ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปริศนาเจ้าหญิงผู้สาบสูญ

    ลำดับตอนที่ #6 : Last Victim

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.พ. 50





    Last Victim

    "นี่เมื่อคืนได้คำตอบแล้วหรือ"ทอริดช่วยหิ้วหนังสือกองยักษ์เพื่อนำไปคืนเจ้าของ

    "...."ไร้สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

    "ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ"ลีออนที่เดินมาด้วยเช่นกันเอ่ยถาม  เขาถือหนังสือน้อยที่สุดเนื่องจากตัวเล็กที่สุด  (เพื่อนคงพาเห็นสงสารให้แบกหนักคงแย่  แค่นี้ก็เล็กอยู่แล้วขืนแบกมากกว่านี้ได้กดการเจริญเติบโตพอดี)

    "ก็เมื่อวานท่านหญิงเจ้าน้ำตาออกไป เจ้านี่ก็พลิกตัวนอนเลยน่ะสิ"

    "หรือครับ ผมไม่ยักรู้"      

    "นายจะไปรู้อะไรเล่นหลับคาหนังสือ ทั้งยังงั้นน่ะ"

    "นั่นสิเนอะ"ทอริดแสยะยิ้ม  ยังมา 'นั่นสิเนอะ' อีก  ถ้าตอนนี้มือว่างคงไล่เอามือเฉาะกบาลไปแล้ว  เห็นน่ารักใสๆไร้เดียงสาแบบนี้แต่ถ้าตีความหมายจากคำพูดจริงๆ ก็ได้ขอสรุปว่าหมอนี่แอบกวนพระบาทาแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นกับเขาสักส่วนใหญ่

    "ว่าแต่ถ้าคิดได้แล้วผมก็อยากรู้เหมือนกัน"ลีออนส่งยิ้มไปทางอาร์จีสพร้อมสายตาอ้อนวอน ใคร่อยากรู้คำตอบ

    "อย่าไปถามมันเลย ไม่เคยคิดจะสำนึกบุญคุณ  เรารึเห็นว่าหนักอุตส่าห์ช่วยมันแบกระหว่างทางก็อุตส่าห์เซ้าซี้ให้บอกแต่ถ้ายังงี้ต่อให้เอาคีมง้างก็คงไม่คิดจะปริปาก ไม่รู้กลัวพิกุลจะร่วงหรือไง"ทอริดแอบประชดประชัน  แต่คนที่โดนกระทบกลับไม่แสดงท่าทีสะทกสท้าน ส่วนลีออนแหงนมองด้วยความงุนงง

    "พิกุล?"

    "มันเป็นสำนวนอย่างหนึ่ง  โอ๊ย!ช่างมันเถอะ"ทอริดเอ่ยอย่างรำคาญ  คิดจะฉลาดก็ฉลาดจนไล่บี้เขาจนจนมุม  แต่พอบทจะไม่เข้าใจก็ตีหน้าใสซื่อราวกับเด็กไร้เดียงสา  มันจะอะไรของมันกะนักกะหนา วันนั้นเล่นตอนคนที่ชื่ออาซาเลีย จนเขาไม่สามารถตอบได้แต่วันนี้สำนวนง่ายๆเช่นดอกพิกุลน่ะดันไม่รู้ 

    "เดี๋ยวเปลี่ยนสำนวนใหม่เป็นกลัวพิราบจะออกจากปากเสียเลย"

    "พิราบออกจากปากได้ด้วยหรือครับ"

    " แหงอยู่แล้วใครมีพิราบออกจากปากก็บ้าแล้ว"เขาตะโกนอย่างหัวเสีย แต่เปลี่ยนสีหน้าราวดอกไม้เบ่งบานอีกครั้งวิ่งแจ้นเข้าหาเหล่าสาวงามที่ตรงดิ่งมาทางนี้ หนังสือกองใหญ่ถูกโยนให้ไอ้ตัวเล็กที่เดินมาด้วยกัน ทอริดเริ่มวาดฝันราวกับตัวเองอยู่ในฮาเล็มแต่ไม่ทันไรเหล่าสาวงามกลับวิ่งผ่านเข้าไปราวกับไม่อยู่ในสายตา  มองเจ้าตัวเล็กที่จะล้มมิล้มแรงเพราะรับหนังสือแทบไม่ทัน

    "มาให้พวกพี่ช่วยถือ"พวกสาวก็หยิบกันไปที่ล่ะเล่มสองเล่ม สาวคนอื่นๆเห็นก็ต่างกรูกันเข้ามาช่วยจนทั้งสองไม่ต้องถืออะไรเลยเพราะโดนแย่งไปหมด

    ทั้งสองพยายามออกจากฝูงแมลงมรณะอย่างอยากลำบากแต่ไม่ทันทีจะได้ก้าวไปไหนคลื่นละรอกสองก็ถาโถมเข้ามา  คราวนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมาย  ผู้หญิงเพรียวยังว่าไปอย่างแต่นี่เป็นรุ่นกระเทยทึก  จะหนีคงลำบาก

    "อย่าพึ่งไปไหนสิคุณน้องขา"แค่เสียงออดอ้อนก็ชวนผวาแล้ว อาร์จีสเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงงผู้ชายแห่มากจากไหนเยอะแยะ เมื่อก่อนยังไม่เห็นมีมากขนาดนี้เลย เขาหันไปมองตัวที่คาดว่าเป็นต้นเหตุยืนยิ้มอย่างขบขัน แต่สักพักเริ่มขำไม่ออกเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างเย็นๆสัมผัสอยู่ที่ท้ายทอย

    "นายไปทำอะไรมา"เสียงนั้นเค้นถาม ปล่อยให้ฝูงชะนีป่ากับฝูงคิงคองยังไล่มะรุมมะตุ้มหาเขาในกองที่เขาเคยยืนอยู่แล้วกัน

    "ก็เปล่า"ทอริดยิ้มแห้ง แต่ปลายดาบที่จ่อท้ายท้อยกดหนักลงกว่าเดิม

    "พูด!"

    "เราเป็นเพื่อนกันใช่ป่ะ"ทอริดโยกโย้

      "พูด!"อาร์จีสยังเอ่ยเสียงขู่อยู่

    "ถ้าฉันพูดนายต้องให้อภัยนะ"

    "ต้องขอพิจารณาเหตุผลก่อน"

    "เอ่อ....คือ"ทอริดเอานิ้วชี้สองนิ้วแตะกันก้มหน้าอย่างสารภาพผิด ดาบที่จ่ออยู่ด้าหลังกำชับแน่นกว่าเดิม

    "พูดแล้วจ้า!"ทอริดร้องลั่น

    "ฉันแค่บอกว่านายอยากหาคู่น่ะ ไม่เกี่ยงว่าชายหรือหญิง"อาร์จีสเก็บดาบเข้าที่คลี่ยิ้มอย่างพอใจอะไรบางอย่าง

    "ขอบใจ"ทอริดเลิกคิ้วอย่างงงงวยทันที เมื่อกี๊ชายคนนี้พูดว่าอะไรน่ะ เขาหูฝาดไปหรือเปล่า หรือคำพูดนั่นเป็นการประชดประชัน

    "เล่นไม่ยากหรอก ฉันกำลังต้องการพอดี"ทอริดเลิกคิ้วเขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ป่ะเนี่ย

    "นายเป็นคนปล่อยข่าวเพราะฉะนั้นก็บอกเขาไปสิว่าฉันมีคู่อยู่แล้ว"

    "คู่อะไรล่ะ คู่หู คู่หมั้น คู่ขา หรือคู่นอน"สองอันหลังชักแม่งๆคล้ายๆว่าจะอันเดียวกัน

    "ยังมีอารมณ์ล้อเล่นหรือไง"อาร์จีสส่งยิ้มให้ เขาตีความหมายเป็นนัยได้ทันที ถ้าไม่พูดสงสัยชีวิตอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้ อีกฝ่ายแม้เก็บดาบแล้วแต่ก็ยังอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะดึงมันออกมาฟาดฟันได้ทุกเมื่อ

    "แล้วเป็นคู่กับใครล่ะ ถ้าไม่มีสิ่งยืนยันเรื่องนี้อาจจะเชื่อได้ไม่ถึง 0.1% ยังไงพวกนั้นต้องคิดว่านายกุเรื่องขึ้นมาแน่"

    "เอเลซ่า"เจ้าตัวเล็กเอ่ยขึ้นอย่างคนที่ถูกลืม

    "ก็เห็นพักนี้อยู่ด้วยกันบ่อย"ทอริดครางอย่างครุ่นคิดตาม

    "แต่ผมว่าฟังจากเจ้าตัวเอาไม่ดีกว่าหรือครับ"ลีออนเสนอ เพราะมันเชื่อถือได้มากกว่าจริงๆ

    "ก็เจ้านี้มันใส่สีตีไข่เก่งนะสิ ไม่เพียงแต่ปั้นดินให้เป็นความแต่ยังถนัดปั้นน้ำให้เป็นตัวด้วย"อาร์จีสเอ่ยกระทบ

    "เข้าใจแล้ว"เขาเอ่ยจบก็เอามือป้องปากตะโกนลั่น เหล่าฝูงชุลมุนเมื่อกี๊ต่างเงียบหันมามองเป็นตาเดียวกันก่อนจะสลายตัวไปด้วยสีหน้าผิดหวัง ก็แหงอยู่แล้วหน้าตาอย่างเขาก็คู่ควรกับสาวเจ้าเสน่ห์อย่างเอเลซ่าอยู่แล้ว แม้ผู้หญิงด้วยกันยังชื่นชอบ ต่อให้คนไม่เชื่ออยากรู้ความจริงก็ไม่รู้จะถามใคร?

    "ช่างเป็นคู่ที่แปลกประหลาดจังเลยนะครับ"ชายที่เกือบโดนระเบิดเดินเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล

    "ก็ว่างั้นใช่ม้า เซริง"ทอริดเอ่ยว่าตัวกับอีกฝ่ายเสมือนเพื่อนสนิทเสียมากกว่า

    "เงียบกันทั้งสองฝ่ายช่างเป็นคู่ที่สมน้ำสมเนื้อกันเสียงจริง  เผชิญหน้ากันด้วยความเงียบ  ลูกออกมาคงใบ้รับประทาน"ทอริดเอ่ยไปก็ยิ้มไป  ส่วนเซริงเพียงยิ้มละไมเป็นคำตอบก่อนจะตรงกระซิบเข้าข้างหู

    "ดวงคุณอาจอยู่ไม่พ้นคืนนี้"ทอริดรีบหันไปตามเสียงที่เอ่ยทันที

    "มันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของผมนะครับ"เขายิ้มอย่างอ่อนโยนอีกครั้งก่อนจะจากไป ทอริดนิ่งค้างไปชั่วครู่ รู้สึกราวกับสายตาอำมหิตกำลังจับจ้องเขาอยู่ ราวกับจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ คนอื่นก็มองหาจิตสังหารนั่นเช่นกัน แต่มันเพียงครู่เดียว แค่เพียงตั้งท่าว่าจะหาแหล่งที่มานั้นก็ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติเสียแล้ว

    "ดูถ้าวันนี้จะดวงไม่ดีนะครับ"ลีออนเป็นฝ่ายทำลายความเงียบ ทั้งสามรู้ว่าจิตที่รุนแรงนี้ต้องการส่งไปให้ใคร ชายตัวเจ้าปัญหาถึงกับหน้าถอดสีแต่ก็ฝืนยิ้มไว้

    "นั่นน่ะสิ"

    "นายไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครเข้าล่ะ"อาร์จีสมองด้วยใบหน้าเรียบ

    "เยอะแยะจนจำไม่ได้"ทอริดเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะแยกตัวไป ไม่รู้ว่าความหมายที่เขาต้องการสื่อนั้นหมายถึงคำๆนี้จริงๆหรือวว่าเป็นเพียงการเล่นลิ้นเหมือนปกติ

    องครักษ์ฝ่ายขวานั่งพิจารณาสัญลักษณ์อย่างครุ่นคิด

    I] α│

    "ไม่เข้าใจความหมายเลยให้ตายสิ"เสียงนั้นพึมพำขณะมอง สิ่งที่พบในตัวผู้ตาย สัญลักษณ์ทั้งสี่ ซึ่งไม่รู้ว่าสื่อความหมายอะไรแล้วพาลคิดว่าใครเป็นเหยื่อรายต่อไปยิ่งทำให้สมองตีกันวุ่น  จับเอาเศษกระดาษพลิก ตะแคง ตีลังกา  พลิกหน้าพลิกหลัง ส่องแดดดูหนึ่งแผ่นก่อนก่อนจะลองเอามาซ้อนทับดูแต่ก็ยังคิดอะไรไม่ออก

    "ท่านครับ!"เสียงทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น

    "มีอะไรหรือ"องครักษ์ฝ่ายขวายังคงสนใจในกระดาษมากกว่าเสียงนั้น

    "จดหมายครับ"

    "?"เขายื่นมือรับจดหมาย เพียงแค่แตะก็สัมผัสถึงพลังเวทได้แล้ว  ยังไม่ทันทีเขาจะฉีกซองข้างใน ซองนั้นก็เปิดเองอัตโนมัติ  ไอควันสีม่วงพุ่งกระจายพร้อมเสียงหัวเราะที่ฟังเป็นเอกลักษณ์  เสียงที่คุ้นเคย  ไม่ทันที่ต้องคิดอะไรมากเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นใครมือสังหารในชุดคลุมสีฟ้า  เสียงเย้ยหยันเมื่อวานเขายังจำได้เป็นอย่างดีแล้วยังเจ็บแค้นไม่หายที่รู้สึกตัวช้าไป

    "ใกล้เวลาจบเกมแล้วสินะขอรับ อุตส่าห์ใบ้ให้ตั้งขนาดนี้  เหยื่อรายสุดท้ายจะโดนสังหารภายในค่ำคืนนี้  พร้อมคำใบ้สุดท้าย  แต่มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้เพราะหลังเที่ยงคืนนี้  ถ้ายังชนะเกมไม่ได้ก็ถึงบทลงโทษเสียที  ฮิๆๆ"

    "วิท!"เสียงนั่นเป็นประตูเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตใคร  เสียงไอควันนั่นได้ยินไปถึงข้างนอกและนั่นเป็นสาเหตุให้เจ้าของเสียงเปิดเข้ามาอย่างรีบร้อน

    "พร้อมหน้ากันเชียวนะขอรับ โอกาสสุดท้ายของท่าน  ให้ใครมาช่วยคิดคำตอบของปริศนาก็ได้"ชายที่ชื่อวิทถึงกับเบิกตาขึ้นเล็กน้อย  แสดงว่ามันรู้ว่ามีทูตแห่งอีคานอสเข้ามายุ่งเกี่ยว  ทุกย่างก้าวมันจับตามองเราอยู่  ไม่เช่นนั้นมันคงไม่พูดเช่นนี้ 

    "ชักอยากเห็นจุดจบเร็วๆแล้วสิ"เสียงนั่นหัวเราะเป็นครั้งสุดท้ายก็จะไหม้สลายไป  เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่เคยเกิดมาก่อนเลย  ไม่ทิ้งหลักฐานเช่นเดิม

    "เหมือนคราวก่อนเลย"แกรนเจอร์เกาหัวแกร๊กๆ  ยอมรับจริงๆว่าการสืบไม่คืบหน้าไปไหน

    "นายจะตามฉันไปถึงไหน"ทอริดเหลือบมองหลังอยู่หลายครั้ง ลีออนเอาแต่คอยเดินตามมาอย่างไม่ลดละ  ถามถึงเหตุผล  ก็ทำหน้างง  แล้วก็ตอบกลับมาว่า 'ผมแค่อยากเดินมาทางนี้ไม่ได้เดินตามสักหน่อย'  พวกเขาพึ่งเดินผ่าปราสาทเคออสไม่ถึงสองก้าวเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

    "ใจกล้าจังนะ ขนาดส่งจดหมายเตือนไปแล้ว"เสียงนั่นเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืด

    "ใครน่ะ?!"ทอริดรีบหันไปสำรวจต้นเสียงทันที  บนยอดของไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง  แสงจันทร์ด้านหลังเจ้าของเสียงทำให้บุคคลผู้หนึ่งซึ่งซ่อนตัวภายใต้หน้ากากสีฟ้า  ผ้าคลุมพลิ้วสะบัดตามแรงลม  ริมฝีปากคลี่ยิ้มอย่างเย้ยหยัน

    "อาซาเลีย...."ทอริดมองมือสังหารก่อนจะหลุดชื่อหนึ่งออกมา

    "ผิดแล้ว  แต่ถ้าเจ้าเดาชื่อข้าถูก ข้าอาจละเว้นชีวิตเจ้า  ข้าให้โอกาสเจ้าตอบเพียงครั้งเดียว"หลังเอ่ยจบมือสังหารเปิดศึกเป็นฝ่ายรุก

    "แหม! นึกว่าเอาชีวิตของกระผมจะง่ายหรือครับ  แต่ถ้าคุณเป็นสาวสวยก็ไม่แน่จะยอมพลีกายถวายชีวิตเลย"

    "เข้าใจล้อเล่นนะ  ดวงจะถึงคาดอยู่แล้ว"ทอริดวาดดาบรับแรงปะทะที่กดลงมาจากที่สูงก่อนจะผละออก  สมแล้วที่เป็นมือสังหารแรงกดเหลือรับประทานกระโดดจากที่สูงขนาดนั้นยังควบคุมทิศทางได้เยี่ยม อาวุธของอีกฝ่ายเป็นมีดสั้นเหมาะกับการลอบสังหารไม่ให้ใครรู้ตัวเสียมากกว่า แต่แม้ปะทะตรงๆก็ยากจะเอาชนะเช่นกัน

    ทอริดกำลังใช้สมาธิในการเล็งหาช่องโหว่  แต่ว่าอีกฝ่ายไม่เปิดจังหวะให้โจมตีแม้แต่น้อย  ทั้งหนักและแรงแค่รับดาบก็สุดจะต้านทาน

    "หนอย!"เขาเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจังแต่อาจเพียงแค่สีหน้าก็ได้

    "หลีก!ถ้าฉันขึ้นหอช้าแล้วนอนตากน้ำค้างข้างนอก นายต้องรับผิดชอบ"

    "ที่นอนดีๆมีเยอะไป  ที่ๆไม่ต้องเสียตังค์และทุกคนใคร่จะไปน่ะก็มี จะแนะนำให้เป็นกรณีพิเศษเลย"

    "ฉันไม่ชอบนอนในดินสักเท่าไรนักหรอก  มันหนัก!"ทั้งสองดันดาบไปข้างหน้าค้างกันอยู่นานราวกับกำลังจะประลองกำลัง

    "อีกอย่างฉันชอบเป็นฝ่ายนอนทับมากกว่าถูกทับ มันไม่...."แต่แล้วเบื้องหน้าระหว่างที่ดึงดันจะผลักดาบไปข้างหน้าอยู่นั้นมือสังหารได้หาไปเสียแล้ว  ผลทำให้ตัวเขาเซไปข้างหน้าเช่นกัน  เป็นการเปิดโอกาสให้มือสังหารเต็มๆ  ทอริดคาดการณ์ว่ามันจะโจมตีมากจากข้างหลังจึงรีบหันตัวกลับไปทั้งที่ขายังหยั่งพื้นไม่มั่นคง 

    "มั่นใจจังเลยนะ"เสียงนั้นดังมาจากข้างหลัง เป็นการคำนวณที่ผิดพลาด  มือสังหารยังคงอยู่เบื้องหน้าเขาและอาจรอจังหวะให้เขาหันหลัง เพื่อโจมตีเข้าด้านหลัง แต่ถ้าอยู่เบื้องหน้าทำไมเขาถึงไม่เห็นหรือว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนสายตามนุษย์ยากจะตามทัน ทอริดบิดตัวเพื่อหันมารับดาบ มันอาจจะช้าเกินไปแล้วก็ได้

    เคร้ง!เคร้ง!

    เสียงดาบปะทะเกือบเป็นเสียงเดียวกัน  การที่ดาบสองเล่มปะทะกันเพียงครั้งเดียวเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสองเสียง 

    แววตากลมสีทองฉายประกายโรจน์สดใสถูกหรี่ให้เล็กลงกว่าปกติเล็กน้อยไร้ความรู้สึก  ผมสีน้ำตาลประกายแดงไหม้เมื่อต้องแสงจันทร์ยิ่งเน้นสีไหม้ๆนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใบหน้าไม่แฝงด้วยรอยยิ้มเช่นเคย

     "ลีออน"เขาใช้มีดสั้นหยุดอาวุธทั้งสองไว้

    "พอแค่นี้แหละครับ  รักและสันติครับ"ทอริดมองอย่างไม่เชื่อสายตา  เจ้าเด็กไร้เดียงสาสามารถรับดาบของเขาและมือสังหารไว้ได้ในเวลาเกือบพร้อมกัน  ฝีมือของเจ้านี่ไม่ใช่เล่นเลยสามารถเข้ามาขัดจังหวะการต่อสู้ได้โดยที่เขาแทบจับสัมผัสเวลาเข้าใกล้รัศมีการต่อสู้ไม่ได้เลย  จิตสังหารก็ไม่มี  แววตาเปลี่ยนกลับเป็นยิ้มร่า

    "ถือว่าขอร้อง"เขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ใช้มือเกาหัวให้ผมที่เมื่อครู่กระเซิงเล็กน้อยให้กระเซิงเข้าไปอีก พร้อมเสียงหัวเราะเหมือนเด็กกลบเกลื่อนความผิดถอยรนกลับไปทางทอริดสองก้าว  ไม่ทันไร้ก็สะดุดล้มลงไปแล้ว จนไม่รู้ว่าเมื่อครู่เป็นฝีมือหรือฟลุ๊กกันแน่

    "น่ารำคาญจริง"มือสังหารเอ่ยอย่างหงุดหงิด วาดมือไปข้างหน้า  แสงค่อยๆมารวมตัวจนมือนั้นสว่างคล้ายตัวต้นกำเนิดแสง

    "เวท?"ทอริดเบิกตากว้าง  มันก็แค่มายากล เขาเอ่ยปลอบใจตนเอง เพราะถ้าสิ่งที่เห็นเป็นจริงเขาคงโดนฆ่าในขณะที่ยังไม่ขยับตัวเลยด้วยซ้ำ  ไม่รู้ว่าเขาทำบาปทำกรรมอะไรไว้โชคถึงช่างไม่เข้าข้างเสียเลย เวทที่ถูกใช้ออกมาอย่างไม่ต้องร่าย แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ามือสังหารฝีมือไม่ธรรมดา

    ตู้ม!

    พลังอนุภาพในการทำลายรุนแรงอย่างที่คิด  บางส่วนของปราสาทเคออสโดนทำลายเรียกเสียงแตกตื่นทั้งในและนอกปราสาท  ทหารต่างกำลังเคลื่อนไหวเข้ามา  รวมถึงผู้ที่พักอาศัยในปราสาทด้วย

    "เธอพลาดแล้วเดซี่"เสียงที่ของบุคคลที่สามเอ่ยขึ้น

    "และนั่นคือคำตอบของปริศนา  บลูคิลเล่อร์เดซี่ เธอแพ้แล้ว"มือสังหารเผยยิ้มอย่างเย้ยหยัน  พึงพอใจในชายผู้มาใหม่  ฝีมือเฉียบท่าจะเคี้ยวยาก!

    ในจังหวะที่เวทจะถึงตัวอาร์จีสรีบผละร่างทั้งสองออกจากระยะการโจมตี ทำให้เวทนั้นไม่เป็นผลดังคาด

    "วันนี้ฉันสนุกมากเลย"เมื่อสิ้นเสียงจังหวะเดียวกับเมฆบดบังพระจันทร์  เมื่อแสงสว่างกลับมาอีกครามือสังหารก็หายไปเสียแล้ว

    "รอดไปที"อาร์จีสเอ่ยเสียงปนหอบแต่พยายามตีเสียงให้เรียบเป็นปกติ  อาการนั่นรู้ได้เลยว่าเขาคงจะวิ่งมาจากที่ใดสักแห่ง  แต่ยังไม่ทันไรร่างนั้นก็ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น  ศีรษะค่อยๆมีเลือดซึมออกมาอย่างช้าๆ แม้จะพ้นระยะการโจมตีแต่รัศมีการทำลายล้างก็แรงใช้ย่อย  แสดงให้เห็นว่าถ้าช้าอีกก้าวเดียวทั้งสามร่างคงป่นเป็นผงไปแน่น

    "กุมตัว!"ยังไม่ทันจะทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเสียงจากทหารหน่วยย่อยก็ลากเขาเข้าตารางแล้วในข้อหาลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ 

    "ใครจะไปรู้ล่ะว่ากษัตริย์ประทับ ณ ปราสาทเคออสอีกอย่างฝีมือคนถล่มก็ไม่ใช่พวกเราสักหน่อย"ทอริดเอ่ยเสียงแข็ง  ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วหลังจากที่อดนอนมาเกือบสองคืนก็ดันมาเจอเรื่องแบบนี้อีก

    "ว้าว!ในคุกหรูกว่าที่คิดนะครับ  ถ้าผมเกิดหลงเข้าประเทศมาไม่มีห้องพัก ผมว่าคงต้องลองทำผิดสักคดีสองคดีเพื่อจะได้ห้องพักฟรี"ลีออนเอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว  มองคุกอย่างตื่นเต้นเหมือนชมบ้านใหม่

    คุกมีลักษณะไม่ต่างอะไรจากห้องพักธรรมดาห้องหนึ่งเพียงแต่แคบไปสักหน่อยสำหรับคนสามคน และไม่มีห้องน้ำ  แต่ภายในก็สะอาดสอ้านดีพออยู่ได้

    "นายนี้นะ"ทอริดกัดฟันกรอด

    "ฉันยังไม่มีแฟนยังไงก็ตายไม่ได้หรอก"

    "เลิกร้องสักทีได้ไหมหนวกหู"ผู้คุมคุกตะโกนเสียงดัง

    "ยังไงก่อนตายก็ขอสัมผัสฮาเล็มสักครั้ง"เสียงโวยวายเริ่มกลายเป็นเสียงคราง ราวกับหลงอยู่ทะเลทรายเป็นแรมปีแล้วเห็นภาพหลอน ตามมาด้วยเสียงท้องร้อง  ท่าทางที่ออกแรงเมื่อครู่จะเรียกน้ำย่อยสักแล้ว

    "รอผู้ตัดสินมาก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน"ผู้คุมเอ่ยอย่างหน่ายๆ  เขากำลังประสาทกินทุกครั้งที่มีคนจับมาขังคุก ต้องมีแต่คนโวยวายว่าไม่ผิดเป็นพื้นฐาน  ส่วนไอ้ที่ไม่มีความผิดส่วนใหญ่ก็จะนั่งซึม  อาการคล้ายคนสำนึกผิด  แต่ไอ้ประเภทที่ชมคุกเหมือนชมนกชมไม้นี่สมควรส่งไปเช็คสมองซะมากกว่า

    "เห็นไหมว่ามีคนบาดเจ็บแล้วพวกเราจะไปทำไมกัน  สังเกตดูยังไงก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายชัดๆ"เสียงนั้นทำให้เจ้าตัวปัญหาวกกลับเรื่องเดิม  เตรียมพร้อมยั่วเจ้าหน้าที่คุก  ดีกว่าไม่มีอะไรทำ  อย่างน้อยผู้คุมคนนี้ก็ดีที่อ้าปากคุยเป็นบางครั้ง  เขานึกว่าผู้คุมจะตีหน้าโหดไม่พูดไม่จาดุจหุ่นยนต์ใส่ถ่านสักอีก  ไม่มีแรงฮึดก็อยู่กินเงินเดือนไปเรื่อยๆ

    "กษัตริย์ท่านมีพระบารมีสูงส่งยังไงล่ะ  ระเบิดจึงระเบิดก่อนจะสำเร็จแผนการ"

    "ยังงั้นสู้ระเบิดด้านแล้วแผนการล้มเลวดีกว่าอีก"ทอริดเอ่ยต่อแก้เซ้ง

    "สวรรค์ลงโทษพวกแกไง  แต่บังเอิญดวงยังไม่ถึงคาดจึงยังมีชีวิตอยู่ได้"ผู้คุมกำลังจะเอ่ยปากแถไปเรื่อย

    "อย่างผมน่ะนรกยังไม่เอาเลยประสาอะไรกับสวรรค์ ผมว่าที่ไม่ตายน่ะเพราะสวรรค์เห็นใจที่ผมยังไม่มีคู่ครองแน่ๆเลย"ทอริดเริ่มเอ่ยออกแนวคนละเรื่องเดียวกัน

    "หน้าอย่างแกใครจะมาเยี่ยม"

    "พูดถูกครับ  ก็ประตูวังปิดแล้วนี่ครับ  หอก็ไม่ให้เด็กลงแล้ว  พวกที่มาเยี่ยมคงมีแต่พวกแก่กับพวกโง่ที่ขึ้นหอไม่ทันอย่างเช่นคุณไงครับ"

    "ฉันนี้นะผู้มาเยี่ยม  ถ้างั้นฉันคงเป็นญาติกับคนร้ายในนี้ทั้งหมดแล้ว  และคงเป็นผู้เยี่ยมขาประจำเสียด้วย  สงสัยครอบครัวฉันมีแต่พวกขี้คุกซะล่ะมั้งยังงี้"

    "หน้าก็ไปครึ่งหนึ่งแล้วนี่ครับ"ทอริดเอ่ยขึ้นขณะพิจารณาหน้าตาของชายคนนี้ซึ่งห่างใกล้คำว่าทำชั่วนัก  ดูเหมือนอาจารย์เจ้าระเบียบซะมากกว่า

    "คุยกันสนุกจังเลยนะครับ  แต่คุยเรื่องอะไรนะครับ"ลีออนซึ่งตั้งใจฟังมาตลอดเอ่ยแทรกขึ้น

    "เพื่อนกันนะ  นานๆเจอหน้ากันเลยคุยสัมเพเหระ"

    "ไม่รู้ว่าคุณมีเพื่อนเป็นถึงระดับผู้คุมคุก"เสียงที่ลีออนเอ่ยขึ้นคล้ายกับว่าตำแหน่งนี้มันยิ่งใหญ่นัก

    "ใช่เพื่อนกันปล่อยฉันเป็นอิสระหน่อยสิ"ทอริดเอ่ยโมเม

    "สบายใจจังนะครับ"เสียงผู้มาเยี่ยมรายใหม่เอ่ยดังขึ้น  มองรอดผ่านคุกเข้าไป ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

    "เอาตัวไปสอบสวน"ก่อนจะกลายเป็นเสียงเชิงคำสั่งทันที

    "เล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้นลีออน"ภายในห้องมีเพียงแค่สี่คนคือลีออน อาร์จีส ทอริดและวิทแต่เจ้าของเสียงคำสั่งนั้นกลับเปลี่ยนท่าทีเป็นสบายๆเหมือนไม่ได้คุยอยู่กับนักโทษ แต่คุยอยู่กับคนสนิท ห้องนั้นก็ไม่ได้ห้องที่ใช้สืบสวนแต่กลับเป็นห้องของเขาเอง ทั้งโซฟา ตู้  โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ครบครัน พร้อมยิ่งกว่าห้องทำงานอีก เผลอกลายเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอนและอีกสารพัดห้อง แล้วแต่พอใจจะให้เป็น  โซฟาก็นุ่มสบาย  แทบเจ้าตัวยังเป็นคนลงมือชงชาให้กินอีก

    "เปลี่ยนท่าทีแบบนี้จะดีหรือครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงใสๆ

    "ก็ไม่มีใครดูอยู่นี่ เอาล่ะเล่ามาได้แล้ว"เขาเอ่ยไปถอดหายใจอย่างเบื่อหน่าย

    "ดูสนิทจังนะ"ทอริดเอ่ยเสียงคล้ายประชดประชันปนอิจฉาที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ส่วนอาร์จีสยังคงนอนไม่ได้สติบนโซฟาตัวยาว

    "ก็เป็นพี่น้องกันนี่ครับ ถึงจะไม่แท้ก็เถอะครับ"ลีออนเอ่ยเหมือนมันก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาแต่ทอริดกลับหยุดความคิดไปชั่วขณะ เป็นพี่น้องกับคนระดับนี้อะนะขณะผู้คุมยังเกรงกลัว ตำแหน่งคงสูงใช่เล่น

    "แล้วพี่นายมีตำแหน่งอะไรในกองสืบสวนล่ะ"

    "เปล่า!"เสียงนั้นตอบกลับมาเรียบๆแทนลีออน

    "แค่คิดว่ามันเกี่ยวพันถึงราชวงศ์เลยอยากรีบๆจัดการให้เสร็จ"

    "วิท!"เสียงนั้นดังเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา หาที่ว่างนั่งเองโดยไม่ต้องเชิญ  องครักษ์ฝ่ายซ้ายกวาดตามองก่อนจะหยุดที่ลีออน

    "อะไรกันนี่น้องนายก่อปัญหามาหรือแล้วยัง...."เขามองไปยังร่างที่นอนอยู่บนโซฟาก่อนจะหันกลับมามองแมวเซาที่แกล้งทำตัวสงบเสงี่ยมจะหลับมิหลับแหลก 

    วิท  ชื่อคุ้นหูแฮะ ทอริดนั่งครุ่นคิดในท่าเกือบนอนหลับ  องครักษ์ฝ่ายขวาก็ชื่อนี้เหมือนกันได้ข่าวว่าเป็นที่ไว้พระทัยของกษัตริย์เป็นอันมาก  ฝีมือก็ใช่เล่น ถนัดด้านเวท  คาถาที่ใช้ก็ไม่ต้องร่ายท่อง  นึกจะใช้เวทอะไรก็ใช้ได้เลย และที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคือด้านปัญญา  ก็ไม่แปลกที่น้องชายจะสามารถรู้ชื่อจริงเขาได้  เขาเอ่ยนึกย้อนไปในอดีต  แต่มองยังไงมาดก็ต่างกันสุดขั้วถึงจะดูคล้ายกันบ้างก็เถอะ

    "สรุปแล้วคือพวกเธอเป็นผู้เคราะห์ร้ายสิน่ะ"เสียงองครักษ์ฝ่ายซ้ายดังขึ้นถามหลังจากจบเรื่องเล่าของลีออน เป็นการเรียกสติทอริดกลับมา

    "ครับ ผมมีหลักฐานด้วยน้า"ว่าแล้วก็หันไปยิ้มให้คนข้าง  ทำให้ทอริดต้องหยิบของที่เคยอยู่ในตู้จดหมายออกมา  สิ่งที่เหมือนกับอีกสี่คดีก่อนหน้านี้......

    "สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่นะ"วิทจ้องอย่างพิจารณา

    "เดซี่ครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นเหมือนอ่านความคิดออก

    "คำพูดสุดท้ายก่อนมือสังหารจะละมือจากเหยื่อ"

    "?"เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แต่แล้วก็เหมือนจะเอ๊ะใจได้เมื่อมองขวดน้ำหอมที่เขียนคำว่า 'Daisy' ไว้ข้างๆขวด

    "คล้ายๆ"เขาเอ่ยขึ้นเมื่อนำเอาแผ่นตัวอักษรทั้งหมดขึ้นมา

     I]         =        D

    α         =        a

            =         i

            =        s

                y        =

    "เดซี่เป็นทั้งคำตอบและชื่อของมือสังหาร  งั้นก็แสดงว่ามันคงเป็นแค่เกมการแนะนำตัวที่แลกไปด้วยเลือดจริงๆ"

    "คงงั้นมั้งครับ"ลีออนเอานิ้วดุนแว่นให้เข้าที่แต่ก็ตกลงมาที่ดั้งจมูกดังเดิม  ทั้งที่ไม่มีประโยชน์แต่คงกลายเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว

    "แต่ยังไงความผิดก็คือความผิด"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยตัดบท  องครักษ์ฝ่ายขวาพยักหน้ารับ

    "หา?"ทอริดอุทานขึ้นส่วนลีออนเพียงยิ้มเล็กน้อย

    "ใช้อภิสิทธิ์ไม่ได้เหรอ คุณพี่ชาย"เขาเปลี่ยนมาเป็นการเซ้าซี้

    "ก็รู้แล้วนี้ว่าพวกเราไม่ผิด"

    "ก็ใช่"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยตอบ

    "นะ! แล้วทำไมเราต้องโดนลงโทษอีก"

    "แล้วพวกนายลากผู้ทำผิดออกมาได้ป่ะล่ะ"

    "ก็เราไม่ผิดนี่"

    "ก็ไม่ได้บอกว่าต้องรับผิดนี่แค่ต้องรับผิดชอบ"

    "แล้วไอ้ความหมายนั่นก็หมายความว่าพวกเราผิดไม่ใช่หรือไง"

    "ใช่ผิด!"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยแทรกบทเพื่อหยุดการทะเลาะแบบเด็กๆของทั้งสอง

    "ผิดตรงไหน"ทอริดแว้งกับมากัดเจ้าของเสียงอีกคนหนึ่ง"

    "ผิดที่ปล่อยให้คนร้ายหนีไปได้  ผิดที่ไม่ยอมรักษาปราสาทให้ดี  ผิดเพราะเป็นตัวต้นเหตุให้ปราสาทพังจนกลายเป็นข่าวลอบปลงพระชนม์ ผิดที่ไม่ยอมเลือกสถานที่ต่อสู้ให้ดี  ผิดที่ไร้ฝีมือจนต้องให้เพื่อนพลอยจ็บตัวไปด้วย  จะให้แจงให้มากกว่านี้ไหมล่ะ"

    ทอริดถึงกับอ้างปากค้างเถียงไม่ออก  ทั้งหมดนี้เขาผิดจริงนั่นแหละ  แต่มันผิดเพราะภายในจิตสำนึกไม่มีกฎหมายข้อไหนบัญญัติไว้นี่ว่าผู้บริสุทธิ์ต้องรับโทษ  แต่อุบเงียบไว้ดีกว่าก่อนจะโดน แจงแจกข้อเสียจนถี่ยิบชนิดไม่มีหน้าไปพบใครอีก  ไอ้แค่คำว่า ไร้ความสามารถก็ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีแล้ว รู้งี้ปล่อยมือสังหารเขาเสียก็ดีหรอกขี้เกียจรับผิดชอบ และโดนตราหน้าว่าไร้ความสามารถสู้ตายอย่างสมศักดิ์ศรีดีกว่า

    "เล่นพุ่งเป้าเข้าคุณเต็มๆเลยนะครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นเรียกสติคนตรงหน้ากลับมาได้

    โป๊ก!

    "ก็ใช่อะดิ  ไม่ต้องตอกย้ำกันมากก็ได้"ทอริดเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงร้องของอีกหนึ่งชีวิตที่พึ่งโดนทำร้ายเมื่อครู่

    "เจ็บนะครับ"ลีออนคล้ำหัวด้วยอาการน้อยใจนิดๆ ก็เขายังไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย

    "จะยังไงก็ช่าง นายก็ควรจ่ายค่าชดใช้ปราสาทมา"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยตรงๆ

    "เดี๋ยวสิ  ที่นี่ก็ออกจะรวยแค่พังสองสามหลังคงไม่ถึงกับกินหญ้าแทนอาหารหรอกน้า"

    "นั่นสิน่ะเดี๋ยวฉันจะช่วยไปพังอีกสักสามสี่หลังดีไหม จะชดใช้หรือเปล่า  แต่บอกไว้ก่อนนะถึงตอนนั้นค่าใช้จ่ายอานแน่"

    "เรื่องดิ ทำผิดเองก็รับเองสิ"

    "อย่าลืมว่าที่นี่ใครเป็นใหญ่ การโยนความผิดให้นายน่ะง่ายจะตายไป  การเพิ่มข้อหาก็ด้วยขึ้นอยู่กับว่าฉันจะทำหรือเปล่า"เจ้าของเสียงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

    "ทำก็ได้ ให้ทำอะไรล่ะ"ทอริดเอ่ยอย่างรำคาญ

    "ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เดินทางไป ซาน เพื่อประลองฝีมือถ้าชนะทุกรอบเงินก็น่าจะพอดีกับค่าปราสาทน่ะ"

    "แต่มันไกลนะ"ฟังเหมือนง่ายแต่ระยะการเดินทางต่อให้ใช้ม้าก็ปาไปสี่วันเต็ม  และการประลองก็ได้ยินว่าจะจัดกันอีกห้าวันให้หลังนับจากวันนี้  สรุปง่ายๆคือเตรียมตัวออกเดินทางก็หมดไปแล้วหนึ่งวันไปถึงที่นั่นก็ลงสนามประลองเลยนั่นเอง

    "แล้วจะเดินทางด้วยอะไรล่ะ"องครักษ์ก้มสายตาลงต่ำ ทอริดถึงกับอุทาน

    "เดินด้วยเท้านี่นะ?!"พอดีไปถึงที่นั่นงานก็จบพอดี มันไม่เป็นการจงใจแกล้งเขาไปหน่อยหรือไง  อะไรปราสาทจะตืดขนาดนี้แค่เงินเดินทางสักแดงก็ไม่มี

    "ไม่เป็นไรหรอกได้ข่าวว่าการแข่งเลื่อนออกไปอีกสิบวัน รอให้เพื่อนนายพักสองวันแล้วค่อยออกเดินทางก็ได้"

    "เดี๋ยวแล้วทำไมต้องรอด้วย  ผมออกเดินทางนะไม่ใช่...."เขาหันไปทางอาร์จีส เอ่ยประโยคยังไม่ทันจบองครักษ์ฝ่ายขวาก็ดังขึ้นอีก

    "เข้าใจคำว่าทุกรอบหรือเปล่า หมายความว่าต้องชนะทั้งหมดไม่ว่าการแข่งนั้นจะเป็นการแข่งประเภทไหน และการแข่งบางประเภทก็จัดขึ้นพร้อมกันเสียด้วยสิ"

    "เฮ้ย!"ทอริดร้องขึ้นอีกครั้ง 

    "ไม่ใช่ยอดมนุษย์นะที่คิดจะทำอะไรก็ทำได้  จะให้ใช้วิชาแยกร่างแบบนินจาหรือไงเล่า"

    "ก็นั่นไงเพื่อนถึงต้องไปด้วย  ทั้งกลุ่มนั่นแหละ  ฉันติดต่ออาจารย์ประจำกลุ่มเรียบร้อยแล้วล่ะ"อะไรจะรวดเร็วปานกับวางแผนไว้อยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่รอจังหวะ  ไม่ใช่ว่าเจ้าพวกนี้แกล้งส่งมือสังหารปลอมมาเพื่อยัดเหยียดข้อหาหรอกนะ  สิ่งนั่นทำให้เขาคิดถึงคำพูดที่ลีออนพูด  การสร้างคดีเลียนแบบ

    "ฝากด้วยล่ะลีออน"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยจบก็เดินออกจากห้องไป  องครักษ์ฝ่ายซ้ายเดินตามออกมาทันที  ทิ้งให้ทอริดมึนงงกับคำพูดเช่นนั้น ทำไมเขาเป็นคนรับผิดแต่ไปฝากลีออนให้รับผิดชอบล่ะนี่

    "นายวางแผนอะไรไว้กันแน่วิท การประลองนั่นนะ สิ่งที่ได้ไม่ใช่เงินรางวัลหรอกมิใช่หรือไง"

    "ก็เปล่าเพียงแต่ต้องการรู้เป้าหมายอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับมือสังหาร"

    "?"

    "มือสังหารมีสี่คน  คนหนึ่งคืออาซาเลียซึ่งมีนกยักษ์เป็นสัญลักษณ์ คนที่สองเป็นมือสังหารที่ใช้นามของดอกไม้เช่นกันซึ่งเราก็ยังไม่ทราบแน่ชัดรู้แต่ว่าเป็นคนก่อคดีระเบิดขึ้น  คนที่สามเป็นคนที่ใช้สัญลักษณ์ใบเมเปิ้ล ผู้สังหารคนที่คาดว่าเป็นนักเรียนซึ่งอยู่นอกประตู  ทั้งสามคนนี้แทบจะไม่ปรากฏตัวเลย  สองในสามก่อคดีเพียงครั้งเดียวแล้วเงียบหายไป  ส่วนคนสุดท้ายดูเหมือนเป้าหมายจะไม่หมดแค่นี้ เพราะสิ่งที่มันพึ่งกระทำลงไปเป็นเพียงแค่การเปิดตัว  เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น"

    "แต่ฉันยังไม่เข้าใจทำไมถึงต้องให้เด็กกลุ่มนี้ออกเดินทางด้วยล่ะ"

    "เพราะลางสังหรณ์  ในกลุ่มนั้นจะต้องมีเป้าหมายของมือสังหารแน่ เพราะในกลุ่มนั้นล้วนแต่มีคนสำคัญ"

    "คนสำคัญ? หมายถึงครอบครัวนะหรือ"วิทเพียงแต่หัวเราะทิ้งท้ายกับคำถามนั้น

    "ประวัติมาเมื่อไรก็จะรู้เอง"แกรนเจอร์ได้แต่เลิกคิ้วด้วยความมึนงง  ประวัติการแข่งจะช่วยอะไรเขาได้  แต่บุคคลตรงหน้าคงอาจคาดการอะไรบางอย่างไว้แล้วก็ได้ สายตาของวิทหลุดลอยไปอย่างที่ไกลแสนไกล

    นานๆทีจะได้แตะต้องคอมสักที ขอโทษที่มาอัพช้า.....มาก.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×