คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ๖ อาเหมย สาวจีนขี้สกินชีพแห่งซาเลย์บาธ
*แง ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดนั้น ขอโทษที่ทำให้ปวดตานะคะ ยิ่งยาวๆอยู่ด้วย อันที่แก้ไขจะขึ้นตัวหนาให้นะคะ*
APPLICATION
" อาเหมยเป็นนักกอด~ "
บท : 05 purple
ชื่อ : หลิวเหมย วัตสัน | Liumei Watson หรือ หลินหลิวเหมย(ชื่อจีน) | Lin Liumei
ชื่อเล่น : เหมย | mei, อาเหมย | amei (คนสนิทเรียก), เอ็ม | M (ชื่อที่ใช้ในอังกฤษ)
อายุ :15
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 184/ 75
รูปร่างลักษณะ : มีผมสีดำมัดเป็นมวยทั้งสองข้าง ถ้าปล่อยผมจะยาวเลยบ่ามานิดหน่อย ตาสีน้ำตาลเข้มหางตาชี้ขึ้นและมีตาชั้นเดียว มีแก้มยุ้ยๆทั้งสองข้างตัวสูงมาก ชอบใส่กี่เพ้าสีม่วงปักลายเมฆ และสวมปักด้วยเสื้อคลุมสีม่วงอ่อน ส่วนรองเท้าส่วนใหญ่เป็นคัทชูผ้าส้นเตี้ยหรือไม่ก็รองเท้าผ้าใบ(เกลียดส้นสูง) บางครั้งก็เอาหูฟังสีม่วงคล้องไว้ที่คอ
สไตล์เสื้อผ้า-ส่วนใหญ่อาเหมยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเสื้อผ้า ถึงจะมีเสื้อผ้าเต็มตู้ก็ตาม นอกจากกี่เพ้าที่สีม่วงหลายเฉด ก็เป็นเสื้อสบายๆอย่างเสื้อยืด, กางเกงขาสั้น เสื้อกันหนาว แอบมีคอนเนคชั่นเสื้อหน้าหนาวที่กี่เพ้าผ้าบางๆทั้งหลายจะถูกเก็บเข้าตู้และแทนด้วยเสื้อที่เนื้อหนากว่า
อุปนิสัย : 1.อาเหมยเป็นนักกอด -อาเหมยเป็นติดขี้สกินชีพมาก ด้วยทัศนคติของครอบครัวที่สนิทกันมากๆทำให้การแตะเนื้อต้องตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่เอะอะก็กอดคนไปทั่วไป ปกติจะกอดคนในครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่จะกอดบ่อยๆ ในทัศนคติของอาเหมยคิดว่าการเยียวยาที่ดีที่สุดคือความอบอุ่นของใครบ้างคน ฉะนั้นเวลาให้กำลังใจหรือจะปลอบใคร อาเหมยจะใช้กอดแทนคำพูด(บางครั้งเป็นการอ้อนแบบเนียนๆสไตล์อาเหมย!)กับพวกผู้ชายอาจจะมีปัญหากันสักหน่อยแต่พอสนิทกันแล้วก็สบายมาก!
"มากอดกันแล้วเลิกร้องเถอะนะ" / " ฮึก.. กอดปลอบอาเหมยหน่อยนะ.. ฮือออ"
2.อาเหมยเป็นคนขี้ใจอ่อน-เวลาเป็นคนหรือสัตว์ที่กำลังลำบาก อาเหมยจะยื่นมือเข้าไปช่วยโดยที่ไม่เกี่ยงเลยสักนิดแม้ว่าบางครั้งจะทำให้ตัวเองลำบากมากกว่าเดิมก็ตาม มีความคิดที่ว่าไม่ว่าใครก็สมควรได้รับความช่วยเหลือ ไม่ควรถูกมองข้ามเพราะเห็นว่าไม่สลักสำคัญหรือไม่จำเป็น ดั่งเช่นที่คุณตาเคยบินมาหาเธอถึงที่ยามที่เธอกำลังลำบาก
"ไหวไหม? ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวอาเหมยจะช่วยแบ่งไปนะ"
3.อาเหมยเองก็ชอบดื้อ- ในขณะที่เป็นคนใจอ่อนแต่ก็เป็นคนหัวดื้อเช่นกัน เช่นถ้าไม่ชอบขึ้หน้าใครแล้วจะแทบไม่ยอมรับฟังคนนั้นเลย หรือเอ่ยห้ามเวลาอาเหมยจะช่วยเหลือคนอื่นเองก็เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกลับไม่ชอบเอ่ยปัญหาของตัวเองให้ใครฟังนอกจากจะเป๊ะแตกเอง เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นต้องลำบาก
"ปล่อยอาเหมยนะ! ไม่เห็นรึไงว่าเค้ากำลังโดนซ้อมนะ!? ถ้าไม่มีใครไปช่วยอาหมวยจะไปเอง!!"
"ไม่เป็นไรๆ เรื่องแค่นี้สบายมาก!"
3.อาเหมยเป็นนักดนตรี-อาเหมยเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีสูงมาก สามารถจำเนื้อร้อง คอร์ดและวิธีการเล่นได้อย่างรวดเร็ว มีประสาทสัมผัสทางหูดีมากสามารถจำแนกคลื่นเสียงแต่ละได้อย่างแม่นยำ(อาทิเช่นเสียงนกร้อง, น้ำไหล, เสียงคนที่กำลังพูดคุยกัน) นิยมฟังเพลงหลากหลายแนะแนว ยกเว้นแนวพังค์/ร็อคที่บอกว่าว่าฟังแล้วปวดหู
4. อาเหมยไม่ชอบยอมแพ้ - ไม่ได้เป็นคนที่มีฐิทิสูงแต่ชอบคิดว่าทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด จนบางครั้งก็เผลอน็อคไปเฉยเพราะเหนื่อยมากเกินไป
5.อาเหมยชอบกินๆๆๆ - เรียกได้เป็นคอสายกินเลยก็ว่าได้ อาหารที่ไหนว่าดีอาเหมยก็ไปทดลองชิมมาหมดแล้ว เช่นแอบโดนล้อว่า "ยัยกินจุ" แต่อาเหมยก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เนื่องจากเป็นมิตรจนไม่กลัวคนแปลกหน้า บางครั้งก็เมคเฟรนได้อย่างงงๆกับคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ที่ชวนคุยกันถูกคอเพราะกำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ
เหตุผลที่เป็นชอบกินรองการเล่นดนตรีก็เพราะว่าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรในระหว่างที่กำลังลิ้มรสชาติอาหาร เสมือนกับเป็นการระบายความรู้สึกอย่างหนึ่ง
ลักษณะการพูด : เสียงหวานนิดๆติดขี้เล่น แทนตัวเองว่า "ฉัน" กับคนไม่สนิท และแทน "อาเหมย" กับคนที่สนิทและไว้ใจ แต่เวลาโกรธเสียงจะทุ้มคล้ายคลึงกับผู้ชายเลยทีเดียว
"เดี๋ยวฉันเพียงขนมให้" / "หืม อยากให้เล่นดนตรีให้ฟังหรอ? ได้สิ!" --กับเพื่อน
"อย่าแย่งขนมอาเหมยโดยที่ไม่ขอสิ" "ฮ่าๆๆ! นั้นสนุกมากเลยล่ะ อาเหมยชอบมากเลย" -- กับเพื่อนสนิท( ระดับความเป็นกันเองและหัวเราะง่ายมากขึ้น)
"ป๊าม๊าของอาเหมยใจดีที่ซู้ด~" "เจี่ยเจี่ย(พี่สาว)สอนเล่นกู่เจิงให้อาเหมยหน่อยน้า" --กับครอบครัว (กลายเป็นคนขี้อ้อน)
"เพ้ย! เจ้าบ้า! "--เวลาตกใจ
" ลูกแมวนิ... น่าสงสารจัง งั้นอาเหมยจะยกร่มให้แล้วกันนะ"--ใจอ่อนกับทุกคนที่กำลังลำบาก
ประวัติ : พ่อเป็นคนอังกฤษส่วนแม่เป็นคนจีนแท้ อาเหมยมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง มักเรียกพี่สาวว่า เจี่ยเจี่ย แก่กว่า 6ปี ปกติแล้วครอบครัวอาเหมยจะอาศัยอยู่อังกฤษแต่ว่าช่วงที่กำลังตั้งท้องอาเหมยอยู่นั้น ด้วยความว่าที่ผู้หญิงตั้งท้องแล้วอารมณ์จะขึ้นๆลงๆทำให้เกิดการทะเลาะกับพ่ออย่างหนัก จนหนีมาอยู่ที่ประเทศจีนและแม่ก็ได้คลอดอาเหมยออกมา
ด้วยความที่ยังเล็กมากทำให้ต้องเลี้ยงอาเหมยให้โตก่อนที่จะบินกลับประเทศอังกฤษ เพราะพ่อกับแม่ได้คืนดีกันในตอนคลอดอาเหมยแล้ว
เพราะโตมาที่ประเทศจีนจึงสันทัดภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนมากกว่าแต่ก็พูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อเช่นเดียวกับภาษาจีนเพราะคุณพ่อและพี่สาวมันกจะมาเยี่ยมบ่อยๆ
"เรียกคุณพ่อกับพี่สาวสิลูก"
"ป๊าป๊ะ! (พ่อในภาษาจีน) เจี่ยเจี่ย! (พี่สาวในภาษาจีน)"
"พูดภาษาอังกฤษได้คล่องก็ดีเท่าไรแล้ว... เรื่องเรียกชื่อนี้ปล่อยไปเถอะ"
พออาเหมยอายุได้ 5 ขวบคุณตาก็เห็นแววพรสวรรค์ความเป็นนักดนตรีจึงจับมาสอนเครื่องดนตรีจีนชนิดต่างๆทั้งกูเกิงและผีผาจนอาเหมยสามารถคว้าถ้วยรางวัลมาได้หลายรายการ
ส่วนคุณพ่อเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการจ้างครูสอนพิเศษดนตรีมาสอนอาเหมยบ้าง จนทำให้อาเหมยสามารถเล่นเครื่องดนตรีตะวันตกได้อีกหลากหลายอย่าง
อาเหมยเริ่มหลงรักในเสียงดนตรี เมื่อยิ่งเล่นยิ่งมีความสุข ยิ่งแข่ง ถ้วยรางวัลก็ยิ่งมีมากขึ้นแต่ก็มีการแข่งขันนึงที่ทำให้เธอขยาดการเล่นดนตรีไปพักนึง
ตอนอายุ 12 ปี ย้ายมาอังกฤษได้ 5ปีแล้ว
"ป๊า ม๊า เจี่ยเจี่ย... วันนี้อาเหมยรู้สึกไม่ดีเลย"อาหมวยในวัย12 ปีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้ที่ลอนดอนอากาศหนาวเป็นพิเศษ แม้จะอยู่ในห้องที่มีฮีทเตอร์ตั้งอยู่ทั่วทั้งห้อง มือเธอก็ยังรู้สึกชาจนแทบขยับไม่ได้
" อาเหมยเก่งอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลนะ" พี่สาวของอาเหมยลูบหัวพลางเอ่ยปลอบ
สองพี่น้องคู่นี้มีความต่างกันอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเพราะอาเหมยได้แม่มามากกว่าส่วนพี่สาวนั้นมีผมทองและตาฟ้า ที่ได้พ่อมากกว่า ฉะนั้นพอยืนใกล้ๆกันจึงอยู่แตกต่างราวขาวกับดำ
"แค่ลูกทำเต็มที่ แค่นั้นแม่ก็ภูมิใจแล้วล่ะ"ผู้เป็นแม่เอ่ยสมทบเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ
"งั้นมากอดกันให้ลืมความประหม่าเถอะ" แล้วบุคคลทั้งสี่ก็กอดกันกลมดิกสร้างความอบอุ่นให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ตอนนี้อาเหมยถูกเติมเต็มไปด้วยความอบอุ่น ขณะเดินขึ้นไปบนเวทีแต่กระนั้นในเสี้ยวนึงของจิตใจก็ยิ่งมีความกังวลผสมอยู่
อาเหมยมองเปียโนที่ตั้งตระหง่านกลางเวที สูดหายใจลึกก่อนจะพรมนิ้วมือลงไปบนแป้น
เสียงเปียโนสุดไพเราะดัวขึ้น ราวกับจะเชิญชวนในทุกคนติดปีกและล่องลอยไปกับเสียงดนตรี
แต่แล้วก็---ตึ๊ง!!!!
อาเหมยหน้าซีด ในใจส่งสัญญาณเตือนว่าแย่แล้ว แต่กระนั้นก็ยังเล่นต่อไปทั้งๆที่สติแทบไม่เหลืออยู่กับตัว แถมหางตาเจ้ากรรมยังไปเห็นกรรมการกำลังซุบซิบบางอย่างด้วยสายตาผิดหวัง
---ไม่นะ ไม่ เพลงจบลงเมื่อไหร่อาเหมยเองก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกครั้งอาเหมยก็ยืนอยู่ต่อหน้าครอบครัว น้ำตาพลันร่วงแผละ
""อาเหมย!!"" แล้วเธอก็หมดสติไป
หลังเหตุการณ์นั้นกดเปียโนผิดแป้นไปอาเหมยก็ไม่กล้าแตะดนตรีชนิดใดอีก วันๆขลุกอยู่แต่ในห้องจนคุณตาบินมาจากเซี่ยงไฮ้บุกมาถึงที่ห้องและบอกให้อาเหมยไปอยู่ด้วยเป็นเวลา2 เดือนในช่วงซัมเมอร์
อาเหมยยอมยอมคุณตาไปแต่โดยดี ครั้งนี้อาเหมยเพียงกลับไปกับคุณตาเพียงสองคนโดยที่ครอบครัวคนอื่นรออยู่ที่อังกฤษ
ตอนนั้นอาเหมยอยู่ที่บ้านกับคุณตาเพียงสองคนเพราะคุณยายได้เสียไปเมื่อปีก่อน คุณตาพาเธอไปที่ห้องห้องหนึ่งที่มีเพียงแค่เสื่อปูไว้เพียงเท่านั้น และคุณตาก็เริ่มสอนสิ่งที่เรียกว่า กังฟู ให้กับอาเหมย
"ว่ายกง!!! (ตาในภาษาจีน)อาเหมยไม่เอา อาเหมยกลัวเจ็บอ่ะ!!" เพราะมีความฝังใจเรื่องการออกกำลังกาย อาเหมยจึงกรีดร้องอย่างหนัก
"อาเหมย... นี่ไม่ใช่การออกกำลังกาย สิ่งนี้คือ กังฟู มันคือศิลปะป้องกันตัว จงเรียนรู้เพื่อปกป้องตัวเองเสียเถิด" เหมือนอาเหมยจะจับสัมผัสไปบางอย่างน้ำเสียงของคุณตา เธอจึงเริ่มฝึกกังฟูอย่างตั้งใจแม้มันจะทำให้เธอร้องโอดครวญไปหลายรอบต่อวันก็ตาม
พอกลับมาที่อังกฤษเธอก็เริ่มทำใจเหตุการณ์ในวันนั้นได้ แม้คงจะเป็นเวลานานกว่าที่อาเหมยจะสามารถเล่นดนตรีได้อีกครั้งก็ตาม
วันนี้อาเหมยครบ 13 ปี คุณตาได้เสียชีวิตลงเพราะโรคชรา ในงานวันนี้สิ่งที่ทุกคนตราตรึงใจมากที่สุดหาใช่ความสวยงามของสถานที่ หาใช่คำกล่าวลาจากสหายของคุณตาแต่เป็น เสียงกู่เจิงและผีผาที่ร่วมกันบรรเลงแสดงความเศร้าของหลานสาวทั้งสองของคุณตา
หลังจากที่เล่นกู่เจิงในวันนั้น อาเหมยก็เริ่มกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง เพื่อต้องการระลึกถึงคุณตาผู้เป็นคนเปิดเส้นทางสายดนตรีให้ เธอเริ่มศึกษาดนตรีชาติต่างๆมากขึ้นและเธอก็ได้เข้าศึกษาที่สถาบันซาเลย์บาธ
ชอบ : 1.ของกิน โดนเฉพาะของกินจากจีนเพราะว่าเหมือนได้อยู่กับครอบครัว
อาการ:สายตาวิ้งวับและจะอ้อนทุกคนที่มีของชิ้นนั้นอยู่ ( "นี่ๆ (ชื่อ)ไปเอามาจากไหนหรอ?! อาเหมยขอกินด้วยสิ ขอกินด้วยนะๆๆๆๆ")
2.ดนตรี ทุกแนว เพราะว่าหลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก อาการ: ชอบฮัมเพลงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว
3วัฒนธรรมของจีนและอังกฤษ เพราะเป็นประเทศสัญชาติของตัวเองทั้งสองประเทศจึงดูกระตือรือร้นเรื่องแนวๆนี้มากเป็นพิเศษ อาการ : เหมือนกับมีดอกไม้บานรอบๆ
ไม่ชอบ : 1.คนที่กำลังลำบากเพราะเห็นแล้วสงสาร อาการ:จะยื่นมือเข้าไปช่วย และช่วยอย่างเต็มที่ทุกครั้ง
2.คนที่บอกว่าตัวเองน่ารัก จะชอบปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมายแค่เขินเล็กๆและไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ("อาเหมยไม่ได้น่ารักสักหน่อย บู่! /เอ๊? ฉันเนี่ยนะน่ารัก ไม่หรอกน่า!")
3.อาการหนาว เพราะทำให้มือชาและทำอะไรช้าลงหลายเท่า อาการ:จะขลุกอยู่ในห้องทั้งวัน หรือที่ที่อบอุ่น จนไม่ยอมออกไปจากตรงนั้นเลย
เกลียด :1. การออกกำลังกายเพราะฝังใจเรื่องที่มีช่วงนึงที่ครอบครัวฮิตการออกกำลังกายและทำให้เธอโดนลากไปด้วย เธอโดนบังคับให้วิ่งออกกำลังกายด้วยความที่ไม่ค่อยออกกำลังกายจริงๆจังๆ ทำให้อาเหมยข้อเท้าพลิกระหว่างวิ่ง และต้องกอดคอพ่อแม่เดินกลับไปที่รถ(ไม่มีใครแบกอาเหมยไหว) นอกจากปวดข้อเท้าจนเดินเองแทบไม่ได้ ยังต้องปวดร้าวทั้งขาเพราะการวิ่งอย่างหนักอีก ทำให้อาเหมยเข็ดในการออกกำลังกายหนักมาก
อาการ:ถ้าโดนบังคับให้ออกกำลังกายจะทำหน้าบูดและส่ายหน้าอย่างรุนแรง และถ้าโดนลากจะทำการกรีดร้องอย่างหนัก
2.คนที่ชอบดุและจ้ำจี้จ้ำไช เพราะ รู้สึกเหมือนไม่มีอิสระ อาการ : พอคนจำพวกนี้บอกกล่าวอะไรอาเหมยจะดื้อและไม่ค่อยยอมฟังหรือทำตาม
กลัว : 1.การทำให้คนอื่นผิดหวัง เพราะเป็นคนหัวดื้อและชอบช่วยเหลือ บางครั้งจึงเผลอแบกความกดดันโดยที่ไม่รู้ตัว จึงกลัวมากหากทำให้ใครผิดหวังหรือเสียใจ อาการ : ถ้าโดนสายตาที่ส่อว่าผิดหวังเข้าไป อาเหมยจะหน้าซีด มือไม้สั่น ถ้าหนักมากๆอาจจะวูบไปเลยก็ได้
แพ้ : อาการหนาว อาการ:จะมีผื่นแดงนูนขึ้นบริเวณที่สัมผัสอากาศเย็นจัด จะต้องกินยาเผื่อให้ผื่นหาย จะหนาวมากกว่าคนทั่วไป การขยับมือไม้ก็จะช้าและสั่นตามไปด้วย
งานอดิเรก : เล่นดนตรี กิน เขียนพู่กันจีน ทำอาหารเล็กๆน้อยๆ ฝึกซ้อมกังฟู สอนคนอื่นเล่นดนตรีและให้คำปรึษา
ความสามารถพิเศษ : เล่นดนตรีชนิดต่างๆ เช่นกู่เจิง เปียโน ผีผาและก็ไวโอลีน จำแนกคลื่นเสียงชนิดต่างๆ กังฟู
เพิ่มเติม : 1.ถ้าเปรียบเทียบกันจริงๆแล้วอาเหมยจะมีพรสวรรค์ในการเล่นดนตรีมากกว่าพี่สาว
2.อาเหมยเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวสัตว์สักเท่าไหร่ หากหวังหยอกให้เธอตกใจเพราะเอาแมลงมาแกล้งล่ะก็ขอบอกว่าไม่ได้แอ้มหรอก!
3.ถึงจะขี้สกินชิพ แต่ก็โสดสนิทคนคุยไม่มี แฟนอย่าพูดถึง ด้วยความที่ไม่เคยมองใครในทำนองนั้นด้วยล่ะมั้ง
4.อาเหมยเป็นคนที่เซ้นต์และสัญชาตญาณค่อนข้างรุนแรง บางครั้งถ้าเผลอวิตกเกินหน้าเกินตาคนอื่น
5.อาเหมยดูเหมือนจะพวกไม่แคร์เสียงแง่ลบแต่จริงๆแล้วก็แอบเครียดเช่นเดียวกัน
6.หากเป็นสัตว์เล็กๆจะใจอ่อนยวบเป็นพิเศษ
7.แบบกี่เพ้า
8.แบบเสื้อคลุม
9.แบบรองเท้า
10.แบบหูฟัง
11. อาชีพของคุณพ่ออาเหมยก็คือเจ้าบริษัทที่ทำเกี่ยวกับไอที ส่วนคุณแม่เมื่อก่อนเคยทำงานเป็นนักดนตรีอิสระที่มาหาประสบการณ์ในลอนดอนก่อนที่จะพบรักกับคุณพ่อในร้านอาหารสมัยตอนที่พ่อเป็นพนักงานบริษัทเล็กๆ ปัจจุบันแม่กลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว
12. ส่วนชื่อเอ็ม(M)ที่ใช้ ออกจะดูเรียบง่ายไปสักนิด แต่เนื่องจากคนมักจะออกเสียงคำว่า'เหมย'ไม่ถูกบวกไม่มีชื่อที่ถูกใจสักชื่อก็เลยโดนพี่สาวเขกหัวก่อนที่จะโดนเรียกว่า'เอ็ม'
13.ไม่ว่ารอบตัวอาเหมยจะดีไปซะหมดทุกคน แต่อาเหมยเลือกที่จะเมินเฉยและไม่สนใจ เลือกที่จะต่างคนอย่างอยู่ แต่ถ้าอีกฝ่ายพยายามเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมจะทำตัวไม่ถูก และจะรู้สึกอึดอัด
_____________________________________________________
R O L E P L A Y
ยินดีต้อนรับเข้าสู่รั้วของซาเลย์บาธค่ะ คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาที่นี่คะ?
: อาเหมยรู้สึกยินดีมากเลยล่ะ ป๊าม๊าและก็เจี่ยเจี่ยก็ดีใจมากๆเหมือนกัน ฉะนั้นมากกอดกันเถอะ!
ซาเลย์บาธในความคิดของคุณคืออะไร?
:เอิ่ม...เห็นบอกกันว่าเป็นโรงเรียนสำหรับหัวกะทิสินะ ในความคิดอาเหมยคิดว่าที่นี่ดูแปลกยังไงก็ไม่รู้แหะ? //กุมคาง
คุณคิดอย่างไรกับเฉดสีของตัวเองคะ?
: หมายถึงสีม่วงเหรอ? อาเหมยเองก็ชอบสีม่วงนะ ดูลึกลับและโรแมนติกดีออก... มั้ง?
คิดว่าเฉดสีนี้บ่งบอกความเป็นตัวคุณอย่างไร?
:ยากจัง... อาเหมยลองหาในอากูดูแล้วเห็นว่าม่วงหมายถึงความลึกลับกับความเห็นอกเห็นใจ... น่าจะหมายถึงความใจอ่อนของอาเหมยหรอ?
คำถามข้อสุดท้ายค่ะ ทัศนคติที่คุณมีต่อตนเองเป็นเเบบไหน?
:อาเหมยคิดว่าอาเหมยค่อนข้างใจอ่อนเกินไปหน่อย เจี่ยเจี่ยเองก็เตือนถึงเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว... แล้วก็เป็นหลายครั้งอีกเช่นกันที่อาเหมยลำบากเพราะยื่นมือไปช่วยคนอื่นน่ะ แต่ว่ามันอดไม่ได้นี่น่า...
______________________________________________________________
T A L K W I T H P I C H A
สวัสดีค่ะทุกคน เราพิชานะคะ จะเรียกชาก็ได้ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองชื่ออะไรกันบ้างคะ?
: LIFEME. ค่ะ! ยินดีที่รู้จักนะคะ
ในเรื่องที่ชาวางไว้อาจจะมีฉากโรเเมนซ์ค่อนข้างเยอะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองโอเคกันมั้ยคะ เเหะ
:โอเคค่ะ เพราะยังน้องเหมยก็เป็นคนขี้สกินชิพอยู่แล้วนี่น่า คิดว่า สบม. มากค่ะ!
ชายังไม่มีการวางเเพลนว่าจะมีการตายของตัวละครตัวไหน เเต่ถ้าหากว่าถึงจุดนึงเเล้วเกิดมีขึ้นมา คุณผู้ปกครองจะทำใจกันได้ใช่มั้ยคะ?
:อ่า... คิดว่าคงเสียใจน่าดู แต่ก็เคารพการตัดสินใจของไรท์นะคะ
สำหรับน้องๆบางคนที่เราไม่ได้ฟิคไว้ว่ารสนิยมทางเพศเป็นอย่างไร คุณผู้ปกครองอยากให้น้องมีคู่เป็นLGBT+ หรือว่าจะเป็นNORMALดีคะ?
: คิดว่าน่าจะ normal ดีกว่านะคะ
ต้องขอเเจ้งไว้ก่อนว่าอาจมีการมาอัพช้าบ้าง หรืออาจจะหายไปเป็นช่วงๆ เเต่สัญญาว่าจะกลับให้ไวที่สุดนะคะ เพราะงานค่อนข้างเยอะมากทีเดียวค่ะช่วงนี้ ช่วยรอกันด้วยนะคะ;—;
:ฮะๆ ถ้างานเยอะนักก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมาก็ได้ค่ะ เรารอได้ :)
สุดท้ายขอบคุณที่เลือกส่งเด็กๆมาไว้ในอ้อมอกของชานะคะ ขอให้ทุกคนมีวันที่ดีค่ะ!♡
: ขอให้มีวันที่ดี(มากๆๆๆ)เช่นกันค่ะ
ความคิดเห็น