ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปริศนาเจ้าหญิงผู้สาบสูญ

    ลำดับตอนที่ #4 : Ascertain

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 49





                                     บทที่4 >>>Ascertain

              กรี๊ด!~

    "เกิดอะไรขึ้น"ต่างคนต่างสวมวิญญาณนักมุมทันที เหตุการณ์วุ่นวายภายในปราสาทเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คราวที่แล้วเป็นระเบิด คราวนี้มีคนโดนสังหารอีก โรงเรียนนี้มันยังไงกันแน่น่ะ...

    "ทำใจดีๆไว้"บางคนถึงกับเป็นลมเป็นแร้งเป็นเหยี่ยว (เฮ้ย! อันหลังไม่ใช่เฟ้ย)

    ศพนอนคว่ำในท่าที่เลือดนอนอาบพื้นมือหนึ่งยื่นออกมาข้างหน้าเหมือนพยายามร้องขอชีวิต  และตายจากไปด้วยใบหน้าอันทุกข์ทรมานเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว  บนตัวศพมีดอกไม้ชนิดหนึ่งโปรยไว้จำนวนมาก

    "ดอกไม้นี้มัน...."บางคนตัวแข็งทื่อ หน้าถอดสีราวกับเผือกต้มจนเละ ถอยหลังกลับไปสองสามก้าวเหมือนพยายามหนีความจริง เธอกำเศษกระดาษบางอย่างไว้ด้วยมืออันสั่นเทา

    "หลีก"หลังการตายไม่นานทหารเข้ามาตรวจสอบทันที ไล่ให้พวกมุมๆทั้งหลายแตกกระเจิงไปตามระเบียบ

    "มันต้องการอะไรกันแน่ นักเรียนเป็นเหยื่อไปสองรายแล้ว ถ้ายังจับตัวไม่ได้อาจจะมีเหตุเศร้าสลดไม่จบสิ้น ปราสาทแห่งนี้ก็ถึงคราววิบัติแน่"องครักษ์ฝ่ายซ้ายเอ่ยขณะคว้านสำรวจสิ่งปกติ ในกระเป๋าเสื้อและกางเกง

    "กระดาษ"เขาเจอเศษกระดาษชิ้นหนึ่งทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งเขียนเป็นสัญลักษณ์ว่า...... I] ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรเป็นที่น่าแปลกใจนัก น้ำหอม แว่นตา กระเป๋าใส่เงิน นามบัตร? ที่บ้านเป็นนักธุรกิจหรือไง  กระเป๋าตุงไปด้วยบัตรชนิดต่างๆ  อาวุธเป็นมีดสั้นหรือ  น่าจะถนัดในระยะประชิด  ดูจากรอยแผลลึกน่าจะเป็นดาบ แสดงคู่ต่อสู้ต้องเป็นเพื่อนที่สนิทหรือไม่ก็ต้องมีฝีมือเหนือกว่า  อาจจะเป็นมือสังหารที่จ้างมาสังหารเหยื่อโดยเฉพาะ  หรือว่ามันจะมีเป้าหมายอื่นกันแน่ ? แต่คมดาบมีอะไรที่แปลกไป....

    "แกรนเจอร์ พบอะไรบ้าง"องครักษ์ฝ่ายขวาตามเข้าสมทบ พร้อมหน่วยชันสูตร ส่วนพวกที่เหลือ(ผู้ไม่เกี่ยวข้อง)ต่างโดนไล่ไปตามระเบียบ รวมถึงเอเลซ่าและอาร์จีสที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้นด้วย

    'I]?'อาร์จีสเหลือบเห็นกระดาษ ตีสีหน้าครุ่นคิดทันที  มือสังหารอีกแล้วหรือแล้วสิ่งนั้นมีความหมายว่าอะไร  หรือจริงๆแล้วอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย เทียบกับการสังหารที่เกิดขึ้นคราวที่แล้ว  มีจุดต่างอยู่มาก มือสังหารต้องการสื่ออะไรหรือว่ามือสังหารมีหลายคนกันแน่

    "หืม?"ผู้ชายสมัยนี้นิยมฉีดน้ำหอมด้วยหรือ เดซี่ ข้างขวดเขียนไว้เช่นนั้นทำให้เขาฉุดคิดได้ทันที  ดอกไม้ที่อยู่รอบๆศพนั่นมันคือ 'เดซี่'

    "เอเลซ่า"เขาเอ่ยถามคนข้างๆทันทีเหมือนคนข้างๆจะรู้ทัน คำถามยังไม่ได้ถูกเอ่ยออกไปเจ้าตัวก็ชิงตอบก่อน

    "ข้ามีหน้าที่แค่สังหารผู้คน ไม่ได้มีหน้าที่ในการตอบคำถามเจ้า"

    "งั้นเจ้าก็คงไม่ใช่คนร้าย"

    "เรื่องนั่นสุดแต่เจ้าจะคิด แต่จงจำสัญญาของท่านไว้สิ้นสุดเมื่อไรเราถือว่าเป็นศัตรูกันเมื่อนั้น"

    "เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยให้เจ้าฆ่าได้ง่ายๆหรือไงกัน"

    "หึ"มือสังหารเพียงสงเสียงอย่างยโสเป็นการตัดบทสนทนา

    องครักษ์ทั้งสองหลังจากตรวจสอบคร่าวๆก็เดินตามทางอย่างครุ่นคิดปล่อยให้หน่วยชันสูตรทำหน้าที่ต่อไปอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้

    "เป็นไงบ้างวิท"องครักษ์ฝ่ายขวายังคงแสดงความครุ่นคิดอยู่ไม่ได้ฟังเสียคนถามเลยแม้แต่น้อย

    "วิท!"องค์รักษ์ฝ่ายซ้ายรีบตะโกนขึ้นทันทีการใช้ปัญญาอย่างหนักของเขาไม่ได้สนใจข้างหน้าเลย

    "โทษทีเพื่อน แค่คิดว่ามันแปลก"เขาหยุดเดินหันหลังให้บ่อน้ำขนาดยักษ์ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ด้วยไม้นานาพันธุ์  รวมถึงปลาหลายหลายสี  แสงจากลูกแก้วใต้น้ำทำหน้าที่ต่างไฟทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆตามเวลา

    "อะไร"ผู้ถามเป็นฝ่ายนั่งที่โขดหินตกแต่ง

    "คดีแรกที่เราพบนอกวัง ศพมีสิ่งปกติสองอย่างใบเมเปิ้ลที่ไม่รู้ว่าพกมาทำไม  ถ้าเป็นของดูต่างหน้าน่าจะเก็บรักษาให้ดีกว่านี้ ประการสองคือไม่มีบัตรผ่านประตูทั้งที่ พบศพพร้อมสัมภาระใกล้ปราสาท คาดว่าจะเป็นนักเรียนของที่นี่ ไม่ทราบอุปนิสัยส่วนตัว จึงยังตัดสินไม่ได้  แต่ถ้าเป็นนักเรียนที่นี่คาดว่าคนร้ายคงหวังใบผ่านทาง"

    "แล้วตรวจสอบประวัติหรือยัง"

    "รายชื่อผู้เข้าแข่งจะส่งมาอีก1-2อาทิตย์ถ้าไม่มีเหตุขัดข้อง  ตอนนั้นเราถึงจะตรวจสอบได้ว่าผู้ใดไม่มีรายชื่อแล้วแอบแฝงเข้ามา"

    "ส่วนรายที่สองซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคนร้ายคนเดียวกันหรือเปล่า รู้สึกจะชื่อเซริง คนร้ายใช้ระเบิดจึงคิดว่าไม่น่าใช่คนเดียวกัน  แต่ถ้าใช่อาจเป็นพยานปากสำคัญในการดำเนินคดี"

    "แต่เรายังไม่รู้ว่าการแฝงเข้ามาครั้งนี้มันต้องการอะไรกันแน่ คดีแรกดูเหมือนมันต้องการฆ่าเพื่อใบผ่านทาง ไม่แน่ว่าคดีที่สองอาจไว้เพื่ออำพราง "

    "แต่มันก็ทำพลาด"

    "มันก็ไม่แน่

    "หมายความว่ายังไง....มันจงใจพลาดหรือ"

    "ไม่รู้เหมือนกันเรายังหาความเชื่อมโยงไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนร้ายต้องการอะไร  ใช่คนเดียวกันหรือเปล่า  แล้วมันต้องการสื่ออะไรกันแน่"

    "แต่ถ้าคดีมันเกิดขึ้นอย่าต่อเนื่องย่อมต้องมีการป้องกันที่แน่นหนาขึ้น การจะสังหารเหยื่อตัวจริงย่อมลำบาก"


              "
    แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าเป้าหมายจริงคือการสังหารเหยื่อ ทำโรงเรียนวุ่นวาย หรือการต้องการท้าทายเรากันแน่"

    "หรือไม่ก็ต้องการสังหารหมู่"

    "ถ้าเช่นนั้นอันตรายแน่  แค่เรื่องวุ่นวายในโรงเรียนก็สื่อได้แล้วว่าประเทศโครนัสไร้ประสิทธิภาพ ถ้าเกิดการสังหารหมู่เกิดขึ้นย่อมไม่จบแค่การประณาม  แต่อาจเกี่ยวพันถึงความมั่นคงประเทศ มีเหล่าเจ้าหญิงเจ้าชายขุนนางสูงศักดิ์.....ต้องรีบลงมือแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจต้องมีการหลั่งเลือดเพิ่มโดยไม่จำเป็น"

    "พิษภัยแห่งสงคราม....ความบ้าในอำนาจ....."

    "เป็นไรไปแกรนเจอร์"

    "เปล่า แค่คิดว่าเจ้าหญิงก็ตกเป็นเหยื่อของสิ่งเหล่านี้เช่นกัน"

    "สงครามและการสูญเสียย่อมมาคู่กันเสมอ ยิ่งมีอำนาจมากเท่าไรก็กลัวจะถูกแย่งชิงไปมากเท่านั้น"

    "จึงต้องรักษามันไว้ด้วยการคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือ"

    "นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แกรนเจอร์ เรามีหน้าที่แค่ปกป้องราชวงศ์ไม่ให้เสื่อมสลายเท่านั้น เรื่องอื่นปล่อยให้องค์ราชาเป็นผู้ตัดสิน"องครักษ์ทั้งสองตีหน้าสลดเล็กน้อยก่อนที่ชายผู้สามารถด้านปัญญาจะเอ๊ะใจอะไรบ้างอย่าง

    คมดาบ.....ใช่แล้ว!แผลของคนแรกกับคนที่สามต่างกัน คนร้ายต้องมีสองคน คนหนึ่งถนัดซ้าย อีกคนถนัดขวา เพราะดาบหนึ่งทแยงซ้ายอีกดาบทแยงขวาความลึกที่ลากจากบนลงล่างก็ไม่เท่ากัน แต่ทั้งสองครั้งตายในดาบเดียวแสดงว่าเป็นมือสังหาารฝีมือเฉียบทั้งคู่ ส่วนเซริงนั้นยังไม่มีอะไรเชื่อมโยงเลยจริงๆ แต่สายตาขององครักษ์ฝ่ายขวานั้นยังคงมุ่งมั่นที่จะขจัดปัญหานั้นไปให้ได้

    "อ้าวๆ! ไม่ทันไรจู้จี้กันซะแล้ว"เจ้าตัวปากดีเอ่ยขึ้น ทักอาร์จีส ทอริดเห็นว่าทั้งสองพักนี้มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นและเมื่อครู่ก็เช่นกัน พึ่งส่งเอเลซ่าขึ้นหอพัก
     

    "อิจฉาวุ้ย คนกำลังตกห้วงแห่งรัก คนมีเสน่ห์ก็ดีแบบนี้ล่ะว้า"อยู่ดีๆมันก็ขึ้นประโยคเสียเฉยๆ ให้อาณาบริเวณรอบๆได้ยินกันทั่วหันกันมาให้ควับ

    "ว่าแต่นายรักเอเลซ่าหรือว่าอาซาเลียมากกว่ากันล่ะ(มันยังไม่จบอุตส่าห์ลากนักฆ่าจากคราวที่แล้วมาเอี่ยวด้วย)"อาร์จีสไม่ใส่ใจในคำพูดไร้สาระเพราะยังมีเรื่องคิดไม่ตกอยู่

    "แหม! ทำหน้าเครียดเชียวอะไรกันล่ะนี่ เลือกยากขนาดนั้นเลยหรือ"ในใจเขาก็เริ่มหวั่นๆ ผู้ชายที่ชอบผู้หญิงน่ะปรกติดีหรอก แต่ว่าผู้ชายที่ชอบผู้ชายน่ะมันวิปริต แล้วหน้าแบบมันด้วยน่ะ (ไม่อยากจะคิด)

    "หรือกะควบสอง"เขาเอ่ยที่เล่นทีจริงต่อ อาร์จีสออกสีหน้ารำคาญเล็กน้อยกับเสียงที่เซ้าซี้เป็นระยะๆ เขาเริ่มไม่พอใจถ้ามีคนมาขัดความคิดเขา เพราะมันจะทำให้ความคิดอื่นตีเข้ามาปนกันมั่วไปหมด ตอนนี้เขาเองก็เริ่มมีสมาธิลดลงเช่นกัน

    "ใช่แล้ว"เขาเอ่ยพึมพำเบาๆ เขาลืมไปได้อย่างไรในเมื่อบุคคลคนนี้ยังอยู่เจ้าพ่อมายากล ผู้เสกดอกไม้ได้นับชนิดไม่ถ้วน แต่เจ้าตัวและคนอื่นๆ (เพื่อนต่างกลุ่ม) อ้าปากค้างในคำตอบไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าคนขรึมแบบมันจะเป็นไบ (bisexual) ~ ตามความคิดทอริด ส่วนคนอื่นคงคิดว่าอาร์จีสผู้เงียบขรึมเจ้าชู้กว่าที่คิดจากคำว่าควบสอง

    อาร์จีสเหมือนฉุดคิดบางอย่างได้ทันที  ดอกไม้!  จะว่าไปแล้วทุกคดีมีเรื่องเกี่ยวกับดอกไม้หมด  แฟ้มคดีเก่าที่เขาค้นพบ บางก็มี บางก็ไม่มีแต่รอยแผลแบบเดียวกันมักจะมีสิ่งของอะไรที่คล้ายๆกัน  เหมือนเป็นตัวแทนของมือสังหารแต่ละคน เขากำลังเรียบเรียงความคิดที่กระจัดกระจาย เพราะคดีมากมายซ่อนทับกันจนเหมือนหาความเกี่ยวพันไม่ได้เลย

     ดอกเดซี่กับใบเมเปิ้ลอาจไม่ใช่การบอกใบ้แต่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเหมือนอย่างอาซาเลียที่มีกลิ่นกุหลาบ  แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ใส่ใจกับกลิ่นอยู่แล้ว พวกเขามักสนใจแต่จุดที่มันสังเกตง่ายกว่า  อินทรีย์ยักษ์!

     "แสดงว่าองค์กรนี้แทนชื่อด้วยโค้ดเกี่ยวกับพันธุ์พืชงั้นสิ"

    "ดอกไม้ที่เซริงได้รับน่ะชื่อว่าอะไร"

    "นายอยากรู้ไปทำไมอ่ะ"ทอริดยังอึ้งไม่หายหรี่ตาลงด้วยความสงสัยปนรอยยิ้มกระหยิ่มบางอย่าง

    "บอกมาเถอะน่า"แต่ทอริดก็ยังเซ้าซี้อยู่เจ้าตัวแกล้งขยับดาบขู่ เหมือนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาคำตอบหลุดออกมาในบัดดล ไม่ต้องผ่านกระบวนการคิดด้วยซ้ำ

    "ไลแลค ว่าแต่นายจะรู้ไปทำไม"

    "ไลแลค?"

    "ก็ชื่อดอกไม้นั่นไง"อาร์จีสออกวิ่งไปโดยไม่สนใจจะแก้ข่าว ปานนี้เจ้าตัวปากมากคงจิ้น (จิตนาการ) ไปตามภาษาบวกกระจายข่าวเพื่อเพิ่มกระแส ดอกไม้ปริศนากับศึกสามเศร้าที่ไม่ธรรมดาจะธรรมดาได้ไง อาร์จีสผู้เงียบขรึมจนสาวติดตรึมกลายเป็นไบ คู่ขาก็ธรรมดาซะที่ไหนอีกฝ่ายเป็นถึงมือสังหารกับสาวป๊อบที่ผู้ชายต่างแย่งชิง หรือว่าคนหนึ่งจะเป็นแฟนอีกคนเป็นกิ๊ก แล้วค่อยลุ้นว่าใครจะเป็นเมียหลวงเมีย แค่คิดก็สนุกปากแล้ว

    อาร์จีสอยากยืนยันกับเจ้าหล่อนเอง ถ้าข้อสันนิฐานเป็นจริงมือสังหารมีถึง 4 คนเป็นอย่างต่ำ ไม่รู้ว่าเป้าหมายในการมาครั้งนี้คืออะไรกันแน่ แต่เรื่องนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ?

    "รู้ไหมเอเลซ่าอยู่ห้องไหน"หญิงสาวยืนแข็งตัวเกร็ง ด้วยอาการตื่นเต้นจนควบคุมไม่ได้  คนที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกลับมายืนคุยอยู่กับเธอ

    "ต้องขึ้นไปอีกชั้นค่ะนับจากบันไดถัดไปทางขวามืออีกสามห้องค่ะ ห้อง...."

    "ขอบใจน่ะ"เพียงคำขอบคุณใจก็แทบละลาย แต่เดี๋ยว! เธอกะจะหันหลังกลับไปตะโกนบอกแต่ชายตรงหน้าก็หายไปซะแล้วเขาจะรู้ไหมเนี่ยว่าห้องหนึ่งมีประตูสองบานไม่เหมือนหอชาย  ช่างเถอะแต่น่าอิจฉาเอเลซ่าจัง...เธอเข้าโหมดเพ้อฝันต่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×