ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอสมุดเก็บตัวละคร

    ลำดับตอนที่ #6 : ๖ อาเหมย สาวจีนขี้สกินชีพแห่งซาเลย์บาธ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 147
      1
      31 พ.ค. 63

    *แง ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดนั้น ขอโทษที่ทำให้ปวดตานะคะ ยิ่งยาวๆอยู่ด้วย อันที่แก้ไขจะขึ้นตัวหนาให้นะคะ*

     

    APPLICATION

    " อาเหมยเป็นนักกอด~ "

    บท : 05 purple

    ชื่อ : หลิวเหมย วัตสัน | Liumei Watson หรือ หลินหลิวเหมย(ชื่อจีน)​ | Lin Liumei

    ชื่อเล่น : เหมย | mei, อาเหมย | amei (คนสนิทเรียก)​, เอ็ม | M (ชื่อที่ใช้ในอังกฤษ)​

    อายุ :15

    ส่วนสูง/น้ำหนัก : 184/ 75

    รูปร่างลักษณะ : มีผมสีดำมัดเป็นมวยทั้งสองข้าง ถ้าปล่อยผมจะยาวเลยบ่ามานิดหน่อย ตาสีน้ำตาลเข้มหางตาชี้ขึ้นและมีตาชั้นเดียว มีแก้มยุ้ยๆทั้งสองข​้างตัวสูงมาก ชอบใส่กี่เพ้าสีม่วงปักลายเมฆ และสวมปักด้วยเสื้อคลุมสีม่วงอ่อน ส่วนรองเท้าส่วนใหญ่เป็นคัทชูผ้าส้นเตี้ยหรือไม่ก็รองเท้าผ้าใบ(เกลียดส้นสูง)​ บางครั้งก็เอาหูฟังสีม่วงคล้องไว้ที่คอ

     

    สไตล์​เสื้อผ้า-ส่วนใหญ่อาเหมยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเสื้อผ้า ถึงจะมีเสื้อผ้าเต็มตู้ก็ตาม นอกจากกี่เพ้าที่สีม่วงหลายเฉด ก็เป็นเสื้อสบายๆอย่างเสื้อยืด, กางเกงขาสั้น เสื้อกันหนาว แอบมีคอนเนคชั่น​เสื้อหน้าหนาวที่กี่เพ้าผ้าบางๆ​ทั้งหลายจะถูกเก็บเข้าตู้และแทนด้วยเสื้อที่เนื้อหนากว่า


    อุปนิสัย : 1.อาเหมยเป็นนักกอด -​อาเหมยเป็นติดขี้สกินชีพ​มาก ด้วยทัศนคติ​ของครอบครัวที่สนิทกันมากๆทำให้การแตะเนื้อต้องตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่เอะอะก็กอดคนไปทั่วไป ปกติจะกอดคนในครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่จะกอดบ่อยๆ ในทัศนคติ​ของอาเหมยคิดว่าการเยียวยาที่ดีที่สุดคือความอบอุ่นของใครบ้างคน ฉะนั้นเวลาให้กำลังใจหรือจะปลอบใคร อาเหมยจะใช้กอดแทนคำพูด(บางครั้งเป็นการอ้อนแบบเนียนๆสไตล์​อาเหมย!)​กับพวกผู้ชายอาจจะมีปัญหากันสักหน่อยแต่พอสนิทกันแล้วก็สบายมาก!

    "มากอดกันแล้วเลิกร้องเถอะนะ" / " ฮึก.. กอดปลอบอาเหมยหน่อยนะ.. ฮือออ"

    2.อาเหมยเป็นคนขี้ใจอ่อน-เวลาเป็นคนหรือสัตว์​ที่กำลังลำบาก อาเหมยจะยื่นมือเข้าไปช่วยโดยที่ไม่เกี่ยงเลยสักนิดแม้ว่าบางครั้งจะทำให้ตัวเองลำบากมากกว่าเดิมก็ตาม มีความคิดที่ว่าไม่ว่าใครก็สมควรได้รับความช่วยเหลือ ไม่ควรถูกมองข้ามเพราะเห็นว่าไม่สลักสำคัญหรือไม่จำเป็น ดั่งเช่นที่คุณตาเคยบินมาหาเธอถึงที่ยามที่เธอกำลังลำบาก

    "ไหวไหม? ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวอาเหมยจะช่วยแบ่งไปนะ"

    3.อาเหมยเองก็ชอบดื้อ- ในขณะที่เป็นคนใจอ่อนแต่ก็เป็นคนหัวดื้อเช่นกัน เช่นถ้าไม่ชอบขึ้หน้าใครแล้วจะแทบไม่ยอมรับฟังคนนั้นเลย หรือเอ่ยห้ามเวลาอาเหมยจะช่วยเหลือคนอื่นเองก็เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกลับไม่ชอบเอ่ยปัญหาของตัวเองให้ใครฟังนอกจากจะเป๊ะแตกเอง เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นต้องลำบาก

    "ปล่อยอาเหมยนะ! ไม่เห็นรึไงว่าเค้ากำลังโดนซ้อมนะ!? ถ้าไม่มีใครไปช่วยอาหมวยจะไปเอง!!"

     

    "ไม่เป็นไรๆ เรื่องแค่นี้สบายมาก!"

     

    3.อาเหมยเป็นนักดนตรี-อาเหมยเป็นคนที่มีพรสวรรค์​ด้านดนตรีสูงมาก สามารถจำเนื้อร้อง คอร์ดและวิธีการเล่นได้อย่างรวดเร็ว มีประสาทสัมผัส​ทางหูดีมากสามารถ​จำแนกคลื่นเสียงแต่ละได้อย่างแม่นยำ(อาทิเช่นเสียงนกร้อง, น้ำไหล, เสียงคนที่กำลังพูดคุยกัน)​ นิยมฟังเพลงหลากหลายแนะแนว ยกเว้นแนวพังค์/ร็อคที่บอกว่าว่าฟังแล้วปวดหู

     

    4. อาเหมยไม่ชอบยอมแพ้ -​ ไม่ได้เป็นคนที่มีฐิทิสูงแต่ชอบคิดว่าทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด จนบางครั้งก็เผลอน็อคไปเฉยเพราะเหนื่อยมากเกินไป

    5.อาเหมยชอบกินๆๆๆ -​ เรียกได้เป็นคอสายกินเลยก็ว่าได้ อาหารที่ไหนว่าดีอาเหมยก็ไปทดลองชิมมาหมดแล้ว เช่นแอบโดนล้อว่า "ยัยกินจุ" แต่อาเหมยก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เนื่องจากเป็นมิตรจนไม่กลัวคนแปลกหน้า บางครั้งก็เมคเฟรนได้อย่างงงๆกับคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ที่ชวนคุยกันถูกคอเพราะกำลังนั่งรออาหารมาเสิร์ฟ​

     

    เหตุผลที่เป็นชอบกินรองการเล่นดนตรีก็เพราะว่าไม่จำเป็นต้องคิดอะไรในระหว่างที่กำลังลิ้มรสชาติอาหาร เสมือนกับเป็นการระบายความรู้สึกอย่างหนึ่ง


    ลักษณะการพูด : เสียงหวานนิดๆติดขี้เล่น แทนตัวเองว่า "ฉัน" กับคนไม่สนิท และแทน "อาเหมย" กับคนที่สนิทและไว้ใจ แต่เวลาโกรธ​เสียงจะทุ้มคล้ายคลึงกับผู้ชายเลยทีเดียว

    "เดี๋ยวฉันเพียงขนมให้" / "หืม อยากให้เล่นดนตรีให้ฟังหรอ? ได้สิ!" -​-กับเพื่อน

    "อย่าแย่งขนมอาเหมยโดยที่ไม่ขอสิ" "ฮ่าๆๆ! นั้นสนุกมากเลยล่ะ อาเหมยชอบมากเลย" -​- กับเพื่อนสนิท( ระดับความเป็นกันเองและหัวเราะง่ายมากขึ้น)​

    "ป๊าม๊าของอาเหมยใจดีที่ซู้ด~" "เจี่ยเจี่ย(พี่สาว)สอนเล่นกู่เจิงให้อาเหมยหน่อยน้า" -​-กับครอบครัว (กลายเป็นคนขี้อ้อน)​

    "เพ้ย! เจ้าบ้า! "--เวลาตกใจ

    " ลูกแมวนิ... น่าสงสารจัง งั้นอาเหมยจะยกร่มให้แล้วกันนะ"--ใจอ่อนกับทุกคนที่กำลังลำบาก

    ประวัติ : พ่อเป็นคนอังกฤษ​ส่วนแม่เป็นคนจีนแท้ อาเหมยมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง มักเรียกพี่สาวว่า เจี่ยเจี่ย แก่กว่า 6ปี ปกติแล้วครอบครัวอาเหมยจะอาศัยอยู่อังกฤษ​แต่ว่าช่วงที่กำลังตั้งท้องอาเหมยอยู่นั้น ด้วยความว่าที่ผู้หญิงตั้งท้องแล้วอารมณ์​จะขึ้นๆลงๆทำให้เกิดการทะเลาะกับพ่ออย่างหนัก จนหนีม​า​อยู่ที่ประเทศ​จีนและแม่ก็ได้คลอดอาเหมยออกมา

    ด้วยความที่ยังเล็กมากทำให้ต้องเลี้ยงอาเหมยให้โตก่อนที่จะบินกลับประเทศ​อังกฤษ​ เพราะพ่อกับแม่ได้คืนดีกันในตอนคลอดอาเหมยแล้ว
    เพราะโตมาที่ประเทศจีนจึงสันทัดภาษาจีนและวัฒนธร​รมจีนมากกว่าแต่ก็พูดภาษาอังกฤษ​ได้คล่องปรื๋อ​เช่นเดียวกับภาษาจีนเพราะคุณพ่อและพี่สาวมันกจะมาเยี่ยมบ่อยๆ

    "เรียกคุณ​พ่อกับพี่สาวสิลูก"

    "ป๊าป๊ะ! (พ่อในภาษาจีน) เจี่ยเจี่ย! (พี่สาวในภาษาจีน)"

    "พูดภาษาอังกฤษ​ได้คล่องก็ดีเท่าไรแล้ว... เรื่องเรียกชื่อนี้ปล่อยไปเถอะ"

    พออาเหมยอายุได้ 5 ขวบคุณตาก็เห็นแววพรสวรรค์​ความเป็นนักดนตรีจึงจับมาสอนเครื่องดนตรีจีนชนิดต่างๆทั้งกูเกิงและผีผาจนอาเหมยสามารถคว้าถ้วยรางวัลมาได้หลายรายการ

    ส่วนคุณ​พ่อเองก็ไม่น้อยหน้าจัดการจ้างครูสอนพิเศษ​ดนตรีมาสอนอาเหมยบ้าง จนทำให้อาเหมยสามารถเล่นเครื่องดนตรีตะวันตกได้อีกหลากหลายอย่าง

    อาเหมยเริ่มหลงรักในเสียงดนตรี เมื่อยิ่งเล่นยิ่งมีความสุข ยิ่งแข่ง ถ้วยรางวัลก็ยิ่งมีมากขึ้นแต่ก็มีการแข่งขัน​นึงที่ทำให้เธอขยาดการเล่นดนตรีไปพักนึง

    ตอนอายุ 12 ปี ย้ายมาอังกฤษ​ได้ 5ปีแล้ว

    "ป๊า ม๊า เจี่ยเจี่ย... วันนี้อาเหมยรู้สึกไม่ดีเลย"อาหมวยในวัย12 ปีเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล วันนี้ที่ลอนดอนอากาศหนาวเป็นพิเศษ แม้จะอยู่ในห้องที่มีฮีทเตอร์ตั้งอยู่ทั่วทั้งห้อง มือเธอก็ยังรู้สึกชาจนแทบขยับไม่ได้

    " อาเหมยเก่งอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลนะ" พี่สาวของอาเหมยลูบหัวพลางเอ่ยปลอบ

    สองพี่น้องคู่นี้มีความต่างกันอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งเพราะอาเหมยได้แม่มามากกว่าส่วนพี่สาวนั้นมีผมทองและตาฟ้า ที่ได้พ่อมากกว่า ฉะนั้นพอยืนใกล้ๆกันจึงอยู่แตกต่างราวขาวกับดำ

    "แค่ลูกทำเต็มที่ แค่นั้นแม่ก็ภูมิใจแล้วล่ะ"ผู้เป็นแม่เอ่ยสมทบเช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ

    "งั้นมากอดกันให้ลืมความประหม่าเถอะ" แล้วบุคคลทั้งสี่ก็กอดกันกลมดิกสร้างความอบอุ่นให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

    ตอนนี้อาเหมยถูกเติมเต็มไปด้วยความอบอุ่น ขณะเดินขึ้นไปบนเวทีแต่กระนั้นในเสี้ยวนึงของจิตใจก็ยิ่งมีความกังวลผสมอยู่

    อาเหมยมองเปียโนที่ตั้งตระหง่านกลางเวที สูดหายใจลึกก่อนจะพรมนิ้วมือลงไปบนแป้น

    เสียงเปียโนสุดไพเราะดัวขึ้น ราวกับจะเชิญชวนในทุกคนติดปีกและล่องลอยไปกับเสียงดนตรี

    แต่แล้วก็---ตึ๊ง!!!!

    อาเหมยหน้าซีด ในใจส่งสัญญาณ​เตือน​ว่าแย่แล้ว แต่กระนั้นก็ยังเล่นต่อไปทั้งๆที่สติแทบไม่เหลืออยู่กับตัว แถมหางตาเจ้ากรรมยังไปเห็นกรรมการ​กำลังซุบซิบบางอย่างด้วยสายตาผิดหวัง

    ---ไม่นะ ไม่ เพลงจบลงเมื่อไหร่อาเหมยเองก็ไม่รู้ รู้สึกตัวอีกครั้งอาเหมยก็ยืนอยู่ต่อหน้าครอบครัว น้ำตาพลันร่วงแผละ

    ""อาเหมย!!"" แล้วเธอก็หมดสติไป

    หลังเหตุการณ์​นั้นกดเปียโนผิดแป้นไปอาเหมยก็ไม่กล้าแตะดนตรีชนิดใดอีก วันๆขลุกอยู่แต่ในห้องจนคุณตาบินมาจากเซี่ยงไฮ้​บุกมาถึงที่ห้องและบอกให้อาเหมยไปอยู่ด้วยเป็นเวลา2 เดือนในช่วงซัมเมอร์

    อาเหมยยอมยอมคุณตาไปแต่โดยดี ครั้งนี้อาเหมยเพียงกลับไปกับคุณ​ตาเพียงสองคนโดยที่ครอบครัวคนอื่นรออยู่ที่อังกฤษ​

    ตอนนั้นอาเหมยอยู่ที่บ้านกับคุณ​ตาเพียงสองคนเพราะคุณยายได้เสียไปเมื่อปีก่อน คุณตาพาเธอไปที่ห้องห้องหนึ่งที่มีเพียงแค่เสื่อปูไว้เพียงเท่านั้น และคุณตาก็เริ่มสอนสิ่งที่เรียกว่า กังฟู ให้กับอาเหมย

    "ว่ายกง!!! (ตาในภาษาจีน)​อาเหมยไม่เอา อาเหมยกลัวเจ็บอ่ะ!!" เพราะมีความฝังใจเรื่องการออกกำลังกาย อาเหมยจึงกรีดร้องอย่างหนัก

    "อาเหมย... นี่ไม่ใช่การออกกำลังกาย สิ่งนี้คือ กังฟู มันคือศิลปะป้องกันตัว จงเรียนรู้เพื่อปกป้องตัวเองเสียเถิด" เหมือนอาเหมยจะจับสัมผัสไปบางอย่างน้ำเสียงของคุณตา เธอจึงเริ่มฝึกกังฟูอย่างตั้งใจแม้มันจะทำให้เธอร้องโอดครวญ​ไปหลายรอบต่อวันก็ตาม

    พอกลับมาที่อังกฤษ​เธอก็เริ่มทำใจเหตุการณ์​ในวันนั้นได้ แม้คงจะเป็นเวลานานกว่าที่อาเหมยจะสามารถเล่นดนตรีได้อีกครั้งก็ตาม

    วันนี้อาเหมยครบ 13 ปี คุณ​ตาได้เสียชีวิตลงเพราะโรคชรา ในงานวันนี้สิ่งที่ทุกคนตราตรึงใจมากที่สุดหาใช่ความสวยงามของสถานที่ หาใช่คำกล่าวลาจากสหายของคุณตาแต่เป็น เสียงกู่เจิงและผีผาที่ร่วมกันบรรเลงแสดงความเศร้าของหลานสาวทั้งสองของคุณตา

    หลังจากที่เล่นกู่เจิงในวันนั้น อาเหมยก็เริ่มกลับมาเล่นดนตรีอีกครั้ง เพื่อต้องการระลึก​ถึง​คุณตาผู้เป็นคนเปิดเส้นทางสายดนตรีให้ เธอเริ่มศึกษาดนตรีชาติต่างๆมากขึ้นและเธอก็ได้เข้าศึกษาที่สถาบันซาเลย์บาธ

    ชอบ : 1.ของกิน โดนเฉพาะของกินจากจีนเพราะว่าเหมือนได้อยู่กับครอบครัว

    อาการ:สายตาวิ้งวับและจะอ้อนทุกคนที่มีของชิ้นนั้นอยู่ ( "นี่ๆ (ชื่อ)​ไปเอามาจากไหนหรอ?! อาเหมยขอกินด้วยสิ ขอกินด้วยนะๆๆๆๆ")​

    2.ดนตรี ทุกแนว เพราะว่าหลงใหลในเสียงดนตรีมาตั้งแต่เด็ก อาการ: ชอบฮัมเพลงออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว

    3วัฒนธรรม​ของจีนและอังกฤษ​ เพราะเป็นประเทศ​สัญชาติของตัวเองทั้งสองประเทศจึงดูกระตือรือร้น​เรื่องแนวๆนี้มากเป็นพิเศษ อาการ : เหมือนกับมีดอกไม้บานรอบๆ

    ไม่ชอบ : 1.คนที่กำลังลำบากเพราะเห็นแล้วสงสาร อาการ:จะยื่นมือเข้าไปช่วย และช่วยอย่างเต็มที่ทุกครั้ง

    2.คนที่บอกว่าตัวเองน่ารัก จะชอบปฏิเสธ​แต่ก็ไม่ได้โกรธ​อะไรมากมายแค่เขินเล็กๆและไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่​ ("อาเหมยไม่ได้น่ารักสักหน่อย บู่! /เอ๊? ฉันเนี่ยนะน่ารัก ไม่หรอกน่า!")​

    3.อาการหนาว เพราะทำให้มือชาและทำอะไรช้าลงหลายเท่า อาการ:จะขลุกอยู่ในห้องทั้งวัน หรือที่ที่อบอุ่น จนไม่ยอมออกไปจากตรงนั้นเลย

    เกลียด :1. การออกกำลังกายเพราะฝังใจเรื่องที่มีช่วงนึงที่ครอบครัวฮิตการออกกำลังกายและทำให้เธอโดนลากไปด้วย เธอโดนบังคับให้วิ่งออกกำลังกายด้วยความที่ไม่ค่อยออกกำลังกายจริงๆจังๆ ทำให้อาเหมยข้อเท้าพลิกระหว่างวิ่ง และต้องกอดคอพ่อแม่เดินกลับไปที่รถ(ไม่มีใครแบกอาเหมยไหว)​ นอกจากปวดข้อเท้าจนเดินเองแทบไม่ได้ ยังต้องปวดร้าวทั้งขาเพราะการวิ่งอย่างหนักอีก ทำให้อาเหมยเข็ดในการออกกำลังกายหนักมาก

    อาการ:ถ้าโดนบังคับให้ออกกำลังกายจะทำหน้าบูดและส่ายหน้าอย่างรุนแรง และถ้าโดนลากจะทำการกรีดร้องอย่างหนัก

    2.คนที่ชอบดุและจ้ำจี้จ้ำไช เพราะ รู้สึกเหมือนไม่มีอิสระ อาการ : พอคนจำพวกนี้บอกกล่าวอะไรอาเหมยจะดื้อและไม่ค่อยยอมฟังหรือทำตาม

    กลัว : 1.การทำให้คนอื่นผิดหวัง เพราะเป็นคนหัวดื้อและชอบช่วยเหลือ บางครั้งจึงเผลอแบกความกดดันโดยที่ไม่รู้ตัว จึงกลัวมากหากทำให้ใครผิดหวังหรือเสียใจ อาการ : ถ้าโดนสายตาที่ส่อว่าผิดหวังเข้าไป อาเหมยจะหน้าซีด มือไม้สั่น ถ้าหนักมากๆอาจจะวูบไปเลยก็ได้

    แพ้ : อาการหนาว อาการ:จะมีผื่นแดงนูนขึ้นบริเวณที่สัมผัสอากาศเย็นจัด จะต้องกินยาเผื่อให้ผื่นหาย จะหนาวมากกว่าคนทั่วไป การขยับมือไม้ก็จะช้าและสั่นตามไปด้วย

    งานอดิเรก : เล่นดนตรี กิน เขียนพู่กันจีน ทำอาหารเล็กๆน้อยๆ ฝึกซ้อมกังฟู สอนคนอื่นเล่นดนตรีและให้คำปรึษา

    ความสามารถพิเศษ : เล่นดนตรีชนิดต่างๆ เช่นกู่เจิง เปียโน ผีผาและก็ไวโอลีน จำแนกคลื่นเสียงชนิดต่างๆ กังฟู

    เพิ่มเติม : 1.ถ้าเปรียบเทียบ​กันจริงๆแล้วอาเหมยจะมีพรสวรรค์​ในการเล่นดนตรีมากกว่าพี่สาว

    2.อาเหมยเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวสัตว์​สักเท่าไหร่ หากหวังหยอกให้เธอตกใจเพราะเอาแมลงมาแกล้งล่ะก็ขอบอกว่าไม่ได้แอ้มหรอก!

    3.ถึงจะขี้สกินชิพ แต่ก็โสดสนิทคนคุยไม่มี แฟนอย่าพูดถึง ด้วยความที่ไม่เคยมองใครในทำนองนั้นด้วยล่ะมั้ง

    4.อาเหมยเป็นคนที่เซ้นต์และสัญชาตญาณ​ค่อนข้างรุนแรง บางครั้งถ้าเผลอวิตกเกินหน้าเกินตาคนอื่น

    5.อาเหมยดูเหมือนจะพวกไม่แคร์เสียงแง่ลบแต่จริงๆแล้วก็แอบเครียดเช่นเดียวกัน

    6.หากเป็นสัตว์​เล็กๆจะใจอ่อนยวบเป็นพิเศษ​

     

    7.แบบกี่เพ้า

     

     

    8.แบบเสื้อคลุม

     

     

    9.แบบรองเท้า

     

     

    10.แบบหูฟัง

     

     

    11. อาชีพของคุณพ่ออาเหมยก็คือเจ้าบริษัทที่ทำเกี่ยวกับไอที ส่วนคุณแม่เมื่อก่อนเคยทำงานเป็นนักดนตรีอิสระที่มาหาประสบการณ์​ในลอนดอนก่อนที่จะพบรักกับคุณพ่อในร้านอาหารสมัยตอนที่พ่อเป็นพนักงานบริษัท​เล็กๆ ปัจจุบันแม่​กลายเป็นแม่บ้านเต็มตัว

     

    12. ส่วนชื่อเอ็ม(M)​ที่ใช้ ออกจะดูเรียบง่ายไปสักนิด แต่เนื่องจากคนมักจะออกเสียงคำว่า'เหมย'​ไม่​ถูกบวกไม่มีชื่อที่ถูกใจสักชื่อก็เลยโดนพี่สาวเขกหัวก่อนที่จะโดนเรียกว่า'เอ็ม'​

     

    13.ไม่ว่ารอบตัวอาเหมยจะดีไปซะหมดทุกคน แต่อาเหมยเลือกที่จะเมินเฉยและไม่สนใจ เลือกที่จะต่างคนอย่างอยู่ แต่ถ้าอีกฝ่ายพยายามเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมจะทำตัวไม่ถูก และจะรู้สึก​อึดอัด

    _____________________________________________________

    R O L E P L A Y


    ยินดีต้อนรับเข้าสู่รั้วของซาเลย์บาธค่ะ คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาที่นี่คะ?

     

    : อาเหมยรู้สึกยินดีมากเลยล่ะ ป๊าม๊าและก็เจี่ยเจี่ยก็ดีใจมากๆเหมือนกัน ฉะนั้นมากกอดกันเถอะ!


    ซาเลย์บาธในความคิดของคุณคืออะไร?

     

    :เอิ่ม...เห็นบอกกันว่าเป็นโรงเรียนสำหรับหัวกะทิสินะ ในความคิดอาเหมยคิดว่าที่นี่ดูแปลกยังไงก็ไม่รู้แหะ? //กุมคาง

    คุณคิดอย่างไรกับเฉดสีของตัวเองคะ?

     

    : หมายถึงสีม่วงเหรอ? อาเหมยเองก็ชอบสีม่วงนะ ดูลึกลับและโรแมนติก​ดีออก... มั้ง?​

    คิดว่าเฉดสีนี้บ่งบอกความเป็นตัวคุณอย่างไร?

     

    :ยากจัง... อาเหมยลองหาในอากูดูแล้วเห็นว่าม่วงหมายถึงความลึกลับกับความเห็นอกเห็นใจ... น่าจะหมายถึงความใจอ่อนของอาเหมยหรอ?

    คำถามข้อสุดท้ายค่ะ ทัศนคติที่คุณมีต่อตนเองเป็นเเบบไหน?

     

    :อาเหมยคิดว่าอาเหมยค่อนข้างใจอ่อนเกินไปหน่อย เจี่ยเจี่ยเองก็เตือนถึงเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว... แล้วก็เป็นหลายครั้งอีกเช่นกันที่อาเหมยลำบากเพราะยื่นมือไปช่วยคนอื่นน่ะ แต่ว่ามันอดไม่ได้นี่น่า...

    ______________________________________________________________

    T A L K W I T H P I C H A


    สวัสดีค่ะทุกคน เราพิชานะคะ จะเรียกชาก็ได้ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองชื่ออะไรกันบ้างคะ?

     

    : LIFEME. ค่ะ! ยินดีที่รู้จักนะคะ

    ในเรื่องที่ชาวางไว้อาจจะมีฉากโรเเมนซ์ค่อนข้างเยอะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองโอเคกันมั้ยคะ เเหะ

     

    :โอเคค่ะ เพราะยังน้องเหมยก็เป็นคนขี้สกินชิพอยู่แล้วนี่น่า คิดว่า สบม. มากค่ะ!


    ชายังไม่มีการวางเเพลนว่าจะมีการตายของตัวละครตัวไหน เเต่ถ้าหากว่าถึงจุดนึงเเล้วเกิดมีขึ้นมา คุณผู้ปกครองจะทำใจกันได้ใช่มั้ยคะ?

     

    :อ่า... คิดว่าคงเสียใจน่าดู แต่ก็เคารพการตัดสินใจของไรท์นะคะ

    สำหรับน้องๆบางคนที่เราไม่ได้ฟิคไว้ว่ารสนิยมทางเพศเป็นอย่างไร คุณผู้ปกครองอยากให้น้องมีคู่เป็นLGBT+ หรือว่าจะเป็นNORMALดีคะ?

     

    : คิดว่าน่าจะ normal ดีกว่านะคะ

    ต้องขอเเจ้งไว้ก่อนว่าอาจมีการมาอัพช้าบ้าง หรืออาจจะหายไปเป็นช่วงๆ เเต่สัญญาว่าจะกลับให้ไวที่สุดนะคะ เพราะงานค่อนข้างเยอะมากทีเดียวค่ะช่วงนี้ ช่วยรอกันด้วยนะคะ;—;

     

    :ฮะๆ ถ้างานเยอะนักก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมาก็ได้ค่ะ เรารอได้ :)​

    สุดท้ายขอบคุณที่เลือกส่งเด็กๆมาไว้ในอ้อมอกของชานะคะ ขอให้ทุกคนมีวันที่ดีค่ะ!♡

     

    : ขอให้มีวันที่ดี(มากๆๆๆ)​เช่นกันค่ะ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×