คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Bright smile and Green eyes
⌜Application⌟
The Pastor : Warm eyes Friendly smile.
Love jesus must be khow jesus
Love GOD must be khow GOD
"ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจละก็มาเล่าให้คุณพ่อฟังก็ได้นะ"
"ครั้งหนึ่งลูกอาจเคยหลงทางอยู่ในความมืดมนและมัวหมองแต่ก็หากจิตใจของลูกยังศรัทธา แสงสว่างก็จะสอดส่องนำทางมาที่ชีวิตของทุกๆคนๆแน่นอน"
ชื่อ-นามสกุล : คริสโตเฟอร์ เอล์ม อโมรี่ | Christopher Elm Amory
ความหมาย : Christopher หมายถึง บุตรของพระคริสต์
Elm สื่อให้เห็นถึงศักดิ์ศรีแห่งชีวิต ต้นเอล์มเป็นไม้พุ่ม กิ่งก้านโตๆของมันที่แผ่ออกไปทุกทิศทุกทางเป็นสัญลักษณ์แห่งพลังที่เกิดจากความศรัทธาในพระคัมภีร์
Amory หมายถึง ผู้นำ
ชื่อเล่น : คริส | Chris , เอล์ม | Elm (มีเฉพาะเพื่อนสนิทของคริสเท่านั้นที่เรียก)
อายุ : 32
เพศ : ชาย (อยากจะให้เป็นเคะมากเลยค่ะ! เพราะคุณพ่อดูนุ่มนิ่มมากเลย)
สัญชาติ-เชื้อชาติ : Israel-American
รูปร่างสันฐาน : สีผมเป็นบลอนด์เทาสว่างพอสะท้อนกับแสงแดดจะเป็นประกายระยิบระยับ มี นัยน์ตาสีเขียวเหมือนมรกต ผิวสีขาวเนียนละเอียด มีลักยิ้มที่แก้มข้างซ้าย ริมฝีปากบาง มีริ้วรอยจากกาลเวลาเล็กน้อย เมื่ออยู่ในโบสถ์จะใส่ชุดบาทหลวงสีดำสนิท เรียบร้อยจากฝีมือของซิสเตอร์ ส่วนชุดนอนก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นตาเป็นเสื้อฝ้ายสีซีดๆส่วนใหญ่และเป็นเสื้อเก่าของพ่ออีก!
เพราะส่วนใหญ่จะอยู่ชุดของบาทหลวง ทำให้ยังไม่มีใครรับรู้ถึงความจริงอันน่าตกใจนี้ (ยกเว้นซิสเตอร์ที่คอยซักเสื้อผ้าให้)
มีรูปร่างที่สูงโปร่งแต่กลับมีแต่ความนุ่มนิ่มเพราะไม่ชอบออกไปไหนไกลและไม่ค่อยออกกำลังกาย , เส้นเลือดที่ข้อมือค่อนข้างจะชัด
ส่วนสูง:172 เซนติเมตร
น้ำหนัก:59 กิโลกรัม
ลักษณะนิสัย : อุปนิสัยของบาทหลวงคริสโตเฟอร์นั้นไม่ต่างอะไรกับผ้าขาวสะอาด
เขาใจดีกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ใครต่างไม่ยามเลียวแล เด็กๆ คนแก่ คนจรจัด--นั้นทำให้เขากลายเป็นขวัญใจและเป็นที่รักของทุกคน
ไม่ได้ปฎิบัติกับใครมากเป็นพิเศษ ไม่ตัดสินใครเพียงแต่ภายนอก ใจเย็น และตัดสินใจอย่างรอบคอบเสมอ ไม่แสดงอารมณ์อย่างอื่นให้คนอื่นเห็นนอกจากความเมตตา, ความสงบ, และจิตใจที่งดงาม
คริสโตเฟอร์เป็นพวกจริงจังกับงานมาก เมื่อออกมาจากห้องสารภาพบาปเขามักจะมีท่าทีที่เหนื่อยล้าหรือเคร่งเครียดเพราะชอบนำปัญหาของบุคคลอื่นมาขบคิดเสมือนว่ามันกลายเป็นปัญหาของเขาเองซะอย่างนั้น
เขาเป็นพวกที่ใส่ใจกับคนอื่นเป็นอย่างมาก สามารถจำวันเกิดหรือแม้กระทั่งความชอบเล็กน้อยๆของทุกคน และถึงแม้คริสโตเฟอร์จะอัธยาศัยดีแต่เขาก็แทบจะไไม่เปิดใจยอมรับใครเข้ามาเลย ชอบเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองคนเดียว ถ้าไม่คาดคั้นเอาซึ่งๆหน้าบาทหลวงผู้แสนอบอุ่นคนนี้ก็ไม่ยอมเล่าปัญหาให้ฟังหรอก
บางครั้งก็แอบมีมุมเด๋อด๋าที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น ,ครั้งหนึ่งจากคำให้การของซิสเตอร์ คริสโตเฟอร์เคยเดินหาคัมภีร์ไบเบิ้ลของเขาเองเป็นชั่วโมงๆทั้งๆที่เขากำลังถือมันอยู่ในมือ
อีกครั้งเมื่อเขากำลังอบขนม-และมันมีรสเค็มมาก ปรากฎน้ำตาลที่เขาใส่ลงไปนั้นจริงๆแล้วมันก็คือเกลือนั้นเอง
และจากการแฉจากเพื่อนสนิท เขาเคยโดนหลอกจากเพื่อนขี้แกล้งคนหนึ่งว่าอาจารย์ต้องการรายงานทั้งหมดยี่สิบหน้าไม่ใช่ห้าหน้าและส่งในวันพรุ่งนี้(แน่ล่ะว่าไม่มีใครเชื่อ) วันต่อมาคริสโตเฟอร์มาโรงเรียนด้วยสภาพดูไม่จืดและรายงานที่ได้ไม่ถึงยี่สิบหน้าของเขา
มีเพียงไม่กี่อย่างที่จะทำให้บาทหลวงผู้นี้แสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรง เขามักพยายามกดความโกรธเอาไว้ และครั้งล่าสุดที่เขาแสดงอารมณ์โกรธก็คือ มคนลักลอบเข้ามาในตอนที่เขากำลังอยู่ในห้องทำงานและพยายามที่จะข่มขืนซิสเตอร์ของโบสถ์แห่งนี้ แต่ว่าเขาได้ยินเสียงของเธอกรีดร้องจึงมาช่วยเหลือเธอได้ทันเวลา
น้ำเสียง-ตัวอย่างการพูดคุย :เขามีน้ำเสียงที่ทุ้มและดูนุ่มนวล ที่ใครๆฟังก็ไม่ต่างจากได้รับการเยียวยาจากวันที่แสนโหดร้ายและเหนื่อยหน่าย
เมื่ออยู่ในหน้าที่ คริสโตเฟอร์มักแทนตัวเองด้วยคำว่าคุณพ่อ และแทนคนอื่นในศาสนาด้วยคำว่าลูก เฉกเช่นบาทหลวงท่านอื่นๆ
แต่ในยามปกติ(ที่หาได้น้อยมากๆเพราะแทบจะทำงานบามหลวงเต็มเวลา)จะแทนตัวเองตัวคำว่า"ผม" และเรียกอีกคำนำหน้าชื่ออีกฝ่ายว่าคุณ มักพูดจาด้วยคำพูดไพเราะและสุภาพเสมอๆ มีมุกตลกหยอกล้อบ้างเป็นบางครั้ง
"อย่าได้กังวลเลยเล่าปัญหาให้ฟังเถอะพ่อไม่บอกใครบอก"คริสโตเฟอร์ยิ้มก่อนหัวเราะแผ่วเบา "จะเกี่ยวก้อยสัญญาก็ได้นะ?"
"ถ้าอยากได้สิ่งใดเชิญเอาไปได้เลยแต่ ได้โปรด--อย่าได้ทำร้ายใครเลย" พูดกับคนที่มาขโมยของ
"จงออกไปเสีย ก่อนที่พ่อจะไม่ระงับโทสะของตัวเองอีกต่อไป" แววตาของคริสโตเฟอร์ในขณะนี้ไม่ได้ดูนิ่งสงบอีกต่อไป ร่างกายสูงโปร่งก้าวหนึ่งบดบังร่างกายบอบช้ำของซิสเตอร์และไล่ผู้บุกยามวิกาลออกไป
"มานี้สิ เดี๋ยวพ่อจะเล่าเรื่องน่าสนุกให้ฟังนะ" เขาขวักมือเรียกเด็กที่กำลังวิ่งเล่นที่สนามให้เข้ามานั่งพักในโบสถ์ แจกจ่ายน้ำหวานเย็นๆกับทุกคน และเริ่มเล่านิทานที่แสนน่าตื่นตาตื่นใจให้ฟังและปิดท้ายด้วยข้อคิดเตือนใจ
"เหมือนกับหญ้าหรอ?"คริสโตเฟอร์ทวนคำของชายหนุ่มแปลกหน้า ที่ผ่านมาผู้คนมักกล่าวว่าดวงตาของเขาสวยเหมือนกับมรกต แต่ว่าชายคนนี้กลับบอกกลับเขาว่ามันมีสีเขียวเหมือนต้นหญ้า--ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ
ประวัติ : ไม่ว่าจะถามใครก็ถามที่อยู่ในละแวกนี้อย่างก็รู้จัก "บาทหลวงคริสโตเฟอร์" ผู้ที่ได้รับคำนิยามว่าพ่อพระอย่างแท้จริง
ในอดีตคริสโตเฟอร์ไม่ได้เกิดที่เมืองแห่งนี้แต่ว่าพ่อและแม่ของเขาย้ายมาตั้งถิ่นฐาน ณ ที่แห่งนี้ตอนที่เขาเพิ่งอายุได้ห้าขวบเศษเท่านั้น ความทรงจำที่แสนสั้นนั้นและเลือนลาง มักปรากฎเป็นทุ่งดอกไม้ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
คริสโตเฟอร์ในวัยเด็กโตมากับความรักสุดแสนโรแมนติดของพ่อแม่ที่ชอบใช้เป็นเรื่องกล่อมนอนในทุกๆวันที่ฝันร้ายมาเยือน
พ่อและแม่ของเขาอย่างเป็นคนที่คลั่งศาสนา ในทุกๆวันหยุดสุดสัปดาห์พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนคุ้นหน้าเสมอยามมาที่โบสถ์เพื่อสวดภาวนา ประโยคแรกของทั้งสองคนเกิดขึ้นในวันที่ฝนตกกระหน่ำ
---ติดร่มไปกับผมไหมครับ? บทสนทนาที่เรียบง่ายแต่แสนวิเศษ
ท่ามกลางสายฝนและอากาศที่เย็นชื้น มีแต่ความเงียบ ทั้งเขาและเธออย่างไม่กล้าชวนคุยเพราะความประหม่า แต่และจากวันนั้นทั้งสองคนก็เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น และก็พบว่าเข้ากันได้ดีมากกว่าที่คิด
พวกเขาจับมือกันเข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างหวานชื่น แม้งานจะเป็นงานเล็กๆตามกำลังทุนทั้งสองฝ่าย
คุณพ่อของเขาเริ่มจัดตั้งบริษัทเพื่อคริสโตเฟอร์ตัวน้อยที่ยังอยู่ในท้องของคุณแม่
แต่ราวกับฟ้าต้องการอวบพรและลงโทษไปพร้อมๆกัน ในวันที่อากาศปลอดโปร่งและพระอาทิตย์กำลังขึ้น เด็กน้อยได้เกิดขึ้นพร้อมกับการสูญเสียไปของคุณปู่และย่าจากอุบัติเหตุ
และสองปีถัดมาบริษัทก็ล้มละลายลง เพราะโดนคนโกง ฐานะทางการเงินที่ตอนแรกก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากก็เริ่มจะแย่ลงพร้อมกับอาการป่วยของคุณพ่อของแม่
ผู้คนเริ่มต่างแพร่ข่าวลือแปลกๆให้กับคริสโตเฟอร์---ตัวซวยบ้างล่ะ เด็กต้องสาปที่จะทำให้ครอบครัวล้มจม และอีกมากมาย
ทุกวันที่เขาออกไปข้างนอกและกลับมาพร้อมกับบาดแผลมากมายทั้งจากร่างกายและภายในจิตใจ
เมื่อเป็นดังนั้น แม่จะปิดหูเขาเอ่ยปลอบเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เหมือนเอาน้ำสาดบนพื้นทรายที่แห้งแล้ง
"อย่าไปโกรธเขาเลยลูกรัก อย่าโอนอ่อนไปกับความพูดเหล่านั้นที่จะทำให้ลูกเจ็บปวด เพราะเมื่อในวันใดวันหนึ่ง พวกเขาจะรู้ได้เองว่าสิ่งเหล่ามันมันผิด--แม้วันนั้นจะเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตพวกเขาเหล่านั้นก็ตาม"
คริสโตเฟอร์ครบห้าขวบ ผู้เป็นตาของเด็กน้อยก็เสียไป และครอบครัวก็ตัดสินใจขายบ้านและเดินทางมาตั้งถิ่นฐานที่แห่งนี้
พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่เป็นมรดกของคุณตา แรกๆพวกเขาหัวหมุนไปหมด พ่อเริ่มงานใหม่ในฐานะพนักงานบริษัทหนังสือพิมพ์ในขณะที่แม่มีฝีมือเริ่มการเย็บปักถักร้อยก็เริ่มรับจ้างเย็บเสื้อผ้าจนงานล้นมือ
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจที่บ้านของเขาดันติดอยู่กับโบสถ์ประจำเมืองนี้พอดี คริสโตเฟอร์จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ทำอะไรนั่งอยู่โบสถ์
เขาเป็นคนชอบการศึกษาและที่แห่งนี้ก็มีหนังสือเยอะอย่างน่าเหลือเชื่อ พอมีคำไหนที่ไม่เข้าใจเขาก็จะขอให้บาทหลวงของที่นี้ช่วยแลกกับการทำงานเล็กๆน้อยๆ
จนกว่าเขาจะรู้ตัวก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์แห่งนี้ไปซะแล้ว คริสโตเฟอร์ตัดสินใจที่จะสานต่อโบสถ์แห่งนี้ต่อ ท่ามกลางความสนับสนุนของทุกคนที่ต่างกล่าวว่าหน้าที่นี้ช่างเหมาะกับเขาเหลือเกิน
สมัยนั้นที่เขายังไร้เดียงสาและพึ่งทำหน้าที่แทนได้ใหม่ๆ ก็มีขาประจำที่เข้ามาที่แห่งยี้แทบวันเว้นวัน
เขาและเธอได้พูดคุยกันที่ห้องสารภาพบาป ด้วยความเงอะงะของมือใหม่ ทำให้เด็กสาวคนนั้นหัวเราะออกมา คริสโตเฟอร์ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอายและเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำในอก
เด็กสาวคนนั้นมาที่นี้ก็เพราะว่าพึ่งทะเลาะกับพ่อแม่มาเนื่องจากว่าความฝันที่เธอชอบนั้นขัดแย้งกับความต้องการของผู้ปกครอง
เธอกล่าวว่าการพูดคุยกับเขาทำให้สบายใจขึ้นและก็เริ่มมาบ่อยขึ้นทุกวัน ด้วยจิตใจที่เหมือนกับผ้าขาวสะอาด จะผิดไหมน่ะที่เขาจะคิดเกินเลยไป
เมื่อไรไม่รู้ที่สิ่งนี้กลายเป็นความรัก แต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็พังลง
"ก็บาทหลวงคนนั้นน่ะหรอ? หลอกง่ายดีจะตาย แต่ว่าดันไม่รวยเนี่ยสิ~ยังไงๆก็เป็นได้แค่ที่ระบายทุกข์ชาวบ้านนั้นแหละ"
เพียงประโยคที่บังเอิญผ่านมาได้ยิน ทำเอาจิตใจของเขาแตกสลาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังดื้อดึงถ้าไม่ได้ยืนยันจากปากเจ้าตัวเขาก็ยังเชื่อไม่ได้เต็มร้อยหรอก
" ห-เห ได้ยินมาจากไหนหรอ ไม่มีทางที่จะพูดแบบนั้นหรอกค่ะ" อ่า-งั้นเองสินะ ใช่แล้วล่ะเธอไม่มีวันพูดแบบนั้นหรอก มันก็แค่คนเสียงเหมือนแค่นั้นเอง
เหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกชักใยซ้ำ โดนขยี้ความรู้สึกจนเหลวแหลกและถูกป่นจนเป็นผงละเอียด
--สุดท้ายก็ได้ข่าวมาว่าเธอท้องโดยที่ไม่มีพ่อ
ท่ามกลางคำติเตียนและนินทา มีเพียงแต่เขาที่ยังยื่นมืออกไปหาเธอด้วยความรู้สึกจริงใจ
"ออกไป! ออกไปซะ! ยังไงก็คงสมเพชฉันละสิท่า! ถึงแกจะปั้นหน้าให้อ่อนโยนแค่ไหน แต่ยังไงแกก็คงนินทาฉันอยู่ดี!! ไสหัวไป!!!" ---แล้วเธอก็หายไปจากชีวิตของเขาตลอดกาล
ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่ายังไงคริสโตเฟอร์ก็ไม่มีทางที่จะรังเกียจเธอไม่ว่าเธอจะเป็นยังไงก็ตามแท้ๆ
เด็กสาวมองเขา ตัดสินใจเหมือนกับคนอื่นที่มองดูเธอ ตั้งแต่แรกเธอไม่เคยมองคริสโตเฟอร์เป็นคนพิเศษด้วยซ้ำ
ไม่เป็นไร ทุกๆอย่างจะไม่เป็นไร เขากอดจิตใจที่แสนบอบช้ำของตัวเอง สักวันบาดแผลมันคงจะหายไปเอง
งานอดิเรก : เล่นหนังสือหรือพระคัมภีร์ไบเบิ้ล รับฟังคนที่มาสารภาพบาป แถมยังชอบปลูกดอกไม้โดยเฉพาะดอกทานตะวัน นานๆครั้งจะออกไปเล่นกับเด็กๆ
ชอบ-ไม่ชอบ :
ชอบ-หนังสือดีๆ, ช่วงเวลาที่สงบสุข, ทุ่งดอกไม้, ของหวาน(เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับว่าคริสชอบของหวานมากๆแต่ว่าไม่ค่อยได้ทานเท่าไร)
ไม่ชอบ-การเห็นคนอื่นกำลังลำบาก, การทำให้คนอื่นลำบาก, กาแฟหรือของขมๆ(จะทำหน้าซีด), คนที่หมิ่นศาสนาไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็ตาม, เสียงดังมากๆ(จะสะดุ้งสุดตัว)
โรคประจำตัว : โรคกระเพาะอาหาร เกิดจากความเครียดและไม่ชอบทานอาหารให้ตรงต่อเวลา(ทานน้อย บางครั้งก็ไม่มทานเลย) ทุกครั้งที่เกิดอาการจะปวดท้องมาก อาการเป็นๆหายๆ คาดเดาไม่ค่อยได้
มีอาการปวดหัวไมเกรนเป็นพักๆและดูท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะไม่ยอมนำเงินไปรักษา(พยายามปิดปังเรื่องนี้จากทุกคน)
เพิ่มเติม : เมื่อหน้าหนาวในโบสถ์จะเย็นและชื้นขึ้นไปด้วย ทำให้ต้องมีตู้ๆหนึ่งที่จะเก็บนวมและผ้าห่มเอาไว้ไม่ให้ผู้มาสวดภาวนาเกิดอาการหนาวเกินไป และหากมาในเวลาที่เหมาะเจาะซิสเตอร์ที่กำลังทำซุปอาจจะแบ่งปันซุปข้าวโพดอุ่นสักถ้วยให้คุณก็ได้
ซิสเตอร์แอนนา(Anna)เป็นหญิงสาวที่มีผมและตาสีน้ำตาลเข้ม เป็นซิสเตอร์ประจำโบสถ์ที่เข้ามาหลังคริสไม่นาน คอยดูแลเรื่องงานในโบสถ์และงานบ้านต่างๆ สนิทกันพอด้วยและชอบดุเวลาคริสทำงานหนักเกินไป
เพื่อนสนิทที่สุดของคริสมีชื่อว่า แดเนียล ทำงานงานเป็นหมอ สนิทกันตั้งแต่เด็ก(ชอบมากวนตอนกำลังอ่านหนังสือ) เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่บ่นเรื่องสุขภาพของคุณบาทหลวงได้
ปัจจุบันพ่อของคุณคริสยังอยู่และออกจากงานที่ทำมาอยู่บ้านเฉยๆแล้ว เว้นแต่แม่ที่พึ่งเสียไปเมื่อปีก่อนเพราะโรคภัย และกลัวว่าพ่อจะตรอมใจไปเพราะการเสียของแม่
ไม้กางเขนที่คริสโตเฟอร์ใช้อยู่เป็นประจำเป็นของครอบครัวคุณพ่อที่เสียไปแล้ว เดิมทีคุณปู่จะให้สิ่งนี้เป็นของขวัญแก่คริสโตเฟอร์ที่เกิดมา ลักษณะเป็นไม้กางเขนเงินเรียบประดับอัญมณีมรกตเล็กๆตรงกลาง เขาจะใส่ติดตัวตลอดและมักจะกุมมันเอาไว้เวลาไม่สบายหรือตกใจ
(Roleplay section)
♠ People's roleplay .
แมรี่แลนด์ รัฐทางตอนเหนือของวอชิงตั้น ดีซี เงียบสงบไม่วุ่นวายผิดกับถนนอันขวักไขว่ของรัฐใหญ่ แต่ก็พนันได้ว่าคน 50% ของที่นี่เป็นพวกที่ทำงานให้กับรัฐบาลและการทหารอย่างแน่นอน...เอาสิ พนันว่าเกินครึ่งเลยก็ยังได้
แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่ก็ไม้พ้นมีคนแปลกๆ อยู่บนถนนเหมือนกัน โดยเฉพาะพวกดูดวงไร้สาระนั่นน่ะ ไม่รู้ทำไมถึงมาเยอะในที่แบบนี้
"ฉ ฉันเห็นอนาคตอันมืดมิดของคุณ" หญิงชราคนหนึ่งคว้าแขนเขาหมับโดยไม่บอกกล่าว เธอพูดคำทำนายสะเปะสะปะใส่คริสโตเฟอร์ดูท่าคล้ายเป็นการสาปแช่ง
"ครับ? "บาทหลวงหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแม้จะมีอาการตกใจและสับสนอยู่เล็กน้อยแต่กระนั้นก็ไม่ได้สะบัดมือผอมติดหนังกระดูกของหญิงชราออกไป
"ได้โปรดเชื่อฉันเถอะ สะเดาะเคราะห์กับฉันซักครั้งไม่ทำกระเป๋าคุณรั่วหรอก คุณคงไม่ได้เป็นคนจนขนาดนั้นหรอก ถูกไหม" หญิงชราพูดเสียงแหบจัด ขายคอร์สของหล่อนอยู่ชนิดกัดไม่ยอมปล่อย
"เอ่อ คือผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ตอนนี้ผมไม่มีเงินติดตัวเลย" เขากล่าวข้อเท็จจริงออกไปด้วยสายตาลำบากใจเพราะคริสโตเฟอร์พึ่งนำเงินไปซื้ออาหารสดไปเป็นเสบียงมานี่เอง จนเงินที่เตรียมมาไม่เหลือสักแดงด้วย
รู้อย่างงี้เขาน่านำเงินติดตัวมาเผื่อบ้าง เพื่อจะได้ช่วยหญิงแปลกหน้าคนนี้ได้อย่างน้อยสักทาง
"คิดว่าจะไปต่อโดยไม่ทำอะไรกับโชคชะตาแบบนี้.." เสียงแหบแห้งเว้นช่วงหาย กระแอมอยู่สองสามครั้งก่อนพูดต่ออย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ "คุณเชื่อว่าคนรอบตัวของคุณจะเป็นที่พึ่งได้ ไว้วางใจ เชื่อใจได้มากล่ะซิ"
"ครับ"คริสโตเฟอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะโดยตลอดมาเขาพยายามช่วยเหลือและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใครตามหลักคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า
หญิงชราหัวเราะเสียงแหบแห้งไม่ต่างจากแม่มดในตำนานกริมม์สักคนหนึ่งแม้แต่นิด คริสโตเฟอร์รู้สึกกระอักกระอ่วนใจและทำท่าจะเดินออกไปจากบทสนทนาเฮงซวยนี่ให้เร็วที่สุด แต่นักทำนายที่ดูเหมือนแม่มดซะมากกว่าหันกลับมาคว้าแขนคริสโตเฟอร์เข้าอีกรอบ
"งั้นจะให้คำเตือนฟรีๆสักคำด้วยความหวังดี...คนที่คิดว่าไว้ใจได้ อย่าไปไว้ใจเขามากนักล่ะ เข้าใจไหม?"
"ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะครับ" คริสโตเฟอร์น้อมรับด้วยท่าทีสงบ แม้ว่าจะรับฟังแต่ก็มิได้ใส่ใจนัก อย่างไรเสียสิ่งให้ควรเกิดก็ต้องเกิด เขาคิดเช่นนั้นก่อนจะเอ่ยลาอย่างนุ่มนิ่ม
บาทหลวงหนุ่มยื่นแอปเปิ้ลลูกหนึ่งให้อีกฝ่ายแต่หญิงชรากลับไม่ยอมรับสิ่งนี้ไปจากเขาและปล่อยมือออกจากแขน
หญิงชรานักทำนายไม่ตอบอะไรเพิ่มอีก มีเพียงท่าทางปวดเมื่อยทุบสันหลังบนก้นกบของหล่อน หันกลับไปนั่งเก้าอี้พลาสติกที่โดนแดดจนเน่า ไม่สนใจสิ่งรอบข้างเพียงเหม่อมองแดดจ้าในเวลาเที่ยงวัน
⌜END⌟
♠ คุยกับคนเขียนซักคำสองคำทางนี้!!!
เรื่องนี้อาจจะมีบางคนที่จบไม่สวย แล้วก็แปะในคำเตือนว่า Toxic relationship อันนี้รับได้นะคะ
: รับทราบค่ะ!! (เตรียมกดมาม่ารอ)
อยากรู้ว่าฝปค.คิดว่าตลค.ของคุณเข้ากับเพลงแบบไหนเหรอคะ? (แปะชื่อเพลงหรือแค่แนวเพลงก็ได้)
: Closure - Faime ทำนองเพลงนุ่มๆแต่ว่าเนื้อนั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดค่ะ เพลงSuperhero - Hayd ก็ชอบค่ะสื่อถึงว่าคูณพี่พยายามเป็นซูเปอร์ฮีโร่ช่วยเหลือเธอคนนั้นแต่ว่าเธอกลับขีดเส้นให้คุณคริสเป็นแค่บาทหลวงระบายทุกข์ค่ะ;-;
อันนี้แถมค่ะ Apollo-Timebelle ให้อารมณ์คลั่งรักมากเลยค่ะ เอาไว้ให้ผู้บ่าวที่ชอบท่านอพอลโลคนนี้นะคะ 5555
(อันที่แทรกให้เป็นเวอร์มีซับนะคะ จิ้มได้เลยย)
ส่วนคอมเม้นในตอนหน้า...ถ้าวิจารณ์แล้วทำให้ไม่พอใจต้องขอโทษด้วยนะคะ อย่าว่าเราเลย;_;
: ฮือ จะเตรียมใจเร้กๆของหนูให้พร้อมนะคะ ฮึบๆ
ขอบคุณที่มาสมัครค่าาา ขอให้โชคดีนะคะ<3
*เรื่องรูปต้องขอโทษด้วยนะคะ เผลอคิดถึงเรื่องจะเอาอมเมจให้มันตรงกับตลค.ก็เลยลืมน่ะค่ะ หวังว่าครั้งนี้จะใช้ได้นะคะ//ไหว้ย่อ*
ความคิดเห็น