าตัวกำลังลูบหัวสุนัขอย่างเอ็นดู ส่วนตรงกลางโต๊ะนั่งประชุม ถัดจากเก้าอี้ด้านหน้าไปประมาณ 3 ตัว มีผู้หญิงประมาณ 10 คนยืนมุงผู้ชายที่นั่งอย่างเบื่อหน่ายถึงที่สุดในชีวิต
“ฉันจะไม่จับคู่กับใครทั้งนั้น” เสียงพูดอันคุ้นหูของเฟลตะโกนลั่นออกจากปากชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ประชุมอยู่ท่ามกลางสาวๆนับ 10 คนออกมา จากนั้นก็มีเสียงโห่ร้องของสาวๆดังไปทั่วห้องประชุม
“ทุกคนเงียบ” เสียงทรงอำนาจจากหน้าประตูสีน้ำเงินเข้มดังลั่นทั่วห้องประชุมและเป็นที่ได้ผล ทุกคนต่างหันมามองที่ต้นเสียงและพูดเป็นทำนองเดียวกันว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ”
“เฟล” เสียงเรียกด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมาอยู่ที่นี้ทำเอาหญิงสาวทั้ง 10 คนหันมามองชายหนุ่มและหันไปมองเฟลพร้อมกันของสาวๆ
“สวัสดีคิว” เสียงตอบเรียบของเฟลทำเอาคิวยิ้มฉีกกว้าง ก่อนที่จะพูดทักกลับไป
“ไง ไม่ขึ้นเลยว่าเฟลจะอยู่ที่นี้” เสียงสนทนาเข้าสู่โสตประสาทของสาวทั้ง 10 คน ถึงการพูดอย่างสนิทสนมกันของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งที่สาวๆทั้ง 10 อดตะลึงไม่ได้คือคำพูดของเด็กสาวผู้มาใหม่ได้เอ่ยชื่อเล่นของคนที่ไม่ขาดคิดว่าจะให้เรียก
คิวไม่เคยให้ใครเรียกเลยแม้แต่คนเดียว แต่เฟลกับเรียกได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรเหมือนเต็มใจและดูเหมือนว่า คนที่เรียกก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“เรื่องทักทายเอาไว้ทีหลังเถอะ เฟลไปหาที่นั่งก่อนเถอะ” เสียงพูดที่เด็ดขาดของเลขาคนเก่งดังขึ้นแต่กลับเปลี่ยนเป็นคำพูดที่แสนอ่อนโยนกับเด็กสาวที่เดินมาด้วยกัน
“คะ” เฟลพูดขณะเดินไปนั่งโต๊ะลองท้ายสุดด้านซ้ายสุด คิวซึ่งเห็นแบบนั้นก็ได้ดันตัวขึ้นจากวงล้อมของสาวๆและเดินผ่านหน้าหญิงสาวทั้ง 10 คนเหมือนไม่มีตัวตนไปนั่งข้างๆเฟลทันที จากนั้นหญิงที่ยืนทางด้านซ้ายก่อนหน้านี้ก็ได้หันมานั่งตรงกลางท้ายสุดข้างๆเฟลอีกที คนที่ลูบหัวสุนัขก่อนหน้าก็ได้นั่งข้างคิวตรงเก้าอี้ถัดไป ส่วนหญิงอีก 10 คนก็ได้หาที่นั่งจนครบคน ส่วนชายสูบบุหรี่ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สุดท้ายเลขาคนเก่งก็นั่งลงตรงกลางหน้าสุด
“เอาละ คงรู้เรื่องงานในครั้งนี้กันอยู่แล้วนะ เงินก็ได้ไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครมีปัญหานะ” เลขาเริ่มเปิดประเด็ดก่อนที่จะเข้าเรื่องสำคัญกว่า
“เอาละที่เรียกทุกคนมาที่นี้ก็เพราะอยากจะให้ทุกคนลองหาคู่หูจากคนในห้องประชุมนี้ซึ่งมีอยู่ 14 คนพอดี จะมีหรือไม่มีก็ได้ ส่วนคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือคนที่จะอธิบายสิ่งที่พวกเธอต้องทำ” เสียงพูดอันทรงพลังได้หยุดลงแล้ว ในเวลาต่อมาก็มีเสียงการแย่งกันหาคู่ของพวกหญิงสาวทั้ง 10 คนขึ้น แต่เสียงคำแก่งแย้งของสาวๆก็ได้หยุดลงเนื่องจากคนที่พวกเธอต้องการพูดในสิ่งที่คัดกับสิ่งที่พูดตอนแรกออกมา
“เฟล มีคู่รึยัง”
“ยัง” คำตอบเพียงคำเดียวทำให้ใบหน้าของคิวฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะพูดต่อมาว่า
“คู่กับผมนะ” เสียงของคิวทำให้หญิงสาวที่กำลังตกลงกันเรื่องคู่ได้หยุดลง พร้อมกับการหันหน้ามามองเฟลอย่างไม่ได้นัดหมาย
“แล้ว...”
“เลขา! ผมได้คู่แล้วจะให้ทำอะไรต่อละครับ” ยังไม่ทันที่เฟลจะพูดจบเสียงตะโกนถามด้วยความดีใจทำเอาหญิงสาวพากันเขม็งตามองเฟลกันเป็นแถวด้วยสายตาอาฆาต
“อย่ารีบร้อน เสร็จกันรึยัง” เสียงทรงอำนาจได้กระจายไปทั่วทิศอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับการตกลงใจของสาวๆในการเลือกคนในกลุ่มแทน จากนั้นเลขาคนที่กุมอำนาจของห้องประชุมนี้ก็ได้ทำมือเชิญให้คนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่เริ่มพูด
“จะฟังรึยัง” เสียงทรงอำนาจไม่แพ้กันกับเลขาคนเก่งดังขึ้นพร้อมกับความเงียบที่ค่อยๆกลืนเข้ามา
“คนที่มีคู่หรือไม่มีกันทั้งหมดนั้น ขอให้ทราบกันทั่วว่า อย่าคิดแม้แต่จะตามหาคนเดียว ไม่ใช่เพราะจะหาอัญมณีกันไม่เจอ แต่เป็นการป้องกันการถูกทำร้ายของคนที่ทำการหาอัญมณีทรงคุณค่านี้
“ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ไปอยู่ที่เดียวกันทั้งหมดนี้เลย ก็แล้วแต่จะตัดสินใจเอาเอง เรื่องการหานั้นเรามีข้อมูลจากคนที่เคยไปหาก่อนพวกเธอมาแล้วและได้ข้อมูลมามากมายเช่นกัน แต่แล้วบางคนก็ยังหายไปกันอย่างสาบสูญ
ดังนั้นคนที่อยู่ที่นี้คงจะต้องมีใครสักคนที่ต้องเจอกับอันตรายเข้าอย่างแน่นอน เพราะข้อมูลแต่ละอย่างที่ได้มาเสี่ยงกับอันตรายมาทุกเรื่องขอให้เข้าใจ” คำพูดที่ทรงอำนาจได้หยุดลงพร้อมกับเสียงของเลขาคนเก่งที่พูดขึ้นต่อมาว่า
“ไปกันได้แล้ว ทำงานนี้ให้สำเร็จ โชคดี” สิ้นสุดเสียงทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันออกไป
แสงอาทิตย์ยามเย็นยังสอดส่องมาเช่นเดิม สถานที่แสนคุ้นเคยจากเหตุบังเอิญที่ต้องมาหลบคนในยามฝนตกหนักในวันนั้น บ้านของคิว ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเหมือนกับการมาครั้งแรกของเธอ ต่างกันที่ครั้งนี้มาในฐานะผู้อยู่อาศัยกับคนในห้องประชุมอีก 11 คนที่มาอาศัยด้วย
“โอ้ สบายดีนะครับ นายน้อย” สีหน้ายิ้มร่าเริงของพ่อบ้านชราคนเดิมกับตอนที่เจอกันครั้งแรกได้ทักอย่างสนิทสนมขึ้น หลังจากการเปลี่ยนสรรพนามเรียกจาก ‘คุณหนู’ เป็น ‘นายน้อย’
“สวัสดีครับคุณผู้หญิงคุณผู้ชายทุกท่าน เชิญเข้ามาก่อนสิครับ” คำพูดแสนสุภาพทำเอาหญิงสาวทำความเคารพแทบไม่ทัน
“ลุงดูดีใจเป็นพิเศษเลยนะครับ”คิวได้ทักพ่อบ้านชราด้วยสีหน้าไม่แพ้กัน
แต่ก็ต้องฉีกยิ้มอีกครั้งหลังจากฟังคำตอบของพ่อบ้าน
“ขอมันแน่สิครับนายน้อย ก็ครั้งนี้เอาหญิงน้อยของพวกเรากับมาด้วยนะสิ” พ่อบ้านตอบก่อนที่จะทำความคำเคารพให้คนที่ถูกเรียกด้วยคำว่า‘หญิงน้อย’และเชิญให้ท่านหญิงทั้งหมดเข้ามา
‘หญิงน้อย’ เป็นคำพูดที่ทุกคนในสถานที่นี้แห่งนี้ไว้เรียก เฟล โดยเฉพาะตั้งแต่ครั้งแรกที่มา ก็ได้ทำการเปิดตัวโดยเจ้าของบ้านโดยคนที่ถูกแนะนำยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำอีกทั้งทำความสนิทสนมกับแม่บ้านพ่อบ้านไว้ต่อหลายคนแล้วตอนถูกชวนให้ไปดูรอบๆบ้านของน้าลีน่า
“ดูพูดเข้าสิปู่ ทำเหมือนผมไปขโมยของพวกปู่มาซะงั้น” คิวพูดไปพลางยิ้มหาเฟลที่เดินเข้ามาในรั่วสีเทาอ่อนของบ้าน แต่แล้วก็ทำให้เฟลหันกลับมาค้อนใส่เจ้าบ้านเสียอย่างนั้น สายตาของหญิงสาวถูกดึงดูดไปมองสถานะของเฟลก่อนที่จะมามองตัวเองว่ามันแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวทั้ง 10 คน ต่างพิจารนาสถานะของตนเองเพราะแต่ก่อนก็เคยมาที่บ้านของคุณคิวบิสตั้งหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีสรรพนามพิเศษแบบนั้นเลยสักครั้งเดียว แต่กลับตกตะลึงมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของแม่บ้านพูดออกมา
“หญิงน้อย กลับมาแล้ว” เสียงแม่บ้านคนหนึ่งตะโกนบอกแม่บ้านอีกคน ข่าวก็ได้กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หญิงสาวทั้ง 10 คนเริ่มที่จะอยากรู้เรื่องของเฟลขึ้นมาขนาดหนัก
บ้านหลังใหญ่ของตระกูล เบลอง ยังอยู่เหมือนเดิมทุกอย่างเท่าที่เธอจำสภาพของที่นี้ได้ ด้านในบ้านก็ยังเป็นเหมือนเดิม แจกัน พรมสีแดงสด ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เฟลหยุดยืนมองสภาพของบ้านหลังใหญ่ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย
“คิดถึงละสิ” เสียงแซ่วจากคนด้านหลังดังขึ้นพร้อมกับแม่บ้านเกือบทุกคนใน
บ้านต่างยืนมองอยู่ทั่วทิศ อีกทั้งหญิงสาวผู้มาใหม่อีก 10 คนมองมาที่เฟลอย่างเป็นตาเดียว
“กลับมาแล้วหรอจ๊ะ” เสียงใสๆของผู้มาใหม่ได้ดังขึ้นและยืนต่อหน้าเด็กน้อยที่ทุกคนกำลังจับตามองอย่างเป็นตาเดียว แต่แล้วสีหน้าของทุกคนก็แสดงความดีใจแบบออกหน้าออกตา พร้อมกับการเข้าสวมกอดของผู้ถามคำถามอย่างรวดเร็วหลังจากคำพูดเพียงคำเดียวของเด็กน้อยผมสีดำสนิท
ความคิดเห็น