คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Last Victim
Last Victim
"นี่เมื่อคืนได้คำตอบแล้วหรือ"ทอริดช่วยหิ้วหนังสือกองยักษ์เพื่อนำไปคืนเจ้าของ
"...."ไร้สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
"ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ"ลีออนที่เดินมาด้วยเช่นกันเอ่ยถาม เขาถือหนังสือน้อยที่สุดเนื่องจากตัวเล็กที่สุด (เพื่อนคงพาเห็นสงสารให้แบกหนักคงแย่ แค่นี้ก็เล็กอยู่แล้วขืนแบกมากกว่านี้ได้กดการเจริญเติบโตพอดี)
"ก็เมื่อวานท่านหญิงเจ้าน้ำตาออกไป เจ้านี่ก็พลิกตัวนอนเลยน่ะสิ"
"หรือครับ ผมไม่ยักรู้"
"นายจะไปรู้อะไรเล่นหลับคาหนังสือ ทั้งยังงั้นน่ะ"
"นั่นสิเนอะ"ทอริดแสยะยิ้ม ยังมา 'นั่นสิเนอะ' อีก ถ้าตอนนี้มือว่างคงไล่เอามือเฉาะกบาลไปแล้ว เห็นน่ารักใสๆไร้เดียงสาแบบนี้แต่ถ้าตีความหมายจากคำพูดจริงๆ ก็ได้ขอสรุปว่าหมอนี่แอบกวนพระบาทาแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นกับเขาสักส่วนใหญ่
"ว่าแต่ถ้าคิดได้แล้วผมก็อยากรู้เหมือนกัน"ลีออนส่งยิ้มไปทางอาร์จีสพร้อมสายตาอ้อนวอน ใคร่อยากรู้คำตอบ
"อย่าไปถามมันเลย ไม่เคยคิดจะสำนึกบุญคุณ เรารึเห็นว่าหนักอุตส่าห์ช่วยมันแบกระหว่างทางก็อุตส่าห์เซ้าซี้ให้บอกแต่ถ้ายังงี้ต่อให้เอาคีมง้างก็คงไม่คิดจะปริปาก ไม่รู้กลัวพิกุลจะร่วงหรือไง"ทอริดแอบประชดประชัน แต่คนที่โดนกระทบกลับไม่แสดงท่าทีสะทกสท้าน ส่วนลีออนแหงนมองด้วยความงุนงง
"พิกุล?"
"มันเป็นสำนวนอย่างหนึ่ง โอ๊ย!ช่างมันเถอะ"ทอริดเอ่ยอย่างรำคาญ คิดจะฉลาดก็ฉลาดจนไล่บี้เขาจนจนมุม แต่พอบทจะไม่เข้าใจก็ตีหน้าใสซื่อราวกับเด็กไร้เดียงสา มันจะอะไรของมันกะนักกะหนา วันนั้นเล่นตอนคนที่ชื่ออาซาเลีย จนเขาไม่สามารถตอบได้แต่วันนี้สำนวนง่ายๆเช่นดอกพิกุลน่ะดันไม่รู้
"เดี๋ยวเปลี่ยนสำนวนใหม่เป็นกลัวพิราบจะออกจากปากเสียเลย"
"พิราบออกจากปากได้ด้วยหรือครับ"
" แหงอยู่แล้วใครมีพิราบออกจากปากก็บ้าแล้ว"เขาตะโกนอย่างหัวเสีย แต่เปลี่ยนสีหน้าราวดอกไม้เบ่งบานอีกครั้งวิ่งแจ้นเข้าหาเหล่าสาวงามที่ตรงดิ่งมาทางนี้ หนังสือกองใหญ่ถูกโยนให้ไอ้ตัวเล็กที่เดินมาด้วยกัน ทอริดเริ่มวาดฝันราวกับตัวเองอยู่ในฮาเล็มแต่ไม่ทันไรเหล่าสาวงามกลับวิ่งผ่านเข้าไปราวกับไม่อยู่ในสายตา มองเจ้าตัวเล็กที่จะล้มมิล้มแรงเพราะรับหนังสือแทบไม่ทัน
"มาให้พวกพี่ช่วยถือ"พวกสาวก็หยิบกันไปที่ล่ะเล่มสองเล่ม สาวคนอื่นๆเห็นก็ต่างกรูกันเข้ามาช่วยจนทั้งสองไม่ต้องถืออะไรเลยเพราะโดนแย่งไปหมด
ทั้งสองพยายามออกจากฝูงแมลงมรณะอย่างอยากลำบากแต่ไม่ทันทีจะได้ก้าวไปไหนคลื่นละรอกสองก็ถาโถมเข้ามา คราวนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย ผู้หญิงเพรียวยังว่าไปอย่างแต่นี่เป็นรุ่นกระเทยทึก จะหนีคงลำบาก
"อย่าพึ่งไปไหนสิคุณน้องขา"แค่เสียงออดอ้อนก็ชวนผวาแล้ว อาร์จีสเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงงผู้ชายแห่มากจากไหนเยอะแยะ เมื่อก่อนยังไม่เห็นมีมากขนาดนี้เลย เขาหันไปมองตัวที่คาดว่าเป็นต้นเหตุยืนยิ้มอย่างขบขัน แต่สักพักเริ่มขำไม่ออกเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างเย็นๆสัมผัสอยู่ที่ท้ายทอย
"นายไปทำอะไรมา"เสียงนั้นเค้นถาม ปล่อยให้ฝูงชะนีป่ากับฝูงคิงคองยังไล่มะรุมมะตุ้มหาเขาในกองที่เขาเคยยืนอยู่แล้วกัน
"ก็เปล่า"ทอริดยิ้มแห้ง แต่ปลายดาบที่จ่อท้ายท้อยกดหนักลงกว่าเดิม
"พูด!"
"เราเป็นเพื่อนกันใช่ป่ะ"ทอริดโยกโย้
"พูด!"อาร์จีสยังเอ่ยเสียงขู่อยู่
"ถ้าฉันพูดนายต้องให้อภัยนะ"
"ต้องขอพิจารณาเหตุผลก่อน"
"เอ่อ....คือ"ทอริดเอานิ้วชี้สองนิ้วแตะกันก้มหน้าอย่างสารภาพผิด ดาบที่จ่ออยู่ด้าหลังกำชับแน่นกว่าเดิม
"พูดแล้วจ้า!"ทอริดร้องลั่น
"ฉันแค่บอกว่านายอยากหาคู่น่ะ ไม่เกี่ยงว่าชายหรือหญิง"อาร์จีสเก็บดาบเข้าที่คลี่ยิ้มอย่างพอใจอะไรบางอย่าง
"ขอบใจ"ทอริดเลิกคิ้วอย่างงงงวยทันที เมื่อกี๊ชายคนนี้พูดว่าอะไรน่ะ เขาหูฝาดไปหรือเปล่า หรือคำพูดนั่นเป็นการประชดประชัน
"เล่นไม่ยากหรอก ฉันกำลังต้องการพอดี"ทอริดเลิกคิ้วเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ป่ะเนี่ย
"นายเป็นคนปล่อยข่าวเพราะฉะนั้นก็บอกเขาไปสิว่าฉันมีคู่อยู่แล้ว"
"คู่อะไรล่ะ คู่หู คู่หมั้น คู่ขา หรือคู่นอน"สองอันหลังชักแม่งๆคล้ายๆว่าจะอันเดียวกัน
"ยังมีอารมณ์ล้อเล่นหรือไง"อาร์จีสส่งยิ้มให้ เขาตีความหมายเป็นนัยได้ทันที ถ้าไม่พูดสงสัยชีวิตอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้ อีกฝ่ายแม้เก็บดาบแล้วแต่ก็ยังอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะดึงมันออกมาฟาดฟันได้ทุกเมื่อ
"แล้วเป็นคู่กับใครล่ะ ถ้าไม่มีสิ่งยืนยันเรื่องนี้อาจจะเชื่อได้ไม่ถึง 0.1% ยังไงพวกนั้นต้องคิดว่านายกุเรื่องขึ้นมาแน่"
"เอเลซ่า"เจ้าตัวเล็กเอ่ยขึ้นอย่างคนที่ถูกลืม
"ก็เห็นพักนี้อยู่ด้วยกันบ่อย"ทอริดครางอย่างครุ่นคิดตาม
"แต่ผมว่าฟังจากเจ้าตัวเอาไม่ดีกว่าหรือครับ"ลีออนเสนอ เพราะมันเชื่อถือได้มากกว่าจริงๆ
"ก็เจ้านี้มันใส่สีตีไข่เก่งนะสิ ไม่เพียงแต่ปั้นดินให้เป็นความแต่ยังถนัดปั้นน้ำให้เป็นตัวด้วย"อาร์จีสเอ่ยกระทบ
"เข้าใจแล้ว"เขาเอ่ยจบก็เอามือป้องปากตะโกนลั่น เหล่าฝูงชุลมุนเมื่อกี๊ต่างเงียบหันมามองเป็นตาเดียวกันก่อนจะสลายตัวไปด้วยสีหน้าผิดหวัง ก็แหงอยู่แล้วหน้าตาอย่างเขาก็คู่ควรกับสาวเจ้าเสน่ห์อย่างเอเลซ่าอยู่แล้ว แม้ผู้หญิงด้วยกันยังชื่นชอบ ต่อให้คนไม่เชื่ออยากรู้ความจริงก็ไม่รู้จะถามใคร?
"ช่างเป็นคู่ที่แปลกประหลาดจังเลยนะครับ"ชายที่เกือบโดนระเบิดเดินเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล
"ก็ว่างั้นใช่ม้า เซริง"ทอริดเอ่ยว่าตัวกับอีกฝ่ายเสมือนเพื่อนสนิทเสียมากกว่า
"เงียบกันทั้งสองฝ่ายช่างเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกันเสียงจริง เผชิญหน้ากันด้วยความเงียบ ลูกออกมาคงใบ้รับประทาน"ทอริดเอ่ยไปก็ยิ้มไป ส่วนเซริงเพียงยิ้มละไมเป็นคำตอบก่อนจะตรงกระซิบเข้าข้างหู
"ดวงคุณอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้"ทอริดรีบหันไปตามเสียงที่เอ่ยทันที
"มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของผมนะครับ"เขายิ้มอย่างอ่อนโยนอีกครั้งก่อนจะจากไป ทอริดนิ่งค้างไปชั่วครู่ รู้สึกราวกับสายตาอำมหิตกำลังจับจ้องเขาอยู่ ราวกับจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ คนอื่นก็มองหาจิตสังหารนั่นเช่นกัน แต่มันเพียงครู่เดียว แค่เพียงตั้งท่าว่าจะหาแหล่งที่มานั้นก็ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติเสียแล้ว
"ดูถ้าวันนี้จะดวงไม่ดีนะครับ"ลีออนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ ทั้งสามรู้ว่าจิตที่รุนแรงนี้ต้องการส่งไปให้ใคร ชายตัวเจ้าปัญหาถึงกับหน้าถอดสีแต่ก็ฝืนยิ้มไว้
"นั่นน่ะสิ"
"นายไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเข้าล่ะ"อาร์จีสมองด้วยใบหน้าเรียบ
"เยอะแยะจนจำไม่ได้"ทอริดเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะแยกตัวไป ไม่รู้ว่าความหมายที่เขาต้องการสื่อนั้นหมายถึงคำๆนี้จริงๆหรือวว่าเป็นเพียงการเล่นลิ้นเหมือนปกติ
องครักษ์ฝ่ายขวานั่งพิจารณาสัญลักษณ์อย่างครุ่นคิด
I] α│ﮎ
"ไม่เข้าใจความหมายเลยให้ตายสิ"เสียงนั้นพึมพำขณะมอง สิ่งที่พบในตัวผู้ตาย สัญลักษณ์ทั้งสี่ ซึ่งไม่รู้ว่าสื่อความหมายอะไรแล้วพาลคิดว่าใครเป็นเหยื่อรายต่อไปยิ่งทำให้สมองตีกันวุ่น จับเอาเศษกระดาษพลิก ตะแคง ตีลังกา พลิกหน้าพลิกหลัง ส่องแดดดูหนึ่งแผ่นก่อนก่อนจะลองเอามาซ้อนทับดูแต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก
"ท่านครับ!"เสียงทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น
"มีอะไรหรือ"องครักษ์ฝ่ายขวายังคงสนใจในกระดาษมากกว่าเสียงนั้น
"จดหมายครับ"
"?"เขายื่นมือรับจดหมาย เพียงแค่แตะก็สัมผัสถึงพลังเวทได้แล้ว ยังไม่ทันทีเขาจะฉีกซองข้างใน ซองนั้นก็เปิดเองอัตโนมัติ ไอควันสีม่วงพุ่งกระจายพร้อมเสียงหัวเราะที่ฟังเป็นเอกลักษณ์ เสียงที่คุ้นเคย ไม่ทันที่ต้องคิดอะไรมากเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นใครมือสังหารในชุดคลุมสีฟ้า เสียงเย้ยหยันเมื่อวานเขายังจำได้เป็นอย่างดีแล้วยังเจ็บแค้นไม่หายที่รู้สึกตัวช้าไป
"ใกล้เวลาจบเกมแล้วสินะขอรับ อุตส่าห์ใบ้ให้ตั้งขนาดนี้ เหยื่อรายสุดท้ายจะโดนสังหารภายในค่ำคืนนี้ พร้อมคำใบ้สุดท้าย แต่มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้เพราะหลังเที่ยงคืนนี้ ถ้ายังชนะเกมไม่ได้ก็ถึงบทลงโทษเสียที ฮิๆๆ"
"วิท!"เสียงนั่นเป็นประตูเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตใคร เสียงไอควันนั่นได้ยินไปถึงข้างนอกและนั่นเป็นสาเหตุให้เจ้าของเสียงเปิดเข้ามาอย่างรีบร้อน
"พร้อมหน้ากันเชียวนะขอรับ โอกาสสุดท้ายของท่าน ให้ใครมาช่วยคิดคำตอบของปริศนาก็ได้"ชายที่ชื่อวิทถึงกับเบิกตาขึ้นเล็กน้อย แสดงว่ามันรู้ว่ามีทูตแห่งอีคานอสเข้ามายุ่งเกี่ยว ทุกย่างก้าวมันจับตามองเราอยู่ ไม่เช่นนั้นมันคงไม่พูดเช่นนี้
"ชักอยากเห็นจุดจบเร็วๆแล้วสิ"เสียงนั่นหัวเราะเป็นครั้งสุดท้ายก็จะไหม้สลายไป เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดมาก่อนเลย ไม่ทิ้งหลักฐานเช่นเดิม
"เหมือนคราวก่อนเลย"แกรนเจอร์เกาหัวแกร๊กๆ ยอมรับจริงๆว่าการสืบไม่คืบหน้าไปไหน
"นายจะตามฉันไปถึงไหน"ทอริดเหลือบมองหลังอยู่หลายครั้ง ลีออนเอาแต่คอยเดินตามมาอย่างไม่ลดละ ถามถึงเหตุผล ก็ทำหน้างง แล้วก็ตอบกลับมาว่า 'ผมแค่อยากเดินมาทางนี้ไม่ได้เดินตามสักหน่อย' พวกเขาพึ่งเดินผ่าปราสาทเคออสไม่ถึงสองก้าวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"ใจกล้าจังนะ ขนาดส่งจดหมายเตือนไปแล้ว"เสียงนั่นเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด
"ใครน่ะ?!"ทอริดรีบหันไปสำรวจต้นเสียงทันที บนยอดของไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แสงจันทร์ด้านหลังเจ้าของเสียงทำให้บุคคลผู้หนึ่งซึ่งซ่อนตัวภายใต้หน้ากากสีฟ้า ผ้าคลุมพลิ้วสะบัดตามแรงลม ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน
"อาซาเลีย...."ทอริดมองมือสังหารก่อนจะหลุดชื่อหนึ่งออกมา
"ผิดแล้ว แต่ถ้าเจ้าเดาชื่อข้าถูก ข้าอาจละเว้นชีวิตเจ้า ข้าให้โอกาสเจ้าตอบเพียงครั้งเดียว"หลังเอ่ยจบมือสังหารเปิดศึกเป็นฝ่ายรุก
"แหม! นึกว่าเอาชีวิตของกระผมจะง่ายหรือครับ แต่ถ้าคุณเป็นสาวสวยก็ไม่แน่จะยอมพลีกายถวายชีวิตเลย"
"เข้าใจล้อเล่นนะ ดวงจะถึงคาดอยู่แล้ว"ทอริดวาดดาบรับแรงปะทะที่กดลงมาจากที่สูงก่อนจะผละออก สมแล้วที่เป็นมือสังหารแรงกดเหลือรับประทานกระโดดจากที่สูงขนาดนั้นยังควบคุมทิศทางได้เยี่ยม อาวุธของอีกฝ่ายเป็นมีดสั้นเหมาะกับการลอบสังหารไม่ให้ใครรู้ตัวเสียมากกว่า แต่แม้ปะทะตรงๆก็ยากจะเอาชนะเช่นกัน
ทอริดกำลังใช้สมาธิในการเล็งหาช่องโหว่ แต่ว่าอีกฝ่ายไม่เปิดจังหวะให้โจมตีแม้แต่น้อย ทั้งหนักและแรงแค่รับดาบก็สุดจะต้านทาน
"หนอย!"เขาเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจังแต่อาจเพียงแค่สีหน้าก็ได้
"หลีก!ถ้าฉันขึ้นหอช้าแล้วนอนตากน้ำค้างข้างนอก นายต้องรับผิดชอบ"
"ที่นอนดีๆมีเยอะไป ที่ๆไม่ต้องเสียตังค์และทุกคนใคร่จะไปน่ะก็มี จะแนะนำให้เป็นกรณีพิเศษเลย"
"ฉันไม่ชอบนอนในดินสักเท่าไรนักหรอก มันหนัก!"ทั้งสองดันดาบไปข้างหน้าค้างกันอยู่นานราวกับกำลังจะประลองกำลัง
"อีกอย่างฉันชอบเป็นฝ่ายนอนทับมากกว่าถูกทับ มันไม่...."แต่แล้วเบื้องหน้าระหว่างที่ดึงดันจะผลักดาบไปข้างหน้าอยู่นั้นมือสังหารได้หาไปเสียแล้ว ผลทำให้ตัวเขาเซไปข้างหน้าเช่นกัน เป็นการเปิดโอกาสให้มือสังหารเต็มๆ ทอริดคาดการณ์ว่ามันจะโจมตีมากจากข้างหลังจึงรีบหันตัวกลับไปทั้งที่ขายังหยั่งพื้นไม่มั่นคง
"มั่นใจจังเลยนะ"เสียงนั้นดังมาจากข้างหลัง เป็นการคำนวณที่ผิดพลาด มือสังหารยังคงอยู่เบื้องหน้าเขาและอาจรอจังหวะให้เขาหันหลัง เพื่อโจมตีเข้าด้านหลัง แต่ถ้าอยู่เบื้องหน้าทำไมเขาถึงไม่เห็นหรือว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนสายตามนุษย์ยากจะตามทัน ทอริดบิดตัวเพื่อหันมารับดาบ มันอาจจะช้าเกินไปแล้วก็ได้
เคร้ง!เคร้ง!
เสียงดาบปะทะเกือบเป็นเสียงเดียวกัน การที่ดาบสองเล่มปะทะกันเพียงครั้งเดียวเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสองเสียง
แววตากลมสีทองฉายประกายโรจน์สดใสถูกหรี่ให้เล็กลงกว่าปกติเล็กน้อยไร้ความรู้สึก ผมสีน้ำตาลประกายแดงไหม้เมื่อต้องแสงจันทร์ยิ่งเน้นสีไหม้ๆนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใบหน้าไม่แฝงด้วยรอยยิ้มเช่นเคย
"ลีออน"เขาใช้มีดสั้นหยุดอาวุธทั้งสองไว้
"พอแค่นี้แหละครับ รักและสันติครับ"ทอริดมองอย่างไม่เชื่อสายตา เจ้าเด็กไร้เดียงสาสามารถรับดาบของเขาและมือสังหารไว้ได้ในเวลาเกือบพร้อมกัน ฝีมือของเจ้านี่ไม่ใช่เล่นเลยสามารถเข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ได้โดยที่เขาแทบจับสัมผัสเวลาเข้าใกล้รัศมีการต่อสู้ไม่ได้เลย จิตสังหารก็ไม่มี แววตาเปลี่ยนกลับเป็นยิ้มร่า
"ถือว่าขอร้อง"เขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ใช้มือเกาหัวให้ผมที่เมื่อครู่กระเซิงเล็กน้อยให้กระเซิงเข้าไปอีก พร้อมเสียงหัวเราะเหมือนเด็กกลบเกลื่อนความผิดถอยรนกลับไปทางทอริดสองก้าว ไม่ทันไร้ก็สะดุดล้มลงไปแล้ว จนไม่รู้ว่าเมื่อครู่เป็นฝีมือหรือฟลุ๊กกันแน่
"น่ารำคาญจริง"มือสังหารเอ่ยอย่างหงุดหงิด วาดมือไปข้างหน้า แสงค่อยๆมารวมตัวจนมือนั้นสว่างคล้ายตัวต้นกำเนิดแสง
"เวท?"ทอริดเบิกตากว้าง มันก็แค่มายากล เขาเอ่ยปลอบใจตนเอง เพราะถ้าสิ่งที่เห็นเป็นจริงเขาคงโดนฆ่าในขณะที่ยังไม่ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเขาทำบาปทำกรรมอะไรไว้โชคถึงช่างไม่เข้าข้างเสียเลย เวทที่ถูกใช้ออกมาอย่างไม่ต้องร่าย แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ามือสังหารฝีมือไม่ธรรมดา
ตู้ม!
พลังอนุภาพในการทำลายรุนแรงอย่างที่คิด บางส่วนของปราสาทเคออสโดนทำลายเรียกเสียงแตกตื่นทั้งในและนอกปราสาท ทหารต่างกำลังเคลื่อนไหวเข้ามา รวมถึงผู้ที่พักอาศัยในปราสาทด้วย
"เธอพลาดแล้วเดซี่"เสียงที่ของบุคคลที่สามเอ่ยขึ้น
"และนั่นคือคำตอบของปริศนา บลูคิลเล่อร์เดซี่ เธอแพ้แล้ว"มือสังหารเผยยิ้มอย่างเย้ยหยัน พึงพอใจในชายผู้มาใหม่ ฝีมือเฉียบท่าจะเคี้ยวยาก!
ในจังหวะที่เวทจะถึงตัวอาร์จีสรีบผละร่างทั้งสองออกจากระยะการโจมตี ทำให้เวทนั้นไม่เป็นผลดังคาด
"วันนี้ฉันสนุกมากเลย"เมื่อสิ้นเสียงจังหวะเดียวกับเมฆบดบังพระจันทร์ เมื่อแสงสว่างกลับมาอีกครามือสังหารก็หายไปเสียแล้ว
"รอดไปที"อาร์จีสเอ่ยเสียงปนหอบแต่พยายามตีเสียงให้เรียบเป็นปกติ อาการนั่นรู้ได้เลยว่าเขาคงจะวิ่งมาจากที่ใดสักแห่ง แต่ยังไม่ทันไรร่างนั้นก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น ศีรษะค่อยๆมีเลือดซึมออกมาอย่างช้าๆ แม้จะพ้นระยะการโจมตีแต่รัศมีการทำลายล้างก็แรงใช้ย่อย แสดงให้เห็นว่าถ้าช้าอีกก้าวเดียวทั้งสามร่างคงป่นเป็นผงไปแน่น
"กุมตัว!"ยังไม่ทันจะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียงจากทหารหน่วยย่อยก็ลากเขาเข้าตารางแล้วในข้อหาลอบปลงพระชนม์กษัตริย์
"ใครจะไปรู้ล่ะว่ากษัตริย์ประทับ ณ ปราสาทเคออสอีกอย่างฝีมือคนถล่มก็ไม่ใช่พวกเราสักหน่อย"ทอริดเอ่ยเสียงแข็ง ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วหลังจากที่อดนอนมาเกือบสองคืนก็ดันมาเจอเรื่องแบบนี้อีก
"ว้าว!ในคุกหรูกว่าที่คิดนะครับ ถ้าผมเกิดหลงเข้าประเทศมาไม่มีห้องพัก ผมว่าคงต้องลองทำผิดสักคดีสองคดีเพื่อจะได้ห้องพักฟรี"ลีออนเอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มองคุกอย่างตื่นเต้นเหมือนชมบ้านใหม่
คุกมีลักษณะไม่ต่างอะไรจากห้องพักธรรมดาห้องหนึ่งเพียงแต่แคบไปสักหน่อยสำหรับคนสามคน และไม่มีห้องน้ำ แต่ภายในก็สะอาดสอ้านดีพออยู่ได้
"นายนี้นะ"ทอริดกัดฟันกรอด
"ฉันยังไม่มีแฟนยังไงก็ตายไม่ได้หรอก"
"เลิกร้องสักทีได้ไหมหนวกหู"ผู้คุมคุกตะโกนเสียงดัง
"ยังไงก่อนตายก็ขอสัมผัสฮาเล็มสักครั้ง"เสียงโวยวายเริ่มกลายเป็นเสียงคราง ราวกับหลงอยู่ทะเลทรายเป็นแรมปีแล้วเห็นภาพหลอน ตามมาด้วยเสียงท้องร้อง ท่าทางที่ออกแรงเมื่อครู่จะเรียกน้ำย่อยสักแล้ว
"รอผู้ตัดสินมาก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน"ผู้คุมเอ่ยอย่างหน่ายๆ เขากำลังประสาทกินทุกครั้งที่มีคนจับมาขังคุก ต้องมีแต่คนโวยวายว่าไม่ผิดเป็นพื้นฐาน ส่วนไอ้ที่ไม่มีความผิดส่วนใหญ่ก็จะนั่งซึม อาการคล้ายคนสำนึกผิด แต่ไอ้ประเภทที่ชมคุกเหมือนชมนกชมไม้นี่สมควรส่งไปเช็คสมองซะมากกว่า
"เห็นไหมว่ามีคนบาดเจ็บแล้วพวกเราจะไปทำไมกัน สังเกตดูยังไงก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายชัดๆ"เสียงนั้นทำให้เจ้าตัวปัญหาวกกลับเรื่องเดิม เตรียมพร้อมยั่วเจ้าหน้าที่คุก ดีกว่าไม่มีอะไรทำ อย่างน้อยผู้คุมคนนี้ก็ดีที่อ้าปากคุยเป็นบางครั้ง เขานึกว่าผู้คุมจะตีหน้าโหดไม่พูดไม่จาดุจหุ่นยนต์ใส่ถ่านสักอีก ไม่มีแรงฮึดก็อยู่กินเงินเดือนไปเรื่อยๆ
"กษัตริย์ท่านมีพระบารมีสูงส่งยังไงล่ะ ระเบิดจึงระเบิดก่อนจะสำเร็จแผนการ"
"ยังงั้นสู้ระเบิดด้านแล้วแผนการล้มเลวดีกว่าอีก"ทอริดเอ่ยต่อแก้เซ้ง
"สวรรค์ลงโทษพวกแกไง แต่บังเอิญดวงยังไม่ถึงคาดจึงยังมีชีวิตอยู่ได้"ผู้คุมกำลังจะเอ่ยปากแถไปเรื่อย
"อย่างผมน่ะนรกยังไม่เอาเลยประสาอะไรกับสวรรค์ ผมว่าที่ไม่ตายน่ะเพราะสวรรค์เห็นใจที่ผมยังไม่มีคู่ครองแน่ๆเลย"ทอริดเริ่มเอ่ยออกแนวคนละเรื่องเดียวกัน
"หน้าอย่างแกใครจะมาเยี่ยม"
"พูดถูกครับ ก็ประตูวังปิดแล้วนี่ครับ หอก็ไม่ให้เด็กลงแล้ว พวกที่มาเยี่ยมคงมีแต่พวกแก่กับพวกโง่ที่ขึ้นหอไม่ทันอย่างเช่นคุณไงครับ"
"ฉันนี้นะผู้มาเยี่ยม ถ้างั้นฉันคงเป็นญาติกับคนร้ายในนี้ทั้งหมดแล้ว และคงเป็นผู้เยี่ยมขาประจำเสียด้วย สงสัยครอบครัวฉันมีแต่พวกขี้คุกซะล่ะมั้งยังงี้"
"หน้าก็ไปครึ่งหนึ่งแล้วนี่ครับ"ทอริดเอ่ยขึ้นขณะพิจารณาหน้าตาของชายคนนี้ซึ่งห่างใกล้คำว่าทำชั่วนัก ดูเหมือนอาจารย์เจ้าระเบียบซะมากกว่า
"คุยกันสนุกจังเลยนะครับ แต่คุยเรื่องอะไรนะครับ"ลีออนซึ่งตั้งใจฟังมาตลอดเอ่ยแทรกขึ้น
"เพื่อนกันนะ นานๆเจอหน้ากันเลยคุยสัมเพเหระ"
"ไม่รู้ว่าคุณมีเพื่อนเป็นถึงระดับผู้คุมคุก"เสียงที่ลีออนเอ่ยขึ้นคล้ายกับว่าตำแหน่งนี้มันยิ่งใหญ่นัก
"ใช่เพื่อนกันปล่อยฉันเป็นอิสระหน่อยสิ"ทอริดเอ่ยโมเม
"สบายใจจังนะครับ"เสียงผู้มาเยี่ยมรายใหม่เอ่ยดังขึ้น มองรอดผ่านคุกเข้าไป ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
"เอาตัวไปสอบสวน"ก่อนจะกลายเป็นเสียงเชิงคำสั่งทันที
"เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้นลีออน"ภายในห้องมีเพียงแค่สี่คนคือลีออน อาร์จีส ทอริดและวิทแต่เจ้าของเสียงคำสั่งนั้นกลับเปลี่ยนท่าทีเป็นสบายๆเหมือนไม่ได้คุยอยู่กับนักโทษ แต่คุยอยู่กับคนสนิท ห้องนั้นก็ไม่ได้ห้องที่ใช้สืบสวนแต่กลับเป็นห้องของเขาเอง ทั้งโซฟา ตู้ โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน พร้อมยิ่งกว่าห้องทำงานอีก เผลอกลายเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนและอีกสารพัดห้อง แล้วแต่พอใจจะให้เป็น โซฟาก็นุ่มสบาย แทบเจ้าตัวยังเป็นคนลงมือชงชาให้กินอีก
"เปลี่ยนท่าทีแบบนี้จะดีหรือครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงใสๆ
"ก็ไม่มีใครดูอยู่นี่ เอาล่ะเล่ามาได้แล้ว"เขาเอ่ยไปถอดหายใจอย่างเบื่อหน่าย
"ดูสนิทจังนะ"ทอริดเอ่ยเสียงคล้ายประชดประชันปนอิจฉาที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ส่วนอาร์จีสยังคงนอนไม่ได้สติบนโซฟาตัวยาว
"ก็เป็นพี่น้องกันนี่ครับ ถึงจะไม่แท้ก็เถอะครับ"ลีออนเอ่ยเหมือนมันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาแต่ทอริดกลับหยุดความคิดไปชั่วขณะ เป็นพี่น้องกับคนระดับนี้อะนะขณะผู้คุมยังเกรงกลัว ตำแหน่งคงสูงใช่เล่น
"แล้วพี่นายมีตำแหน่งอะไรในกองสืบสวนล่ะ"
"เปล่า!"เสียงนั้นตอบกลับมาเรียบๆแทนลีออน
"แค่คิดว่ามันเกี่ยวพันถึงราชวงศ์เลยอยากรีบๆจัดการให้เสร็จ"
"วิท!"เสียงนั้นดังเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา หาที่ว่างนั่งเองโดยไม่ต้องเชิญ องครักษ์ฝ่ายซ้ายกวาดตามองก่อนจะหยุดที่ลีออน
"อะไรกันนี่น้องนายก่อปัญหามาหรือแล้วยัง...."เขามองไปยังร่างที่นอนอยู่บนโซฟาก่อนจะหันกลับมามองแมวเซาที่แกล้งทำตัวสงบเสงี่ยมจะหลับมิหลับแหลก
วิท ชื่อคุ้นหูแฮะ ทอริดนั่งครุ่นคิดในท่าเกือบนอนหลับ องครักษ์ฝ่ายขวาก็ชื่อนี้เหมือนกันได้ข่าวว่าเป็นที่ไว้พระทัยของกษัตริย์เป็นอันมาก ฝีมือก็ใช่เล่น ถนัดด้านเวท คาถาที่ใช้ก็ไม่ต้องร่ายท่อง นึกจะใช้เวทอะไรก็ใช้ได้เลย และที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคือด้านปัญญา ก็ไม่แปลกที่น้องชายจะสามารถรู้ชื่อจริงเขาได้ เขาเอ่ยนึกย้อนไปในอดีต แต่มองยังไงมาดก็ต่างกันสุดขั้วถึงจะดูคล้ายกันบ้างก็เถอะ
"สรุปแล้วคือพวกเธอเป็นผู้เคราะห์ร้ายสิน่ะ"เสียงองครักษ์ฝ่ายซ้ายดังขึ้นถามหลังจากจบเรื่องเล่าของลีออน เป็นการเรียกสติทอริดกลับมา
"ครับ ผมมีหลักฐานด้วยน้า"ว่าแล้วก็หันไปยิ้มให้คนข้าง ทำให้ทอริดต้องหยิบของที่เคยอยู่ในตู้จดหมายออกมา สิ่งที่เหมือนกับอีกสี่คดีก่อนหน้านี้...... ﻻ
"สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่นะ"วิทจ้องอย่างพิจารณา
"เดซี่ครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นเหมือนอ่านความคิดออก
"คำพูดสุดท้ายก่อนมือสังหารจะละมือจากเหยื่อ"
"?"เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่แล้วก็เหมือนจะเอ๊ะใจได้เมื่อมองขวดน้ำหอมที่เขียนคำว่า 'Daisy' ไว้ข้างๆขวด
"คล้ายๆ"เขาเอ่ยขึ้นเมื่อนำเอาแผ่นตัวอักษรทั้งหมดขึ้นมา
I] = D
α = a
│ = i
ﮎ = s
ﻻ y =
"เดซี่เป็นทั้งคำตอบและชื่อของมือสังหาร งั้นก็แสดงว่ามันคงเป็นแค่เกมการแนะนำตัวที่แลกไปด้วยเลือดจริงๆ"
"คงงั้นมั้งครับ"ลีออนเอานิ้วดุนแว่นให้เข้าที่แต่ก็ตกลงมาที่ดั้งจมูกดังเดิม ทั้งที่ไม่มีประโยชน์แต่คงกลายเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว
"แต่ยังไงความผิดก็คือความผิด"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยตัดบท องครักษ์ฝ่ายขวาพยักหน้ารับ
"หา?"ทอริดอุทานขึ้นส่วนลีออนเพียงยิ้มเล็กน้อย
"ใช้อภิสิทธิ์ไม่ได้เหรอ คุณพี่ชาย"เขาเปลี่ยนมาเป็นการเซ้าซี้
"ก็รู้แล้วนี้ว่าพวกเราไม่ผิด"
"ก็ใช่"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยตอบ
"นะ! แล้วทำไมเราต้องโดนลงโทษอีก"
"แล้วพวกนายลากผู้ทำผิดออกมาได้ป่ะล่ะ"
"ก็เราไม่ผิดนี่"
"ก็ไม่ได้บอกว่าต้องรับผิดนี่แค่ต้องรับผิดชอบ"
"แล้วไอ้ความหมายนั่นก็หมายความว่าพวกเราผิดไม่ใช่หรือไง"
"ใช่ผิด!"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยแทรกบทเพื่อหยุดการทะเลาะแบบเด็กๆของทั้งสอง
"ผิดตรงไหน"ทอริดแว้งกับมากัดเจ้าของเสียงอีกคนหนึ่ง"
"ผิดที่ปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้ ผิดที่ไม่ยอมรักษาปราสาทให้ดี ผิดเพราะเป็นตัวต้นเหตุให้ปราสาทพังจนกลายเป็นข่าวลอบปลงพระชนม์ ผิดที่ไม่ยอมเลือกสถานที่ต่อสู้ให้ดี ผิดที่ไร้ฝีมือจนต้องให้เพื่อนพลอยจ็บตัวไปด้วย จะให้แจงให้มากกว่านี้ไหมล่ะ"
ทอริดถึงกับอ้างปากค้างเถียงไม่ออก ทั้งหมดนี้เขาผิดจริงนั่นแหละ แต่มันผิดเพราะภายในจิตสำนึกไม่มีกฎหมายข้อไหนบัญญัติไว้นี่ว่าผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษ แต่อุบเงียบไว้ดีกว่าก่อนจะโดน แจงแจกข้อเสียจนถี่ยิบชนิดไม่มีหน้าไปพบใครอีก ไอ้แค่คำว่า ไร้ความสามารถก็ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีแล้ว รู้งี้ปล่อยมือสังหารเขาเสียก็ดีหรอกขี้เกียจรับผิดชอบ และโดนตราหน้าว่าไร้ความสามารถสู้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีดีกว่า
"เล่นพุ่งเป้าเข้าคุณเต็มๆเลยนะครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นเรียกสติคนตรงหน้ากลับมาได้
โป๊ก!
"ก็ใช่อะดิ ไม่ต้องตอกย้ำกันมากก็ได้"ทอริดเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของอีกหนึ่งชีวิตที่พึ่งโดนทำร้ายเมื่อครู่
"เจ็บนะครับ"ลีออนคล้ำหัวด้วยอาการน้อยใจนิดๆ ก็เขายังไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย
"จะยังไงก็ช่าง นายก็ควรจ่ายค่าชดใช้ปราสาทมา"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยตรงๆ
"เดี๋ยวสิ ที่นี่ก็ออกจะรวยแค่พังสองสามหลังคงไม่ถึงกับกินหญ้าแทนอาหารหรอกน้า"
"นั่นสิน่ะเดี๋ยวฉันจะช่วยไปพังอีกสักสามสี่หลังดีไหม จะชดใช้หรือเปล่า แต่บอกไว้ก่อนนะถึงตอนนั้นค่าใช้จ่ายอานแน่"
"เรื่องดิ ทำผิดเองก็รับเองสิ"
"อย่าลืมว่าที่นี่ใครเป็นใหญ่ การโยนความผิดให้นายน่ะง่ายจะตายไป การเพิ่มข้อหาก็ด้วยขึ้นอยู่กับว่าฉันจะทำหรือเปล่า"เจ้าของเสียงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ทำก็ได้ ให้ทำอะไรล่ะ"ทอริดเอ่ยอย่างรำคาญ
"ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เดินทางไป ซาน เพื่อประลองฝีมือถ้าชนะทุกรอบเงินก็น่าจะพอดีกับค่าปราสาทน่ะ"
"แต่มันไกลนะ"ฟังเหมือนง่ายแต่ระยะการเดินทางต่อให้ใช้ม้าก็ปาไปสี่วันเต็ม และการประลองก็ได้ยินว่าจะจัดกันอีกห้าวันให้หลังนับจากวันนี้ สรุปง่ายๆคือเตรียมตัวออกเดินทางก็หมดไปแล้วหนึ่งวันไปถึงที่นั่นก็ลงสนามประลองเลยนั่นเอง
"แล้วจะเดินทางด้วยอะไรล่ะ"องครักษ์ก้มสายตาลงต่ำ ทอริดถึงกับอุทาน
"เดินด้วยเท้านี่นะ?!"พอดีไปถึงที่นั่นงานก็จบพอดี มันไม่เป็นการจงใจแกล้งเขาไปหน่อยหรือไง อะไรปราสาทจะตืดขนาดนี้แค่เงินเดินทางสักแดงก็ไม่มี
"ไม่เป็นไรหรอกได้ข่าวว่าการแข่งเลื่อนออกไปอีกสิบวัน รอให้เพื่อนนายพักสองวันแล้วค่อยออกเดินทางก็ได้"
"เดี๋ยวแล้วทำไมต้องรอด้วย ผมออกเดินทางนะไม่ใช่...."เขาหันไปทางอาร์จีส เอ่ยประโยคยังไม่ทันจบองครักษ์ฝ่ายขวาก็ดังขึ้นอีก
"เข้าใจคำว่าทุกรอบหรือเปล่า หมายความว่าต้องชนะทั้งหมดไม่ว่าการแข่งนั้นจะเป็นการแข่งประเภทไหน และการแข่งบางประเภทก็จัดขึ้นพร้อมกันเสียด้วยสิ"
"เฮ้ย!"ทอริดร้องขึ้นอีกครั้ง
"ไม่ใช่ยอดมนุษย์นะที่คิดจะทำอะไรก็ทำได้ จะให้ใช้วิชาแยกร่างแบบนินจาหรือไงเล่า"
"ก็นั่นไงเพื่อนถึงต้องไปด้วย ทั้งกลุ่มนั่นแหละ ฉันติดต่ออาจารย์ประจำกลุ่มเรียบร้อยแล้วล่ะ"อะไรจะรวดเร็วปานกับวางแผนไว้อยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่รอจังหวะ ไม่ใช่ว่าเจ้าพวกนี้แกล้งส่งมือสังหารปลอมมาเพื่อยัดเหยียดข้อหาหรอกนะ สิ่งนั่นทำให้เขาคิดถึงคำพูดที่ลีออนพูด การสร้างคดีเลียนแบบ
"ฝากด้วยล่ะลีออน"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยจบก็เดินออกจากห้องไป องครักษ์ฝ่ายซ้ายเดินตามออกมาทันที ทิ้งให้ทอริดมึนงงกับคำพูดเช่นนั้น ทำไมเขาเป็นคนรับผิดแต่ไปฝากลีออนให้รับผิดชอบล่ะนี่
"นายวางแผนอะไรไว้กันแน่วิท การประลองนั่นนะ สิ่งที่ได้ไม่ใช่เงินรางวัลหรอกมิใช่หรือไง"
"ก็เปล่าเพียงแต่ต้องการรู้เป้าหมายอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับมือสังหาร"
"?"
"มือสังหารมีสี่คน คนหนึ่งคืออาซาเลียซึ่งมีนกยักษ์เป็นสัญลักษณ์ คนที่สองเป็นมือสังหารที่ใช้นามของดอกไม้เช่นกันซึ่งเราก็ยังไม่ทราบแน่ชัดรู้แต่ว่าเป็นคนก่อคดีระเบิดขึ้น คนที่สามเป็นคนที่ใช้สัญลักษณ์ใบเมเปิ้ล ผู้สังหารคนที่คาดว่าเป็นนักเรียนซึ่งอยู่นอกประตู ทั้งสามคนนี้แทบจะไม่ปรากฏตัวเลย สองในสามก่อคดีเพียงครั้งเดียวแล้วเงียบหายไป ส่วนคนสุดท้ายดูเหมือนเป้าหมายจะไม่หมดแค่นี้ เพราะสิ่งที่มันพึ่งกระทำลงไปเป็นเพียงแค่การเปิดตัว เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น"
"แต่ฉันยังไม่เข้าใจทำไมถึงต้องให้เด็กกลุ่มนี้ออกเดินทางด้วยล่ะ"
"เพราะลางสังหรณ์ ในกลุ่มนั้นจะต้องมีเป้าหมายของมือสังหารแน่ เพราะในกลุ่มนั้นล้วนแต่มีคนสำคัญ"
"คนสำคัญ? หมายถึงครอบครัวนะหรือ"วิทเพียงแต่หัวเราะทิ้งท้ายกับคำถามนั้น
"ประวัติมาเมื่อไรก็จะรู้เอง"แกรนเจอร์ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความมึนงง ประวัติการแข่งจะช่วยอะไรเขาได้ แต่บุคคลตรงหน้าคงอาจคาดการอะไรบางอย่างไว้แล้วก็ได้ สายตาของวิทหลุดลอยไปอย่างที่ไกลแสนไกล
นานๆทีจะได้แตะต้องคอมสักที ขอโทษที่มาอัพช้า.....มาก.....
ความคิดเห็น