คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : แม่ O.o
“แม่”
‘แม่หรอ? แม่ใคร? อย่าบอกนะว่าแม่ของนายนะ แย่แล้วสิเรา’ สิ้นสุดความคิดเด็กสาวที่ได้แต่เพียงกลืนน้ำลายเผชิญหน้ากับผู้ที่ใหญ่สุดในสถานการณ์แบบนี้
เสียงฟ้าร้องดังแบบมโนเอาเองถึงความยิ่งใหญ่ของคนตรงหน้าเข้าถึงหูทั้งสองข้างของเด็กสาว จากเพียงคำเดียวของของชายหนุ่มที่เรียกหญิงตรงหน้าว่า ‘แม่’
ในสังคมที่เธอเคยอยู่ก็เหมือนกับสังคมของชายหนุ่ม การมีเพศตรงข้ามอยู่กับลูกตนเองในขอบเขตบ้านของตน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่สมควรถูกจับตามองเป็นอย่างมากของคนเป็นบิดามารดา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เฟลิต้าจะมองถึงความอันตรายในอนาคตของเธอออก
“สวัสดีจ๊ะ ดีใจนะที่ชุดของแม่ยังใส่ให้กับสาวน้อยคนนั้นได้” เสียงใสบ่งบอกถึงความอารมณ์ดีของผู้มีสรรพนามเรียกขานว่า‘แม่’ของชายหนุ่ม ทำให้เด็กสาวที่บังเอิญตกสู่สถานการนี้ทำเอาใจของของเธอลงมาถึงตาตุ่มทันที ผิดกับชายหนุ่มที่นั่งยิ้มอยู่ตรงหน้าต่างอย่างสบายใจ
“อะ...อะ...คือ...”เด็กสาวเริ่มพูดตะกุกตะกักหลังจากคนที่มีอำนาจมากที่สุดในตอนนี้ได้กล่าวถึงเด็กสาวชุดสีฟ้าใสบริสุทธิ์
“จ๊ะ?” เสียงใสบริสุทธิ์ดังมาอีกครั้งทำให้เด็กสาวทำอะไรไม่ถูกแต่สำหรับชายหนุ่มที่กำลังสบายใจเกี่ยวกับการสนทนาที่ดีของผู้เป็นแม่กับเด็กสาว แต่ในทางกลับกันคำพูดสั้นๆของฝ่ายนั้นเหมือนเป็นการตอกย้ำว่าควรจะทำอะไรสักอย่างโดยเร็วที่สุด แต่แล้วความเครียดของเด็กสาวก็สงบลงเมื่ออีกฝ่ายพูดแทนเธอให้
“แม่ครับ นี้เพื่อนผม เฟลิต้า ครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมยิ้มนำเสนอผู้เป็นแม่อย่างเต็มใจถึงเรื่องของเด็กสาวที่ตนเองได้พามา
“อ๋อเพื่อนนี้เอง” หญิงสาวตอบกลับพลางยิ้มหาเด็กสาวที่กำลังยืนนิ่งใกล้กับคุณพ่อบ้าน
“เชิญด้านในก่อนสิจ๊ะ” หญิงสาวพูดพลางยิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากประตูบ้านหลังเล็กไป
“ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ ว่าไหมเฟล” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับการหันหน้ามามองเด็กสาวที่กำลังทำหน้าบูดใส่ลูกชายของคนที่เพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่นาน
“ผมทำอะไรให้คุณไม่สบายใจรึไง” ชายหนุ่มยังพูดต่อแบบไม่รู้เรื่องในสิ่งที่ตนได้ทำลงไป แต่สำหรับคุณพ่อบ้านกับเฟลรู้ดีว่าสิ่งที่ได้กระทำลงไปของชายหนุ่มกำลังจะจุดชนวนเหตุครั้งใหญ่ให้กับเด็กสาวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวในครั้งนี้
“ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มยังพูดขณะที่กำลังลุกเดินออกไปจากบ้านอย่างอารมณ์ดี
“นาย” เฟลเริ่มเปิดฉากเรียกหลังจากขาข้างหนึ่งของชายหนุ่มได้ก้าวออกพ้นประตูบ้านของพ่อบ้านชราคนนั้นนี้ไป แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะไม่สนใจและยังคงเดินต่อไปไร้ทีท่าที่จะหยุด
“นาย” เฟลพูดอีกครั้งหลังจากที่อีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจ
“คุณคิวบิส” สิ้นสุดคำพูดของเฟล ชายหนุ่มได้หยุดชะงักลง และกล่าวคำพูดที่จะทำให้พ่อบ้านชราจดจำไปตลอดชีวิต
“ผมอยากให้เรียกคิวเฉยๆซะมากกว่านะ” คำพูดส่งท้ายหลังจากเดินพ้นประตูบ้านไปทำให้พ่อบ้านชราถึงกับอึ้งในคำพูดของคุณหนูของตน
คิวบีส เบลองสัน ลูกชายคนโตของตระกูล เบลอง และเป็นคนที่เนื้อหอมมากมาตั้งแต่เกิด มีผู้หญิงหลายคนที่มาทำความรู้จักหวังอนาคตแต่ คิวบิสคนนั้นก็ยังไม่เคยที่จะให้ใครเรียกชื่อเล่นของเขาเลยแม่แต่คนเดียว คนที่เคยเรียกชื่อเล่นห้วนๆก็ไม่เคยได้เรียกอีกเนื่องจากเจ้าตัวจงใจที่จะหนีห่างคนๆนั้น แต่คิวบิสในครั้งนี้กลับขอให้เด็กสาวที่เพิ่งพบเจอกัน เรียกได้แบบห้วนๆโดยไร้สาเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าแปลกสำหรับคนที่เป็นพ่อบ้านรับใช้ตระกูลนี้เป็นเวลานานเช่นกัน
“ผมคิดว่าควรตามไปนะครับ” พ่อบ้านชายชราเอ่ยพร้อมกับการเดินหันหลังกับและเดินเข้าไปในห้องครัว
‘อยากจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่าตอนนี้คงเป็นวินาทีแห่งชีวิตแน่ คนอย่างไอ้คิวบิสเอ่ยปากให้เธอเรียกเอง ฉันเป็นอะไรไปละเนี้ย’ ชายหนุ่มได้เพียงคิดกลุ้มอย่าในใจขณะที่เท้าสองเท้ายังขยับเดินลัดสวนเข้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่สุดของสถานที่แห่งนี้
หน้าบ้านที่งดงามจนไม่รู้จะเอาอะไรเทียบแล้ว แต่ข้างในกลับกว้างกว่าที่เห็นเสียอีก มีทั้งบันไดทั้งสองด้านที่มีเส้นทางปะจบกันอยู่ตรงกลางของบ้าน ด้านหน้าเหมือนมีการประกาศศักดินาด้วยรูปครอบครัวใหญ่ขนาดครึ่งหนึ่งของกำแพง บนพื้นปูด้วยพรมสีแดงสด ส่วนทางเดินก็มีแจกันนับร้อยวางเรียงราย ครอบครัวนี้รวมค่าทรัพย์สินทั้งหมดคงเกิน ล้านเดลแน่ๆ
“เฟล...” คำเดียวจากปากของคนที่ใช้สรรพนามว่า ‘แม่’ ของชายหนุ่มทำเอาใจของ
เฟลิต้าหล่นลงอีกครั้ง ห้องนั่งเล่นที่มีสิ่งของประดับล้ำค่ามากมายทำให้คำพูดของเจ้าบ้านดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกหลายเท่า
‘ตายแน่ฉัน คราวนี้ไม่รอดแน่ๆ’ เฟลคิดในขณะที่พยายามหลบตาอีกฝ่าย แต่ก็ต้องหันกลับมามองหน้าอีกฝ่ายหลังจากคำพูดอันแสนอ่อนโยนได้ดังขึ้นจากคนผู้ทรงอำนาจในเวลานี้ได้พูดออกมา
“ขอเรียกแบบนี้ได้ไหมจ๊ะ” เสียงใสๆที่ได้พูดต่อหลังจากเว้นระยะคำพูดไปช่วงหนึ่งของคนที่ใช้สรรพนามว่า ‘แม่’ ของชายหนุ่มได้ดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มเกินกว่าคำว่าสวยไปเสียแล้ว ใบหน้าอมยิ้มที่มีการแต่งเติมสีชมพูอ่อนเล็กๆน้อยๆตัดกับสีผมที่คล้ายกับลูกชายของตนเหมือนกับลอกแบบกันมาจากเครื่องพิมพ์ยาวถึงหลัง ทำเอาเฟลพูดอะไรไม่ออกกับความสวยของคนตรงหน้าเพียงแต่ได้พยักหน้ารับคำไป
“ขอบใจจ๊ะ” เสียงหวานของเจ้าบ้านได้ดังขึ้นหลังจากได้รู้คำตอบของอีกฝ่าย
‘ใจเย็นๆไว้เฟล ใจเย็นไว้ แค่เรียกชื่อ เรียกชื่อเองไม่ใช่เอาขึ้นหิ้งเสียหน่อย’เฟล
พยายามปลอบใจตนเอง แต่อีกใจคงบอกว่า ตายแน่ๆ อยู่แน่นอนเพราะขาทั้งสองข้างของเฟลเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขเสียแล้ว
“งั้นเรียกฉันว่า ‘คุณน้า’ แทนนะจ๊ะ” คราวนี้คำพูดนั้นเอาความคิดมโนว่า ‘โหดร้าย’ ของเฟลทึ้งไปเสียทั้งหมด ไม่ใช่เพราะเสียงใสๆของคุณน้าหรอกนะ แต่เป็นการพูดแบบเป็นกันเองของเจ้าบ้านมากกว่า
“คะ” เฟลรับคำอย่างเขินๆ ใบหน้าแดงก่ำของเฟล ทำให้ชายหนุ่มมองอย่างอดไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องหยุดใบหน้าที่แสนจะอมยิ้มของชายหนุ่มหลังจากได้ยินคำถามจากผู้เป็นแม่ถึงลูกชายตนเอง
“คิว ถึงไหนแล้วละ เห็นกลับบ้านพาเด็กน้อยน่ารักแบบนี้มาได้” เสียงใสๆถามถึงเด็กน้อยที่ลูกของตนพามาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มกว่าเดิม เมื่อเห็นลูกชายของตนเอาแต่มองเด็กสาวอย่างไม่ละสายตา
“ก็ได้ข้อมูลมาบ้างแหละครับ แล้วอีกอย่างก็ได้เกินครึ่งแล้วด้วย”
“เกินครึ่ง แสดงว่ายังไม่เสร็จสินะเจ้าตัวดี อีกทั้งให้คนอื่นไปเองก็ได้ไม่ใช่หรอ”คุณน้าพยายามสักเกตการกระทำของลูกชายของตน ถึงจะเป็นคนที่ชอบทำงานด้วยตนเอง แต่ถึงขั้นต้องออกไปตากลมตากฝนเพื่องานแบบนั้น ใครๆก็ต้องถามกันบ้างทั้งนั้นแหละ
“ก็นะ ให้คนอื่นไปเองมันนานนี่ครับ” คิวตอบอย่างอารมณ์ดีพลางฉีกยิ้มให้คนเป็นแม่อย่างน่ารักน่าชัง
“แล้ว ‘หญิงน้อย’ คนนี้มาจากไหนหรอจ๊ะ” ฝ่ายคุณน้าเริ่มเปลี่ยนเรื่องบ้างแล้ว แต่ก็มีอยู่เพียงคำหนึ่งที่เฟลคิดยังไงก็คิดไม่ตก
‘หญิงน้อย’ อีกแล้ว มันคืออะไรกันนะสองคนแล้วเนี้ย หรือว่าอาจจะเป็นคำพูดของคนที่เรียกเวลามีแขกผู้หญิงมาละมั้ง เฟลคิดหลังจากนึกถึงคำว่า ‘หญิงน้อย’ ที่ถูกเรียกใช้มาตั้งแต่เข้ามารั่วประตูของบ้านนี้
“แถวๆซอยเล็กๆตรงข้ามถนนใหญ่ที่มีกังหันลมใหญ่ตั้งอยู่นะคะ” เฟลตอบอย่างไม่ปิดบังเรื่องที่อยู่ในตอนนี้ของตน เพราะไม่รู้จะโกหกไปทำไมอีกฝ่ายคงไม่มาบุกบ้านกันหรอกมั่ง ถึงบุกก็หาไม่เจอ คุณหน้าที่อยู่ตรงหน้าพยายามนึกคิดถึงสถานที่อยู่ของเด็กสาวและดูเหมือนจะนึกออก
“อยู่ไกลเหมือนกันนี่จ๊ะ” ฝ่ายคนที่พยายามนึกถึงที่อยู่ก่อนหน้านี้พูดขึ้น
“ผมก็ไปเจอเฟลตอนที่ไปดูเจ้าพวกนั้นมานั้นแหละครับ” คิวตอบเสริมพร้อมฉีกกว้างอีกครั้ง
‘ปากเป็นอัมพาตรึไงนะเจ้าหมอนี้ ยิ้มอยู่ได้ไม่เมื่อยบ้างรึไง’ เฟลคิดพลางส่ายหน้าเบาๆแอบไม่ให้คนในวงสนทนารู้สึกตัว แต่ก็ต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อคุณน้าพูดโพลงออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ะ! ลืมสนิทเลย น้าชื่อ ลีนเทล เบลองสัน ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ” คุณน้าเสียงใสแนะนำตัวอย่างกะทันหัน
“คะ เช่นกันคะ” เฟลก็รับคำอย่างอ่อนน้อม ใบหน้าที่ไร้การปรุงแต่งยิ้มด้วยความน่ารักที่สุดที่เคยทำมาใส่ผู้ที่ใช้สรรพนามว่า ‘แม่’ ของคิวทันที
“จะเรียกว่า ‘น้าลีน่า’ ก็ได้นะจ๊ะ”หญิงสาวที่เผชิญหน้ากับเฟลก่อนหน้านี้ เริ่มที่จะ เปลี่ยนสรรพนามการเรียกชื่อของตนทันที เมื่อเห็นสีหน้าของการตอบกับด้วยความน่ารักของอีกฝ่าย
“เริ่มอีกแล้ว นิสัยกินเด็ก” คิวเริ่มล้อ
“รักเด็กจ๊ะ ไม่ใช่กิน” น้าลีน่าก็ตอบมุกไม่แพ้กัน
‘ครอบครัวเป็นสิ่งที่สงบสุขดีจังแหะ’ เฟลคิดในใจและเริ่มมีอารมณ์คิดถึงบ้านของเธอหลังจากหายไปนานเกินจำเป็น “ป่านนี้ คงหายโกรธแล้วละ” เสียงความคิดที่เล็ดลอดออกจากปากของเฟลขณะคิดอยู่เข้าไปถึงหูของชายหนุ่มที่นั่งยิ้มไปมาเมื่อครู่
“อะไรหรอที่หายโกรธนะ” คิวถามขึ้นหลังจากที่เฟลนั่งพึมพำกับตนเอง
“อ๋อคือ ป่านนี้คนทางบ้านคงเป็นห่วงกันแล้วละ” เฟลตอบคำถาม
“ผมไปส่งไหม” คิวถามในขณะที่ใบหน้าของชายหนุ่มได้เผยยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวกลับเองได้” คำพูดของเฟลทำให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเกือบเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยราวบนหน้าตนเองทันที
“แต่พวกนั้นเห็นคุณเป็นศัตรูไปแล้วนะ” คิวยังไม่ล้มเลิกความคิด
“นั้นสิ เพราะใครกันนะ” ก็แน่อยู่แล้ว เพราะใครที่ไหนก็ไม่รู้จับข้อมือลากไปมาทั้งคืนแบบนี้คนไล่ตามเขาคงไม่เห็นกันหรอก เฟลพูดกับตัวเองหลังจากการถามตอบของทั้งคู่จะจบลง
“ผมก็จะช่วยคุณไว้ด้วยไง ไปด้วยกัน ภาพคุณในกล้องก็จะไม่มีปัญหา” คิวเริ่มหาข้อแก้ตัว ในขณะที่อีกฝ่ายทำหน้าแบบคนที่เหนือกว่าก่อนที่เฟลจะถามต่อไปว่า
“แล้วสรุปว่า พวกนั้นเป็นใครกันละ” ใบหน้าที่มองหน้าคิวอย่างใจจดใจจ่อกับคำตอบที่กำลังจะเผยออกมาในอนาคต
“ใครนะหรอ...คือโจรนั้นละ”คิวตอบ ในขณะที่มืออีกด้านกำลังจับน้ำชาอุ่นๆตรงหน้าขึ้นดื่ม
“แล้วพวกนั้นจะทำอะไรกันละนั้น ได้ยินคำสุดท้ายว่า ‘ไปวางแผนกันในคุกละกัน’ ไม่ใช่หรอ” เฟลถามขณะทำท่านั่งตั้งใจฟัง ขาทั้งสองข้างของเฟลเริ่มติดกัน แขนทั้งสองที่วางไว้ระหว่างขาทั้งสองข้างกับใบหน้าที่ต้องการคำตอบอย่างจริงจัง เกือบทำให้คิวหน้าแดงก่ำออกมาต่อหน้าเด็กสาว
“ก็...ช่วยคนที่อยู่ในคุกโดยการแหกคุกไง” คิวตอบคำถามในขณะที่กำลังทนกับอาการหน้าแดงของตนเองอยู่
“แหกคุก?” การพูดซ้ำของเฟลแฝงไปด้วยความตกใจก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง
“แล้วนายจะทำอะไรกัน เห็นคุณน้าลีน่าก็ถามว่า ‘ถึงไหนแล้ว’ ไม่ใช่หรอ” เฟลถามขึ้นหลังจากเห็นข้อสังเกตนี้เป็นเวลานาน ใบหน้าที่คุ่นคิดของเฟลทำให้คุณน้าลีน่าอดติดใจไม่ได้ แต่ก็ต้องยิ้มแก้มปลิ่มทันทีหลังจากคำตอบของลูกชายตนเองพูดออกมา
“ก็แหกคุกเหมือนกันนั้นแหละครับ” คิวพูดขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกทั้งยังยิ้มอย่างมีความสุขอีกด้วย แต่สำหรับเฟลคงเป็นสิ่งที่อาจจะอธิบายยากน่าดู เพราะอะไรนะหรอ ก็เพราะว่า จะมีใครที่ไหนมาบอกกับคนอื่นว่าจะไปพาคนที่ติดคุกออกมากันละ มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละ แต่อีกฝ่ายก็ยังยิ้มอยู่ได้ หรือว่าโรคจิต ใช่แน่ๆ โรคจิตชัดๆ เฟลคิดในใจขณะอึ้งในสิ่งที่ได้ยินจนถึงขั้นหยุดนิ่งเงียบได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะพูดด้วยเสียงที่เบากว่าเสียงกระซิบกับตนเองว่า “อะไรนะ?”แต่กลับถูกตัดบทความคิดด้วยคำพูดอันเหนื่อยใจของผู้เป็นแม่องชายหนุ่มไปว่าว่า “อย่าไปเชื่อลูกของน้าเลยจ๊ะหญิงน้อย”ทันทีหลังจากคำพูดขี้เล่นของลูกชายจบลงพร้อมกับการลุกขึ้นของคุณน้าลีน่า
“เอาเป็นว่ามาชมบ้านของเรากันหน่อยไหมละจ๊ะ” สิ้นสุดเสียงของน้าลีน่า มือบางสีขาวนวลก็ยื่นออกมาสู่เด็กน้อยชุดสีฟ้าใสทันที ใบหน้าที่ฉีกยิ้มของคิวกับคุณน้าตรงหน้าที่ยื่นมือมาให้ถึงที่ แบบนี้จะบอกว่าไม่ไปได้อย่างไร
พรมสีแดงไม่ได้ที่อยู่หน้าบ้านกับตรงบันไดเท่านั้นแต่ยังรวมถึงทุกเส้นทางของบ้าน
แจกันเกือบร้อยชิ้นวางเรียงรายกันระหว่างทางเดิน สายตาของเฟลมองไปรอบๆบ้าน ผ่านห้องนั่งเล่นที่มีถึง 3 ห้องมาเรียบร้อยแต่ก็ต้องมาหยุดอยู่ที่ห้องครัวในบ้านหลังใหญ่ที่มีแม่บ้านประมาณ 3 คนใส่ชุดที่สีขาวสะอาดกับเสื้อกันเปื้อนเหมือนกันทั้งหมด กำลังคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานพร้อมกับพ่อบ้านชราที่เจอหน้าประตูรั่วกำลังนั่งนิ่งอย่างอารมณ์ดีอารมณ์ดีก่อนที่จะมาหยุดมองเด็กสาวที่แวะมาใหม่หน้าห้องประตูห้องครัว
“คุยกันท่าทางน่าสนุกนะคีต้าขอร่วมวงด้วยได้ไหมจ๊ะ” เสียงใสๆข้างเด็กสาวหน้าประตูห้องครัวได้ดังขึ้น ทำให้เสียงพูดคุยอันแสนสนุกหยุดลงของแม่บ้านทั้งหลายหยุดลง
“คะ ท่านหญิง ว่าแต่เด็กคนนั้น...”คีต้าตอบรับคำพูดของเจ้านายของตนพลางมองเด็กสาวชุดสีฟ้าใสสะอาดอย่างเอ็นดู
“หนูเฟลจ๊ะ เพื่อนของคิวจ๊ะ” เสียงที่บ่งบอกได้เลยว่ากำลังอารมณ์ดีและพร้อมแนะนำให้คนอื่นรู้จักได้ทุกสถานการณ์ สายตาโดยรู้กันของแม่บ้านฉายแววประกายออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ผูกมิตรอย่างเป็นกันเองให้ทันทีหลังจากการแนะนำอย่างยิ้มแย้มของผู้เป็นเจ้าบ้าน
ถึงทางนั้นจะบอกว่าเป็นการเยี่ยมชมบ้านของตระกูล แต่อีกนัยหนึ่งคือการเปิดตัวให้คนในบ้านของตนรู้จักโดยทั่วกัน ซึ่งเฟลเองก็รู้ดีว่าสายตาของแม่บ้านที่มองเฟลนั้นก็รับรู้ได้เลยว่าไม่ใช่สายตาที่มองเด็กสาวแบบปกติแน่
ห้องครัวผ่านไปและอีกห้องต่างๆของบ้านใหญ่หลังนี้ทำให้เฟลรู้จักกับพ่อบ้านแม่บ้านเพิ่มขึ้นและทุกคนก็เริ่มที่จะเรียกโดยใช้สรรพนามเฉพาะของเฟลเท่านั้นว่า ‘หญิงน้อย’ กันไปอย่างอัตโนมัติ
ความคิดเห็น