คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Ascertain(ต่อ)
ก๊อก!
"ใคร!"เสียงแหบห้าวตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจจากในห้อง
"ฉันเองขอเข้าไปได้หรือเปล่า"เสียงผู้มาเยือนหลังประตูเอ่ยตอบ
"?"ระหว่างที่เจ้าของห้องกำลังพิจารณาน้ำเสียงอยู่นั้น เสียงนั้นก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนจากไป
"คงไม่สะดวกสิน่ะ"
"เดี๋ยว!"อาซาเลียสังเกตถึงบางอย่างสีขาวที่สอดไว้ใต้ประตู กระดาษสีขาวงั้นหรือ? เธอรีบเปิดประตูทันที ประจันหน้าผู้อยู่หน้าประตูอย่างจัง(ถ้าเดินมาใกล้กว่านี่อีกนิดคงกระแทกไปแล้ว)
"ฉันมีเรื่องอยากถาม"อาร์จีสเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน
"ฉันไม่มีอารมณ์อยากตอบ"เธอส่งแววตาดุๆ
"แต่ดูเหมือนเธอมีเรื่องอยากถาม"
"ได้ เรามาแลกเปลี่ยนกัน ฉันถามข้อ เธอถามข้อ"
"เมื่อกี๊เห็นคนผ่านหน้าห้องฉันหรือเปล่า"
"ไม่มีนี่"
"งั้นหรือ"เธอเอ่ยอย่างครุ่นคิด แต่คำตอบมีอยู่ในใจเธอตั้งนานแล้วเพียงแต่ต้องการยืนยัน คนที่จะรู้ว่าเธอไม่สะดวกโดยที่ยังไม่ตอบเช่นนี้ มือสังหาร...ผู้นั้นรู้แล้วว่าเธอเป็นใคร เพราะ การที่ตอบว่า 'ไม่สะดวกได้สนิทปาก' มีแต่มือสังหารเท่านั้น มือสังหารมักไม่เปิดเผยหน้าตา เธอจึงไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่จะพบมือสังหารด้วยกัน ในอีกความหมายหนึ่งอีกฝ่ายก็ต้องการสื่อด้วยว่าเป็นสังหารการที่มือสังหารจะพบเห็นหน้าใครไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่มือสังหารที่เปิดเผยหน้าตาด้วยกัน เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
"แล้วเธอจะตอบคำถามฉันได้หรือยัง"
"ว่ามา"
"นักฆ่าแทนด้วยชื่อของพันธุ์ไม้ใช่ไหม"
"นึกว่าจะถามอะไร"เธอเอ่ยอย่างยโส
"ใช่ แล้วนั่นมันจะมีประโยชน์แค่ไหนกันเชียว"เสียงดูถูกดังขึ้น
"ไม่รู้สิ ฉันก็ไม่มีหน้าที่ตอบเธอแล้วนิ"อาร์จีสแอบกัดกลับ
"ถ้าหมดธุระแล้วก็เชิญออกไป"ชายผู้เงียบขรึมเดินจากไป ไม่คิดเอ่ยอะไรต่อในสมองเขาตอนนี้มีแต่ความคิดที่ตีกันยุ่งไปหมด อาซาเลียมาสังหารเขาซึ่งเป็นตัวปลอม แล้วคนอื่นล่ะมาทำอะไรกันแน่? การสังหารคนๆเดียวคงไม่จำเป็นต้องใช้นักฆ่าถึง 4 คนหรอก โครนัสจะมีมือสังหารสี่คนไม่ใช่เรื่องแปลกแต่นี่แฝงตัวเข้ามาในปราสาทถึงสี่คนและก่อเรื่องแบบนี้....จุดประสงค์จริงๆคืออะไรกัน...
เอเลซ่าปิดประตูห้องทันทีคลี่แผ่นกระดาษทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสออกดูก่อนจะกระทำการเผาทำลายหลักฐานดังที่แล้วๆมา เมื่อเข็มเดินจวบเที่ยงคืนเพื่อนร่วมห้องของเธอหลับหมดแล้ว เธอจัดแจงแต่งชุดอย่างรวดเร็ว ภายใต้หน้ากากแดงนั้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาดังเช่นเคย การกระโดดลงมาจากตึกสูงเกือบ10ชั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากสำหรับคนอื่นๆ หรือแม้แต่นักเวทย์ที่สามารถควบคุมแรงดึงดูดของโลก ยังต้องใช้ความกล้า อาซาเลียกลับไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวแม้แต่น้อยราวกับมันเป็นเรื่องชินชาเสียเล้ว ก่อนที่ตัวเธอจะโหม่งพื้นนกอินทรีย์บินเรียบพื้นมารับเธอไว้ในทันที ไม่นานความเคลื่อนไหวของกองทหารต่างรุมที่จุดเกิดเหตุแต่ก็ไม่พบอะไรเช่นเคย
"ไลแลค?"เธอเอ่ยด้วยเสียงแปลกใจ เสียงเธอเปลี่ยนไปแหบกร้านราวกับเสียงชาย
"มาแล้วหรืออาซาเลีย"เธอเดินเข้ามายังบริเวณป่า เกือบริมน้ำตก ซึ่งกลบเสียงได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับนักฆ่าที่ประสาทไวอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาด้านการฟังเสียงแม้จะเบาๆจนเหมือนเสียงกระซิบ เพราะพวกเขาใช้การอ่านริมฝีปากนั่นเอง
"เจ้าคงได้ข่าวเรื่องเมเปิ้ลแล้ว"
"ครับ"
"แล้วเจ้าคงรู้แล้วว่าเมเปิ้ลแฝงตัวเข้ามาแล้ว"
"ครับ แต่คงไม่ได้มีแค่นางคนเดียว"จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นมือสังหารนอกจากเธอแล้วยังมีอีกสาม คนหนึ่งคือไลแลคผู้เป็นอาจารย์ อีกคนคือเมเปิ้ลศิษย์อาจารย์เดียวกัน ส่วนอีกคนนั้นเธอไม่รู้ว่ามาเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่
"ข้าก็คิดเช่นนั้น"
"แสดงว่าท่านก็ไม่รู้"
"นักฆ่าทำงานเป็นอิสระ เมื่อมีคำสั่งให้ฆ่าก็ฆ่าไม่ได้เจาะจงเวลาหรือสถานที่ สำคัญคือเหยื่อต้องตาย ดังนั้นการที่มือสังหารจะมารวมกันอยู่ที่เดียวก็ไม่แปลก ขอเพียงแต่ไม่ใช่เหยื่อคนเดียวกันเป็นพอ"
"เป็นไปไม่ได้หรอกครับ หัวหน้าไม่เคยสั่งงานซ้ำซ้อน เหยื่อใครเหยื่อมันอยู่แล้ว มือสังหารคนนั้นคงต้องการอย่างอื่น ว่าแต่ที่ท่านเรียกข้ามาวันนี้มีธุระอะไร"
"ข้าเพียงแต่จะมาบอกว่าเจ้าทำหน้าที่ของเจ้าไปส่วนเมเปิ้ลข้าจะเป็นคนสังหารเอง"
"ท่านรู้แล้วหรือว่านางอยู่ไหน"
"ใช่"เขาเผยรอยยิ้มกว้างแต่แฝงไปด้วยความน่าหวาดกลัว
"เวลาเดียวกับที่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหนนั่นแหละ"อาซาเลียหยุดคิดเล็กน้อยก่อนจะสะบัดชายผ้าคลุมหันกลับไปด้านหลัง
"ตามใจท่าน ถ้าท่านหมดธุระแล้วก็ขอตัวครับ"เอ่ยยังไม่ทันขาดคำมือสังหารในชุดสีแดงเลือดก็หายไปจากตรงหน้าแล้วเหลือเพียงมือสังหารอีกคนที่เผยรอยยิ้มกว้างอย่างพอใจ
ตัวตนของไลแลคและเมเปิ้ลเป็นใครกันแน่? 'เวลาเดียวกับที่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหนนั่นแหละ' คำพูดนั้นยังคงก้องดังอยู่ในสมองไม่หยุด เธอประมาทถึงเพียงนี้เชียวหรือจนเผยตัวตนให้เห็น
ภายในปราสาทยังไม่ตัดขาดจากทางบ้านเสียทีเดียว จดหมายหรือข่าวสารส่วนใหญ่จะได้รับจากตู้จดหมายด้านล่างบริเวณบันไดทางขึ้น บางคนจึงมีการแง้มตู้จดหมายก่อนขึ้นไป
"เปิดไม่ออก"ทอริดพยายามดึงประตูตู้ตัวเอง อย่างแรง ขนาดลักษณะรูปทรงคล้ายล็อคเกอร์ทั่วๆไป (ถ้ามันไม่แข็งแรงพอล่ะก็คงกระชากหลุดติดมือมาแน่นอน)
"ก็คุณยังไม่ได้ไขกุญแจ"ลีออนเอ่ยขึ้นเสียงเหมือนเด็กๆ ไขกุญแจเปิดดูตู้จดหมายตัวเอง พบซองสีน้ำตาลขนาดเท่าสมุดจดเล่มเล็กๆ ทอริดเบนจุดสนใจจากการคว้านหากุญแจเปิดล็อคเกอร์ภายในตัวเป็นยุ่งเรื่องชาวบ้านแทน
"อะไรน่ะ?"
"สมุดครับเล่มที่แล้วผมจดจนเต็มไปหมดแล้ว"
"เล่มที่แล้ว?"ทอริดทำท่านึกขึ้น ไอ้สมุดติ๊งต๊องที่ต้อนเข้าจนมุมนั่นเอง นึกแล้วมันน่าฉีกเป็นชิ้นๆ
"แล้วของนายล่ะ"เขาหันไปสนใจเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่ง จดหมาย?
"หรือว่าจะเป็นจดหมายรัก"เขาเอาศอกกระทุ้งคนตรงหน้าเบาๆอย่างนึกสนุกรักสามเศร้ายังไม่พองั้นหรือ...สงสัยสุดท้ายชายผู้เก่งกาจจะได้ตายด้วยน้ำมือคนรักเป็นแน่ ฮิๆๆๆ สักวันเขาอยากเปิดการประลองหนึ่งให้ได้โดยตั้งชื่อว่า 'เปิดศึกแย่งชิงพ่อหนุ่มเนื้อหอม'
"อาเรส?"เขามองด้วยความงุงงง ไม่ใช่เพราะเป็นชื่อผู้ชายแต่เป็นเพราะ ชื่อที่อยู่ผู้ส่งกับผู้รับสลับกัน เจ้าคนเขียนถ้าจะเบลอ ตรงหัวมุมด้านซ้ายที่เป็นชื่อผู้ส่งเขียนว่าอาร์จีส ส่วนตรงกลางจดหมายเขียนว่าอาเรส.....หรือว่าเป็นจดหมายตีกลับ แต่มันประทับตราเรียบร้อยแล้วนี่ แต่ที่ทำให้งงหนักเข้าไปอีกคือเจ้าตัวยังไม่ทันเปิดอ่านเนื้อหาด้านในกลับใช้ไฟแช๊คจุดไฟไปเสียแล้วราวกับรู้ข้อความในจดหมายโดยไม่ต้องอ่าน สีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนด้วย (หรือว่าเจ้านี่จะเป็นพวกนิสัยแอบโหด)
"อะไรน่ะ"ทอริดอุทานขึ้นเมื่อเปิดตู้จดหมายของตนบ้าง
น้ำหอมที่ข้างขวดเขียวว่าเดซี่ และสัญลักษณ์.... ﻻ สิ่งของเหมือนกับผู้ตายรายที่สามเลย ทั้ง ลีออนและทอริดสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอาร์จีสทันที
"นายเจอดีแน่ ระวังตัวไว้แล้วกัน"เขารีบเดินออกจากหอตรงดิ่งไปที่ใดสักแห่งทันที
"อะไรของมันฟ่ะ"เขาสบถเบาๆก่อนเดินขึ้นหอไป ลีออนตามขึ้นไปติดๆ
ในห้องทำงานที่โต๊ะกองเต็มไปด้วยหนังสือจนดูยุ่งเหยิงยิ่งกว่าห้องทำงานปกติเป็นสามเท่า บางเล่มก็ลงไปสุมอยู่กับพื้นเป็นหย่อมๆ หนังสือบนชั้นขาดหายเป็นช่วงๆแสดงว่าเจ้าของห้องเป็นคนไร้ระเบียบอย่างยิ่ง แต่ถ้าบุคคลที่รู้สถานการณ์เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้นจะทราบเป็นแน่ว่าห้องที่รกนั้นไม่ใช่เป็นเพราะไม่อยากเก็บแต่เก็บไม่ได้เพราะเวลามันเร่งด่วนไปหมด
"อะไรกันนี่รายที่สามแล้วน่ะ"องครักษ์ฝ่ายซ้ายพูดด้วยความลำบากใจเขาพูดจริงว่ายังหาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย มือหนึ่งพลิกหนังสือที่วางไม่ค่อยเข้าที่พลิกหน้าไปมา มืออีกข้างจดบันทึกอะไรบางอย่าง ส่วนสายตามองกลับไปมาระหว่างมือข้างซ้ายกับมือข้างขวาและสมาธิอีกส่วนสนใจเสียงที่พร้อมจะดังขึ้นตลอดเวลาเพื่อมีรายงานเบาะแสอะไรเพิ่มเติม
"มีจดหมายครับท่าน"ทหารคนหนึ่งรีบเข้ามารายงานทันที
"ส่งมาจากไหนน่ะ"หน้าซองมีแต่ชื่อของเขาซึ่งเป็นที่หน้าแปลกชื่อที่มีแต่คนสนิทเท่านั้นที่รู้
"ไม่ทราบครับท่านรู้เพียงแต่ว่ามันเสียบไว้หน้าห้อง"งั้นยิ่งหน้าแปลกใหญ่ เข้าพึ่งกลับมาจากการตรวจรายที่สามที่เสียชีวิต ก่อนเข้ามายังไม่พบอะไรเลย
"ในช่วงเวลานั้นเจ้าพอจะสังเกตเห็นใครเป็นที่น่าสงสัยไหม"
"ไม่นี่ครับ องค์ราชาเรียกท่านเข้าพบเป็นการด่วนครับ"
"เข้าใจแล้ว ขอบใจเจ้ามาก"ทหารรายงานข่าวออกจากห้องเขารีบเปิดจดหมายอย่างระมัดระวังในทันที ควันสีม่วงพุ่งกระจายพร้อมเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มันรวมตัวกันเป็นสิ่งที่คล้ายมวลปาก
"ยินดีต้อนรับเข้าสู่เกม ท่านแกรนเจอร์ โอ๊ะโอ้! คงอยากรู้ล่ะสิว่าข้าเป็นใคร แล้วทราบชื่อท่านอย่างไรก็เพราะข้าเป็นมือสังหารน่ะสิ"กลุ่มควันนั้นทำหน้าตายียวนกวนประสาทแบบมาดร้าย
"เรามาเล่นเกมแก้เซ้งกันดีกว่าน่ะขอรับ ฮิๆๆๆ กฎแสนง่ายดาย เพียงแต่ท่านสามารถบอกความหมายของเศษกระดาษนั้นได้ หรือหาข้าพบก่อนเหยื่อรายสุดท้ายจะโดยสังหาร เกมจบ! ท่านก็เป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าท่านไม่สามารถทำได้ล่ะก็ เอ....?"มันทำท่าครางอย่างครุ่นคิด
"อะไรจะเกิดขึ้นน่า....ฮะๆๆๆ ข้าไม่บอกหรอก ปล่อยให้ท่านเดาเอาเอง แต่มันต้องเป็นเรื่องที่สนุกสุดๆอยู่แล้ว"ว่าจบเงานั้นก็หายเข้าไปในจดหมาย เขาพิจารณาจดหมายอีกทีและกะว่าจะนำไปให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานแต่ไม่ทันไรควันสีม่วงก็พวยพุ่งออกมาจากซองอีกครั้ง
"ข้าลืมบอกท่านไปอย่างหนึ่ง คำตอบของสัญลักษณ์นั้นก็ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากตัวท่านเท่าไรนักหรอก ท่านเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว รวมถึงชื่อของข้าด้วย คิกๆๆๆ ข้าใจดีไหมล่ะอุตส่าห์ใบให้ตั้งเยอะแล้วน้า....."
พรึบ!
หลังจากมันพูดจบไฟก็ลุกติดจดหมายอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือซากอะไรแม้แต่เถ้าถ่าน สมแล้วที่เป็นนักฆ่ามืออาชีพ คงเป็นมือสังหารแห่งทอร์ทารัส แม้แต่เบาะแสให้สาวก็ยังไม่มี
ก๊อก!
"ขออนุญาตครับ"เสียงเคาะประตูเป็นมารยาทดังขึ้นเรียกความสนใจคนในห้อง
"เจ้ามาก็ดีแล้ว แกรนเจอร์"องค์ราชาเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล องค์ราชินีก็เช่นกัน รวมถึงเหล่าข้าบริพารที่เชื่อใจด้วย อยู่กันอย่างพร้อมหน้า
"มีอะไรหรือขอรับ?"เขามองด้วยหน้าฉงนแต่เมื่อปิดประตู การประชุมอย่างลับๆได้เริ่มขึ้น
"ข้าอยากให้พวกเจ้าช่วยเสนอความเห็น เจ้าคงรู้แล้วใช่ไหมว่ามีคนบางกลุ่มกำลังทำให้บัลลังก์สั่นคลอน อาจจะเป็นเพราะเกรงกลัวอำนาจหรือขัดผลประโยชน์บางประการ ข้าจึงอยากให้เลื่อนกำหนดการหมั้นให้เร็วยิ่งขึ้น เจ้าเห็นเป็นเช่นไร"เสียงในห้องต่างเงียบบรรยากาศน่าอึดอัดพิลึก
"เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง"เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้าเดินหอบหนังสือกองเท่าภูเขาเข้ามาในหอพักซึ่งแคบอย่างกับรูหนู
"ทำอะไรครับ"ลีออนเอ่ยขึ้นอย่างสนใจ
"อักขระโบราณ อักษรรูน คู่มือการถอดอักขระ ภาษา...."
"เจ้าเงียบไปซะเถอะลีออน ข้าอ่านออกน่า" ทอริดเอ่ยอย่างหัวเสีย ห้องแบ่งกันสามคนก็แทบไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว ยังต้องมาแบ่งที่ให้กองหนังสืออีกสุดจะทน
"จะทำมนต์เสน่ห์หรือไง"ทอริดเอ่ยแซวแต่คนตรงหน้าไม่มีท่าทีรับมุขเลย เขาตีหน้าเซ้งทันที
"ไปนอนดีกว่า มีแต่เรื่องหน้าเบื่อ"เขาซุกตัวใต้ผ้าห่มมองทั้งสองที่เปิดหนังสือกันเสียงดัง คนหนึ่งตีหน้าขรึม อีกคนตีหน้ายังกับเปิดหนังสือนิทาน ไม่รู้ว่าอ่านรู้เรื่องหรือเปล่า แล้วไอ้หนังสือพวกนั้นเอามาทำอะไรกันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ
"เบื่อ!"เขาตะโกนคำเดียวหัวหลับกลับดึงผ้าห่มคลุมหัวหนีจากแสงไฟทันที เสียงก็ดังยังแสงไฟบ้านี่อีก
โครม!
ไม่ทันไรเจ้าหนูผู้ใสซื่อทำกองหนังสือร่วงซะแล้ว ลีออนพยายามจะเก็บขึ้นมาแต่เป็นเขาที่ตกเตียงเสียงเอง 'หนวกหูจริง' ทอริดสบถอย่างไม่สบอารมณ์จะนอนก็นอนไม่หลับเสียงเปิดหนังสือสลับกับเสียงโครมครามหนังสือตกอยู่บ่อยครั้ง จน เขากระเด้งขึ้นมาจากเตียงอย่างสุดจะทน ช่วยก็ได้ฟ่ะ แต่ก็ไม่รู้หาอะไร เจ้าตัวก็ไม่ยอมบอก แล้วจะช่วยดีไหมเนี่ย อยากเอาพระบาทาประทับไว้บนพระพักตร์นั่นจริงๆดูสิมันจะพูดอะไร คนอุตส่าห์ช่วย ไม่รู้คุณชายใบ้อาร์จีสทำไมถึงมีคนหลงรักมากนัก
"รายที่สี่งั้นหรือ"องครักษ์ฝ่ายขวามองหลักฐานที่รายงานเข้ามาทันที สัญลักษณ์อีกแล้วหรือ.... │ มันมีความหมายยังไงกันแน่ แต่จากที่ระบุรายแรกที่นอกโรงเรียนกับ อีกสามรายที่ตายน่าจะมาจากคนละคนกัน มันต้องการทำอะไรกันแน่
ก๊อก!
"ใครครับ"
"ผมเองทูตแห่งอีคานอส"
"เชิญครับ"ผู้อยู่เบื้องหลังประตูเปิดเข้าไปตามคำเชิญชวนทันที
"ท่าน!"เขารีบโค้งคำนับทันที พร้อมเชิญให้นั่ง
"ไม่ต้องพิธีมากวันนี้ ผมไม่ได้มาเพื่อพูดเรื่องพระคู่หมั้นแต่ผมอยากรู้เรื่องเหตุการณ์ไม่สงบภายในวัง ในฐานะนักเรียนคนหนึ่ง"ชายผมสีเงินประกายทอง ดวงตาสีน้ำทะเล เดินเข้ามาในมาดขรึมๆที่ทำให้หญิงสาวต่างหลงใหล
"อยากดูหลักฐานโดยละเอียดงั้นหรือก็ได้อยู่หรอก"องครักษ์เบนสายตาไปทางอื่น
"เพียงแต่ว่ามันไม่ได้อยู่ที่ผม มันยังอยู่กับหน่วยพิสูจน์หลักฐานซึ่งขึ้นต่อองค์รักษ์ฝ่ายซ้าย แต่ถ้าท่านต้องการเช่นนั้นล่ะก็ผมก็จะลองขอเป็นกรณีพิเศษ"
"ขอโทษค่ะ"เสียงหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะดักรอองครักษ์ฝ่ายซ้ายด้วยความสั่นเทา
"คือว่าหนู...."เธอรู้สึกฝืดคอที่จะพูดออกไป
"คือว่า....."ในมือของเธอกำเศษกระดาษไว้แน่น รู้ถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของตัวเองนับจากการพบศพของชายคนแรกที่มีดอกเดซี่โรยไว้โดยรอบ เธอก็หวาดผวามาตลอด นอนไม่หลับแต่ก็ไม่กล้าออกไปไหน กลัวจะประสบชะตากรรมเดียวกันในไม่ช้า
"คือ....."เธอยังคงอ้ำอึงอยู่แต่ไม่นานเธอก็ตัดสินหนีการเผชิญหน้าจากความเป็นจริง จนของบางอย่างในกระเป๋ากระโปรงตกลงมา
"เฮ้เดี๋ยว! ของเธอ....."แต่เมื่อสังเกตดีๆสิ่งที่คล้ายขวดน้ำหอมเหมือนอีกสามคดีที่พึ่งเกิด หรือว่าเธอเองก็เป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน แต่เมื่อจะไล่ตามเธอก็หายไปเสียแล้ว
"ขอโทษน่ะเห็นผู้หญิงตัวขนาดนี้"เขาทำไม้ทำมือถามทางไปเรื่อยๆเผื่อเจอเบาะแสของหญิงคนดังกล่าวแต่กลับหาอยากกว่าที่คิดเสียอีก
"แกรนเจอร์อยู่นี่เอง"เสียงที่คุ้นเคยเรียกทำให้เขาหันกลับไปมอง พบหนึ่งบุรุษหน้าอ่อนกับเพื่อนร่วมอาชีพ
"มีอะไรวิท ส่วนท่านนี้คือ....."
"นักเรียนคนหนึ่งที่สนใจเหตุการณ์ไม่สงบภายในโรงเรียนครับ ผมจะขอดูหลักฐานหน่อยได้ไหมครับ"เขาเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแต่ถ้ามากับวิทก็คงเชื่อถือได้ เพราะวิทไม่ใช่คนที่จะเชื่อถือใครง่ายๆเสียด้วย
"ได้สิ แต่ตอนนี้ฉันกำลังยุ่ง เอานี่ตราของอนุญาตเป็นการพิเศษถึงไม่มีฉันไปด้วยแต่เธอก็สามารถเข้าไปในนั้นได้"เขาโยนป้ายรูปหลังคาบ้านสีทองให้ ในนั้นเขียนเป็นภาษาอะไรบางอย่างแต่คนรับก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะมันอาจเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่มีความหมายเลยเป็นแค่ตราอะไรสัญลักษณ์บางอย่างเท่านั้น หลังว่าจบเขาก็ออกวิ่งอีกครั้งพร้อมเรียกสหายร่วมรบไปด้วย
"มีอะไรหรือ"
"ฉันพบนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นเหยื่อรายต่อไป"
"รูปประพันธ์สัณฐานล่ะ"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยขึ้นทันทีเพียงไม่นานขณะที่เขาวิ่งไป เขาก็สามารถวาดรูปสเก๊ตเสมือนเสร็จ
"แบบนี้ใช่ไหม"
"ยังฝีมือเฉียบเหมือนเดิม"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยชม
"นายเอารูปนี้ไปแล้วกัน ส่วนฉันจะลองคนหาชื่อและห้องพัก แล้วค่อยกระจายกำลังกันหา"บางทีนี่อาจเป็นแบะแสสุดท้ายที่เหลืออยู่...ไม่ว่าชื่อ ที่อยู่ เบอร์ห้อง สถานที่เกิด รูปร่าง เพศ ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันเลย ราวกับสุ่มผู้โชคดี ถ้าถามจากเจ้าตัวอาจได้รู้อดีตที่ดำมืดหรืออะไรบางอย่างก็ได้
องครักษ์ฝ่ายซ้ายรับคำทันที ออกสั่งกำลังที่พอช่วยได้ออกหาทันที รอกำลังเสริมจากสหายที่กำลังทำประวัติอยู่เขตในวังออกกว้างขวาง ถ้ายังไม่ตกดึกเป็นไปได้ยากที่จะหาเจอดีไม่ดีอาจออกนอกวังไปแล้วก็ได้ถึงความเป็นไปได้จะต่ำก็เถอะ ถ้าได้รูปตัวจริงจากองครักษ์ฝ่ายขวามาเร็วก็ดี ยิ่งเร็วยิ่งดี การตามหาจะได้สะดวกขึ้น การช่วยกันหาในกำลังที่น้อยบางครั้งมันยากกว่าการที่ถามเบาะแสจากคนภายในวังเสียอีก(ทหารบางส่วนยังต้องประจำการตำแหน่งเดิม)
ชายผู้ได้รับป้ายมาเข้าไปยังห้องหน่วยสืบสวนพิเศษทันทีเขาต้องการไขสิ่งที่คาใจให้กระจ่างเสียที สภาพการตายเหมือนกันหมด หาสิ่งเกี่ยวพันไม่ได้เลย เศษกระดาษพวกนี้ก็ราวกับกำลังท้าทายอะไรบางอย่างถึงทิ้งคำปริศนาที่ทิ้งไว้
รายที่หนึ่ง..... I]
รายที่สอง...... α
รายที่สาม.... │
ส่วนหลักฐานอื่นๆก็เป็นพวกของใช้ทั่วๆไป สิ่งที่เหมือนกันคงมีแค่น้ำหอมที่เขียนว่าเดซี่เท่านั้น มันต้องการอะไรกันแน่น่ะ
α แอฟฟางั้นหรือสัญลักษณ์ทางฟิสิกส์ คณิตศาสตร์หรือว่าอะไรกันแน่ เป็นสูตรหรือ?มันต้องการสื่ออะไรกันแน่น่ะ?
"ใกล้เวลาเปิดบทเพลงต่อไปแล้วสิน่ะ บทเพลงแห่งการละเลงไปด้วยเลือดสีแดงสด ใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป"เสียงหญิงสาวนั้นหัวเราะอย่างได้ใจบนยอดหอคอยสูงปราสาทแห่งหนึ่ง มือสังหารใช้กล้องส่องลงมายังเป้าหมายเพื่อไม่ให้เหยื่อคลาดสายตา
"กลิ่นนี้มัน.....กุหลาบกับ"มือสังหารหันกลับไปด้านในทันที อาซาเลียกับไลแลคหาเธอพบอย่างนั่นหรือ
"บลูคิลเล่อร์เดซี่"อาซาเลียเอ่ยกับมือสังหารในชุดสีฟ้า
"หาฉันพบได้ยังไง"มือสังหารเดซี่แปลกใจเล็กน้อย
"เกลเป็นคนนำฉันขึ้นมาเอง"อาซาเลียตีริมฝีปากเฉยชา
"งั้นหรือ"เธอเปลี่ยนเป็นเสียงเรียบอีกครั้ง
"เธอมาทำอะไรที่นี่"
"ฉันเป็นแค่ผู้เฝ้ามอง"
"ผู้เฝ้ามอง?"
"ไม่ต้องแปลกใจไปอาซาเลีย ฉันไม่แย่งเหยื่อที่เธอจะสังหารหรอกเพียงแต่ตอนนี้ฉันเบื่อเป็นผู้เฝ้ามองจึงหาอะไรทำฆ่าเวลาเท่านั้น"
"อาคีละส่งเธอมางั้นหรือ"
"ใช่ เผื่อเธอพลาดพลั้งสังหารไม่สำเร็จ ฉันจะได้ลงมือจัดการเอง"น่าแปลกเหยื่อรายนี้สำคัญมากหรือไง ต่อให้เป็นอาคีละแต่ไม่เคยสั่งงานซ้ำกันสองคน เหยื่อที่หมายปองคือใครกันแน่ อาร์จีสแห่งอีคานอสหรือว่าเมเปิ้ลผู้ทรยศ แต่เมเปิ้ลก็มีอาจารย์เข้ามาอีกคนแล้วนี่ หรือว่ากลัวพวกเราจะไม่กล้าสังหารคนสนิท อาคีละไม่เคยไม่เชื่อใจขนาดนี้นี่ ปกติทุกงานเขาปล่อยให้ทำแต่เพียงผู้เดียวแต่คราวนี้กลับมีมือสังหารมารวมตัวกันถึงสามคนไม่นับคนทรยศด้วยแล้ว ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่การที่มารวมกันที่นี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญเป็นแน่!
"แย่แล้วครับ องค์ราชากับองค์ราชินีออกไปนอกวัง"ยามเฝ้าประตูรีบแจ้งข่าว องครักษ์ฝ่ายซ้ายจึงต้องรีบเปลี่ยนเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
"ว่าไงน่ะ ข้าสั่งพวกเจ้าแล้วว่าช่วงเวลานี้...."เขาทำหน้าหงุดหงิดทำไมเหตุมันต้องเกิดติดๆกันด้วย ยิงเหตุการณ์ไม่สงบแบบนี้การที่ท่านอาจโดนลอบสังหารไม่ใช่เรื่องแปลก กลับออกไปเดินนอกวังงั้นหรือ
"เจ้าไปตามหาคนในรูปแทนข้าก่อนข้าจะไปดูในเมือง"เขารีบยื่นรูปสเก็ตให้ยามเฝ้าประตูแต่ยังไม่ทันไรเขาก็ต้องดึงมือกลับ
"เจ้ากลับไปเฝ้าที่ประตูเช่นเดิม ถ้าพบหญิงคนนี้รีบแจ้งองครักษ์ฝ่ายขวาทันที"
"ขอรับ"
15 นาทีก่อน
"ตอนนี้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบน่ะขอรับ การที่ท่าจะออกไปเกรงว่า......"ทหารเฝ้าประตูรีบคุกเข่าขวางทางประตูออกไว้เป็นการขอร้องและแสดงความเคารพไปด้วยกัน
"ใครเป็นนายกันแน่"
"มิบังอาจขอรับ เพียงแต่ประเทศจะขาดผู้นำไม่ได้"
"ก็เพราะยังงั้นน่ะสิ ฉันถึงออกไป"
"แต่ว่า...."
"ข้าต้องออกไปให้เห็นกับตาว่าประชาชนยังอยู่ดีหรือไม่ ถ้าแค่เรื่องภายในวังเจ้ายังเห็นเป็นเรื่องใหญ่งั้นราษฎรล่ะ ประมุขที่ขาดประชาชนก็ไม่ต่างอะไรกับกษัตริย์ไร้บัลลังก์"ยามเฝ้าถึงกับพูดไม่ออก
"งั้นผมจะให้ทหารคอยอารักขา"
"ไม่ต้องพลอยแต่จะทำให้ประชาชนแตกตื่น ข้าแค่จะไปสังเกตการณ์ภายในเมืองเท่านั้น"
"แต่ว่า"
"หลีก เจ้าเป็นใหญ่หรือว่าข้าเป็นใหญ่"
"ทราบแล้วขอรับ"ทหารตัวลีบเท่าเมล็ดถั่วยอมเปิดทางแต่โดยดี
ณ เหตุการณ์ปัจจุบัน ภายในบริเวณปราสาทก็เกิดเหตุขึ้นอีกแล้ว เหยื่อผู้โชคร้ายอีกหนึ่งราย.....
กรี๊ด~
"เกิดอะไรขึ้น"ทหารและบันดาลเหล่าผู้อยากรู้อยากเห็นทั้งหลายต่างมุมดูสถานการณ์ ทำให้มันดูชุลมุนไปหมด
"หลีก"กว่าหน่อยพิสูจน์หลักฐานจะแทรกเข้าไปได้ก็ใช้เวลาพอควร
"ยังไม่ตายนี่ แต่ชีพจรเต้นอ่อน หน้าก็ซีดลงเรื่อยๆด้วย"หนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้นก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาล เป็นเรื่องที่น่าแปลกอย่างยิ่ง มือสังหารที่ฆ่าเหยื่อในดาบเดียว สังหารเหยื่อพลาด หรือเป็นเพราะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปกันแน่
"ไง! เดซี่ได้ข่าวว่าเกือบตาย"ทอริดเอ่ยปากเสีย โดยไม่ทันสังเกตอาการหญิงสาวขี้กลัวที่ยังคงหน้าซีดตัวสั่น
"น่ารำคาญทำไมฉันต้องมาเยี่ยมด้วย"มิเกร่าเกาหัวอย่างหงุดหงิดก็แค่ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อมือสังหารแล้วยังโชคดีไม่ตายเท่านั้นเองลากมาดูแล้วมีประโยชน์อะไร จะทำให้หล่อนอาการดีขึ้นไปสวรรค์เร็วขึ้นหรือไง
"ไหนว่าจะมาทำให้ผู้ป่วยสบายใจไง เนอะ!"ลีออนเอ่ยด้วยรอยยิ้มหันไปทางอาร์จีสเหมือนกำลังถามความเห็น
"คงใช่มั้ง"เขาเอ่ยเสียงเรียบ ช่างน่าประหลาดหญิงสาวพึ่งถูกทำร้ายอาการสาหัสเมื่อชั่วโมงที่แล้วกลับฟื้นได้สติอย่างรวดเร็ว แสดงว่าจริงๆแล้วฝีมืออาจไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ว่าแต่เป็นฝีมือใครกันล่ะเนี่ย เขาหันไปสบตากับมือสังหารในคราบนักเรียน.... เอเลซ่า เธอส่งสายตาดุๆให้ก่อนเชิดหน้าหนี
"อะไรกันคู่นี่พ่อแง่แม่งอนหรือ ไปทำอะไรให้เขาโกรธน่ะอาร์จีส"ทอริดเรียกแบบนี้สายตาไวเป็นพิเศษแต่เขาก็กลับสัมผัสได้แต่บรรยากาศอึมครึ้ม บวกกับสายตาของไฮยาซินธ์ บรรยากาศแบบนี่มันอะไรกันฟ่ะ
"พวกเธอนี่จริงๆเลย ครูอุตส่าห์ให้โดดคาบครูแล้วน่ะเนี่ย เด็กคนอื่นถ้าได้ยินคงอิจฉาแน่ๆเลย"เสียงอาจารย์ซึ่งเขามาในห้องเป็นคนสุดท้ายเอ่ยขึ้น
"ช่างเป็นพระคุณอย่างสูงครับ อาจารย์แต่ถ้าจำไม่ผิดอาจารย์สอนคาบเช้าไม่ใช่หรือครับ แต่อาจารย์ก็ไม่มา แล้วมาโมเมคาบบ่ายเป็นคาบอาจารย์ได้ไงครับ อาจารย์ไร้นาม"ทอริดแอบกัดอีกแล้ว
"แหมๆ เธอนี่ไม่มีเซ้นท์ในการเดาเสียเลย อาจารย์ไม่ได้ชื่อไร้นามสักหน่อย หาชื่อที่มันฟังเท่ห์กว่านี่ไม่ได้หรือ เช่น ออรุม รุ่งอรุณอันเรืองรองอะไรประมาณนี้"
"ถ้าอาจารย์อยากให้ผมเรียกให้ถูกก็บอกชื่อมาสิครับ"
"แล้วถ้าข้อสอบบังเอิญถามชื่ออาจารย์ พวกเธอจะตอบได้ไหมเนี่ย"
"ข้อสอบงี่เงาพรรค์นั้นมีแต่สมองพวกไร้สมองเท่านั้นแหละที่ออก แล้วก็เงียบกันได้แล้ว อ่านไม่ออกหรือ ห้ามส่งเสียงรบกวนผู้ป่วยน่ะ"มิเกร่าตะโกนดังขึ้น จนบรรยากาศเปลี่ยนมาเงียบสงบ
"เอ่อ....."เดซี่เอ่ยขึ้น
"อะไรครับ มีเรื่องอยากพูดหรือครับ"ลีออนสังเกตเห็นอาการหน้าแดงปนความหวาดกลัว
"ขอบคุณค่ะ"เธอเผยรอยยิ้มให้เห็น
"ขอบคุณที่อุตส่าห์มาเยี่ยมค่ะ"
"เอาเถอะไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวครูกลับก่อนน่ะมีธุระต่อ"
"ค่ะ"เดซี่เอ่ยเสียงใส เห็นทีแบบนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้วมั้ง รอแค่พักฟื้นสภาพกายและจิตใจ
"งั้นพวกเราไปกันก่อนน่ะครับ"ลีออนเอ่ยจบประโยคต่างคนก็ต่างทยอยออกจากห้อง
"บาดแผลเป็นไงบ้าง"องครักษ์ฝ่ายขวาเอ่ยถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
"แปลกครับ มือสังหารเป็นรายเดียวกับสามรายก่อนหน้านี้ รอยดาบเป็นแบบเดียวกันแต่วิถีการฟันแปลกไปราวกับ...."
"อะไร!" เสียงนั่นเข้าใกล้หูกระซิบซึ่งอีกฝ่ายตกใจอยู่พอดู เมื่อฟังคำตอบรีบตรงดิ่งไปยังห้องผู้ป่วยทันที แต่กลับพบกับความว่างเปล่า ตอนแรกก็น่าแปลกใจอยู่หรอกว่าทำไมเหยื่อรายนี้ถึงรอดมาได้แล้วก็ไม่พบสัญญาลักษณ์อะไรเลย ที่แท้มันกำลังต้องการท้าทายเขานั่นเอง องครักษ์เหลือบเห็นเศษกระดาษที่เหลือทิ้งไว้ภายในห้อง ก่อนจะขย้ำทิ้งด้วยความแค้น คำกล่าวที่แพทย์เอ่ยวนเวียนในหัว 'แผลลึกและเฉียบแต่เหมือนรั้งมือไว้ราว '
'ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสแล้วน่ะ ใบ้ก็ตั้งขนาดนี้ยังเดาคำตอบของสัญลักษณ์ไม่ได้อีกเรอะ นายคงไม่คิดว่านักฆ่าอย่างฉันจะพลาดปล่อยเหยื่อให้รอดจริงๆรึ นั่นสิน่ะก็มันตอบได้ครั้งเดียวนี่ ฮิๆๆๆ ฉันอยากรู้ว่านายจะหยุดการนองเลือดทันหรือเปล่า'
"เสียท่าให้มันอีกจนได้"เขาสบถออกมาเบาก่อนจะตรงเข้าหอพักหญิงอย่างรวดเร็ว หญิงคนนั้นเป็นแค่เหยื่อล่อให้เขาหยุดสนใจเหยื่อที่จะโดนสังหาร ทำไมเขาถึงพลาดกะว่าจะมาถามเรื่องว่าทำไมถึงโดนลอบสังหารเพื่อจะหาจุดเกี่ยวพันได้ แต่กลับเป็นการถ่วงเวลาซะนี่
ก๊อก! ก๊อก!
"ใครค้า"เจ้าของห้องเอ่ยด้วยความสั่นเทา ถ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องก็ไม่จำเป็นต้องเคาะยกเว้นจะลืมกุญแจออกไป เบื้องหลังประตูกลับไร้เสียงตอบเคาะประตูอีกครั้ง
เวลาเกือบพระอาทิตย์ตก คนส่วนใหญ่มักจะอ้อกันอยู่โรงอาหารซึ่งห่างจากที่นี้ไปสองร้อยเมตรเป็นโรงอาหารรวมแหล่งพบปะสังสรรค์กัน การที่เธอจะร้องออกไปย่อมไม่มีใครช่วยแน่แต่ไม่มีทางหนีทางอื่นแล้วยกเว้นเตรียมต่อสู้เท่านั้น ปากเธอเอ่ยพึมพำ ก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่ตาเพื่อมองลอดผ่านประตูให้เห็นบุคคลเบื้องหลังประตู ผ้าคลุมสีฟ้า สวมหน้ากากและดาบอีกหนึ่งเล่ม ไม่ได้มาดีแน่
โครม!
มือสังหารพังประตูเข้ามาหมายเอาชีวิตเหยื่อทันที ผู้มือรอยยิ้มอันเหี้ยมโหด ใบหน้าซ่อนเร้นภายใต้หน้ากากสีฟ้า คมดาบแม้ดึงยังไม่สุดก็สะท้อนความคมของมันได้เป็นอย่างดี
"ระวังครับ!"เสียงรีบร้อนเอ่ยขึ้นทันที ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อแม้อาการเหนื่อยยังคงแสดงออกอยู่เล็กน้อย แต่เจ้าตัวก็หาได้สนใจรีบวิ่งสุดชีวิตเอาตัวเข้ามาขวางไว้ ดาบเงื้อมออกอย่างรวดเร็วฟันเป้าหมายแยกออกเป็นสองท่อนอย่างเฉียบคม
"เป็นไรไหมขอรับ"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยขึ้นทันที กระถางต้นไม้ที่เป็นเหตุบังเอิญเกือบกระทบเข้าศีรษะบุคคลสำคัญระดับชาติเสียแล้ว
"ดิฉันสมควรตาย"หญิงสาวคนหนึ่งรีบวิ่งออกมารับผิดทันที เธอเป็นต้นเหตุที่ชนกระถางหล่นลงมา ด้วยความเลิ่นเล่อ
"ไม่เป็น ข้าก็ไม่เป็นไรสักหน่อย"องค์ราชาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ดีน่ะที่เป็นข้า มิเช่นนั้นถ้าโดนผู้อื่นเข้าคงแย่"
"แต่...."
"เอาเถอะ ถ้าข้าเผลอทำกระถางตกลงมาใส่เจ้าจะว่ายังไง"
"สิบชีวิตก็ยังไม่พอหรอกค่ะ ต่อให้เป็นร้อยชีวิตก็ยินดีถวาย"
"เจ้าก็กล่าวเกินไป ข้าว่าแมวเก้าชีวิตก็มากพอดูแล้วน่ะเจ้าเล่นมีเป็นร้อยชีวิตเชียว เอาเถอะกลับไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ"
"ขอพระทัย"หญิงสาวรีบจากไปในทันที
"ว่าแต่เจ้ามาทำไมกันไม่ดูแล้วความสงบภายในวัง"องค์ราชาไล่สายตาชมสถานที่รอบๆก่อนจะหยุดสายตามาที่องครักษ์ฝ่ายซ้ายที่ออกนอกวังมาอย่างรีบร้อน
"แล้วท่านล่ะขอรับ"
"ริอาจเถียงหรือ"
"มิบังอาจขอรับแต่ว่าที่นี่อาจมีอันตราย"
"อันตรายอะไร ข้าก็ยังสบายดีอยู่ไม่เห็นหรือไง อีกอย่างข้าก็ดูแลตัวเองได้ไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย"
"แต่ท่านกำลังทำให้ผมลำบากใจ"
"รู้แล้วน่า"กษัตริย์เอ่ยอย่างรำคาญ
"แล้วได้อะไรบ้างหรือไม่ขอรับ"
"ได้มาเพียบ"
"อะไรหรือขอรับ ข่าวกรองหรือว่า...."องค์ราชินีเอ่ยขัดทันที
"ไม่ใช่หรอกจ๊ะแต่เป็นของฝากน่ะ"เธอเอ่ยอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน
"มาก็ดีแล้วช่วยถือไปเลย"องค์กษัตริย์ยื่นของในมือให้ทันที (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน ว่างๆอาจมีหน้าที่เสริมเป็นคนช่วยถือของเพิ่มเข้ามา ดันแส่หาเรื่องเป็นคนใช้จนได้โดนใช้ให้ถือทั้งหมดกลับวัง กลบมาดนักดาบผู้ยิ่งใหญ่เรียบ)
จากการหาห้องของหญิงสาวที่พบไม่นานมานี่ ทราบว่าเป็นนักเวทย์พักอยู่ปราสาทเวดาส องครักษ์ฝ่ายขวาจึงรีบตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องของเธอทันที แต่มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้
"เวทย์?"เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอพลังทันที แสดงว่าต้องมีการต่อสู้กันเกิดขึ้นแต่เมื่อร่างเขามาหยุดอยู่หน้าประตูก็พบว่าสายไปเสียแล้ว ดาบนั้นพาดผ่านร่างนั้นเสียแล้ว และตายในท่าล้มทั้งยืน
"ช้าจังน่ะ คุณวิท"เสื้อคลุมสีฟ้าไหวๆพลิ้วสะบัดอย่างแรงยามต้องลมนอกหน้าต่าง
"ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสคุณแล้วแต่ก็มาสาย รอลุ้นดีกว่าว่าใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป"มือสังหารหัวเราะเสร็จก็จากไป เขากะจะตามไปแต่ศพที่แน่นิ่งนั้น ก็เอนล้มลงมาขวางทางเสียก่อนคลาดสายตาจนได้ จริงๆแล้วเป้าหมายมันอาจจะเพียงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น การเห็นคนเป็นของเล่นนั้นน่ะ ยอมไม่ได้เด็ดขาด
ไม่นานหน่วยพิสูจน์หลักฐานก็เข้ามาพร้อมกับองค์รักษ์ฝ่ายซ้าย
"ไม่ทันหรือเนี่ย"องครักษ์ฝ่ายซ้ายยังคงมีอาการเหนื่อยหอบอยู่เนื่องจากทราบข่าวบริเวณหน้าประตูวังจึงรุดมาดูที่เกิดเหตุทันที โยนสิ่งของทั้งหมดแก่ผู้เฝ้าประตู
"สัญลักษณ์คราวนี้..... ﮎ"ทั้งสองมองด้วยความครุ่นคิดสรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่น่ะ
"นายได้อะไรบ้างเห็นหามาสองคืนแล้ว"ทอริดเอ่ยอย่างหัวเสีย การหามาสองคืนนั่นก็หมายความว่าเขาก็จะไม่ได้นอนสองคืนเช่นกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเงียบสนใจหนังสือต่อไป ไม่แน่คำตอบนั่นเขาอาจคิดลึกเกินไปก็ได้ แต่มันคืออะไรกันล่ะ แต่ล่ะตัวมีความหมายของมันเองแล้วผสมเป็นคำหรือว่า.....
"นายทำอะไรน่ะลีออน"ทอริดเหลือบเห็นคนที่สนุกกับสมุดโน้ตเล่มใหม่อยู่
"ก้างปลา เสียบลูกชิ้น?"ลีออนกับอาร์จีสมองไปทางประตูเหมือนอย่างไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆห้องเหมือนคนกำลังพักสายตา
"ไม่ใช่ครับคนต่างหากอ่ะ"ลีออนหันกลับมาสนใจรูปที่ตนวาดอีกครั้ง
"งั้นหรือ? แล้วนี่อะไรอ่ะ ก้อนหยุยๆ เหมือนฝอยขัดหม้อ"
"ดอกกุหลาบครับ"
"ไอ้เนี่ยอะน่ะ"ทอริดมองภาพด้วยความงุนงง คนอ่ะเคยเห็นอยู่หรอกแต่ไอ้ดอกไม้โดยเฉพาะกุหลาบมันแบ่งกลีบเป็นชั้นๆไม่ใช่เรอะ"
"ก็คล้ายๆเหมือนกันน่ะค่ะ"เสียงนั่นทำให้ทุกคนหันมาสนใจกันหมด ด้วยความแปลกใจที่เข้ามาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวเลย เสียงปิดประตูก็ยังไม่ได้ยิน
"เธอมาที่นี่ได้ไง"ทอริดเอ่ยถามทันทีด้วยใบหน้าปนสงสัย เดซี่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง
"ก็ทางประตูไงค่ะ ก็เข้ามาเห็นพวกคุณสนใจอย่างอื่นกันอยู่ เข้าไม่ได้หรือค่ะ"
"คล้ายๆเหรอ"อยู่ดีๆอาร์จีสก็เอ่ยพึมพำขึ้น
"ไอ้ได้ก็ได้หรอกแต่นี้มันเลยเวลาที่จะข้ามฝั่งแล้วน่ะ เดี๋ยวเจอโทษหนักหรอก"นิสัยแอบกัดไม่ดูสถานการณ์ทอริดกำเริบอีกครั้ง
"แต่ว่า...."เธอเอ่ยเสียงกระซิกๆ คล้ายจะสูดน้ำมูกเข้าจมูก
"แล้วแผลคุณล่ะครับ ทำไมไม่อยู่ห้องพักฟื้นครับ"ลีออนยังสนุกกับการวาดภาพอยู่จึงถามขึ้นโดยไม่สนใจใบหน้าของคู่สนทนา
"ก็มันเงียบเกินไปก็เลยกลัว"
"แล้วทำไมไม่ไปอยู่กับเอเลซ่าล่ะ"ทอริดออกความเห็น
"สายตา.....เอ่อ"เธอไม่กล้าเอ่ยมากกว่านั้นแต่ว่าผู้ฟังก็เข้าใจความหมายเป็นอย่างดี
"เฮ้อ !อยากทำอะไรก็เชิญ"ทอริดเอ่ยเสียงเหมือน เอาก็เอา ไม่มีอะไรให้เสียงแล้วนี่ก็แค่ผู้หญิงคนเดียวกลัวมือสังหารจะกลับมาลอบทำร้าย ถ้ายังดูแลไม่ได้ก็อย่าเรียกข้าว่าลูกผู้ชาย
"งั้นรบกวนด้วยค่ะ"
"อยู่ที่นี่จะดีเรอะ ผู้ชายตั้งสามคนถึงพวกเราจะเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติผู้หญิงก็เถอะครับ แต่ว่าต่างคนต่างความคิดน่ะครับ คนคิดอกุศลก็มี การที่คุณจะอยู่ที่นี่"ลีออนเอ่ยเสียงใสอยู่ราวกับสิ่งที่เขาพูดมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง
"ช่างเถอะยังไงตอนนี้ก็กลับไม่ได้แล้วนี่"ทอริดเอ่ยตัดบท
"เชิญคุณหนูไปนอนเตียงกระผมแล้วกันน่ะขอรับ เพราะยังไงผมคงจะไม่ได้นอนอีกหนึ่งคืน"เขาเอ่ยเสียงแซว มองกลับไปยังตัวต้นเรื่องที่ทำให้เขาต้องมองหาอะไรบางอย่างในหนังสือแต่เจ้าตัวเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลย
"นอนพื้นก็...."
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าไม่ไว้ใจนอนเตียงผมก็ได้"
"แก !เจ้าลีออนหมายความว่าไงฟ่ะ"เขาตะโกนเสียงดัง
"สันติครับ แต่ว่าจะดีหรือครับจะซ่อนผู้หญิงไว้ก็ต้อง....."แต่ยังไม่ทันขาดคำ ประตูถูกไขจากฝีมือผู้คุมหอเข้าดูสถานการณ์ไม่สงบภายในห้องทันที และถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตะลึง ชายสองคนบนเตียงเดียวกันโดยที่ทอริดคร่อมเจ้าตัวเปิ่นไว้ในท่ากระชากคอเสื้อเหมือนหาเรื่อง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มกลับอ่านหนังสืออย่างไม่ใยดี ผู้คุมหน้าแดงฉ่าปิดประตูห้องทันที
"อะไรของมันฟ่ะ"ทอริดยังไม่เข้าใจสถานการณ์รู้แต่จะจัดการกับเจ้าซื่อๆแต่คำพูดต่อยหนักนี่ยังไงดี หน้าเหมือนไม่เอาอ่าวน่ะแต่คำนี่เจ็บจี๊ดถึงทรวง
"แล้วเดซี่หายไปไหนแล้วครับ"
"อยู่นี่ค่ะ"เดซี่ออกจากตู้เสื้อผ้าด้วยใบหน้าแดงฉ่าไม่แพ้ผู้คุม
"ขอโทษที่ขัดจังหวะน่ะค่ะ"เธอเอ่ยจบก็วิ่งออกจากห้องไปอีกคน
"มันอะไรกันล่ะฟ่ะเนี่ย"ทอริดเกาหัวแกร๊กๆ
"ไม่รู้สิครับ"ลีออนยังเอ่ยใบหน้ายิ้มอยู่ทั้งที่โดยกระชากคอเสื้ออย่างแรง เจ้านี่มันโรคจิตหรือเปล่าเนี่ย เจอแบบนี่แล้วยังยิ้มอยู่ได้ มันจะถึงขั้นต่อยกันแล้วน่ะเฟ้ย
**********
อัพแหลกแบบลืมตรวจสอบ แต่คำว่าแอฟฟานี้มันเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่รู้แก้ไง ถ้าผิดพลาดช่วยบอกๆกันด้วยค้า
ความคิดเห็น