คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สมุดบันทึกเบนต้า
สายลมเย็นๆที่ลอดผ่านหน้าต่างข้างทางเดินนับร้อยบาน ผ่านเด็กสาวทั้งสองที่กำลังเดินทางถึงห้องอาหารในตอนบ่ายของวันเดิมที่ทั้งสองได้สลบไป
“ครบกันรึยังครับ” คิวถามขณะมองคนที่ขาดหายไป แต่เหมือนครั้งนี้จะครบทุกคนหลังจากเรื่องเมื่อตอนเช้าของวัน
“ทุกคนเรื่องนี้เครียดนะครับ โปรดเงียบกันหน่อย” คิวพูดพร้อมกับการนั่งประจำที่ของเจ้าบ้านและทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบงันทันที
“มีอะไรให้เครียดหรอคะ ท่านคิวบีสหรือว่าไม่ได้ทานอาหารเช้าคะ” เสียงหยอกล้อของแคนดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของสาวๆอีกครั้ง
“แคน เงียบก่อน” เสียงเตือนจากคู่หูของตนได้ดังขึ้นหลังจากที่แคนพูดหยอดล้อได้ไม่นานตามด้วยอาการหน้าหวอของแคนทันที
ความเงียบครอบคลุมอีกครั้งหลังจากการเตือนของแนนสิ้นสุดลง ใบหน้าที่ตกตะลึงของแคนที่ถูกคู่หูของตนตักเตือนก็นั่งทำหน้าจ๋อยลง
“ในเมื่อทุกคนเงียบลงได้แล้วผมก็ของเริ่มเลยละกันนะครับ”เสียงของคิวเริ่มชัดเจนขึ้นหลังจากที่เสียงพูดคุยรบกวนโสตประสาทได้จบลง
“สมุดบันทึกของเบนต้า...”
“อ๋อ ไอ้หนังสือสกปรกนั้นเอง”
“แคน!!” เสียงเตือนของแนนดังขึ้นหลังจากเสียงแทรกของแคนดังออกมาได้ไม่นานโดยเจ้าตัวยังไม่ทันที่จะได้หัวเราะตามหลังพร้อมสาวๆเช่นเคยกลับถูกเสียงราบของแนนหยุดยั้งไว้ได้ทัน
“แนน เธอเป็นอะไรของเธอ กินยาผิดขวดมาหรือไง” เสียงตะหวาดครั้งใหญ่ของแคนดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่แสนจะทดอาการปวดร้าวไม่ไหวอีกต่อไปแล้วหลังจากการหยุดยั้งของแนนถึงสองครั้งสองคราว
“งานส่วนงาน เล่นส่วนเล่นสิแคน จะเอามาปนกันไม่ได้นะ” แนนตักเตือนด้วยสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้งแบบผู้ใหญ่ที่รู้จักเล่นรู้จักงาน เรื่องในครั้งนี้อาจทำให้คนอื่นๆมองแนนในอีกด้านหนึ่งก็เป็นได้
“ขอบคุณครับ คุณแนทารัส”เสียงขอบคุณจากใจของคิวที่เรียกชื่อเต็มของอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มและฉีกกว้างเพิ่มมากขึ้นหลังจากได้รับฟังคำตอบรับอย่างผู้ใหญ่ที่ได้รับการศึกษาของแนทารัส คาลากูล อย่างถ่อมตน
“ขอบคุณคะ คุณคิวบีส เริ่มได้เลยคะ”
“ครับ จากหนังสือชีวประวัติของเบนต้า ผมได้นั่งอ่านมันทั้งคืน และได้พบกับข้อมูลที่คิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับสิ่งที่เราหากันมากอยู่ทีเดียว”คิวเริ่มพูดไล่ยาวพร้อมกับการเปิดสมุดที่ได้ยืมเฟลมาอ่านก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“หนังสือเล่มนี้คือสมุดบันทึกการเดินทางของคนที่ชื่อ เบนต้า ครอเทน เล่าถึงการเดินทางของเธอจนจบบันทึก”
“แล้วมันยังไงกันคะ ก็อีแค่สมุดบันทึกสกปรก” แคนพูดแทรกอย่างหมดอารมณ์พลางมองหน้าคุณคิวบีสที่กำลังอธิบายอย่างนักวิชาการ
“สมุดบันทึกเล่นนี้ เป็นประโยชน์กับเราแน่นอนคะ คุณแคนนีย์ซ่า” เมลพูดตอบในขณะที่ทำมือเชิญให้คนเปิดประเด็ดพูดต่อ ซึ่งคิวก็พยักหน้ารับก่อนที่จะพูดต่ออีกครั้ง
“นี่ไม่ใช่แค่สมุดบันทึกครับคุณแคนนีย์ซ่า แต่สมุดเล่มนี้ยังเป็นที่บอกสถานที่ไว้อีกด้วย เป็นวิหารที่ไม่ได้มีเพียงการบอกเล่า แต่มีภาพประกอบบ่งบอกได้ว่านี้คือเรื่องจริง”
ภาพประกอบขาวดำที่มากับสมุดบันทึกเล่มหนาเท่าฝ่ามือ มีภาพของสิ่งก่อสร้างคล้ายวิหารตั้งตระหง่านอยู่กลางป่ารกทึบ คิวเริ่มพูดไล่ยาวจนถึงลักษณะของวิหารที่ถูกเขียนใส่ในสมุดบันทึก ผิวที่เคลือบด้วยทองคำทั้งหมดกับแสงที่ส่องลงมาจากดวงอาทิตย์ผ่านม่านหมอกที่ลอยอยู่บนหัวของเธอเป็นเวลานาน คิวพูดจากการไล่ดูตามหนังสือถึงลักษณะของวิหาร
“ก็เป็นแค่ภาพ...จะมีอะไรจริงได้คะอีกอย่างจะเชื่อได้หรอคะว่าที่เขียนมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” แคนเริ่มซักถามอีกครั้งหลังจากนั่งฟังคำอธิบายเป็นเวลานานของคิว ซึ่งคิวเองก็ทำท่าทางเหมือนว่าไม่รู้จะตอบฝ่ายถามอย่างไร แต่ก็เพียงพูดแต่แค่ว่า
“เรื่องนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ”
“เห็นไหมคะ ขนาดคุณคิวเองยังตอบดิฉันไม่ได้เลย แบบนี้ยังจะให้เชื่อได้อย่างไรกันจริงไหมคะ ทุกคน”แคนเริ่มที่จะพูดหาพวก และดูเหมือนสาวๆเกือบทั้งหมดจะเห็นด้วยแต่ก็ถูกทำให้คิดอีกครั้งจากการพูดของเฟล
“น่าจะเป็นเรื่องจริงนะคะ ฉันลองหาข้อมูลจากหนังสือเล่มนี้มาแล้วกับคุณแนนและก็เมลด้วย” เสียงใสอันมั่นคงที่พุดแทรกขึ้นของเฟลทำให้หญิงสาวหลายคนหันมาสนใจ แต่ที่ตกตะลึงมากกว่านั้นคือคำพูดของเฟลที่บ่งบอกถึงคนที่ทำงานร่วมกัน โดยมีชื่อของคุณ‘แนทารัส’ดังออกมาจากปากของเฟล ทำให้หญิงสาวต่างๆร่วมถึงคิวและแคนที่ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน
“และก็วิหารนั้นก็ตรงกับเรื่องเล่าของชนเผ่า คีย์ซาน ได้พอดิบพอดีคะ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าเพราะชนเผ่านั้นก็ได้หายไปตั้งแต่ 1000 ปีก่อนแล้ว ดังนั้นจึงเชื่อได้เพียง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น” เมลที่พูดแทรกขึ้นอย่างมีเหตุผลต่อคำพูดของเฟลทำเอาคนหลายคนคิดตามเพิ่มมากขึ้น
“ไม่ใช่ 60 เปอร์เซ็นต์คะคุณเมล แต่เป็น 90 เปอร์เซ็นต์” สิ้นเสียงของแนนที่แทรกขึ้นท่ามกลางเสียงอธิบายต่อของเมล สายตาทุกส่วนของห้องประชุมก็ได้จับจ้องใบหน้าที่แฝงไปด้วยความตั้งใจของแนนทันที โดยเฉพาะสายตาของแคนที่ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ฟังและสิ่งที่ได้เห็นจากคำพูดของเพื่อนซี้คู่หูของตน จากคนที่แกล้งเฟลไปเมื่อวานกับแคนอย่างซะใจ กลับทำงานร่วมกันได้อย่างไม่มีติดขัด
“90?” เฟลทวนคำที่แนนเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ใช่ ความเป็นไปได้คือ 90 เปอร์เซ็นต์เพราะฉันลองค้นหาสถานที่ตั้งของชนเผ่านั้นมาแล้วเมื่อคืน ยากใช่เล่นกว่าจะหาที่เหมาะเจาะขนาดนั้น” แนนพูดพลางทำหน้าเหมือนเหนื่อยจากการทำงานเป็นปี แต่ก็ต้องยิ้มขึ้นหลังจากมีคนถามในสิ่งที่ตนภาวนาอยากจะให้ถามขึ้นมาว่า
“อีก 10 เปอร์เซ็นต์ละคะ”เสียงถามของเฟลทำให้รอยยิ้มสุขสันต์ของแนนเริ่มที่จะเผยออกมาก่อนที่จะตอบคำถามด้วยท่าทางของคนที่เหนือชั้นกว่า
“อีก 10 เปอร์เซ็นต์จะยังไม่มี...ถ้ายังไม่มีใครไปยืนอยู่ที่จุดๆนั้น” สิ้นเสียงของแนน ใบหน้าที่ยิ้มฉีกกว้างของคิวก็เผยขึ้นพร้อมกับการดีดนิ้วดังไปทั่วห้องประชุม จากนั้นก็พูดในสิ่งที่ตนเองคิดไว้ตั้งแต่เริ่มนั่งอธิบายไปว่า
“แล้วอยากจะลองไปกันไหมละครับ คุณผู้หญิง”
“ได้หรอ” เฟลถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
“แน่ละสิ ฉันรอคำพูดของคุณแนทารัส มานานแล้วนะ” คำพูดของคิวทำให้คุณแนทารัสเริ่มมีความหวังเล็กๆขึ้นมาบ้าง พร้อมกับอาการดีใจเกินหน้าเกินตาออกมา
“จริงหรอคะ แหม่ ดิฉันดีใจจังเลย”แนนพูดด้วยน้ำเสียงระรื่นก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“แล้วจะไปตอนไหนหรอค่ะ วันนี้ พรุ่งนี้ หรือตอนนี้เลย”
“ใครจะให้เธอไปย่ะ คุณคิวบิสเขาก็ไปกับยัยนั้นสิ”แคนพูดขึ้นพลางมองหน้าคนที่ลุ้นใจจ่อของเฟล
“ไปได้สิครับ ถ้าขาดคนนำทางละแย่เลย” คิวพูดขึ้น
“งั้นดิฉันขอ...”
“คงไม่ได้หรอกครับ คุณแคนนีย์ซ่า” คิวพูดขัด
“ทำไมกันละคะ ทั้งที่ แนนไปได้แล้วทำไมดิฉันถึงไม่ให้ไปกัน” เสียงที่แฝงไปด้วยความฉุดเฉียวของแคนตะหวาดขึ้นหลังจากที่คำพูดของคิวดังออกมา
“เพราะผมยังไม่คิดว่านี่มันใช่สิ่งเราต้องการหรือไม่ แต่ผมอยากที่จะไปรู้ให้แน่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณเบนต้าโดยหาสถานที่จริง” คิวบอกเหตุผลในขณะที่ใบหน้าที่แสนเจ็บปวดของแคนเริ่มแสดงผลออกมา
“ละ...แล้ว แนนนะ เป็นคู่ของฉันนะ” แคนเริ่มพูดน้ำตาตก
“แยกกันแปบเดียวเอง เดี๋ยวก็เจอกัน” แนนเริ่มพูดปลอบโยน ขณะที่อีกฝ่ายน้ำตาเริ่มไหลออกมาโดยไม่อายใคร
“คุณแคนนีย์ซ่า ผมคิดว่ามีงานที่สำคัญกว่าให้คุณอีกนะครับ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของแคนได้หยุดลงพร้อมกับหันหน้ามาหาคนที่พูดเพื่อรอฟังต่อ
“ผมอยากที่จะให้พวกคุณไปอีกที่หนึ่ง” สิ้นเสียงคำพูด ความเงียบเริ่มครอบง่ำไปทุกส่วนของพื้นที่ รอฟังสิ่งที่ชายหนุ่มจะพูดต่อในห้องประชุม
“ผมอยากให้ไปที่ เขตการค้าเสรีมาลอน เพื่อหาข้อมูลอัญมณีอื่นที่น่าเชื่อถือแทนผมนะครับ ที่นั้นมีคนเคยเจอเศษอัญมณีนั้นกับตามาแล้ว” คิวพูดต่อเนื่องพลางมองนาฬิกาบอกเวลาที่แขวนอยู่บนกำแพงขวาสุดก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยความอารมณ์ดีบวกกับอาการเคร่งขรึม
“เวลาที่จะออกเดินทางกัน คือเช้าตรู่หกนาฬิกาของวันพรุ่งนี้ครับ”
“วันพรุ่งนี้เลยหรอ เร็วจัง” เสียงบ่งบอกถึงความหดหู่ใจของโมมอนดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของสาวๆ
“ตื่นให้ทันนะครับ คุณโมมอน”
“ตื่นให้ทัน?”
“คุณก็ต้องไปกับพวกผมด้วย เพราะคุณก็มีความรู้ด้านการรักษาจะได้ช่วยกันได้ทันเวลา” คิวพูดพร้อมบอกเหตุผลให้อีกฝ่ายรับรู้
“เมลก็ต้องไปด้วย” สองของเฟลดังแทรกขึ้นหลังจากการสนทนาของคิวกับโมมอนจบลง พร้อมกับการมองตาคิวเหมือนขออนุญาตและดูเหมือนคิวจะเข้าใจสายตานั้นของเฟลเช่นกัน
“จะว่าไปแล้วคือทุกคนที่รู้เรื่องนี้ต้องไปกันทั้งหมดนั้นแหละ”
“ขอบคุณคะ คุณคิวบิส” เมลกล่าวคำขอบคุณอย่างอ่อนน้อมก่อนที่จะหันไปพูดกับคนที่ส่งสายตาอันเร้าร้อนมาให้ตั้งแต่ชวนเธอให้ไปด้วย แต่แล้วก็ต้องหันไปพูดกับคนที่เร้าร้อนไม่เลิกไปเมื่ออีกฝ่ายจ้องมองอย่างไม่ละสายตา
ความคิดเห็น